ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( n u ' e s t ) Bad | คนเลว [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #12 : [ คนเลว :: CH - 11 ] 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 57


     






     








    Bad... คนเลว (11) 100 %

     

     

    เสียงลั่นชัตเตอร์ดังขึ้นเป็นระลอกไม่มีหยุดพักเช่นเดียวกับนายแบบแห่งวงการทั้งสองคนต่างโพสท่าอวดหุ่นสมส่วนได้รูปอยู่ริมทะเลพร้อมกับนางแบบสาวสวยอีกหนึ่งคน คอนเซปวันนี้เน้นไปในลุคชิคๆ เสื้อผ้าจึงดูสบายๆ ควักอารอนใส่กางเกงขาสั้นพับขาขึ้นมาเหนือหัวเข่ากับเสื้อโปโลสีอ่อน ชเวเร็นสวมกางเกงขายาวพับขากางเกงขึ้นมานิดหน่อยกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาจนถึงข้อศอก ส่วนนางแบบสาวอีกคนก็สวมเดรสสั้นสีหวานให้ลุคน่ารักสดใส

     

    "อารอนเดินขึ้นมานิดนึง คุณเร็นจับมือนางแบบหน่อยครับ.."

     

    อารอนทำตามตากล้องเจสันอย่างว่าง่ายพร้อมรอยยิ้มสดใส แต่ผิดกลับอีกคน วันนี้เร็นเอาแต่เหม่อต้องให้พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะรู้เรื่อง อารอนเองก็รู้ว่าเร็นแปลกไป ปกติรุ่นน้องคนนี้มักจะเต็มท่ีกับการทำงานตลอด และก็จะแขวะกัดจิกกันตลอด แต่วันนี้ไม่ใช่เลย

     

    "เร็น.."

     

    "ค.. ครับ"

     

    "พักก่อนได้ไหม"

     

    เป็นอารอนเสียงเองที่เงยหน้าถามตากล้องหนุ่มคนสนิท เจสันเหลือบสายตาไปมองหน้าชเวเร็นก็พยักหน้ารับ เอ่ยปากให้พักกองสิบห้านาที นางแบบรีบเดินไปหลบในร่มของผู้จัดการตัวเอง ส่วนอารอนก็ถือวิสาสะลากแขนนายแบบรุ่นน้องหลบไปคุยอีกมุมหนึ่งที่ไกลจากกองถ่ายพอสมควร

     

    "จะไปไหน"

     

    "วันนี้เป็นอะไร"

     

    ชเวเร็นกอดอกเบือนหน้าหนีจนอารอนต้องคว้าไหล่ให้รุ่นน้องหันมาคุยกัน

     

    "ฉันถามว่าเป็นอะไร วันนี้ดูไม่ดีเลยนะ"

     

    "เปล่า.. พี่ไม่ต้องยุ่งหรอก"

     

    "ถึงฉันกับนายจะดูไม่ค่อยถูกกัน.. แต่"

     

    "..."

     

    "ต.. แต่ฉันก็เป็นห่วงนายนะ พักนี้ดูไม่ค่อยปกติ"

     

    เป็นฝ่ายคนเป็นพี่บ้างที่ต้องหลบตา อารอนปล่อยมือทั้งสองข้างแนบลำตัว น้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันกลับก้องกังวาลในหูจองอีกคน น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจนน่าขนลุกอย่างที่ทั้งคู่ไม่เคยมีมาก่อนก็ตามเถอะ

     

    "..."

     

    "..."

     

    "พี่อารอน"

     

    "อือ ว่าไง"

     

    อารอนนิ่งเงียบ รอฟังในสิ่งที่รุ่นน้องจะพูด

     

    "ระหว่างเพื่อน.. กับคนที่พี่รักพี่จะเลือกอะไร"

     

    "ตอบยากนะ.. แต่จริงๆ นายไม่จำเป็นต้องเลือกนี่ทำในสิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ทั้งตัวนาย เพื่อน แล้วก็คนนั้นพอใจกันทั้งหมด"

     

    "..ไม่มี ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ถ้าผมเลือกเพื่อน เขาก็คงจะเกลียดผมมาก แต่ถ้าผมเลือกเขา.. เพื่อนผมก็คงจะไม่เหลืออะไรเลย"

     

    "งั้นก็ลองเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ถ้าเป็นฉันจะลองเลือกเพื่อน ถ้าเขารับไม่ได้กับสิ่งที่ตัวฉันเลือกแค่นี้เขาก็ไม่จำเป็นกับชีวิตฉันอีก ถ้าเขารักนายจริงเขาต้องรับมันให้ได้"

     

    "ถึงแม้ว่าตัวเขาก็จะเจ็บปวดด้วยน่ะเหรอ"

     

    "อืม ถ้านายกับเขาผ่านมันไปได้ ก็วางใจเถอะ"

     

    คำพูดที่ดูเหมือนง่ายราวกับปัดเศษฝุ่นผง แต่ถ้าถึงเวลาต้องทำจริงๆ คนอย่างเขาจะเข้มแข็งพอหรือ ? ฝุ่นผงที่จับตัวกันจนตกตะกอนมันก็คงจะคั่งค้างอยู่ในใจ

     

    ..เร็นควรทำแบบนั้นหรือเปล่า

     

    .. มินฮยอนจะรับมันไหวเหรอ

     

    .. ความรู้สึกของเราจะถูกมันขยำทิ้งด้วยตัวของเขาเองหรือเปล่า

     

     

    การถ่ายทำตำเป็นต้องหยุดชะงักในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย บรรยากาศริมทะเลที่เคยสดใสหม่นหมองไปในพริบตา ทีมงานต้องช่วยกันยกข้าวของเก็บเข้าในตัวอาคารของรีสอร์ทที่ใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายแบบ

     

    หลังจากเก็บของเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องพักของตัวเอง รอเวลาให้ฝนหยุดตก ดหลือแค่อารอนที่นั่งหลบอยู่ถือผ้าเช็ดตัวเอาไว้ในมือรอจนตากล้องหนุ่มวิ่งเข้ามาหลบฝนหลังจากเก็บอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายเพียงคนเดียว เจสันสะบัดผมไล่น้ำฝนที่เกาะเส้นผมอารอนเลยยื่นผ้าขนหนูไปตรงหน้าอีกคน

     

    "เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกครับ"

     

    "ขอบคุณนะ"

     

    เส้นผมสีแดงสดถูกเช็ดจนผมแห้งหมาดลู่ลงมาปิดตา เจ้าตัวเลยใช้มือเสยผมไปด้านหลังอย่างลวกๆ ไม่ได้สนใจอะไร แต่คนที่สนใจคงเป็นนายแบบอารอนเสียมากกว่า เขาเดินไปหยิบกิ๊บในกระเป๋าของใช้ของโคดี้ประจำกองถ่าย ก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้าเจสันอีกครั้ง ช้อนตามองพร้อมกดไหล่ให้อีกคนนั่งลง ใช้นิ้วสางผมม้าอีกคนให้เข้าทรงก่อนจะเสียบกิ๊บติดให้ อารอนยิ้มขำ ไม่เคยเห็นเจสันเปิดหน้าผากด้วยกิ๊บดำแบบเด็กสาวใช้ คนถูกขำจึงลุกขึ้นยืนดีดหน้าผากคนตัวเล็กไปทีนึง

     

    "ขำอะไร หืม?"

     

    "เปล่า ก็อาเฟยทำทรงนี้แล้วเหมือนเด็กผู้หญิง"

     

    "งั้นเอาออก.."

     

    "อย่านะ!"

     

    อารอนรีบดึงมือใหญ่เอาไว้ในตอนที่เจสันตั้งท่าจะดึงมันออก

     

    "ทำไมไม่ไปตัดผมล่ะ ผมยาวจนปิดตาแล้ว"

     

    "งานยุ่ง"

     

    "งั้นไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวตัดให้"

     

    "ครับ~"

     

    ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ ทุกคนเลยแยกย้ายกันเข้าห้องพักของตัวเองหลังจากได้รับคำสั่งจากบก.กองถ่าย ซึ่งการถ่ายทำจะเริ่มอีกครั้งในวันพรุ่งนี้และตารางงานของทั้งคู่นั้นก็เผื่อเวลาเอาไว้อยู่แล้ว อารอนพักห้องเดียวกับผู้จัดการส่วนตัวเช่นเดียวกับเร็นเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของไอดอล

     

    หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จอารอนจึงแอบย่องมายังห้องเจสันที่อยู่ถัดไปอีกห้องหนึ่ง เคาะประตูยืนรอให้เจ้าของห้องมาเปิดเพียงชั่วครู่จนมายืนปั้นจิ่มปั้นเจ๋ออยู่ในห้องพร้อมกับกรรไกตัดผมในมือที่ไปขอยืมโคดี้มา เขานั่งรออยู่ปลายเตียงตอนที่เจสันเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง และออกมาพี้อมกับกางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีเข้มสบายๆ ปลายผมสีแดงเพลิงเปียกไปด้วยหยดน้ำ อารอนชูกรรไกขึ้นโชว์พร้อมยิ้มแฉ่ง

     

    "อยากจะตัดผมขนาดนั้นเลยเหรอ หืม?"

     

    "มานั่งนี่"

     

    ตบเตียงปุๆ ให้อีกคนนั่งลงปลายเตียงส่วนตัวเองไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งเพื่อให้อยู่สูงกว่าจะได้ตัดได้ง่ายๆ

     

    "ตัดแหว่งจะเจอดีนะ"

     

    "ไม่แหว่งหรอกน่า นี่ใคร ควักอารอนนะ"

     

    เจสันทิ้งตัวนั่งลงปลายเตียงหันหน้าไปหาอีกคน อารอนสางผมหน้าม้ายาวๆ ให้เข้าที่ใช้กรรไกเล็มปลายผมที่ยาวออกช้าๆ เจสันมองใบหน้าขาว กลีบปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ ชื่นชมกับผลงานตัวเอง จนเขาเองก็แอบยิ้มตามไปด้วย

     

    "ผมนุ่มเหมือนกันนะเนี่ย"

     

    อารอนขยับตัวเพราะเริ่มเมื่อยที่เกร็งตัวอยู่ท่านี้นานเกินไป เขาย้ายตัวเองลงมานั่งปลายเตียงเขยิบตัวเข้าใกล้อีกคนจนได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ อารอนพยายามไม่คิดอะไรแต่ทำไมใจเขามันถึงเต้นแรงตอนที่อีกคนช้อนตามอง ทำให้เขาต้องรีบเบนสายตาหนีไปจดจ่ออยู่ที่ปลายเส้นผมสีแดง

     

    "..อารอนครับ"

     

    "ค..ครับ"

     

    แค่เสียงยังสั่นเลย เมื่อกี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยนี่นา

     

    "ผมว่าผม.."

     

    "..."

     

    "ผม.."

     

    "อ..อะไรเหรอครับ"

     

    มือหนาเลื่อนไปกุมมือเล็กเอาไว้ สายตาแน่วแน่ทำให้อารอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจผะแผ่ว เจสันจดจ้องกลีบปากบางใช้สายตาตราตรึงอีกคนไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตาจนกระทั่งสัมผัสนุ่มนวลแตะลงบนกลีบปากนั้นเบาๆ อารอนหลับตาลงปล่อยให้กรรไกล่วงลงพื้นต้อนรับสัมผัสอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยได้รับจากแบคโฮเลยสักครั้ง คนตัวสูงเริ่มรุกหนักขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ขบเม้มริมฝีปากล่างอีกคนเพื่อเปิดทางให้ลิ้นชื้นได้เข้าไปลิ้มรสชาติความหวาน มือเล็กขยำเสื้ออีกคนจนยับเกร็งจนทำตัวไม่ถูกแต่ก็ไม่อยากปฏิเสธอีกคน

     

    ตากล้องหนุ่มค่อยๆ ประคองร่างบางให้เอนหลังลงนอนราบกับเตียง เขารู้ว่ามันไม่เหมาะไม่ควรที่จะทำเรื่องแบบนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อคนตรงหน้านี้ก็เป็นคนที่เขาเผลอรักไป กลิ่นหอมหวานจากอีกคนก็ทำให้เขาควบคุมสติตัวเองไม่ได้.. อารอนก็เช่นเดียวกัน

     

    ริมฝีปากหยักเคลื่อนออกแตะสัมผัสลงบนซอกคอขาวเนียน..

     

    "ย..อย่า”

     

    คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นทันทีที่สัมผัสอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นชวนวาบหวามถลำลึกลงไป.. ความสัมพันธ์ของเขากับเจสันต้องไม่ใช่แบบนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกดีๆ ต่อกันทั้งคู่ แต่ในใจลึกๆ ของอารอนกลับมาใครอีกคนอยู่ ความรู้สึกประหลาดๆ ตีตื้นจนถึงคอ กลืนน้ำลายยังยากลำบาก จะให้มองหน้าเจสันตรงๆ ตอนนี้ก็ทำไม่ได้ ถึงแม้ว่าสายตาจากตากล้องหนุ่มจะเว้าวอนแค่ไหนก็ตาม

     

    “ผมชอบคุณ”

     

    “...”

     

    “ชอบตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน”

     

    “ค.. คุณเจสัน”

     

    “ผมรู้ว่าผมมาทีหลัง แต่ไม่มีสิทธิ์เลยเหรอครับ”

     

    “เมาเหรอครับ..อ้ะ!

     

    ร่างเพรียวบางถูกคว้าเข้าไปกอดจนแทบจะจมหายไปในอ้อมแขนนั้น ใบหูแนบกับอกกว้างได้ยินเสียงหัวใจอีกคนเต้นถี่รัวอย่างชัดเจน หัวใจของอารอนเองก็เต้นถี่ไม่แพ้กัน แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ใช่อย่างที่ได้รับจากแบคโฮ การกระทำทุกอย่างของแบคโฮส่งผลต่อความรู้สึกของอารอนมาตลอด

     

    “ให้โอกาสให้ผมได้ชอบคุณมั่งได้ไหม เปิดใจให้ผมหน่อยนะครับ”

     

    “...”

     

    “ผมไม่ใช่ผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนกับคนนั้นของคุณ แต่ผมก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อคุณนะ อารอน”

     

    “ค.. คุณเจสัน ปล่อยผมเถอะครับ”

     

    “ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อคุณยอมตกลง”

     

    อารอนนั่งนิ่งยอมให้เจสันกอดอยู่แบบเดิมบนเตียง การนิ่งเงียบคือคำตอบที่ชัดเจนสำหรับเจสัน แต่เขาก็ขอรั้นกอดเอาไว้แบบนี้ อย่างน้อยก็ได้กอด... แค่กอดก็มากเกินพอแล้ว

     

    “ผมรู้สึกดีๆ กับคุณเจสันนะ ผมรู้สึกขอบคุณเวลาที่คุณใส่ใจผม แต่อาเฟย..”

     

    “...”

     

    “รู้สึกดีกับรู้สึกชอบมันต่างกัน ผมขอโทษ..”

     

    อ้อมกอดที่พันธนาการไว้อย่างแน่นหนาถูกสะกิดด้วยคำพูดทีเดียวก็หลุดออกได้อย่างง่ายดาย อารอนลงมายืนที่ปลายเตียงเว้นระย่างระหว่างเขาเอาไว้ แววตาสั่นไหวชั่ววูบที่อารอนเห็นนัยน์ตาคู่สวยของตากล้องหนุ่ม ก่อนที่อีกคนหลับตาลงซ่อนแววตาอ่อนแอเอาไว้..

     

    “คุณรักคุณแบคโฮมากขนาดนั้นเลยเหรอ แม้แต่ผมที่คุณเพิ่งจะบอกว่ารู้สึกดีๆ ด้วยยังแทรกกลางความรู้สึกนั้นไม่ได้เลยเหรอ”

     

    “ไม่...”

     

    จะพูดว่าไม่ได้รักแบคโฮน่ะเหรอ ? แล้วมีเหตุผลอะไรล่ะที่เขาปฏิเสธความรู้สึกคนดีๆ อย่างเจสันได้ลงคอ ไม่ใช่เพราะคังแบคโฮ ผู้ชายเลวๆ ที่ดีแต่คอยทำร้ายกันหรอกหรือ ?

     

    “ผมขอโทษ.. คุณเจสัน ผมไม่ใช่คนที่ดีพอสำหรับคุณ”

     

    ไอ้ประโยคที่ว่า คุณดีเกินไป ที่ผู้ชายเลวๆ ใช้บอกเลิกกับคนรัก อารอนก็เพิ่งเข้าใจมันวันนี้

     

    ปึง

     

    อารอนเดินออกจากห้องเจสัน ทิ้งไว้เพียงแค่คำขอโทษที่เจสันไม่ได้ต้องการมันเลย..

     

    อกหักเหรอ ? อกหักอีกแล้วเหรอ ? แค่คิดว่ารักครั้งนี้จะสมหวังแต่ทำไมมันถึงจบลงง่ายๆ แบบนี้ล่ะ ? เจสันทำอะไรผิด ? ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำร้ายคนที่ตัวเองรัก ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม พรหมลิขิตนี่ใจร้ายจังเลยนะ...

     

    ให้มาเจอกัน แต่ไม่ได้ให้มารักกัน.. 










    "อือ ว่าไง"

     

    ชเวเร็นรับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิท เขาหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำออกมาสวมทับแล้วเดินหลบออกมาคุยนอกระเบียง เพราะฟังจากน้ำเสียงเพื่อนรักดูไม่ค่อยสู้ดีนัก..

     

    "แกอยู่คอนโดป่ะวะ"

     

    "เปล่า.. มาทำงานที่เชจู มีอะไร"

     

    "ด..ได้เรื่องไหม ..การประมูลน่ะ"

     

    ร่างบางสะอึกกับคำถามจากเพื่อนสนิท..

     

    "ค..คือ"

     

    "ได้ไหม !!?"

     

    คนปลายสายเผลอตวาดขึ้นมาเมื่อชเวเร็นอึกอักไม่ยอมตอบคำถามของเขาสักที ปลายกระบอกปืนขึ้นไกเรียบร้อยจ่อขมับเขาอยู่มันยิ่งห่วงตัวกลัวตาย เผลอตวาดเพื่อนสนิทคนเดียวในชีวิตที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยเลยต้องเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้.. ถ้าเขาไม่ไปพนันติดหนี้บอลเป็นแสนๆ คงไม่ต้องมีใครเดือดร้อนมากมายขนาดนี้

     

    "ขึ้นเสียงทำไม"

     

    "ตอบมาสิวะ.. ว่าได้เรื่องไหม"

     

    "จ..จงฮยอนคือฉันยัง.."

     

    "ชักช้าลีลาจังวะ!!"

     

    เสียงแหบห้าวไม่คุ้นหูดังลอดผ่านโทรศัพท์ นายแบบขมวดคิ้วแน่นไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เสียงโครมครามดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงเพื่อนสนิทที่ร้องอ้อนวอนขอชีวิต มือเล็กสั่นจนทำอะไรไม่ถูก กลัวว่าเพื่อนสนิทที่มีคนเดียวจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้.. เสียงโครมครามก็ยังดังไม่หยุด..

     

    "จงฮยอน!! จงฮยอน.. ได้ยินฉันไหม!!"

     

    "ต.. ตอบสิ.. ว่าได้เรื่องไหม"

     

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน แกโดนพวกมันทำร้ายอีกแล้วใช่ไหม??"

     

    "ถ้าฉันตาย.."

     

    "พูดบ้าอะไร! ฉันได้ข้อมูลมาแล้ว!! ไอ้บ้าเอ้ย บอกให้พวกมันหยุดทำแกได้แล้ว ฉันจะส่งข้อมูลไปให้เดี๋ยวนี้ !"

     

    "โอ้ย !!"

    “เฮ้ย จงฮยอน! ไอ้พวกบ้าอย่าทำอะไรเพื่อนฉันนะ..”

     

    “..สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าผมกำลังเรียนสายกับคุณชเวเร็น นายแบบคนดังของเกาหลีอยู่ใช่หรือเปล่านะ”

     

    เสียงปึงปังเงียบลง เสียงปลายสายก็ไม่ใช่เสียงของจงฮยอน เป็นเสียงที่ชวนให้ขนลุก คนปลายสายกดเสียงให้ต่ำลงแต่น้ำเสียงยังคงเย้ยหยันสะใจอยู่

     

    “ก.. แกเป็นใคร อย่าทำอะไรเพื่อนฉันนะ”

     

    “จำเสียงผมไม่ได้เหรอ.. คังแบคโฮไง คัง แบค โฮ.. คนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกับฮวังมินฮยอนไงครับ.. หึ”

     

    “ค.. คุณ!!

     

    “แหม ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ ไม่ต้องออกแรงอะไรมากมายก็ได้ความลับของฮวังกรุ๊ป แถมคนแทงข้างหลังยังเป็นคนรักของประธานบริษัทอีก โอ้โห.. เรื่องชักไปกันใหญ่แล้วล่ะ ชเวเร็น”

     

    “คังแบคโฮ!!

     

    “เมื่อกี้คุณบอกว่ามีข้อมูลของฮวังกรุ๊ปแล้ว ยังไงก็ช่วยส่งข้อมูลมาด้วยนะครับ ผมให้เวลาคุณสองวัน อย่าตุกติก ไม่อย่างนั้น.. โอ้ยย!! อย่า.. อย่าทำฉัน”

     

    เสียงโอดครวญนั่นเป็นของจงฮยอนยิ่งทำให้นายแบบลนลานเข้าไปใหญ่.. แต่ก็แค้นจนเผลอกำมือแน่นจนเล็บยาวจิกเข้าเนื้อ

     

    “เข้าใจตรงกันนะครับ.. อ้อ! ถ้าคุณทำตามแต่โดยดีผมมีของขวัญให้ด้วยนะ”

     

    “อะไร..”

     

    “รับรองถูกใจแน่นอนครับ”

      

    ชเวเร็นหลับตาลงสนิทสูดลมหายใจเข้าออก ก่อนจะตัดสายแล้วเดินเข้าห้องพักไปขอยืมโน๊ตบุ๊คจากผู้จัดการ เขานั่งลงบนเตียงฟูกนิ่มรอเวลาให้เปิดเครื่องเพียงไม่กี่วินาที มือสั่นๆ ก็ค่อยๆ ลากเม้าส์เข้าอีเมลของตัวเอง

     

    ในกล่องข้อความเข้าปรากฏหัวเรื่องข้อมูลอย่างชัดเจน เวลานี้เร็นไม่มีเวลามาชั่งใจอะไรทั้งสิ้น ทันทีเปิดอีเมลฉบับนั้นได้ก็กดส่งไปยังอีเมลที่ถูกส่งมาให้ผ่านข้อความโทรศัพท์ทันที.. พร้อมกับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอที่ปรากฏชื่อบีบหัวใจเขายิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น

     

    มินฮยอน

     

    "ฮ..ฮัลโหล"

     

    ชเวเร็นหลับตาเอนตัวลงนอนกับเตียงก่อนจะคว่ำหน้าซุกใบหน้าลงกับหมอนจนเสียงอู้อี้ให้อีกคนหัวเราะ

     

    "ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ"

     

    "คืนนี้ไม่กลับนะ ยังถ่ายไม่เสร็จ.."

     

    "อืม รู้แล้ว"

     

    นายแบบพยักหน้าเนือยๆ เหมือนอีกคนจะเห็นมัน

     

    "เหนื่อยจัง"

     

    "พักผ่อนสิ อย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าจะกินแต่ผัก"

     

    คนตัวเล็กพลิกตัวนอนหงาย เผลอหลุดหัวเราะออกมาในวันที่เขาพยายามจะไดเอทแต่มินฮยอนกลับห้าม..

     

    "คิดถึง.."

     

    "โอ้โห.. พูดอะไรออกมาน่ะรู้ตัวไหมคุณชเวเร็น"

     

    "รู้สิ.. อยากกอดด้วย"

     

    "นายทำฉันขนลุกนะ อ้อนเหรอ? จะเอาอะไรล่ะ"

     

    "เปล่า.. นี่ มินฮยอน"

     

    "ครับเมีย~"

     

    ชเวเร็นรู้สึกไปเองหรือเปล่า ทำไมวันนี้ฮวังมินฮยอนดูน่ารักกว่าเมื่อก่อน เพราะความรู้สึกของเราที่เปลี่ยนไปงั้นเหรอ

     

    "บ้า.. จะนอนแล้วนะ"

     

    "ครับ.. พรุ่งนี้จะรีบกลับบ้านไปรอรับที่บ้านนะ"

     

    "อ..อือ จะรีบกลับนะ"

     

    "ไปนอนได้แล้ว"

     

    "อื้อ.. ฝันดีนะ"

     

    "ฝันดีครั...”

     

    “ม..มินฮยอน เดี๋ยวก่อน”

     

    “การประมูลของบริษัทนายนั่น.. สำคัญมากไหม?”

     

    “..ถามทำไม ไม่เกี่ยวกับนายซะหน่อย ไปนอนเถอะ”

     

    “ตอบสิ.. เห็นนายดูเครียดๆ แค่.. เป็นห่วง”

     

    “สำคัญสิ.. แต่นายสำคัญกว่า”

     

    “บ.. บ้า จะนอนแล้วนะ”

     

    “ครับ ฝันดีล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”

     

    “อื้อ ฝันดี”

     

    ตึ่ง~

     

    ชเวเร็นลุกขึ้นเมื่อเสียงเตือนดังขึ้น การส่งอีเมลล์เสร็จเรียบร้อย..

     

     

    จะต้องเขียนคำขอโทษสักกี่พันคำ

     

    เพื่อไถ่โทษในความผิด.. ที่ไม่มีทางเลือก

     

    ดวงตากลมโตวาวโรจน์อีกครั้งด้วยความโกรธแค้น มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ไม่รู้ว่าคังแบคโฮไปเรียนรู้วิธีการยั่วโมโหคนมาจากที่ไหน แต่มันใช้ได้ผลดีกับชเวเร็นคนนี้เสียเหลือเกินหลังจากได้รับข้อความทางโทรศัพท์ ข้อความแรกที่ถูกส่งมาเป็นรูปภาพหนึ่งรูป ดูเหมือนจะเป็นรูปแอบถ่ายในสตูดิโอที่เขาไปถ่ายงานให้กับห้องเสื้อ K.Story ที่มีแบคโฮเป็นทั้งผู้ถือหุ้นและนายแบบจำเป็นในวันนั้น..

     

    เป็นรูปที่ใช้มุมกล้อง.. ถ้ามองผ่านๆ ก็คงตีความว่าเขากับแบคโฮอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงในวันนั้นเร็นเองก็รักษาระยะห่างมาตลอดตั้งแต่รู้เจตนาของผู้ร้ายคนนี้..

     

    และข้อความที่สองก็ถูกส่งมาอีกครั้งในระยะเวลาห่างกันเพียงแค่สองนาที..

     

    ถ้ามินฮยอนเห็นรูปนี้พร้อมนักข่าว.. คุณว่ามันจะเป็นไง คงสนุกพิลึกนะครับ







     

     # ฟิ ค ค น เ ล ว 

    เรามาไกลเท่านี้ก็ดีเหลือเกิน.. ขอบใจนะที่เคยมีกัน
    มันถึงเวลายอมรับความจริงเสียที...
    ..........................................................................................................

    22.08
     เก็บตังค์รอเลยนะ จะรวมเล่มแล้วล่ะ ^^ 

     CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×