คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : :: CH. 10 “ไม่ ผมไม่ทำแน่นอน” ::
10
‘มินกิ! หกโมงเย็น เจอกันที่ปูซานทาวเวอร์
โอเคนะ กูมีอะไรจะให้มึงดู ^^ - มินฮยอน’
ดูอะไรของมึงวะ ลีลาไม่บอกมาให้หมดๆ โว๊ะ!
“ยิ้มอะไรน่ะมินกิ ในโทรศัพท์มันมีอะไรฮะ? ไหนเอามาดูสิ” คุณนายชเววางช้อนในมือแล้วยื่นมือไปฉวยโทรศัพท์ของลูกชายมาดู แต่มีหรอที่มินกิจะให้ดูง่ายๆ น่ะ
“อะไรของแม่เนี่ย โทรศัพท์ผมนะ”
“โทรศัพท์แก แล้วเงินที่ซื้อมันเงินใคร เอามาให้ดูหน่อยน่า”
“เฮ้ยไม่ให้ แม่อย่าแย่งงงงงงง TT”
คุณนายชเวลุกขึ้นยืนดึงมือมินกิมา จนเอาโทรศัพท์มาได้สำเร็จ เธอกดเปิดดูโทรศัพท์ของลูกชายตัวเอง แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไร เพราะมันกดปิดไปแล้วน่ะสิ !! ไอ้ลูกคนนี้ ขอแม่ดูนิดดูหน่อยก็ไม่ได้
“ไม่เห็นมีอะไร”
“ก็ไม่มีอะไรไงครับ เอาโทรศัพท์ผมคืนมาเลย”
“แค่นี้ก็ต้องหวง...”
ออด~
“ใครมาน่ะ..”
ต๋อม~
อ่า… คุณแม่ผู้บังเกิดเกล้าครับ !! TT
ตอนที่คุณนายชเวส่งโทรศัพท์คืนให้มินกิเสียงออดก็ดังขึ้นมาซะก่อน เธอเลยหันไปมองนอกกระจก และลืมสนใจโทรศัพท์เครื่องน้อยๆ ของลูกชาย... ปล่อยมันตกลงสู่ก้นบึ้งชามแกงกิมจิไปเรียบร้อย
“แม่!!!!!”
“อุตะ! มันตกลงไปได้ไงน่ะลูก”
มินกิรีบใช้ช้อนกับตะเกียบคีบสมาร์ทโฟนสุดหรูขึ้นมาไว้อาลัย ต้องเอาไปล้างน้ำเปล่าก่อนไหมลูกรัก ลองกดปุ่มปลดล็อคหน้าจอ...
มืดสนิท!!
ไว้อาลัยก่อนนะครับ TT
“แม่อ่ะ TT”
“แม่ขอโทษจ้ะลูกรักของแม่” คุณนายชเวลูบหัวลูกรักเบาๆ แล้วหันไปกดปลดล็อคประตูหน้าบ้านให้ยูซังเข้ามา ยูซังเข้ามาในบ้านเห็นมินกิกำลังนั่งจ้องโทรศัพท์ตัวเองด้วยสีหน้าที่แย่ยิ่งกว่าตอนเบ่งขี้ซะอีก
“มินกิเป็นอะไร”
“...”
“มินกิ!!”
“ดูโทรศัพท์กูสิ”
โทรศัพท์ที่มีทั้งผักกาด พริก และน้ำแกงสีแดงติดอยู่ที่เครื่อง ยูซังรู้ทันทีโดยไม่ต้องถาม แต่ที่อยากรู้คือ...
“มึงไม่มีอะไรทำเหรอถึงเอาโทรศัพท์ไปจุ่มแกงเล่น”
“กูทำเหรอ กูทำที่ไหนล่ะ เธอคนนั้นต่างหาก TT” มินกิชี้ไปที่แม่ของตัวเองที่แอบหนีเข้าครัวไปแล้วเรียบร้อย แม่นะแม่ แล้วผมจะเอาโทรศัพท์ที่ไหนใช้ล่ะ
“ฮ่าๆๆ เอาไปซ่อมดิ ถ้าไปตอนนี้ก็คงจะซ่อมได้อยู่”
“พนักงานคงเขวี้ยงใส่หน้ากูสิ”
“เออน่า จะไปไหม เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”
“ไปสิ ไปเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่กูกำลังจะตายเพราะไม่มีโทรศัพท์ใช้”
“ดิฉันไม่แน่ใจว่าจะสามารถซ่อมได้หรือเปล่า ยังไงก็มารับเครื่องอาทิตย์หน้านะคะ”
พนักงานสาวรับโทรศัพท์ของเร็นไปและยิ้มหวานให้ แต่ไอ้เจ้าของโทรศัพท์นั่นไม่มีอารมณ์มายิ้มตอบแล้วล่ะ อาทิตย์หน้า ตายห่าเถอะครับ! แล้วระหว่างนั้นเร็นจะทำยังไงจะติดต่อกับคนอื่นๆ ยังไง ขาดโทรศัพท์ก็เหมือนโดนตัดแขนทิ้งเลยนะ!
“อาทิตย์หน้าเลยเหรอครับ! คุณพนักงานช่วยซ่อมให้ผมตอนนี้เลยไม่ได้เหรอครับ เดี๋ยวผมนั่งรอ TT”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้ช่างซ่อมลาไปพักร้อนไปเฝ้าภรรยาที่เพิ่งคลอดลูก ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ อาทิตย์หน้าค่อยมารับของนะคะ”
“ขอร้องนะครับบ TT”
“พอเถอะมึง แค่อาทิตย์เดียวเอง ไม่ตายหรอกน่า”
“เฮ้อ แม่นะแม่ จริงๆ เลย”
“ไปเถอะ ไปนั่งจิบกาแฟที่ร้านแม่กูสักพัก เพื่อมึงจะเลิกหงุดหงิด”
“ฟรีใช่มะ?”
“เออ ฟรี!”
ยูซังพาเร็นขึ้นลิฟต์มายังชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของห้างแห่งนี้ในปูซาน มันไม่ง่ายเลยที่จะมีร้านกาแฟหรูๆ ในห้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในปูซานแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรวย ใช่ ครอบครัวของยูซังรวยถึงรวยมาก แต่ไม่ถึงกับมหาเศรษฐีหรอกนะ
ยูซังเดินเข้าไปในร้านพนักงานต่างก้มหัวให้เขา พนักงานคนไหมไม่รู้จักยูซังนี่ไม่สมควรเป็นพนักงานอีกต่อไป ลูกชายคนเดียวของเจ้าของร้าน ทั้งหล่อและสุภาพบุรุษขนาดนี้ ทั้งคู่เดินไปนั่งมุมร้านในสุด เพราะเป็นที่ๆ เงียบสงบที่สุดแล้ว บริกรสาวคนหนึ่งเดินเข้ามารับออร์เดอร์จากเขา
“สวัสดีค่ะคุณยูซัง”
“สวัสดีครับ ผมขอมอคค่าเย็นนะครับ”
“งั้นผมเอาลาเต้ปั่น”
“รอสักครู่นะคะ”
“คุณแม่ไปไหนล่ะ”
“คุณผู้หญิงออกไปตลาดน่ะค่ะ บอกว่าจะไปลองชิมกาแฟร้านอื่นๆ แล้วก็หาสูตรกาแฟใหม่ๆ อีกสักพักน่าจะกลับแล้ว คุณยูซังจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ?”
“ไม่ล่ะครับ ถ้าคุณแม่มาแล้วช่วยบอกผมด้วยนะ”
“ค่ะ” บริกรสาวยิ้มรับ เดินกลับเข้าไปหลังร้าน และเริ่มกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนๆ พนักงานด้วยกัน
“มึงนี่ฮอตเนอะ”
“ฮ่าๆ เป็นธรรมดา ก็กูหล่อนี่”
“เดี๋ยวกูมานะ”
“ไปไหน”
“รำคาญคนหล่อ”
เร็นลุกขึ้นไปห้องน้ำ ไม่นานนักกาแฟเย็นๆ ของทั้งคู่ก็ถูกยกมาเสิร์ฟโดยบริกรสาวคนเดิม ทั้งคู่จิบกาแฟไปเรื่อยๆ และพูดคุยกันตามประสาเด็กปูซาน ที่ย้อนรำลึกถึงวัยหลัง และแน่นอนว่าคนที่ถูกรื้อความทรงจำที่น่ากลัวเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเร็น
“มึงเคยตดในห้อง ตอนกำลังสอบคณิต กูจำได้”
“ตดพ่อมึงอะ ยูซัง กูเขยิบตูดเว้ย และแม่งเสือกสีกับเก้าอี้”
“มึงอย่ามาปฏิเสธ มีกลิ่นด้วย”
“ไม่ใช่กลิ่นตดกู กลิ่นปากไอ้ลู่หานต่างหาก”
“กลิ่นตดมึง”
“ไอ้เหี้ย กูไม่ได้ตด!”
“ตด”
“กูเปล่า!!”
“มึง...”
“คุณยูซัง! คุณยูซังคะ!!” บริกรสาวคนเดิมวิ่งมาหายูซังที่โต๊ะด้วยสีหน้าตื่นๆ พร้อมกับโทรศัพท์ในมือ เขาหยุดการสนทนากับเร็นและหันไปสนใจเธอแทน
“ครับ มีอะไรเหรอ”
“คุณผู้หญิง.. คุณผู้หญิงเป็นลมอยู่ที่ตลาดค่ะ ตอนนี้ถึงโรงพยาบาลแล้วค่ะ!”
“คุณ.. พูดว่าอะไรนะครับ”
“รีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ” ยูซังรุดออกจากโต๊ะ และรีบไปยังโรงพยาบาลตามที่บริกรสาวคนนั้นบอกมา เร็นที่อดเป็นห่วงแม่ของยูซังไม่ได้ก็วิ่งตามมาติดๆ โชคดีที่เขารีบกระโดดขึ้นรถแท็กซี่ได้ทันยูซัง คิ้วที่ขมวดเข้าหากันทำให้เร็นรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนของเขากำลังกังวลมากแค่ไหน เขาเอื้อมมือไปตบบ่ายูซังเบาๆ เป็นการปลอบ แต่ยูซังกลับดึงมือเร็นไปจับไว้ซะแน่น
ทันที่รถแท็กซี่มาจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล ทั้งสองคนรีบวิ่งไปที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อถามข้อมูล และรีบวิ่งไปยังห้องผู้ป่วยที่แม่ของเขานอนพักฟื้นอยู่ ยูซังหยุดยืนอยู่หน้าประตูมองผ่านช่องเล็กๆ ที่แม่ของเขากำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
“ใจเย็นๆ ยูซัง แม่มึงท่านไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่เป็นลมเอง”
“แต่กูก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่ะ”
“เข้าไปหาท่านสิ”
“อืม”
ยูซํงกำลังจะเปิดประตูเข้าไปแต่กลับถูกเสียงผู้ชายวัยกลางคนเรียกเอาไว้ พอหันไปดู เสื้อกราวน์สีขาวพร้อมกับพยาบาลผู้หญฺงที่ยืนอยู่ข้างไ ทำให้รู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นหมอ
“ขอโทษนะครับ คุณเป็นญาติกับคุณชิมใช่ไหม”
“ครับ ผมเป็นลูกชายของเขา”
“งั้นเชิญทางนี้หน่อยครับ”
ยูซังหันไปสบตากับเร็น เร็นเลยบีบมือยูซังเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ สีหน้าและแววตาที่เป็นกังวลของคุณหมอทำให้ทั้งคู่กังวลตามไปด้วย
“เร็น มึงอยู่นี่แหละ ฝากแม่ด้วย เดี๋ยวกูมา”
“อืม มึงไปเถอะ”
หลังจากที่ยูซังไป เร็นก็ผลักประตูเดินเข้าไปในห้อง แม่ของยูซังยังคงหลับ เขาเลยเดินไปปรับฮีตเตอร์ให้อุณหภูมิในห้องได้อุ่นขึ้น และกระชับผ้าห่มขึ้นมาถึงหน้าอกของเธอ การเคลื่อนไหวของเร็นในห้องทำให้แม่ของยูซังค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา
“นั่น.. เร็นเหรอลูก”
“อ๊ะ คุณน้า ตื่นแล้วเหรอครับ ดื่มน้ำหน่อยนะฮะ” เร็นรินน้ำส่งให้เธอดื่ม
“ขอบใจจ้ะ แล้วนี่ยูซังไปไหนล่ะ เมื่อเช้าน้าว่าน้าให้เจ้านั่นเอาขนมไปให้เรานะ”
“เมื่อกี้คุณหมอเรียกยูซังไปคุยเรื่องคุณน้าน่ะครับ เดี๋ยวก็คงมา”
“อ่อจ้ะ ขอบใจมากนะที่มาเยี่ยมน้า”
“คุณน้าก็เหมือนแม่ผมแหละครับ พักผ่อนเถอะครับ ร่างกายจะได้แข็งแรง ฟิตปั๋งแบบผมไง ^^”
“จ้า”
“เอ้อ คุณน้าอยากได้อะไรไหม เดี๋ยวผมไปหามาให้ หิวหรือเปล่าครับ”
“ยังหรอก ตอนนี้น้าอยากเจอยูซังมากกว่า ถ้าเจ้านั่นมาปลุกน้าด้วยนะ”
“ครับผม ^^”
++++++++++++++++++++++++
“ว่าไงมึง”
“นี่มึงยังอยู่ปูซานป่ะวะ”
“เออดิ ทำไม”
“เปล่า กูแค่จะโทรมาอวดมึง ว่าตอนนี้พวกกูอยู่ที่คยองกี~”
“ฮะ? มึงกับแบคโฮน่ะเหรอ”
“เออ พี่อารอนด้วย อยู่ที่บ้านเพื่อนพี่อารอน น่ารักชิบหาย”
“ฮ่าๆ เอามาเผื่อกูคนนึง”
“มีคนเดียว่ะ 55555 แล้วนี่มึงอยู่บ้านเหรอ”
“เปล่า อยู่ปูซานทาวน์เวอร์”
“ไปทำไรวะ”
“มารอมินกิ กูนัดมันหกโมง ป่านนี้แม่งยังไม่โผล่หัวมาเลย”
“มันทิ้งมึงแล้ว!”
“พ่อง! แค่นี้ก่อนนะเจอาร์ กูจะโทรหามินกิ เที่ยวให้สนุกล่ะ”
“เออๆ วางก็ได้วะ บาย”
มินฮยอนวางสายจากเจอาร์ และลองโทรหาเร็นอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม เป็นแบบนี้มาร่วมสองชั่วโมงได้แล้ว
‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาฝากข้อความหลังเสียงสัญญาน..’
“มินกิ.. มึงอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ชอบรับสาย กูนั่งรอมึงอยู่ที่ร้านอาหารชั้นบนสุด รีบมาได้แล้ว”
เฮ้อ หรือบางทีเร็นอาจจะแก้แค้นคืนเขาที่คราวที่แล้วเขาปล่อยให้เร็นนั่งรอ.. ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ไอ้นี่ยิ่งชอบกวนตีนอยู่ด้วย แต่อย่าเพิ่งมาแกล้งตอนนี้ได้ไหมล่ะ กูรอมึงมานานมากแล้วนะ และกูก็มีของจะให้มึงด้วย..
มินฮยอนหยิบกล่องที่ใส่ของมาให้เร็นขึ้นมาดู เขาเปิดกล่องและค่อยๆ หยิบกำไรข้อมือขึ้นมา กำไรที่มีอักษรย่อของทั้งคู่ประดับอยู่ด้วย
‘MR’
มาจากมินฮยอนกับเร็น...
“รีบๆ มาเอามันไปได้แล้วมินกิ”
+++++++++++++++++++
“เร็นกลับเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งที่บ้านเอง”
“ไม่เป็นไร มึงเฝ้าคุณน้าเถอะ กูกลับเองได้”
“ไม่ต้องหรอก ให้ยูซังไปส่งน่ะดีแล้ว นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ” แม่ช่วยพูดเสริมให้
“แต่...”
“ไป แม่เดี๋ยวผมมานะ” ยูซังดันหลังให้เร็นเดินออกจากห้อง และพาเดินออกไปจากโรงพยาบาลเพื่อเรียกรถแท็กซี่กลับไปยังหมู่บ้านของเร็น สีหน้าที่เป็นกังวลของยูซังมันฉายชัดออกมาจนเร็นสังเกตได้ตั้งแต่เขากลับมาจากการพูดคุยกับหมอ
“ยูซัง คุณน้าเป็นอะไร”
“...”
“ยูซัง กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ มีอะไรมึงก็เล่าให้กูฟังตลอด แล้วนี่เรื่องของแม่มึง จะไม่เล่าให้กูฟังหน่อยหรือไง”
“....”
“เฮ้อ”
“แม่กู.. เป็นเนื้องอกในสมอง”
“แล้ว.. เป็นอะไรมากไหม”
“ต้องผ่าตัดมันออก ไม่งั้น..”
ความอดทนที่เขาอดกลั้นมันไว้มานาน แต่ตอนนี้กลับเก็บไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ความอ่อนแอของยูซังที่มีมากเหลือเกินจนต้องระบายมันออกมาด้วยน้ำตา.. น้ำตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมันบ่อยนัก
เร็นกอดปลอบยูซังอยู่ที่หน้าบ้านตัวเอง ไม่มีทีท่าว่าเพื่อนของเขาคนนี้จะหยุดร้องไห้ง่ายๆ เลย แต่ก็นะ เรื่องแบบนี้ ใครมันจะไปคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นล่ะจริงไหม
“ไม่เป็นไร คุณน้าต้องไม่เป็นอะไร มึงอย่าร้องเลย”
“กูกลัว.. กูกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป”
“มึงต้องเข้มแข็งนะเว้ย มึงต้องเป็นคนคอยดูแลแม่”
“กูจะพยายาม...”
“มึงรีบกลับไปเฝ้าแม่เถอะ” เร็นโบกแท็กซี่ให้ยูซัง พอเขาขึ้นรถไปเร็นก็กำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่อยู่ดีๆ เขากลับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก และก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง
สี่ทุ่มยี่สิบสาม...
ชิบหายแล้วอีเร็น!
“จะรีบไปไหนล่ะ” เร็นกำลังจะออกวิ่งไปเรียกแท็กซี่อีกครั้ง กลับยืนหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม เมื่อเสียงกับร่างที่คุ้นเคยเดินออกจากหลังเสาไฟฟ้าต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มินฮยอนยืนอยู่ตรงนี้ อาจจะนานแล้ว หรือเพิ่งเมื่อกี้
“มินฮยอน! ทำไมมึงอยู่ที่นี่”
“กูต่างหากที่ต้องถามว่าทำไมมึงอยู่ที่นี่”
“คือ.. กู”
“กูโทรหามึงก็ปิดเครื่อง จนกูนั่งรอไม่ไหว เลยกลับมาหามึงที่บ้าน เพราะกลัวว่ามึงจะเป็นอะไร.. แต่สิ่งที่กูเห็นดูเหมือนมึงจะสบายดี”
“มินฮยอน มันไม่ใช่แบบที่มึงกำลังคิดนะ”
“รู้เหรอว่ากูกำลังคิดอะไร ... แล้วรู้มั่งไหมว่ากูนั่งรอมึงนานแค่ไหน แต่มึงกลับมากอดกับผู้ชายคนอื่น ทิ้งให้กูรออยู่คนเดียว! มินกิ มึงอย่าทำให้กูกลายเป็นคนโง่ได้ไหม อย่าทำกับกูแบบนี้ อย่าทำ!!”
เพียะ!
“มึง.. ตบหน้ากู”
“หุบปากแล้วฟังกูได้ไหม!” หลังจากที่แรงเหวี่ยงฝ่ามือกระทบเข้าที่หน้าอีกคนอย่างจัง เร็นก็อึ้งไปอยู่เหมือนกัน เขาไม่ได้ตั้งใจจะตบหน้ามินฮยอนแรงขนาดนี้ ที่แก้มขาวๆ นั่นเริ่มแดงขึ้นตามรอยนิ้วมือที่ประทับลงไป
“ฟังมึงแก้ตัวน่ะเหรอ”
“กูไม่ได้แก้ตัว! ถ้ามึงงี่เง่าแบบนี้ก็กลับไปเถอะ เอาไว้อารมณ์ดีๆ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
“ไล่กูเพื่อที่มึงจะได้รีบไปหาไอ้เวรนั่นใช่ไหมล่ะ” มินฮยอนตรงเข้าไปจับแขนทั้งสองข้างของเร็นเอาไว้ แล้วออกแรงบีบที่ต้นแขนแรงๆ
“ปล่อยกู กูเจ็บ!”
“ตอบมาสิ!!”
“กูเจ็บนะ!!” คนตัวเล็กออกแรงผลักมินฮยอนออกจากตัวได้สำเร็จ
“กูจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก มินกิ”
“…”
“...”
ทั้งคู่จ้องตากันนิ่ง ไร้ซึ่งเสียงสนทนา บางทีเร็นก็เหนื่อยเหมือนกันที่ต้องมาคอยแคร์ความรู้สึกของคนๆ นึงที่เริ่มทำหน้าที่เกินเพื่อนมากขึ้นทุกๆ วัน ส่วนมินฮยอนก็เหนื่อยที่จะต้องคอยเป็นห่วงเป็นใยคนตัวเล็ก ที่คิดว่าตัวเองเก่ง แต่จริงๆ แล้วอ่อนแอเป็นไหนๆ การที่หยุดความสัมพันธ์ มันคงเป็นทางเลือกที่ดี !
มินฮยอนหมุนตัวกลับและเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมา ส่วนเร็นที่อดกลั้นมานาน น้ำตาหยดแรกก็ไหลลงอาบแก้ม เขาใช้หลังมือเช็ดออกอย่างลวก ไม่เข้าใจว่าจะร้องไห้ทำไม ร้องไห้ให้กับไอ้คนเฮงซวยแบบนี้
“ไปเลย! จะไปไหนก็ไปเลย ไอ้บ้าเอ๊ย!”
เช้าวันรุ่งขึ้น...
“มินกิ! ลงมากินข้าได้แล้ว”
“ผมไม่หิวครับ”
“ไอ้เด็กคนนี้มันยังไงฮะ? ปกติไม่เคยพลาดสักมื้อเลยนะ ลงมาได้แล้ว”
“แม่... แม่กินไปก่อนเลยครับ”
‘ไล่กูเพื่อที่มึงจะได้รีบไปหาไอ้เวรนั่นใช่ไหมล่ะ’
กูไม่อยากไล่มึงเลย..
‘กูจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก มินกิ’
บ้าเอ้ย นี่กูร้องไห้อีกแล้วเหรอ... มินฮยอน เพราะมึงเลย เพราะมึงแท้ๆ เลย
คนแม่เมื่อเรียกลูกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลงมาเลยขึ้นไปตามบนห้อง เธอแง้มประตูห้องของลูกชายตัวเองเพื่อที่จะเข้าไปตาม แต่เสียงสะอื้นร้องไห้ของเร็นทำให้เธอหยุดขาอยู่แค่นั้น
“ไอ้คนบ้า..”
“มินกิ”
“มะ.. แม่”
“ร้องไห้ทำไมน่ะ หื้ม?” คนเป็นแม่เดินเข้าไปนั่งที่ปลายเตียง แล้วลูบผมสีทองของลูกชายเบาๆ เร็นพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่พอเจอแม่ปุ๊บ น้ำตาที่พยายามกลั้นก็กลั้นเอาไว้ไม่ไหว มันกลับยิ่งไหลออกมามากกว่าเดิมเสียอีก
“เปล่า... เปล่าครับ”
“ทะเลาะกับใครมาล่ะ ยูซังเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ”
“แล้วใครล่ะ... มินฮยอน?”
“...” เมื่อแม่พูดจี้ใจดำ เร็นก็หันหน้าหนีไปอีกทาง ทำให้คุณนายชเวรู้โดยทันทีว่าลูกชายของตัวเองกำลังมีปัญหากับมินฮยอน คงไม่ใช่แค่รูมเมทธรรมดาแล้วล่ะแบบนี้
“ทะเลาะกับเขาได้ยังไงล่ะ เล่าให้แม่ฟังหน่อย”
“... เมื่อวานมินฮยอนนัดผมไว้ที่ปูซานทาวน์เวอร์ แต่ผมเอาโทรศัพท์ไปซ่อมกับยูซังไงครับ แล้วทีนี้แม่ของยูซังเขาเป็นลมหมดสติเราเลยรีบตามไปที่โรงพยาบาล แม่ยูซังเป็นเนื้องอกน่ะครับ เห็นยูซังกำลังเสียใจผมก็เลยอยู่เป็นเพื่อนมัน ผมเลยไปไม่ทันนัดมินฮยอน...”
“แค่นี้?”
“เอ่อ..”
“ว่ามา”
“ผม.. กอดปลอบยูซังอยู่หน้าบ้านเรา แล้วมินฮยอนมันมาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันเลยเห็นผมกอดกับยูซัง แล้วมันก็โกรธผม... แม่! มันงี่เง่ามากกว่าที่ผมคิดซะอีก”
“แกกับมินฮยอน... เกินคำว่าเพื่อนกับรูมเมทใช่ไหม?”
“เอ่อ.. คือ”
“ใช่ไหม”
“มากกว่าเพื่อน.. แต่.. แต่ไม่ใช่แฟนนะ เราไม่ได้เดทกันนะครับ!”
“ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย แกนั่นแหละที่งี่เง่า ทำไมไม่ไปตามตื้อมินฮยอนเขาฮะ? แกนั่นแหละที่ผิด”
“อ้าว ทำไมว่าผมล่ะ”
“จะไม่ให้ว่าได้ไงล่ะ แกไปยืนแรดกอดกับผู้ชายคนอื่น ฉันเป็นแฟนแกฉันก็โกรธ”
“แม่! มินฮยอนมันไม่ใช่แฟนผมนะ!!”
“ไม่ใช่เดี๋ยวก็ใช่ กลับโซลไป.. ไม่สิ ตอนนี้เลย! ไปง้อเขาแล้วก็อธิบายทุกอย่างซะ”
“แม่! เรื่องอะไรผมจะทำ”
“เดี๋ยวแกก็ทำ”
“ไม่ ผมไม่ทำแน่นอน”
.............................................
Talking*
ตอนนี้ดราม่าสาดกระจาย 5555
เพราะหนูเองก็ดราม่า ทำข้อสอบไม่ได้ เย้~
ตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว จะมาอัพต่อให้เรื่อยๆ เหมือนเดิมนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่า ♥
ปย๊ง ~
♥
ความคิดเห็น