คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [ คนเลว :: CH - 9 ] 100 %
เสียงยวบยาบของเตียงปลุกให้ใครอีกคนค่อยๆ ตื่นมารับรู้ จมูกโด่งกดลงสูดความหอมจากพวงแก้มขาวของคนตัวเล็กในตอนเช้า ชเวเร็นกำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ใช้แขนยาวของมินฮยอนหนุนแทนหมอนอย่างสุขสบายทั้งคืนโดยไม่รู้ว่าเช้านี้แขนข้างนั้นเมื่อยไปหมด แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับมินฮยอน แค่คนที่เขารักนอนหลับสบายก็ดีแล้ว ท่านประธานขยับวางศีรษะคนตัวเล็กให้หนุนหมอนก่อนจะดึงแขนออกมา ลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
หลังจากเสียงประตูห้องน้ำปิดลงเปลือกตาสีสวยก็ค่อยลืมขึ้นช้าๆ นอนนิ่งอยู่ท่าเดิมเพียงชั่วนาทีเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของห้องจะไม่ออกมาจากห้องน้ำแล้ว จึงค่อยๆ ลงจากเตียงเดินไปเปิดแล็ปท๊อปเป็นอันดับแรก และเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบกรอบรูปครอบครัวของมินฮยอนออกมา ภาพกับตัวเลขที่เขียนด้วยปากกาเคมียังคงชัดเจนเหมือนเหมือนวันนั้นที่นายแบบมาเจอ
'1997. 10. 15'
ตัวเลขเหล่านั้นถูกกรอกใส่ในช่องรหัสผ่านทันที ชเวเร็นยกยิ้มทันทีที่ปรากฏหน้าเดสท็อป เขารีบนั่งลงกับเก้าอี้แล้วลากเม้าส์เข้าไปยังโฟลเดอร์ข้อมูลทันที ไฟล์ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทฮวังกรุ๊ปมีมากจนตาลายแต่ถึงอย่างนั้นชเวเร็นก็ไม่ยอมแพ้ ไล่สายตาอย่างรวดเร็วเปิดเข้าออกตรวจดูจนกระทั่งสะดุดกับโฟลเดอร์หนึ่ง...
‘การประมูลร่วมหุ้น’
ภายในไฟล์ข้อมูลนั้นมีทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่รายชื่อบริษัทที่จะเข้าร่วมประมูล รายชื่อกรรมการร่วมภายในงาน เอกสารต่างๆ ที่กำกับได้อย่างดีว่าบริษัทฮวังกรุ๊ปนั้นมีแผนการที่จะทำอย่างไรให้ชนะการประมูล เร็นไม่มีเวลามานั่งอ่านจึงรีบเปิดอีเมล์แล้วส่งไฟล์นั้นเข้าอีเมล์ตัวเองทันที แต่ด้วยความที่ไฟล์เยอะจึงใช้เวลาโหลดนานพอสมควร...
กึก ..
ชเวเร็นถือกรอบรูปไว้ในมือ แต่จู่ๆ เสียงน้ำจากฝักบัวก็เงียบลงพร้อมกับเสียงกุกกักจากประตูห้องน้ำทำให้เขาต้องรีบเก็บกรอบรูปใส่ไว้ในลิ้นชัก แต่ยังไม่ทันเดินไปปิดแล็ปท๊อปเจ้าของห้องดันเปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำเสียก่อน ความซวยมาเยือนมาเยือนทันที เพราะมินฮยอนเห็นว่าชเวเร็นยืนหัวโด่กลางห้อง และตำแหน่งของโต๊ะทำงานที่มีแล็ปท๊อปเปิดค้างไว้ก็อยู่ห่างจากที่มินฮยอนยืนไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ !
"ตื่นแล้วเหรอ.."
วิธีนี้น่าจะดีที่สุด.. หรือเปล่า ? นายแบบสาวเท้าเดินดุ่มๆ เข้าไปหาท่านประธานที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำหมาดๆ เนื้อตัวยังไม่ทันจะได้แต่งตัวให้เรียบร้อยดีชเวเร็นก็เดินไปโน้มคอร่างสูงลงมาประกบริมฝีปาก มินฮยอนตกใจที่จู่ๆ คนตัวเล็กก็เดินเข้ามาหาก่อนแบบนี้ แต่ก็ไม่ว่าอะไร โยนผ้าขนหนูเช็ดผมลงพื้นแล้วเลื่อนมือลงมาโอบรอบเอวบางแทน เช้านี้ชเวเร็นเป็นคนเดินเกมใช้ฟันขาวกัดลงเบาๆ บนริมฝีปากอีกคนรุกล้ำลิ้นชื้นเข้าไปก่อน แต่ก็นำเกมอยู่ได้ไม่นานก็ถูกต้อนให้ยืนพิงผนังห้อง เรียวลิ้นเล็กถูกดันกลับและในโพรงปากหวานนั้นก็ถูกแทนด้วยลิ้นหนากวาดชิมพร้อมกับมือใหญ่สอดเข้าใต้สาบเสื้อสัมผัสผิวเรียบเนียน คนตัวเล็กแอบหรี่ตาขึ้นมาดู มินฮยอนกำลังมัวเมาอยู่กับริมฝีปากเขาอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายจนเขาเองก็ระทวยจนไม่มีแรงจะยืนอยู่แล้ว ชเวเร็นทำใจแข็งก่อนที่จะเผลอไผลไปมากกว่านี้ ค่อยๆ ดันไหล่กว้างและเดินไล่ต้อนคนตัวสูงจนใกล้กับตำแหน่งโต๊ะทำงาน ชเวเร็นผละริมฝีปากออกมาหายใจเพียงชั่วครู่แล้วทาบทับริมฝีปากลงไปใหม่อีกครั้ง หมุนองศาเพื่อให้ตัวเขาเองชิดกับโต๊ะทำงาน ร่างสูงไม่ได้แปลกใจอะไร หนำซ้ำยังอุ้มคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงานเองอีกเสียด้วย นายแบบแสร้งยิ้มเขินอาย แต่มืออีกข้างกลับเอื้อมไปข้างหลังเพื่อปิดพับแล็ปท๊อปให้กลับสู่สภาพเดิม
“อ.. อื้อ จะแปดโมงแล้วนะครับ”
ใช้แขนเล็กดันหน้าอกคนตัวสูงเอาไว้
“แล้วใครเริ่ม ?”
“เปล่าสักหน่อย..”
โดดลงจากโต๊ะทำงานแล้วดันหลังอีกคนให้ไปยืนหน้าตู้เสื้อผ้า นายแบบเปิดตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่หยิบเสื้อเชิ้ตสีเข้มมาถือไว้ในมือหนึ่งตัว และกางเกงขายาวเข้ารูปหนึ่งตัวส่งให้เจ้าของห้องยืนถือไว้ส่วนตัวเองก็หันไปเลือกเสื้อสูทที่ดูจะคล้ายกันไปหมดแขวนเรียงรายในตู้เสื้อผ้า
“ทำไมถึงมีแต่เสื้อสีเข้มๆ ล่ะครับ ไม่เบื่อบ้างเหรอ ผมเห็นคุณใส่แต่เสื้อสีทึบๆ นี่ทุกวันเลย”
พูดไปก็ดึงเสื้อเชิ้ตสีเข้มออกจากไม้แขวนเสื้อส่งให้ร่างสูงใส่ คอยช่วยดึงไหล่เสื้อให้เข้าทรงพร้อมกับช่วยติดกระดุม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่บ่นเรื่องสีเสื้อเข้มๆ เขาก็ยอมรับล่ะนะว่าเสื้อผ้าสีเข้มๆ นี่เหมาะกับผิวขาวของท่านประธานคนนี้มาก แต่มันเข้มไปล่ะมั้ง ดูสิทั้งตู้แทบจะไม่มีสีสันเห็นก็จะมีเสื้อเชิ้ตสีเลือดหมูของขวัญวันเกิดจากฮวังซูจินเท่านั้นล่ะที่จะทำให้ตู้สว่างขึ้นมา
“อันไหนดีอะ.. ถ้าสีดำมันก็จะมืดไป งั้นถ้าสีเทานี่ล่ะ..” ชเวเร็นเอาเน็คไทด์สองเส้นไปทาบดูบนคอร่างสูง สีหน้าครุ่นคิดราวกับทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยทำเอามินฮยอนยกยิ้มได้ไม่ยาก ก่อนจะฉวยเอาเน็คไทด์สีดำสนิทจากมือเล็กมาแต่ยังไม่ทันจะผูกก็ถือมือเล็กตีเข้าให้
“ไม่เอา สีนี้สวยกว่า”
ชเวเร็นดึงเน็คไทด์ออกจากมือเขา แล้วเปลี่ยนเป็นอันที่อยู่ในมือตัวเองแทน บรรจงขมวดปมเน็คไทด์ให้อย่างสวยงาม
“สนุกไหม?”
“อื้ม”
พยักหน้ารัวๆ ให้เห็นว่าสนุกจริงๆ ที่ได้มาเล่นแต่งตัวตุ๊กตาสุดหล่อในเช้าวันนี้ ขยับปกเสื้อให้เรียบเข้าที่ก็ถอยออกมายืมยิ้มแฉ่งภูมิใจกับผลงานตัวเอง ยกนิ้วโป้งให้อีกคนบอกให้รู้ว่าวันนี้หล่อมาก
“อยากแต่งตัวให้ฉันทุกวันไหม”
“ค..ครับ ?”
“ฉันถามว่าอยากแต่งตัวให้ฉันทุกวันหรือเปล่า”
“...”
“แต่งงานกัน”
“ครับ ??”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองคนตัวสูงกว่าทันที เขากำลังคิดว่าตัวเองหูฝาด แต่ยิ่งมองหน้าอีกคนแก้มขาวๆ ก็เริ่มร้อนเห่อขึ้นมาจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น มินฮยอนเลยต้องเดินเข้ามาใกล้เชยคางให้สบตากันชัดๆ แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังไม่กล้ามองตรงๆ อยู่ดี ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง หัวใจก็เต้นเสียดังจนกว่าว่าอีกคนจะได้ยิน
“แต่ง – งาน - กัน”
“ค..คุณมินฮยอน”
“ไม่รีบ ไม่ต้องตอบตอนนี้..”
มินฮยอนเดินไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงที่ชเวเร็นเพิ่งปิดไปเมื่อกี้ หยิบเอากล่องเล็กที่อยู่ในสุดของลิ้นชักออกมาเดินกลับมาหาคนตัวเล็กเปิดฝากล่องช้าๆ เป็นกล่องลายการ์ตูนยอดมนุษย์ของแถมจากถุงขนมของเด็กๆ นิ้วเรียวยาวบรรจงเปิดกล่อง ภายในกล้องมีแหวนพลาสติกสีสดใสลายการ์ตูนขวัญใจเด็กๆ อยู่ในนั้น
“ตอนนั้นมีเด็กคนนึงพยายามจะซื้อขนมเพื่อให้ได้ไอ้เจ้านี่ แต่ฉันกลับซื้อตัดหน้าเขาไปเสียก่อน”
..เด็กชายชเวมินกิก็เคยอยากได้มัน
“ตอนแรกก็สะใจนะ ที่แกล้งเด็กนั่นได้”
“...”
“แต่พอกลับถึงบ้านไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกผิด”
“...”
“วันต่อมาฉันก็เลยอยากเอามันไปให้เขาที่โรงเรียน เป็นเพราะฉันไม่รู้จะพูดยังไงดันกลายเป็นว่าชวนหาเรื่องทะเลาะกับเขา จนเขาเอากล่องดินสอปาหัวฉันแตก ส่วนเขาเองก็โดนครูดุ นั่นทำให้ฉันไม่กล้า..”
“...”
“แต่วันนี้ฉันกล้าแล้ว”
“ฮ.. ฮวังมินฮยอน”
ทำไมภาพของเพื่อนตัวสูงตอนเด็กจึงกลับเข้ามาซ้อนทับกับใบหน้าคนนี้ สัดส่วนของใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาทำให้เขาหลงลืมไปเสียสนิท หากแววตากลับฉายชัดเหมือนเดิม ราวกับม้วนเทปถูกหรอกลับยังไงยังงั้น คนตัวเล็กจำมันได้ดีว่าตอนเด็กนั้นจะมีเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งคอยป่วนประสาทเขาไม่เว้นวัน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ชเวมินกิจะตอกกลับด้วยกำลัง คงจะมีแต่วันนั้นที่เขาเผลอทำกล่องดินสอหลุดมือไป แค่ตั้งท่าจะขู่ให้กลัวแต่มันกลับหลุดมือจนกระแทกหน้าผากเด็กคนนั้นเต็มๆ
“ถ้านายไม่ปฏิเสธความรู้สึกฉัน.. ก็ส่งมือมา”
‘ถ.. ถ้านายไม่ปฏิเสธฉัน.. ก็ส่งมือมา’
น้ำเสียงคุ้นหูในวัยเด็กนั้น ตอนนี้ทุ้มละมุนน่าฟังกว่ามากนัก..
“...”
‘แต่ถ้าไม่.. ก็ช่วยทำเหมือนว่าฉันไม่เคยพูดอะไรออกไป’
“แต่ถ้าไม่.. ฉันก็แค่อยากให้นายรู้ว่า ฉันไม่เคยลืมนายได้เลย”
แววตาวูบไหวไม่ได้ล้อเล่นเลย หัวใจพองโตราวกับเด็กๆ ที่เพิ่งรู้จักความรัก.. ฮวังมินฮยอนได้สูญเสียตัวตนไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมห้องที่ชื่อชเวมินกิ ทั้งๆ ที่เด็กวัยนั้นควรจะเขินอายกับการได้รู้จักและสนิทกับเพื่อนต่างเพศ แต่ไม่ใช่กับฮวังมินฮยอนคนนี้เลยสักนิด.. เขามองไม่เห็นใคร เขาไม่อยากรู้จักใคร เขาไม่อยากมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ เขาแค่อยากจะรู้จักชเวมินกิ อยากพูดคุย เด็กชายฮวังมินฮยอนที่ขยันตื่นเช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ เพื่อที่จะได้มาเดินเข้าโรงเรียนพร้อมชเวมินกิ.. แค่นั้นแหละที่อยากได้
“คุณคือไอ้เด็กบ้านั่น.. ?”
“อืม ฉันเอง”
“อ.. เอามาสิ”
“....”
“แหวนนั่นน่ะ เอามาสิ”
ชเวเร็นรับกล่องลายยอดมนุษย์ที่มีแหวนอยู่ข้างในมาถือไว้ พร้อมกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ไม่ใช่ว่าจะตอบตกลงหรอกนะ แค่.. ผม ไม่สิ เราเคยเป็นเพื่อนกันนี่นา ฉันเคยอยากได้ไอ้เจ้านี่ตั้งแต่เด็กแต่นายก็มาแย่งมันไป เพราะงั้นฉันจะเก็บมันไว้”
เพราะสรรพนามเปลี่ยนไปทำให้นายแบบดูจะขัดเขินเวลาพูด
“รักษามันดีๆ นะ”
“แน่นอน ฉัน.. ฉันเคยชอบมันมาก เพราะงั้นจะเก็บมันอย่างดี แต่ถ้าวันไหนเราไม่ได้รู้สึกดีๆ ต่อกันแบบนี้แล้ว.. ฉันจะเอามันไปคืนนาย..”
พูดเองก็ใจหายเอง.. ตัวเขาเองนั่นแหละที่จะทำให้ความสัมพันธ์ดีๆ ในวันนี้ต้องพังลง เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้ามินฮยอนรู้ว่าเขากำลังเอาความลับสำคัญไปบอกให้พวกแบคโฮรับรู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ทำจงฮยอนคงจะตกอยู่ในอันตราย..
“นายไม่มีทางคืนหรอก มินกิของฉัน ♥.”
# ฟิ ค ค น เ ล ว
ความผูกพันธ์กว่าจะได้มามันไม่ง่าย.. แล้วก็ไม่ยากที่จะเสียมันไป
........................................................
21 : 33
ตอน 9 มีแค่นี้
มีปัญหาป้ะ ?? ♥.
ความคิดเห็น