ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5: คำถามในคืนฝนตก
อาเอลวิ่งตามหาเขาไปทั่วทั้งปราสาท ถามนางสนมทุกคนที่พบ ถามยามทุกคนที่ทุกประตู เธอรู้สึกร้อนรน เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน รันน่อนเองก็ไม่เคยทิ้งเธอไปแบบนี้ เธอวิ่งหาในสวน ตะโกนเรียกเขา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
สุดท้ายเธอก็กลับมาที่หอคอยที่พักของเธอ เธอมองเห็นต้นไม้แห่งความทรงจำ ความทรงจำย้อนกลับมาในหัวเธอ น้ำตาไหลออกมาแบบช่วยไม่ได้ เธอลูบแผ่นเปลือกไม้ของต้นไม้
“ชั้น . . . ร้องไห้ทำไมกัน . . . เขาแค่ไม่อยู่เอง . . .”
“ใช่ เจ้าจะร้องไห้ทำไม?”
อาเอลได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอมองขึ้นไปบนต้นไม้ รันน่อนนอนบนกิ่งไม้ มองมาที่เธอด้วยใบหน้าเฉยชา อาเอลรู้สึกว่าหัวใจที่หนาวเหน็บกลับอุ่นขึ้น เธอผลักต้นไม้โยก
“เจ้าบ้า!! หายหัวไปไหนของนาย!! ปล่อยให้ชั้นวิ่งหาซะดึกดื่น!!”
“ข้าก็อยู่ของข้าเฉยๆบนนี้ ได้ยินเจ้าวิ่งตะโกนไปมาเหมือนกัน แต่ขี้เกียจตอบ”
อาเอลหันหลังพิงต้นไม้
“บ้า!! เจ้าเป็นราชองครักษ์ต้องอยู่ข้างกายข้าสิ!!”
“แล้วถ้าข้าตายไปล่ะ?”
รันน่อนกระโดดลงมาจากต้นไม้ลงตรงหน้าเธอ อาเอลไม่เงยหน้าเพราะตาของเธอชื้นไปหมดแล้ว เธอไม่ยอมให้เขาเห็นแน่
“บ้า!! เจ้าไม่ตายหรอกน่า!!”
“แล้วถ้าข้าตายล่ะ?”
อาเอลเงยหน้ามองเขา รันน่อนมองเธอด้วยใบหน้าเฉยชา แต่เธอมองเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยเธอในสายตาของเขา เธอก้มหน้า
“ข้า . . . ไม่รู้”
รันน่อนถอนหายใจสั้นก่อนจะหันหลังพิงต้นไม้อีกคน แล้วพูด
“ฝนจะตกแล้ว เจ้าควรเข้าไปในหอคอยได้แล้ว”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้าจะอยู่ตรงนี้อีกซักพัก”
“งั้นข้าอยู่ด้วย”
“ . . .”
รันน่อนถอดเสื้อคลุมใส่ให้เธอ แล้วยืนเงยหน้ามองฟ้า ไม่นานนัก ฝนก็ตกอย่างที่รันน่อนว่า แถมเป็นฝนตกหนักด้วย อาเอลรวบชายกระโปรงขึ้นมามัดไม่ให้เปียกมาก รันน่อนพูดขึ้นมา
“ถ้าข้าตาย . . . เจ้าจะอยู่ดูแลตัวเองโดยไม่มีข้าได้ไหม?”
“เจ้าห้ามพูดอย่างนั้น ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายแน่ๆ”
“หึ นั่นมันคำพูดของข้า . . . ถ้าราชองครักษ์อย่างข้าตายไป ก็คงมีคนใหม่เข้ามาดูแล้วเจ้า ข้าไม่น่าเครียดไปเลยนะ ฮะๆ”
“ข้าไม่รับราชองครักษ์คนไหนอีกเด็ดขาด!! ข้าห้ามเจ้าพูดว่าเจ้าจะตายด้วย!!”
“(ฟู่ว~~) ข้าแค่อยากถามดูเฉยๆ . . . ข้าไม่อยากให้เจ้าทิ้งทุกอย่างไว้กับข้า . . . ข้าเองไม่อาจแบกรับทุกอย่างแทนเจ้าได้แม้ข้าอยากจะทำ . . .”
“เจ้าพูดวนไปมา . . . เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่ รันน่อน”
“ . . . ลืมซะเถอะว่าข้าพูดอะไรไป”
“แล้วเจ้าหายหัวไปไหนมา?”
“ข้าไปหาท่านอาจารย์หญิง”
เขาหมายถึงอิโนมาทาร์เอง อาเอลขมวดคิ้ว
“เจ้าไปหาอาจารย์หญิงทำไม?”
“ข้าไปนัดเรียนให้เจ้า”
“ให้ข้า!?!”
อาเอลร้องว้าก รันน่อนโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน
“อย่าออกไปโดนฝน เดี๋ยวเป็นหวัดแล้วเรื่องยาว”
“ปล่อยข้านะ!! แล้วเจ้าไปนัดเรียนให้ข้าทำไม!! นี่ข้ายังมีตารางแน่นไม่พออีกเหรอ!!”
อาเอลดิ้นออกจากอ้อมแขนเขาแล้วหันหลังพิงต้นไม้ รันน่อนเงยหน้ามองกิ่งไม้
“ข้าว่าเจ้าน่าจะทำได้ดีน่ะ . . . ข้าอยากให้เจ้าป้องกันตัวได้ เผื่อข้าไม่อยู่”
“ข้าห้ามเจ้าพูดแล้วนี่ว่าเจ้าจะตายน่ะ!!”
รันน่อนก้มลงมามองเธอ
“ข้ายังไม่ได้พูดซักคำว่าข้าจะตาย แต่ข้าก็มีธุระของข้าเหมือนกันนะ”
“เช่นอะไรล่ะ? ทำไมไม่วานใครออกไปแทน”
“ข้าจะไปหามารดาก็ไม่ได้หรือไง?”
“เจ้าไปจะหามารดา!? แม่ของเจ้าเป็นอะไรเรอะไง”
“นี่เจ้าแช่งแม่ข้าเรอะ? ไม่ได้เป็นอะไรหรอก . . . แค่ว่า ข้าไม่ได้พบท่านนานมากแล้วตั้งแต่รับราชการที่นี่ ข้าก็เลยว่าจะกลับไปหา . . .”
อาเอลถอนหายใจแล้วหันไปมองกิ่งไม้บ้าง
“เข้าใจแล้ว . . . แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้ข้าไปเรียนต่อสู้อยู่ดี”
“ชีวิตคนเราสั้นนัก ไม่มีใครรู้ว่าจะอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า”
“เจ้าพูดอย่างกับว่าเจ้าจะตายพรุ่งนี้แน่ะ”
“แล้วถ้าข้าตายพรุ่งนี้จริงๆล่ะ?”
“งี่เง่า เจ้าเนี่ยนะจะตาย? อย่างเจ้าน่ะ จำพวกที่จะอยู่รอดแม้โลกจะแตก”
“ข้าไม่ใช่แมลงสาบนะ”
รันน่อนตีหัวเธอ อาเอลผลักเขาคืน รันน่อนกระเด็นออกไปจากร่มต้นไม้แล้วนอนแผ่อยู่ในสวน อาเอลตะโกนถาม
“รันน่อน!! เป็นไรมากไหม!? ข้าขอโทษ!! ข้าลืมตัวเลยออกแรงมากไป!!”
รันน่อนนอนนิ่งไม่ไหวติง อาเอลใจหายวาบ เธอรีบวิ่งออกมาเขย่าเขา รันน่อนนอนหลับตา ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ อาเอลเขย่าเขา น้ำตาเธอเริ่มไหลอีกครั้ง หัวใจเธอเย็นยิ่งกว่าความเย็นจากเม็ดฝนที่ปะทะกับผิวกายเธอเสียอีก
“รันน่อน!! รันน่อน!! เป็นอะไรมากหรือเปล่า!!”
รันน่อนไอเป็นคำตอบ แต่ยิ่งทำให้เธอใจหายยิ่งกว่าเก่า เพราะเขาไม่ได้ไอเปล่าๆ แต่ไอเอาเลือดออกมาด้วย อาเอลร้องเรียกยามที่เฝ้าหอคอย ก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมาด้วยตัวเอง แล้ววิ่งกลับไปที่หอคอย . . .
“ท่านราชองครักษ์ต้องพักผ่อนให้มากๆนะขอรับ”
หัวหน้าหออภิบาลผู้มีอายุราวเดียวกับรันน่อน กล่าวกับรันน่อนที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องของอาเอล รันน่อนพยักหน้าเบาๆ หัวหน้าหออภิบาลมองไปที่ประตูก่อนจะลดเสียงลง
“ท่านราชองครักษ์เป็นโรคนี้มา . . .”
“ใช่ขอรับ ตั้งแต่เกิด . . .”
“ . . . ข้าจะจัดยาให้นะขอรับ ทานหลังอาหารและก่อนนอน จะพอช่วยได้”
“ขอบคุณท่านหัวหน้าหอ ขออภัยที่ต้องรบกวนกลางดึก”
“มิได้ มิได้”
หัวหน้าหออภิบาลถอยออกไปจากเตียงแล้วเดินออกไปหน้าห้อง อาเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอยังอยู่ในชุดงานเช่นเดิม เพียงแต่มีผ้าห่มผืนหนาเพิ่มมาอีกผืนหนึ่ง เธอรีบถาม
“หัวหน้าหอ อาการของรันน่อน . . .”
หัวหน้าหอมองไปที่รันน่อน ผู้นอนมองเพดานเตียงอยู่ ก่อนจะหันมาพูด
“โรคที่เป็นมาแต่กำเนิดขอรับ รักษาไม่หาย . . . ดูท่าทางท่านราชองครักษ์จะเก็บอาการมานานมากแล้ว . . .”
“แล้ว . . . รุนแรงขนาดไหน . . .”
“. . .”
หัวหน้าหออภิบาลไม่พูด แต่สีหน้าตอบเธอแล้ว อาเอลน้ำตาไหลก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้อง หัวหน้าหออภิบาลมองเธอนั่งลงข้างเตียงรันน่อนก่อนจะหันไปกล่าวกับบรรดานางสนม
“วานไปรับยานี่ที่หออภิบาลด้วย แล้วอย่าให้ใครรบกวนองค์หญิงกับราชองครักษ์ซักพัก . . .”
. . .
อาเอลนั่งลงข้างเตียงเขา รันน่อนนอนหลับตาอยู่ หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ อาเอลกัดริมฝีปากเพื่อหยุดเสียงสะอื้น ก่อนที่เธอจะซบหน้าลงกับฝ่ามือ มือข้างหนึ่งแตะมือเธออย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล
“ห้ามเจ้ากัดริมฝีปาก ระวังเจ้าจะเสียโฉม”
“ . . .”
อาเอลเงยหน้าขึ้นมองเขา รันน่อนมองมาที่เธอก่อนจะหันกลับไปมองเพดานเตียงอย่างเดิม อาเอลสะอื้นเบาๆ
“ทำไม . . . ทำไมเจ้าไม่บอกข้า . . .”
“ข้าบอกแล้วจะหายหรือยังไง?”
“แต่เจ้า . . . ข้า . . .”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
รันน่อนมองหน้าเธอแล้วเลียนเสียงที่เธอพูดกับเขาที่สวนได้เกือบเหมือน อาเอลยิ้มไม่ออก รันน่อนหันกลับไปมองอีกข้างของเตียง
“ชิ ข้านึกว่าเจ้าจะขำซะอีก”
“ไม่ต้องพยายามทำให้ข้ารู้สึกดี รันน่อน ฟาเอลล์”
“ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกแย่ . . . อีกอย่าง มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า”
“เจ้ายังจะพูดว่าไม่ใช่กงการอะไรของข้าอีกเหรอ!! ข้าเป็นเพื่อนของเจ้านะ!!”
อาเอลลุกขึ้นพูดเสียงดัง รันน่อนเอามือมาอุดหู
“ไม่ต้องตะโกน ข้าได้ยินน่า”
“เจ้าอย่ามาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนะ!!”
“แล้วมันเป็นเรื่องใหญ่โตตรงไหน? เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นไงเรอะ?”
“เจ้าจะ . . . ตาย. . . ใช่ไหม?”
“. . .อืม”
อาเอลกระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ พึมพำ
“เจ้ายังว่านี่ไม่ใหญ่อีกเหรอ? ความตายยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกเหรอ?”
“มนุษย์คนไหนรอดพ้นความตายบ้าง? อีกอย่าง ข้ายังไม่ได้พูดซักคำว่าข้าจะตายพรุ่งนี้หรือในอีก 10 วินาที”
“แล้วมันจะตอนไหนกัน . . .”
“อาจจะอีกปี 2 ปี . . . ข้าไม่รีบตายนักหรอกน่า”
“. . .”
รันน่อนหัวเราะเบาๆ
“มีสิทธิรู้วันตายตัวเอง ดีชะมัดเลยว่าไหม? ฮะๆ”
อาเอลลุกขึ้นยืน พูดเสียงดังซะจนรันน่อนตกใจ
“เจ้ายังมาตลกอีกเหรอ!! รู้วันตายเป็นคำสาปน่ะสิ!! เจ้ายังจะตายยังไม่ห่วงตัวเองอีก!! บ้า!! เฮงซวย!!”
อาเอลคว้าหมอนมาตีเขา
“เจ้าทำไมไม่สลดอะไรกับเขาบ้างเลยรึไง!! หา!? ข้าล่ะเป็นห่วงเจ้าซะแทบบ้า!! ทำไมเจ้าไม่ตายๆไปซะเลยตอนนี้ล่ะ หา!?!”
รันน่อนคว้าหมอนที่อาเอลตีเขาได้ก่อนจะพูดเรียบๆ
“ข้าจะตายตอนไหนก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้าสิห่วงเรื่องของตัวเองซะดีกว่า”
“เจ้า!!”
อาเอลพูดอะไรไม่ออกอีก เธอกระชากหมอนหลุดจากมือเขาแล้วปาใส่เขา รันน่อนรับหมอนก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“ข้าน้อยคงรบกวนองค์หญิงเกินไป ขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ไปไหนก็ไป!!”
เขาหยิบเสื้อที่เก้าอี้แล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งอาเอลที่น้ำตานองหน้ายืนอยู่ข้างเตียง โดยไม่หันกลับมามองอีก . . .
. . .
รันน่อนเดินกลับไปที่ห้องของเขาซึ่งอยู่บริเวณหอคอยซึ่งมีทางเดินเชื่อมกับหอขององค์หญิง ซึ่งต้องผ่านระเบียงที่ไม่มีหลังคา ฝนยังคงตกหนัก เขาไม่ใยดีกับฝนที่กระหน่ำลงมา เดินฝ่าฝนออกไปเพื่อกลับไปที่ห้อง ระหว่างทางกลางระเบียง เขาทรุดตัวลงไออย่างรุนแรง เลือดเต็มมือเขาแต่เขาก็ไม่สนใจ เพียงยืนขึ้นแล้วก้าวเท้ายาวๆกลับไปที่ห้อง ปล่อยให้ฝนล้างเลือดที่มือเขาไปจนหมด . . .
สุดท้ายเธอก็กลับมาที่หอคอยที่พักของเธอ เธอมองเห็นต้นไม้แห่งความทรงจำ ความทรงจำย้อนกลับมาในหัวเธอ น้ำตาไหลออกมาแบบช่วยไม่ได้ เธอลูบแผ่นเปลือกไม้ของต้นไม้
“ชั้น . . . ร้องไห้ทำไมกัน . . . เขาแค่ไม่อยู่เอง . . .”
“ใช่ เจ้าจะร้องไห้ทำไม?”
อาเอลได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอมองขึ้นไปบนต้นไม้ รันน่อนนอนบนกิ่งไม้ มองมาที่เธอด้วยใบหน้าเฉยชา อาเอลรู้สึกว่าหัวใจที่หนาวเหน็บกลับอุ่นขึ้น เธอผลักต้นไม้โยก
“เจ้าบ้า!! หายหัวไปไหนของนาย!! ปล่อยให้ชั้นวิ่งหาซะดึกดื่น!!”
“ข้าก็อยู่ของข้าเฉยๆบนนี้ ได้ยินเจ้าวิ่งตะโกนไปมาเหมือนกัน แต่ขี้เกียจตอบ”
อาเอลหันหลังพิงต้นไม้
“บ้า!! เจ้าเป็นราชองครักษ์ต้องอยู่ข้างกายข้าสิ!!”
“แล้วถ้าข้าตายไปล่ะ?”
รันน่อนกระโดดลงมาจากต้นไม้ลงตรงหน้าเธอ อาเอลไม่เงยหน้าเพราะตาของเธอชื้นไปหมดแล้ว เธอไม่ยอมให้เขาเห็นแน่
“บ้า!! เจ้าไม่ตายหรอกน่า!!”
“แล้วถ้าข้าตายล่ะ?”
อาเอลเงยหน้ามองเขา รันน่อนมองเธอด้วยใบหน้าเฉยชา แต่เธอมองเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยเธอในสายตาของเขา เธอก้มหน้า
“ข้า . . . ไม่รู้”
รันน่อนถอนหายใจสั้นก่อนจะหันหลังพิงต้นไม้อีกคน แล้วพูด
“ฝนจะตกแล้ว เจ้าควรเข้าไปในหอคอยได้แล้ว”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้าจะอยู่ตรงนี้อีกซักพัก”
“งั้นข้าอยู่ด้วย”
“ . . .”
รันน่อนถอดเสื้อคลุมใส่ให้เธอ แล้วยืนเงยหน้ามองฟ้า ไม่นานนัก ฝนก็ตกอย่างที่รันน่อนว่า แถมเป็นฝนตกหนักด้วย อาเอลรวบชายกระโปรงขึ้นมามัดไม่ให้เปียกมาก รันน่อนพูดขึ้นมา
“ถ้าข้าตาย . . . เจ้าจะอยู่ดูแลตัวเองโดยไม่มีข้าได้ไหม?”
“เจ้าห้ามพูดอย่างนั้น ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายแน่ๆ”
“หึ นั่นมันคำพูดของข้า . . . ถ้าราชองครักษ์อย่างข้าตายไป ก็คงมีคนใหม่เข้ามาดูแล้วเจ้า ข้าไม่น่าเครียดไปเลยนะ ฮะๆ”
“ข้าไม่รับราชองครักษ์คนไหนอีกเด็ดขาด!! ข้าห้ามเจ้าพูดว่าเจ้าจะตายด้วย!!”
“(ฟู่ว~~) ข้าแค่อยากถามดูเฉยๆ . . . ข้าไม่อยากให้เจ้าทิ้งทุกอย่างไว้กับข้า . . . ข้าเองไม่อาจแบกรับทุกอย่างแทนเจ้าได้แม้ข้าอยากจะทำ . . .”
“เจ้าพูดวนไปมา . . . เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่ รันน่อน”
“ . . . ลืมซะเถอะว่าข้าพูดอะไรไป”
“แล้วเจ้าหายหัวไปไหนมา?”
“ข้าไปหาท่านอาจารย์หญิง”
เขาหมายถึงอิโนมาทาร์เอง อาเอลขมวดคิ้ว
“เจ้าไปหาอาจารย์หญิงทำไม?”
“ข้าไปนัดเรียนให้เจ้า”
“ให้ข้า!?!”
อาเอลร้องว้าก รันน่อนโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน
“อย่าออกไปโดนฝน เดี๋ยวเป็นหวัดแล้วเรื่องยาว”
“ปล่อยข้านะ!! แล้วเจ้าไปนัดเรียนให้ข้าทำไม!! นี่ข้ายังมีตารางแน่นไม่พออีกเหรอ!!”
อาเอลดิ้นออกจากอ้อมแขนเขาแล้วหันหลังพิงต้นไม้ รันน่อนเงยหน้ามองกิ่งไม้
“ข้าว่าเจ้าน่าจะทำได้ดีน่ะ . . . ข้าอยากให้เจ้าป้องกันตัวได้ เผื่อข้าไม่อยู่”
“ข้าห้ามเจ้าพูดแล้วนี่ว่าเจ้าจะตายน่ะ!!”
รันน่อนก้มลงมามองเธอ
“ข้ายังไม่ได้พูดซักคำว่าข้าจะตาย แต่ข้าก็มีธุระของข้าเหมือนกันนะ”
“เช่นอะไรล่ะ? ทำไมไม่วานใครออกไปแทน”
“ข้าจะไปหามารดาก็ไม่ได้หรือไง?”
“เจ้าไปจะหามารดา!? แม่ของเจ้าเป็นอะไรเรอะไง”
“นี่เจ้าแช่งแม่ข้าเรอะ? ไม่ได้เป็นอะไรหรอก . . . แค่ว่า ข้าไม่ได้พบท่านนานมากแล้วตั้งแต่รับราชการที่นี่ ข้าก็เลยว่าจะกลับไปหา . . .”
อาเอลถอนหายใจแล้วหันไปมองกิ่งไม้บ้าง
“เข้าใจแล้ว . . . แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้ข้าไปเรียนต่อสู้อยู่ดี”
“ชีวิตคนเราสั้นนัก ไม่มีใครรู้ว่าจะอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า”
“เจ้าพูดอย่างกับว่าเจ้าจะตายพรุ่งนี้แน่ะ”
“แล้วถ้าข้าตายพรุ่งนี้จริงๆล่ะ?”
“งี่เง่า เจ้าเนี่ยนะจะตาย? อย่างเจ้าน่ะ จำพวกที่จะอยู่รอดแม้โลกจะแตก”
“ข้าไม่ใช่แมลงสาบนะ”
รันน่อนตีหัวเธอ อาเอลผลักเขาคืน รันน่อนกระเด็นออกไปจากร่มต้นไม้แล้วนอนแผ่อยู่ในสวน อาเอลตะโกนถาม
“รันน่อน!! เป็นไรมากไหม!? ข้าขอโทษ!! ข้าลืมตัวเลยออกแรงมากไป!!”
รันน่อนนอนนิ่งไม่ไหวติง อาเอลใจหายวาบ เธอรีบวิ่งออกมาเขย่าเขา รันน่อนนอนหลับตา ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ อาเอลเขย่าเขา น้ำตาเธอเริ่มไหลอีกครั้ง หัวใจเธอเย็นยิ่งกว่าความเย็นจากเม็ดฝนที่ปะทะกับผิวกายเธอเสียอีก
“รันน่อน!! รันน่อน!! เป็นอะไรมากหรือเปล่า!!”
รันน่อนไอเป็นคำตอบ แต่ยิ่งทำให้เธอใจหายยิ่งกว่าเก่า เพราะเขาไม่ได้ไอเปล่าๆ แต่ไอเอาเลือดออกมาด้วย อาเอลร้องเรียกยามที่เฝ้าหอคอย ก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมาด้วยตัวเอง แล้ววิ่งกลับไปที่หอคอย . . .
“ท่านราชองครักษ์ต้องพักผ่อนให้มากๆนะขอรับ”
หัวหน้าหออภิบาลผู้มีอายุราวเดียวกับรันน่อน กล่าวกับรันน่อนที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องของอาเอล รันน่อนพยักหน้าเบาๆ หัวหน้าหออภิบาลมองไปที่ประตูก่อนจะลดเสียงลง
“ท่านราชองครักษ์เป็นโรคนี้มา . . .”
“ใช่ขอรับ ตั้งแต่เกิด . . .”
“ . . . ข้าจะจัดยาให้นะขอรับ ทานหลังอาหารและก่อนนอน จะพอช่วยได้”
“ขอบคุณท่านหัวหน้าหอ ขออภัยที่ต้องรบกวนกลางดึก”
“มิได้ มิได้”
หัวหน้าหออภิบาลถอยออกไปจากเตียงแล้วเดินออกไปหน้าห้อง อาเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอยังอยู่ในชุดงานเช่นเดิม เพียงแต่มีผ้าห่มผืนหนาเพิ่มมาอีกผืนหนึ่ง เธอรีบถาม
“หัวหน้าหอ อาการของรันน่อน . . .”
หัวหน้าหอมองไปที่รันน่อน ผู้นอนมองเพดานเตียงอยู่ ก่อนจะหันมาพูด
“โรคที่เป็นมาแต่กำเนิดขอรับ รักษาไม่หาย . . . ดูท่าทางท่านราชองครักษ์จะเก็บอาการมานานมากแล้ว . . .”
“แล้ว . . . รุนแรงขนาดไหน . . .”
“. . .”
หัวหน้าหออภิบาลไม่พูด แต่สีหน้าตอบเธอแล้ว อาเอลน้ำตาไหลก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้อง หัวหน้าหออภิบาลมองเธอนั่งลงข้างเตียงรันน่อนก่อนจะหันไปกล่าวกับบรรดานางสนม
“วานไปรับยานี่ที่หออภิบาลด้วย แล้วอย่าให้ใครรบกวนองค์หญิงกับราชองครักษ์ซักพัก . . .”
. . .
อาเอลนั่งลงข้างเตียงเขา รันน่อนนอนหลับตาอยู่ หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ อาเอลกัดริมฝีปากเพื่อหยุดเสียงสะอื้น ก่อนที่เธอจะซบหน้าลงกับฝ่ามือ มือข้างหนึ่งแตะมือเธออย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล
“ห้ามเจ้ากัดริมฝีปาก ระวังเจ้าจะเสียโฉม”
“ . . .”
อาเอลเงยหน้าขึ้นมองเขา รันน่อนมองมาที่เธอก่อนจะหันกลับไปมองเพดานเตียงอย่างเดิม อาเอลสะอื้นเบาๆ
“ทำไม . . . ทำไมเจ้าไม่บอกข้า . . .”
“ข้าบอกแล้วจะหายหรือยังไง?”
“แต่เจ้า . . . ข้า . . .”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
รันน่อนมองหน้าเธอแล้วเลียนเสียงที่เธอพูดกับเขาที่สวนได้เกือบเหมือน อาเอลยิ้มไม่ออก รันน่อนหันกลับไปมองอีกข้างของเตียง
“ชิ ข้านึกว่าเจ้าจะขำซะอีก”
“ไม่ต้องพยายามทำให้ข้ารู้สึกดี รันน่อน ฟาเอลล์”
“ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกแย่ . . . อีกอย่าง มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า”
“เจ้ายังจะพูดว่าไม่ใช่กงการอะไรของข้าอีกเหรอ!! ข้าเป็นเพื่อนของเจ้านะ!!”
อาเอลลุกขึ้นพูดเสียงดัง รันน่อนเอามือมาอุดหู
“ไม่ต้องตะโกน ข้าได้ยินน่า”
“เจ้าอย่ามาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนะ!!”
“แล้วมันเป็นเรื่องใหญ่โตตรงไหน? เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นไงเรอะ?”
“เจ้าจะ . . . ตาย. . . ใช่ไหม?”
“. . .อืม”
อาเอลกระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ พึมพำ
“เจ้ายังว่านี่ไม่ใหญ่อีกเหรอ? ความตายยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกเหรอ?”
“มนุษย์คนไหนรอดพ้นความตายบ้าง? อีกอย่าง ข้ายังไม่ได้พูดซักคำว่าข้าจะตายพรุ่งนี้หรือในอีก 10 วินาที”
“แล้วมันจะตอนไหนกัน . . .”
“อาจจะอีกปี 2 ปี . . . ข้าไม่รีบตายนักหรอกน่า”
“. . .”
รันน่อนหัวเราะเบาๆ
“มีสิทธิรู้วันตายตัวเอง ดีชะมัดเลยว่าไหม? ฮะๆ”
อาเอลลุกขึ้นยืน พูดเสียงดังซะจนรันน่อนตกใจ
“เจ้ายังมาตลกอีกเหรอ!! รู้วันตายเป็นคำสาปน่ะสิ!! เจ้ายังจะตายยังไม่ห่วงตัวเองอีก!! บ้า!! เฮงซวย!!”
อาเอลคว้าหมอนมาตีเขา
“เจ้าทำไมไม่สลดอะไรกับเขาบ้างเลยรึไง!! หา!? ข้าล่ะเป็นห่วงเจ้าซะแทบบ้า!! ทำไมเจ้าไม่ตายๆไปซะเลยตอนนี้ล่ะ หา!?!”
รันน่อนคว้าหมอนที่อาเอลตีเขาได้ก่อนจะพูดเรียบๆ
“ข้าจะตายตอนไหนก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้าสิห่วงเรื่องของตัวเองซะดีกว่า”
“เจ้า!!”
อาเอลพูดอะไรไม่ออกอีก เธอกระชากหมอนหลุดจากมือเขาแล้วปาใส่เขา รันน่อนรับหมอนก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“ข้าน้อยคงรบกวนองค์หญิงเกินไป ขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ไปไหนก็ไป!!”
เขาหยิบเสื้อที่เก้าอี้แล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งอาเอลที่น้ำตานองหน้ายืนอยู่ข้างเตียง โดยไม่หันกลับมามองอีก . . .
. . .
รันน่อนเดินกลับไปที่ห้องของเขาซึ่งอยู่บริเวณหอคอยซึ่งมีทางเดินเชื่อมกับหอขององค์หญิง ซึ่งต้องผ่านระเบียงที่ไม่มีหลังคา ฝนยังคงตกหนัก เขาไม่ใยดีกับฝนที่กระหน่ำลงมา เดินฝ่าฝนออกไปเพื่อกลับไปที่ห้อง ระหว่างทางกลางระเบียง เขาทรุดตัวลงไออย่างรุนแรง เลือดเต็มมือเขาแต่เขาก็ไม่สนใจ เพียงยืนขึ้นแล้วก้าวเท้ายาวๆกลับไปที่ห้อง ปล่อยให้ฝนล้างเลือดที่มือเขาไปจนหมด . . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น