Valentine 2031
ค.ศ 2031 โลกเปลี่ยนไป แต่ไฉนจิตใจมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง วันวาเลนไทน์ปีนี้ของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..
ผู้เข้าชมรวม
679
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Valentine 2031
" ขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพู ขอให้ทุกท่านปรับมิติแห่งการมองเห็น ย้ำ ขณะนี้โลกกำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพู ขอให้ทุกท่านปรับมิติแห่งการมองเห็น" เสียงโอเปอร์เรเตอร์ทรอนิกส์ส่งสัญญาณเตือนกระจายออกเป็นวงกว้างใจกลางกรุง
เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่มิลลาเกลียดมากที่สุด นั่นก็เพราะว่าเดือนนี้มีวันวาเลนไทน์อยู่ด้วย พอถึงเดือนนี้ก่อนที่จะออกไปไหนทุกคนก็ต้องใส่แว่นคล้ายแว่นกันแดดสมัยก่อน เพื่อให้การมองเห็นเป็นปกติเพราะขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะกลายเป็นสีชมพูเราจะมองเห็นภาพเบลออยู่ชั่วครู่ และจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดทั้งเดือน แต่ถ้าอยู่ในอาคารก็ไม่จำเป็นต้องใส่ หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบรรพบุรุษมนุษย์ถึงให้ความสำคัญกับวันแห่งความรักนี้นัก หล่อนเกลียดท้องฟ้าสีชมพูที่สุด คุณคงสงสัยสินะว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนสีได้ นั่นก็เป็นเพราะตอนนี้ประชากรของโลกอยู่ภายใต้ท้องฟ้าจำลอง ทุกประเทศต่างสร้างโดมขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันคล้ายๆกับว่าสร้างหลังคาเพื่อกันแดด หลังคาของโดมเป็นแบบใสเมื่อมองจากภายใน แต่จริงๆแล้วมันประกอบไปด้วยแผงโซลาร์เซลล์มากมายเพื่อดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ และด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้เราปรับเปลี่ยนสภาพของท้องฟ้าได้ตามต้องการ สาเหตุที่ต้องสร้างเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาเป็นเพราะว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนก๊าคาร์บอนไดออกไซค์ที่มาจากทั้งท่อไอเสีย และโรงงานอุตสาหกรรมเป็นตัวการทำลายชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ยังมีสารกลุ่มฮาโลฟลูออโรคาร์บอนหรือ CFCs ที่เป็นตัวการทำลายชั้นโอโซน ทำให้รังสียูวีผ่านมายังพื้นโลกมากขึ้น แต่ต้นไม้กลับมีน้อยลง จนถึงทุกวันนี้เราต้องมีโรงงานเพื่อเพาะพันธุ์ต้นไม้โดยเฉพาะ นั่นก็คือโรงงานผลิตออกซิเจนแห่งประเทศไทยนั่นเอง
ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่สวยงามที่ขึ้นชื่อเรื่องการมีต้นไม้เทียมหลากหลายพันธุ์มากที่สุดในโลก วันนี้เป็นวันอาทิตย์แต่ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น วันอาทิตย์จะไม่เป็นวันหยุดอีกต่อไปเพราะคุณต้องทำงานที่บ้าน และด้วยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่ก้าวไกลทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญยิ่งกว่าเมื่อหลายปีก่อน และถ้าคุณแอบอู้งานล่ะก็ บริษัทจะสามารถตรวจสอบได้ทันที จึงทำให้ไม่แน่ใจว่าการไม่ต้องไปทำงานนอกบ้านของคนยุคนี้เป็นเรื่องที่ดีหรือเปล่า แต่ถ้าทำงานอิสระคุณก็จะมีเวลาส่วนตัวมากกว่า ในแต่ละวันผู้คนแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย แล้วอย่างนี้จะมีวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักไปทำไม
พ่อกับแม่ของมิลลาแยกทางกันเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ขณะที่หล่อนอายุเพียง 5 ขวบ ตอนนี้หล่อนอายุ 28 ปีเต็ม ยังไม่ได้แต่งงาน และเห็นว่าความรักไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญอะไร ชีวิตของหล่อนมีแต่งานกับงาน เพราะเชื่อว่างานเป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนรู้สึกมีคุณค่า ถึงแม้ว่าหล่อนจะเป็นเพียงพนักงานบริษัทเล็กๆที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งเท่านั้น
ปีนี้เป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่คู่รักต่างพากันมาเที่ยวเมืองไทย หน้าที่ของมิลลาก็คือการหาลูกค้า และจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวให้น่าสนใจ รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดลูกค้า บางครั้งก็ต้องนำเที่ยวเอง นั่นก็คือหล่อนต้องทำหน้าที่ทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะบริษัทแห่งนี้มีพนักงานเพียงหกคนเท่านั้น แต่มิลลาก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่พวกพนักงานจะเจอกันเฉพาะเวลาเข้าร่วมประชุมในกรณีที่มีปัญหาใหญ่จริงๆเท่านั้น นอกจากนั้นก็ติดต่อกันผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์
การท่องเที่ยวสมัยใหม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยทางบริษัทมีรูปแบบการท่องเที่ยวอยู่สองอย่างนั่นก็คือ การท่องเที่ยวแบบสมัยก่อน ที่ต้องเดินทางไปให้เห็นสถานที่จริง ซึ่งเป็นบริการที่แตกต่างจากบริษัทอื่น และถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่ง เพราะบริษัทนำเที่ยวส่วนใหญ่ไม่มีบริการการท่องเที่ยวแบบนี้กันแล้ว แต่บริษัทที่มิลลาทำงานยังคงอนุรักษ์การท่องเที่ยวแบบเดิมไว้ ส่วนใหญ่คนหนุ่มสาวจะมาใช้บริการนี้เพราะอยากจะมาสัมผัสบรรยากาศการเที่ยวแบบสมัยก่อน หรือถ้าใครไม่มีเวลาว่างมากพอ ทางบริษัทก็ยังมีการท่องเที่ยวแบบที่สอง นั่นก็คือการเดินทางแบบเวอร์ช่วล ทราเวล(virtual travel) หรือการเดินทางแบบเสมือนจริง นั่นก็คือการเดินทางโดยใช้โปรแกรมภาพหลากมิติโดยบริษัทจะจัดให้ผู้ใช้บริการเลือกโปรแกรมที่จะไป จากนั้นก็จะให้แต่ละคนเข้าแคปซูลและใส่แว่นที่ทำจากวัสดุพิเศษที่พัฒนามาจากการดูภาพยนตร์แบบสามมิติเมื่อหลายปีก่อน แต่ ณ ปี ค.ศ.นี้เราดัดแปลงจนกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเดินทางในลักษณะนี้เหมาะกับผู้สูงวัยเพราะไม่ต้องเสียเวลาและเหนื่อยกับการเดินทาง ทางบริษัทสามารถนำเที่ยวได้ทุกประเทศทั่วโลก อัตราค่าบริการก็แล้วแต่รูปแบบการเดินทางที่เลือก โดยการเดินทางแบบแรกจะแพงกว่าแบบหลังเพราะใช้ระยะเวลานานกว่า และทางบริษัทจะต้องจัดหาที่พักและประกันความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเสร็จสรรพ
เดือนนี้มีผู้มาใช้บริการบริษัทของมิลลามากเป็นประวัติการณ์อาจเป็นเพราะด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมา ถึงแม้จะเป็นบริษัทเล็กๆแต่ก็บริการได้ถูกใจลูกค้า และยิ่งเป็นเดือนแห่งความรักด้วยแล้วหนุ่มสาวจะพากันมาเป็นคู่ๆ เพื่อท่องเที่ยวเฉลิมฉลองวันแห่งความรัก น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีใครจองผ่านทางออนไลน์เลย นั่นทำให้มิลลามีเวลาว่างพอที่จะจัดโปรแกรมทัวร์สำหรับลูกค้าที่จองล่วงหน้า ขณะที่หล่อนกำลังยุ่งอยู่กับเอกสารทรอนิกส์ตรงหน้า ก็มีลูกค้าคนหนึ่งสงเมล์เข้ามาบอกว่าสนใจโปรแกรมการท่องเที่ยว แต่ต้องการจะมาพูดคุยด้วยตนเอง หล่อนจึงนัดเจอเขาที่บริษัทในตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้ น่าแปลกที่เขาไม่ยอมบอกอะไรมากไปกว่าข้อความสั้นๆ
"ผมอยากเดินทางท่องเที่ยว หากยังพอมีที่ว่างกรุณาตอบกลับด้วย"
กวี
คนอะไรชื่อเชยจริงๆ หล่อนคิดในใจ
สัญญาณ Incoming call ปรากฏบนหน้าจอ มิลลารีบกดปุ่มตอบรับ สัญญาณภาพขึ้นสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อัตโนมัติที่ติดตั้งบนผนังห้องทันที
ติ๊ด..
"สวัสดีค่ะ มิลล์พูดค่ะ "
"มิลล์เหรอนี่ฉันเองนะยะ "
"อื้ม มีอะไรเหรอ แพม"
"ต๊ายยยย น้ำเสียงซังกะตายมากเลยนะยะหล่อน นี่ๆทำตัวให้ร่าเริงหน่อยสิ เพื่อนรักอุตส่าห์โทรทางไกลมานะยะ ทำเสียงยังกะเบื่อโลกเสียเต็มประดา"
"เปล่าหรอก แค่เบื่อๆเดือนนี้เท่านั้นแหละ"
"อีกแล้วนะแก จะเบื่อไปทำไม งั้นดีละ ฉันกำลังจะชวนแกไปฉลองเนื่องในโอกาสวันแห่งความรักกัน "
แพมเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหล่อน เพราะเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถม จึงทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ แต่แพมไปเรียนต่อเมืองนอกและตัดสินใจย้ายไปอยู่อย่างถาวรเมื่อพบรักกับเศรษฐีหนุ่มชาวอเมริกัน เมื่อได้ยินน้ำเสียงและเห็นท่าทางที่แสนเว่อของแพมอีกครั้งทำให้มิลลาอดอมยิ้มไม่ได้ หล่อนจึงทำเสียงล้อเพื่อนกลับไปบ้าง
"จะฉลองทำไมคะคุณแพมขา"
"อ้าว ก็พวกเรามันคนโสดนี่จ๊ะ ก็ต้องไปฉลองด้วยกันสิ น่านะ ไปเที่ยวด้วยกันหน่อย ดีกว่าอยู่เฉยๆ ไม่ใช่เหรอ ฉันก็ไม่ได้เจอแกตัวเป็นๆนานแล้วนะ "
"แหม ก็เห็นผ่านหน้าจอแล้วนี่ อย่ามาทำเป็นพูดไป แกเนี่ยนะโสด จะแต่งงานอีกเดือนสองเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ไปฉลองกับแฟนล่ะ"
"ก็บ็อบเขาติดงานน่ะ เลยไม่ได้ฉลองด้วยกัน อีกอย่างฉันก็ไม่ได้กลับเมืองไทยตั้งนาน แล้วเห็นหน้าผ่านจอคอมพ์มันใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ สัมผัสกันก็ไม่ได้ ฉันอยากกอดแกจะตายอยู่แล้วนะ คิดถึงจะแย่แล้ว"
"นี่ก็แสดงว่าถ้าบ็อบไม่ติดงานแกก็คงไปฉลองกะเขาแล้วล่ะสิ"
"โอ๋ๆ อย่าน้อยใจไปหน่อยเลยน่า จริงๆแล้วฉันตั้งใจจะกลับเมืองไทยอยู่แล้วล่ะ วางแผนล่วงหน้าไว้แล้วจ้ะ บ็อบก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีซะอีกจะได้มาเยี่ยมญาติๆ แล้วจะได้ไปเยี่ยมแกด้วยไง "
"อืมๆ ฉันล้อเล่น มาสิ ฉันก็คิดถึงแกอยู่เหมือนกัน"
"อื้ม ดีมากๆ ฉันโทรมาบอกแกล่วงหน้าว่าฉันกำลังจะบินไปไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี่แหละ ถึงเมืองไทยก็คงประมาณสองทุ่ม แกไปรับฉันที่สุวรรณภูมิด้วยนะ โอเค้"
"จ้าๆ รีบมาเหอะ เดี๋ยวจะทำอาหารเลี้ยงต้อนรับ "
"งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ บ๊ายบาย"
"หวัดดีจ้ะ"
เจ้าเพื่อนจอมยุ่งวางสายไปแล้ว นาฬิกาบอกเวลาสี่โมงเย็น มีเวลาหลายชั่วโมงกว่าแพมจะมาถึง หล่อนคิดว่าจะทำสลัดผักต้อนรับแพม เพราะรู้ดีว่าเพื่อนของหล่อนรักษาหุ่นเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจทำช็อคโกแลตแบบโบราณเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้เพื่อนรักอีกหนึ่งอย่าง เมื่อสำรวจดูส่วนประกอบต่างๆที่อยู่ในครัว ก็พบว่าขาดแต่ผงโกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแลตเท่านั้น หล่อนจึงตัดสินใจออกไปซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน คิดในใจว่าแอบโดดงานไปสักพักก็คงจะดี
Do you want to be my one and only love ..... So you wanna be my friend ?
So you wanna be my lover? ...... Do you want to be my one and only love?....
ทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เสียงเพลง One and Only ของ Teitur ก็ดังขึ้น พลางคิดในใจว่าหล่อนรู้จักเพลงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน มันเป็นเพลงเก่าที่หล่อนเคยฟังเมื่อนานมาแล้ว จำได้ว่าเป็นเพลงโปรดของแม่ แม่มักจะชอบฟังเพลงโรแมนติกหวานๆอย่างนี้เสมอ หล่อนหยุดฟังเพลงอยู่ชั่วครู่เพื่อดื่มด่ำกับทำนองพลิ้วไหว เนื้อหาของเพลงช่างแสนหวาน เป็นคำถามที่หล่อนเชื่อว่าใครๆก็คงอยากจะฟัง..เพราะคนถามคงจะแน่ใจว่าคนที่เขาอยากได้คำตอบนั้นคงจะเป็นหนึ่งเดียวในใจที่จะเป็นได้ทั้งเพื่อนและคนรักอยู่เคียงข้างด้วยกันตลอดไป แต่มันก็เป็นเพียงแค่ในเพลงเท่านั้น
"ชอบเพลงนี้เหรอครับ" เสียงเจ้าของร้านถามขึ้น ทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์
"ค่ะ เพราะมากเลย ฉันไม่ได้ฟังตั้งนานแล้วล่ะค่ะ ก็เลยแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินเพลงนี้อีกครั้ง"
"ผมชอบเพลงนี้น่ะครับ ชอบบรรยากาศเก่าๆ แต่สมัยนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไป แต่ผมยังคงถวิลหาวันวานอยู่ ร้านของผมก็เลยยังมีสินค้าแบบดั้งเดิมแล้วก็แบบใหม่"
เจ้าของร้านยิ้มละไม ดูจะภาคภูมิใจกับร้านเล็กๆแห่งนี้เหลือเกิน เขาอายุราวๆสามสิบกว่าปี
มิลลาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ อาจเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาคุ้นเคยกัน
หญิงสาวยิ้มรับ พร้อมกับชมเขาจากใจจริง
"ค่ะ คุณจัดร้านได้เก๋ดีนะคะ ทุกครั้งที่ฉันมาก็จะได้ฟังแต่เพลงเพราะๆทั้งนั้นเลย เพลงนี้ก็เข้ากับบรรยากาศเดือนแห่งความรักมากเลยค่ะ "
" เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของผมน่ะครับ และผมก็คิดว่ามันเข้ากับเดือนนี้เหมือนกัน"
"แต่คงจะมีคนแบบชายหนุ่มในเพลงน้อยลงนะคะ"
" ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ ก็ผมนี่ไง"
เจ้าของร้านหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"จริงสิ วันนี้คุณมาซื้ออะไรล่ะครับ มัวแต่ชวนคุณคุยซะเพลินเลย งั้นตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะลดให้เป็นพิเศษเลย"
" อยากได้ผงโกโก้สำหรับทำช็อคโกแลตน่ะค่ะ"
"จะทำให้คนรักเหรอครับ"
"เปล่าหรอกค่ะ ทำให้เพื่อน เธอเป็นคนพิเศษในชีวิตฉันน่ะค่ะ"
"ดีจังเลยนะครับ ผมเพิ่งจัดร้านใหม่ ผงโกโก้อยู่ล็อคทางด้านซ้ายนะครับ"
"ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
มิลลาเดินตรงไปเลือกผงโกโก้ที่ต้องการ พร้อมกับเลือกอาหารสำเร็จรูปไปอีกสองสามอย่าง การใช้จ่ายสมัยนี้ก็แสนง่าย เพียงแค่สอดการ์ดสำหรับซื้อของเข้าไปในเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติที่มีลักษณะคล้ายตู้เอทีเอ็ม เครื่องก็จะอ่านรหัสและราคาของสินค้าตามที่ได้ตั้งโปรแกรมไว้
มุมหนึ่งของร้านมีภาพถ่ายเด็กหญิงตัวเล็กน่ารักคนหนึ่ง เธอคงอายุราวๆสี่ห้าขวบ สวมชุดกระโปรงสีแดง รอยยิ้มของเธอช่างดูไร้เดียงสา ราวกับว่าไม่มีความทุกข์ใดใดให้ต้องกังวล
"ลูกสาวผมเองครับ"
"ลูกสาวคุณเหรอคะ" หล่อนถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
"เห็นอย่างนี้ก็เถอะ ผมน่ะเป็นพ่อคนแล้วนะ"
"เธอน่ารักจังเลยนะคะ แต่ฉันไม่เคยเห็นเธอเลย"
"เธออยู่กับแม่ของเธอที่ต่างจังหวัดน่ะครับ เราหย่ากันเมื่อแปดปีก่อน"
เจ้าของร้านยิ้ม นัยน์ตามีแววเศร้า
"แต่เราก็ยังคงติดต่อกันนะครับ เพียงแต่ผมไม่ค่อยได้เห็นหน้าเธอเท่านั้นเอง ป่านนี้เจ้าหญิงน้อยๆคงจะโตขึ้นเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักแล้วล่ะมั้ง"
หล่อนได้แต่เพียงยิ้มรับรอยยิ้มของเขา ก่อนเดินออกจากร้านไป
"ขอบคุณที่เลือกร้านเรา สุขสันต์ในเดือนแห่งความรัก แล้วแวะมาใหม่นะครับ"
เขายังคงยืนส่งยิ้มอยู่หน้าประตูร้าน
รอยยิ้มเศร้าๆ ยังคงอยู่ในห้วงคำนึง นึกไปถึงคำพูดของเขาเมื่อครู่ เวลาอย่างนั้นหล่อนควรจะพูดอะไร ในเมื่อแปดปีที่ผ่านมาไม่สามารถเยียวยาความรู้สึกของเขาได้เลย แต่ละคนล้วนมีเหตุผลของตนเองในการหย่าร้าง นั่นคงเป็นวันหมดอายุของความรัก ทุกฝ่ายต่างเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหญิงตัวน้อย ภาพรอยยิ้มสดใสที่หล่อนเห็นคงกลายเป็นอดีตไปในทันใด แต่ถึงอย่างไรความรักก็เกิดขึ้นได้ใหม่อย่างง่ายดายราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลใดใดเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนกับพ่อและแม่ของหล่อนที่แต่งงานใหม่อีกครั้ง ตอนแรกมิลลาก็ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลของพวกผู้ใหญ่นัก เคยปฏิเสธไม่ยอมทำความเข้าใจ แต่พอมาถึงตอนนี้ก็สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะหล่อนโตขึ้น และผ่านการเคี่ยวกรำจากประสบการณ์ต่างๆที่ถาโถมเข้ามามากมาย และเรียนรู้ในการใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว อันที่จริงหล่อนก็ไม่ได้ตัดขาดจากพ่อแม่ไปเสียทีเดียว หล่อนยังคงรักพวกท่าน เพียงแต่ความผูกพันอาจจะเจือจางลง แม้หล่อนมักจะแวะเวียนไปหาพวกท่านเสมอ แต่ส่วนลึกภายในจิตใจก็ยังไม่ถูกเติมเต็ม สุขสันต์เดือนแห่งความรักอะไรกัน เดือนแห่งความรักมีอยู่จริงเสียที่ไหน มันเป็นเพียงรูปธรรมที่มนุษย์พยายามสร้างขึ้นเพื่อให้ดูสวยหรู เป็นสัญลักษณ์เพื่อให้รู้ว่าโลกนี้ยังคงมีความรักอยู่เท่านั้น แต่แท้ที่จริงจำนวนการหย่าร้างกลับเพิ่มขึ้นทุกปี แล้วอย่างนี้วันวาเลนไทน์จะมีความหมายอะไร
หญิงสาวจำภาพตอนเด็กๆได้อย่างรางเลือน ภาพที่ปรากฏส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่ฉันเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน หล่อนชอบวิชาศิลปะกับวิชาภาษาอังกฤษมากที่สุด ศิลปะทำให้ผ่อนคลาย การได้ประดิษฐ์สิ่งเล็กๆน้อยๆทำให้มีความสุข สิบสองปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนประจำทำให้หล่อนเข้มแข็งและได้พบเพื่อนที่ดีอย่างแพม
มิลลากลับมายังสถานที่ที่เป็นทั้งบ้านและที่ทำงานอีกครั้งเพื่อลงมือทำสลัดผักของโปรดของแพม ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสร็จ ติดก็แต่การทำช็อคโกแลตเท่านั้น แต่สำหรับ ค.ศ.นี้การทำอาหารไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใดในโลก เพียงแค่ค้นหาวิธีทำจากอินเทอร์เน็ต ก็จะมีเชฟออนไลน์คอยสาธิตวิธีทำอาหาร อธิบายละเอียดทุกขั้นตอนจนกว่าคุณจะทำเป็น ถ้ายังไม่เข้าใจหรือสูตรผิดพลาดก็สามารถคุยผ่านระบบออนไลน์ถามพ่อครัวได้โดยตรง หล่อนใช้เวลาในการทำช็อคโกแลตอยู่นานทีเดียว ในที่สุดขนมหวานรูปหัวใจก็พร้อมเสิร์ฟ
8.00 p.m.
"มิลล์ ทางนี้ๆ!!"
เจ้าของชื่อรีบหันไปทางน้ำเสียงใสนั้นทันที
"ยังยืนเอ๋อ เหมือนเดิมน่ะหล่อน แทนที่แก จะเป็นคนเห็นฉันก่อน "
"ก็หาคุณนายอยู่นั่นแหละจ้ะ มาๆฉันช่วยถือ"
"ขอบใจมากนะที่มารับ"
"ไม่เป็นไรๆ แต่คราวหลังน่ะก็ค่อยโทรบอกตอนมาถึงเลยสิ"
"แหมๆ มีประชดนะยะ ก็มันยุ่งๆอยู่น่ะ เลยเพิ่งโทรบอกแก เอ่าน่า ถึงยังไงตอนนี้ฉันก็มาถึงแล้วนี่นา"
"ดีใจที่แกมานะ"
"ฉันก็ดีใจเหมือนกัน ว่าแต่แกมีอะไรกินบ้างล่ะ หิวจะตายอยู่แล้ว"
"ไปดูเองละกัน ฉันเตรียมต้อนรับแกเรียบร้อยแล้วล่ะ"
"ดีจัง มิลล์นี่ยอดเยี่ยมที่สุดเลย"
คืนนั้นแพมคงจะหิวจัดมากเพราะหล่อนกินสลัดผักหมดไปตั้งสองจาน ตามด้วยขนมหวานอีกหนึ่งถ้วยเล็กๆ
" อิ่มจังเลย"
"อิ่มแล้วเหรอแพม ฉันยังมีของหวานสุดพิเศษให้เธออีกอย่างนะ"
" จริงเหรอ เอามาสิ ยังมีที่ว่างสำหรับอาหารอร่อยๆเสมอ"
"งั้นรอสักครู่นะจ๊ะ "
หล่อนเดินไปหยิบช็อคโกแลตรูปหัวใจที่บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษสีแดง และตกแต่งด้วยโบว์สีชมพูหวานออกมาจากตู้เย็นแล้วยื่นให้แพม
"Happy Valentine's Day จ้ะ"
"โอ้โห น่ารักจังเลย แต่วันวาเลนไทน์น่ะพรุ่งนี้นะจ๊ะ"
"ก็ให้ล่วงหน้าหนึ่งวันไม่เห็นจะเป็นไรเลย เป็นของขวัญต้อนรับเธอด้วยไง"
"ขอบคุณมากๆ ทำเองหรือเปล่ามิลล์"
"ทำเองจ้ะ กว่าจะได้นะลำบากสุดๆ"
"จริงอ่ะ จะกินได้รึเปล่าว้าาา"
"งั้นเอาคืนมาเลย"
"ฮ่าๆ หยอกเล่น แหม ฉันดีใจจะแย่แล้ว แกให้ของขวัญก่อนบ็อบอีกนะเนี่ย"
เดี๋ยวกลับไปก็ได้ของขวัญย้อนหลังเองล่ะน่า"
"โอ๊ย รายนั้นไม่ค่อยโรแมนติกหรอก นี่ แต่ฉันก็มีของให้แกนะ อ่ะ เอาไป "
"อะไรเนี่ย"
"แกะดูสิ"
"หนังสือรวมภาพวาดพร้อมประวัติของVincent Van Gogh?"
"ก็เห็นอยากได้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ หาภาพวาดของจริงไม่ได้ แต่หนังสือเนี่ยพอหาได้ ฉันไปหาจากร้านขายหนังสือเก่ามาน่ะ "
"ขอบคุณมากนะ ยอดจริงๆเลย"
"แน่นอน ไม่รู้จักฝีมือฉันซะแล้ว"
"จ้า แม่คนเก่ง"
"ว่าแต่พรุ่งนี้เราจะไปไหนกันดี"
"จะไปไหนล่ะ พรุ่งนี้ฉันทำงานจ้ะ"
"อ้าว นี่ฉันมาเมืองไทยเพื่อมาฉลองกับแกนะ "
"ก็พรุ่งนี้ฉันมีงานนี่นา ต้องเข้าบริษัทน่ะ "
"อะไร ยังต้องไปบริษัทอีกเหรอ"
"ลูกค้านัดน่ะ"
"สมัยนี้เขาติดต่อกันผ่านระบบออนไลน์ทั้งนั้นแหละ ลูกค้าแกนี่แปลกคนนะ "
"ฉันก็ว่างั้นแหละ เอาอย่างนี้สิ แพมก็ไปหาคุณพ่อ คุณแม่ก่อนเป็นไง มาเมืองไทยโทรหาพวกท่านหรือยัง"
"ตายละ ยังเลย"
"ขี้ลืมอีกแล้วนะ"
"แล้วแกไปบริษัทกี่โมงล่ะมิลล์"
"บ่ายโมงน่ะ"
"ดีเลย งั้นช่วงเช้าขับรถชมเมืองกันก่อนนะ"
"จะชมไปทำไมคะคุณนาย มันก็เหมือนกับทุกวันนั่นแหละ"
"ก็ฉันไม่ได้มาเมืองไทยตั้งนานแล้วนี่นา แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์ด้วย มันต้องมีอะไรพิเศษๆแน่เลย"
"ไม่มีอะไรหรอกน่า"
"นี่คุณป้ามิลล์ขา ช่างไม่มีอารมณ์สุนทรีบ้างเลยนะ เอาน่า ถือว่าพาฉันไปเที่ยวไง"
"แล้วเธอจะตื่นไหวเหรอจ๊ะ คืนนี้กะจะคุยกับฉันจนถึงเช้าไม่ใช่เหรอ "
"งั้นก็เปลี่ยนแผนเสียสิจะไปยากอะไร สี่ทุ่มแล้ว รู้สึกเพลียจังเลย ฉันนอนก่อนนะมิลล์"
แพมขยิบตาให้เจ้าของห้องก่อนจะหลับไปอย่างง่ายดาย
ยัยแพมนะยัยแพมเป็นอย่างนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน เป็นแบบแพมนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ทุกสิ่งทุกอย่างช่างดูยืดหยุ่นและดูง่ายสำหรับแพมเสมอ
พรุ่งนี้ก็วันที่14 แล้วสิ วันวาเลนไทน์วันแห่งความรัก และท้องฟ้ายังคงเป็นสีชมพู...
" Happy Valentine จ้า เช้าแล้วๆ ตื่นได้แล้ว"
"อะไรอีกล่ะคุณนาย เวลาทำงานของฉันคือ 9 โมงนะ นี่ยังแปดโมงอยู่เลย"
"ก็เราคุยกันเมื่อคืนแล้วไงว่าแกจะพาฉันชมเมืองน่ะ ลุกเลยคุณป้า แล้วก็ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย อาหารเช้าวันนี้ฉันเลี้ยงแกเอง"
คนตื่นสายจำใจลุกขึ้นมาอาบน้ำอย่างเกียจคร้าน โดยมีแพมตะโกนเร่งอยู่ด้านหลัง ในแต่ละวันชีวิตของหล่อนดำเนินไปอย่างเรียบง่าย 9โมงเช้าคือเวลาที่จะต้องไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน บริษัทจะเริ่มเช็คเวลาตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงเวลา 5 โมงเย็น และถึงแม้ว่าจะทำงานที่บ้านก็ต้องแต่งตัวสุภาพ หากพนักงานคนไหนต้องการทำงานล่วงเวลา ทางบริษัทก็จะนับเวลาเพื่อปันผลเป็นโบนัสต่อไป ตั้งแต่ทำงานมาหล่อนไม่เคยหยุดงานเลยแม้แต่วันเดียว วันนี้คงจะเป็นครั้งแรกที่ต้องลางานครึ่งวันเพื่อไปเที่ยวกับคุณนายแพม แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินชมเมืองกับเพื่อนเก่า
ดอกกุหลาบดอกโตหลากสีที่ได้รับการตัดแต่งพันธุกรรมถูกจัดไว้อย่างดีเรียงรายอยู่ในร้านติดกระจกใสบนทางเดินสองข้างทาง บางร้านก็ตกแต่งประดับประดาด้วยหัวใจสีแดง ร้านที่ขายของขวัญสำหรับวันแห่งความรักโดยเฉพาะดูจะขายดีเป็นพิเศษ เพราะพนักงานแต่ละร้านต่างกำลังง่วนอยู่กับการขนส่งของขวัญที่ลูกค้าสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต ทำไมผู้คนต้องให้ความสำคัญกับวันนี้มากขนาดนี้ด้วยนะ ดูเหมือนหล่อนจะคิดอย่างนี้ทุกครั้งที่ถึงเดือนกุมภาพันธ์ วันนี้มีคู่รักหลายคู่ต่างพากันออกมาฉลองวันวาเลนไทน์ นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิตของคนคนหนึ่ง จากนี้คู่รักคู่นั้นจะสามารถรักษาความรักได้ยาวนานขนาดไหนไม่มีใครรู้ แต่สุดท้ายก็ต้องพรากจากกันอยู่ดี
"มิลล์มาร้านนี้สิมีแต่ของน่ารักๆทั้งนั้นเลย "
"จ้าๆ"
หล่อนเดินตามแพมเข้าไปในร้านกิฟท์ช้อปแห่งหนึ่ง แพมดูร่าเริงเหมือนเด็กๆ เธอเป็นเหมือนดวงตะวันที่ส่องแสงเจิดจ้า จนบางครั้งหล่อนคิดอยากจะสดใสอย่างนั้นบ้าง แต่คงได้เป็นเพียงแค่แสงจันทร์ยามค่ำคืนเท่านั้น
พวกเราเดินไปเรื่อยๆดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบกายที่เต็มไปด้วยสีชมพู
"มัวมองอะไรอยู่น่ะมิลล์ ทำอย่างกับไม่เคยออกมาเดินเล่นงั้นแหละ"
"อื้ม เป็นอย่างนั้นจริงๆ"
มิลลาตอบด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
"หา ว่าไงนะ จะบ้าเหรอ ทำไมไม่ออกมาดูโลกภายนอกบ้างล่ะคุณป้า แกไปเที่ยวที่ไหนบ้างเนี่ยมิลล์"
"ซูเปอร์มาเก็ต"
"อะไรนะ"
"ซูเปอร์มาเก็ตแถวบ้าน แล้วก็ที่บ้าน ถ้าอยากไปไหนก็ใช้ระบบออนไลน์ หรือไม่ก็ไปทัวร์กับลูกค้านั่นคือการไปเที่ยวของฉัน"
"นั่นเขาไม่ได้เรียกว่าเที่ยว เขาเรียกว่าไปทำงานนะจ๊ะ แกจะทำงานตลอด365 วันไม่ได้นะ อย่างนี้ชีวิตก็เหี่ยวเฉาแย่น่ะสิ แกอย่าปล่อยให้อดีตมาเป็นตัวกำหนดอนาคตสิ"
"เปล่าสักหน่อย ฉันเป็นของฉันอย่างนี้มาตั้งนานแล้วแกก็รู้ ฉันชอบไปเที่ยวที่อื่นเสียที่ไหนล่ะ ชีวิตมันก็เท่านี้แหละแพมมีพบก็ต้องมีพราก ฉันก็แค่อยู่ของฉันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ"
"แต่แกก็น่าจะผ่อนคลายบ้าง ตอนนี้แกเริ่มเป็นหุ่นยนต์เหมือนคนอื่นๆแล้วนะรู้หรือเปล่า แกยิ่งทำตัวอย่างนี้ชีวิตมันก็จะยิ่งน่าเบื่อนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแกก็ไม่ได้มองใครเลยใช่ไหม แกน่าจะมีใครอยู่ข้างกายได้แล้วนะ อีกหน่อยพอฉันแต่งงานไปคงจะไม่ค่อยได้มาหาแก อย่างนี้ฉันก็เป็นห่วงแกแย่น่ะสิ"
"ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก รีบๆแต่งไปเลยคุณนาย"
ทั้งสองเงียบไปชั่วอึดใจ
"แกกำลังคิดอยู่ใช่ไหมว่าสักวันหนึ่งคู่รักพวกนั้นก็ต้องแยกทางกันหรือไม่ก็ต้องตายจากกันอยู่ดี แกก็เลยเลือกที่จะอยู่คนเดียวใช่ไหม มิลล์แกทำไมไม่คิดถึงช่วงชีวิตระหว่างการมีชีวิตอยู่กับความตายล่ะ ชีวิตคนเราน่ะมันสั้นนะ การเปิดใจยอมรับและเรียนรู้ใครสักคนมันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เรารู้จักมนุษย์คนหนึ่งมากยิ่งขึ้น คนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ถ้าวันหนึ่งแกรู้สึกว่าเขายังไม่ใช่คนที่แกต้องการ มันก็ถึงจุดที่ต้องแยกกันไป มันก็เท่านั้นเอง แกมีสิทธิ์จะเลือกนะมิลล์ อย่างฉันกับบ็อบนี่ไงกว่าจะตัดสินใจแต่งงานก็ใช้เวลานานเหมือนกันนะ และฉันก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น"
"ฉันไม่อยากผูกพันกับใครสักคนน่ะแพม ฉันคิดว่าพอถึงวันที่ต้องจากกันฉันจะทนไม่ได้ แค่แกไปอยู่อเมริกาฉันก็ใจหาย แต่ฉันก็ดีใจที่แกมีความสุข ฉันเกลียดความผูกพัน"
"แต่ความผูกพันก็ทำให้ฉันยังอยู่กับแกนะมิลล์ เราจะได้มีความทรงจำเก็บไว้คิดถึงกันไง ถ้าหากพรุ่งนี้ฉันตายจากแกไปก่อน แกก็ยังมีความผูกพันไว้ระลึกถึงฉันบ้าง คนรักก็เหมือนกันถึงแม้บางครั้งจะมีความทรงจำที่แสนเจ็บปวด แต่มันก็จะกลายเป็นบทเรียนสำหรับครั้งต่อไป ความรักจะทำให้แกรู้จักตัวเองมากขึ้น"
"เพราะอย่างนั้นไงล่ะ ฉันถึงอยากอยู่คนเดียว กลับไปที่รถเถอะ นี่ก็เที่ยงแล้ว ฉันจะพาแกไปกินร้านอร่อย มื้อนี้ฉันเลี้ยงแกเอง"
"แกนี่ดื้อจริงๆ"
หล่อนเพียงแต่ยิ้มรับคำกล่าวนั้น
หลังจากไปส่งแพมที่บ้าน มิลลาก็มายังบริษัทที่ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมือง ตัวอาคารเป็นเพียงตึกสามชั้นแต่ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง
ขณะนี้เวลาบ่ายโมงตรง มิลลากำลังรอเวลาที่จะพบกับลูกค้าของหล่อน
" สวัสดีครับ ดูท่าทางคุณคงจะยุ่งมากนะครับ"
หญิงสาวเลิกวุ่นอยู่กับเอกสารตรงหน้า แล้วหันมาทักทายแขกผู้มาเยือน
"สวัสดีค่ะ คุณกวีใช่หรือเปล่าคะ"
"ครับ ผมเอง"
"Happy Valentine's Day นะคะ"
"เช่นกันครับ คงไม่มีใครมาติดต่อแบบผมแล้วสิครับเนี่ย คุณถึงรู้ว่าเป็นผมทันที "
"ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาสำนักงานมักจะเป็นลูกค้าที่ขอนัดพบล่วงหน้าน่ะค่ะ"
มิลลายิ้มให้กับลูกค้าของหล่อน ก่อนจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมการเดินทาง
"เรามีการท่องเที่ยวสองแบบด้วยกัน ไม่ทราบว่าคุณต้องการจะเดินทางในรูปแบบไหนคะ ถ้าคุณไปกับคนรักล่ะก็ทางเราจะลดให้เป็นพิเศษเพื่อเป็นของขวัญต้อนรับวาเลนไทน์ค่ะ"
"ผมไปคนเดียวครับ แล้วก็ต้องการเดินทางไปเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ"
"ที่จริงคุณติดต่อจองผ่านทางอีเมล์ หรือไม่ก็ออนไลน์เข้ามาคุยกับดิฉันโดยตรงเลยก็ได้นี่คะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา"
"ไม่เสียเวลาหรอกครับ เวลาของผมน่ะเหลืออีกตั้งมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรดี แล้วคุณไม่อยากรู้เหรอครับว่าทำไมผมถึงต้องดั้นด้นมาถึงสำนักงาน"
เขาไม่รีรอฟังคำตอบของฉัน แต่พูดต่อทันที
" ผมมาที่นี่เป็นเพราะผมอยากจะพบไกด์นำเที่ยวด้วยน่ะครับ คงเป็นคุณใช่ไหม เพราะผมเห็นคุณคนเดียวในบริษัท ผมอยากมาเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ติดต่ออยู่กับหุ่นยนต์ ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ"
"ดิฉันชื่อมิลลาค่ะ ที่สำนักงานนี่ไม่ค่อยมีใครมาหรอกค่ะ ส่วนใหญ่เราจะทำงานกันที่บ้านนี่คะ มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วคุณก็รู้"
"นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจครับ ว่าเราจะกลับบ้านเพื่อไปทำงานทำไม ผมไม่เห็นด้วยเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้"
มิลลายังคงยิ้มให้เขาพร้อมขอให้เขานำ ID Card ออกมาเพื่อให้คอมพิวเตอร์อ่านข้อมูลในการจัดทำบัตรประจำตัวนักท่องเที่ยวหรือ Tourist Card
"คุณคงไม่อยากคุยกับผม"
"เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่ทำตามหน้าที่เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย ตกลงว่าคุณจะไปที่ไหนคะ"
"ผมจะไปภูกระดึงครับ"
"ช่วงนี้ทางเรามีบริการแบบแพ็คเกจทัวร์นะคะ ถ้าแถวทางภาคอีสานก็ห้าวันสี่คืน ก็มีนครราชสีมา ขอนแก่น นครพนม เลย บุรีรัมย์ รับรองค่ะว่าเราจะไม่ให้คุณพลาดสถานที่สำคัญๆแน่นอน"
"แต่ผมอยากไปภูกระดึงที่เดียวนี่ครับ ไม่ต้องการแวะไปที่ไหนทั้งสิ้น"
"อืม..งั้นคุณทำไมไม่จองตั๋วกับทางขนส่งมวลชนเลยล่ะคะ เขามีบริการรถใต้ดินเชื่อมต่อไปถึงจังหวัดเลยแล้วนะคะ"
"ถ้าทำอย่างนั้นผมก็ไม่มีไกด์นำเที่ยวน่ะสิครับ ถ้าติดต่อไปที่การท่องเที่ยว พวกเขาก็คงให้แต่แผนที่ทรอนิกส์มาแทน แต่ผมต้องการเพื่อนร่วมทางด้วยน่ะครับ เพราะผมต้องการให้คนคนหนึ่งไปด้วยให้ได้ แต่ผมไม่เคยไปภูกระดึงเลย ชั่วชีวิตของผมแทบไม่เคยจะไปไหนนอกจากในกรุงเทพฯ งั้นคุณจองตั๋วให้ผมหน่อยได้ไหมครับ หรือไม่ก็ขอใช้บริการแค่ไกด์ของบริษัทคุณ หรือไม่ก็ให้ผมซื้อโปรแกรมอย่างที่คุณบอก แต่ผมจะไปลงที่จังหวัดเลยก็พอ"
"แต่ตอนแรกคุณบอกว่าคุณจะไปคนเดียวนี่คะ"
"ครับ แต่จริงๆแล้ว ผมกะจะพาคนรักของผมไปเที่ยวด้วยน่ะครับ เธออยู่ในนี้"
เขาหยิบล็อคเก็ทรูปหัวใจออกมา ภายในบรรจุรูปถ่ายหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังแย้มยิ้ม รอยยิ้มของเธอช่างดูอ่อนหวานเสียนี่กระไร
"คนรักของผมเองครับ เธอจากผมไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เรากำลังจะหมั้นกันอยู่แล้ว แต่เธอก็ด่วนจากผมไปเพราะอุบัติเหตุ เธอเป็นคนเดียวที่ผมอยู่ด้วยแล้วมีความสุข เธอสดใส ร่าเริง เป็นคนที่ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังคุยอยู่กับมนุษย์หุ่นยนต์ เธออยากไปภูกระดึงมาก แต่ผมก็ไม่มีเวลาให้เธอ ผมเป็นนักธุรกิจน่ะครับ วันๆก็มีแต่เรื่องงาน ผมพยายามหาทางออกโดยการพาเธอไปเที่ยวแบบเสมือนจริง แต่เธอก็บอกว่ายังไง"เสมือนจริง" ก็ไม่ใช่ "ของจริง" ผมไม่รู้จะทำยังไง เมื่อก่อนผมก็แค่เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา เธอเฝ้าแต่พูดถึงและชวนผมอยู่หลายครั้ง แต่ผมก็ไม่ว่างสักที เธอเป็นคนรักธรรมชาติน่ะครับ เธอรู้สึกว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยามนุษย์อย่างแท้จริง และที่สำคัญที่ภูกระดึงนั่นก็ยังรักษาความเป็นป่าโปร่งไว้อย่างสมบูรณ์ เธอจึงอยากไปสัมผัสที่นั่นสักครั้ง
หล่อนยิ้มให้เขาอีกครั้ง นี่หรือที่ว่ารักหนักหนา ?
"ผมรู้นะครับ คุณคงคิดว่ามันสายเกินไปแล้วใช่ไหม ข้อนั้นผมรู้แล้วล่ะครับว่าผมพลาดอะไรไปบ้าง แต่อย่างน้อยผมก็ได้ทำอะไรเพื่อระลึกถึงเธอ ว่าแต่คุณเถอะรู้ตัวหรือยัง คุณคงไม่เคยมีความรักอย่างนี้มาก่อนใช่ไหมครับ"
เขาถือสิทธิ์อะไรมาตัดสินหล่อน ? เพียงเพราะเขาอ้างว่าเขาเข้าใจความรักอย่างนั้นหรือ ?
หล่อนมองหน้าเขาอย่างไม่วางตา เขาเองก็ไม่หลบสายตาหล่อนเช่นกัน
"ความรักมันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"แต่มันก็ทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นนะครับ คุณจะไม่รู้สึกว่างเปล่าอีกต่อไป"
"คุณมักจะรู้สึกซาบซึ้งกับความรักเมื่อมันสายเกินไปอย่างนี้เสมอหรือคะ สุดท้ายชีวิตคุณก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม"
"นั่นจะเป็นบทเรียนสำหรับความรักครั้งต่อไป คุณคิดว่าไม่ดีหรือครับที่จะมีบางสิ่งบางอย่างพัฒนาขึ้น ไม่ได้ติดอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
"คุณเคยเขียนการ์ดวาเลนไทน์ให้ใครสักคนหรือเปล่าล่ะครับ" เขาตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง
"ถ้ายังล่ะก็ ลองดูนะครับ เรื่องบางเรื่องน่ะการเขียนจะสามารถอธิบายได้มากกว่าการพูดอีก เธอเขียนให้ผมทุกปีเลยล่ะครับ เป็นข้อความที่หวานซึ้ง แต่ผมก็รู้ว่าเธอหมายความตามนั้นจริงๆ"
มิลลามองเขาอีกครั้งพร้อมทั้งยื่นบัตรประจำตัวนักท่องเที่ยวให้กับเขา เรื่องที่เขาพูดมันก็เป็นเพียงเหตุการณ์ในอดีต หล่อนไม่อยากจะต่อปากต่อคำเรื่องที่หล่อนเข้าใจดีอยู่แล้ว หรือที่จริงหล่อนไม่เข้าใจอะไรเลย ?
"นี่การ์ดของคุณ กำหนดการเดินทางคือต้นเดือนหน้า รายละเอียดการเดินทางดิฉันจะส่งทางเมล์ไปให้คุณอีกครั้งนะคะ ฉันจะเป็นไกด์นำเที่ยวเองค่ะ"
"ขอบคุณนะครับคุณมิลลา แล้วเจอกันนะครับ"
"มิลล์จะพาลูกค้าไปเที่ยวภูกระดึงจริงๆเหรอ ลูกค้าผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ"
"ผู้ชายจ้ะ"
"แล้วเป็นไงบ้างล่ะ"
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันว่าหมอนี่ท่าทางกวนอารมณ์นะ แล้วแกจะมาซักฉันทำไมเนี่ย"
"แกก็มองๆไว้บ้างสิ นานๆแกจะได้คุยกะหนุ่มๆสักคนนี่"
"งานก็คืองานนะจ๊ะ ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง"
"ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เขาอาจจะเป็นเนื้อคู่แกก็ได้นะ"
"ไม่หรอก"
"ก็ไม่แน่นะ วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์นะจ๊ะ อย่างที่ฉันบอกอาจจะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นก็ได้"
"ไม่มีทาง แล้วคุณนายซื้ออะไรมาอีกล่ะ"
"การ์ดวาเลนไทน์ไง ฉันจะส่งให้บ็อบ แล้วก็ให้เพื่อนๆที่อยู่ที่โน่น"
"ยังมีขายอยู่อีกเหรอ"
"ก็ไปซื้อที่ซูปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆนี่ไง มีของคลาสสิกๆเยอะเลยนะ พอฉันบอกว่าเป็นเพื่อนแก เขาก็บอกว่าแกเป็นเจ้าประจำเลยนี่"
"อื้ม สะดวกดีน่ะ ว่าแต่ส่ง e-card ไม่เร็วกว่าเหรอแพม "
"อีกแล้วนะคุณป้า แบบนี้ดีกว่ากันเยอะเลย ฉันว่ามันสื่อถึงความรู้สึกได้มากกว่าอีกนะ แกจะเขียนบ้างไหมล่ะ "
"ไม่ดีกว่า เขียนไปก็เท่านั้น ซื้อมาให้เปลืองเงินอีกต่างหาก"
"งั้นเหรอ แน่ใจนะว่าแกคิดอย่างนั้น"
แพมยิ้มอย่างมีเลศนัย
" มิลล์ฉันสั่งซื้อหุ่นยนต์รุ่น HW630 มาด้วยนะ เป็นหุ่นสำหรับทำงานบ้าน นี่ไงบริษัทเพิ่งเอามาส่งก่เมื่อตอนเย็นนี้เอง"
หุ่นยนต์ลักษณะคล้ายมนุษย์ผู้หญิง แต่ทั้งตัวทำด้วยโลหะพิเศษ เดินออกมาจากห้องครัวอย่างคล่องแคล่วแตกต่างจากหุ่นยนต์สมัยก่อน สวมผ้ากันเปื้อน พร้อมทักทายด้วยเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงที่ใกล้เคียงเสียงมนุษย์ตามโปรแกรมที่ตั้งไว้
"รุ่นนี้กำลังนิยมเลยนี่"
"ฉันซื้อให้แกไง แกไม่ต่างจากเจ้าหุ่นนี่เลยนะ "
"ทำไมล่ะ ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์นะ"
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวเล็กน้อย เพราะเพื่อนสนิทของหล่อนย้ำว่าหล่อนเหมือนหุ่นยนต์เป็นครั้งที่ล้านได้แล้วกระมัง
"ก็ดูตัวแกสิ แกทำเหมือนแกมีชีวิตอยู่ไปวันๆ มีหน้าที่อะไรก็ทำ ไร้ชีวิตชีวา เมื่อก่อนแกไม่เคยเป็นอย่างนี้ ตอนเด็กๆน่ะแกยังมีความฝัน แกฝันถึงหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งเรื่องคนรัก เรื่องความเป็นอยู่ในอนาคต แต่ตอนนี้ความฝันเหล่านั้นหายไปไหนหมด มิลลาที่ฉันเคยรู้จักอ่อนโยนกว่านี้นะ แกจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าแกรู้จักสนุกกับชีวิตเสียบ้าง ถ้าวันพรุ่งนี้คอมพิวเตอร์เกิดอยากยึดครองโลกไปจริงๆแกจะทำยังไง"
"ก็เหมือนที่ฉันบอกไง สักวันเราก็ต้องจากกันอยู่แล้ว ฉันเตรียมใจไว้นานแล้ว เพราะงั้นก็คงไม่เป็นไรหรอก เอาล่ะคุณนาย ฉันไม่เคยเขียนและไม่คิดจะเขียนการ์ดนั่นด้วย ปาฏิหาริย์วันวาเลนไทน์อะไรนั่นมันไม่มีหรอก เอาล่ะ ฉันจะทำงานต่ออีกหน่อย ถ้าคุณนายง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ"
แพมได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
HW630 กำลังทำความสะอาดห้องครัว แพมคงจะตั้งโปรแกรมไว้ ถ้าหล่อนเป็นหุ่นยนต์ได้จริงๆก็คงจะดี หล่อนจะได้ลบความทรงจำร้ายๆออกไปอย่างง่ายดาย มีภารกิจเพียงแค่งานที่ตั้งโปรแกรมไว้ ขณะที่หล่อนกำลังวางแผนจัดรายการทัวร์ให้กับลูกค้า สายตาของหล่อนก็เหลือบไปเห็นกล่องขนาดกลางที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง มันอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ หรือว่าหล่อนเห็นมันจนคุ้นชิน แต่คืนนี้กล่องใบนั้นกลับสะดุดตาหล่อนเหลือเกิน มันเป็นกล่องอะไรกัน หล่อนก็จำไม่ได้แล้วว่าภายในบรรจุอะไรไว้บ้าง มิลลาค่อยๆเปิดออกดู พบว่าภายในกล่องบรรจุวัสดุไว้หลายอย่างส่วนใหญ่เป็นงานประดิษฐ์ที่หล่อนเคยทำไว้สมัยเรียน ซึ่งเป็นผลงานที่หล่อนภาคภูมิใจจนไม่อาจจะทิ้งไว้กับกาลเวลาเบื้องหลัง หล่อนจึงเก็บของเหล่านี้ไว้ในกล่องอย่างดี หญิงสาวๆค่อยๆหยิบงานประดิษฐ์ที่หล่อนตั้งใจทำออกมาทีละชิ้น มีทั้งตุ๊กตาที่ทำจากเศษผ้า ภาพปักครอซติชใส่กรอบอย่างดี ผ้าพันคอที่ทำจากไหมพรม และอีกมากมาย ของชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในสุดเป็นกระดาษแข็งแผ่นหนึ่งที่ตกแต่งด้วยกระดาษสีแดงสดรูปหัวใจดวงใหญ่ และมีข้อความเขียนไว้ว่า
"Happy Valentine's Day 2018"
หัวใจถูกแบ่งเป็นสองซีกติดกับกระดาษที่พับทบเข้ามาในแต่ละข้าง แต่ยังคงความเป็นรูปหัวใจดวงโตเพราะหัวใจทั้งสองซีกยึดไว้ด้วยโบว์สีชมพูหวานที่ผูกกันเป็นปมรอคอยผู้ที่จะมาอ่านข้อความข้างใน มิลลาค่อยๆแกะปมนั้นออก ภายในมีข้อความที่เป็นทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่แปลความหมายข้อความภาษาต่างประเทศอย่างสละสลวย
นี่เป็นการ์ดวาเลนไทน์ที่หล่อนเขียนเมื่ออายุ 15 ปี !!
การ์ดที่หล่อนคิดว่าไม่เคยเขียนมาก่อนในชีวิต คงเป็นการ์ดที่หล่อนประดิษฐ์ในคาบเรียนศิลปะ แล้วหล่อนเขียนให้ใครกัน?
หญิงสาวค่อยๆอ่านข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษทีละบรรทัด
Dear.. Someone who is my love
My Heart is only for you
Please stand beside me
And you will see how much I LOVE YOU
'Cause you are my sweet Valentine
Love alwaysNow & Forever,
Me
แด่..ใครสักคนที่เป็นสุดที่รักของฉัน
หัวใจดวงนี้มีเพื่อเธอเท่านั้น
ได้โปรดอยู่เคียงข้างฉัน
แล้วเธอจะรู้..ว่าฉันรักเธอมากเพียงใด
เพราะเธอคือ หวานใจของฉัน
รักเสมอ - จากนี้และตลอดไป
ฉันเอง
หญิงสาวอ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง นี่หล่อนเขียนข้อความนี้ถึงคนที่เป็นที่รักที่ไม่มีตัวตนของหล่อน ? เขียนในขณะที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนได้อ่านข้อความนี้ ? หล่อนเขียนไปได้อย่างไรกัน ? เมื่อสิบกว่าปีก่อนหล่อนยังมีความรู้สึกอย่างนี้หลงเหลืออยู่อีกหรือ? หรือแพมจะหมายถึงเจ้าสิ่งนี้ การ์ดที่สามารถแสดงตัวตนของหล่อนได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกที่ยังมีความอ่อนโยน ความรัก และความฝันอยู่ แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาหล่อนลืมมันจนหมดสิ้น จริงๆแล้วแพมกำลังจะบอกหล่อนว่าหล่อนไม่ใช่หุ่นยนต์ต่างหากล่ะ หล่อนเป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกโดยแท้..
"สวัสดีครับคุณมิลลา"
"สวัสดีค่ะ คุณมาสายไปยี่สิบนาทีนะคะ "
"ขอโทษครับ ผมบอกคุณตามตรงเลยว่าผมตื่นสายน่ะ"
"พร้อมที่จะออกเดินทางไปภูกระดึงหรือยังคะคุณกวี"
"ครับผม คุณดูสดใสขึ้นนะ"
"ขอบคุณค่ะ อ้อ คุณจำที่คุณเคยถามฉันเกี่ยวกับการ์ดวาเลนไทน์หรือเปล่าคะ จริงๆแล้วฉันเคยเขียนให้ใครคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นฉันคงรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และตอนนี้ฉันก็กำลังรอคอยให้เขาเปิดอ่านการ์ดใบนั้นอยู่"
"แล้วทำไมคุณไม่ให้เขาล่ะ"
"เขาคงรอที่จะเปิดอ่านการ์ดของฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกมั้งคะ สักวันเขาคงได้อ่านแน่"
"ก็แปลกดีนะครับ"
"ไม่แปลกหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว"
เดือนแห่งความรักสิ้นสุดลงพร้อมๆกับการเดินทางกลับอเมริกาของแพม ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสอย่างเดิม แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปชั่วนิรันดร์...
ผลงานอื่นๆ ของ s.c dreamer ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ s.c dreamer
ความคิดเห็น