คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 - ใครบางคนที่หายไป [100%]
Chapter 1
ใครบางคนที่หายไป
สายลมอ่อนๆพัดมากระทบกับร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของเขาให้พอเย็นสบายหลังการฝึกพลัง เลอาก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะจากที่นั่งหอบอยู่บนพื้นหญ้า กลับเลื้อยลงไปนอนบนพื้นเสียอย่างนั้น ได้ข่าวว่าเพิ่งบ่นว่ามันไม่สะอาดไม่ใช่เหรอ - -
เลอากลายเป็นครูฝึกชั่วคราว ด้วยเจ้าตัวยืนกรานว่าจะฝึกให้เขาเป็นนักแปรธาตุที่เก่งที่สุดในเฟย์รินให้ได้ โดยอธิบายว่าทุกมิติล้วนมีจุดเด่นและจุดด้อย มิติของอัลเทอร์(เทนาเลย์) มิตินาร์เวลล์ มิติไอดีฟ เป็นเพียงไม่กี่มิติที่ไม่มีพลังในตัวมนุษย์ แต่ก็ถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดพัฒนา และธรรมชาติที่สวยงามกว่ามิติไหนๆ ที่น่าเสียดายคือ เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า กำลังทำลายธรรมชาติอย่างช้าๆ แต่เมื่อผมหลงเข้ามาในเฟย์ริน จึงมีทุกอย่างเหมือนกับคนที่อยู่ที่นี่แต่กำเนิด ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวของร่างกาย
แล้วเจ้าตัวก็นำเขาออกนอกเขตเมืองมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่นี่เป็นพื้นหญ้าโล่งกว้าง เลอาบอกว่ามันคือลานฝึกร้าง ที่ดูๆเหมือนมีคนแวะเวียนมาใช้อยู่ตลอดด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเจ้าตัวก็สอนให้เขาใช้พลังต่างๆ ประมาณสี่พลังเห็นจะได้ โดยเริ่มจากธาตุพื้นฐานที่ทุกคนใช้ได้ คือ เรียกไฟ เรียกลม แปรสภาพดิน แล้วก็เร่งอัตราการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างไม่ยากนัก แต่กลับทำให้ร่างกายกลับชุ่มด้วยเหงื่อซะงั้น ซึ่งถ้าเข้าใจไม่ผิดมันคือผลข้างเคียงของการใช้พลัง
“เฮ้ นายมาดูนี่สิ” เลอากวักมือเรียก ก่อนจะล้วงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อให้ดู
“เหวอ” อัลเทอร์นิ่งค้างกับมังกรน้อยที่ดูไม่เหมือนมังกร (?) ขาสั้นๆเดินอย่างน่ารัก มันดูน่ารัก….มากกว่าดุร้าย กับขนาดตัวที่เล็กมาก ประมาณสองคืบเท่านั้น
“เฮ้ๆ ยังอยู่รึเปล่า” เลอาโบกไม้โบกมือด้านหน้าเขา เพื่อเรียกความสนใจกลับมา มือบางอุ้มเจ้ามังกรสีเฮเซลตัวน้อยมาตรงหน้าเขา
“หา???”
“นี่มอนส์เตอร์ของนาย ฉันรู้นะว่านายชอบ อ้อ นี่เป็นตัวเมียนะ” เลอายิ้มกว้าง แล้วเขย่าตัวมังกรเบาๆเป็นเชิงว่ารับไปได้แล้ว
อัลเทอร์รับมังกรสีเฮเซลมาจากมือของเลอาแบบงงๆ ลูบหัวมันนิดหน่อย ขนนุ่มจังแฮะ น่ารักด้วย แต่ยังจะไม่ทันได้ทำอะไร มังกรตัวน้อยก็เริ่มปีนป่ายไปทั่วตัวเขา แต่สุดท้ายแทนที่จะมาให้อุ้มดีๆ กลับปีนขึ้นไปโดดเล่นบนหัวเขาซะงั้น พอจะดึงตัวลงมาก็ไม่ยอม มือเล็กๆเกาะผมของผมไว้แน่นจนเขาเริ่มกลัวว่าผมจะหลุดออกมาเป็นกระจุกๆ เลยได้แต่ปล่อยให้มันนั่งๆนอนๆบนหัวแทน
“ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” เลอาที่กุมท้องอยู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ โชคดีที่ตรงที่เป็นที่โล่งกว้าง และปลอดคน เลยไม่ตกเป็นเป้าสายตาคน
“T^T นี่เลอา ไม่คิดจะช่วยผมบ้างเลยหรอ” อัลเทอร์เบะปาก แกล้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ไม่อ่ะ นายลองใช้พลังดูสิ”
อ่า…เขาลืมได้ไงเนี่ย ใช้พลังยกเจ้ามังกรแสบนี่ออกซะก็จบเรื่อง ไม่รอช้า อัลเทอร์รีบควบคุมสมาธิ ก่อนจะเพ่งไปยังเจ้าตัวแสบที่ตอนนี้กำลังเซ็ททรงผมใหม่ให้อยู่อย่างสนุกสนาน โดยใช้มือเล็กๆจับผมให้ตั้งขึ้นเป็นกระจุกๆ แล้ว สมมุติภาพในใจว่ามันถูกยกขึ้นโดยมีใบไม้รองรับอยู่
ได้ผล มังกรน้อยลอยขึ้นจริงๆ แถมมีใบไม้รองรับอีก มันทำตาโตอย่างประหลาดใจ ก่อนจะกระโดดเล่นบนใบไม้แทน ทำไม มันอยู่ซนตลอดเวลา T^T
“พี่ ทำไมมันซนยังงี้อ่า” เขาลุกขึ้นยืน และถามเลอา
“มังกรเด็กก็ซนงี้แหละ แต่ถ้าจะทำให้มันหายซนก็ได้นะ มันจะนิ่งไปประมาณสิบห้านาที”
“เยี่ยม”
“โอเค นายอย่าตกใจละกันนะ”
เลอายิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนจะหยิบลูกแก้วคริสตัลขนาดประมาณฝ่ามือหน้าออกมาจากกระเป๋า แล้วปาไปที่พื้น ควันสีฟ้าลอยฟุ้งขึ้นมาเป็นวงกว้างรอบๆบริเวณ
ได้ผลแฮะ เจ้ามังกรสีทองตัวน้อยที่นั่งอยู่บนใบไม้ตัวเริ่มสั่น ก่อนจะกระโดดมาเกาะแขนเขาอย่างรวดเร็ว เล็บเล็กๆจิกลงบนเนื้อพอให้เจ็บนิดหน่อย เขาหันหน้าขึ้นมองสัตว์ที่เจ้ามังกรกลัวนักหนา
เห้ย!!!
เสือขาว เวรละ เลอาเล่นอะไรอีกเนี่ย T T อัลเทอร์ขยับมังกรที่เกาะแขนผมให้เข้าที่เข้าทาง แล้วถอยหลังไปอยู่ในระยะที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด
“ฮ่าๆ ฉันเก็บก็ได้” เลอาหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะกระดิกนิ้วชี้เบาๆ เสือขาวตัวเบ้อเริ่มก็รวมตัวกันเป็นลูกแก้วคริสตัล บินกลับเข้าไปในกระเป๋าของเจ้าของอีกครั้ง
“…” เขายังอยู่ในสภาพที่ (ค่อนข้าง) ตกใจจนทำอะไรไม่ค่อยถูก ก็เสือขาวตัวนั้นน่ะ ตัวใหญ่มาก ถ้าจะเรียกว่าตัวใหญ่ที่สุดก็ไม่แปลก เพราะมันสูงกว่าตัวเขาไปประมาณสิบเซน และที่สำคัญคืออัลเทอร? สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ พระเจ้า! ถ้าไปเจออยู่ที่มิติเก่า คงโดนจับเข้าสวนสัตว์ล่ะ
“นี่ เนลล์ไม่น่ากลัวหรอก ใจดีจะตาย เห็นนายทำหน้ายิ่งกว่าผีหลอกอีก”
“ผมยอมโดนผีหลอกดีกว่าเจออิเสือนี่งับให้อ่ะ T^T”
“ซะงั้น เอาเถอะ แต่นี่นายจะไม่ให้มังกรมีชื่อเหรอ”
“นั่นดิ ตัวสีแปลกๆ ชื่อเฮเซลละกัน”
ทันทีที่เขาพูดจบ ปลอกคอสีดำก็ปรากฏขึ้น แล้วสวมเข้าที่คอเฮเซลเสียเฉยๆ มันสะบัดหัวแรงๆเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่มาอยู่บนคอ ขนสีเฮเซลลอยมาโดนหน้า นี่ผลัดขนเหรอ ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ คงต้องตามเก็บกวาดกันเหนื่อยตาย
“ต่อไปเจ้ามังกรนี่ก็เป็นของนาย ไม่ๆ หมายถึงว่านายเป็นเจ้าของมันน่ะ ถ้ามันสร้างความเสียหายให้กับคนอื่น คนที่รับผิดชอบจะเป็นนาย เหมือนกับฉัน ถ้าเนลล์ไปกัดนาย ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”
“อ่าฮะ แล้วปลอกคอสีดำคืออะไรเนี่ย ถอดได้รึเปล่า”
“อย่าเชียว มันคือสิ่งที่แสดงว่ามอนสเตอร์ตัวนี้มีนายเป็นเจ้าของ ถ้าถอดปลอกคอออก ทางฟาร์การ์ต*จะมาเอาตัวมันไปปล่อยทีมิติเรนน์เรส ความจริงต้องทำเรื่องเยอะแยะ แต่ฉันจัดการให้หมดแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ แล้วก็ที่ปลอกคอมีชื่อของเจ้าของอยู่ ถ้าหายจะได้สะดวกต่อการนำมาคืน”
“…” อัลเทอร์นิ่งไปชั่วขณะ เพื่อทบทวนสิ่งที่เลอาร่ายยาวมาทั้งหมด แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร
“โอเค ต่อไปคือเรื่องที่พัก นายมาอยู่กับฉันก่อนก็ได้ พักหลังฉันชอบมาที่มิตินี้บ่อยๆ เลยซื้อที่พักไว้น่ะ เดี๋ยวพาไปดูละกัน ฝึกพลังวันนี้เสร็จแล้วนี่ แล้วก็ยังบ่ายๆอยู่เลยด้วย” เลอาทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเป็นกังวลนิดๆ “นายจับเฮเซลไว้ให้แน่นๆ แล้วก็ใช้ไฟช่วยให้เกิดความร้อนด้วยนะ”
“ทำไมเหรอ?”
“ฉันจะพานายเดินทางด้วยความเร็วสูง และก็ต้องใช้ความร้อนเป็นพลังงาน แต่พอดีธาตุไฟฉันไม่ค่อยได้เรื่องน่ะ เลยขอให้นายช่วยนิดหน่อย แต่อย่าให้ร้อนมากๆล่ะ เดี๋ยวเร็วไปแล้วจะเกิดอุบัติเหตุ”
“ครับ” เขารับคำอย่างว่าง่าย แล้วยกแขนขึ้นให้ทำมุมประมาณยี่สิบองศากับพื้น บังคับให้ความร้อนที่อยู่บริเวณรอบๆมารวมตัวกันที่เขา ซึ่งเป็นศูนย์กลาง แล้วส่งพลังออกไปทางฝ่ามือ เปลวเพลิงปรากฏขึ้น เหมือนกองไฟขนาดย่อมๆ แล้วส่งพลังไปที่เท้าของตัวเอง ตามด้วยเท้าของเลอา และไม่ลืมที่จะจับ เฮเซลให้แน่น
“ไอเดียดีนี่” เลอาหันมาชม ก่อนจะทำหน้าตกใจ “เหวออออ”
“เห้ย!!!”
เท้าของพวกเขาวิ่งด้วยความไวแสงเลยก็ว่าได้ อาจจะเพราะอัลเทอร์ใส่พลังเยอะไป ผลที่ได้เลยเกินความคาดหมายไปหน่อย เขาวิ่งฝ่าหมู่คนจำนวนมากในเขตเมือง ทะลุออกไปอีกด้านทางฝั่งเหนือ ซึ่งดู ร่มรื่นและเย็นสบายกว่า พอดีกับที่เท้าของพวกเราผ่อนความเร็วลงจนเท่ากับการวิ่งเร็วมากๆเท่านั้น
“นาย…ใส่พลังเยอะไปนะ” เลออากัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงคาดโทษ ทำให้เขาพอจะคาดเดากับผลที่เกิดขึ้นได้เมื่อถึงปลายทาง
“แหะๆ ครับ”
“เห้ยหยุดๆ นี่บ้านฉัน” ทันทีที่พวกเขาวิ่งผ่านบ้านไม้ที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความ…น่าจะสวยและทันสมัยในมิตินี้แหละ
เลอาพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะหยุดพลังธาตุไฟ โดยใช้ธาตุน้ำเข้ากลบ ทำให้เขาเบรกจน(เกือบ)หัวทิ่มพื้น ก่อนจะเดินไปหน้าประตูและดีดนิ้วทีหนึ่ง
“เลอา มาร์นีฟ let open” เลอาพูด พร้อมๆกับการเคาะเท้าสองที ประตูไม้บานกว้างก็เปิดออกราวกับมีการตั้งรหัสไว้
“เจ๋งมากอ่ะพี่ พี่นี่โคตรไฮเทคอ่ะ”
“นี่มันเบสิคของยุคนี้เลยนะ”
“อ่าวเหรอ หน้าแตกเลยแฮะ”
ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเทคโนโลยีมิตินี้มันล้าหลังกว่ามิติที่เคยอยู่ยังไง เห็นทุกอย่างดูทันสมัยกว่ามิติเขาไปเยอะโขในหลายๆอย่าง
อัลเทอร์เดินเข้าบ้านไปเพื่อหลบความอบอ้าวจากด้านนอก แปลกแฮะ ด้านในนี้กลับเย็นสบาย สงสัยเลอาลงเวทอะไรไว้แหงๆ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างๆเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ไปนอนแช่บนเก้าอี้ดู…เรียกอะไรดีล่ะ มันเป็นโปรเจ็กเตอร์ที่ฉายบนอากาศเหมือนโทรทัศน์มากกว่า เลอาเหมือนจะรู้คำถามในใจเขา จึงชิงพูดขึ้นว่า
“อันนี้ไม่ใช่ของในมิตินี้หรอก รายละเอียดในบ้านฉันเอามาจากมิติไอดีฟ กับนาร์เวลล์มาผสมกันน่ะ เลยแปลกๆหน่อย”
“อ๋อ”
“นายไปหาอะไรให้มังกรนายกินไป มันจะกินแขนนายแทนอยู่แล้ว” เลอาพยักหน้าไปทางเฮเซล และเมื่อมองตามก็เป็นอย่างที่เลอาว่าจริงๆ เฮเซลใช้ปากเล็กๆงับแขนของเขาราวกับเป็นอาหารชั้นเลิศ ไม่แปลกถ้าตอนนี้แขนเขาจะเต็มไปด้วยน้ำลายยืดย้อยของมัน เลอาทำหน้าเหนื่อย ก่อนจะเดินไปบริเวณส่วนหลังของบ้าน แล้วเดินกลับมาพร้อมกับจานบาร์บีคิวสองไม้ วางจานลงบนโต๊ะ และอุ้มมังกรของเขาไปวางหน้าจาน
เฮเซลกินบาร์บีคิวอย่างรวดเร็ว โดยใช้ขาหน้าถือไม้ ส่วนปากก็งับชิ้นเนื้อออกมาเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยจนอัลเทอร์น้ำลายไหล ฉลาดมาก! ยังวิ่งมานั่งกินบนตักเขาอีก ถ้าทนไม่ไหว(อาจ)จะเกิดการแย่งอาหารเฮเซลกินก็เป็นได้
เลอาหายไปในหลังบ้านอีกครั้ง และตอนนี้ก็ยังไม่กลับออกมาด้วย เขาจึงถือโอกาสนี้เดินสำรวจบ้านของเลอาเสียเลย โดยวางเฮเซลที่กินบาร์บีคิวไว้บนเก้าอี้ อาจจะดูไร้มารยาท แต่ยังไงก็คงต้องอยู่บ้านนี้ไปสักพัก ขอเดินดูหน่อยคงไม่เป็นไร
บ้านของเลอาดูทันสมัยมากจนอัลเทอร์ไม่กล้ากดอะไรมั่วซั่ว เดี๋ยวจะเกิดเรื่องขึ้นมาจะยุ่งเอา เฮเซลกินบาร์บีคิวไม้แรกหมดพอดี เขาเลยเดินไปดึงไม้ออกมาจากมือ เพื่อที่จะโยนลงถังขยะ
“เลอา ถังขยะอยู่ไหนครับ”
“อยู่ที่ใต้เอเบิร์ฟ…ช่างเถอะ เอามานี่ๆ เดี๋ยวทิ้งให้ละกัน” เลอาเดินมาหยิบไม้บาร์บีคิวในมือเขาไปทิ้งที่หลังบ้าน
“เอ่อ เลอาผมอยา….”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรีดร้องของใครบางคนดังขึ้นข้างนอกบ้านจนเขากับเฮเซลสะดุ้งตัวโยน อัลเทอร์ตัดสินใจวาง เฮเซลไว้บนโซฟา และวิ่งออกไปหน้าบ้าน
“อัลเทอร์ ไม่ต้องออกไป เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เสียงของเลอาดังไล่หลังมา แต่ก็คงช้าไป สัตว์ประหลาดสีดำหน้าตาเหมือนปลาหมึกอยู่ตรงหน้าเขา เด็กสาวคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปหลบข้างๆบ้านเลอา ทิ้งให้เขาเผชิญหน้ากับเจ้าปลาหมึกยักษ์เพียงคนเดียว
เขารับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อ และระดับการเต้นของหัวใจที่สูงมาก หนวดที่เต็มไปด้วยเมือกเหลวๆเลื้อยมาพันข้อเท้าของเขาเอาไว้อย่างไม่ให้เวลาตั้งตัว ก่อนที่มันจะขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆชนิดที่เห็นเกล็ดเล็กๆจำนวนมากของมันได้ชัดเจน
คิดสิคิด! ถ้าหมึกมาจากน้ำ เท่ากับว่าต้องแพ้ไฟ แต่ถ้ามาจากทะเลลาวาล่ะ? ไม่ เป็นไปไม่ได้หรอก หมึกบ้าอะไรจะมาจากทะเลลาวา คิดพลางใช้สายตาจ้องตรงไปที่ลูกตาสีดำเล็กๆตาของมัน สำเร็จ! ไฟลุกขึ้นที่ตาของมัน อย่างน้อยก็ต้องตัดการมองเห็นสินะ
เขากำลังจะเดินไปหาเด็กหญิงที่ตัวสั่นอยู่ พอดีกับมีบางสิ่งบางอย่างแหวกผ่านอากาศเฉียดหน้าไปนิดเดียวเท่านั้น ความตกใจทำเอาเขาสะดุ้งแบบห้ามไม่ได้
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านเป็นเลอา ในมือมีแท่งใสขนาดประมาณหนึ่งศอกอยู่ในมือห้าอัน ไม่สิ…หกต่างหาก อีกอันถูกปามาแล้วนี่ อัลเทอร์หันกลับไปมองข้างหลังด้วยความสงสัย แล้วความจริงก็กระจ่าง เมื่อเขาเห็นแท่งใสหนึ่งแท่งตรึงหนวดของมันไว้กับพื้น ตาเล็กๆจ้องมา พร้อมๆกับรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาอย่างน่าขนลุก
“ยืมแรงนายหน่อยนะ” สิ้นเสียง แท่งใสสามแท่งก็ลอยมาหน้าเขา ซึ่งคว้ารับไปได้อย่างฉิวเฉียด เลอาพยักหน้าให้เขาเป็นสัญญาณให้ปาไปที่หมึกยักษ์ อัลเทอร์เงื้อมมือไปด้านหลัง เหวี่ยงแขนออกไปสุดกำลัง
ปั่ก!
แท่งใสไม่ได้ถูกเป้าอย่างเลอา มันลงไปบริเวณลำตัวของหมึกยักษ์ ส่งผลให้มันหดเล็กลงเหลือประมาณปลาหมึกธรรมดาเท่านั้น ตามด้วยแท่งใสอีกแท่งที่เลอาแทงทะลุหัวของมันไปจนเลือดสีดำกระจายเต็มพื้น
“นายนี่มันตัวก่อเรื่องชัดๆ เฮ้อ เอาเถอะๆมาเข้าบ้านก่อน เรียกน้องสาวคนนั้นมาด้วย” เลอาบ่น
“ครับ”
อัลเทอร์เดินตรงไปหาเด็กสาว สะกิดเบาๆ เธอเป็นคนหน้าตาดี (เกือบสวย) แว่นตาทรงสี่เหลี่ยมที่บดบังตาคู่โต จมูกโด่งได้รูป ปากที่ขนาดพอดี ไม่บางไม่หนาเกินไป กับหน้าที่ค่อนข้างกลม จัดว่าน่ารักนะ เขาเรียกเธอเข้าบ้านและเธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรนัก
เลอากำลังเอาผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำแข็ง ก่อนจะเดินมาทางเด็กสาวคนนั้น และวางมันลงบริเวณลำคอของเธอ
“อะไรเหรอครับ”
“คนที่โดนตัวออคิเดียร์จะมีอาการร้อนเหมือนโดนไฟเผา วิธีแก้คือเอาผ้าชุบว่านหางจระเข้แล้วมาวางที่ต้นคอ”
“ทำไมมีว่านหางจระเข้มาด้วยหว่า? แล้วออคิเดียร์คือไอตัวนั่นใช่มั้ย?”
“ใช่ ส่วนว่านหางจระเข้มาจากตอนที่คนในมิตินี้เดินทางไปมิตินาย เขาโดนน้ำร้อนลวก แล้วคนที่มิตินายน่ะ เขาเอาว่านหางจระเข้มาทาให้ นายนั่นก็เลยขอมาทดลอง แล้วก็ได้สูตรนี้เนี่ยแหละ” เลอาว่า พลางหาหมอนนุ่มๆมาให้เด็กสาวเอนกายพัก
“เอาไงดีกับเด็กคนนี้อ่ะ”
“รอฟื้นก่อนเถอะ เฮเซลหยุด! อย่าไปปีนคนอื่นเล่นอย่างนั้น” เลอาสั่งห้ามเฮเซลที่ตอนนี้พยายามปีนป่ายร่างผู้มาใหม่ เขาเลยอุ้มเฮเซลออกมา พอดีกับที่เด็กสาวฟื้นพอดี
“เฮ้อ โดนไล่อีกแล้วสิ เอ่อ…พี่เป็นใครอ่ะ?” เด็กสาวตาโตเมื่อเห็นเขาและเลอา ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ส่วนเลอาไม่แน่ใจว่าจะเห็นเป็นผู้หญิงรึเปล่า
“พี่ชื่อเลอา ส่วนคนนี้ชื่ออัลเทอร์ เธอล่ะ?”
“อีฟ เรานาร์ค่ะ”
“อืม แล้วเธอพักที่ไหนล่ะ”
“มิติเรานาร์ค่ะ”
“เธอเป็นชนชั้นปกครอง?” เลอาเลิกคิ้วอย่างสงสัย โดยปกติชนชั้นปกครองจะไม่ค่อยย่างกรายเข้ามาในมิติอื่นอยู่แล้ว อีกทั้งยังวิ่งหนีออคิเดียร์ ทั้งๆที่พลังชนชั้นปกครองสามารถกำจัดออคิเดียร์ได้สบายๆ
“ค่ะ”
“คืนนี้มีที่พักรึยังล่ะ”
“ไม่มีค่ะ” เด็กสาวตอบ แล้วถอนหายใจเบาๆอย่างเป็นกังวล
“งั้นคืนนี้พักที่นี่ก่อนก็ได้ มีห้องว่างอยู่ห้องนึง”
“ค่ะ”
“เลอา เดฟคาร์ มานีฟ ยินดีที่ได้รู้จัก”เลอาพูดพร้อมๆกับยื่นมือไปข้างหน้า
“อีฟาร์ เรนน์เรส เรานาร์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอยกยิ้มมุมปาก และยื่นมือไปจับมือเลอา แล้วหันมาจับมือเขาต่อ มือบางหยิบแว่นตาออก เผยตากลมสวยสีม่วงมรกต พร้อมกับการสะบัดผมสีฟ้าอ่อนเบาๆไม่ให้ปรกหน้า
“เธอไม่ใช่มนุษย์ อีฟาร์ เธอเป็นเทพ!!!” เลอาพูดขึ้นอย่างตกใจหลังเห็นตาสีม่วง เธอหัวเราะเล็กน้อย และยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
-------------------------------------------------
ตอนนี้บรรยากาศในบ้านของเลอามาคุขึ้นมากระทันหัน เลอาดูเหมือนไม่ค่อยชอบใจอีฟาร์เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่ตอนนี้รู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงชอบกล อีฟาร์ที่นั่งจิบชาหันมายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังเฮเซลที่ตอนนี้หลับอยู่บนตักเขา
“นี่มอนสเตอร์ของเธอเหรอจ๊ะ?” เธอว่า พร้อมกับก้มหน้ามาลูบเฮเซล
“อ่า…ครับ”
“สวยมากเลย ถ้าฉันจะขอไปเลี้ยงได้ไหม?” อีฟาร์ถือโอกาสจังหวะที่หน้าของเธออยู่บริเวณข้างหูเขากระซิบถามอย่างแผ่วเบาโดยไม่ให้เลอาได้ยิน
“???!” เขาแปลกใจมากที่อยู่ๆเธอกลับสนใจเฮเซลซะงั้น แถมมากขนาดที่อยากได้ไป ถึงเฮเซลจะดูมีค่าในความคิดเขา แต่ผมไม่รู้ว่าสายตาคนอื่นเป็นอะไร สูงส่ง เลอค่า หรือต่ำต้อย?
แต่ถึงจะเป็นยังไง เขาก็ไม่คิดจะยกมันให้ใครง่ายๆ เจ้าตัวแสบที่นอนหลับปุ๋ยถูกอัลเทอร์อุ้มขึ้นมา หวังจะพาไปนอนบนห้อง หลบเลี่ยงจากผู้หญิงที่ดูธรรมดา แต่สัญชาตญาณกลับบอกว่าอันตรายคนนี้
เลอาลุกขึ้นตาม ยื่นมือมาอุ้มเฮเซลขึ้นจากแขนเขา แล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้ตามมา ระหว่างนั้นก็พึมพำ “เอเดนาทีแอเรย์” แล้วเดินขึ้นบันไดไป เขาเก็บความสงสัยไว้ และไม่รอที่จะวิ่งตาม จนกระทั่งมาหยุดหน้าผนังสีขาวมุมหนึ่งของชั้น
“อัลเทอร์ bedroom set” เลอาถอนหายใจเล็กน้อย แล้วหันมาสั่ง “เอามือทาบประตูหน่อย”
เขาเอามือทาบประตูตามที่สั่ง ความรู้สึกร้อนวาบจนชาไปทั่วร่างกาย จนกระทั่งเลอาพยักหน้าอนุญาตให้เอามืออกได้ อัลเทอร์จึงยกมือออกมา
หยาดของเหลวสีแดงเข้มหยดลงบนพื้นหิน สีแดงสดตัดกับสีขาวสะอาดของหินอ่อน เลอาดูไม่แปลกใจที่เป็นอย่างนั้น มือบางสะบัดเล็กน้อย หยดน้ำสีใสก็ไหลลงมาทำความสะอาดรอยเลือดบนพื้นจนสะอาดหมดจด เขาเงยหน้าขึ้นอย่างต้องการคำอธิบาย
“ระบบของฉันเป็นระบบตรวจจาก DNA น่ะ”
“โคตรไฮเทคเลยว่ะ” เขาเช็ดมืออย่างลวกๆกับเสื้อหนังสีดำ แล้วจัดการเดินเข้าไปวางเฮเซลบนเตียงนอน ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมา
“มีอะไรรึเปล่า ฉันจะลงไปดูอีฟาร์”
“พี่ครับ อีฟาร์เขาบอกว่าอยากได้เฮเซลไปเลี้ยง”
“นายก็รักษามันไว้ให้ดีๆละกัน”
“ครับ ถ้างั้นผมขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ เอ้อ ว่าแต่…” อัลเทอร์หยุดเดินเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ “ห้องที่ set เป็นห้องนอนนั่น อีฟาร์ต้องนอนไม่ใช่เหรอครับ”
“ห้องจะเปิด หรือปิดได้ด้วยคำสั่งของเจ้าของห้องเท่านั้น นายไปอาบน้ำเถอะ ฉันต้องไปคุยกับอีฟาร์นิดหน่อย” เลอาว่า ก่อนเดินกลับไป ทิ้งให้เขายืนงงอยู่คนเดียว ก่อนจะอุ้มเฮเซลไปไว้ในห้องนอนเลอา แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
เลอาเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น เหลือบตามองร่างที่นิ่งค้างบนโซฟา มือบางแตะนิ้วชี้กับปาก แล้วชี้ไปที่ร่างของอีฟาร์ เพื่อคลายเวทที่ตนลงไว้ก่อนหน้านี้ให้เธอขยับตัวได้ เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ มองซ้ายมองขวา ก่อนจะพูดขึ้น
“ห้องนอนอยู่ไหนเนี่ย?” เลอาแทบจะทึ้งหัวเมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย …แค่ง่วงนอน แล้วก็ไม่บอก ถ้าเขาไม่ใช้เวทสะกดก็นั่งต่อไปสินะ เธอลุกขึ้นยืน และจ้องหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ เขาเลยพยักหน้าให้ตามมา แล้วพาไปที่ห้องนอนของอัลเทอร์ที่เปิดประตูทิ้งไว้ “ห้องอาบน้ำอยู่ทางซ้าย เสื้อผ้าฉันจัดเตรียมให้หมดแล้ว พอหกโมงเช้า ชุดใหม่จะอยู่ในตู้เสื้อผ้า ขาดเหลืออะไรก็เรียกละกัน”
เสียงปิดประตูเบาๆของเลอาดึงสติเธอให้กลับมา กวาดตามองรอบๆห้องที่เธอมั่นใจว่าคงเป็นการ ‘ขัง’ มากกว่าให้พัก คิดว่าเลอาน่าจะแอบร่ายเวทใส่ตอนเธอเผลอ….พลาดได้ยังไงกันนะ ยังดีที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำคัญๆอยู่บ้าง เธอล้มตัวลงบนเตียงนอน มันนุ่มเสียจนอีฟาร์อยากจะหลับไปให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ตัวเธอค่อนข้างที่จะสกปรก เธอจึงเดินเข้าไปชำระกายในห้องน้ำทางซ้ายมือ เพื่อเตรียมตัวที่จะเข้านอนอย่างจริงๆจังๆสักที
- อีกด้านหนึ่งของบ้าน -
“โห เตียงพี่โคตรนุ่มอ่ะ” อัลเทอร์ว่า แล้วกระโดดขึ้นๆลงๆบนเตียงของเลอาที่ทำหน้าเซ็งๆอยู่
“ฉันไปอาบน้ำก่อน นายอย่าทำห้องฉันเละล่ะ ดูเฮเซลไว้ด้วย”
“ครับ” ผมกระชับเฮเซลที่เริ่มดิ้นออกจากแขนผมให้แน่นขึ้น ก่อนจะไปสร้างความวินาศสันตะโรให้ห้องนอนของเลอา
อัลเทอร์เดินดูรอบๆห้องของเลอา รูปวาดเป็นหนึ่งในของที่มีมากที่สุดในห้อง มีรูปหนึ่งเป็นรูปชายสองคน หนึ่งในนั้นคือเลอาที่เขามองเผินๆก็ดูออกได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ส่วนอีกใบหน้าหนึ่ง เป็นใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคยจนทำให้เขาอดนึกถึงใครบางคนไม่ได้ แต่จะว่าไป ใบหน้านี้ก็เหมือนเพื่อนคนหนึ่งของเขา….เพื่อนสนิทผู้ล่วงลับ
‘เฮ้ นายจะไปเรียนพิเศษไหนต่อรึเปล่า คืนนี้ไปนอนค้างบ้านกูๆ’ เด็กชายในชุดมัธยมของโรงเรียนดังใจกลางเมืองหลวงตะโกนโหวกเหวกถามเพื่อน…หนึ่งในนั้นคือเขา
อัลเทอร์ถือกระเป๋านักเรียนอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่ควรจะสนใจมันถ้ากำลังจะขึ้นรถไฟฟ้าทางด่วน ประตูที่กำลังปิดลงอย่างช้าๆเป็นตัวกระตุ้นให้เขาตัดสินใจเบียดคนข้างหน้าก่อนที่มันจะปิดแล้วติดมือของเขาให้แหลกเละในนั้น
เขาโยนกระเป๋าไปบนที่นั่งที่ยังว่างอยู่เบาๆก่อนจะนั่งลง เพื่อนสองสามคนนั่งข้างๆเขา
“ตกลงวันนี้นอนค้างบ้านแกนะ” หนึ่งในสามคนเอ่ยขึ้น ซึ่งขาก็พยักหน้ารับแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา…นัดกันแล้วนี่
“บ้านนายลงสถานีอะไรนะ”
“อีกสองสถานีที่กำลังจะถึง” เขาพูดพลางมองคนจำนวนมากที่ทะลักเข้าโบกี้รางกับท่อน้ำประปาแตก จากเดิมที่ว่าง ตอนนี้เบียดแน่นไปด้วยมนุษย์ทั้งเพศชายและหญิง
ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างเขากับเพื่อน…..แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามา เสียงดังเซ็งแซ่ในนี้ทำเอาเขาอยากเดินออกไปให้เร็วที่สุด
รถไฟฟ้าค่อยๆชะลอความเร็ว และหยุดลงที่สถานีที่สอง เขากับเพื่อนสามคนเดินลงจากสถานี พร้อมๆคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาในโบกี้
พลั่ก!!!
ใครคนหนึ่งตกลงไปบนทางรถไฟ พอดีกับที่รถไฟเริ่มเคลื่อนตัว ร่างนั้นถูกบดขยี้ไปก่อนที่รถไฟฟ้าจะหยุดทัน เลือดสีแดงสาดกระเซ็นมาโดนเสื้อผ้าของหลายๆคนที่อยู่บริเวณนั้น เสียงกรีดร้องดังเข้าโสตประสาทจนหูอื้อ
“เฮ้ย นั่นใครอ่ะมึง” อัลเทอร์หันไปกระซิบถามเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆ
“…”
“มึงรู้มั้ย?”
“…”
“อย่าเงียบสิ”
เขาหันไปมองข้างที่เพื่อนของเขาควรจะยืนอยู่ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ใจเริ่มเต้นระส่ำเมื่อข้างๆกลับไม่มีเพื่อนอย่างที่ควร สมองได้แต่ภาวนาไม่ให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างที่คิด เพื่อนอีกสองคนยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ เป็นตัวบอกถึงลางร้ายอย่างที่คิด
เขาเบนสายตาไปมองศพที่ตอนนี้พลิกหงายหน้าขึ้นมา ใบหน้าในความทรงจำอันแสนคุ้นเคย จิตใต้สำนึกเริ่มกรีดร้องอย่างหนักหน่วง
ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลลงมา มีแต่ความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ ผสมปนเปกับความเสียใจ ความทรงจำสิบปีที่ผ่านมาระหว่างเขากับเพื่อนภาพแล้วภาพเล่าฉายขึ้นเหมือนกับวีดิโอที่เล่นซ้ำ และไม่มีปุ่มหยุด เขาเดินเข้าไปหาร่างของเพื่อนอย่างอย่างไร้เรี่ยวแรง
มือหนาช้อนร่างท่อนบนของศพเพื่อนที่อยู่ในสภาพที่รับไม่ได้ พอดีกับเสียงไซเรนดังขึ้นทั่วสารทิศ เจ้าหน้าที่ในชุดขาววิ่งลงมา คนหนึ่งกันเขาที่กำลังดิ้นอย่างบ้าคลั่งออกมาให้เพื่อนสองคนดูแทน
หยดน้ำสีใสหยดลงบนไหล่เขา มันทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง เพื่อนทั้งสองคนก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
ความเศร้าเสียใจเข้าครอบงำเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ความทรงจำยังตามมาหลอกหลอนแม้ในความฝัน จนกระทั่งแม่ของเขาทนไม่ได้ต้องพาเขาไปพบจิตแพทย์เพื่อขอยาระงับประสาท เขารู้ว่าแม่ก็ทนไม่ได้ที่เห็นลูกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่การสูญเสียเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมปลาย เพื่อนที่รู้ใจคนหนึ่งต้องจากไปมันยากเกินกว่าที่เขาจะทำใจรับได้
ยาระงับประสาทถูกยัดเข้ามาในปากด้วยฝีมือของแม่ แก้วน้ำถูกยกขึ้นจ่อปาก ใช้เวลาไม่นาน ยาระงับประสาทในร่างกายมันก็ทำให้เขาหลับได้เสียที
ลิ้นเปียกๆลากผ่านใต้ดวงตาของเขา อย่างน้อยก็ทำให้เขาหลุดจากความทรงจำบ้าๆที่รังแต่จะให้เขาเจ็บปวดเพิ่มขึ้น ตาสีเฮเซลของเฮเซลจ้องหน้าเขา อัลเทอร์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลมาเมื่อไรไม่รู้ออกไป ได้แต่หวังว่าเลอาจะไม่สังเกตเห็นตาบวมๆของเขา ยังดีที่เขาถอดคอนแทคเลนส์ออกไปตั้งแต่ตอนอาบน้ำ
เขาล้มตัวลงนอนทั้งๆที่ยังไม่ง่วงเลยสักนิด กะว่าจะนอนเล่นรอเลอามาสักหน่อยก่อนจะนอน เพื่อที่จะได้ถามเรื่องที่สงสัยให้เคลียร์สักที
แอ๊ด….
เสียงแง้มประตูดังขึ้น สัญชาตญาณบอกให้อัลเทอร์หันไปมองอย่างรวดเร็ว เลอาเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจจนน่าประหลาด เลอาหันมายิ้มให้นิดหน่อย แล้วเปิดตู้เสื้อผ้า มือบางควานหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะยื่นสิ่งนั้นมาตรงหน้าอัลเทอร์
“คืนนี้จะหนาวหน่อย แปะไอ้นี่ไว้ที่แขนนะ” เลอายิ้ม และยื่นแผ่นสีน้ำเงินบางๆมาให้ เขาไม่รอที่จะหยิบมันมา แล้วติดไว้ที่แขน
ความร้อนแล่นไปทั่วร่างกาย มันร้อนมาก…จนเหมือนมีกองไฟมาคลอกตัวเอาไว้ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าของเขา เขาเริ่มไอออกมา ความรูสึกอึดอัดทำให้เขาเริ่มหายใจไม่ค่อยออก รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่ตอนนี้คงจะซีดลงเรื่อยๆจนกลายเป็นสีขาวสนิท ดวงตาพร่ามัว และแสบราวกับมีน้ำอยู่เต็มเบ้า เหลือบไปเห็นเลอาที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้ม มือทั้งสองข้างของเขาพยายามเอื้อมไปจับมือเลอา ถ้าเลอาไป…เขาคงไม่รอด
มือบางสองข้างที่ตอนนี้เย็นจัดราวกับน้ำแข็งพยายามใช้เวทน้ำขั้นสูงเพื่อรักษาอัลเทอร์ที่ตอนนี้อาการหนักมาก สายน้ำจากมือทั้งสองข้างเริ่มครอบคลุมไปทั่วร่างของคนที่นอนไม่สบายอยู่ มันซึมหายเข้าไปทั่วร่างกายของอัลเทอร์ จากอาการที่ดูก็รู้ว่าอาการหนักมากๆ เหลือเพียงร่างกายที่ดูทรุดโทรมมากๆเอาเท่านั้น
หลังจากที่เลอาใช้เวทอะไรบางอย่างกับเขาแล้ว ความรู้สึกเหมือนไฟคลอกก็เบาบางลง เขายิ้มอย่างดีใจเมื่อความทรมานจากอาการเมื่อสักครู่หายไปเรื่อยๆ แต่กลับต้องนิ่วหน้าอีกครั้งเมื่อความรู้สึกหนาวยะเยือกเข้ามาแทน
เลอารีบวิ่งงออกจากห้องไปหยิบบางอย่างมา เขาได้ยินเสียงเลอาคุยกับใครไม่รู้ สักพักก็กลับมาพร้อมหญิงคนหนึ่ง
“อาการหนักมากเลยนะ” หญิงคนนั้นเอ่ยพร้อมๆกับเอาบางอย่างมาวางที่หัวเขา แล้วหันไปพูดอะไรบางอย่างที่ตอนนี้เขาเริ่มจับใจความอะไรไม่ได้แล้ว เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา อาการหน้ามืดเริ่มเข้ามา แต่เขาก็พยามประคองสติไม่ให้หลุดลอยไปอย่างเต็มกำลัง เลอาหันมามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้หญิงคนนั้น แล้วสะบัดมือ ร่างของเขาก็ไปปรากฏในที่แห่งหนึ่งทันที ตามมาด้วยเลอา กับหญิงคนนั้น
“เดี๋ยวฉันมานะ นายน่ะ ห้ามให้สติหลุดเลยนะ” เลอาว่า แล้วเอาบางสิ่งบางอย่างปักลงไปบนแก้มขวาของเขา ส่งผลให้เขาตื่นเต็มตัวจากอาการเจ็บแสบมากๆ เลอาหันมายิ้มให้เป็นการขอโทษ ไม่นานหญิงคนนั้นก็ยัดอะไรบางอย่างเข้ามาในปากเขา และเอาผ้ามาวางไว้ที่แขนข้างซ้าย เลอาเดินเข้ามา ก่อนจะสาดน้ำลงบนตัวเขาจนเปียกชุ่ม บางส่วนเข้าปากจนเขาสำลัก ความมืดเข้ามารอบดวงตา หากแต่สติยังไม่หลุดลอยไปไหน ไม่นาน ความสว่างก็เข้ามาแทนที่ พร้อมๆความเจ็บปวดที่หายไป….
“เป็นไงบ้าง” เลอาชะโงกหน้าเข้ามาดู อัลเทอร์ยันตัวขึ้น มือเลื่อนไปจับแก้มข้างขวา มีรอยเลือดติดมือกลับมา เลอายื่นกระจกให้อย่างรู้งาน ยิ้มบางๆแบบคนมีชนักติดหลัง
รอยแผลยาวที่บริเวณใบหน้าซีกขวาทำเอาเขาสยดสยองไม่น้อย ยาวประมาณสองนิ้ว เขาเลิกคิ้วใส่เลอาอย่างสงสัย
เลอายิ้มแหยอีกครั้ง ก่อนพูดเสียงเบา
“งานนี้ต้องใช้เลือดน่ะ แต่มือลื่นไปหน่อย ฮะๆ ขอโทษด้วยละกัน”
“ไม่เป็นไรครับ เออ…ที่นี่ที่ไหนอ่ะ”
“ช่างเถอะ ฉันก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้เรารีบกลับบ้านกันก่อนนะ” เลอาสะบัดมือทีหนึ่ง อัลเทอร์ กับเลอสก็มาโผล่ที่บ้าน
แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นล่ะ!!!!
--------------------------------------------------------------
Talk
งานนี้เรารวมตอนะคะ เพราะรู้สึกว่าจะสั้นไป 555
แล้วก็ขอโทษด้วยที่อัพช้า เรายุ่งๆเพราะเรียนเต็มวัน ///ร้องไห้ T^T
แต่จะอัพเหมือนเดิมให้ได้นะคะ
ฝากติชมด้วน้าาา
Warning
- อย่าด่าบรรพบุรุษกันนะคะ
ความคิดเห็น