ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ไสหัวไปตายซะ!" จึงต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตธรรมดากับคนรักและดาบต้องสาป

    ลำดับตอนที่ #1 : วันสุดท้ายของเด็กสาวผู้หวังจะใช้ชีวิตธรรมดา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.99K
      84
      9 มี.ค. 63

    ???: 「คิดหรือว่าน้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะโค่นจอมมารได้?」

    นักเวทจอมปราชญ์จับคอเสื้อของเธอ ซึ่งถูกเขาจ้องมาจนเธอออกอาการหวาดกลัว
    ต่อให้เขาไม่พูดอะไรเธอก็รู้ดี
    ในศึกที่ปะทะกับพวกเผ่าปีศาจที่ผ่านมานี้ เธอนั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะคอยถูกปกป้องจนแทบจะเป็นตัวภาระอยู่ตลอด
    อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อการถูกปรามาสว่า 「ไร้ประโยชน์」 มากพอ
    ถ้าเป็นแค่เรื่องตลกขบขันนิดหน่อยที่ปะติดปะต่อกันเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบล่ะก็——มันได้เกิดขึ้นแล้ว
    เธอฝืนยิ้มขณะที่น้ำตาไหลปริออกมา พอที่จะคลายอารมณ์ได้บ้าง
    ชายคนนั้นหัวเราะใส่เธอ 「ฮ่า」 เขาเขวี้ยงตัวเธอออกไปและเดินออกจากตรงนั้น
    ไม่มีใครในกลุ่มของเธอที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเธอเลย เธอถึงกับร้องเสียงว่า 「โอ๊ย」 ขณะที่ร่วงตกบนพื้น
    เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเธอต่างก็มองหน้าเธอด้วยความเวทนาและก็จากไป

    Flamm: 「ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะมายังที่แบบนี้สักหน่อย……」

    หญิงสาวคนนี้ชื่อ Flamm Apricot
    เป็นผู้ที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระเจ้าแห่งการสรรค์สร้าง Origin ว่า เธอจะได้เป็นหนึ่งในผู้กล้าที่เข้าร่วมเดินทางไปปราบจอมมารที่อยู่เคียงข้างกับผู้กล้า
    อย่างที่บอกมา คนอื่นนอกจากตัว Flamm นั้น ได้แก่——

    ผู้ที่โยนตัว Flamm ทิ้งไปเมื่อกี้นี้คือ 「นักปราชญ์อัจฉริยะ」 Jean Intage ที่สามารถบงการธาตุได้ทั้งสี่ธาตุ
    ผู้ที่มีทักษะติดตัวในการยิงเข้าใส่เหยื่อเป้าหมายแม้จะอยู่ห่างไกลกว่า 1000 ลี้ก็ตามคือ 「นักธนูสังหารเทพ」 Linus Radiance
    ผู้ที่สามารถรักษาบาดแผลหรือโรคได้ทุกชนิดด้วยจิตเมตตาและพลังแห่งแสงคือ 「นักบุญแห่งความรัก」 Maria Afengen
    ผู้ที่แกว่งดาบยักษ์ด้วยมือข้างเดียวและก็สามารถจัดการกับมอนสเตอร์แรงค์ S ได้ 「หมัดหนักทะลวงดาว」 Gadio Ruskett
    ผู้ที่สามารถแช่แข็งได้แม้กระทั่งวิญญาณของศัตรูด้วยพลังเวทมนตร์อันล้นหลาม 「แม่มดนิรันดร์」 Eterna Lynnbow
    ผู้ที่มีพลังติดตัวที่อยู่เหนือกว่าผู้กล้าคนอื่นใด และเป็นคนที่เกิดมาเพื่อโค่นจอมมารคือ 「ผู้กล้าแห่งการหลุดพ้น」 Cyrille Sweechka

    อย่างที่บอกมา ปาร์ตี้นั้นถูกส่งมาเพื่อโค่นจอมมาร แน่นอนว่าแต่ละคนที่ถูกเชิญมานั้นล้วนแต่มีชื่อเสียงทั้งนั้น แม้แต่ Flamm หญิงสาวบ้านนอกเองก็ยังรู้จักชื่อของพวกเขาเลย
    เมื่อมารวมตัวกัน จึงไม่มีทางสำหรับหญิงสาวบ้านนอกที่มีคุณสมบัติที่ไม่รู้จักที่เรียกว่า 「ผันกลับ」 และไม่เคยได้ยินว่า 「ทุกสเตตัสเป็น 0 หมด」 จะเหมาะสมในกลุ่มได้

    ด้วยเหตุนี้เอง Flamm ก็เลยถูกเก็บไว้ในส่วนของแนวหลัง
    เธอพยายามให้มากยิ่งกว่าผู้กล้าคนอื่นๆ
    แม้แต่ตอนที่เธอเข้าไปปกป้องใครสักคนจนได้รับบาดเจ็บ 「ใช้เวทรักษาเธอไปมันก็สูญเปล่าแค่นั้น」 ดังนั้นร่างกายของ Flamm จึงเต็มไปด้วยแผลสดฟกช้ำอยู่ตลอด
    ถึงกระนั้น
    แม้แต่เธอได้เข้าไปช่วยเหลือใครสักคน คนอื่นก็จะพูดว่า 「อย่ามาทำอะไรที่มันเปล่าประโยชน์」 และก็ถูกปรามาสใส่
    แม้แต่ตอนที่มีใครสักคนที่เริ่มหิวขึ้นมาแล้วก็คอยเลี้ยงพวกเขาด้วยอาหารนิดๆ เธอก็จะพูดว่า 「ทานเถอะนะ」 แล้วก็ก้มหัวขอร้องเลย
    ถึงกระนั้น——

    มันก็พอเป็นไปได้สำหรับ Flamm ผู้อดสูที่ถูกกลั่นแกล้งด้วย
    อย่างไรก็ตาม เธอก็ถูกกลั่นแกล้งอย่างชัดเจนขึ้น เธอถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าทำไมเธอถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้กับตาเองด้วย และทำไมเธอถึงทำแบบนั้นกับพวกเขากันล่ะ
    ยิ่งกว่านั้น เธอยังคอยบอกกับตัวเองว่า 「ถึงกระนั้น」 และอดกลั้นเอาไว้ แต่…… นานเข้า เธอก็มาถึงขีดจำกัด

    Cyrille: 「……」

    ก่อนที่เธอจะรู้ตัว ก็มีคนหนึ่งมองลงไปยัง Flamm ขณะที่เธอนั่งอยู่
    พวกนั้นที่น่าจะเดินไปข้างหน้าต่อ กลับมาหาหรือ?
    แต่แล้วความหวังนั้นก็ได้พังทลายด้วยสายตาที่เย็นชา
    สาวคนที่มีผมทองยาวพอที่จะปิดหู และก็มีรูปร่างที่ไม่แตกต่างจาก Flamm เลย——นอกเสียจากรูปร่างเล็กๆนั้นมีความแข็งแกร่งที่แม้แต่เผ่าปีศาจก็ยังเกรงกลัว
    แน่นอนว่าเธอเป็นผู้กล้า Cyrille Sweechka
    ถึงแม้จะไม่มีอะไรที่คาดหวังจากมุมมองของเธอได้ก็ตาม ตอนนั้นเอง Flamm ก็ได้เดิมพันกับความหวังและก็เรียกเธอ

    Flamm: 「Cyrille-ch…..」



    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะพูดจบ Cyrille ก็หันหลังให้ Flamm แล้วเดินจากไป
    จิตใจของเธอถึงกับบีบเค้นจนแน่นไปหมด
    ฉันถูกทอดทิ้งแล้วสินะ
    ตอนที่พวกเธอเริ่มออกเดินทาง พวกเธอต่างก็เป็นคนในรุ่นคราวเดียวกันมาจากประเทศเดียวกัน และก็ใกล้ชิดกัน แต่ทว่า…
    ความไร้ประโยชน์ของ Flamm ถูกเปิดโปงออกมา ทำให้ทั้งสองค่อยๆห่างเหินมากขึ้น
    ดังนั้น ในตอนนี้เธอจึงได้เมิน Flamm ที่หมดอาลัยตายอย่างไปเลย

    ที่จริงแล้ว หญิงสาวที่ไม่มีอะไรติดตัวยังไม่ได้มีแผนที่จะออกจากการเดินทางนี้
    ถึงกระนั้น เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้เนื่องจากคำพยากรณ์ของพระเจ้าได้เลือกเธอไว้ ยิ่งกว่านั้นคนจากบ้านเกิดของเธอต่างก็ตื่นเต้นถึงขนาดพูดออกมาเลยว่า 「ผู้กล้านั้นมาจากหมู่บ้านของเรา!」 เธอก็เลยไม่อาจหนีออกจากกลุ่มได้
    อะไรคือสิ่งที่หวังของผู้คนได้คิดเอาไว้ถ้าพวกเขาเห็นความไร้ประโยชน์นี้ Flamm ผู้อดสูจะถูกเพื่อนสหายทอดทิ้งหรือ?

    Flamm: 「ฉันเป็นตัวถ่วงของทุกคน」

    เธอนึกภาพทุกคนที่มองเธออย่างอ่อนโยนด้วยสายตาเย็นชาจนรู้สึกหมดอาลัยมากยิ่งขึ้น
    ถึงอย่างนั้น สหายของเธอก็ยังคงเดินไปต่อ เธอจึงไม่ควรที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดไป
    เธอลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นออกจากก้น และค่อยๆเดินตามพวกเขาไป
    น่าอนาถแท้ๆ
    รู้สึกเหมือนกับเธอเป็นเพียงคนเดียวในโลกนี้เลย

    ◇◇◇

    ทางตอนใต้ของทวีปเป็นเขตแดนของมนุษย์ ส่วนทางตอนเหนือนั้นก็เป็นของเผ่าปีศาจ
    พูดอีกอย่างก็คือ ปาร์ตี้ผู้กล้านั้นได้เล็งยังไปที่ปราสาทจอมมารที่อยู่ทางทิศเหนือของเขตแดนเผ่าปีศาจนั่นเอง
    ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นการเดินทางที่ต้องอยู่ด้วยเลือดและเนื้อ จำนวนสิ่งของสัมภาระที่พวกเขาพกมาจึงมีจำนวนจำกัด
    อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่จำเป็นต่อปาร์ตี้ผู้กล้าที่ต้องมาเป็นห่วงเรื่องสัมภาระมากนัก
    ต้องขอบคุณเวท 「ย้อนกลับ」 ที่มีเพียงแต่ผู้กล้า Cyrille เท่านั้นที่สามารถใช้ได้
    จึงเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะสามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้ทุกเมื่อ และก็ยังสามารถใช้ย้อนกลับอีกครั้งไปยังดินแดนเผ่าปีศาจได้ด้วย
    แน่นอนว่ามันมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนการใช้งานกับสภาวะในขณะที่ร่ายด้วย นอกจากการทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ พวกเขาก็น่าจะไปถึงตัวปราสาทจอมมารได้อย่างแน่นอน

    วันนั้น ปาร์ตี้ผู้กล้าได้มาถึงจุดเช็คพอยต์ตามที่วางแผนเอาไว้และก็ได้กลับไปยังที่เมืองหลวง
    จุดที่พวกเขากลับมาก็คือห้องใต้ดินของเมืองหลวงที่มีชื่อเรียกกันว่า 「ห้องเคลื่อนย้าย」
    เป็นห้องที่มืดสลัว เงียบสงบ และเป็นห้องที่พวกเขามารวมตัวกันก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเขตแดนเผ่าปีศาจ

    Eterna: 「ฟูวว…… อือ อย่างที่คิดเลย อากาศตรงนี้มันสดชื่นชะมัด」

    แม่มด Eterna สูดอากาศในเมืองหลวงเป็นครั้งแรกของไม่กี่วันแสดงความเห็นออกมา
    อันที่จริง มันก็เป็นห้องใต้ดินจึงไม่มีอากาศที่บริสุทธิ์นัก อย่างไรก็ตาม มันก็น่าประทับใจที่มันปลอดภัยเนื่องจากไม่มีศัตรูอยู่ในนี้

    Linus: 「ใช่มั้ยล่ะ? หัวฉันมันโล่งไปหมดเพราะไม่มีปีศาจอยู่ใกล้ๆนี่แหละ」

    นักธนู Linus ที่มากับนักบุญ Maria ต่างก็เห็นชอบ ขณะที่ขยับมือของเขาด้วยความตื่นเต้น

    Linus: 「Maria-chan ขอพูดอย่างหนึ่งนะ ข้อต่อของเธอมันเกร็งไปหมดเลยนะ เอาล่ะ ผมจะนวดให้—」

    Maria: 「ขอผ่านค่า」

    เธอปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม Linus ถึงกับผิดหวังจนไหล่ตกไปเลย
    ตอนแรก เธอถึงกับทำหน้าแดงก่ำจนขึ้นเสียงกร้าว แต่ตอนนี้ Maria เองก็เริ่มชินแล้ว
    อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ท้อ

    Linus: 「นั่นสิน้าาา งั้นไปทานอาหารด้วยกันมั้ยล่ะ?」

    พอเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่นปุ๊บ Maria ก็หัวเราะคิกๆพร้อมเอามือบังปากเอาไว้ แล้วก็ยิ้มให้กับ Linus ที่จะชวยเธอไปออกเดท

    Maria: 「หุๆๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ」
    Linus: 「เยสสสสสสสสสสส!」

    Linus ชูกำปั้นดีใจโดยไม่ปกปิดท่าทางเลย
    ทั้งสองออกจากห้องเคลื่อนย้ายโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยนักปราชญ์ Jean มองดูพวกนั้น ถึงกับบ่นออกมาว่า 「ไม่มีความรู้สึกตึงเครียดกันเลยหรือไง」 และก็ถอนหายใจออกมา แต่เขาก็ไม่ได้หยุดพวกนั้นสักเท่าไร
    ยังไงก็ตาม ก่อนที่จะถึงเวลารวมตัวในวันมะรืนนี้ จึงอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ตามอัธยาศัย
    แต่ละคนต่างก็แยกย้ายไปเตรียมตัวเก็บสัมภาระกันจนเสร็จสิ้น

    คนที่เหลืออยู่เป็นสองคนสุดท้ายนั้นก็คือ Cyrille กับ Flamm
    พอ Cyrille หลับตาลง ดาบอัญมณีที่เธอถือไว้ก็กลายเป็นประกายและก็หายไป และก็มีตราสัญลักษณ์ปรากฏอยู่บนหลังมือเธอ
    เมื่อเธอเหลือบไปมอง Flamm เธอก็หรี่ตาใส่ราวกับจะทำหน้าบึ้งใส่แล้วก็ออกจากห้องไป
    ทั้งสองต่างก็ชอบของหวาน เมื่อใดพวกเธอกลับมายังที่เมืองหลวงก็จะไปกินเค้กและก็พูดคุยด้วยกัน
    แต่ตอนนี้ Flamm ไม่หวังเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว

    Flamm: 「ฉันอยากกลับบ้านแล้ว…… แม่คะ พ่อคะ ยังคงสบายดีอยู่สินะ……」

    เธอนึกถึงบ้านเกิดและครอบครัวของเธอ
    เพียงแค่ไม่กี่เดือนเธอก็ถึงกับคิดถึงบ้านแล้ว
    ทุกครั้งที่เธอนึกถึงครอบครัวอันแสนอบอุ่น น้ำตาก็ไหลออกมา
    Flamm เช็ดตาของเธอขณะที่บ่นออกมา เธอส่ายหัวเพื่อหยุดความรู้สึกอ่อนไหวนั้น เธอกำหมัดแน่นแล้วก็พูดว่า 「เอาล่ะ」 เพื่อที่จะปลุกใจตัวเอง แล้วเธอก็เดินไปยังทางออกของห้อง
    ไม่มีเวลาที่จะต้องมาร้องไห้ เพราะเธอจะต้องไปเตรียมสัมภาระสำหรับเดินทางในวันมะรืนนี้ด้วย

    ขณะที่มุ่งไปยังทางออกของห้องเคลื่อนย้ายและออกจากชั้นใต้ดินนั้น——ก็มีชายร่างใหญ่ที่สวมชุดเกราะดำยืนอยู่ตรงนั้น พอที่จะเข้าใจผิดได้ว่ามีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของตัว Flamm

    Flamm: 「Gadio-san? และก็ Eterna-san ด้วย!」

    ชายชุดเกราะนั้นคือ Gadio ที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือก่อนหน้านั้น
    พอเธอเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ก็เห็น Eterna ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเงาได้พอดี
    พอเธอปรากฏตัวต่อหน้า เธอก็โบกมือเรียก

    Eterna: 「เธอจะออกไปซื้อของใช่มั้ย? ฉันเองก็มีธุระเหมือนกัน ฉะนั้นฉันว่าเราน่าจะไปด้วยกันนะ」
    Gadio: 「Eterna บอกฉันให้ไปถือสัมภาระถึงแม้ว่าตัวฉันเองจะไม่มีเวลาว่างเลยก็ตาม」

    ถึงแม้เขาจะพูดแบบนั้น ท่าทางของ Gadio ก็ยังอ่อนโยนขณะที่ยืนพิงกำแพงกอดอก
    ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้แค่มองดูเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาก็รอ Flamm ที่อยู่ในความหดหู่ด้วย
    จากจุดเริ่มต้น ทั้งสองคนต่างก็เป็นนักผจญภัยที่มีประสบการณ์ช่ำชอง บางทีอาจจะดูไม่ค่อยเข้ากับอายุภายนอกของเธอเลยก็ได้

    Flamm: 「ข……ข-ขอบคุณมากค่ะ!」

    Flamm ก้มหัวโน้มตัว
    เพราะท่าทางเช่นนั้นเอง สิ่งที่มัวหมองของเธอทั้งหมดจึงได้ปัดเป่าหายไปในทันที และก็รู้สึกเหมือนกับจะได้รับการช่วยเหลือจากทุกอย่างแล้ว
    อย่างไรก็ตาม อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เธอจึงได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

    ◇◇◇

    ขณะที่ Flamm ซึ่งซื้อของเสร็จแล้วบอกลา Eterna กับ Gadio ที่มาด้วยกัน เธอก็วางกระเป๋าสัมภาระไว้ในปราสาทแล้วก็กลับไปยังที่โรงเตี๊ยม
    จากนั้นทันทีที่เธอเข้าห้อง เธอก็มองดูกระจกขณะที่ถอนหายใจออกมา
    ถึงแม้ความจริงกระเป๋าสัมภาระนั้นมันหนักจนต้องให้สองคนช่วยยกก็ตาม ความเมื่อยล้าก็เข้ามายังตัวเธอทันที
    ความแข็งแกร่งด้านกายภาพของเธอเป็น 0 เธอจึงไม่สามารถยกของหนักได้ และความอึดก็เป็น 0 เธอจึงรู้สึกเมื่อยแม้จะเดินเพียงนิดเดียว
    ตัวตนของ Flamm บ่งชี้ถึงความจริงเหล่านั้น เธอถึงกับเกลียดตัวเอง

    สเตตัสที่เป็น 0 หมดนั้นไม่ได้เริ่มมาเป็นในวันนี้
    ตั้งแต่เธอยังเด็ก——ถ้าจะเอาให้ไกลกว่านั้น ก็น่าจะตั้งแต่เกิดมานั่นแหละ
    เพราะว่า 「คุณสมบัติ」 ของเธอ

    ในโลกนี้มนุษย์ที่เกิดมาจะได้รับคุณสมบัติในร่างกาย
    ได้แก่ ธาตุไฟ น้ำ ลม ดิน แสงและความมืด
    จะถูกเลือกได้เพียงหนึ่งอย่างจาก 6 คุณสมบัติเหล่านี้ และขึ้นอยู่กับหนึ่งในจำนวนของพลังเวทมนตร์ พวกเขาจึงสามารถใช้เวทมนตร์ได้ตามคุณสมบัติที่ติดตัวมา

    อย่างไรก็ตาม มันก็มีข้อยกเว้น
    ตัวอย่างเช่น 「ธรรมชาติ」 ของนักปราชญ์อัจฉริยะที่สามารถควบคุมได้ทั้งสี่ธาตุ: ไฟ, น้ำ, ลมและดิน
    อีกตัวอย่างก็เช่น เวทมนตร์พิเศษที่มีแต่ผู้กล้า Cyrille เท่านั้นที่จะใช้ได้: 「ผู้กล้า」
    เหล่านี้ถูกเรียกว่า 「คุณสมบัติหายาก」 และบอกได้เลยว่ามันอยู่เหนือยิ่งกว่า 6 คุณสมบัตินั้นอีก

    แน่นอนว่าคุณสมบัติหายากดังกล่าวนั้นถือเป็นข้อยกเว้น และในเหล่านั้นก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่อีก
    ตัวอย่างที่มีอยู่ก็น่าจะเป็น 「ผันกลับ」 ของ Flamm นั่นเอง
    ความแข็งแกร่ง พลังเวทมนตร์ ความอึด ความไวและความฉลาด——ทุกสเตตัสของเธอเป็น 0 หมด ส่งผลให้กลายเป็นตรงกันข้ามหมดแม้กระทั่งการพัฒนาของเธอ
    ด้วยทุกอย่างที่มันกลับทาง ค่าที่ควรจะเพิ่มขึ้นมันจึงลดลง
    และเนื่องจากไม่สามารถต่ำกว่า 0 ได้ มันจึงหยุดที่ 0
    แน่นอนว่า ผลของพลังเวทของเธอที่เป็น 0 นั้น เธอจึงไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เธอทำไม่ได้แม้กระทั่งทำตัวให้เป็นประโยชน์จากคุณสมบัติหายากที่เธอได้รับมา

    「ผู้คนในหมู่บ้านเองก็เมตตาอย่างที่คาดไว้เลยไม่ใช่หรือ」

    ไม่มีใครมากลั่นแกล้ง Flamm พวกผู้ใหญ่ต่างก็ดูแลเธอเท่ากับเด็กคนอื่น
    เพื่อนของเธอในรุ่นคราวเดียวกันก็ด้วย——ไม่มีใครดูหมิ่นเธอ
    พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้ว มันก็ต้องแปลกอยู่แล้ว
    หลังจากที่ออกเดินทาง Flamm ก็ถูกโยนลงสู่โลกธรรมดาและเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
    ในที่สุด เธอก็ติดแหงก ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคต…… เมื่อเธอเกิดมาด้วยความสามารถแบบนี้ ชีวิตของ Flamm ก็คงถึงขีดจำกัดแล้วล่ะ

    ขณะที่เธอนึกด่าทอพลังของตัวเองนั้น Flamm ก็ปล่อยตัวเองนอนบนเตียงและกอดหมอนแน่น
    เมื่อเธอได้นอนตัวและหลับตาลงนั้น ร่างกายของเธอก็ห่อหุ้มไปด้วยความสบายตัว
    เธอถึงกับงัวเงียขึ้นมาเมื่อ——เสียงก๊อกๆจากใครคนหนึ่งเคาะประตู

    Flamm: 「ใครน่ะ?」

    หญิงสาวที่อยู่ในอาการง่วงถามด้วยเสียงที่งัวเงีย

    Jean: 「Jean เอง ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ」

    ขณะที่เธอได้ยินเสียงนั้น Flamm ก็รีบลุกขึ้นและก็รีบไปยังที่ประตูทันที
    เธอถึงกับสะดุดตรงจุดที่ไม่มีอะไรจนเข่าถลอก แต่เธอก็ฝืนความเจ็บปวดขณะที่เธอเปิดประตู
    นักปราชญ์ที่ทำหน้าบูดยืนอยู่ตรงนั้น

    Flamm: 「Jean-san ม-มีอะไรหรือ?」
    Jean: 「มากับฉันซะ」

    Flamm ไม่ได้เตรียมการต้อนรับใดๆ
    ด้วยความรีบร้อน เธอเอื้อมหยิบกุญแจห้องที่วางไว้บนชั้น ล็อคประตู และก็ตามหลัง Jean ไป
    เขาออกจากโรงเตี๊ยม เดินไปตามถนน และก็ไม่ได้หันไปมองรอบๆเลย
    Flamm ไม่ได้ไล่ตามหลังเขามา จากตรงนี้เขาคงไม่ได้คิดจะทำอะไร
    แทนที่จะดูเชื่อถือ ท่าทีของเขาที่ 「ฉันคาดว่าเธอจะฟังคำสั่งของฉัน」 และก็ดูถูกเธอ

    เมื่อ Jean เลี้ยวไปยังที่มุม เขาก็เข้าไปยังที่ซอยแคบๆ
    บนถนนที่เปลี่ยวซึ่งเต็มไปด้วยคนไร้บ้าน พวกนั้นต่างก็มองตาด้วยความเฉื่อยชาในขณะที่นั่งกุมเข่า รวมถึงคนที่นอนบนผืนผ้ากลางพื้น
    ถ้า Flamm มาเอง เธอจะไม่ย่างก้าวมายังที่นี่โดยเด็ดขาด
    สิ่งหนึ่งที่คาดเอาไว้ หญิงสาวที่เริ่มไม่สบายใจเริ่มถาม Jean ขึ้นมา

    Flamm: 「เอ่อ เราจะไปที่ไหนหรือ?」
    Jean: 「……」

    แน่นอนว่า ไม่มีการตอบรับใดๆ
    Flamm ที่เลิกล้มจึงได้ตาม Jean อย่างเงียบๆ
    ในที่สุด หลังจากที่ผ่านถนนที่คดเคี้ยวและก็เลี้ยวไปมาอีกหลายครั้ง พวกเขาก็มุ่งไปยังสถานที่เปิดโล่ง
    รอบบริเวณดูมืดสลัวตลอด ดูน่ากลัวว่ามันจะไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง แต่——พอที่จะบอกได้ว่ามันใหญ่กว่าเมืองอื่นถึงสิบเท่า เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรซึ่งไม่ปกติเลยที่มีสถานที่แบบนั้นด้วย

    Flamm: 「จุดหมายคือที่นี่หรือ?」

    เมื่อ Flamm ถามอีกครั้ง Jean ถึงกับเดินเข้ามาหาเธอ เอื้อมมือมา——จับที่ผมของเธอเลย
    เขาลากเธออย่างไร้อารมณ์แล้วก็พาเธอไปยังจุดที่มีพวกผู้ชายยืนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว

    Flamm: 「เจ็บนะ เจ็บ! หยุดทีเถอะ Jean-san!」

    เสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังสะท้อน แต่ไม่ทำให้ใครสะทกใจเลย

    ???: 「เฮะๆๆ สาวสวยคนนี้ สมกับเป็นสินค้าที่ดีเลยว่ะ」

    ขณะที่ไอ้หมอนั่นพูดออกมา มันก็ก้มหลังและก็ถูมือด้วยท่าทางประทับใจ

    Jean: 「เออ ช่างหัวมัน ก็แค่เศษเดนเองแหละ」

    Jean จับ Flamm โยนลงต่อหน้าหมอนั่นราวกับเขาจับโยนถุงขยะเขวี้ยงทิ้งออกไป

    Flamm: 「อ๊า!」

    เธอถูกโยนลงพื้นที่แข็ง
    เธอนอนลงบนกับพื้นที่เย็นเฉียบอย่างไร้ความรู้สึก โดยที่มีแผลบนหัวเข่าจากการฉุดลากถูที่ดูแล้วน่าอนาถ
    เธอไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
    เมื่อ Flamm มองไปยัง Jean ด้วยท่าทางที่หวาดกลัว เขาก็จ้องเธอด้วยท่าทางที่ไม่แยแสเลย

    Jean: 「แกไม่ใช่สายเลือดชนชั้นสูง แกไม่มีความแข็งแกร่งที่เหมาะสมเลย ขอบอกตรงๆว่าอยู่กับแกแล้วอยากอ้วกเลยว่ะ ขอชื่นชมตัวเองที่อุตส่าห์ทนอยู่กับแกมาได้จนถึงตอนนี้เลย」

    Jean ตะคอกคำพูดออกมาเช่นนั้น

    Flamm: 「Jean, san……?」
    Jean: 「ขยะอย่างแกกล้าดียังไงถึงมาเรียกชื่อฉัน!」
    Flamm: 「อึ้ก!?」

    ราวกับจะตอบสนองต่อความโกรธเกรี้ยวของ Jean เศษกรวดก็ลอยเข้าไปหา Flamm
    รวมไปถึงศรเพลิงที่ยิงเฉี่ยวแก้มจนทำให้เกิดเป็นรอยแผลยาวขึ้นมา
    ความเจ็บปวดจึงเริ่มกัดเข้า
    เมื่อ Flamm แตะบนแก้ม มือของเธอก็เปื้อนไปด้วยเลือด
    เมื่อเธอเห็นคราบสีแดงติดอยู่บนมือเธอ เธอถึงกับหลุดร้องออกมาว่า 「อึ้ก」 อีกครั้งด้วยความหวาดกลัว

    ???: 「ทำแบบนี้มันไม่ดีนะครับ เธอเป็นสินค้าชั้นดีที่จะเอาไปขายเลยนะ」
    Jean: 「โทษที ฉันก็แค่โกรธชั่ววูบไปหน่อย แต่ก็ดี เอารอยประทับปะลงไปในบาดแผลเลยได้มั้ย?」
    ???: 「ก็ดีอยู่ บาดแผลแค่นั้นเดี๋ยวเดียวมันก็หาย คุณลูกค้าเชิญเลือกตามที่ชอบได้เลยครับ」

    พอพูดแบบนั้น หมอนั่นก็เตรียมเอาแท่งเหล็กมาให้ Jean
    ก้อนเหล็กนั้นดูเหมือนกับรอยประทับที่อยู่ตรงปลายด้ามที่ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร
    Jean ร่ายมือแล้วเรียกใช้ 「ความร้อน」 เป็นเวทเปลวเพลิง
    ทันทีที่ร่าย ก้อนเหล็กนั้นก็เกิดความร้อนตรงบริเวณปลายแท่ง…. มันร้อนจนเปลี่ยนเป็นสีแดง

    Jean: 「เอาล่ะ Flamm ฉันจะสั่งสอนถึงตำแหน่งที่เหมาะสมตั้งแต่นี้ไป」
    Flamm: 「นั่น…… มัน?」
    Jean: 「ตราของทาสไง เห็นแล้วใช่มั้ยล่ะ? สำหรับทาสของอาณาจักรนี้ ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีตราประทับให้เห็นถึงสถานะของสังคมบนส่วนหนึ่งของร่างกายด้วย เป็นไงล่ะ นี่เป็นวิธีที่สบายกว่านะ แต่ฉันจะขอเลือกตราประทับชนิดที่ร่างกายของแกก็ยังสามารถรับรู้ได้นะ ชอบมั้ยล่ะ? ไม่ดีใจหน่อยหรือไง?」



    สุดท้าย เขาก็เตรียมที่จะประทับเหล็กร้อนเข้ากับใบหน้าของ Flamm เป็นตราเครื่องหมายของทาส
    ชายที่ยืนตรงลานนั้นเป็นพ่อค้าทาส เขาน่าจะเตรียมการเอาเครื่องมือมาเพื่อที่จะใช้งานแล้วล่ะ

    Flamm: 「ม-ไม่นะ…… ฉันไม่อยากกลายเป็นทาส!」
    Jean: 「แกไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธใดๆทั้งนั้น」
    Flamm: 「แปลกไปแล้วนะ! ทำไม ทำไมฉันถึงต้องกลายมาเป็นทาสด้วย!」
    Flamm: 「ทำไมกัน……?」

    Jean ถึงกับทำสีหน้าโกรธต่อคำพูดของ Flamm

    Jean: 「ยัยเด็กเวร——แกไม่เข้าใจหรือไงว่าแกสร้างปัญหามามากแค่ไหน!? ถ้าแกไม่อยู่สักคน การโค่นจอมมารก็น่าจะเป็นไปตามแผนแล้ว!เพราะแก เพราะการมีอยู่ของแก แกฉุดทั้งคนอื่นและแผนการสมบูรณ์ของฉันจนป่นปี้ไม่มีชิ้นดี! เพราะสามัญชนอย่างแก! เพราะแมลงวันที่ไม่มีความสามารถ! แกรู้มั้ยว่ามีบาปมากแค่ไหน? รีบๆยอมรับซะ!」

    ——ข้อกล่าวหานั้นไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
    ไม่สิ จากมุมมองของ Jean แล้ว การมีอยู่ของ Flamm เองถือเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลสิ้นดี
    ในปาร์ตี้ที่มีแต่ผู้กล้านั้น ไม่มีใครในอาณาจักรที่ไม่เคยได้ยินชื่อพวกนั้น คนที่มีค่าสเตตัสเป็น 0 กลับรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

    Flamm: 「…… ล-แล้วคนอื่นรู้มั้ย? ถึงแม้ว่าฉันจะไร้ประโยชน์ ฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกเหมือนกันนะ ถ้าคุณทำด้วยความอำเภอใจ ถือว่ายอมรับไม่ได้นะ!」
    Jean: 「แน่นอนว่าพวกนั้นรู้กันหมดแล้ว」
    Flamm: 「โกหกสินะ…… โกหกแน่นอน! แล้ว Eterna-san ไม่หยุดคุณเลยหรือ? Gadio-san ไม่ห้ามคุณเลยหรือ!?」

    เธอไม่ได้คิดว่าสองคนที่เพิ่งจะออกไปซื้อของกับเธอนั้นจะเห็นด้วยได้
    อย่างไรก็ตาม Jean ก็ประกาศออกมา

    Jean: 「เออ พวกนั้นถึงกับกังวลแต่สุดท้ายก็เข้าใจ มันช่วยไม่ได้ ถ้าเพื่อผลประโยชน์ในการโค่นจอมมาร และคนที่คิดว่าเธอเป็นตัวภาระหนักที่สุดก็ไม่มีใครนอกจากสองคนนั่นหรอก」

    เรื่องนั้นเป็นความจริงอยู่แล้ว
    Eterna กับ Gadio เป็นสองคนที่เป็นห่วง Flamm มากที่สุด แต่เพราะแบบนั้นเอง Flamm จึงรู้สึกผิดอยู่ตลอดเพราะพวกเขาคิดว่าเธอเป็นตัวภาระ
    ขณะที่เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ควรที่จะเชื่อเรื่องนั้น จิตใจของ Flamm ก็สั่นคลอนไปหมด

    Flamm: 「แล้ว Linus-san กับ Maria-san ล่ะ!?」
    Jean: 「พวกนั้นบอกว่าไม่สนใจ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนั้นมันก็แย่อยู่แล้วใช่มั้ย?」

    มันก็ช่วยไม่ได้
    สองคนนั้น เธอจำได้ว่าพูดคุยติดต่อกันยากมาก จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะมาอยู่ข้างตัวเธอ

    Flamm: 「ง-งั้น…… Cyrille-chan ล่ะ?」

    แน่นอนว่าเธอทำเย็นชาใส่ตนเมื่อไมนานนี้ แต่พวกเธอก็เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน
    ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงจะไม่เข้าใจถึงเรื่องที่ไร้เหตุผลอย่างการทำให้ Flamm เป็นทาสแน่
    อย่างไรก็ตาม Jean ก็แสดงสีหน้ายิ้มแสยะเมื่อเขาได้ประกาศออกมา

    Jean: 「เธอเป็นคนแรกเลยที่เห็นชอบด้วยอย่างยิ่ง เธอถึงกับดีใจออกมาเลยเมื่อเธอคิดว่าจะได้ไม่ต้องมาเห็นหน้าอีก」
    Flamm: 「อะ……อาาา…… เป็นเรื่อง…… โกหก ใช่มั้ย……」

    Flamm พยายามจะไม่เชื่อในเรื่องนี้
    อย่างไรก็ตาม สำหรับ Jean แล้ว เขาก็คงไม่แยแสกับเจตนารมณ์ของเธอหรอก

    Jean: 「ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่มันก็เป็นเรื่องของเธอ ความจริงมันไม่เปลี่ยนไปหรอก เธอถูกขายเป็นทาสแล้ว ถือว่าเป็นการหารายได้สำหรับผู้กล้าของเราล่ะกัน ไม่ดีหรือไงที่เธอได้ช่วยเหลือพวกเราน่ะ?」
    Flamm: 「ปล่อย…… ปล่อยฉันกลับไปที่หมู่บ้านนะ……!」

    พอเห็นว่าเธอเสียเพื่อนรักไป สิ่งที่เธอคิดได้ในตอนนี้ก็คือครอบครัวกับเพื่อนที่รออยู่ที่บ้านเกิดของเธอเท่านั้น
    Jean ทำหน้าบิดเบี้ยวใส่ Flamm ที่ยังไม่สิ้นหวังจึงได้พูดบางอย่างออกมา

    Jean: 「แย่หน่อยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าสวะอย่างเธอกลับบ้านไป คงจะถูกคนทั้งหมู่บ้านรังเกียจเลยใช่มั้ยล่ะ?」
    Flamm: 「พ่อคะ…… ม-แม่คะ……」
    Jean: 「พ่อกับแม่เธอก็คงจะสำราญกับชีวิตที่ไม่มีลูกสาวอยู่แล้วล่ะ ในเมื่อสวะที่ไร้ค่ายิ่งกว่าขยะไม่มีอีกต่อไปแล้ว น่าจะดีใจนะที่ได้เป็นพ่อแม่ของผู้กล้าแล้วไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ!」
    Flamm: 「อืออออออออออออ……อ๊าาาาาาาาา!」

    ไม่ว่าเธอจะร้องแค่ไหน หรือตะโกนอย่างไร Jean ก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป
    Flamm ถึงกับต้องคลานทั้งสี่ขาเพื่อที่จะหนีให้พ้นจากตัวเขา แต่ทันใดนั้นก็มีแขนดินที่โผล่ออกมาจากพื้นดินจับทั้งแขนและขาของเธอ เธอถูกตรึงเอาไว้ไม่ให้หนีไปได้
    เธอพยายามจะดิ้นให้หลุดออกมาขณะที่คลานกับพื้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้สำหรับร่างกายอ่อนแอของเธอที่จะทำลายเวทมนตร์ที่นักปราชญ์สร้างขึ้นมา
    ขณะที่ Jean ยิ้มแสยะนั้น เขาก็เดินเข้าไปหา Flamm ที่น้ำตาไหลพรากอย่างคุ้มคลั่ง บนแก้มเธอนั้น—— เขาได้ประทับเหล็กที่ร้อนแดงจัดจนช่า

    Flamm: 「อ๊ะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก!」

    เสียงร้องแหบแผดออกมาจากคอของ Flamm
    น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธอที่สัมผัสกับเหล็กก็ระเหยหายไป
    เธอบิดคอดิ้นรนขัดขืน แต่แขนดินนั้นก็ยืดมาจับหัวเธอเอาไว้ จนไม่อาจดิ้นไปไหนได้

    Flamm: 「อาาาาา อาาาาาา! อาาาาาาา!」

    ถึงแม้เสียงจะแหบลง ก็ไม่อาจหยุดร้องได้
    Jean ที่มองดู Flamm ดิ้นรนทรมาน พูดขึ้นมา

    Jean: 「ฮ่าๆๆๆ นี่คือผลกรรมที่ต้องได้รับ! สมน้ำหน้าโว้ย! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!」

    เขาถึงกับเบิกบานชื่นใจขึ้นมาเลย
    สำหรับเขาที่มีความหยิ่งทนงตัวสูงนั้น เขาได้เหยียดหยามเธอที่ทำตัวเหมือนกับสหายทั้งๆที่เธอนั้นไร้ความสามารถ เธอจึงเป็นคนที่ไม่สมควรที่จะมีอยู่ต่อไป

    Flamm: 「อาาา อะ อาา อะ อิ อุ อุก…… อา อะ——」

    เสียงร้องของเธอหยุดลง
    เหงื่อก็ไหลท่วมไปทั้งใบหน้า ร่างกายก็ชักกระตุก แล้วในที่สุด Flamm ก็ไม่เหลือแม้แต่สติ
    Jean มองดูเธอที่หมดสติไปแล้วก็กระชากดึงเหล็กที่ค่อยๆสูญเสียความร้อนออกจากใบหน้าของเธอ
    เผละะะ…… เศษเนื้อของเธอที่ถูกเผาไหม้ก็หลุดติดออกมาหน่อย แต่มันก็คงจะหายเองได้ เขาก็เลยดึงมันออกมาด้วย
    แล้วเขาก็โยนแท่งเหล็กนี้ไปแล้วก็หันไปหาพ่อค้าทาส

    พ่อค้าทาส 「ดูเหมือนว่าคุณจะสนุกมากเลยนะครับ Jean-san」
    Jean: 「นั่นสินะ พอฉันนึกถึงเรื่องที่ต้องมาทนทุกข์ทรมานจนถึงตอนนี้ ถือว่านี่ยังไม่พอด้วยซ้ำ」
    พ่อค้าทาส 「อย่างไรก็ตาม อย่าได้ทำให้มากกว่านี้เลย ไม่งั้นเธอจะตายแน่」
    Jean: 「ฉันไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขนาดจะฆ่าเธอสักหน่อย เอาล่ะ ขอรับเงินตามที่สัญญาล่ะกัน」
    พ่อค้าทาส 「ได้เลย เอ้ารับนี่ไป」

    พ่อค้าทาสเขย่าถุงที่เต็มไปด้วยเหรียญเงินเบาๆแล้วยื่นให้กับ Jean
    พอเขาได้ถุงเงินมา เขาก็ยิ้มราวกับจะได้ขึ้นสวรรค์แล้วก็เดินออกจากลานไป
    พอเขาหันมองกลับไป พ่อค้าทาสก็เริ่มรักษา Flamm ด้วยอุปกรณ์ที่เขาเตรียมมาก่อนหน้า

    ——ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสูญเสียสิทธิมนุษยชนและสูญเสียความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×