ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #9 : ปาร์ตี้มือใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.87K
      266
      27 พ.ย. 62

    Yumina นำ Shirley ไปยังที่ห้องนั่งเล่นของกิลด์แต่ก็ถูกหยุดขณะที่เธอจับลูกบิด

    “ก็อย่างที่ฉันพูดไปนั่นแหละ! นี่เป็นโอกาสดีสำหรับเรานักผจญภัยแล้ว!”

    “และฉันก็บอกนายแล้วไงว่ามันผิด! โอกาสดีงั้นหรือ? พาพวกเราไปตายห่าละมั้ง!”

    จากภายในห้องนี้ พวกเธอน่าจะได้ยินเสียงตะโกนเถียงกันของนักผจญภัยอายุน้อยสองคน เป็นผู้ชายและผู้หญิง ขณะที่ Shirley จะยิงคำถามออกไป Yumina ก็ถึงกับถอนหายใจเอามือกุมหัวที่หน้าผากเลย

    “สองคนนั่น… พวกนั้นไม่ยอมหยุดทะเลาะกันแม้แต่เวลาแบบนี้เนี่ยนะ…?”

    “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

    “อ๊ะ นี่คือปาร์ตี้นักผจญภัยหน้าใหม่ที่ฉันพูดถึงไงล่ะ โชคไม่ดี ดูเหมือนว่าสองคนนี่จะเป็นคู่ปรับเก่าหรือว่าอะไรอย่างนั้น พวกเขาเอาแต่ทะเลาะกันตลอดเลย”

    การถกเถียงระหว่างนักผจญภัยหน้าใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ Yumina ดูท่าจะกลุ้มใจยิ่งกว่าปกติ มีความเป็นไปได้ว่าสองคนนี่จะเลวร้ายจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยมั้ยเนี่ย?

    “พอได้แล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ”

    “แอ้ก!?”

    “อั้ก!?”

    เสียงโต้เถียงถูกหยุดลงด้วยเสียงพูดสุขุม ตามด้วยเสียงถูกเขกหัวของทั้งสอง

    “ดูเหมือนว่ามันจะจบแล้วล่ะ”

    “ค่ะ เราน่าจะเข้าไปข้างในก่อนที่พวกนั้นจะเริ่มอีกครั้งนะ”

    ขณะที่เธอเข้าไปในห้องกับ Yumina นั้น Shirley ก็เหลือบไปเห็นนักผจญภัยที่นั่งอยู่ตรงนั้น


    นักผจญภัยอายุน้อยทั้งชายและหญิงต่างก็ลงไปนั่งยองๆกับพื้นกลางห้องขณะที่เอามือกุมหัว ผู้หญิงคนนี้มีหูที่เรียวปลายแหลม

    คนที่ยืนอยู่เหนือพวกเขาซึ่งกำหมัดเอาไว้เป็นคนที่เธอพอนึกขึ้นมาได้บ้าง… และนักผจญภัยที่มีหัวเป็ยวัวและมีขวานสงครามแบกสะพายหลังนั้น ก็เป็นมนุษย์มิโนทอร์

    “อ๊ะ…!”

    และคนสุดท้าย เด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่ดูคุ้นหน้า ใช่แล้ว เป็นอัศวินนักเวทที่เธอเคยช่วยเอาไว้ตอนที่ปาร์ตี้ของเขานั้นประสบความโชคร้ายในรังก็อบลิน

    ดูเหมือนว่าเขาจะยังเป็นนักผจญภัยต่อไปแม้ว่าจะผ่านเรื่องนั้นมาก็ตาม พอเขาเห็น Shirley เขาก็ยิ้มเจื๋อนออกมา

    “เอาล่ะ อยู่ในความสงบ! เฮอะ ถ้านักผจญภัยหน้าใหม่ยังตกใจกลัวกับเสียงร้องตัวเองมันทำให้ฉันจบปัญหาไม่สิ้นสุดสักที”

    “ร-เราขอโทษ”

    “เขาบอกว่า ‘เราขอโทษ’ นะ… คิดว่าใครเป็นคนผิดกันล่ะ?”

    “หา!? ก็นายไงที่-!”

    “พวกเธอทั้งคู่อยากจะเริ่มอีกหรือ?”

    แล้วพวกนั้นก็เริ่มที่จะจ้องเขม่นหน้ากันอีกครั้ง มิโนทอร์ก็เลยยกกำปั้นขึ้นมา ส่วน Yumina ก็ยิ้มเย็นชาจนทำให้พวกนั้นกลับมานั่งลงอย่างรวดเร็ว

    “ในที่สุดพวกนายก็เงียบได้สักที เราจะได้แนะนำตัวกันสักหน่อย เอาล่ะ Shirley เชิญได้เลย”

    Shirley กับ Yumina นั่งบนโซฟา ขณะที่คนอื่นก็นั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม

    แม้ว่านายมิโนทอร์จะปฏิเสธนั่งเก้าอี้และปล่อยความไม่สบอารมณ์ออกมา ถึงกระนั้น Yumina ก็ยังให้ Shirley ได้แนะนำตัวเองด้วยเสียงเบิกบานด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย

    “ฉันชื่อ Shirley เป็นนักดาบชั้นแนวหน้า”

    อย่างไรก็ตาม ก็ได้หักหลังความคาดหมายของ Yumina ไปซะแล้ว มีเพียงแต่ความเงียบที่ชวนอึดอัดหลังจากที่ Shirley แนะนำตัวเองสั้นเกินไป

    “เอ่อ… แค่นี้หรือ?”

    “แล้วพวกนั้นอยากรู้อะไรอีกมั้ย?”

    ความเงียบปรากฏอีกครั้ง ขณะที่ Yumina หมดหนทางที่จะทำลายกำแพงไป นายมิโนทอร์ก็เดินก้าวมาข้างหน้า

    “ข้าชื่อ Asterios เป็นหัวหน้าของปาร์ตี้นี้ ข้าเป็นนักผจญภัยที่เริ่มมาในเมืองนี้ตั้งแต่แรกเหมือนกับที่ Shirley ทำนั่นแหละ แต่นี่คือครั้งแรกที่ได้พูดคุยกัน”

    “จริงอยู่ ฉันเองก็เคยเห็นคุณไปมาอยู่รอบๆ แต่ฉันไม่เคยได้แนะนำตัวหรือพูดคุยกับคุณเลย คุณเป็นพ่อพระหรือไง?”

    “ถูกเผงเลย”

    เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้อ่อนโยนโดยธรรมชาติจากเผ่าพันธุ์ของเขา แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกได้เมื่อเธอเห็นชุดของเขา

    ถึงแม้ว่าอาวุธที่เขาควงนั้นจะเป็นขวานรบดั้งเดิมของเผ่ามิโนทอร์ก็ตาม เขาก็สวมเสื้อคลุมกับกระดิ่งที่เป็นเครื่องหมายของ Ethereal Mother แขวนบนคอที่อยู่ถัดจากป้ายชื่อของเขา

    คำสอนศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่นภานั้นไม่แบ่งแยกระหว่างเผ่าพันธุ์ จึงทำให้รู้สึกว่าเขาน่าจะถูกเลือกมาเป็นครูสอนได้ โดยพิจารณาว่าได้เรียนจากโบสถ์มาอย่างไร

    ศรัทธาของโบสถ์เป็นตัวยึดเหนี่ยวจิตใจและอยู่เหนือสิ่งอื่นใด คุณจะไม่พบบาทหลวงหรือพระใดๆที่เอาคำสอนมาชักจูงเหมือนเป็นการปลุกระดมคน สำหรับพระของโบสถ์แล้ว พวกนั้นเป็นพระที่มีความบริสุทธ์ทางใจที่มีความอดทนมากพอ

    “และพวกนี้เป็นนักผจญภัยที่ข้าได้มาเป็นผู้นำในฐานะครูฝึกนะ”

    “เอาล่ะ ตาฉันล่ะ!”

    สาวหน้าตาสวยห้าวที่พอไปได้อยู่ มีเกราะหุ้มอกที่ขนาดเล็กปกปิดตัวเธอและมีผมสีน้ำตาลแดง

    ตาของเธอเป็นพวกกึ่งมนุษย์ และก็มีสีทองประกายแปลกๆ เธอน่าจะเป็นฮอบบิท

    เนื่องจากเธออายุ 15 ปีเพื่อที่จะลงทะเบียนกิลด์ ความสูงของเธอนั้นหมายความว่าไม่มีทางที่เธอจะเป็นเอลฟ์แม้จะมีหูแบบนั้น และก็ใบหน้าอ่อนวัยของเธอก็ด้วย ถ้าไม่ได้เป็นพวกที่คอยสังเกตล่ะก็ อาจจะคิดว่าเธออายุน้อยกว่าลูกสาวของ Shirley เสียอีก

    “ฉันชื่อ Leia! เป็นนักธนูเวท! …และก็เพิ่งจะได้มาลงทะเบียนนี้ ฉันเป็นกึ่งเอลฟ์นะ ฉะนั้นก็อย่าได้เข้าใจผิดว่าเป็นฮอบบิทล่ะกัน”

    “…”

    เธอถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเซอร์ไพรเลย ต้องขอชมทักษะของ Shirley ที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ไว

    กึ่งเอลฟ์เป็นครึ่งมนุษย์กับครึ่งเอลฟ์ที่ผสมข้ามเผ่าพันธ์ในตัวลูก พวกนั้นอาศัยอยู่นานกว่ามนุษย์โดยเฉลี่ยถึงสามเท่า แต่แน่นอนว่าแววตานั้นยังเทียบกับเอลฟ์สายเลือดบริสุทธ์ได้อยู่

    แต่ไม่คำนึงถึงสิ่งใด กึ่งเอล์ฟและเอล์ฟสายเลือดแท้ต่างก็มีอายุใกล้เคียงกับมนุษย์เหมือนกันจนกระทั่งอายุประมาณยี่สิบ ทำไมยัยเด็กสาวคนนี้ถึงดูเหมือนจะไม่เติบโตเลยน้า?

    “ฉันเป็นคนต่อไปหรือ? ฉันชื่อ Cudd เป็นทหารพราน”

    ผมดำกับตาดำซึ่งหายากในประเทศนี้ เขามีรูปกลางกึ่งกลางทั้งส่วนสูงและน้ำหนักและก็สวมเสื้อผ้าเบาๆที่ช่วยให้เขาขยับตัวได้ง่ายขึ้น สิ่งของที่เธอเห็นบนตัวเขาเป็นเพียงกระเป๋าเครื่องมือกับมีดใหญ่ที่แนบตรงเอว

    เขาดูเหมือนจะตรงข้ามกับ Leia อย่างสิ้นเชิงเลย ในขณะที่เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่ดูถือตัวเอง ชายคนนี้ก็มีรังสีของแบบนั้นมาคอยป้องกัน

    “เอ่อ เราเคยเจอกันมาก่อนแต่ผมก็ไม่ได้แนะนำตัวเองในตอนนั้นไป ผมชื่อ Kyle เป็นอัศวินจอมเวทที่เพิ่งจะเข้าร่วมปาร์ตี้มาไม่นานนี้ ผมอยากจะขอบคุณเธออีกครั้งที่ช่วยผมในวันนั้นนะ”

    “เอ๋? หา? พวกเธอสองคนรู้จักกันมาก่อนหรือ?”

    “เออ ก็งั้นมั้ง”

    หลังจากที่ได้ยินชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว Shirley ก็มองดูป้ายของนักผจญภัยในห้อง

    Asterios มีแผ่นป้ายสีเงิน สลักแรงค์ A เอาไว้ ส่วนสมาชิกนั้นเป็นสีทองแดง Shirley ถึงกับสงสัย

    “ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องปาร์ตี้หรอก แต่มันไม่เร็วไปสำหรับนักผจญภัยแรงค์ E หรือที่จะไปสู้กับมังกรน่ะ? เมื่อไรที่เริ่มการต่อสู้ อาจจะปกป้องพวกเขาได้ยากนะ รู้มั้ย?”

    มันไม่มีข้อห้ามว่าใครจะรับคำขอได้บ้าง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นแรงค์ E หรือแรงค์ S ถ้าใครไม่มั่นใจในความสามารถพวกเขาพอที่จะดำเนินคำร้องที่พวกเขาได้เลือกเอาไว้หรือต่ำกว่าแรงค์พวกเขาได้ และถ้าใครพร้อมที่จะตายเพื่อสั่งการพิสูจน์ได้ว่าตัวพวกเขาสามารถรับคำร้องในระดับที่สูงกว่าได้

    กิลด์นักผจญภัยไม่ใช่ประเภทแบบนั้น โดยเฉพาะที่ใกล้ชิดกับองค์กร เมื่อนักผจญภัยได้ลงทะเบียนไปแล้ว มันก็ทำให้เห็นได้ว่าพวกเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ตายตอนที่ต้องมาเอาคำร้องซึ่งเป็นความรับผิดชอบของพวกเขาเอง และนั่นก็ไม่มีอะไรเท่ากับผลตอบแทนของงาน

    “จริงๆแล้ว เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับมังกร สิ่งที่แรงค์ E พอจะทำได้คืออะไรล่ะ? มีเพียงแค่ Asterios เท่านั้นที่น่าจะทำอะไรได้ เอาตามตรงนะ มันไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นผลของการฝึกสักเท่าไรเลย”

    นักผจญภัยถึงกับห่อเหี่ยวโดยไม่มีความเห็นใจใดๆของเธอเลย พวกนั้นถึงกับรู้ความจริงที่ไม่มีใครมาบอก

    คนที่ไม่สงสัยถึงการต่อสู้กับศัตรูที่น่ากลัวต่อระดับของพวกเขานั้นถือว่าโง่ ต่อให้พวกเขาเป็นนักผจญภัยแรงค์สูงก็ตาม การส่งแรงค์ E ไปต่อกรกับมังกรนั้นเหมือนกับภารกิจฆ่าตัวตายชัดๆ

    “เธอไม่ผิดหรอก แต่ฉันคิดว่ามันจะดูเหมือนเข้าใจผิดสักอย่าง”

    Shirley หันไปมอง Yumina ขณะที่เธอเพิ่งจะรู้ตัวถึงความผิดพลาด เธอถึงกับประนมมือขอโทษเลย

    “อ๊ะ ข-ขอโทษนะ! ฉันว่าฉันคงจะอธิบายได้ไม่ดีพอ”

    “อย่าห่วง ฉันจะถามเธอถึงรายละเอียดนั้น… จะว่าไป คำร้องนี้เป็นคำร้องเดิมๆเพราะการปรากฏตัวของมังกรที่คาดไม่ถึงในขณะที่สู้กับมอนสเตอร์ระดับที่ต่ำกว่า ใช่มั้ย?”

    “ใช่ ก็ตามที่เธอว่ามานั่นแหละ ก่อนที่ Kyle จะเข้าร่วมกับเรา เราก็ได้ไปยังเหมือง Jewelsaad ก่อนที่จะสั่งการให้สังหารกับเจ้าโบโนโบเลวที่อาศัยอยู่ในนี้ แต่…”

    โบโนโบเลวเป็นมอนสเตอร์ที่คล้ายๆลิงมักจะอาศัยอยู่ตามภูเขาในแถบภูมิภาค

    พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่มีความฉลาดตรงจุดที่บางตัวก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้ พวกนั้นมีแขนขาวที่เรียวยาวและชอบโจมตีจากระยะภายนอกด้วยก้อนหินและเวทมนตร์แทนที่จะสู้กันระยะประชิด โดยปกติมันง่ายต่อนักผจญภัยแรงค์ E ที่สามารถจัดการกับพวกมันได้ แต่แล้วก็มีการรายงานมาว่าเมื่อโบโนโบนั้นได้รวมกลุ่มกับพวกก็อบลินแล้วก็ทำให้กลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมา

    “โบโนโบนั้นอยู่ร่วมกับมังกรด้วย ใช่มั้ย? เป็นเรื่องที่นายได้ยินมาล่าสุดนี้”

    “ถูกต้อง แน่นอนว่ามีเพียงนักผจญภัยแรงค์ E แค่สองคนมาหนุนหลังก็คงจะเป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์นี้ เราจึงได้รีบกลับไปยังกิลด์ทันที แต่นั่นก็เป็นปัญหา”

    “ตอนที่เราพยายามจะหนีไป ฉันก็ทำอัญมณีที่อยู่ในสร้อยคอหาย”

    Leia ได้มาจาก Asterios และชี้สร้อยคอที่เธอสวมที่มีวงเปล่าๆอยู่ตรงกลาง

    “มันเป็นของขวัญของรุ่นนะ ของบางอย่างครอบครัวก็ครอบครองไว้จากรุ่นสู่รุ่น มันทำขึ้นโดยสุดยอดช่างฝีมือยุคเก่าแก่ที่ใช้เพชรใหญ่นะ เพชรนั้นมันหล่นหายตอนที่ฉันทำมันตกไป… เนื่องจากพวกโบโนโบได้เก็บเอาไป ตอนนี้มันน่าจะอยู่ในรังมังกรแน่นอน หือ?”

    Leia ยังคงร่าเริงจนถึงตอนนี้ แต่สีหน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นหน้าเครียด ถ้าทำของสืบทอดตระกูลหายไป มันก็ไม่น่าจะแปลกใจที่สีหน้าสดใสราวกับดวงอาทิตย์จะมืดลง

    “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นเหตุผลที่เข้าไปในเหมืองนั้นไม่ใช่แค่ฝึกหน้าใหม่อย่างเดียว พวกเธอตั้งใจที่จะเข้ารังมังกรเพื่อเอาเพชรกลับมา… อย่างนั้นหรือ?”

    สิ่งที่มังกรละโมบมากที่สุดก็คือทอง เงินและเพชร แม้แต่นักผจญภัยแรงค์ A ก็ยังต้องถอนตัวเลย ดูเหมือนว่ามังกรนั้นจะไม่ใช่ทั้งตัวอ่อนเลย

    ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าตรงนั้นจะมีเพชรอื่นในรังหรือเปล่า ก็ไม่มีทางที่ Shirley จะสังเกตเห็นความแตกต่างจากอันอื่นหากอยู่ตรงนั้นได้

    “เอาล่ะ ถ้าเป็นในกรณีนั้น มันไม่ดีกว่าหรือถ้าเธอไปเอาก้อนหินกลับมาหลังจากที่ฉันฆ่ามังกรเสร็จ… เดี๋ยวนะ มันไม่ได้ผลหรอก ฉันขอถามหน่อย พวกเธอมีทุนพอที่จะซื้อมันกลับมาในท้องตลาดมั้ย?”

    “มี”

    เพราะจำนวนของมัดจำระหว่างกิลด์กับรัฐบาลนั้นมีน้อย นักผจญภัยที่เชือดมังกรได้จะขายได้มากขณะที่พวกนั้นไม่สนว่ามันจะเป็นของใคร สิ่งที่พวกนั้นเหลือไว้ก็จะตกเป็นของอัศวินของราชอาณาจักรที่จะเอากลับมาเป็นสมบัติของหลวงไป

    เพราะแบบนั้นไง นักผจญภัยหลายคนที่พยายามจะเชือดมังกรจึงสามารถกวาดเงินทองได้จำนวนมหาศาล แม้กระทั่งยังตั้งกฎเกณฑ์กับพวกที่ไม่ยอมช่วยเหลือคำร้องที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในรังด้วย

    ถ้าเข้าไปในรังโดยที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของปาร์ตี้ที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ยังขโมยเพชรกับของมีค่าเหมือนพวกไฮยีนาล่ะก็ รับรองว่าจะถูกจับโกหกได้ด้วยเวทมนตร์ของบาทหลวง แล้วจะถูกริบทรัพย์และเกียรติยศในฐานะนักผจญภัยจะมลายหายไปเลย

    ถ้า Shirley ได้ทำตามที่อุปมา มันก็น่าจะเหมือนแบบนี้ ความเข้าใจโดยปริยายระหว่างนักผจญภัยก็คล้ายๆกับคำปฏิญาณของเหล่าอัศวินที่พวกนั้นต้องยัดมั่น การเอารางวัลจากคำร้องที่ไม่ได้คิดถึงความผิดชอบชั่วดีต่อเกียรติยศในหมู่นักผจญภัยคนอื่นๆน่าจะไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้

    “แต่ เท่าที่คิดไว้ พวกโบโนโบเองก็อยู่ภายใต้มังกร คำร้องในการสังหารพวกมันจึงยังคงใช้ได้อยู่ ถ้าเกิดว่าเราจัดการกับโบโนโบในขณะที่เธอโฟกัสตรงที่สู้กับมังกรล่ะ?”

    Asterios วางคำร้องไว้บนโต๊ะ และบนนั้นมีข้อความสีแดงหนาที่เขียนเอาไว้ตรงนั้นด้วยคำว่า ‘มังกรอาละวาด’

    “เอาที่สำคัญ คุณพิสูจน์ได้มั้ยว่าปาร์ตี้พวกคุณมีส่วนร่วมในการปราบมังกรโดยฆ่าโบโนโบจนพวกมันจำนน แล้วเราก็จะทำคำร้องได้ส่องต่อเลย… เป็นไงล่ะ?”

    “แน่นอน นี่ถือว่าไม่เป็นการโกหกที่ว่าเป็นการฝึกเควสไปด้วย ถูกมั้ย? ยิ่งกว่านั้น ต่อให้พวกเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในศึกได้ พวกเขาก็ยังได้เรียนรู้โดยการดูเธอจากระยะไกลด้วย และถ้าเธอเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของหน้าใหม่ล่ะก็ ไม่ต้องห่วง”

    อกใหญ่ของเขาขยับจนกระดิ่งที่แขวนคอไว้สั่นจนได้ยินเสียงชัดเจน

    “เวทบาเรียของฉันนั้นแกร่งมาก ไม่ว่าคู่แข่งจะแกร่งแค่ไหน บาเรียนี้ก็จะช่วยทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะหนีไปได้นะ”

    “ตัวกิลด์มาสเตอร์ไม่มีปัญหากับข้อเสนอของ Asterios หรอก ถึงอย่างนั้นเขาไม่สงสัยหรือว่าจะเป็นการรับงานอันตรายมา ถ้าหากหน้าใหม่ไม่ได้มาด้วยแล้ว…”

    เมื่อ Yumina หันไปมอง Kyle กับ Cudd คุณอดีตก็พยักหน้าอย่างแน่วแน่แล้วต่อมาภายหลังก็ถึงกับเกาหัวราวกับเขาไม่มีตัวเลือกใดๆนอกจากตอบรับเท่านั้น

    “มันอาจจะอันตราย แต่ฉันก็ยังอยากจะไปอยู่ ฉันรู้เราเคยเพิ่งจะเจอกัน แต่เราก็ยังเป็นปาร์ตี้อยู่”

    “เห็นด้วย นอกจากนี้มันอาจจะไม่ค่อยดีนักที่มียัยเด็กที่ยังติดหนี้ฉันอยู่นะ”

    “ว่าใครเป็นยัยเด็กกันย่ะ ไอ้ตัวเสเพล!?”

    “โอ๊ยยยย!?”

    Leia เตะใส่แข้ง Cudd อย่างแรง ทำให้เขาลอยกลางอากาศในขณะที่คว้ามัน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบที่จะถูกต่อว่าเรื่องความสูงของเธอ

    “นี่เธอทำอะไรกันวะ ยัยเด็กบ้าเหลือขอนี่!”

    “นายพูดอีกแล้วหรือ!? ไม่มีใครกล้าหือกับฉันหรอก! ฉันจะทำให้ไอ้หมอนี่ต้องร้องไห้บีบน้ำตาออกมาเลย!”

    “ด-เดี๋ยวก่อน ทั้งสอง หยุดทะเล- แอ้ก!?”

    Kyle พยายามจะหยุดทั้งสองเอาไว้ แต่ก็โดนศอกเข้าเต็มหน้า ขณะที่อัศวินเวทนอนหงายเก๋งบนพื้นและสองคนนั้นก็เริ่มที่จะปล้ำกัน อีกสามคนที่อยู่ในห้องก็เห็นฉากที่ดูน่าสมเพช

    “…เป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือ?”

    “อืม มันทำให้ข้าขายหน้าในฐานะของครูฝึกที่จะพูดแบบนั้นนะ แต่อันที่จริง สองคนนั่นก็ทะเลาะกันอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว และมักจะเริ่มทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมากที่สุดตลอดแหละ”

    “ก่อนที่ฉันจะมานี่พวกเขาก็ทะเลาะกันหรือ… มันน่าจะเขี่ยออกไปดีมั้ยเนี่ย?”

    “พวกนั้นต่างก็เถียงกันเรื่องที่ว่าหรือไม่ก็จัดการกับมังกรนี่แหละ”

    “ก็นะ พวกเขาน่าจะเลือกได้อย่างอิสระ แต่…”

    ถึงแม้พวกนั้นจะไม่ได้คุยกันนานถึงครึ่งชั่วโมง Shirley ก็ยังรู้สึกเหมือนเธอจะยังมีคนที่เข้าใจตัวตนของทั้งสองคนนี้อยู่

    ไอ้หนุ่มสติดีที่มีฝีปากร้ายกับสาวจอมสอดรู้ที่อาจจะดูห้าวไปนิด  ที่เป็นพวกที่โกรธง่ายมากๆ เหมือนกับพายุพัดโหมกระหน่ำกับเรื่องจิ๊บๆและก็ทะเลาะกันแบบนั้น

    “แต่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ไม่เคยก้าวล้ำเข้าไปยังการต่อสู้คนอื่นเลยนะ”

    “เข้าใจล่ะ งั้นคุณบอกว่าพวกนั้นที่ทะเลาะกันอยู่ตลอดก็เป็นหลักฐานที่ว่าพวกนั้นมีความใกล้ชิดกันแค่ไหนสินะ?”

    ““ไม่ได้ใกล้ชิดกันสักหน่อย!””

    พวกนั้นตะโกนเสียงดังประสานพร้อมกันจนดังก้องไปทั่วทั้งกิลด์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×