ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #63 : ปีศาจปรากฏตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 974
      63
      26 ต.ค. 65

    เสื้อเกราะถักที่สวมไว้ใต้ชุดของเธอ Shirley ผูกเชือกรองเท้าบูตหนังที่หนา เพราะว่าพลังของกล่องเครื่องมือของผู้กล้า การเตรียมการของ Shirley สำหรับผจญภัยจึงเรียบง่ายมากเทียบกับคนอื่นๆ ถ้านักผจญภัยปกติจะวางแผนไปสู้กับมังกรโบราณ พวกเขาก็จะต้องแบกสัมภาระหนักๆเอาเอง แต่กับ Shirley ที่มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชาวเมืองในแวบแรก

    หลังจากที่เตรียมการเสร็จสิ้น เธอก็เริ่มทำอาหารเช้า แต่เธอก็เหลือบไปเห็นตัวเธอในกระจกขณะที่เธอทำ

    “….ฮึม”

    หลังจากที่หันไปมองกระจกแล้ว เธอก็ส่งเสียงไม่พอใจกับสิ่งที่เธอเห็น ด้วยชุดยาวผืนเดียวที่มีกระโปรงบานที่รวมเข้ากับใบหน้าอ่อนวัยที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสิบปี ที่จริงเธอดูอ่อนกว่าสิบเก้า โดยอายุทางกายภาพของเธอ

    “…..ถ้าฉันยังดูเหมือนอย่างนี้ต่อไป ฉันจะยังเป็นแม่ได้มั้ยน้า….?”

    ถึงแม้ว่าไม่มีอะไรที่เธอจะทำได้เกี่ยวกับกึ่งอมตะนี้ เมื่อไม่นาน เธอได้กังวลถึงภาพพจน์ของความเป็นแม่ยังภายนอก ความจริงแล้วมีหลายคนที่ไม่รู้จัก Shirley เรียกเธอว่า ‘คุณหนู’ ตอนที่พบกันครั้งแรก แม้แต่นักผจญภัยอายุน้อยที่แก่กว่ายี่สิบที่เดินทางออกจากเมืองก็เรียกเธอว่าแบบนั้นด้วย

    (ก็นะ… ก็ไม่ใช่ว่าคนส่วนใหญ่จะเชื่อฉันหรอก ไม่ว่าฉันจะอธิบายมากแค่ไหนก็ตาม)

    เห็นแล้วก็เชื่อเลย ถ้าไม่เห็นพลังที่แท้จริงของ Shirley ด้วยตัวพวกเขาเอง ก็คงยากที่คาดหวังจะเข้าใจได้ ต่อให้เธอเป็นที่รู้จักในชื่อดาบอสูรสีขาวผู้ห้าวหาญก็ตาม คนที่ไม่เคยเห็นการกระทำของเธอ มันก็ยากที่จะเห็นความประทับใจแรกของเธอเป็นเพียงแค่สาวชาวบ้านเท่านั้นแหละ

    …..อย่างที่ว่ามา มันยากที่จะนึกถึงสาวชาวบ้านอีกหลายๆคนที่จะมีความใกล้เคียงกับเงาของความงดงามของ Shirley ได้ แต่เธอก็ไม่มีได้คำนึงถึงตรงนี้เลย

    (ถ้าหากว่า ฉันได้กลายเป็นผู้หญิงเหมือนอย่างคุณ Martha… ผู้หญิงที่เข้ากับผ้ากันเปื้อนน่าจะดีที่สุดล่ะ)

    ถึงแม้ตัวตนของแม่ในอุดมคติของ Shirley จะเป็นคนที่สวมชุดผ้ากันเปื้อนที่เผยให้เห็นส่วนที่เป็นอคติอยู่บ้าง เธอก็จริงจังสุดๆ อย่างน้อยสุดมันก็น่าจะเหมาะกับอายุสามสิบปีที่ยังสวมชุดขาวผืนเดียวแบบนี้

    (ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบชุดนี้หรอก ถึงแม้ว่า… เป็นของที่ฉันชอบและก็เคลื่อนไหวง่ายก็ตาม)

    เอาง่ายๆเลย เธอเชื่อว่าเธอสามารถสวมเสื้อผ้าตัวเดียวกันได้นานพอที่จะไม่ทำให้เกิดรูพรุนหรือเปื้อนคราบสกปรกที่ซักล้างไม่ออก ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Shirley ไม่ได้ออกไปซื้อเสื้อตัวใหม่มากนัก การที่จะเห็นเธอสวมเสื้อผ้าตัวใหม่นั้นจึงหาดูยาก

    แต่อายุทางวุฒิภาวะของ Shirley ก็หยุดอยู่ที่สิบเก้า อายุที่รูปลักษณ์ภายนอกของผู้หญิงเป็นโลกส่วนตัวของเธอ อย่างที่ว่ามา ถึงแม้ว่าเสื้อที่ Sophie กับ Tio เป็นเสื้อคุณภาพสูงที่เธอซื้อมาด้วยความภาคภูมิใจ มันก็ไม่ใช่ราวกับว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจถึงรูปลักษณ์ตัวเองหรอกนะ

    เธอเป็นแม่จอมเห่อที่เอาเวลาส่วนใหญ่ไปใช้กับลูกสาวของเธอมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก แต่เธอก็ยังมีเสื้อตัวโปรดแค่หนึ่งหรือสองชุดเอง เหมือนกับชุดขาวดังกล่าวนั่นแหละ

    มันดูมีชีวิตชีวาในช่วงฤดูร้อนอย่างนี้ และมันเรียบง่ายไม่สะดุดตากับ Shirley อย่างสมบูรณ์

    “……หุๆ”

    เธอยกขอบกระโปรงเธอขึ้นแล้วก็หมุนตัวรอบๆในกระจก ถึงแม้ว่าอายุทางวุฒิภาวะของเธออาจจะยังน้อย ถ้าพิจารณาจากอายุจริงๆ มันก็น่าอายอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เธอได้ทำสิ่งที่เธอชอบบ้างล่ะนะ



    (ถ้ามีใครเห็นฉันทำแบบนี้ ฉันคงจะขายหน้าตายแหง)

    อาหารเช้าทำเสร็จแล้ว แต่ขณะที่เธอหันกลับไปยังโต๊ะครัว เธอก็ถึงกับสะดุ้งกับดวงตาสองคู่ที่มองมาที่เธอทันที

    “หวา!?”

    “อ๊ะ”

    “….เราถูกพบตัวแล้ว”

    Shirley ด่าแช่งตัวเองที่ทำตัวเลินเล่อไป เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกมองอยู่ บริเวณข้างๆห้องครัวนั้น เธอเห็น Sophie กับ Tio โผล่หัวอยู่ที่ขอบประตู ต่างก็มองมาที่เธอ

    “ห-เห็นแล้วหรือ…?”

    “เอ๋? เอ่อ ก็งั้นล่ะ…”

    “เราเห็นแม่หมุนตัวรอบๆในกระจกแล้ว สองครั้งด้วย”

    พูดอีกอย่างก็คือ เธอนั้นได้ทำลายความภาคภูมิใจของแม่ที่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นสองครั้งเลย Shirley ถึงกับเอามือปิดหน้าแล้วนั่งก้มหัว พยายามขดตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


    “อ๊าาา พวกนั้นเห็นเข้าแล้ว ความภูมิใจในฐานะแม่พังหมดแล้วววววววววว น่าอายชะมัด น่าอายเกินไปแล้ว มันน่าจะดีกว่าถ้าฉันขุดหลุมแล้วก็มุดลงตรงนั้นตลอดไปในสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนั้น ฉันลืมความเป็นผู้ใหญ่แล้วไปเล่นกับหน้ากระจกเหมือนเด็กโดยไม่ระวังตัวจนเปิดเผยพฤติกรรมที่น่าอายต่อหน้าลูกสาวได้ยังไง ทางเดียวที่ทำได้คือตายดีกว่า……”

    “ม-ไม่เป็นไรหรอก หม่าม้า หนูไม่คิดว่ามันแปลกหรอกค่ะ!”

    “อืม ที่จริงก็น่ารักหน่อยนึงนะ”

    ขณะที่พวกเธอนั่งกินข้าวเช้ากับเบคอน ไข่และก็สลัดที่ราดเนื้อย่างนั้น แม่ที่ยังคงซ่อนใบหน้าที่น่าอายพูดอะไรไม่ออกเมื่อ Sophie กับ Tio ได้ยืนยันเธอ

    ฝาแฝดต่างก็พูดออกมาด้วยความจริงใจ แต่ Shirley ถึงกับเสียหายขั้นรุนแรงจนแก้ไขไม่ได้แล้ว ขณะเดียวกับนักผจญภัยคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆเริ่มที่จะซุบซิบออกมา

    “แต่หนูเข้าใจ… หนูก็เป็นห่วงเพราะหม่าม้าดูเหมือนจะสนใจเสื้อผ้าของเรามากกว่าของตัวเองอีก แต่หนูก็ดีใจที่หม่าม้ายังชื่นชอบการสวมชุดอยู่นะคะ”

    “อืมม… ที่จริงแล้ว มันจะน่าอายกว่านี้ถ้าลูกจ้องแม่แบบนั้นน่ะ…!”

    Shirley ถึงกับสั่นเทาในความอายขณะที่ Sophie มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะถูกจ้องแบบนั้นด้วยลูกสาวตัวเองเลย เธอจึงได้รับความเสียหายหนักยิ่งกว่าเดิม

    “ย-ยังไงก็เถอะ แม่จะไปทำงานแล้ว แม่อาจจะไม่ได้กลับมาให้ทันมื้อเย็นนี้ ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องกินก่อนแม่นะ”

    “เข้าใจล่ะ แล้วเจอกันนะแม่”

    เธอยังคงหน้าแดงแป๊ดอยู่ Shirley ลุกขึ้นอย่างเร็วและก็ออกจากเรือนทาโอเร่ทันที ขณะที่แม่ออกไปข้างนอกในสภาพทั้งอย่างนั้น Sophie กับ Tio ต่างก็มองหน้ากัน

    “….มันไม่ได้ดูเหมือนว่าหม่าม้าจะมีเวลากับตัวเองมากเลยใช่มั้ย?”

    “อืม ฉันก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้เอาเวลาไปใช้กับตัวเองเลย”

    ทั้งสองนึกเรื่องนั้น อะไรที่พวกเธอน่าจะทำให้แม่ที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอยู่ทุกวันได้บ้างน้า?

    “……งั้นทำกับข้าวดีมั้ย?”

    “แม่บอกว่าไม่ให้เราใช้มีดหรือเตาเพราะมันอันตรายนะ เราน่าจะช่วยทำอาหารกับ Martha นะ แต่แม่เองก็บอกว่าเธออาจจะกลับมาดึก… แล้วเช็ดห้องล่ะ?”

    “นั่นเราก็น่าจะทำตลอดอยู่แล้วล่ะ ทำความสะอาดห้องเราก็เหมือนๆกันนั่นแหละ…..”

    เนื่องจากงานบ้านพวกนั้นมันรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่เด็กควรจะทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน จึงไม่ได้รู้สึกพิเศษเลย ขณะที่พวกเธอยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดีนั้น ในเวลานั้นพวกเธอน่าจะช่วยเตรียมจานให้ แต่เมื่อพวกเธอเดินเข้าไปยังห้องครัว ก็ได้ยินเสียงคุยดังก้องของ Martha ออกมาขณะที่คุยกับสามีของเธอ

    “จะว่าไปแล้ว มีลูกค้าจำนวนมากที่อยากจะกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวๆ นั่นเป็นเพราะฤดูกาล ซึ่งเหมาะกับการป้องกันความเมื่อยล้าจากความร้อนด้วย”

    ฝาแฝดผมขาวมองหน้ากัน แล้วก็เกิดไอเดียกระฉูดที่เหมือนๆกันออกมา

    “กลับมาคิดดูแล้ว หม่าม้าชอบรสชาติของแมนดารินใช่มั้ย?”

    “ฉันจำได้ว่าเลยทำแบบนั้นให้วันเกิดของแม่เมื่อสองปีก่อนแล้ว”

    ผลไม้เปรี้ยวจี๊ดเป็นของโปรดปรานของ Shirley และเธอก็ชื่นใจเมื่อสองปีก่อนด้วยการช่วยเหลือของ Martha ในห้องครัว ฝาแฝดได้ทำของหวานเย็นที่เรียกว่าเยลลี่โดยใช้แมนดาริน เนื่องจากความร้อน ไม่ใช่ว่าจะมีของเปรี้ยวแบบไหนที่น่าจะสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะถ้าเก็บไว้ในที่เย็นมาก่อนหรือ? ขณะที่ทั้งสองคิดแบบนั้น พวกเธอก็กลับไปยังที่ห้องนอนเพื่อประชุมแผนกัน

    “มันไม่น่าจะเป็นพิเศษถ้าเราเอาผลไม้ที่ใช้เงินซื้อนะ ใช่มั้ย? เนื่องจากเงินนั้นเป็นเงินที่แม่ได้ทำงานอยากหนักเพื่อที่จะได้มาตั้งแต่แรกแล้ว”

    “แล้วมีอย่างอื่นที่มันเจ๋งมั้ยล่ะ? อย่างเช่นเลมอนป่ากับวัตถุดิบน่ะ?”

    มันเป็นผลไม้อย่างหนึ่งที่มีรสชาติเปรี้ยวจี๊ดยิ่งกว่าทั่วไปอีก เด็กที่มาจากเมืองชายแดนบางครั้งก็กินมันราวกับจะเป็นของกินเล่นตอนที่เล่นกันในป่า เนื่องจากดูเหมือนเลมอน เด็กจึงตั้งชื่อมันอย่างง่ายว่า ‘เลมอนป่า’ แต่ชื่อที่เป็นทางการคือ ‘ซิตริกป่า’ ที่มันวิวัฒนาการมาแบบนั้นมันน่าจะไว้ป้องกันแมลงกับสัตว์ตัวเล็กด้วยกรดเปรี้ยวที่มีรสฉุนแรง แต่รสนั้นกลับเป็นสิ่งที่โปรดปรานกับมนุษย์

    บางครั้งก็ทำให้มันเจริญเติบโตได้โดยชาวนาและหลายๆอย่างที่หาได้ในป่ามันจะขมกว่าที่เพาะปลูกเอาไว้หน่อยนึง แต่ตามที่ Martha ว่ามา ถ้าทำอาหารได้ถูกต้องก็จะยังคงอร่อยอยู่

    “มันโตเยอะมากในช่วงฤดูนี้ ถ้าเราออกไปเก็บมาในตอนนี้ เราก็น่าจะทำอะไรบางอย่างเมื่อแม่กลับบ้านได้นะ”

    “ใช่… ได้ผลเลยล่ะ! ต่อให้แม่เหนื่อยจนไม่อยากจะกินอะไร เธอก็ยังกินเยลลี่ได้นะ!”

    หลังจากที่โหวตออกมาเป็นเอกฉันท์แล้ว Sophie กับ Tio ก็สวมหมวกฟางแล้วก็ไปยังที่ป่า พวกเธอพา Beryl กับ Rubeus มาช่วยหาซิตริกป่าด้วย

    “เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”

    “โอ้~”

    ““จี้บบบบ!””


    ป่าที่ยืดยาวจากข้างนอกเมืองไปยังสวนที่อยู่ใกล้เรือนทาโอเร่เป็นสถานที่ดีๆที่จะไปเล่นกันในช่วงฤดูร้อนนี้เพราะมันร่มเงา Sophie กับ Tio ที่มีผิวขาวจาง ต้องขอบคุณอย่างยิ่งกับสถานที่แบบนี้เลย จึงได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงในฤดูร้อนสนุกสนานกับลมเย็นๆที่พัดผ่านต้นไม้ได้

    “คราวก่อนนั้น… เราเจอพวกนั้นที่ไหนกันน้า?”

    “ฉันว่าคงจะ… เป็นตรงนี้นะ”

    ป่าก็เหมือนกับสวนของพวกเธอนั่นแหละ เนื่องจากพวกเธอออกมาเล่นกันในนี้ตั้งแต่ยังเด็กๆแล้ว แต่ก็ยังคงใหญ่อยู่ดี ถ้าเด็กเข้าไปในนี้เป็นครั้งแรกด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาจะหลงทางแน่นอน กฎเหล็กที่ไม่ได้บัญญัติเอาไว้ก็คือพวกเธอต้องไม่เสี่ยงเข้าป่าที่จะทำให้ออกห่างจากเมือง พวกเธอเริ่มมองหาซิตริกป่าที่โตบนขอบกำแพง

    Sophie คอยนำทางให้ ทั้งสองต่างก็มีนกสองตัวอยู่ข้างกาย โดยพยายามย้อนรอยที่พวกเธอเคยเดินในฤดูร้อนคราวก่อน ถึงแม้ว่าป่าจะนำทางสู่ด้านนอกของเมืองได้ มันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายหรือมอนสเตอร์รอบๆ ซึ่งถูกขับไล่โดยศัตรูธรรมชาติของพวกมันจำนวนมากอย่างเช่นนักผจญภัยที่อยู่ใกล้ๆ ที่สำคัญมีก็อบลินบางตัวที่อาจจะแอบเข้าไปในป่าเพื่อหวังจะขโมยของจากบ้าน แต่ดูเหมือนว่ารังก็อบลินที่อยู่ใกล้ๆจะถูกกวาดล้างไปหมดโดยพวกนักผจญภัยในช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว

    นั่นทำไมพวกเด็กๆจึงเดินเที่ยวเล่นรอบๆในป่าด้วยความใส่ใจบ้าง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง Tio รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่คลุมเครือ

    “……?”

    “อะไรหรือ Tio?”

    “อืม… รู้สึกเหมือนตรงนั้น… มีบางอย่างอยู่ในป่า…?”

    เธออธิบายสิ่งที่เธอรู้สึกไม่ได้ แต่ถ้าเธอมีอะไรจะบอก มันน่าจะเป็นความรู้สึกเหมือนจะถูกมองอยู่หรือเปล่า…? ลางสังหรณ์ที่กำลังเข้ามาจนทำให้สัญชาตญาณของ Tio ลุกจนกระดูกสันหลังวาบ

    “เธอไม่ต้องเป็นห่วงมากนักหรอก… มันก็น่าจะเป็นเด็กคนอื่นที่กำลังเล่นอยู่เอง ใช่มั้ย?”

    “บางทีนะ…? แต่ความรู้สึกนี้… อืม…”

    เห็น Tio ที่ดูไม่สบายใจและกระวนกระวายถึงบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ Sophie เอามือแนบอกเล็กๆแล้วก็ยื่นมือเธอมา

    “ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เอ้านี่ พี่สาวของเธอจะจับมือเธอเอง”

    “เปล่า มันไม่ใช่แบบนั้น”

    ความใจดีในฐานะพี่สาวถูกปฏิเสธไปทั้งอย่างนั้น Sophie ถึงกับห้อยมือเลย ด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจของ Tio นั้นยังไม่เปลี่ยน ทั้งสองจึงตัดสินใจรวบรวมผลไม้แล้วกลับไปยัง
    เรือนทาโอเร่ให้โดยไวขณะที่พวกเธอดั้งด้นเข้าไปในป่า

    “อ๊ะ! ตรงนั้นไง!”

    “อืม มันโตได้ดีเลยนี่”

    ในเขตที่เป็นกำแพงเมืองที่ต่อขยายออกไปราวกับจะไม่ใช่ป่า พวกเธอก็เจอกับผลไม้ที่ตามหาจนได้ ทันทีที่พวกเธอวิ่งเข้าไปเก็บผลไม้ ก็มีแขนมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่หลัง Sophie กับ Tio พยายามจะเอื้อมไปจับพวกเธอ

    “อ๊ะ!?”

    “อ-อะไรน่ะ!?”

    เป็นสัญชาตญาณของตัวหรือเปล่า…? ทั้งสองรีบกระโดดไปทางด้านข้างพร้อมกันเพื่อหลบมัน ขณะที่หนีมือจำนวนไม่ถ้วนที่ครูดพื้นตรงที่พวกเธอเคยอยู่ไม่กี่วินาทีก่อน

    “อ๊าาา!? น-นาฬิกาพกไปอยู่ไหนแล้ว!?”

    แขนพวกนั้นมันเฉี่ยวไปโดนเข้าหรือ? ขณะที่พวกเธอมองหานาฬิกาพกที่ Shirley ให้พวกเธอมาซึ่งปกติจะห้อยสายเอาไว้ พวกเธอก็เห็นมันตกอยู่บนพื้นตรงที่มีแขนพวกนั้นอยู่ Sophie กับ Tio ถึงกับหน้าซีดที่ทำนาฬิกาพกหายไป ราวกับจะทำให้พวกเธอกลัวมากขึ้น มอนสเตอร์นั่นก็ก้าวออกมาจากเงาด้วยสีหน้าดูถูกและยิ้มแกมโกง

    “T-Tio! คนนั้นมัน…!”

    “ใช่แล้ว นั่นน้องสาวของแม่นี่…”

    น่าเกลียด นั่นเป็นคำพูดเดียวเท่านั้นที่บอกลักษณะของการรวมแขนกับขามนุษย์สุดแสนจะรังเกียจนั่น ซึ่งถูกบดอัดเข้ากับร่างของสัตว์ประหลาดที่มีใบหน้าอันหล่อเหลา แต่พวกเธอก็รู้จักผู้หญิงที่อยู่ในสภาพเสื้อผ้าฉีกขาดรุ่งริ่งและสกปรกที่ดูเหมือนว่าจะรวมติดอยู่กับสิ่งมีชีวิตตัวนั้นด้วย

    เธอเป็นน้องสาวของ Shirley แท้ๆ Alice คนที่น่าจะได้เป็น ‘แม่’ ใหม่ของพวกนั้นได้หายวับไปในศึกการประลองในจักรวรรดิ นิ้วและมือของสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนจะดึงเธอเข้าไปอยู่ในร่างของมัน ชุดของเธอและผมสีชมพูบลอนด์ของเธอเปื้อนด้วยเลือดแห้งๆ ด้วยสภาพที่เห็นจึงไม่ชัดเจนว่าเธอจะมีชีวิตอยู่

    “ร-เราจะทำยังไงดี…!?”

    นาฬิกาพกที่น่าจะช่วยพวกเธอได้ก็คว้าไม่ถึงและเพราะสัตว์ประหลาดที่สุดโคตรแกร่งอยู่ต่อหน้าพวกเธอ จึงไม่สามารถขยับเท้าไปไหนได้ สัญชาตญาณพวกเธอจึงร้องออกมาหากขยับผิดเพียงก้าวเดียวนั่นหมายถึงความตาย ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ขยับตัว ยิ่งกว่านั้นสัตว์ประหลาดก็อยู่ระหว่างพวกเธอและทางกลับเมืองด้วย

    มันเป็นสถานการณ์ที่เข้าตาจนเลยทีเดียว สัตว์ประหลาดที่มีความซาดิสต์ขณะที่มันจ้องไปยังเด็กสาว Gran ได้ยืดแขนที่เทอะทะห่อหุ้มไปด้วยแขนขาอีกนับไม่ถ้วนเอื้อมไปยังเด็กสาวที่แข็งเป็นหิน…

    “จิ๊---!”

    “จิ๊บบบบบบ!”

    แต่ทว่า Beryl กับ Rubeus ได้กระพือปีกบินเข้าไประหว่างพวกเธอเพื่อปกป้องนายของตน สัตว์ประหลาดร่างใหญ่ต่อกรกับนกตัวเล็ก ต่อให้พวกนั้นเป็นวิญญาณ สิ่งที่เป็นไปได้ว่านกพวกนี้จะปกป้องฝาแฝดที่เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตแบบนั้นคืออะไรล่ะ? แต่เมื่อนกสีแดงกับสีน้ำเงินอ้าจะงอยปากออกมา ก็มีแสงสว่างออกมาจากปากของพวกนั้น

    “ “จิ๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!” ”

    จากนั้นก็เกิดแสงวาบขึ้นมา ลำแสงสีน้ำเงินกับสีแดงที่พวกนั้นปล่อยออกมาจากจะงอยปากได้ทะลุผ่านแขนของ Gran ที่ยืดออกมาราวกับมันจะไม่ได้อยู่ตรงนั้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×