ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #45 : ฤดูร้อนในเมืองชายแดน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.81K
      124
      19 ส.ค. 63

    ป่าที่สีเขียวชอุ่มในวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อนในเมืองชายแดน ด้วยแสงแดดที่ร้อนเปรี้ยงยิ่งกว่าทุกวัน ถึงแม้จะว่ามันจะมีมาร้อยปีแล้วตั้งแต่ ‘แม่มดสีทอง’ Canary คิดค้นอุปกรณ์เวทมนตร์ทำความเย็นในบ้านเพื่อกันความร้อนออกไปก็ตาม สภาพอากาศภายนอกในตอนนี้ก็ยังทรมานอยู่ดี

    ขณะที่แสงแดดที่ร้อนจัดส่องลงมายังตัวเมือง พวกคนงานที่เมื่อยล้าจากความร้อนและรังสี ในขณะที่พวกเด็กๆที่กำลังกลับบ้านต่างก็เหงื่อไหลโชกแล้วก็ร้องบ่นออกมา

    “ร้ออออออออนชิบ~…”

    “จะละลายอยู่แล้ว~…”

    “อยากจะหาอะไรเย็นๆมากินแล้ว… คิดว่าเราน่าจะเอาไอติมที่บ้านมากินมั้ย…”

    “นั่นไม่ใช่ของฉันหรือ!?”

    ขณะที่ Sophie กับ Tio เดินกลับบ้าน พวกเธอก็มากับ Lisa, Chelsea และ Mira ที่กำลังมองหาบ้านที่มีเครื่องปรับอากาศเวทมนตร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ความร้อนทำให้พวกเธอเดินด้วยความเร็วช้ากว่าปกติ

    มันก็ไม่ได้แย่ที่จะไปโรงเรียนในยามเช้าตอนที่มันเย็นลง แต่ในตอนนี้มันกลางวันแสกๆ ถึงแม้จะอยู่ในเงาหรือใช้ร่ม อุณหภูมิที่สูงกว่าปกติประกอบกับความชื้นด้วยก็ยิ่งทำให้พวกเธอแทบจะทรมาน

    “มันก็ฤดูร้อนจริงๆนั่นแหละ อือ? แต่ถ้าเราไปเล่นแถวแม่น้ำ มันจะไม่รู้สึกดีหน่อยหรือ?”

    สองคนนั้นยังพอจะมีสติสัญปชัญญะบ้าง ส่วนพวกที่สิ้นหวังอย่าง Tio, Chelsea กับ Lisa ถึงกับตะโกนออกไปอย่างเช่น ‘ไอ้แดดบ้านี่’ ‘หายไปซะ’ และก็ ‘เราอยากจะอยู่นี่ตลอดช่วงฤดูหนาวเลย’ Mira พยายามที่จะเอาใจพวกเขาบ้าง

    “ปีที่แล้วตอนที่คุณ Shirley พาเราไปที่แม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆนั้น มันดีจริงๆเลยล่ะ จำได้มั้ย?”

    “อ๊ะ หม่าม้าได้ทำงานสุดยอดที่นั่นด้วย! เป็นความคิดที่ดีเลย ทำไมเราถึงไม่ไปตรงนั้นเมื่อปิดเทอมฤดูร้อนเริ่มขึ้นล่ะ?”

    ปีที่แล้ว ตอนที่พวกเธอขอร้องแม่ว่าจะหาที่ไหนเย็นๆในช่วงฤดูร้อน Shirley ก็ขอให้พวกเธอรอไปอีกหนึ่งวันแล้วก็หายตัวไปในคืนนั้นเลย

    เธอกลับมาในเช้าวันต่อมาแล้วก็พาพวกเธอไปยังภูเขาที่มีแม่น้ำไหลผ่านในป่าลึก ด้วยก้อนหินที่ขรุขระและก้อนหินผิวเรียบที่อยู่บนพื้นจึงไม่ต้องเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ เธอใช้ดาบเวทสร้างกระดานลื่น และก็ยังทำให้แม่น้ำนั้นว่ายได้ง่ายขึ้นด้วย

    มันเป็นสวนน้ำที่สร้างขึ้นตลอดทั้งคืนโดยใช้คาถาและดาบเวท พวกเธอต่างก็เล่นกันตรงนั้นจนกว่าจะเหนื่อย และก็ยังจับปลาในแม่น้ำมาทำเป็นอาหาร ก็เลยได้เขียนไว้ในไดอารี่เอาไว้เต็มหน้ากระดาษในวันปิดเทอมฤดูร้อนนั้น

    “โอ้ววว ยอดเยี่ยมเลยนี่… แต่ตอนนี้ ฉันอยากจะกินของหวานๆในห้องปรับอากาศแล้ว!”

    “ฉันจะมุดตัวเองในห้องเย็นๆจนกว่าพ่อแม่จะพาฉันออกล่ะกัน!”

    “อืม หลังจากที่เราทำแบบนั้นมันก็ไม่สายไปที่จะออกไปเล่นข้างนอกตอนฤดูร้อนน่ะ”

    “จ-จะขี้เกียจกันไปถึงไหนเล่า…!? ถ้าเธอมัวแต่แช่อยู่ห้องปรับอากาศทั้งวันแล้วไม่ออกไปข้างนอกเลยเนี่ย พวกเธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า…!?”

    สามสาวนั่นดูท่าจะทางเหมือนจะร่อแร่สุดๆ ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเกลียดชังแดดร้อนเอาการมากๆเลย

    “แต่ฉันเกลียดหน้าร้อนนี่ ถ้าฉันลืมทาครีมกันแดดมา ผิวฉันจะแสบพองเลยล่ะ”

    “จริงด้วย”

    สำหรับ Sophie กับ Tio ที่มีผิวขาวนวลเหมือนหิมะแล้ว แสงแดดนี่คือศัตรูตามธรรมชาติเลย นอกจากจะทำให้เกรียมแล้ว ผิวก็ยังไหม้จนเป็นรอยแดงอีกต่างหาก

    ทุกวันนี้มีอุปกรณ์เวทมนตร์หลายอย่างถูกสร้างขึ้นมาให้ผลคล้ายๆกับคาถา《Guard Skin》ที่จะปกป้องผิวจากพิษ ความร้อนและความเย็นได้ Shirley คอยบอกให้ทาครีมนั้นเอาไว้ แต่ครั้งหนึ่งพอเธอลืมทาปุ๊บ Tio ก็ถึงกับออกอาการหนักเลย

    “เข้าใจล่ะ แม้แต่ Tio ที่เก่งด้านพละก็ยังเป็นแบบนี้เลย เราที่เป็นคนธรรมดาไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีเครื่องปรับอากาศหรอก”

    “พวกเขาน่าจะติดเครื่องปรับอากาศไว้ในห้องเรียนด้วยนะ ไม่งั้นเราอาจจะเป็นลมแดดได้”

    “โอ้ พวกเขาก็ทำแบบนั้นจนได้สินะ ใช่มั้ยล่ะ?”

    “ใช่ ถ้าเป็น ผอ. นะ เธอก็ต้องทำได้อยู่แล้วล่ะ”

    ห้องเรียนในช่วงฤดูร้อนนี่มันนรกชัดๆ มันอาจจะเป็นปัญหาเรื่องสถานที่ตั้ง แต่ห้องเรียนนี้ก็มีแสงแดดส่องลงมาซะเยอะเลยและการระบายอากาศก็ไม่ค่อยดี นักเรียนก็เลยไม่อาจทนความร้อนจนต้องเอาหนังสือมาพัดตัวเองตลอดทั้งคาบเรียน ใบหน้าพวกเขาแทบจะกดลงโต๊ะที่ร้อน ในช่วงเวลาพักเบรคพวกเขาต่างก็คอยมองหาร่มเงาหรือที่เย็นๆที่หาได้

    ในโรงเรียนนี้ สถานที่ๆมีเครื่องปรับอากาศก็มีแต่ห้องพักครูและก็ห้องภารโรงเท่านั้น พวกนักเรียนต่างก็พบว่ามันไม่ยุติธรรมเอามากๆเลยที่พวกเขาต้องทรมานกับความร้อนในขณะที่พวกครูต่างก็อยู่สบายๆในห้องปรับอากาศ

    ดังนั้น พวกเขาจึงหวังว่าจะไปเรียกร้องถึงจิตใจของ ผอ.Canary เข้าสักวัน เพื่อที่จะได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องเรียนสักที ถึงยังไงเธอก็น่าจะมีเงินเยอะพอ ทันทีที่เธอบอกว่าเครื่องปรับอากาศเวทมนตร์นั้นจะติดตั้งให้ทันที แต่ว่า――――

    “ต๊ายตาย อะไรหรือ? พวกเธอถึงกับร้องโหยหวนครวญครางอย่างกับคนตายซากเลย! …หืมมม~? เธออยากให้ฉันติดตั้งอุปกรณ์เวทมนตร์~? ทำไมถึงไม่ทำซะเลยล่ะ (แสยะ) ถ้าพวกเธอเอาแต่พึ่งอุปกรณ์เวทมนตร์มากเกินไป โตขึ้นเดี๋ยวก็กลายเป็นคนสันหลังยาวไร้ประโยชน์หรอก อาาา ว่าไปนั่น ไม่ใช่ว่าดื่มน้ำส้มเย็นๆในฤดูร้อนนี้มันสุดยอดไปเลยหรือไง~?”

    ราวกับจะแหย่นักเรียนที่น่าสงสาร เธอก็เลยดื่มน้ำส้มเย็นๆในห้องปรับอากาศไปจิบนึง เมื่อพวกเธอคิดจะไปถาม ผอ.โรงเรียนเข้า Sophie กับ Tio ถึงกับสลัดภาพเหตุการณ์ที่เป็นแบบนั้นออกไป

    “แต่ มันก็ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆด้วยความร้อนแบบนี้ใช่มั้ย? ก็แค่ห้องเดียว? ไม่จนกว่าจะหลังปิดเทอมนั่นแหละ”

    “อืม เอาตามตรงเลยนะ ถ้าฉันหาเงินมาได้ ฉันจะซื้อเครื่องปรับอากาศเองซะเลย”

    “ฮะๆๆ… แต่ฉันยังทำงานไม่ได้เลยนะ ช่างน่าหงุดหงิดจัง…”

    ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับ Mira อย่างเงียบๆ พวกเขาต่างก็เป็นห่วงเรื่องการเข้าสอบที่อยู่ในราชอาณาจักร

    “ถ้าหากมันแย่จริงๆ หม่าม้านั้นก็น่าจะ――――”

    ‘ช่วยสอนเราได้…’ ก่อนที่เธอจะพูดคำนี้ออกไป แสงสีแดงกับสีน้ำเงินก็พุ่งลงมาบนหัวของ Sophie กับ Tio

    “หวา!?”

    “Sophie-chan!? Tio-chan!?”

    “ทั้งสองคน ไม่เป็นอะไรนะ!?”

    “ฟุเอ๊ะ?”

    “????”

    ทันใดนั้น เสียงแปลกๆที่มาจากแสงนั้นก็ดังก้องไปทั่วทั้งถนน



    แม้แต่นักผจญภัยเองฤดูร้อนก็ถือว่าสาหัส มันน่าจะบอกได้อย่างชัดเจนเลย ว่าการต่อสู้ในความร้อนนี้เป็นการกระทำอย่างรุนแรงบนร่างกาย ทำให้เสียน้ำและเหงื่อเร็วกว่าปกติ จึงไม่เคยไม่มีเรื่องนักผจญภัยที่ทรุดลงไปจากการเสียน้ำอย่างอ่อนเพลียแล้วก็ตายในป่ามาตลอดทุกปี

    หลายปีที่ผ่านมา ‘Cooler Potion’ ที่ผลิตขึ้นมาจะช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลง และก็กลายเป็นของที่นิยมที่สุดในหมู่นักผจญภัยและทหาร แต่ก็ไม่ใช่ของที่นักผจญภัยมือใหม่จะซื้อมาได้

    แม้กระทั่งผู้ที่เป็นความภูมิใจของกิลด์นักผจญภัยแรงค์ B อย่าง Shirley เอง เมื่อต้องทำงานหนักในช่วงฤดูร้อน หลังจากที่ไม่ยอมซื้อโพชั่นเย็นเพื่อซื้อชุดใหม่ให้ลูกสาวสุดที่รักสำหรับฤดูร้อนนี้ เธอก็เริ่มวิงเวียนระหว่างที่สู้กับมอนสเตอร์เสือร่างยักษ์แล้วก็โดนกัดเข้าที่ด้านขวาของตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนได้

    นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอต้องขอบคุณความสามารถฟื้นฟูร่างกายของเธอเลย ถึงแม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

    …อย่างที่ว่า ความกังวลจริงๆของเธอคือเธอเสียชุดไปเยอะมากระหว่างการต่อสู้ ถึงแม้ว่าจะมีคนอาจหาญจ้องมองดูเธอตรงๆด้วยความเป็นห่วงก็ตาม

    เธอบอกกับนักผจญภัยมือใหม่ทั้งสามเกี่ยวกับประสบการณ์ การอดกลั้นความน่ากลัวของลมแดดในระหว่างการต่อสู้ แล้วเมื่อวานก็เห็นพวกเขาออกมาหลังจากที่พวกเขาได้ซื้อโพชั่นเย็นออกมาเป็นชุดเลย

    “นั่นอะไรน่ะ?”

    ตอนนี้ Shirley ที่เป็นหวัดจ้องไปยังสิ่งของที่ Yumina วางลงบนโต๊ะที่เธอนั่งในบริเวณบาร์ของกิลด์

    “ไม่คิดว่ามันจะแย่หรือไงที่ปล่อยชุดชั้นในเอาไว้ในที่เปิดเผยแบบนี้น่ะ?”

    “เปล่า ไม่ใช่ชุดชั้นในหรอก นี่มันบิกินี่”

    “บิกินี่? เหมือนกับเสื้อเกราะที่มีชื่อแบบนั้นหรือ? เอาตามตรงนะ ฉันก็ไม่เข้าใจหรอก… ว่ามันต่างจากชุดชั้นในตรงไหน?”

    อดีตชนชั้นสูงที่ไม่อาจจับความแตกต่างได้ สิ่งเดียวที่เธอบอกได้แน่นอนก็คือเสื้อที่อยู่ต่อหน้าเธอนั้นแบ่งเป็นสองชิ้น ชิ้นบนปกปิดหน้าอกและชิ้นล่างปกปิดของสงวนและบั้นท้าย

    มันดูคล้ายกันมาก เหมือนกับดีไซน์ของผู้ใหญ่ ด้วยท่อนบนที่ติดขอบด้วยระบายและท่อนล่างก็ผูกเข้าด้วยกันด้วยสายริบบิ้น

    “นี่มันชุดว่ายน้ำนะ คุณไม่รู้เลยหรือ?”

    “‘ชุดว่ายน้ำ’…? หมายถึงชุดอาบน้ำหรือ!? อันนี้เนี่ยนะ!?”

    Shirley ยังเชื่อใจไม่ได้ขณะที่เธอจ้องไปยังของที่น่าพิศวงนั่น ชุดอาบน้ำที่เธอรู้จักนั้นหมายถึงเป็นชุดที่เหมาะสำหรับการว่ายน้ำ โดยที่ปกปิดร่างกายจนไปถึงเข่าเลย

    โดยส่วนตัวแล้ว เธอเองก็เป็นห่วงบ้างเกี่ยวกับชุดอาบน้ำที่มันเผยหัวไหล่ออกมา แต่เธอคิดว่ามันก็เข้าใจถ้าหมายถึงจะทำให้ว่ายน้ำได้ดีขึ้นนะ Shirley ได้โน้มน้าวตัวเองในระดับที่จะยินยอมให้เปิดเผยเรือนร่างได้เพื่อให้ลูกสาวได้ว่ายน้ำในฤดูร้อนในคราวก่อน

    “นี่เธอกะจะใส่ตัวนี้ออกไปข้างนอกเลยหรือ? ไม่ใช่ว่าจะมีคนเห็นสะดือกับเท้าเปล่าๆ หรือหลังเธอเพียงคนเดียวหรือ?”

    “รู้มั้ย นี่เป็นของที่ดูน่ารักตามปกติในวันพวกนี้นะ”

    “โลกไหนกันที่มันปกติแบบนี้? ราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศที่ลามกไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

    น่าสงสารจริงๆ มันก็รู้สึกเหมือนกับชุดว่ายน้ำนั่นหละ แค่คิดว่ามีคนสร้างของอย่างชุดว่ายน้ำแบบนี้และก็เกราะบิกินี่ด้วยเนี่ย Shirley ถึงกับเริ่มปวดหัวที่มาคิดถึงคนที่ออกแบบโลกเค้าคิดยังไงกันแน่

    “มันเป็นแฟชั่นนะ รู้มั้ย เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน นักผจญภัยต่างก็รับคำร้องจำนวนมากที่จะไปยังทะเลสาบ แม่น้ำและก็มหาสมุทรนะ ใช่มั้ยล่ะ? และพวกเขาต่างก็อยากจะทำให้พวกเขาดูดีด้วย”

    มันก็ไม่ใช่ราวกับจะมีมอนสเตอร์ที่แอบซุ่มอยู่ใต้น้ำจะออกอาละวาดในช่วงฤดูกาลตอนนี้นี่ แต่การตอบรับคำร้องของนักผจญภัยมันน่าสนใจมากกว่าในฤดูร้อนเมื่อเทียบกับตอนฤดูหนาว ก็แค่นั้น

    ชุดว่ายน้ำนั้นจึงกลายเป็นสิ่งของประจำตัวของนักผจญภัย แต่เพราะชื่อเสียงที่ไม่ดีที่พวกเขาได้มีต่อนักผจญภัยหญิงที่ดูจืดชืดและไม่ประจบสอพลอ การออกแบบชุดว่ายน้ำจึงได้ก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงตลอดทั้งปี

    แน่นอนว่า Shirley ที่พอใจกับชุดอาบน้ำที่ตกรุ่นแบบนั้นไม่ได้รู้อะไรถึงเรื่องนั้นเลย สายตาสองสีที่มองไปยังบิกินี่ราวกับเธอจะไม่เข้าใจว่าผู้หญิงวัยสาวในวันนี้เป็นยังไง

    “ฉันคิดว่าต้องมีบางอย่างที่ผิดไปแน่”

    “ฉันก็คิดมาตั้งแต่เริ่มเหมือนกัน แต่คุณ Shirley คะ คุณนี่มันตก… เอ้ย หมายถึงแฟชั่นเก่าสินะ หืม?”

    ขณะที่เธอจะพูดว่า ‘ตกรุ่น’ นั้น สายตาอาฆาตที่มองมาได้ทำให้เธอรีบหาคำพูดที่ถูกต้องมาเปลี่ยนโดยไวเลย ผ่านมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว การมาของ Shirley ทำให้เรียนรู้ว่าชนชั้นสูงเท่านั้นที่เห็นคุณค่าของแฟชั่นเก่า ในขณะที่สามัญชนนั้นสนใจในเทรนด์ใหม่มากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมรับด้วยตนเองได้

    (เพราะมันดูน่าอายนะสิ…)

    เธอใช้ชีวิตอยู่อย่างสามัญชนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอไม่ยอมเอาตัวเองมาอยู่กับสิ่งนี้ เพราะเธอนั้นเป็นคนล้าสมัย Shirley จึงเป็นห่วงลูกสาวที่อาจจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อมันมาเป็นสิ่งที่นิยม แต่เธอก็พอจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากมันจะเปิดเผยตัวมันเอง

    (ถ้าพวกนั้นใส่ชุดที่ลามกแบบนั้น ไม่ใช่ว่าพวกนั้นจะต้องล้อมรอบด้วยพวกหื่นในคราวนี้หรือ?)

    กับ Shirley แล้ว Sophie และ Tio ต่างก็เป็นเทพธิดาสองตนที่สืบทอดมาจากสวรรค์ และแน่นอน สายตาของใครบ้างที่จะไม่เหลียวไปมองเทพธิดาแบบนั้นล่ะ? ในยุคที่พวกนอกรีตได้กระทำการให้ผู้หญิงเลอโฉมต้องแปดเปื้อนไปด้วยมลทิน จึงเป็นธรรมดาที่แม่จะเป็นห่วงถึงการเปิดเผยผิวกายจะกลายเป็นที่สนใจต่อคนที่น่ารังเกียจ

    …….ถึงแม้ว่าในกรณีของ Shirley นั้น เธอจะทำมากเกินไปหน่อย

    “จะว่าไป ทำไมเธอถึงเอาชุดอาบน้ำแบบนี้มาให้ฉันดูล่ะ?”

    “อ๊ะ ที่จริงแล้ว กิลด์มาสเตอร์…”

    “ขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด”

    “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ…”

    เธอน่าจะเซอร์ไพรตอนที่ Shirley แสดงท่าทางรังเกียจทันทีที่พูดถึง Canary แต่เมื่อ Yumina ได้พิจารณาถึงชื่อเสียงที่ไม่ดีของยายทวดเธอแล้ว เธอก็เถียงไม่ออก

    “ช่วยฟังฉันหน่อยเถอะ ที่จริงแล้วเป็นของที่ญาติฉันสั่งเพื่อตัวเองนั่นแหละ แต่ขนาดมันผิดนะ”

    “แล้วญาติของเธอที่พูดถึงนั่น คงหมายถึงคนที่ทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของ Canary ใช่มั้ย?”

    “ใช่ อย่างนั้นเลย”

    มันก็น่าจะเป็นคนมือหนักที่สามารถดึงหูของยัยแม่มดสีทองให้กลับมาทำงานของตัวเองได้สินะ

    “มันก็แย่นะที่ต้องโยนมันทิ้งไปเพราะมันไม่พอดี แต่เมื่อเธออธิบายให้ฉันว่ามันมีขนาดพอดีกับ Shirley ฉันก็เลยขอให้เธอส่งมาให้ฉันนะสิ”

    “อื๋ยย…. เอาตรงๆเลยนะ ฉันไม่คิดว่าจะมีโอกาสที่จะสวมมันนะสิ”

    Shirley จึงต้องรับมันมาเนื่องจากมันอาจจะตกไปในอยู่มือคนอื่นได้ แล้วก็เก็บมันไว้ในกล่องเครื่องมือของผู้กล้าโดยที่กะจะไม่สวมมันเลยด้วยซ้ำ เมื่อเรื่องนั้นจบลงแล้วเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทันใดนั้นประตูกิลด์ก็เปิดออกมาและก็มีเด็กสาวสองคนวิ่งมาด้วยเสียงตะโกน

    “คุณ Shirley อยู่นี่มั้ยคะ!?”

    “เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ!!”

    เป็นเพื่อนของลูกสาวเธอ Lisa กับ Chelsea ทั้งสองปรากฏตัวอย่างกะทันหันในกิลด์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน Shirley กับ Yumina เดินเข้าไปหาพวกเธออย่างรวดเร็ว

    “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

    “ที่จริงแล้ว Sophie กับ Tio นั้น…”

    “…เกิดอะไรขึ้น… กับลูกฉันหรือ…?”

    Mira ที่เข้ามาอยู่ข้างๆ Chelsea กับ Lisa หันไปมองยัง Sophie กับ Tio ที่อยู่หลังพวกเธอ พอมองตามที่เธอจ้องไป Shirley ก็เผลอจ้องไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อเธอเห็นสิ่งนั้น

    “อ๊ะ… หม่าม้า นี่มัน…”

    “จิ๊บ!”

    “…เราจะทำยังไงดี?”

    “จิ๊บ!”

    Sophie เกาหลังหัวด้วยยิ้มอายๆ ขณะที่ Tio มองไปยังแม่ด้วยการกลอกตาขึ้นลง ขณะที่ทั้งคู่ดูท่าทางประหม่าบ้างถึงสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ละคนต่างก็มีลูกนกตัวอ่อนเกาะติดบนเส้นผมของพวกเธอ โดยตัวหนึ่งเป็นสีน้ำเงินและอีกตัวเป็นสีแดง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×