ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #40 : การประชุมของผู้นำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.75K
      183
      24 ก.พ. 64

    สำหรับ Shirley ที่ต้องรู้ให้ได้ว่าปีศาจนั้นอยู่ที่ไหน เธอก็เลยเข้าไปถามหาปีศาจกับตัวเลย

    “ใช้เวทเคลื่อนย้ายกลับไปยังจักรวรรดิดีมั้ยเนี่ย? ยิ่งกว่านั้น เธอต้องการที่จะพูดกับตัวจักรพรรดิหรือ? แล้วที่มาแบบนี้  Shirley นั่นต้องการที่จะไปท้ากับพวกนั้นโดยตรงหรือ? อ๊าา จะทำยังไงดีเนี่ย~?”

    “………”

    สองสัปดาห์หลังจากที่ทุกอย่างได้เกิดขึ้น Canary ได้กลับมายังเมืองชายแดนจากเมืองหลวงของราชอาณาจักรแล้วก็ยืนต่อหน้าเธอด้วยสีหน้ายิ้มอย่างพอใจที่ Shirley นั้นอยากจะตบเธอสักฉาด กำลังคิดถึงตัวเองในเวลาเดียวกันว่า ‘ฉันหวังว่าฉันจะไม่ไว้วางใจกับยัยนี่แล้ว’

    เธอเองก็อยากจะเชื่อในความคิดของลูกสาว มันก็ไม่ชัดเจนนักถ้ามันเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้เธอยากจะปล่อยให้พวกนั้นรู้ว่าลูกสาวของเธอนั่นอยากจะอยู่ที่นี่

    สิ่งที่พวกเธอนั้นอยากจะเป็นคน… หรือว่าสิ่งที่พวกเธออยากเป็นคนในราชอาณาจักรกันแน่ล่ะ ถึงแม้ว่าจักรวรรดิจะไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่ๆ บางทีการทำแบบนี้น่าจะได้รับการสนับสนุนในราชอาณาจักรนะ

    เพิ่มอีกอย่าง ถ้ารวมนโยบายที่สนับสนุนอิทธิพลการเงินของ Canary ด้วย มันก็เป็นไปได้ที่จะคอยช่วยพวกเธอให้อยู่ที่นี่ได้โดยที่ไม่มีอะไรมาแทรกแซง

    แต่ มันก็ไม่จบไปทั้งหมด ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด เธอจะถูกบังคับถอดสิทธิ์ในการดูแลได้

    เธออยากจะวางใจกับ Canary ในตอนแรกเนื่องจากเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะปกป้องชีวิตที่สงบสุขทุกวันของพวกเธอได้อย่างครบครัน เธอได้วางแผนที่จะทำการต่อไปแล้ว โดยคาดว่า Canary น่าจะปฏิเสธเธอไป แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เธอถึงกับประหลาดใจเลย

    “ก็เอาสิ ฉันตอบรับคำขอของเธอ”

    “……….หมายความว่ายังไงกัน? ยังสบายดีมั้ยเนี่ย?”

    “นี่เธอคิดยังไงกับฉันล่ะเนี่ย?”

    Canary ตอบรับคำร้องของเธอแบบนี้ Shirley รู้สึกได้ถึงลางไม่ดีในไส้แล้ว สิ่งหนึ่งที่เธอคิดได้ก็คือ Canary ต้องไปกินอะไรที่ผิดสำแดงมาแน่

    “น่า ความจริงแล้ว ถือว่าเป็นประโยชน์กับฉันได้ดีเลยล่ะ”

    “เดี๋ยวก่อนนะ?”

    “หุๆ ความจริงก็คือ…”



    Canary เริ่มเล่าเรื่อง

    สองวันหลังจากที่ Rudolph กับคนของเขาถูกจับกุม บุคคลระดับใหญ่โตของจักรวรรดิรวมถึง Philia ก็เริ่มเข้าร่วมเจรจาทางการทูตอย่างเร่งด่วนเนื่องจากทหารของตนถูกจับกุมในข้อหาก่ออาชญากรรมในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ Albert กลับทำอะไรที่ไม่จำเป็นเอาเสียเลย

    เขาส่งคำแถลงการณ์ออกไปตรงๆโดยใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ ปกติแล้วคงจะคาดเอาไว้ว่าจะมีอย่างนี้ตามมาโดยขอโทษและก็ขอรับการลงโทษอย่างเหมาะสมหลังจากที่ผู้กระทำความผิดถูกส่งตัวคืน แน่นอนว่า Edward นั้นสงสัยในสิ่งที่เป็นข้อแก้ต่างของ Albert ที่น่าจะมีตอนที่เขาได้เปิดจดหมายที่ส่งมาหาเขาตรงๆ แต่หัวข้อนั้นกลับกลายเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย

    มันชัดเจนเลยว่าเป็นฝีมือของ Canary แน่ๆ รวมทั้งตัวแทนของกิลด์นักผจญภัยด้วย การลักลอบหนีเข้าราชอาณาจักรของเจ้าหญิงจักรพรรดิทั้งสอง รวมไปถึงการทำร้ายของเหล่าผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของจักรวรรดิที่คอยคุ้มกันเจ้าหญิงให้กลับบ้านโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นรอยร้าวที่แตกหักอย่างเลวร้ายบนความเชื่อใจของราชอาณาจักรที่ยังกักตัวเจ้าหญิงเอาไว้อย่างเมตตา เราจึงได้มายังที่นี่เพื่อที่จะขอรับตัวเจ้าหญิงทั้งสองคืนทันที รวมทั้ง Rudolph และเหล่าอัศวินผู้ติดตามของเขาด้วย

    Canary ยืนยันด้วยการใช้เวทแกะรอยก็พบว่า Albert นั่นเองที่เป็นคนยื่นคำขาด ดูเหมือนจะมั่นใจในเรื่องเล่าของเขานี้เสียจริงๆ

    Edward ที่เหินห่างจากความตระหนกและกราดเกรี้ยวถึงกับตะลึงในเนื้อหาจดหมายนั่น ได้ครุ่นคิดว่าเขานั้นต้องคาดว่าอย่างน้อยต้องสร้างเรื่องแก้ต่างอยู่แน่ๆ

    ที่จริงแล้ว เขาน่าจะส่งจดหมายอย่างนี้มาเอาตัวเจ้าหญิงกลับไปก่อนที่จะตัดสินใจส่งคนข้ามชายแดนมาด้วยซ้ำ

    อย่างไรก็ตาม ถึงจะบอกว่าเป็นการลักพาตัว Albert ก็ยังคงปัดเรื่องนี้ในทางการทูตทิ้งโดยส่งข้อความแบบนี้รวมทั้งข้อผูกมัดที่จะผ่านช่องทางการทูตและส่งนักการทูตมาเป็นตัวแทนของเขา

    โดยไม่มีแม้แต่จะคำขอโทษเลย เขายังบอกอีกว่าอาชญากรที่ถูกจับโดยคาหนังคาเขานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์และก็ยังทำให้มีความต้องการเหนือสิ่งนั้นอีก

    “จะรบกับราชอาณาจักรหรือ… เจ้านี่มันยิ่งกว่าพวกหน่อมแน้มที่ข้ารู้จักเสียอีก”

    ดูเหมือนว่าการนั่งบนบัลลังก์จักรพรรดินั้นจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เนื่องจากการประชุมภาคทวีปครั้งแรกทั้งคู่ต่างก็เข้าร่วมในฐานะผู้ปกครอง Edward ได้ปลูกฝังภาพของ Albert ไว้ในหัวว่าเป็นคนที่หนีออกจากความลุ่มหลงผิดในอำนาจทุกอย่างไม่ได้

    “ก็อย่างนั้นแหละ แต่ข้าจะไม่ส่งทหารไปตายในที่กระจอกๆกับสงครามที่ไร้สาระนั่นหรอก”

    ราชาสิงโตดำตอบกลับไปทันที แล้วก็ผลักดันตารางเวลาต่อไปทันทีเลย เขาได้ติดต่อกับราชวงศ์ผ่าน Philia ที่เขาพร้อมที่จะเจรจาส่งตัวข้ามแดนและเพียงแค่สิบวันจึงได้มีการจัดประชุมกันระหว่างผู้นำของสองประเทศขึ้น

    “…ช้าชะมัดยาดเลย เนาะ?”

    “แน่นอน… เราจะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้แล้วนะ”

    ไม่มีพวกขุนนางหรือหุ่นเชิดในทวีป ดังนั้นจึงเป็นการโต้วาทีกันระหว่างผู้นำสองประเทศอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้การโต้วาทีอย่างนี้จึงถูกจัดไว้ในห้องประชุมชั่วคราวที่สร้างบนเขตแดน

    สถานที่ๆเจรจากันก็ถูกคลุมด้วยเต็นท์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายๆกับที่พวกชนเผ่าเร่ร่อนใช้นั่นแหละ และในขณะที่ Edward กับผู้ติดตามของคณะทูตและเจ้าหน้าที่ได้มาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว คาร์ดินัลก็ได้ถามผู้คุมสถานที่ซึ่งยังรอคณะจากจักรวรรดิก่อนที่เขาจะเปิดประชุมขึ้น

    ถึงแม้ว่าจะมาถึงก่อนที่จะเริ่มประชุมอย่างน้อยสิบห้านาที Albert ก็มาถึงก่อนไม่กี่วินาทีที่จะเริ่มกำหนดการ

    “เหตุใดที่ท่านขอร้องให้จักรพรรดิมายังที่แบบนี้ด้วยล่ะ? ท่านจะบอกว่าส่งเจ้าหญิงมา แต่ไม่ยอมส่งคนพวกนั้นมาให้ข้าเลยใช่มั้ย?”

    และนั่นคือสิ่งแรกที่เขาพูดขึ้นมา นอกจาก Edward กับ Canary ตัวแทนจากราชอาณาจักรต่างก็ยักยิ้วด้วยความช็อคที่กล้าเสียมารยาทเช่นนี้ ในขณะที่คนของจักรวรรดิบางคนรวมถึง Philia ก็ได้แต่มองไปยังปลายเท้าด้วยสีหน้าที่แดงด้วยความรู้สึกที่แย่

    Edward ช่วยไม่ได้นอกจากรู้สึกสงสารกับพวกผู้ติดตามที่ท่าทางอดสูที่ยืนอยู่ด้านหลังกับประชาชนในจักรวรรดิที่ทนทุกข์จากการบังคับจ่ายภาษีขูดเลือดปูในประเทศของพวกเขา ที่มีจักรพรรดิที่ไร้สามัญสำนึกของคนทั่วไปอยู่ด้วย

    (ไม่ล่ะ… แบบนั้น… ข้าว่าข้ารู้สึกน่าสมเพชกับจักรพรรดิที่กลายมาเป็นหุ่นเชิดโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ)

    หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาทำจาก Philia มา Edward ก็หันไปมองอย่างน่าสมเพชไปยัง Albert ซึ่งรู้มาอย่างดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากจักรพรรดิที่กระทำการโดยไม่สมควร

    “…ข้ายินดีที่ได้พบกันนะ ท่าน Albert ถึงแม้ว่าข้าจะไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องคอยจับตาพิจารณาว่านานแค่ไหนแล้วที่มีเรื่องกดดันขนาดนี้ มาเข้าประเด็นหลักตรงๆกันเถอะ”

    “ฉันเข้าใจ แล้วลูกสาวฉันอยู่ไหนล่ะ Sophilea กับ Tionissia น่ะ?”

    Albert หันไปมองซ้ายขวา มองหาพวกเธอที่อยู่รอบๆห้อง

    “…ชื่อของเด็กสาวที่เจ้าบอกว่าเป็นเจ้าหญิงนี่ เจ้าคงไม่ได้คิดว่าเป็นชื่อ Sophie กับ Tio เลยหรือ?”

    “นั่นเป็นชื่อที่แม่นั้นตั้งให้ต่างหาก สำหรับเจ้าหญิงจักรพรรดิควรจะมีชื่อที่เหมาะสมกับฐานะราชวงศ์สิ ถ้ายังไงพวกนั้นก็ควรจะขอบคุณฉันที่ปรับปรุงชื่อเก่าสิ”

    ถ้าคนที่มีชื่อแบบนั้นอยู่ในห้องตัวเองล่ะก็ เธอคงจะสูญเสียตัวเองจนโกรธไปแล้วล่ะ ยังไงก็ตาม Edward อยากจะดำเนินการเจรจาต่อแล้วก็โต้ตอบโดยไม่แม้แต่จะยักคิ้ว

    “ก็ถูก ข้าเข้าใจจุดของเจ้านะ อย่างไรก็ตามการตอบสนองความต้องการไม่ใช่ภาระผูกพันของราชอาณาจักร ดังนั้นเด็กสาวที่อยู่ในคำถามก็จึงไม่มีตัวตนอยู่ แทนที่จะสนใจคนรับใช้กับอัศวินทั้งหกที่อยู่ตรงนี้ไม่ดีกว่าหรือ”

    “ท่านหมายความว่ายังไงกัน!? ท่านหมายถึงจะบอกว่าราชอาณาจักรนั้นไม่มีความตั้งใจที่จะส่งตัวเจ้าหญิงกลับคืนหรือ!?”

    “ข้าเรียกร้องได้เพียงแค่การเจรจาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเท่านั้น”

    ถึงแม้ว่าจะมีสายเลือดที่เกี่ยวข้องกันก็ตาม Shirley กับลูกสาวเธอก็เป็นพลเมืองในราชอาณาจักรได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย Edward ตั้งใจยืนยันข้อเท็จจริงนี้อย่างหนักแน่น ในขณะที่ Albert ก็ไม่ยอมรับรู้ใดๆทั้งนั้น

    “ข้าเป็นผู้ปกครองของประเทศนะ มองว่าเป็นกษัตริย์ที่ขายประชาชนให้กับประเทศอื่นตรงไหนกันล่ะ?”

    “ก็ตั้งแต่ตอนที่ราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีการลักพาตัวแบบนั้นไงล่ะ ปฏิเสธที่จะไม่คืนเจ้าหญิงทั้งๆที่รู้ดีว่าพวกเธอถูกแม่มดนั่นลักพาตัวน่ะ!”

    เธอถึงกับปิดปากเงียบ แต่ Philia ก็สาปแช่งเขาในใจ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาพูดมาและหวังที่จะเอาลูกสาวเขามาก็ตาม ระดับของความโอหังบนเวทีระดับชาติมันก็แย่เกินกว่าที่จะรับได้เสียอีก

    “ข้าเข้าใจว่าจักรวรรดินั้นได้เผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ผู้สืบทอดจากสภาวะของจักรพรรดินีคนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามราชวงศ์ก็ได้ตัดความสัมพันธ์กับ Shirley ตั้งแต่ตอนที่ลูกอยู่ในครรภ์แล้ว และจนถึงตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้รับรู้พวกนั้นด้วยตัวเจ้าเองเลยหรือ? ถ้าแม่กับลูกสาวนั้นเป็นคนที่ไม่น่ายินดีในสายตาของจักรวรรดิแล้ว ข้าก็ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะส่งพวกนั้นกลับคืนไปหรอก นี่คือกฎหมายระหว่างประเทศที่สอดคล้องกันซึ่งบัญญัติโดยเทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยควบคุมเหล่านั้น ทำนองเดียวกันถ้าจักรวรรดิไม่มีความประสงค์ที่จะตัดสินคนที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศของเราแล้ว เราก็ไม่มีข้อผูกพันใดๆที่จะส่งตัวพวกนั้นกลับ เจ้ายังไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้หรือไงกัน?”

    “น-นั่นมัน…!”

    เทพีไม่ใช่เป็นเพียงแค่น่าสักการะในราชอาณาจักร แต่เป็นผู้คนทั้งทวีปรวมทั้ง Albert ที่ช่วยไม่ได้นอกจากต้องยำเกรงเมื่อชื่อของเทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศถูกเรียกขึ้นมา

    ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากจะยอมรับมัน แม้จะยังเชื่อในใจว่าเขาได้ตัดสินใจถูกต้องในการถอนหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นก็ตาม มันก็กลายเป็นข้อผิดพลาดที่เขาได้ตัดเธอออกจากราชวงศ์อย่างที่ Edward บอกไปนั่นแหละ

    ไม่ว่าเขาจะต้องการเรียกร้องมามากแค่ไหน ถ้าราชอาณาจักรยังยึดการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะปกป้อง Sophie กับ Tio เป็นพลเมืองของประเทศแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะเรียกร้องได้

    (แต่… พูดอีกอย่างก็คือ พวกนั้นถูกมองเป็นแค่สามัญชนสินะ ฉันอาจจะล้มเหลวในครั้งนี้ แต่ฉันก็จะเอาพวกนั้นมาโดยไม่ล้มเหลวในคราวต่อไปแน่ ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการประกาศสงครามก็ตาม…!)

    ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ในฐานะราชาแล้ว Edward ไม่อาจปกป้องสองคนเหนือชีวิตอีกนับล้านได้หรอก

    โดยไม่สนใจความผิดพลาดของตัวเอง Albert นึกจุดอ่อนของคนที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะจากเขาได้ สิ่งเดียวที่เขาเกลียดมากที่สุด

    ราชาสิงโตดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาถึงแม้จะมีกองทัพที่เกรียงไกร ก็ยังเกลียดชังสงคราม Albert ไม่น่าจะเข้าใจความคิดเช่นนั้นสักเท่าไหร ถึงแม้มันจะเป็นสามัญสำนึกก็ตาม

    อาหาร เงินและความเป็นอยู่ สงครามเป็นตัวกลืนกินทั้งหมด ในขณะที่ Albert ได้มองเห็นทองกับทหารเป็นเบี้ยสำหรับเขาที่ทำอะไรก็ได้ที่เขาพึงประสงค์ Edward เข้าข้างการชนะการทูตเหนือกว่ากำลังพลทางทหาร

    ดังนั้น เมื่อเอานโยบายของสองผู้นำในห้องไปเปรียบเทียบกันแล้ว การกดดันราชาโดยการชี้ช่องให้ปะทะกันด้วยอาวุธอาจจะเป็นทิปที่เขามี จักรพรรดิที่สามารถสั่งการบนวิสัยทัศน์ที่หยาบคายเช่นนี้ยิ้มอย่างชั่วร้ายใส่สิงโตดำ

    “ที่จริง ถ้าเรายังมัวแต่ติดอยู่ในตัวเลือกที่ต่างกันแบบนี้ มันก็ยากที่จะเลี่ยงความขัดแย้งได้นะ”

    “อะไ-!?”

    แต่ ราวกับจะรู้ว่า Albert นั้นจะพูดอะไรออกไป Edward ก็แย่งพูดออกมาจากปาก

    “อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ข้าก็น่าจะมองหาทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องไปเสียกับสงครามที่ไร้ความหมายด้วย… ทีนี้เราจะทำยังไงกันล่ะ?”

    “ในความเสียงทางอ้อมนั้น ฉันมีข้อเสนอแนะค่ะ”

    เป็น Philia ที่ยกมือขึ้นมา ที่ยังคงช็อคที่ Edward อ่านออกง่ายมาก Albert หันไปมองน้องสาวด้วยความสงสัยก่อนที่จะอนุญาตให้เธอพูด

    “…ว่ามา”

    “ฉันเข้าใจกฎของราชอาณาจักรดี อย่างไรก็ตาม นี่คือบุคคลอันเป็นที่รักหวังจะได้เห็นราชวงศ์ที่อยู่กับเด็กสาวทั้งสองที่มีสายเลือดร่วมกับเขาและอยากจะเห็นพวกนั้นกลับไปยังที่จักรวรรดิ เพื่อให้ยอมรับเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีโบราณ ฉันก็ขอเสนอให้มีการประลองที่บัญญัติโดยเทพีค่ะ”

    การประลองจะใช้ตัวแทนของระหว่างประเทศมาดวลกันโดยมีคาร์ดินัลจากเทพศักดิ์สิทธิ์คอยกำกับอยู่

    ในยุคโบราณ สองประเทศที่หวังจะตั้งถิ่นฐานที่มาจากที่ต่างๆโดยไม่อาศัยสงครามเต็มรูปแบบจะมีการเลือกเอาแชมป์เปี้ยนมาประลองต่อสู้ โดยผู้ชนะจะได้รับสิ่งที่พวกนั้นขอมาในสงครามแฝงไม่ว่าจะเป็นแผ่นดิน สนธิสัญญาหรือแม้แต่ผู้คน

    อย่างไรก็ตาม ในยุคใหม่นั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ล้าสมัย ปัญหาหลายๆอย่างในอนาคตของความสัมพันธ์และสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ซับซ้อนจะฝากไว้กับการเดิมพันของการดวลดาบ

    (น่าจะเพียงพอแล้ว ฝ่าบาท? ท่าน Canary เองก็เห็นด้วยดีนี่)

    นี่เป็นอุบายที่ทั้งสามได้บงการเอาไว้ ถ้าหากมันเป็นไปตามที่วางไว้ จักรพรรดิก็ย่อมที่จะประกาศสงครามอย่างบ้าบิ่นระหว่างสองประเทศ โดยจะมีการนองเลือดกันทั้งสองฝ่ายแน่

    ดังนั้น ถ้าราชอาณาจักรสำเร็จในการดวลนี้ พวกเขาก็จะอ้างสิทธิ์ต่อเทพศักดิ์สิทธิ์ให้เข้าแทรกแซงในตัวแทนและการป้องกันการรุกรานได้ Albert ถึงกับกัดฟันกร๊อดออกมา ถึงแม้ว่ากฎหมายจะดูล้าสมัยโดยหลายๆอย่าง มันก็ยังคงเอาไปใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่ดี ช่องโหว่ของเงื่อนไขของผู้ชนะโดยผู้แพ้จะมาจากผลในการโต้ตอบระหว่างประเทศ

    อย่างที่ว่ามา ถึงแม้มันจะมีความเสี่ยงที่จะพ่ายแพ้ในศึกนี้ก็ตาม ก็น่าจะพูดได้เลยว่าเขาเองก็มีความเสี่ยงเหมือนกับจะเข้าสงครามนั่นแหละ ยกเว้นแต่จะเดิมพันสูงกว่านั้น

    (นอกจากนี้… ถ้าเป็นไปตามแผน จักรวรรดิจะสูญเสียสิทธิ์ในการเอาพี่สะใภ้กลับมาด้วย)

    ยังไงก็ตาม ปมที่แท้จริงของแผนการที่อาศัยคนที่ต้องชนะในการแข่งขันของตัวจักรพรรดิเองด้วย หลังจากที่ Albert เข้าใจ ทุกอย่างก็น่าจะเคลื่อนต่อไปได้ แต่…

    “อึกกกกกกกกกก….!”

    “ยังไงนะหรือ ท่าน Albert? มีปัญหาอะไรกับข้อเสนอขององค์หญิง Philia หรือ? ถึงแม้ว่ามันจะห่างจากการแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบก็ตาม แน่ใจว่าจะยอมรับการประนีประนอมที่ดีกว่าสงครามแบบนี้มั้ย? ถ้าข้าคิดไม่ผิด นี่ไม่ใช่ว่าที่จริงแล้วจักรพรรดิของจักรวรรดิในปัจจุบันนี้จะอ่อนต่อพวกดินแดนของปีศาจเอาการมากๆด้วยเลยหรือ?”

    Albert กัดริมฝีปากด้วยความโกรธ เอาเรื่องอัปยศของการเดินทางไปยังตรงนั้นภายใต้สิ่งที่เขาแกล้งมองแบบผิดๆไปมาเปิดโปงนี้ ก็เลยทำให้สถานการณ์ย้อนกลับเข้าสู่ตัวเองไปซะแล้ว เขาอยากจะตะโกนออกมาให้สุดลมหายใจให้เต็มปอดเลยจริงๆ

    ความภาคภูมิใจในจักรพรรดิถึงกับแตกร้าว มองดูน้องสาวที่เห็นชอบกับราชาสิงโตดำอย่างง่ายดาย ขณะที่ Albert หมดหนทางที่จะคิดหาทางที่จะตอบโต้นั้น Canary ที่เงียบสนิทมาจนถึงตอนนี้ก็หัวเราะออกมาทันที

    “เคี๊ยะฮ่าๆๆๆๆๆ! ทำไมถึงได้ทำร้ายกันถึงขนาดนั้นล่ะ Edward? มันแย่มากๆที่จะเอาเด็กจอมอืดอาดเข้ามาในห้องด้วยไม่ใช่หรือ?”

    “ด-เด็กอืดอาด…? นี่เธอคงไม่ได้พูดถึงฉันใช่มั้ย…!?”

    ความไม่พอใจนั้นได้ระเบิดออกมาเป็นความกราดเกรี้ยว เลือดก็เริ่มไหลผ่านใบหน้า Albert ผิวก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงและเหงื่อก็เริ่มไหลเทลงมา

    Albert ใช้ชีวิตอยู่ในการที่มีคนคอยมาบอกอยู่ตลอด ถึงแม้เขาจะปะทะคารมกับน้องสาว Philia มาหลายปีก่อนก็ตาม Albert ก็ยังคงมีคนอีกจำนวนมากที่คอยสนับสนุนเขาอยู่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะถูกเลี้ยงดูด้วยความเคารพอยู่ตลอด

    ดังนั้น จึงเป็นครั้งแรกในชีวิตเขาเลยที่มีคนมาพูดกับเขาอย่างนั้น

    “คิดว่าเขาน่าจะร่วนกระจุยอย่างว่องหลังจากที่เข้ามาด้วยท่าทางอวดดีแบบนั้น เรื่องที่น่าขบขันของจักรพรรดิคือตัวตนที่นายเป็นจริงๆหรือเนี่ย! นั่นสินะ มันก็ทำให้เขาต้องลังเลอยู่เท่านั้นแหละ เขาไม่น่าจะเป็นคนที่เขาจะเรียกได้แม้แต่จะเลียขาของนักรบในราชอาณาจักรด้วยซ้ำ ปล่อยไว้กับนักผจญภัยที่แสนภูมิใจและสำราญของกิลด์ดีกว่า มันน่าจะโกรธเคืองเลยสิ เนาะ~? รู้อย่างนั้นแล้วไม่ว่าจักรวรรดิจะส่งใครมา พวกนั้นก็เป็นได้แค่มดจะมาเปรียบเทียบกับนักผจญภัยผู้กล้าหาญเนี่ยน้า”

    “ย-ยัยร่านนี่!! กล้าดียังไงมาดูหมิ่นประเทศฉันซึ่งๆหน้าแบบนี้!!”

    Albert ถึงกับเดือดดาลแล้วตะคอกใส่แม่มดเลย โดยที่มีอัศวินจักรพรรดิที่เดือดดาลร่วมกับเขา รวมไปถึง Lumiliana ด้วย

    แน่นอน พวกเขาต่างก็โกรธที่ความภาคภูมิใจในอัศวินจะถูกถากถางอย่างนั้น

    “น่า มันก็เป็นธรรมดานี่ เนาะ? ที่จริงก็แค่โชคร้ายที่ต้องมารับใช้กับจักรพรรดิเนี่ย… ฉันอุตส่าห์ฟังเงียบๆมาสักพักและฉันก็พูดถึงความจริงที่นายนั้นเห็นแก่ตัวและก็น่าสะอิดสะเอียนด้วย”

    “สะอิดสะเอียนหรือ!?”

    “ก็ใช่นะสิ นายมันน่าสะอิดสะเอียนเลย เป็นความรู้สึกที่อึดอัดตอนที่ฉันต้องยอมทนฟังคำพูดที่ชั่วช้าอย่างนี้”

    Canary เก็บคำพูดที่สบประมาทกับผู้นำคนนั้นเอาไว้ เนื่องจากเธอไม่ได้เข้าข้างประเทศใด ข้อห้ามในทางการทูตก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอจึงทำอะไรก็ได้ที่เธอปรารถนา แม่มดที่ยืนอยู่เหนือเศรษฐกิจของโลกที่มิอาจเอื้อมถึงได้

    “พวกนักรบจากประเทศที่ปกครองโดยเด็กขี้อวดดีแบบนั้น ฉันสงสัยว่าพวกนั้นจะสามารถยกนิ้วต่อกรกับทหารแห่งราชอาณาจักรหรือนักผจญภัยผู้กล้าหาญที่ก้าวข้ามเส้นทางได้มั้ยเนี่ย นายเข้าใจหรือเปล่า หรือจะให้ฉันต้องย้ำนายอีกครั้งหนึ่งล่ะ?”

    “…ก็แหงล่ะ! ถ้าเธอคิดว่าจะมองฉันต่ำอย่างนี้ล่ะก็ ขอรับข้อเสนอเลยล่ะกัน! การประลองที่บัญญัติโดยเทพีที่จะพาลูกสาวฉันกับ Rudolph กลับมา พอๆกับฟื้นฟูเกียรติยศของอัศวินหลวงแห่งจักรพรรดิด้วย!”

    Albert ที่อยู่ในความโกรธเกรี้ยวยอมรับข้อเสนอของ Philia

    ด้วยเหตุนั้นเอง จึงกลายเป็นการเปิดม่านเดิมพันที่ตัดสินอนาคตของ Sophie กับ Tio



    “แล้ว มีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายมั้ย?”

    “หยาาาาาาาาาาาา!? ห-หยุดนะ! หยุดใช้หัวฉันไปทำเป็นที่ลับดาบนะ! มันไม่ตลกนะถ้าเธอตัดสมองฉันน่ะ!!”

    ในสนามหญ้าของกิลด์ผจญภัยของเมืองชายแดน Shirley ได้ลับดาบทั้งด้านหน้าและด้านหลังบนกบาลของ Canary ที่ถูกฝังในดินไปถึงคอเลย Shirley ยกดาบขึ้นมาอย่างน่ากลัว แต่ก่อนที่เธอจะเหวี่ยงดาบลงมาและจะฟันผ่านสมองอันเป็นจุดอ่อนของกึ่งอมตะนั้น ปีศาจแม่มดถึงกับตะโกนร้องด้วยความหวาดกลัว

    “ฉันเข้าใจเรื่องของเธอนะ ฉันก็เข้าใจว่านี่คือการประนีประนอมของราชอาณาจักรที่ดีที่สุดที่น่าจะหวังบรรลุทางการทูตได้ และก็ยังทำให้เขตแดนของราชอาณาจักรมั่นคงจากการรุกรานของจักรวรรดิที่จะกลายเป็นชนวนปัญหายิ่งกว่าเดิมเพราะลูกสาวฉัน รวมไปถึง Canary จงใจเข้าข้างฝั่งจักรพรรดิให้ยอมรับโดยทำให้ความภาคภูมิใจที่แตกร้าวเอาไปเปรียบเทียบกับพวกนักผจญภัยสีนะ”

    “โอออ เธอเองก็หัวแหลมดีเหมือนกันนี่เนาะ? ขอชมเธอเลยนะ”

    แต่ดาบของ Shirley ได้ส่องสะท้อนแสงในดวงตาสีแดงและสีน้ำเงิน

    “อย่าได้คิดว่าเธอจะได้ถามอะไรฉันก่อนนะ? ไม่ใช่ว่าราชา Edward บอกเธอว่าจะช่วยดูแลให้หรือ?”

    “น่า ก่อนที่จะพูดไปฉันได้กลับมาจากธุระบางอย่างนะ?”

    “แล้วทำไมถึงไม่พูดอะไรออกมาล่ะ? เธอก็รู้นี่ว่าฉันเข้าร่วมประชุมไม่ได้เพราะต้องคอยมองดู Sophie กับ Tio ในกรณีที่พวกจักรวรรดิพยายามจะทำอีกครั้งนะ?”

    “หืมม ฉันก็บอก Edward ไม่ให้กลุ้มมากนักเนื่องจากฉันสัญญาว่าจะบอกเธอเมื่อกลับมา… แต่ทว่าโชคไม่ดีที่ถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน ฉันก็เลยต้องมารายงานความจริงหลังจากนั้น เธอน่าจะช็อคแน่ตอนที่เธอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะ รู้ป่าว?”

    “อะไรนะ? มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากที่คุยกันด้วยหรือ?”

    “ฟังให้ดีนะ หัวหน้ากิลด์ปาตีซีเยได้ทำขนมหวานแบบใหม่โดยที่ฉันไม่รู้เลย ฉันก็เลยต้องให้ความสำคัญกับภารกิจเสี่ยงตายในการทดลองชิ…”

    แกร็ก! เสียงของอะไรสักอย่างที่แตกหักดังผ่านท้องฟ้า

    “น่าๆ ก็ได้ ไม่สิ มันก็เกินไปหน่อย… ฉันว่าคงจะต้องดำเนินการแล้วล่ะ จริงๆเลย ฉันไม่มีตัวเลือกใดๆนอกจากต้องยอมรับอำนาจของประเทศให้หยุดอีกคนได้เนี่ย ฉันก็จะคอยส่งเสริมจนถึงที่สุดเอง”

    เธอจะเผชิญหน้ากับใครมันก็ไม่เกี่ยว… ทั้งหมดที่เธอทำได้ก็คือต้องชนะอย่างเดียว

    จิตวิญญาณอันเร่าร้อนของดาบอสูรสีขาวแผดร้อนยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าเธอจะเห็นภาพของนักรบของจักรวรรดิที่ไม่รู้จักจะถูกส่งไปยังตรงข้ามเธอลอยผ่านกลางอากาศต่อหน้า เธอได้ฟันใบไม้ที่ยกมาด้วยแรงลมให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยการตวัดดาบที่เร็วเหนือเสียง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×