ลำดับตอนที่ #34
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : อีกเพียงแค่เกือบเอื้อม
“ขอประทานโทษ มีเรื่องฉุกเฉิน ฉันขอตัวก่อนล่ะ”
ปี๊---------- ปี๊------------ เสียงแปลกๆดังจากนาฬิกาพกที่ Shirley เก็บไว้ในร่องอก
เธอลุกขึ้นจากโซฟา หลังจากที่ก้มคำนับอย่างเร็วให้กับพวกราชวงศ์ที่อยู่ในห้องแล้ว เธอก็กดปุ่มบนนาฬิกาพกแล้วก็หายตัวไปราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่แรก
เมื่อใดก็ตามที่ Shirley เข้าร่วมปาร์ตี้กับนักผจญภัยคนอื่น เธอก็จะสร้างลูกคริสตัลที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ให้พวกเขาด้วย
――“ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม มันก็มีความเป็นไปได้ที่ฉันอาจจะต้องออกจากปาร์ตี้ชั่วคราวโดยไม่ต้องแจ้งนะ นั่นจะไม่เป็นไรหรือ?”
นักผจญภัยหลายๆคนต่างก็สับสนตอนที่เธอพูดแบบนั้นไป แต่หลังจากที่คิดมาได้สักพักพวกเขาก็เข้าใจ ทำให้รู้สึกตัวได้โดยพิจารณาจากที่ดาบอสูรสีขาวเป็นอยู่
――“ถึงแม้ว่าคนในเมืองจะทำตัวหยาบคายไปบ้าง กฎหมายราชอาณาจักรก็ยังคงใช้อยู่และมันก็ไม่ได้มีความบังเอิญใดๆด้วย จึงไม่น่าจะเหมือนกับว่ามันจะเกิดขึ้น คุณไม่ควรคาดว่าฉันจะหายตัวไปอย่างกะทันหันหรอกนะ”
เธอตอบรับคำชวนอยู่หลายปาร์ตี้ตั้งแต่สงครามมังกรแล้ว Shirley ก็เริ่มที่จะมีความผูกพันธ์กับนักผจญภัยในเมืองมากขึ้น แต่เธอก็ถือกฎทองนั่นอยู่ตลอด
“เอิ่ม… แล้วพี่สาว- หมายถึงท่าน Shirley ไปไหนแล้วล่ะ?”
Philia ถึงกับช็อคที่ Shirley ออกจากกิลด์ไป พอๆกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้ยกเว้น Canary เธอไม่ได้ล่องหนหรือว่าอะไรแบบนั้น เธอหายตัวไปเลยจริงๆ
นาฬิกาพกนั่นอาจจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์สักอย่าง แต่ก็เกินกว่าที่ Philia กับ Lumiliana จะรู้ได้ว่าไม่มีอุปกรณ์แบบนั้นในจักรวรรดิที่จะเทเลพอร์ตคนได้ในทันที
สองคนที่มาจากจักรวรรดิถึงกับตัวสั่นขณะที่นึกพลังเวทมนตร์ที่เปี่ยมล้นเช่นนี้ แต่ Edward ที่ค่อนข้างจะคุ้นเคยกว่าหันไปยัง Canary
“นั่นอุปกรณ์เวทมนตร์พิเศษที่เธอสร้างขึ้นมาหรือ? แล้วเธอหายไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ?”
“ที่ไหนสักแห่งในเมืองนี้แหละ”
“เธอบอกว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน… หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเมืองล่ะ!?”
“นายว่าเกิดเรื่องหรือ? ฉันว่าสำหรับ Shirley นั่นแล้ว นี่น่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะใหญ่โตเลยล่ะ รู้ปะ…”
Canary หัวเราะออกมา แล้วก็พูดด้วยประโยคที่ไม่มีใครเข้าใจได้
“ก็อย่างนั้นแหละ จะพูดยังไงดีน้า ก็เหมือนกับสัญญาณแจ้งเตือนนั่นแหละ”
—
ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น
ระวังของสัญญาณที่สิ้นสุดของวันดังขึ้นมา เหล่าเด็กๆที่เจี๊ยวจ๊าวต่างก็แห่กันออกไปยังหน้าประตูโรงเรียนแล้วก็เริ่มหาทางกลับบ้านกัน
เด็กชายที่ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ส่วนเด็กหญิงที่ขยันก็กลับบ้านไปทบทวน ถึงแม้ทั้งคู่จะมีนิสัยและแผนการที่แตกต่างกัน สิ่งที่ผูกพวกเขาเอาไว้ด้วยกันขณะที่เดินกลับบ้านและคุยกันก็คือพวกเขาต่างก็ได้ปลดปล่อยจากความอึดอัดของวันในโรงเรียน
“งืมมมー! ในที่สุดโรงเรียนก็เลิกแล้ววววววว…”
“ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้สักเท่าไรเนื่องจากยังต้องทำการบ้านนะ”
“อืม ก็เข้าใจ การบ้านทั้งหมดในโลกนี้น่าจะถูกทำลายไปซะ”
Chelsea ที่เดินอยู่ข้าง Tio เห็นด้วยกับเธอทันที ส่วนที่เดินอยู่ข้างพวกเธอก็เป็น Lisa ผู้หญิงตัวสูงที่ก้มหลังราวกับว่าจะเหนื่อย
“อืมม เราไม่คุยเรื่องการบ้านได้มั้ย? จำการบ้านที่เราต้องทำเมื่อปิดเทอมฤดูร้อนคราวก่อนเยอะๆนั่นได้มั้ย? แล้วเราจะทำยังไงถ้าเกิดว่ามันจะแย่อีกแล้วล่ะ?”
“ฮะๆๆ… พวกเธอทั้งสามนี่ขยันกันตอนปิดเทอมจริงๆ”
ที่เดินอยู่ข้าง Sophie ก็คือ Mira เด็กสาวที่มีผมและดวงตาสีดำที่หายาก ที่ยิ้มเป็นครั้งเป็นคราวขณะที่เธอนึกถึงอีกสามคนที่ต้องมาดิ้นรนมากแค่ไหนในปิดเทอมคราวก่อน
“แต่ รู้มั้ย…”
“ฉันอยากจะเล่นเมื่อถึงวันหยุดนะ…”
“ไม่แปลกไปหน่อยหรือไงที่พวกนั้นทำให้เราต้องมานั่งเรียนแม้แต่ในวันหยุดน่ะ?”
“ก็เพราะพวกเธอมีวันหยุด เธอก็ไม่ควรที่จะลืมเรียนด้วยนะ”
ถึงแม้จะอายุน้อย สายตาของ Sophie กับ Tio ก็มองไปยังใครก็ตามที่มองพวกเธออยู่ โดยปกติแล้ว คาดว่าจะทำให้ได้รับความอิจฉาจากเด็กสาวทุกคนในโรงเรียนด้วยซ้ำ แต่เพราะมีเด็กชายเอาแต่เห่าหอนและก็เป็นที่ชื่นชอบอย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์กับเด็กสาวในชั้นจะลึกซึ้งเข้าไปอีก
“…อย่างน้อยเธอก็ควรจะทำการบ้านให้เสร็จก่อนวันพรุ่งนี้นะ จะว่าไปแล้ววันนี้พวกเธอทั้งสามจะไปทำอะไรกันล่ะ?”
“อ๊ะ พ่ออยากให้ฉันมาช่วยเฝ้าร้านในวันนี้นะ… ถึงฉันจะไม่มีการบ้าน ฉันก็ไม่มีเวลาว่างหรอกนะ…”
“พี่ชายฉันก็กลับมาจากการผจญภัยในวันนี้ด้วย เขาน่าจะเหนื่อยมาก ฉันว่าคงจะต้องกลับไปดูแลน้องๆล่ะนะ”
“พี่ชายฉันเองก็กลับมาในวันนี้ด้วย พ่อกับแม่ก็ทำงานอยู่ ฉันจึงต้องมาเตรียมอาหารเย็นนะ”
“อ้อ โอเค”
“จะว่าไปแล้ว พี่ชายของ Chelsea กับ Mira เป็นนักผจญภัยในปาร์ตี้เดียวกันหรือ?”
“ฉันก็คิดว่างั้น? ฉันไม่เคยเจอกับพี่ชายเลยนะ”
“บางทีพวกเขาน่าจะอยู่ในปาร์ตี้ของคุณ Shirley นะ? เนื่องจากพวกเขาก็อยู่ในกิลด์เดียวกันด้วย”
“ฮะๆๆ! ฉันไม่คิดอย่างงั้นหรอก? ตอนนั้นเธอก็บอกว่าจะเข้าร่วมปาร์ตี้เมื่อไม่นานมานี้นี่นา แต่หม่าม้าชอบที่จะผจญภัยด้วยตัวเองนะ”
ขณะที่ Sophie พูดแบบนั้น Chelsea ก็เริ่มถอนคำพูดว่า ‘นึกถึงตัวเองเลย’
“ไม่นานมานี้พี่บอกฉันเรื่องเกี่ยวกับนักผจญภัยในปาร์ตี้นะ… เขาได้พูดอะไรอีกมั้ย? คนแปลกๆหรือ? ยังไงก็เถอะ มันก็เป็นเรื่องที่แปลกอยู่ดี”
“…แม่ก็พูดบางอย่างแบบนี้มาก่อน แต่บางครั้งปาร์ตี้ก็ไม่ได้ลุยตลอดนะ”
“ใช่… หวังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ”
“หืม?”
ขณะที่พวกเธอใกล้จะกลับมายังเรือนทาโอเร่อยู่นั้น พวกเธอก็คุยกันว่าจะเล่นหรือจะทำการบ้านเมื่อกลับไปถึง พวกเธอก็เห็นเหรียญทองเหรียญหนึ่งที่กลิ้งมาจากซอยหนึ่ง
“เหรียญทองนี่มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย?”
“มีคนทำหายหรือ?”
“เอ่อ… เป็นของคุณหรือเปล่าคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ ขอบคุณมากที่เอามาคืนให้กระผมนะขอรับ… จะบอกความจริงให้ กระผมกลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสที่จะคุยกับพวกหนูทั้งสองคนที่อยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อนแบบนี้เป็นการส่วนตัวแล้วล่ะขอรับ”
“…? หมายความว่ายังไงหรือคะ…?”
“กระผมมาที่นี่เพื่อจะรับตัวพวกเธอนะขอรับ ท่านเจ้าหญิงรัชทายาท Sophilea กับท่านเจ้าหญิง Tionissia”
“ “…….ใครกันน่ะ?” ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่กระผมได้ยินดีอย่างยิ่งที่รู้จักกับพวกเธอนะ กระผมชื่อ Leblanc เป็นผู้รับใช้ของท่านจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิ Alice นะขอรับ นับจากวันนี้เป็นต้นไป กระผมหวังว่าเราน่าจะได้ทำการรู้จักกันนะขอรับ”
Sophie เป็นคนที่มีปฏิกริยากับคำว่า ‘จักรวรรดิ’ ก่อน พวกเขาได้สอนที่โรงเรียนว่าเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีป อยู่ทางตอนเหนือของราชอาณาจักร และก็ไม่เป็นมิตรกับประเทศที่เล็กกว่า
“…ฉันว่าคุณมาหาผิดคนแล้วล่ะ นั่นไม่ใช่ชื่อของเราสักหน่อย”
Leblanc พูดต่อไปตามจังหวะที่ดูน่าสงสัยว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่ Sophie พูดมาทั้งหมด
“อย่างไรก็ตาม สายเลือดของตระกูลชั้นสูงยังคงไหลเวียนผ่านตัวของพวกเธออยู่นะขอรับ กระผมอุตส่าห์มารับพวกเธอตามคำสั่งของพ่อพวกเธอที่เป็นถึงท่านจักรพรรดิที่ดีพอๆกับน้าของเธอที่เป็นท่านจักรพรรดินี Alice นะขอรับ”
“ม-ไม่ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย… ทำไมจักรพรรดิถึงอยากได้ตัวพวกเรากันล่ะ!? เราไม่อยากไปไหนทั้งนั้น เมืองนี้คือบ้านของเรา!”
ทั้งคูต่างก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ Leblanc พูดมาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พวกเธอต่างก็รู้สึกถึงมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆแล้วพวกเธอก็เริ่มถอยออกไป
“…หา?”
ทันทีที่เปิดเผยชื่อของพ่อออกมา Sophie กับ Tio ถึงกับหยุดชะงัก
――――นี่ เรามีพ่อหรือว่าตากับยายด้วยหรือ?
ครั้งหนึ่งทั้งสองเคยถามแม่แบบนั้นมาแล้ว ตอนที่ถามไปนั้นแม่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะบีบน้ำตาออกมาและก็กอดพวกเธอเอาไว้โดยที่ไม่ได้พูดออกมา
หลังจากนั้น ฝาแฝดก็ไม่ถามอีกเลย ถ้าเพียงแค่พูดถึงพ่อก็ถึงขนาดทำให้แม่ที่แข็งแกร่งต้องโกรธได้ พวกเธอก็ไม่สนใจที่จะรู้เรื่องเขาอีกต่อไป
“ผลของความเข้าใจผิดอันน่าเศร้านี้ ทำให้ท่าน Shirley ต้องออกจากจักรวรรดิไปและก็ต้องมารับทำงานพื้นเพอย่างนักผจญภัยในราชอาณาจักรนะขอรับ”
Leblanc พูดราวกับว่าเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเธอ
“แต่ มันจะจบลงในวันนี้แหละขอรับ ถึงเวลาที่พวกเธอจะต้องกลับไปยังที่ๆพวกเธอควรจะอยู่แล้วล่ะขอรับ ตอนนี้ก็กลับบ้านกันได้แล้วขอรับ”
“…เราเป็นลูกของนักผจญภัยและก็โตในเมืองของนักผจญภัย ฉันไม่รู้อะไรกับจักรวรรดิทั้งนั้น”
ฝาแฝดหันกลับไปแล้วก็วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ทันทีที่ Leblanc เห็นแบบนั้น เขาก็หายใจออกแล้วก็ตบมือเรียกสองครั้ง
“กระผมไม่อยากจะทำรุนแรงนักหรอก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว… จับตัวเจ้าหญิงมาซะ!”
ผู้ชายทั้งห้าคนโผล่ออกมาจากถนนใหญ่และก็ขวาง Sophie กับ Tio ไม่ให้หนีไปไหน ทำให้เด็กสาวสองคนต้องมาติดแหงกจนไม่มีทางไหนที่จะไปได้เลย แล้วพวกนั้นก็จับเท้ายกขึ้นมาอย่างง่ายๆ
“ห-หยุดนะ! ปล่อยฉันไป!”
“อ๊า…!”
พวกเธอเหวี่ยงทั้งหมัดทั้งเตะด้วยแรงที่พวกเธอมี แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กอายุแค่นี้จะไปทำอะไรกับพวกผู้ชายได้
“ไม่ต้องห่วง สุดท้ายแล้ว พวกเธอจะได้ซาบซึ้งในบุญคุณที่กระผมได้อุตส่าห์มารับพวกเธอไป เพราะพวกท่านบอกว่า ครอบครัวจะต้องอยู่ด้วยกันนะขอรับ”
“หวา!? ไอ้เด็กเปรตนี่มันเป็นใครกันวะ!?”
ขณะนั้น Sophie กับ Tio ก็ได้ยินเสียงร้อง แล้วก็มีเสียงร้องของทั้งสองที่ถูกฟาดดังก้องไปทั่วทั้งซอย พวกเธอรู้สึกตัวตอนที่จะหล่นตกพื้น แต่ก่อนที่จะหล่นบนทางเท้า ก็ตกไปอยู่ในแขนของเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนกับจะเข้าสู่วุฒิภาวะ
“เอิ่ม พวกเธอเป็นลูกสาวของคุณ Shirley ใช่มั้ย? พวกนี้ดูเหมือนกับคนไม่ดี ฉันก็เพิ่งจะเข้ามา แต่นี่มันอะไรกันนิ?”
เด็กหนุ่มคนนั้น… เป็นนักผจญภัยชื่อ Kyle ที่ไม่มีความคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับ Leblanc คนที่บ่นสาปแช่งภายใต้ลมหายใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น