ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #25 : คำสาปย้อนกลับ - การประหาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.98K
      202
      11 ต.ค. 65

    ณ เมืองหลวงจักรพรรดิในปราสาทอันเป็นบ้านของราชวงศ์และเก้าอี้ของผู้มีอำนาจ เป็นที่ๆจักรพรรดิ Albert ได้พบกับชายที่ถือไม้เท้า หน้ากับมือก็ถูกปกปิดไปด้วยเสื้อคลุมที่เก่าทั่วๆไปแบบจอมเวท

    “แล้ว เตรียมการเวทมนตร์เสร็จแล้วหรือ?”

    “ครับ ไม่มีปัญหา ด้วยเวทมนตร์นี้ องค์หญิงน้อยจะต้องไปหาฝ่าบาทได้ทุกเมื่อเลยครับ”

    ชายที่ยืนอยู่ตรงกลางของสัญลักษณ์เวทมนตร์เป็นลูกจ้างของราชวงศ์… พูดอีกอย่างก็คือจอมเวทหลวงนั่นเอง

    คอยรับสั่งทำตามความต้องการของจักรพรรดิในขณะต้องผูกขาดอย่างลอยๆท่ามกลางความนับถือชนชั้นสูงแห่งราชสำนัก… พูดอีกอย่างก็คือเป็นเบ๊ที่ต้องมาทำงานสกปรกๆอยู่เบื้องหลังนั่นแหละ

    “ด้วยการทำแบบนี้ ก็ไม่ต้องให้ฝ่าบาทต้องออกเดินทางเองแล้ว ไม่ต้องพูดเลยว่ามันยากที่จะต้องเข้าไปให้ถึงราชอาณาจักรด้วยซ้ำ”

    “ใช่ อย่างนั้นแหละ พูดอีกอย่างก็คือ เวทมนตร์นี้จะส่งไปยังตัวเป้าหมายที่ระบุเอาไว้ ถูกมั้ย?”



    “แน่นอน”

    ถึงแม้ว่าเขาจะคิดหนักในที่จะบอกถึงสายเลือดที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวก็ตาม จอมเวทหลวงก็รู้ว่าต้องพูดอะไรสักอย่างที่นึกภาพสีหน้าของจักรพรรดิที่เดือดดาล แล้วเขาก็ขบลิ้นและพยักหน้ายืนยัน

    จักรวรรดิกับราชอาณาจักรต่างก็ได้ลงสนธิสัญญาในสมัยของจักรพรรดิคนก่อน แต่เมื่อ Albert ได้ขึ้นครองราชย์และระบบเผด็จการก็เริ่มทำให้เปลี่ยนไป การประชุมภาคพื้นทวีปที่จะจัดขึ้นในทุกๆสี่ปีที่ทุกๆประเทศนอกจากดินแดนปีศาจ Albert ได้ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นหลายอย่างตั้งแต่ความสนใจแรกเริ่มที่จะเป็นจักรพรรดิและทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสองประเทศนี้

    “เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเราแล้ว พวกนั้นมันก็แค่สถานที่กระจอกๆเองแหละ”

    คำพูดนี้พูดถึงราชอาณาจักรเจ้าภาพของการประชุมนี้

    ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กะจะให้ใครได้ยินสิ่งที่เขาแอบพึมพำออกมา คำพูดของเขาก็ไม่อาจรอดพ้นหูของ ‘ราชาสิงโตดำ’ ไปได้

    การประชุมจบลงอย่างไม่พอใจหลังจากนั้นไม่นาน ด้วยความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศที่ร้าวฉานขึ้นมาทันที จึงทำให้เต็มไปด้วยการป้องกันและภาษีนำเข้าที่สูงมาก

    อย่างที่ว่ามา เวทตรวจจับที่ปกคลุมทั้งประเทศได้นั้นยังไม่ได้พัฒนาบนทวีปนี้และก็ยังไม่มีกำลังคนในแต่ละประเทศที่จะทุ่มเทค้นหาคนที่ลักลอบหลบหนีเข้าประเทศได้ ดังนั้นจึงยากมากที่จะใช้กำลังควบคุมกฎหมายชายแดนนี้

    ที่จริงแล้ว มันก็ไม่ปกติสำหรับคนที่ลี้ภัยจากประเทศอื่นโดยง่ายๆแล้วก็กลายมาเป็นผู้อยู่อาศัยตรงนั้น

    “ฉันมีคนที่รอที่จะเอาลูกสาวฉันมาแล้ว หลังจากที่นายร่ายเวทไปแล้ว พวกนั้นต้องจะมายังจุดรับแน่นอน”

    “เมื่อฉันร่ายเวทมนตร์แล้ว จะไม่ใครคนใดนอกจากฉันที่แทรกแซงได้ ก็มีเรื่องเล่าถึงนักผจญภัยที่จัดการราชามังกร แต่เรื่องพวกนั้นมันก็มาจากพวกนักผจญภัยพื้นๆเองแหละ… ไม่มีอะไรนอกจากไร้สาระ ท่านจะตัดร่างใหญ่แบบนั้นกับเวทขั้นสูงด้วยดาบยังไง?”

    “จริงอย่างยิ่ง ยังไงก็เหอะ นายรับหน้าที่เอาสองรัชทายาทนั่นกลับมายังจักรวรรดิซะ ฉันเชื่อว่าจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นะ?”

    ขณะที่จักรพรรดิก้มมองลงที่ตัวเขา จอมเวทหลวงก็ลูบจมูกแล้วบอกว่า แน่นอน ไม่มีทางใดๆทั้งนั้น หลังจากนั้นจะมีตัวซื่อบื้อหน้าไหนที่จะเอาอาวุธดึกดำบรรพ์แบบนั้นหวังจะทำอะไรกับความรู้อันลึกลับของเขายังไงกัน?

    จอมเวทหลวงที่ชอบดูแคลนไม่ใช่แค่นักผจญภัยแต่รวมไปถึงทหารใกล้ด้วยเหตุผลแบบนั้น เขาได้หัวเราะกับตัวเองขณะที่เขานึกถึงรางวัลที่เจ้าชายตามที่ได้สัญญากับเขาไว้

    เมื่อแม่คนนั้นพยายามที่จะเอาลูกกลับไป เขาก็จะจับตัวเธอด้วยเวทแล้วก็ทำให้เป็นของเขาไปซะ

    ตามที่รู้มา ผู้หญิงคนนั้นดูเกือบจะอยู่ในคนละโลกแล้ว ด้วยความงามอันไร้ที่ติที่จะทำให้หัวใจนั้นเต้นรัวไปเลย

    “ฉันจะเริ่มละนะ ――――《ควบคุม・เสริมผนวก》”

    สัญลักษณ์ได้ตัวเขาส่องแสงขึ้นมาขณะที่กำลังร่าย มือปีศาจปรากฏออกมาอย่างลึกลับเหนือสถานที่อันสงบสุขของครอบครัวนั้น



    ในเมืองชายแดน ณ ลานฝึกของกิลด์นักผจญภัยท้องที่กำลังยุ่งอีกครั้งในวันนี้

    ปกติ เสียงที่จะได้ยินเป็นเสียงแหกปากและเสียงร้องไห้จากศึกจำลอง แต่วันนี้ได้ยินเสียงเชียร์ดังขึ้นมาติดๆ

    แม้แต่นักผจญภัยที่ฝึกด้วยคันธนูกับสลิงก็หันมามองยังลานฝึกที่อยู่ตรงนั้นเลย ใจกลางของลานฝึกนั้นล้อมรอบไปด้วยฝูงนักผจญภัย อัศวินเวทมนตร์หนุ่มผมน้ำตาลที่มีกระบองกับโล่เผชิญหน้ากับนักดาบหญิงผมขาวที่ควงดาบไม้อยู่

    “เอาล่ะ ถ้าทำได้ก็เข้ามา”

    “ค-ครับ!”

    ไอ้หนุ่มไม่อาจหยุดเหงื่อที่ไหลได้ขณะที่ Shirley ยังยืนได้อย่างใจเย็นต่อหน้าเขา――――Kyle กวัดแกว่งสิ่งของที่เขาซื้อมาด้วยรางวัลจากสงครามมังกร ค่อยๆเข้าไปยัง Shirley โดยยกโล่ขึ้นมา

    ที่จริงแล้ว Kyle ไม่ได้มีทักษะที่จะตัดสินคู่แข่งที่จะเปิดช่องตัวเองได้จริงๆหรอก ยิ่งกว่านั้น ช่วงที่เขาเข้ามาโจมตีนั้นก็ชัดเจนมาก เขาจึงรับการสวนกลับไปแบบเต็มๆ

    ถึงแม้จะเป็นการฝึกและเขาก็เหมือนจะให้พุ่งเข้าไปโจมตีก่อน แต่ในฐานะเด็กหนุ่มแล้วเขายังกังวลที่อายตัวเองต่อหน้าหลายๆคนอยู่

    (ก็น้า ฉันรู้ว่าฉันไม่อยากที่จะดูโง่ๆหรอก แต่ฉันคิดว่าเธอเองก็เหมือนกัน)

    เขาไม่ได้มองตาไปยัง Shirley แต่เขาก็รู้ว่า Sophie กับ Tio นั้นต่างก็มองดูการฝึกด้วย

    ถึงแม้ว่าลูกสาวเธอจะโด่งดังใน
    บ้านพักที่พวกเธออาศัยอยู่ก็ตาม พวกเธอก็เริ่มที่จะรู้สึกกับพวกของกิลด์หลังจากงานฉลองชัยและกู้เกียรติอีกนิดหน่อย

    (แต่… ฉันยังจะเข้าไปหาเธอล่ะนะ――――!)

    ความตื่นเต้นของเหล่านักผจญภัยที่กำลังดูการต่อสู้จำลองนี้ เขาลดระยะระหว่างตัวเขากับ Shirley จนกระทั่งเธออยู่ในระยะ แล้วก็ใช้น้ำหนักยกกล้ามเนื้อเท้าขวา

    “ย้ากกกกกกกกกกกกกกกก!!”

    เขากระโดดและก็เหวี่ยงกระบองลงมาที่เธอด้วยมือขวา แม้จะเป็นแค่จำลองการต่อสู้ เขาก็ใส่เข้าไปเต็มแรงและซัดเข้าด้วยเต็มเหนี่ยว… แต่ ก็เหมือนกับสายน้ำที่เบี่ยงกระแสด้วยก้อนหิน เขาฟาด Shirley พลาดไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร

    “ห-หา!?”

    เขายังเหวี่ยงกระบองอยู่ แต่ก้าวเบาๆของ Shirley ก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนพยายามตัดใบไม้ที่ปลิวในสายลม

    “………..”

    “อุหวา!?”

    หลังจากที่เธอทำให้กระบองหลุดออกจากมือด้วยดาบไม้ของเธอแล้ว Kyle จึงได้ตั้งรับการสวนกลับของเธอด้วยโล่

    ร่างกาย Shirley พอที่จะบอกได้ว่าเคลื่อนไหวในความเร็วที่มิมนุษย์ธรรมดาอาจคิดได้ ถึงแม้ว่า Kyle น่าจะอยู่ได้มาสักพักแล้ว… เธอก็ค่อยๆเพิ่มจังหวะอย่างช้าๆ

    “หวา… อ้าก อาา….! ห-หวาา!”

    ถึงแม้การฟันของเธอจะนุ่มนวล ดาบที่ฟันต่อหน้าสายตาของ Kyle ก็ยังเร็วจนดูเหมือนจะกลายเป็นสองอันเลยล่ะ

    ทีนี้เขาต้องอาศัยสัญชาตญาณดิบในการต่อสู้แทนทักษะหรือแท็กติก ชัดเจนว่าเขานั้นเริ่มที่จะเปี่ยมล้น… แต่ในช่วงที่ตื่นเต้นนั้น เขาก็สังเกตอะไรบางอย่าง

    (นั่นคือ… ช่องว่างหรือ?)

    ในช่วงเวลาสั้นๆระหว่างการจู่โจมของเธอ ด้านข้างของเธอนั้นอ่อน จะมีโอกาสเป็นไปได้มั้ยถ้าเขาฟาดกระบองเข้าตรงนั้น?

    พอคิดถึงแบบนั้นได้ Kyle ก็เกร็งกล้ามเนื้อ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากลับลังเล การลังเลกะทันหันเป็นเครื่องพิสูจน์และด้วยฮึดใจ Shirley ก็ตวัดใส่ขา Kyle ที่อยู่ข้างล่างเขา

    “อุหวา!?”

    “จริงๆเลย นายนี่มัน…”

    She เธอเอาดาบไม้ไปจ่อที่คอของนักผจญภัยมือใหม่ที่อยู่บนพื้น “โอออออ…!” เสียงเชียร์สั้นๆที่มาจากนักผจญภัยที่กำลังดูอยู่

    “ถึงแม้ว่าฉันอุตส่าห์เปิดช่องให้นายแบบนี้แล้ว ทำไมนายถึงยังลังเลอย่างนั้นอยู่ล่ะ?”

    “นั่น… นั่นเพราะว่า เอ่อ… เดี๋ยวนะ นี่คุณจงใจทำแบบนั้นหรือ!?”

    ในการดวลกันระหว่างคน จะมีแท็กติกอยู่หลายอย่างที่สร้างขึ้นมาและใช้จัดการกับการโจมตีของคู่แข่ง

    ดูเหมือนว่า Kyle นั้นจะตามกับดัก Shirley ไม่ได้เพราะความลังเลของตัวเขาเอง แต่สำหรับการฝึกต่อสู้นี้ ถือว่ายังล้มเหลวอยู่

    “ถึงแม้ว่าบางครั้งนักผจญภัยจะสู้กับมนุษย์ก็ตาม ศัตรูส่วนใหญ่ที่จะเจอนั้นมักจะเป็นมอนสเตอร์ เนื่องจากมอนสเตอร์นั้นมีความแตกต่างจากเราอย่างมาก การใช้ทักษะการดวลไม่ใช่ทุกอย่าง นายต้องจดจ่อกับการอ่านการเคลื่อนไหวของศัตรูและทำการฟันเมื่อพวกมันเปิดช่องว่างอย่างนั้น”

    ระหว่างคนแล้ว เพียงแค่ฟันเฉี่ยวๆสามารถนำพาสู่ความตายได้… แต่ถึงแม้จะฟันผ่ากลางหน้าอกของมอนสเตอร์ไป บางครั้งหัวใจก็อาจจะอยู่ที่อื่นได้ มอนสเตอร์ไม่ได้แค่ไม่ปกติในความแข็งแกร่งด้านกายภาพเท่านั้น

    ในอุดมคติก็คือฆ่าเพียงแค่ดาบเดียว ถ้าการต่อสู้กันเริ่มยืดเยื้อออกไปศัตรูก็จะเริ่มได้เปรียบมากขึ้นและก็มากขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ควรมองข้ามโอกาสในการโจมตีใดๆทั้งนั้น

    “ฉันสงสัยมาตั้งแต่การโจมตีแรกของนายแล้ว แต่นายก็มัวแต่ลังเลที่จะโจมตีคนอื่นถึงแม้จะเป็นแค่จำลองการต่อสู้เองหรือ? ถ้านายยังทำแบบนั้นในสนามรบอยู่ล่ะก็ นายนั่นแหละที่จะตายก่อนเป็นคนแรกเลยนะ Kyle”

    “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น… นั่นมันก็… เอ่อ…”

    “?”

    ผมไม่อยากทำร้ายเธอ… เป็นความรู้สึกที่ซึมซับเข้าในอก

    เป็นไปได้ว่านั่นคือสิ่งที่เขาคิดไว้ในระหว่างการต่อสู้ บางทีเขาน่าจะอดกลั้นเอาไว้

    แน่นอน เขาไม่ได้มีพื้นที่จะบอกว่าเย็นดีขณะที่นอนแผ่หลาเต็มแผ่นหลัง ถ้าหากบอกสิ่งที่แตกต่างในความสามารถแล้ว เธอน่าจะเป็นคนที่พูดแบบนั้น

    ขณะที่ Kyle กำลังฝันกลางวันถึงสิ่งที่จะพูดออกมาจริงๆแบบนั้น… Shirley ก็เอียงหัวเธออย่างสับสน

    “ยังไงก็ตาม… การประลองคือการอ่านคู่แข่ง ถ้านายเจอพวกโจรหรือนักเวทนอกรีตแล้วยังทำตัวแบบนั้น นายจะไม่มีทางเอาชนะพวกมันได้ต่อให้นายพยายามอีกเป็นนับพันครั้งก็ตาม …Asterios ฝั่งคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

    “อืม… มันก็ยังมีอีกหลายๆอย่างที่น่าเป็นห่วงอยู่นะ”

    แผ่นป้ายสีเงินของแรงค์ A ที่แขวนที่คอของนักผจญภัยมิโนทอร์อย่าง Asterios วางขวานรบบนบ่า มองดูนักผจญภัยหนุ่มสาวอีกสองที่ยังพะงาบๆอย่างหมดแรงต่อหน้าเขา

    “เทพธิดาอวยพรเราด้วยแสงสว่างกับวันที่สวยงาม แต่ดูเหมือนจะฝากอนาคตให้กับเด็กสองคนนี่ในความมืดนะ”

    ราวกับจะสวดภาวนาถึงอนาคตอันสดใสต่อเด็กเหล่านี้ Asterios ประสานมืออ้อนวอน ถ้าหากไม่ใช่เสื้อคลุมที่เขาสวมล่ะก็ สิ่งที่จะบอกตัวตนของเขาว่าเป็นบาทหลวงได้ก็คือระฆังที่แขวนไว้ที่คอ ที่สลักด้วยสัญลักษณ์ของเทพธิดา

    “น-นี่มันเป็นไปไม่ได้…! แล้วนักธนูอย่างฉันจะทำอะไรได้ถ้าหากลูกธนูหมดแล้ว…!?”

    “นี่มันส่วนของการฝึกหรือเปล่าเนี่ย…? เราจะต้องหยุดเขาก่อนที่จะร่ายออกมานะ”

    “นี่เป็นการประยุกต์ของการฝึก ถ้าพวกเขาต้องร่ายเพื่อใช้เวทง่ายๆแบบนั้นแล้ว พวกเธอก็ต้องเข้าไปขัดขวางพวกนั้นซะ”

    ผู้ที่ประจันหน้ากับนักผจญภัยระดับเทพคือกึ่งเอล์ฟที่มีความสูงไม่ต่างจากฮอบบิท ด้วยผมสีน้ำตาลแดงกับดวงตาสีทองอ่อน เธอเป็นนักธนูเวทที่ชื่อว่า Leia

    ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นก็เป็นหนุ่มที่มีผมและดวงตาสีดำ ซึ่งหายากในโลกนี้ สวมเกราะที่มีกระเป๋าเข็มขัดและควงมีดสั้น เป็นนักสอดแนมที่ชื่อว่า Cudd

    “ยังไงก็เถอะ…! ถ้านายไม่ออกไปสู้กับเขาล่ะก็ ฉันก็ทำอะไรจากแนวหลังไม่ได้หรอกนะ รู้มั้ย…!”

    “หนวกหูน่า…! ฉันไม่ได้ถูกใช้มาเพื่ออยู่แนวหน้าสักหน่อย อย่ามาถามอะไรบ้าๆนะ…!”

    “โอ ดูท่าพวกเจ้าจะยังมีแรงเถียงกันได้อยู่สินะเนี่ย? งั้นก็มาฝึกกันต่อ”

    “เราจะเริ่มอีกครั้ง ตอนนี้ก็เชิญก้าวออกมาได้”

    “ค-ครับ!”

    ขณะที่ Leia กับ Cudd กลับมาฝึกต่อถึงแม้จะยังอ้าปากพะงาบทั้งคู่ก็ตาม Kyle กับ Shirley ก็เริ่มตั้งท่าอีกครั้ง

    นับตั้งแต่สงครามมังกร Shirley ก็ได้มีโอกาสมากขึ้นในการฝึกฝนกับนักผจญภัยปาร์ตี้หน้าใหม่  เธอยังได้จัดการกับมังกรโบราณ และไม่นานมานี้ Shirley ก็ได้รับเชิญให้เข้ามายังลานฝึกประลองอยู่บ่อยๆ

    เธอเริ่มที่จะสนใจในขอมาเป็นผู้ฝึกสำหรับสถานที่ฝึกที่จะเปิดที่นี่ในปีหน้า Shirley เป็นห่วงว่ามันอาจจะกินเวลาที่จะเอาไปกับลูกสาวมากเกินไป

    “มาจบตรงนี้ในวันนี้กัน”

    “ถ้าเธอเจ็บเกินกว่าจะลุกออกจากเตียงในวันพรุ่งนี้ได้ อย่าฝืนตัวเองออกไปผจญภัยนะ”

    Shirley กับ Asterios ที่ไม่เสียเหงื่อเลยในระหว่างฝึกซ้อม หันไปยังนักผจญภัยมือใหม่ทั้งสามที่นอนแผ่กลางพื้น ทั้งๆที่ป้ายสีทองแดงยังแขวนอยู่ที่คอด้วยเสียงร้องครวญครางที่เขาทำให้ Kyle อาจจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นซอมบี้อีกครั้ง

    “อ๊ะ หม่าม้า!”

    “เสร็จแล้วหรือ?”

    “จ้า เมื่อกี้นี้ หวังว่าไม่เบื่อเกินไปนะ?”

    หลังจากที่เสร็จธุระกับกิลด์แล้ว Shirley ก็ลูบหัวของ Sophie กับ Tio ที่วิ่งมาหาเธออย่างอ่อนโยน

    “อืม สนุกมากเลยล่ะ”

    “อย่างนั้นหรือ?”

    “งั้น เราก็กลับบ้านกันเลย! วันนี้เราจะทำสตูวนะ ใช่มั้ย?”

    “ลูกไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ แม่ยังต้องซื้อเครื่องปรุ-”

    ในเวลานั้นเอง มีแต่ Shirley เท่านั้นที่มองเห็นหมอกดำที่ลดระดับลงมาในสถานที่สงบสุข

    มันไม่สนใจนักผจญภัยคนอื่นและค่อยๆขยับเข้าไปกลืน Sophie กับ Tio ในความมืด――――

    “…ชิ”

    เธอฟันลงไปทันทีแล้วก็กระจายหายไปราวกับก้อนเมฆ

    เธอตวัดดาบที่เรียกออกมาโดยใช้จินตนาแปรธาตุ ดาบอสูรสีขาวได้ตัดผ่าเข้ากลางแก่นเวทแล้วดาบก็หายไปทันที ไม่มีใครที่ตาดีพอที่จะมองเห็นสายฟ้าแลบตัดผ่านไปอย่างรวดเร็วถึงสามครั้งได้

    “หม่าม้า? มีอะไรหรือคะ?”

    “…เปล่า ไม่มีอะไร”

    Shirley ช่วยไม่ได้นอกจากแสดงบนสีหน้าของเธอ

    หมอกดำเมื่อกี้นี้เป็นเวทมนตร์ที่ Shirley มองเห็นได้คนเดียว เพราะความสามารถของเธอก็คือมองเห็นได้ ‘ทุกอย่าง’

    เธอไม่รู้ว่าเป็นเวทหรือคำสาปแบบไหน สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นก็คือมันได้เล็งไปยังที่ Sophie กับ Tio แน่นอน

    (ใครบังอาจทำ…!?)

    Shirley รู้สึกถึงความเกลียดชังที่ระงับไปตั้งนานได้ปะทุขึ้นมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ลูกสาวของเธอได้เกิดมา

    ‘ดาบอสูรสีขาว’ ถึงเวลาของเธอที่จะได้รับรู้ถึงลางสังหรณ์ที่แท้จริงนั่นแล้ว



    ขณะเดียวกัน ในปราสาท เลือดได้กระเด็นไปยังกำแพงของห้องจอมเวทหลวง

    “อั้ก….. อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!?!?!”

    “ฮ-เฮ้ย!? อะไรกันวะ!?”

    ร่างกายของจอมเวทหลวงถูกผ่ากลางครึ่งส่วนและเลือดก็พุ่งเหมือนน้ำพุขณะที่มันล้มลงไปตาย ในขณะที่ Albert ล้มลงกับพื้นแล้วก็ถอยกรูดออกไปโดยลากท้ายบนพื้น

    “นี่มัน… ล้มเหลวสินะ…? อ้าก ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”

    Albert ถึงกับด่าสบถผู้ตาย ถึงจะเรียกว่าล้มเหลวก็ถูกต้องตามความรู้สึก มันก็เกิดขึ้นจากความผิดพลาดอยู่แล้ว

    ตั้งแต่ยุคโบราณ เมื่อคำสาปถูกระบุโดยผู้ใช้เวทมนตร์มันก็น่าจะลบล้างกันได้ แต่ความน่ากลัวที่แท้จริงในเรื่องก็คือคำสาปเหล่านี้สามารถย้อนกลับมาหาผู้ร่ายได้เช่นเดียวกัน

    บางครั้งก็ทำให้เกิดผลแย่พอๆกับเสียสติ แต่เมื่อเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งพิเศษเฉพาะมันก็จะสามารถลดเป้าหมายย้อนกลับยังถึงตัวได้

    อย่างไรก็ตาม สำหรับคำสาปย้อนกลับที่ฟันฉับแบบนั้น… ไม่เคยได้ยินมาก่อน

    “ขอพูดเลยล่ะกัน เสียเวลามากมายโดยเปล่าประโยชน์แท้ๆ คราวหน้า ฉันจะจ้างนักเวทที่มีพลังแกร่งกว่านี้”

    ไม่ได้รู้ถึงความผิดปกติเลย Albert ยังคงเตรียมการในครั้งต่อไปอยู่

    เขาไม่ได้รู้อะไรเลย รอยเฉือนที่ฟันใส่จอมเวทหลวงผ่าครึ่งนั้นมาจากนักดาบหญิงที่เล่นดาบอยู่นอกเหนือกฎของธรรมชาติ

    เขาได้ดูถูกเธอ สำหรับเขาแล้วสิ่งที่เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมังกรทั้งหมดนั้น มันก็แค่เรื่องเล่าที่โม้เกินจริงเท่านั้นเอง

    และเขาก็โง่เขลาเกินกว่าแม้แต่จะรู้ถึงความจริงในตอนนี้

    ――อ๊า ผู้นำของประเทศ ทำไมถึงได้ไปแหย่หมีเข้าล่ะ?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×