ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #18 : วันเยี่ยมโรงเรียนของผู้ปกครองและแม่มดทอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.36K
      214
      6 ต.ค. 65

    Shirley พบอยู่เรื่องหนึ่งขณะที่เธอกำลังช่วยลูกสาวเขียนรายงานของพวกเค้าหลังจากที่กลับจากวันที่ทำธุระเสร็จ

    “Sophie คำนั้นสะกดผิดแล้วนะ”

    “เอ๋? อ๊ะ จริงด้วย”

    “Tio เธอเขียนประโยคนั้นผิดนะ ประโยคนั้นบอกว่า ‘แม่ไปที่ร้านตีดาบและใช้ดาบ’ อ่านดูแล้วก็กลับไปเขียนใหม่ด้วย”

    “…ก็มันยากนี่นา การเขียนนี่น่ารำคาญชะมัด”

    มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจภาษาที่เปลี่ยนแปลงในยุคของนวัตกรรม มันไม่ใช่เพียงแค่ไวยากรณ์ จึงเป็นธรรมดาที่เด็กที่จะไปโรงเรียนต้องพยายามอย่างหนักในการเรียนอ่านและเขียนตามทั่วไป

    “ทำได้ล่ะ!”

    ถึงแม้จะใช้พจนานุกรมและเรียนหลักไวยากรณ์จากแม่ของเธอ Sophie ก็เขียนรายงานหนึ่งหน้าเสร็จแล้ว

    “…อืม ทำได้ดีมาก แบบนี้อาจารย์ต้องให้คะแนนดีๆแน่ แต่เท่าที่แม่เห็นก็ไม่มีอะไรที่สะกดผิดหรือไวยากรณ์ผิดนะ”

    “เย้!”

    “อืม… เสร็จแล้วล่ะ”

    หลังจากที่รายงานของ Sophie ทบทวนเสร็จ Tio สุดท้ายก็ยื่นด้วยตัวเธอเอง

    “…ตรงนั้นก็ไม่มีอะไรผิดมากนัก แต่ทำไมลูกถึงเขียนว่านักผจญภัยหน้าใหม่เป็นซอมบี้ในตรงท้ายด้วยล่ะ?”

    “…? ตรงไหนหรือ?”

    Tio ถึงกับสับสน เธอนึกย้อนไปยัง Kyle กับคนอื่นๆเดินกลับบ้านลากเท้าอย่างกับซอมบี้หลังจากที่เสร็จสิ้นจากการฝึก ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าเธอไม่น่าจะทำผิดพลาดเลย

    “โดยส่วนตัวแล้วแม่คิดว่ามันก็ตลกดีนะ แต่อาจทำให้เข้าใจผิดโดยที่ไม่อาจบอกว่าเป็นเรื่องขบขันได้นะ ฉะนั้นก็แก้ให้ถูกต้องนะ”

    “อูวว…”

    ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สุขใจสักเท่าไร แต่เรื่องศาสตร์ความตายนั้นเป็นเรื่องต้องห้ามโดยกฎหมายอย่างเคร่งครัด ดังนั้น Tio จึงต้องยอม

    …จะว่าไป ประโยคแปลกๆที่ตลกอย่างนี้ก็เอามาใช้เป็นการเขียนของนักเรียนทุกครั้งเลยนี่นา และครูก็กลับไปโรงเรียนบ่อยเพื่อหยุดพักจากการรายงานคะแนนเพราะพวกเขาหัวเราะหนักเกินไป

    “ทั้งคูทำงานได้ดีมากเลยไม่ใช่หรือ? เนื่องจากยังบ่ายสามอยู่ Martha จะแบ่งคุ้กกี้กับฉันด้วย ดังนั้นก็ช่วยกันเอาเองนะ”

    “ว้าว! ขอบคุณค่ะ!”

    เด็กสาวชอบของหวานอยู่แล้ว Sophie ถึงกับพอใจและก็แบ่งคุ้กกี้ที่อยู่ในถุงกระดาษกับ Tio

    ช่างเป็นช่วงเวลาอันแสนสุขในครอบครัวจริงๆ Shirley มองดูลูกสาวที่กำลังสำราญกับของหวาน และสงสัยว่าเธอควรจะอบให้ตัวพวกเธอมั้ย ขณะที่ Sophie หยิบเอาบางอย่างออกจากกระเป๋านักเรียน

    “จริงสิ หม่าม้า หนูลืมเอาอันนี้ให้แม่เลย… เอ้านี่”

    “?”

    Sophie ยื่นกระดาษให้เธอ ขณะที่เธอค่อยๆคลี่มันออกมา บรรทัดแรกอ่านว่า ‘ครบรอบวันเยี่ยมโรงเรียนของผู้ปกครอง’ ด้วยตัวอักษรหนา

    “ในอีกห้าวันนี้ จะมีเทศกาลที่ผู้ปกครองสามารถมาเยี่ยมดูระหว่างคาบเรียนได้ อาจารย์อยากให้ผู้ปกครองมาลงชื่อล่วงหน้าด้วย”

    รายละเอียดด้านหลังในส่วนของกระดาษตรงรอยประนั้นมีช่องให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองเขียนชื่อและที่อยู่

    “วันเยี่ยมโรงเรียน… หนึ่งครั้งทุกๆสามปี… งั้นนี่ก็เป็นเทศกาลเหมือนอย่างในโรงเรียนของราชอาณาจักรสินะ?”

    ไม่มีเทศกาลใดๆอย่างนี้ที่จักรวรรดิ และถึงจะมี พ่อแม่ของ Shirley ซึ่งเกลียดเธอก็ไม่น่าจะมาเยี่ยมหรอก

    สำหรับ Shirley นอกจากเธอจะมีเหตุผลจริงๆเท่านั้น โรงเรียนไม่ใช่สถานที่ๆเธอคอยแอบสังเกตการณ์ได้ไม่ว่าเธอจะอยากแค่ไหนก็ตาม

    เด็กมักจะถูกคนอื่นรังแกด้วยเหตุผลจิ๊บจ้อยที่สุด ถ้าเธอพยายามจะแอบเข้าโรงเรียนเพื่อสอดส่องดูลูกสาวล่ะก็ มันอาจจะทำให้เกิดข่าวลือไม่ดีแพร่กระจายไปทั่ว

    ข่าวนี้ถือว่าน่ายินดีอย่างยิ่ง มันถือว่าราวกับในที่สุดเธอก็ได้รับอนุญาตให้มองดูลูกสาวที่โรงเรียนได้ บางอย่างที่เธอต้องฝืนหยุดตัวเองจากการทำมาสามปี

    “แต่แม่ไม่ค่อยชอบพวกเด็กชายในชั้นเรียนเลยนี่นา ถ้าเกิดพวกเขาพูดอะไรที่น่าอายออกมาล่ะ?”

    “ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะทำนะ แต่ต่อให้ทุกอย่างเป็นเหมือนอย่างปกติล่ะก็ มันก็คงยากที่จดจ่อได้โดยที่หม่าม้าอยู่ตรงนั้นด้วย”

    “งั้น จะไปด้วยหรือ แม่?”

    “แน่นอน แม่จะไปนะ”

    เธอโยนกระดาษขึ้นกลางอากาศจนกระพือไปสักพักก่อนที่จะถูกตัดด้วยมีดสั้นที่ปรากฏอยู่ในมือทันที

    ตรงส่วนของคำอนุญาตที่ถูกตัดจากกระดาษอย่างสวยงาม Shirley ได้เขียนชื่อและที่อยู่ของ
    เรือนทาโอเร่ด้วยลายมือที่สวยงาม

    (เนื่องจากได้ตัดสินใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวแล้วล่ะ)

    เธอได้เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับผู้ปกครองมา โดยต้องมีความสมดุลที่ไม่ธรรมดาเกินไปและไม่หวือหวาเกินไป ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังต้องมีเครื่องฉายภาพเวทมนตร์ติดมือที่สามารถจับภาพลูกสาวในชั้นเรียนโดยที่ไม่ทำแสงวาบด้วย

    นักผจญภัยคงจะไม่เชื่อในสายตาพวกเขาแน่ถ้าพวกเขาเห็นอสูรดาบสีขาวมีความสุขแค่ไหนที่ได้วางแผนเพื่อเทศกาลในอีกห้าวันนับจากนี้ ราวกับสวรรค์ส่งโอกาสให้ได้มองลูกสาวเธอได้โดยที่ไม่ทำให้พวกเขาลำบากใจ Shirley ก็ถึงกับตื่นเต้นแล้ว

    แต่ ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ไม่มีใครในเมืองชายแดนนั้นรู้เลย

    มีรอยกรีดเป็นแถบด้วยเขี้ยวและเล็บ มาเป็นกองทัพกำลังบินต้านลมอยู่

    คนธรรมดาอาจจะถึงกับหวาดกลัวขวัญผวาแน่ถ้าพวกเขาได้ยินเสียงร้องคำรามสั่นสะท้านโลกของมอนสเตอร์พวกนี้

    มันไม่น่าจะเกินจริงด้วยซ้ำที่จะเรียกว่าวิกฤตการณ์ในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักร การรุกรานขนานใหญ่โดยการนำของเทพมังกร

    วันที่แสนสงบสุขที่ผู้คนน่าจะอยู่อย่างสงบตลอดไปนั้นกำลังจะถูกเหยียบย่ำ

    Shirley ได้รับข่าวร้ายในวันหลังจากที่เธอรู้เรื่องวันเยี่ยมโรงเรียน

    กระดาษแผ่นเดียวที่ยื่นมาให้เธอโดย Yumina เขียนด้วยหมึกปากกาขนห่านเป็นของหรูทั้งคู่

    “สองทุ่มนี้ ให้มาที่ลานฝึกกิลด์ด้วย”

    ใต้ข้อความสั้นๆนั้นมีอาวุธไขว้กันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกิลด์นักผจญภัยกับเครื่องหมายที่เป็นรูปผู้หญิงหน้าตาแจ่มใส

    Shirley รู้จักคนที่ใช้เครื่องหมายอันหลังนี้ดี เธอขลุกขลิกอยู่กับความคิดที่จะไม่สนใจข้อความนี้ แต่เนื่องจากอาจจะเพิ่มปัญหายิ่งกว่าเดิม เธอจึงต้องมาที่กิลด์ในคืนนั้นอย่างไม่เต็มใจ

    “Shirley ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยน้า~?”

    เสียงดังก้องทะลุผ่านลานฝึกที่เงียบสงัดมาจากที่ไกลอย่างเร่งรีบและคึกคักเป็นเสียงสำเนียงเก่าที่รู้สึกเหมือนกับเด็กจอมเจ้าเล่ห์



    จากภาพที่บิดเบี้ยวในช่องว่าง เธอก็โผล่ออกมาท่ามกลางเวทมนตร์ทอง สาวงามที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะแก่กว่าสิบ

    ผมสีบลอนด์ยาวไปจนถึงเท้าปลิวไหสเหมือนกับขนทองในสายลม และใบหน้าที่ขาวซีดจนดูเหมือนกับไม่เคยเห็นแสงตะวัน และดวงตาก็มีสีแดงระยิบ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยงามเทียบเท่ากับลูกสาวของ Shirley ก็ตาม สายตาที่จับจ้องของคนที่อยู่ต่อหน้าเธอที่มีเขาดำบนหัวทั้งสองข้างอย่างโดดเด่นราวกับเป็นปีศาจ

    “ถึงจะพูดแบบนั้น ครั้งสุดท้ายที่ได้พบกันก็ไม่มีอะไรนอกจากเมื่อสามเดือนก่อน… ที่จริง เมื่อโตขึ้นก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าวงล้อแห่งเวลาจะหมุนช้าไปกว่าเดิมด้วย งึม~?”

    ฮิๆ… ผู้หญิงหัวเราะและทำตาเขี้ยวตรงข้ามกับรูปร่างของเธอที่ดูไม่เป็นพิษภัย ไม่เหมือนกับ Shirley ที่ดูสวยงามบริสุทธิ์ที่อ่อนวัยมีเส่นห์ที่น่าดึงดูดจนบรรยายได้หลากหลาย

    “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นไล่จับนะ เธออยากจะเอาอะไรจากฉันล่ะ Canary?”

    อย่าได้เข้าใจผิดถึงรูปร่างภายนอกที่ดูอ่อนกว่าวัยเข้านะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่พูดถึงตำนานของโลกนี้มานานกว่าพันปีแล้ว

    กึ่งอมตะของเผ่าพันธุ์ปีศาจทำให้มีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน เป็นผู้ที่คอยอธิบายในฐานะแม่ของกิลด์และก็เป็นหัวหน้าคนปัจจุบันด้วย

    เป็นนักลงทุนอัจฉริยะและเป็นแชมป์ธุรกิจโลกที่ถือหุ้นไปกว่า 30% ของเมืองหลวงทั่วโลก เป็นสัญลักษณ์ของความวุ่นวายตลอดอายุ เป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่รู้จักกันใน ‘แม่มดทอง’

    “ก็อย่างตลอดแหละ ยังคงไม่อาจพูดคุยได้อย่างสนุกสนานสินะ หืมม? งั้นสิน้า พอฉันบอกเจ้าไปว่าทำไมฉันถึงเรียกเธอมา เธอมีอยู่แค่ไม่กี่ตัวเลือกนอกจากต้องทำนะ”

    เธอดูน่ารำคาญชะมัด Shirley เริ่มกับตัวเองว่าจะมีข่าวอะไรมา แต่แล้วเธอก็ถึงกับตกใจเมื่อเธอได้ยินสิ่งถัดมานี้

    “แล้วก็… ดูเหมือนว่าวันเยี่ยมโรงเรียนที่เธอมองหานั้นจะถูกยกเลิกแล้วล่ะ หืม~?”

    “…”

    ความคิดเธอถึงกับแข็งทื่อไปเลย

    เธอรู้จักกับ Canary มากว่าสิบปี ต่อให้เธอพยายามจะซ่อนอะไรจากคนอื่น คนๆนี้ก็รู้ว่า Shirley นั้นหลงใหลมากแค่ไหน

    ความจริงที่ Canary บอกเธอถึงเรื่องการยกเลิกนั้น… แปลก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เธอได้ส่งไปไว้บนกระดานของผู้อำนวยการที่โรงเรียนไปแล้วแค่นั้นแหละ

    ปัญหาจริงๆก็คือ… วันเยี่ยมโรงเรียนนั้น โอกาสที่ Shirley จะได้ไปดูลูกสาวที่เรียนอยู่ทุกวันโดยที่ไม่ต้องแอบบุกโรงเรียนนั้นได้ถูกยกเลิกไปเสียแล้ว

    “…ขอโทษทีนะ ไม่เห็นจะเข้าใจสักเท่าไหร? อย่างน้อยก็บอกได้มั้ยว่าทำไม?”

    หลังจากที่เงียบมาได้พักใหญ่ อสูรดาบสีขาวก็พายามจะเปล่งคำพูดออกมาในขณะที่เธอเอามือปิดหน้า

    “เจ้าไม่ได้ยินเรื่องที่พวกมังกรที่นำกำลังของฝูงมอนสเตอร์ฉลาดเลยหรือ?”

    “ได้ยินแล้ว”

    “ความจริงแล้ว ทั้งหมดที่มีนั้นเป็นแค่หน่วยสอดแนมของราชามังกรนะ ฉันพบเรื่องที่สำคัญนะ นอกจากราชามังกรแห่งทิศประจิมแล้ว ราชาแห่งอาคเนย์และก็พายัพก็โจมตีที่เมืองหลวงโดยการนำกำลังของพวกมันเองเลย เอาตรงๆเลยนะ มันเป็นภัยพิบัติที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรนี้เลยนะ”

    ราชามังกรเป็นแรงค์ที่สูงเป็นลำดับที่สองของเผ่าพันธ์และมาจากทั้งแปดทิศทางต่างกันทั้งโลก โดยแปดราชามังกรอันเกรียงไกรที่ต่างก็ยึดอาณาเขตของตัวเอง

    Siegfried แห่งอุดร

    Fafnir แห่งอีสาน

    Susanoo แห่งบูรพา

    Vritra แห่งอาคเนย์

    Georgios แห่งทักษิณ

    Aži Dahāka แห่งหรดี

    Beowulf แห่งประจิม

    Níðhöggr แห่งพายัพ

    โดยรวมรู้จักในแปดราชามังกร ชื่อมังกรแต่ละตัวต่างก็มีความแข็งแกร่งที่เกินกว่าพวกสุริยคราสของเหล่ามังกรโบราณที่อยู่ระดับต่ำกว่าพวกมันเสียอีก และก็ยังมีความสามารถอันเป็นเลิศที่จะทำให้ลูกน้องของเหล่ามังกรผู้ทรนงเหล่านั้นอยู่ใต้พวกมันได้

    นี่เป็นความเลวร้ายสุดขั้วเลย สัตว์ประหลาดอย่างมังกรที่สามารถพิชิตทำลายกองทัพได้ทั้งหน่วย ความแข็งแกร่งของมนุษย์ทั้งการร่วมมือกันและความเฉลียวฉลาดที่พวกเขาได้ใช้ในการคัดสรรค์ทั้งสัตว์ป่าและมอนสเตอร์มาปกป้องวิธีชีวิตของพวกเขา ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์นั่นจะเริ่มยกระดับขึ้น และแม้แต่สัตว์ป่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องร่วมจู่โจมด้วยกัน

    นี่เป็นภัยคุกคามที่สามารถทำให้สังคมมนุษย์ตกอยู่ในกลียุคได้

    “พวกมันได้เล็งใครที่อยู่ใต้เมืองหลวงนี้อย่างแน่นอน ก็ Aion ไง ตามปกติพวกมันจะยอมจำนนต่อเทพมังกร แต่เนื่องจากตัว Aion นั้นอยู่สบายเกินไป พรรคพวกอีกสามตัวโหดๆก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะเล่นอีกแล้ว… แน่นอนว่า พวกมันน่าจะรวมหัวกันโจมตีเขานะ หืม~?”

    “…ตอบโต้หรือ?”

    “ตามปกติแล้ว เราจะให้นักผจญภัยแรงค์ A คอยเคลื่อนไหว และสมทบเข้าราชอาณาจักรจากประเทศเพื่อนบ้านด้วยนะ อย่างไรก็ตาม…”

    เสียง Canary หยุดไปขณะที่ก้มมองลงพื้น

    “ระดับสูงของราชอาณาจักรตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับจนกว่าจะจวนตัว เนื่องจากกองทัพต่างก็มาจากสามทิศทาง ความสับสนใดๆน่าจะคอยขัดขวางการป้องกันได้ เนาะ?”

    Shirley เข้าใจเหตุผล

    ถ้าภัยพิบัติที่ทำลายล้างเป็นวงกว้างกว่าก่อนนั้นเกิดขึ้นทันที พวกพ่อค้าเกลือที่จะบรรจุและก็ขนย้ายในวันเดียวกัน

    นั่นหมายถึงชีวิต มันยากที่จะโทษว่าพวกเขาไปอยู่ในเส้นทางของพวกราชามังกรที่พยายามจะหลบหนีด้วย แต่ถ้าผู้ขายอาหารและสินค้าอพยพกันหมด ราชอาณาจักรก็จะตกอยู่ในความวุ่นวายได้

    ในแสงของอนาธิปไตยเพียงลำพังที่สร้างความเสียหายแก่ราชอาณาจักรได้มากแค่ไหน โดยตัดสินจากพลังที่ดูน่าจะมีเหตุผล ถึงแม้ว่ามันน่าจะพอพิสูจน์ในการตัดสินที่ไม่ค่อยนิยมเมื่อเข้าสู่สาธารณะ พวกมันก็น่าจะอยู่เหมือนกันนั่นแหละ

    “ก็นะ ถ้าตัวฉันกับนักผจญภัยร่วมมือกันล่ะก็ ผู้คนในราชอาณาจักรก็น่าจะไม่เป็นอันตราย ฉันจะใช้เวทมิติที่แม้แต่ราชามังกรก็ไม่สามารถผ่านได้นะ”

    ความลับของเวทมนตร์ที่เคลื่อนย้ายพื้นที่ไปยังอีกมิติตหนึ่ง และคอยป้องกันพวกเขาจากการถูกแทรกแซงทางกายภาพใดๆจากมิติปกติ

    แน่นอนว่าเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบ แต่นั่นมันก็แปลก ถ้าเธอมั่นใจในเทคนิคนี้ แล้วทำไมเธอถึงได้ไปติดต่อกับ Shirley เป็นการส่วนตัวให้ยุ่งยากด้วยล่ะ?

    “น่า ต่อให้ฉันบอกราชอาณาจักรไป… ฉันก็ไม่ได้มีเวลาที่จะปกป้องเมืองและหมู่บ้านที่กระจายไปทั่วทั้งประเทศได้หรอกนะ ถ้าเราคาดการณ์ความเร็วของการบุกรุกได้ถูกต้องแล้วนักผจญภัยก็จะต้องมาต้านพวกมันไม่ให้จัดการได้ทันที หลังจากนั้นสามวันฉันก็จะเรียกผู้อพยพมาจัดตั้งเป็นนักผจญภัยแรงค์ B เพื่อพาผู้คนเข้ามาอยู่ในรัศมีการรปกป้องของฉันเอง”

    “นี่เธอบอกว่า…หลังจากนั้นแค่สามวันหรือ…!?”

    การเยี่ยมห้องเรียนในอีกสี่วัน เธอจะไม่ทำให้มันเลวร้ายเกินเหตุโดยการรุกรานของมังกรนี้หรือ?

    “ยิ่งกว่านั้น เราก็มีคนที่จะต่อกรกับมังกรได้เพียงพอด้วย นครศักดิ์สิทธิ์จากตอนเหนือและนครการค้าจากชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการปกป้องแล้ว แต่เมืองชายแดนนี้อยู่ในเส้นทางของราชามังกรแห่งตะวันตก… มันจึงเป็นที่ตัดสินว่าจะทำการอพยพแทน”

    ส่วนที่ยังนิ่งสงบที่อยู่ในความคิดเธอรู้ว่านั้นไม่ใช่จุดที่จะต้องโกรธ แต่ความสงบนั้นก็ถูกทำลายกระจุยโดยเจตนาฆ่าอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับไฟที่ไม่อาจควบคุมได้หรือพายุหิมะที่โหมกระหน่ำที่สุด

    “Beowulf แห่งประจิม… อย่างงั้นหรือ… อีกสองตัวนั่นตัดสินใจไปหลังจากปลาใหญ่ แต่ไอ้จิ้งจกนี่จงใจจะขัดขวางวันเยี่ยมโรงเรียนของฉันโดยเฉพาะเลยนี่…”

    “ก็น้า บางอย่างก็บอกฉันว่าเขาไม่น่าจะมายุ่งวันเยี่ยมโรงเรียนเลยนะ รู้มั้ย”

    “ถ้านั่นคือผลลัพธ์ มันก็เหมือนกับฉันนั่นแหละ”

    มองดูสีหน้าเธอแล้วน่าจะกลายเป็นนักรบที่โหดสุดๆไปเลย การพาลูกสาวเธอหนีไปนั้นไม่ใช่ตัวเลือกเลย Shirley รู้ดีว่าจะต้องถูกบังคับจากบ้านให้ไปอยู่ในที่โหดร้ายยังไง และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากจะให้ลูกของเธอได้รับประสบการณ์แบบนั้นสักเท่าไร

    “ดังนั้น เนื่องจากมือของเธอจริงๆแล้วก็ยุ่งอยู่กับการจัดการกับพวกตะวันตกอยู่แล้ว ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องลำบากในการทำเพื่อฉันได้มั้ยล่ะ หืม~?”

    “ได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่ตัวเดียวเลย”

    สำหรับผู้หญิงที่ต้องมาเผชิญหน้ากับราชามังกรกับกองทัพแล้ว… Canary รู้ว่านั่นเป็นเทคนิคที่น่าจะกวาดล้างพวกมันได้อย่างหมดจด

    แต่ Shirley ไม่ได้คำถึงพลังของราชามังกรของทั้งหมด ราชามังกรเพียงตัวเดียวน่าจะใช้เวลาหนึ่งวันในการจัดการกับมัน… ถ้าหากมันเอากองทัพมาด้วย ก็น่าจะใช้เวลาถึงสามวัน

    ต่อให้เธอออกไปลุยตอนนี้เลย มันก็ไม่เหมือนว่าเธอจะกลับมาเยี่ยมห้องเรียนได้ทัน อา มันเกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย… ทำไมราชามังกรถึงต้องมาโจมตีในเวลาสำคัญด้วยเนี่ย?

    “…ฉันจะฆ่ามัน”

    ความตั้งใจสังหารบริสุทธิ์เล็ดออกมาจากปากเธอแล้ว เธอไม่พอใจจนกว่า ‘ราชามังกรแห่งประจิม’ ต้องถูกฟันขาดให้กลายเป็นเศษเนื้อที่แหลกกระจุยที่สุด

    “ถ้าฉันทำให้การเตรียมการที่จะทำให้ไปเข้าร่วมในวันเยี่ยมโรงเรียนนั้นเป็นไปได้ เจ้าน่าจะชอบนะ?”

    ในเวลานั้น ก็มีเสียงกระซิบของปีศาจแอบเข้าไปในหูของ Shirley

    “ถ้าพยายามให้มาก มันก็น่าจะเป็นไปได้ที่เจ้าจะจัดการกับราชามังกรและทั้งฝูงได้ในวันเดียว และก็เข้าร่วมชั้นเรียนได้โดยปราศจากความล้มเหลวด้วย มันไม่ยอดเยี่ยมเลยหรือ?”

    “…และฉันจะต้องจ่ายด้วยอะไรกัน? นี่เธอวางแผนอะไรกัน?”

    ขณะที่ Canary มองเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะมีเจตนาดี Shirley ก็ต้องรู้ว่าจริงๆแล้วเธอเล็งอะไร

    ในตอนแรก หลักคำสอนของยัยแม่มดนั้นวุ่นวาย เธอนั้นไม่สนใจในสวัสดิการของผู้คนเลย

    ต่อให้ไปช่วยเหลือราชอาณาจักรก็ไม่น่าจะเป็นการลงขันที่แปลก… Shirley ช่วยไม่ได้นอกจากสั่นไปตามความรู้สึกที่เธอได้วางแผนอะไรบางอย่างแน่ๆ

    “อะไรที่ฉันมองย้อนกลับไปก็แค่เรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ไม่สามารถพาตัวเธอไปปราบมังกรได้ จึงได้แค่ยืนอยู่ในเหตุผลที่จะวางใจคนที่ทำได้นะ”

    “ฉันจะบอกเธอตอนนี้ล่ะกัน ฉันไม่มีอะไรที่จะใช้คืนได้ เธอก็รู้ใช่มั้ย?”

    Shirley รู้ว่า Canary นั่นไม่ได้โกหกถึงสิ่งที่จะทำให้มันเกิดขึ้นเลย

    ส่วนของ ‘ทอง’ ของชื่อเล่นของ Canary นั้นไม่ใช่แค่สีผมเธอ มันมาจากการเงินที่แกร่งและพลังการเชื่อมต่อจากแกนนั้นด้วย

    ถ้าเธอจะทำ ต่อให้ต้องเสี่ยงตาย เธอก็น่าจะเอามาแม้กระทั่งพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของปกติที่สู้กันในสนามรบ

    Canary ดูดซับพลังในทุกๆความรู้สึกของคำพูด ทั้งหมดที่เธอทำคือให้คำพูดกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง

    “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ฉันปกป้องเมืองนี้ไม่ได้ นอกจากนี้ฉันมีอย่างหนึ่งที่ฉันจะขอร้องจากเธอ ฉันหวังว่าเธอจะให้ฉันสักหนึ่งคืนนะ… ก็แค่นั้นแหละ”

    “…”

    น่าสงสัย นี่มันน่าสงสัยเกินไปแล้ว ถึงอย่างนั้น ถ้าคนที่ไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ให้มากกว่านี้ พวกเขาก็คงจะคิดว่าสีหน้าของเธอนั้นยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ

    แต่ ถ้าหากอย่างหนึ่งนั้นคือความจริงของการค้าขายก็คือความไว้วางใจในคำพูดพวกเขาคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด และก็เหมือนกับความจริงของ Canary นั่นแหละ

    และ สิ่งที่ยืนอยู่นั้น ก็ไม่มีทางที่เธอจะได้เข้าร่วมในวันเยี่ยมห้องเรียนแน่ ถึงอย่างนั้นเธอก็ช่วยไม่ได้นอกจากรู้สึกหงุดหงิดถึงเรื่องในคืนนี้ เธอน่าจะยอม Canary แล้วล่ะ

    ตัวเลือกระหว่างตัวเธอกับการได้เห็นการเติบโตของลูกสาว เธอต้องตัดสินใจภายใน 10 วินาที

    “ฉันยอมรับ…ข้อเสนอของเธอ…”

    เธอตอบรับถึงแม้เธอจะเลือดกระอัก แต่ถ้าเธอสามารถมีส่วนร่วมในเทศกาลกับลูกสาวเธอได้ เธอก็น่าจะไม่มีอะไรที่เสียใจ

    ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ยัยแม่มดทองสุดโฉดได้ทำสีหน้ายิ้มอย่างร้ายกาจสุดๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×