ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #13 : เช้าหลังจากนั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.72K
      185
      30 ธ.ค. 63

    ตะวันรุ่งขึ้น แสงแดดที่ดูเหมือนจะส่องไปยังภูเขาที่มีเหมือง Jewelsaad ตั้งอยู่

    คมแหลมที่ปักพื้นรอบๆมังกรล้อเกวียนด้วยตะปูอาคมที่ทางโบสถ์ร่ายเอาไว้ Asterios สั่นกระดิ่งที่แขวนอยู่บนคอ

    เสียงสั่นดังขึ้นมา นี่คือเวทของเขาที่ให้เขาโน้มกฎธรรมชาติได้

    ตะปูสิบห้าตัวบนพื้นถูกเชื่อมติดกันด้วยแสงและเริ่มสร้างพื้นผิวขึ้นมา นั่นก็คือเป็นการสร้างบาเรียนั่นเอง

    “ด้วยสิ่งนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่มังกรจะถูกโจมตีหรือหนีขณะที่เราอยู่ในเหมืองนี้”

    ในการสั่งการรักษาปรากฏการณ์เวทมนตร์นี้ พลังงานจะต้องถูกใช้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง

    ถ้าผู้ใช้เวทมนตร์ปล่อยทิ้งเอาไว้แล้วพลังงานเวทก็จะหายไป เวทมนตร์ก็จะหายไปเป็นแบบกายภาพแล้วก็ปลิวไปกับสายลม

    เพื่อเป็นการป้องกัน จำนวนของเครื่องมือเวทมนตร์จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นมา รวมทั้งตะปูอาคมพวกนี้ด้วย

    “จากนี้ไป เราจะเริ่มปราบมอนสเตอร์ที่อยู่ในเหมือง Jewelsaad ฉันอยากให้ทุกคนตรวจสอบสิ่งของกับอาวุธด้วย เราจะเริ่มไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทุกคนพร้อม”

    ทุกคนพยักหน้า แล้ว Asterios, Kyle กับนักผจญภัยแรงค์ E คนอื่นๆก็เริ่มตรวจสอบของที่พวกเขามีอย่างละเอียด ในขณะเดียวกันทางด้าน Shirley นั้นก็เอากระเป๋าออกมาดูสักพักแล้วก็หันกลับมาสนใจทางเข้าเหมือง

    “คุณ Shirley คุณไม่ตรวจสอบอาวุธสักหน่อยหรือ?”

    “นายพูดแบบนั้นไป แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีอาวุธเลยหรือ?”

    เพื่อให้ Cudd กับ Leia ที่มองดูเธอด้วยความสงสัยพอใจ Shirley จึงได้ขยายอาวุธให้มาอยู่ในมือที่ไม่ถืออะไรสักพักก่อนที่จะมีดาบโค้งออกมา

    “พวกนายก็ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันเตรียมเอาไว้แล้ว”

    “โห ดูไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย นี่มันเวทช่องว่างหรือ?”

    Asterios ที่ยืนอยู่ข้างๆนักผจญภัยหนุ่มสาวสองคนมองดูของที่หาดูได้ยาก

    “ข้าเคยได้ยินว่ามีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะฝึกเวทมนตร์แบบนั้นได้ในโลก Shirley เองก็เป็นหนึ่งในนั้นหรือ?”

    “ไม่นี่ นี่เป็นแค่การประยุกต์ใช้งานของอุปกรณ์เวทมนตร์ที่แม่มดให้ฉันมานะ มันช่วยได้มากเนื่องจากดาบนั้นสามารถหลุดออกจากตัวได้อย่างรวดเร็วถ้าหากมันเปื้อนด้วยเลือดนะ”

    “ประยุกต์ใช้งาน… ข้ามีคำถามบางอย่าง แต่บางทีข้าก็สงสัยว่าเจ้าจะให้คำตอบข้านะ”

    “จริง ‘มีเพียงคนอวดดีเท่านั้นที่จะยื่นสิ่งนั้นไปแลกกับพวกเขา’ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ”

    คำคมติดปากของเหล่านักผจญภัย Asterios จึงตัดสินใจไม่ฝืนเธอไปมากกว่านี้

    “แต่ ที่จริง การยืมพลังจากแม่มดนั้น เจ้าจะต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อด้วยนะ”

    “เฮ้ ฉันเองก็สงสัยมาสักพักนึงแล้ว แต่ ‘แม่มด’ นั่นเธอคงไม่ได้หมายถึงกิลด์มาสเตอร์ใช่มั้ย?”

    Leia ถามอย่างระแวง

    “ถูกเผงเลยล่ะ ถึงแม้จะมีนักผจญภัยหญิงจำนวนมากที่ใช้เวทมนตร์ได้ก็ตาม เธอก็เป็นคนเดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่า ‘แม่มด’ นะ”

    “หืมมม… มิน่าล่ะ ถึงได้น่าแปลกแน่ที่ใช้อาวุธแบบนั้น”

    “ฉันเองก็พูดเหมือนกับเธอด้วยนั่นแหละ”

    เทียบกับ Cudd ที่มีเพียงมีดสั้นกับ Kyle ที่มีกระบองที่ติดตะปูเหล็ก Leia ก็ได้เอาของดีที่แสนภูมิใจในคันธนูหน้าไม้ของเธอ

    “ถึงเธอจะไม่ใช่สายเลือดแท้ ฉันก็นึกว่าเอล์ฟจะต้องพกแต่คันธนูมาเสียอีก – มันแปลกนะที่จะเห็นคนใช้เครื่องมือของคนแคระด้วย เผ่านั้นดูท่าจะขัดแย้งกันเลยนี่นา”

    “ก็นะ ตั้งแต่ฉันโตมาในราชอาณาจักร ฉันก็ไม่ได้เจอกับพวกคนแคระอื่นแล้ว แต่ Dimros นั้นใจดีกับฉันจริงๆนะ”

    “Leia เธอเองก็เป็นลูกค้าของร้าน Dimros ด้วยหรือ?”

    “ใช่ เขาทำตัวดีกับฉันมาตลอดตั้งแต่มาที่เมืองเป็นครั้งแรก… เดี๋ยวนะ Shirley เธอเองก็ไปที่ร้านเขาด้วยหรือ!?”

    สองคนนั้นได้พบบางอย่างที่ธรรมดาอย่างคาดไม่ถึง

    “มีช่างตีเหล็กในเมืองนี้ตั้งเยอะแยะ แต่เขาก็เป็นคนที่มีทักษะมากที่สุดล่ะ”

    “เห็นด้วย! ฉันเองก็มีคันธนูนะ รู้มั้ย แต่ฉันชอบใช้หน้าไม้มากกว่าน่ะ”

    “เพราะแขนเธอมันเล็กเกินไปที่จะดึงธนูได้ต่างหากล่ะ”

    Leia เตะเข้าแข้ง Cudd โดยไม่พูดอะไร ถึงแม้ว่าธนูธรรมดาจะสามารถยิงได้ในระยะไกลกว่าธนูหน้าไม้ก็ตาม แต่ด้วยร่างกายของเธอเหมือนอย่างกับเด็ก เธอจึงเหมือนกับว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมีความแข็งแกร่งที่จะต้องทำแบบนั้นเลย

    “อีกอย่างหนึ่งนะ Shirley ถ้าเป็นไปได้ ก่อนที่จะเข้าไปในเหมือง ฉัยหวังว่าเธอน่าจะเอาศพของไอ้แบดโบโนโบออกมาด้วย”

    “ก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่ทำไมล่ะ?”

    “ก็นะ ฉันอยากจะเอามันมาวางล่อให้พวกมันออกมาด้วย 《Hate Area》 นะ”

    เวทมนตร์ที่ใช้ในการวางแผนจัดการกับศัตรูกลุ่มใหญ่เช่นนี้ 《Hate Area》ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ต้องใช้ร่างของศัตรูตัวหนึ่งที่ตายไปแล้วมาทำการล่อไว้

    แต่เวทมนตร์ชนิดนี้ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องจากทางโบสถ์และการนำไปใช้ถือเป็นเรื่องต้องห้าม แม้แต่พระที่รับใช้โบสถ์ก็ยังไม่เคยเห็นการเอาไปใช้เลย

    “…จะมีโอกาสที่มีคนเรียกเธอว่าเป็นพระทรยศมั้ยเนี่ย?”

    “พูดอะไรของนายล่ะ? ใช่ วิธีนี้มันผิดจรรยาบรรณ แต่ฉันเกือบจะเอาไปใช้กับสิ่งที่เห็นเห็นพรรคพวกถูกฆ่าไปแล้วเพราะฉันตัดสินว่าจะไม่ใช้มนนะ”

    “ฉันเห็นด้วยกับเธอเลย”

    ในขณะที่ทำพิธีกรรมเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นศรัทธา ปล่อยให้ผู้ตายบนผลประโยชน์ของเขาอาจจะกลายเป็นความผิดฝังลึกยิ่งกว่าสายตาของเทพเสียอีก

    ไม่ใช่ทุกศึกที่สามารถชนะได้ใสสะอาด ต่อให้เป็นบาทหลวงในระดับสูงโบสถ์ก็อาจจะกระทำการที่ผิดได้ พระจึงต้องเป็นผู้ที่อดทนต่อความยากลำบากเพื่อส่วนรวม

    “เอาล่ะ ถ้าฉันทำตรงนี้ ฉันจะเอาคนสอดแนมมากับฉันด้วย อาจจะดีต่อมือใหม่ที่กำลังฝึกอยู่ขณะที่เราอยู่ตรงนั้นไปด้วย”

    “เอ๋? ฉันหรือ?”

    Cudd ที่กำลังยุ่งกับการทะเบาะด้วยฟันและเล็บกับ Leia ต่างก็มันมามองทันที

    “ก่อนที่ฉันจะไป ฉันขอถามหนึ่งคำถาม พวกเธอสามารถใช้เวทมนตร์ที่เรียกว่า《Silence》ได้มั้ย? ฉันรู้ว่ามันมีประโยชน์มากสำหรับการสอดแนมนะ”

    “อา ทำได้สิ”

    “งั้นก็ไม่มีปัญหา ตามฉันมา”

    Shirley หันกลับเข้ากลุ่มแล้วก็มุ่งหน้าเข้าสู่เหมือง หลังจากที่มอง Asterios อย่างระแวงและรับเอาสีหน้าสุขุมจากหน้าตาที่เหมือนกับวัว เขาก็ตามหลังผู้หญิงผมขาวไป

    พวกเขาเข้าไปในด้านภูเขาด้านขรุขระที่ปกคลุมไปด้วยตะใคร่น้ำ ด้วยเสียงแว่วจากภายในเหมืองที่มีลมพัดผ่านอยู่

    มันเป็นเสียงร้องของพวกลิงที่ยั้วเยี้ยไปทั้งเหมือง และน่าจะมีมังกรมาอยู่เบื้องหลังพอที่จะทำให้ขนลุกได้

    “สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือฆ่าลิงสักตัวแล้วเอามันกลับมา แต่ถ้าเราทำให้พวกมันตื่นตกใจก่อนที่จะทำการโจมตีอย่างแท้จริง เราจะตกที่นั่งลำบากได้ เราต้องเก็บศพโดยไม่ใครพรรคพวกตัวใดรู้ แต่พวกนายรู้มั้ยว่าเราจะทำกันยังไง?

    “เอ๋?”

    ไม่มีใครรู้เลยหรือ? ขณะที่ Cudd จ้องเธอด้วยความสับสนนั้น Shirley ก็พูดต่อไป

    “จินตนาการว่ามันคืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของนักผจญภัย นายจะต้องนึกภาพเอาไว้ให้ได้ว่าศัตรูนั้นทำอะไรได้บ้าง และจะต้องทำอะไรในการตอบโต้ ถ้าหยุดคิดล่ะก็ มีสิทธิ์ตายได้นะ”

    “จ-จริงด้วย”

    “ฉันจะทำตามคำแนะนำ เธอจะต้องทำให้ใช้ทักษะและของสามารถใช้ได้ด้วยนะ”

    อันที่จริง Shirley ก็แค่สอนโดยทำให้คนอื่นคิดเพื่อตัวเอง แม้ว่าเขาอยากจะแย้ง แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะบอกได้เลยว่าเธอพูดผิด

    (มันก็แค่… ศัตรูนั่นไม่เคยจับกลุ่มกันน้อยกว่าสามเองแหละน่า…)

    เขารู้ดีอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่เห็นสถานการณ์ภายในเหมืองเลย ตอนนี้เขาจึงได้เตรียมที่จะสอดแนมก่อน

    “《ความเงียบ・เริ่มต้น》”

    เขตแดนเวทมนตร์ล่องหนล้อมรอบตัวเขาขณะที่เขาร่ายเวทเบาๆใต้ลมหายใจ เวทมนตร์สอดแนม《Silent Field》ก็ปิดผนึกเสียงที่อยู่ภายในเขตแดนเวทมนตร์นี้

    ด้วยพลังเวทของ Cudd ในตอนนี้ เขาสามารถขยายได้เพียง 25 เมตรจากตัวเท่านั้น แต่ก็เพียงพอสำหรับปาร์ตี้

    แต่ตอนนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำให้มันใหญ่ ขอแค่ทำให้มันใหญ่พอที่จะครอบคลุมตัวเขากับ Shirley ก็พอ พวกเขาเริ่มเข้าไปสำรวจถ้ำ

    (ตรงนั้นไง!)

    มันก็ไม่ได้สำรวจมากนักเพื่อหามอนสเตอร์ที่ไล่ตามไป มองจากหลังพวกมันก็เหมือนกับลิงธรรมดา แต่ก็เป็นโบโนโบสีตัวที่มีขนโหนกดำและมีสามเขางอกออกมาจากหัวและก็มีเขี้ยวแหลมคมด้วย

    (เอาล่ะ พวกมันไม่หันมามองเราแล้ว… ใจเย็นๆ… เดี๋ยว ตัวนั้นมัน… ทำไมถึงมีไม้คฑาด้วยล่ะ?)

    ตัวนั้นแตกต่างจากลิงสามตัวที่ถือสลิง หนึ่งในพวกมันถือคฑา ดูเหมือนบางอย่างที่เขาได้บอกไว้ แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร

    Cudd ทำหน้างอขณะที่พยายามนึกให้ออก ขณะเดียวกัน Shirley ก็เอามีดสั้นนั้นปรากฏในมือเธอแล้วก็เฉือนก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆ

    ขณะที่ซ่อนตัวด้วยช่องว่างแห่งความเงียบ เธอก็ฟันเข้ากับก้อนหินได้ง่ายราวกับเธอแล่เนยแข็ง

    “สลิงเกอร์ยิงหินสาม นักเวทหนึ่ง”

    เธอคงจะอ่านสีหน้ากังวลของเขาออก แต่ต้องขอบคุณแบบนั้นเลย Cudd ถึงนึกออกเลยว่าไอ้กระบองคฑาที่พวกโบโนโบใช้นั้นมันใช้เวทมนตร์ได้

    (คำถามก็คือ เราจะเอามาหนึ่งตัวโดยไม่ทำให้ส่งเสียงออกมายังไง?)

    เขากะจะแอบย่องเข้าไปหามันแล้วก็เชือดมันด้วย《Silent Field

    แต่ปัญหาก็คือถ้าเขาล้มเหลวและก็ออกจากเขตแดนไป มันก็จะทำให้เกิดการสะดุ้งจนทำให้พรรคพวกรู้ตัว

    เนื่องจาก Cudd ยังการันตีไม่ได้ว่าเขาจะสามารถจัดการกับนักเวทในเขตแดนความเงียบได้ เขาเขียนคำถามให้ Shirley ลงในสมุดที่เขาพบมาด้วย

    “ถ้าฉันพยายามจะกำจัดนักเวทใน《
    Silent Field》แล้วจะเป็นไปได้สำหรับเธอมั้ยที่จะต้องจัดการกับศัตรูอีกสามตัวในเวลาเดียวกัน?”

    มันน่าจะยากโคตรสำหรับ Cudd ที่จะไปล้อมพวกลิงด้วยเขตแดนความเงียบโดยที่ไม่ให้รู้ตัว

    เนื่องจากเขาน่าจะรู้ว่าถ้าเขาเข้าไปใกล้พอที่จะล้อมพวกมันได้ เขาก็จะต้องไปเองเท่านั้น และเนื่องจากตัวที่อันตรายที่สุดก็คือนักเวท เขาก็จะตกเป็นเป้าของตัวนั้น

    ดังนั้นเขาจึงน่าจะปล่อยให้ตัวอื่นให้เธอ ถึงเขาจะผิดหวังกับความสามารถของเขาที่ยังไม่ดีพอ เขาก็ตัดสินใจให้นักผจญภัยมือเก่าคอยจัดการทำให้ภารกิจสำเร็จได้

    อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ว่าเขาเองก็ขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ด้วย มันเป็นคำร้องที่บ้าบอจริงๆเลย จะมีใครที่ไหนฆ่าลิงสามตัวได้เร็วพอที่จะไม่ทำให้เกิดเสียง-?

    “ไม่มีปัญหา มาเริ่มตามแผนนั่นเลย”

    Cudd ถึงกับประหลาดใจออกมาเมื่อเขาเห็นรอยฟันที่อยู่ในหิน ถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดว่ามันเป็นไปได้ก็ตาม Shirley อนุมัติให้เขาใช้เวลา 30 วินาทีในการขนาดขอบเขตของ《Silent Field

    “ฮา…”

    ในช่วงที่ลิงนักเวทถูกเขตแดนความเงียบจับตัวไว้ ก็มีดาบโค้งปรากฏที่มือของ Shirley แล้วเธอก็เริ่มขยับตัว

    การโจมตีฉับพลันใส่โบโนโบตรงจุดบอดของจอมเวท Cudd ไม่อาจมองการเคลื่อนไหวของเธอได้เลย ทำให้ดูเหมือนมีลมพัดผ่านสีขาวผ่านสายตาเท่านั้น

    ช่วงที่ผมขาวเบลอๆผ่านลิงตัวแรกไป มันก็มีเลือดพุ่งออกมาจากส่วนที่เหลือของคอ ส่วนอีกสองตัวที่อยู่นอกสายตาของนักเวทนั้นถึงกับเบิกตากว้างก่อนที่มันจะพยายามตะโกนร้องออกมา แต่คมดาบก็เข้าไปตัดทั้งสองอีกครั้งแล้วก็ทำให้มีเลือดพุ่งออกมาจากคอของทั้งสอง

    (ฉันคงไม่ต้องจัดการตรงนี้ให้หมดหรอก!?)

    ลิงนักเวทที่ยังไม่รู้ว่า Shirley เป็นคนฆ่าพรรคพวกของมันเพียงแค่ครึ่งวินาที

    ในความเป็นจริง ดูเหมือนราวกับ Shirley ตั้งใจเหลือให้เขาเอาไว้ ขณะที่ Cudd ลอบเข้ามา

    Cudd กระโดดออกจากด้านหลังของรอยแตกของหินและพุ่งเข้าไปหาลิงนักเวท เขารู้สึกว่าตกใจที่แผนอุกอาจนี้ได้ผล

    “…!! …!? …!!”

    มองเห็น Cudd พุ่งเข้าหามันแล้ว มันถึงกับตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือเลย แต่เสียงมันกลับไม่ออกมาในเขตแดนความเงียบ

    มันพยายามร่ายเวทเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ก็คงไม่ต้องบอกหรอกว่ามันล้มเหลว

    สำหรับผู้ใช้เวทมนตร์ที่สามารถใช้งานอุปกรณ์เวทมนตร์หรือในความคิด ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่สำหรับนักเวทที่ต้องอาศัยเสียงพูดล่ะก็ 《Silent Field》 คือศัตรูตัวฉกาจเลยล่ะ

    มันถึงกับสับสนในสถานการณ์ที่มันไม่อาจใช้เวทมนตร์ได้อย่างสิ้นเชิง โบโนโบพยายามที่จะหนี แต่ Cudd ก็จัดการจับมันที่หลังหัวแล้วก็ใช้มีดสั้นแทงเข้าที่คอ

    “ต่อให้นายทำช้าไปบ้าง… ฉันว่าการทำแบบนั้นก็ไม่ได้แย่ไปตลอดหรอก นายเองก็สอดแนมได้ดี ครั้งนี้ถือว่านายได้รับประสบการณ์เพิ่มนะ”

    เมื่อเขาหายใจออกและก็คลายเขตแดนความเงียบ เขาก็ได้ยิน Shirley พูดกับเขา

    ได้รับคำชมจากคนที่ทำให้แผนที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ แก้มของ Cudd ก็เริ่มแดงอายออกมา

    “แต่ ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ฉันมองข้ามไม่ได้ นายต้องหยุดใช้เสียงเพื่อให้เขตแดนความเงียบทำงาน นายต้องทำให้มันทำงานได้ภายใน 2 วินาทีโดยที่ไม่ให้พูดนะ นายต้องทำให้มันแม่นยำมากกว่านี้ด้วยการเคลื่อนไหวของนายด้วย”

    พอๆกับที่เขารับแครอทมา เขาก็โดนตีด้วยไม้เลย มันก็ถูกที่เขาใช้เวลานานเกินไปในการขยายเขตแดนเนื่องจากเขาไม่อาจร่ายคำพูดออกมาได้

    “เอาล่ะ จะว่าไป เราปล่อยให้ศพอื่นทิ้งไว้นานจนเน่าไม่ได้ เราต้องฝังพวกมันก่อนที่แบดโบโนโบตัวอื่นจะเจอแล้วทำให้ยุ่งยากกว่าเดิมนะ”

    “อ๊ะ งั้นฉันจะใช้เวทดินล่ะกัน”

    เหมือนกับดาบที่เตรียมเอาไว้ Shirley ดูเหมือนจะดึงเอาพลั่วออกมาจากกลางอากาศ เมื่อพวกเขาฝังพวกลิงอีกสามตัวโดยใช้พลั่วและเวทดินเสร็จแล้ว พวกเขาก็กลับไปยังที่ๆ Asterios และคนอื่นๆอยู่กับศพที่เหลือ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×