ลำดับตอนที่ #57
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : อดีตผู้กล้าไปทำคำร้องกับกิลด์วิศวกรรมพลเรือน
กิลด์นั้นก็เป็นเพียงสำนักงานรับจ้างงานสาธารณชนที่คอยดูแลเมืองอยู่ทุกวัน ผู้จ้างก็แค่ส่งคำร้องไปแล้วคนที่รับคำร้องนั้นจะช่วยทำให้สำเร็จเพื่อรับเงินรางวัล
ตอนที่ผมเป็นนักผจญภัย ผมก็ไปยังที่กิลด์นักผจญภัยแล้วก็ทำงานกับ Garzas เพื่อปราบมอนสเตอร์และเก็บสมุนไพร ผมไม่นึกว่าจะต้องกลายมาเป็นผู้จ้างวานเลย
นั่นแหละที่ผมถึงต้องมาที่กิลด์วิศวกรรมพลเรือนที่อยู่ในเมืองหลวงของ Schvia ด้วยเวทเคลื่อนย้ายจึงประสบความสำเร็จด้วยดี ต้องขอบคุณ Aina ที่จำสถานที่นั้นได้ ปกติจะต้องใช้เวลาอีกสองสามวันจึงจะไปถึงตรงนั้น ผมจึงปลื้มใจที่ยังมีเวทมนตร์แบบนั้นอยู่
“งั้นนี่คือกิลด์วิศวกรรมพลเรือนสินะ มันเล็กกว่ากิลด์นักผจญภัยนิดหน่อยเอง” Millet ที่มากับเราพึมพำออกมาขณะที่มองไปยังกิลด์วิศวกรรมพลเรือน Aina ก็พยักหน้า “แน่นอน เพราะว่ากิลด์นักผจญภัยเป็นที่นิยมกว่านะ” ด้วยแบบนั้น เราจึงได้เข้าไปข้างใน
จะว่าไป พวกเราที่เดินไปรอบๆเมืองก็ไม่ได้เป็นที่น่าสนใจมากนัก ในกรณีของ Levania นั้นก็แน่นอนจากผู้คนใน Schvia อยู่แล้วล่ะ แต่ชื่อผมและลักษณะผมก็ไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป พวกเขาจึงรู้เพียงแค่ราชวงศ์และคนในปาร์ตี้ที่มีความเกี่ยวข้องเท่านั้น
เหมือนจะเป็นวิจารณญาณของประเทศเลยนะ
ตอนนี้ ตรงนั้นมีบรรยากาศเฉพาะตัวตอนที่เราเข้าไปยังกิลด์ ไม่เพียงแต่สถานที่รับคำร้องเท่านั้น แต่รวมไปถึงสถานที่แลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย ทางที่ดีที่สุดในการติดต่อสื่อสารก็คือต้องเลี้ยงข้าว โดยเฉพาะเหล้า จึงจะสามารถลดระยะห่างจากสังคมลงได้
นั่นแหละที่ทำไมสถานที่นี้จึงมีบาร์อยู่ด้วย
ตอนนี้ ผมไปยังที่แผนกต้อนรับเพื่อสร้างคำร้อง ผมคุยกับเธอด้วยรอยยิ้ม “ผมอยากทำคำร้องครับ” เธอยื่มแบบฟอร์มให้ผมด้วยรอยยิ้มทางธุรกิจ “งั้น กรุณากรอกคำร้องตรงนี้แล้วก็ยื่นกลับมาให้ฉันด้วยค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของคำร้อง เราจะทำการทบทวนเนื้อหาและวินิจฉัยแรงค์เอาไว้ด้วยค่ะ” แล้วผมก็เดินไปยังโต๊ะตัวใกล้ๆที่เธอชี้ไป
ผมมองไปยัง Millet แล้วถาม “อย่างแรกก็คือซ่อมแซมบ้าน ใช่มั้ย?” เขาพยักหน้าด้วยท่าทางครุ่นคิด “ใช่แล้ว มาทำไปสักเดือนล่ะกัน”
ผมเขียนมันลงไปแล้วก็ถามเขา “แล้วเราจะกำหนดรางวัลยังไงล่ะ?” หลังจากที่คิดไปสักพัก Millet ก็ตอบมา “มาเริ่มตรงที่ 1 เหรียญทองกันก่อน แล้วเราจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนของงานนะ”
ผมเขียนเพิ่มลงไปขณะที่ปรึกษากับ Millet หลังจากที่เขียนเสร็จผมก็ยื่นกลับให้พนักงานตอบรับ “ผมกรอกแบบฟอร์มเสร็จแล้ว”
เธอรับแบบฟอร์มมาแล้วก็กวาดสายตาดูแผ่นกระดาษ “ค่ะ ทุกอย่างถูกกรอกหมดแล้ว….. กรุณารอสักครู่นะคะ” แล้วเธอก็เอาแผ่นกระดาษเก็บใส่แฟ้มขณะที่พึมพำออกมา เธอกลับมามองผมเมื่อดำเนินการเสร็จ “ระดับของคำร้องนี้คือ แรงค์ C และต้องใช้ 5 เหรียญเงินสำหรับคำร้องนี้ค่ะ”
ผมยื่นเงินให้เธอเป็นจำนวน 5 เหรียญเงิน
พอรับเงินปุ๊บ เธอก็เซ็นต์ลงในแฟ้มแล้วก็ยิ้มให้ผม “เอาล่ะ คำร้องนี้ถูกวางไว้แล้วค่ะ”
แล้วก็ถูกแปะเอาไว้ตรงบอร์ดคำร้องในทันที
ผมมองไปที่บอร์ดแล้วก็พูดกับ Millet “คงจะดีถ้าเราหาคนได้เร็วๆนี้นะ” Millet พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วล่ะ”
ผมยิ้มให้กับ Millet ขณะที่ผมหันเดินออกไปที่ประตู “ทำไมเราไม่ออกไปซื้อของอีกสักหน่อยล่ะ Cammy บอกผมให้ซื้อเมล็ดดอกไม้นะ” หลังจากที่ซื้อของแล้ว เราก็ออกจากเมืองหลวงไป
ตอนที่ผมเป็นนักผจญภัย ผมก็ไปยังที่กิลด์นักผจญภัยแล้วก็ทำงานกับ Garzas เพื่อปราบมอนสเตอร์และเก็บสมุนไพร ผมไม่นึกว่าจะต้องกลายมาเป็นผู้จ้างวานเลย
นั่นแหละที่ผมถึงต้องมาที่กิลด์วิศวกรรมพลเรือนที่อยู่ในเมืองหลวงของ Schvia ด้วยเวทเคลื่อนย้ายจึงประสบความสำเร็จด้วยดี ต้องขอบคุณ Aina ที่จำสถานที่นั้นได้ ปกติจะต้องใช้เวลาอีกสองสามวันจึงจะไปถึงตรงนั้น ผมจึงปลื้มใจที่ยังมีเวทมนตร์แบบนั้นอยู่
“งั้นนี่คือกิลด์วิศวกรรมพลเรือนสินะ มันเล็กกว่ากิลด์นักผจญภัยนิดหน่อยเอง” Millet ที่มากับเราพึมพำออกมาขณะที่มองไปยังกิลด์วิศวกรรมพลเรือน Aina ก็พยักหน้า “แน่นอน เพราะว่ากิลด์นักผจญภัยเป็นที่นิยมกว่านะ” ด้วยแบบนั้น เราจึงได้เข้าไปข้างใน
จะว่าไป พวกเราที่เดินไปรอบๆเมืองก็ไม่ได้เป็นที่น่าสนใจมากนัก ในกรณีของ Levania นั้นก็แน่นอนจากผู้คนใน Schvia อยู่แล้วล่ะ แต่ชื่อผมและลักษณะผมก็ไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป พวกเขาจึงรู้เพียงแค่ราชวงศ์และคนในปาร์ตี้ที่มีความเกี่ยวข้องเท่านั้น
เหมือนจะเป็นวิจารณญาณของประเทศเลยนะ
ตอนนี้ ตรงนั้นมีบรรยากาศเฉพาะตัวตอนที่เราเข้าไปยังกิลด์ ไม่เพียงแต่สถานที่รับคำร้องเท่านั้น แต่รวมไปถึงสถานที่แลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย ทางที่ดีที่สุดในการติดต่อสื่อสารก็คือต้องเลี้ยงข้าว โดยเฉพาะเหล้า จึงจะสามารถลดระยะห่างจากสังคมลงได้
นั่นแหละที่ทำไมสถานที่นี้จึงมีบาร์อยู่ด้วย
ตอนนี้ ผมไปยังที่แผนกต้อนรับเพื่อสร้างคำร้อง ผมคุยกับเธอด้วยรอยยิ้ม “ผมอยากทำคำร้องครับ” เธอยื่มแบบฟอร์มให้ผมด้วยรอยยิ้มทางธุรกิจ “งั้น กรุณากรอกคำร้องตรงนี้แล้วก็ยื่นกลับมาให้ฉันด้วยค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของคำร้อง เราจะทำการทบทวนเนื้อหาและวินิจฉัยแรงค์เอาไว้ด้วยค่ะ” แล้วผมก็เดินไปยังโต๊ะตัวใกล้ๆที่เธอชี้ไป
ผมมองไปยัง Millet แล้วถาม “อย่างแรกก็คือซ่อมแซมบ้าน ใช่มั้ย?” เขาพยักหน้าด้วยท่าทางครุ่นคิด “ใช่แล้ว มาทำไปสักเดือนล่ะกัน”
ผมเขียนมันลงไปแล้วก็ถามเขา “แล้วเราจะกำหนดรางวัลยังไงล่ะ?” หลังจากที่คิดไปสักพัก Millet ก็ตอบมา “มาเริ่มตรงที่ 1 เหรียญทองกันก่อน แล้วเราจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนของงานนะ”
ผมเขียนเพิ่มลงไปขณะที่ปรึกษากับ Millet หลังจากที่เขียนเสร็จผมก็ยื่นกลับให้พนักงานตอบรับ “ผมกรอกแบบฟอร์มเสร็จแล้ว”
เธอรับแบบฟอร์มมาแล้วก็กวาดสายตาดูแผ่นกระดาษ “ค่ะ ทุกอย่างถูกกรอกหมดแล้ว….. กรุณารอสักครู่นะคะ” แล้วเธอก็เอาแผ่นกระดาษเก็บใส่แฟ้มขณะที่พึมพำออกมา เธอกลับมามองผมเมื่อดำเนินการเสร็จ “ระดับของคำร้องนี้คือ แรงค์ C และต้องใช้ 5 เหรียญเงินสำหรับคำร้องนี้ค่ะ”
ผมยื่นเงินให้เธอเป็นจำนวน 5 เหรียญเงิน
พอรับเงินปุ๊บ เธอก็เซ็นต์ลงในแฟ้มแล้วก็ยิ้มให้ผม “เอาล่ะ คำร้องนี้ถูกวางไว้แล้วค่ะ”
แล้วก็ถูกแปะเอาไว้ตรงบอร์ดคำร้องในทันที
ผมมองไปที่บอร์ดแล้วก็พูดกับ Millet “คงจะดีถ้าเราหาคนได้เร็วๆนี้นะ” Millet พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วล่ะ”
ผมยิ้มให้กับ Millet ขณะที่ผมหันเดินออกไปที่ประตู “ทำไมเราไม่ออกไปซื้อของอีกสักหน่อยล่ะ Cammy บอกผมให้ซื้อเมล็ดดอกไม้นะ” หลังจากที่ซื้อของแล้ว เราก็ออกจากเมืองหลวงไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น