ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ไสหัวไปตายซะ!" จึงต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตธรรมดากับคนรักและดาบต้องสาป

    ลำดับตอนที่ #9 : เราได้ตั้งเป้าหมายของ "ความปกติ" จากก้นบึงนรก

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 63


    Flamm กับ Milkit ออกไปซื้อของในเขตตอนกลาง 
    จากที่พวกเธอถูกนินทาเมื่อวันก่อน Flamm เปลี่ยนจากเสื้อผ้าโทรมๆไปเป็นเสื้อเชิ้ตกระชับเรียบง่ายกับกางเกงขาสั้น 
    เทียบกับก่อนหน้านั้นแล้วถือว่าดีขึ้นอย่างชัดเจน 
    ส่วน Milkit ที่อยู่ในห้องลองชุดนั้น ชุดที่เธอสวมนั้นเป็น…

    Flamm: 「นี่มันโอเคจริงๆหรือ?」 
    Milkit: 「ฉันน่าจะเป็นฝ่ายถามมากกว่านะคะ ที่มาซื้อเสื้อผ้าราคาแพงแบบนั้นน่ะ」
    Flamm: 「เงินไม่ใช่ปัญหา ต้องขอบคุณเจ้า Anzu เลย จึงได้…」

    Milkit สวมชุดบริกรสีดำที่ประดับด้วยลูกไม้รอบกระโปรงกับหน้าอก ที่บ่งบอกว่าเป็นชุดเมด ซึ่งดูท่าจะยากที่ได้สวมใส่มันแล้วทำหน้าที่เป็นสาวรับใช้ที่ดีได้ จึงน่าจะมีความหมายกับคนที่มีงานอดิเรกเฉพาะด้าน โดยรวมแล้วก็ดูสง่าเลยทีเดียวซึ่งตัดกับผ้าพันแผลที่พันรอบหน้าของ Milkit



    Milikit: 「เสื้อผ้าพวกนี้ฉันเองก็เห็นอยู่บ่อยๆนะคะ ฉันเองก็คิดอยากจะสวมมันสักวันเหมือนกันค่ะ」

    ตอนที่ Flamm ถาม Milkit ถึงเสื้อผ้าที่เธออยากจะสวมใส่ นี่คงจะเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ได้มีความปรารถนาอันแรงกล้าและก็ยังคลุมเครืออยู่ก็ตาม แม้จะเป็นความปรารถนาอันน้อยนิด Flamm ก็ยังอยากที่จะคอยสนับสนุนตัวเลือกของ Milkit อยู่

    Flamm: 「อืม แบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะ」
    Milkit: 「ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ ถือว่าเป็นการออกแบบที่ดีเลยใช่มั้ยคะ?」
    Flamm: 「ไม่ใช่แค่นั้นหรอก มันเหมาะกับเธอที่ดูน่ารักเลยนะ คุณพนักงาน!」

    Milkit ทำหน้าแดงขณะที่ Flamm พูดอะไรที่น่าอายออกมา อย่างไรก็ตาม Flamm ก็ไม่ได้รู้ตัวขณะที่เธอสนใจกับพนักงานสาวสวยที่ยืนอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย

    พนักงานร้านเดินเข้ามา ถึงกับทำสีหน้ารังเกียจที่ไปเหลือบเห็นตราทาสติดบนใบหน้าเข้า แต่เธอก็รีบกลับมาทำสีหน้าตามปกติทันที 
    ไม่ใช่ว่าเพราะเธอเป็นคนดีหรอก แต่เพราะเธอต้องทำตามหน้าที่พูดโต้ตอบกับ Flamm ตอนที่พวกเธอเข้ามาในร้านแล้วต่างหาก

    ในตอนนั้น การตอบสนองของเธอก็ดังลั่น ถึงกระนั้นมันก็ไม่แย่เท่ากับการปฏิบัติต่อ Flamm ที่ได้มาจากกิลด์ Flamm จึงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นได้บ้าง 
    ส่วนตราทาสที่ติดอยู่หน้าเธอนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไปในเร็วๆนี้

    Flamm จ่ายเงินเสร็จแล้วทั้งสองก็ออกจากร้านไป 
    สาวน้อยในชุดเมดที่มีผ้าพันแผลรอบใบหน้ากับทาสสาวที่มีถุงมือเหล็กเปื้อนเลือดห้อยอยู่ข้างเอวปะปนในฝูงนักช้อป ทำให้พวกเธอตกเป็นเป้าสายตา 
    อย่างไรก็ตามถนนใหญ่ในเขตตอนกลางก็เต็มไปด้วยลูกค้ากับนักท่องเที่ยวจากภายนอกจำนวนมาก แม้จะเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุดพิเศษหรือเทศกาลก็ตาม 
    ในสภาวะเช่นนี้ ไม่ว่าทั้งสองคนจะไม่ปกติอย่างไร พวกเธอก็น่าจะหายเข้าไปในฝูงชนในไม่ช้า 
    Flamm จึงได้จับมือของ Milkit แน่น เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเธอจะไม่พรากกัน

    ทั้งสองยังมีอีกหลายอย่างที่จะซื้อ พวกเธอต่างก็ไม่มีสิ่งของจำเป็นที่ใช้สำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถึงแม้พวกเธอจะซื้อเป้สัมภาระมา ก็ไม่อาจจะซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้ พวกเธอจึงต้องซื้อของที่จำเป็นเฉพาะในวันนี้ ตลอดช่วงเวลานั้น พวกเธอก็ได้ตั้งใจซื้อของหลายอย่างที่พวกเธอต้องการใช้ในทันที

    สิ่งของจำเป็นอย่างเร่งด่วนโดยส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเสื้อผ้าที่ต้องซื้อก่อน จากนั้นก็ซื้อรองเท้า แปรงสีฟันและก็อุปกรณ์ชำระล้างร่างกาย Flamm เองก็อยากได้เป้สัมภาระแบบที่ใช้ในการผจญภัยและต้องคอยรักษาเงินให้มากพอที่จะซื้ออาหารเย็นได้

    เธอมีเงินพอที่จะทำแบบนั้นได้อย่างน้อย ในขณะที่พวกเธอพอมีเงิน ก็ไม่ได้มีเวลามากนัก พวกเธอเข้าไปที่ร้านแห่งแล้วแห่งเล่าเลือกซื้อสิ่งของที่พวกเธอต้องการอย่างรวดเร็ว จึงกลายเป็นวันที่ยุ่งสุดๆ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ล้ำค่าสำหรับ Milkit ที่ไม่เคยออกไปซื้อของมาก่อน

    「ขอบคุณค่ะ!」

    ทั้งสองคนที่ออกจากร้านด้วยการบอกลาอย่างที่สภาพที่หาได้ยากจากพนักงานลูกจ้างในร้าน พวกเธอแยกกันไปซื้อของซึ่งกันและก็จับมือไว้ด้วยกันขณะที่เดินไปตามถนนใหญ่

    Flamm: 「การซื้อของนี่มันสนุกไปเลยไม่ใช่หรือ?」
    Milkit: 「ค่ะ ถึงแม้ฉันจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็ตามนะคะ」
    Flamm: 「ตอนที่ฉันเห็นเธออยากซื้อโต๊ะอาหารสุดหรูมาเนี่ย ฉันนึกว่าเงินจะหายไปหมดซะแล้ว ทำเอาเป็นห่วงเลยนะ」
    Milkit: 「อ๊ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้อ่านราคาของมันเลยค่ะ」

    Milkit ทำหน้าอาย พอเห็นแบบนั้น Flamm ก็พาเธอไปหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่ง เงยขึ้นไปก็เห็นป้ายหน้าร้านที่เธอมองหาอยู่

    Milkit: 「นายท่านคะ?」
    Flamm: 「จะแวะหน่อยมั้ยล่ะ?」
    Milkit: 「ค่ะ แน่นอนค่ะ」

    Flamm เจอร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ขณะที่พวกเธอผ่านประตูของร้านไป พวกเธอก็เห็นคัมภีร์ของ Origin ตั้งเอาไว้

    ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรนั้น ศาสนจักรเป็นผู้ครอบครองหนังสือมากที่สุด รวมไปถึงหนังสือเรียนเด็กเองก็ต้องดำเนินการโดยศาสนจักร
    ด้วยเหตุนี้เองจึงต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ตามความต้องการของศาสนจักร
    แม้แต่ตอนนี้ทางศาสนจักรก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรงพิมพ์และร้านขายหนังสือในอาณาจักรด้วย

    แม้แต่ร้านนี้ก็มีสัญลักษณ์ที่เป็นของเทพ Origin เลย 
    อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพราะร้านนี้มีความเกี่ยวข้องกับศาสนจักร แต่เพราะคัมภีร์นั้นขายดีที่สุดต่างหาก

    Flamm กับ Milkit ไม่มีความสนใจในศาสนา Flamm จึงปล่อยผ่านพวกคัมภีร์เหล่านั้นแล้วเดินไปยังชั้นหนังสือที่อยู่ตรงกำแพงด้านใน โดยใช้แผนที่ที่อยู่บนเสานำทางให้

    Milkit: 「นายท่านอ่านหนังสือหรือคะ?」
    Flamm: 「อ๊ะ อันนี้ไม่ได้ให้ตัวเองอ่านหรอกนะ」 

    เธอดึงหนังสือออกจากชั้นวางแล้วดูหน้าปกในขณะที่ Milkit มองดูด้วยความสับสน

    Milkit: 「แล้วใครจะอ่านล่ะคะ?」
    Flamm: 「ฉันบอกว่าจะสอนเธอให้อ่านออกและเขียนได้ไง เนื่องจากฉันมีเงินมากพอเกินกว่าที่คิดไว้อีก ฉันคิดว่าเราน่าจะเริ่มเรียนให้เร็วที่สุดเลยนะ」
    Milkit: 「เอาจริงหรือคะ?」
    Flamm: 「แล้วเธอคิดว่าฉันล้อเล่นหรือไง?」
    Milkit: 「ฉันไม่คิดหรอกว่าทาสที่โชคร้ายอย่างฉันจะมีโอกาสเรียนวิธีอ่านหรอกค่ะ」

    Flamm เข้าใจท่าทีของ Milkit จึงได้ประจันหน้าเธอตรงๆ เธอตั้งใจจะทำให้เต็มที่ เธออยากเพิ่มความมั่นใจของ Milkit แล้วเธอก็จะหยุดใช้คำพูดเช่นนั้นเอง

    Milkit: 「นายท่านอยากจะให้ฉันเป็นอิสระหรือคะ?」
    Flamm: 「ฉันไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้นหรอก」
    Milkit: 「แต่คุณก็มีความสามารถที่จะอยู่คนเดียวเองได้ด้วยความรู้และประสบการณ์อยู่แล้วนี่คะ」

    Milkit พูดอย่างไม่สบายใจ Flamm เข้าใจความรู้สึกของเธอดี จึงพูดสิ่งที่ทำร้ายตัวเองออกมา

    Flamm: 「ต่อให้ฉันมีความมั่นใจ ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่เองได้นะ」
    Milkit: 「คุณพูดแบบนั้นเหมือนกับก่อนหน้านั้นเลยนะคะ」
    Flamm: 「นี่เธอไม่เชื่อใจฉันหรือ?」
    Milkit: 「ฉันไม่รู้ว่าความเชื่อใจคืออะไร จริงๆแล้วฉันคิดว่าฉันจะอยู่กับนายท่านให้นานที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้ค่ะ」

    Flamm หัวเราะออกมา 

    Flamm: 「งั้น เธออาจจะพูดถึงความเชื่อใจของคนก็ได้นะ เนื่องจากฉันเชื่อใจพวกเขา ฉันจึงอยากจะอยู่เคียงข้างพวกเขา」
    Milkit: 「งั้นนี่คือความเชื่อใจหรือคะ…」

    Milkit กุมหน้าอกขณะที่เธอรู้สึกถึงรูปลักษณ์อารมณ์ของเธอ บางครั้งตอนที่คุยกับ Flamm เธอก็รู้สึกแน่นอก เพิ่งจะทราบว่าเชื่อของความรู้สึกนั้นก็คือ 「เชื่อใจ」 ไม่ได้หมายความว่าความหวาดกลัวจากการถูกหักหลังแล้วทอดทิ้งหายไป อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้สึกว่าภาระนั้นก็เบาขึ้นมาจากไหล่ของเธอ

    Flamm หยิบเอาหนังสือที่เธออยากได้แล้วก็จ่ายเงินเลย 
    มันคือหนังสืออ้างอิงสำหรับเด็กที่ดูเหมือนจะสอน Milkit ได้ 
    ตัวของหนังสือไม่ได้มีราคาถูก Milkit เองก็ตกใจกับราคาของมัน แต่ Flamm ก็จ่ายมันไปก่อนที่เธอจะขึ้นมาทักท้วง

    ◇ ◇ ◇

    ช่วงเย็นของวัน ทั้งสองก็ซื้อของมาเยอะจนในมือของพวกเธอนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของที่ซื้อมา ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกเธอจะจับมือกัน โชคดีที่พวกเธอเข้าไปยังเขตตะวันตกที่ฝูงชนเริ่มเบาบาง จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะถูกพรัดพรากจากกัน

    「คุณใช้เงินเพื่อฉันมากเลยนะคะ」 Milkit พูด เธอดูท่าจะรู้สึกไม่ดีที่เอาเงินไปใช้กับตนเองมากเกินกว่าของ Flamm

    Flamm: 「อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย ความสุขของเธอก็คือความสุขของฉันนะ」
    Milkit: 「ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะ」
    Flamm: 「เมื่อฉันคิดว่าได้ทำให้ใครมีความสุข ฉันก็พลอยมีความสุขไปด้วยนะ」
    Milkit: 「ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละค่ะ」

    Milkit ไม่เคยมีประสบการณ์กับความสุขจากการช่วยเหลือผู้อื่นเลย นายท่านก่อนหน้านั้นบางครั้งก็ดูแลอย่างอ่อนโยน อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีเจตนาที่ดีเลย สิ่งที่สร้างเธอขึ้นมาแล้วถูกผลักให้ร่วงตกลงไป สิ่งนั้นจึงเจ็บปวดยิ่งกว่าการใช้ความรุนแรง และการถูกกดขี่ข่มเหงจนถึงกับฆ่าตัวตายในขณะที่ผู้เป็นนายกำลังหัวเราะ

    หลังจากที่ Milkit ได้รับประสบการณ์เช่นนั้นครั้งแล้วและก็ครั้งเล่า อารมณ์ของเธอจึงค่อยๆด้านจนชาชิน มันคือสิ่งที่เรียกว่าการป้องกันตัวเอง บางที Flamm ก็ไม่น่าจะหักหลังเธอ ถึงยังงั้นมันก็ยากที่ Milkit จะยอมรับว่า Flamm นั้นเป็นคนเดียวที่หวังจะให้เธอมีความสุข

    Flamm: 「งั้น เธอก็น่าจะเรียนรู้มันทีละเล็กละน้อย แล้วเธอจะได้เข้าใจเองนะ」 
    Milkit: 「คุณจะรอจนกว่าฉันจะเข้าใจมันหรือคะ?」
    Flamm: 「เอ๋ ก็เปล่านี่」

    Flamm ยิ้มให้เธออย่างเบิกบาน Milkit รู้สึกถึงความแน่นอกอีกครั้ง แต่ Milkit ก็ยังคงไม่รู้ว่าทำไม Flamm ถึงไม่อยากให้รอ กว่าเธอจะรู้ตัวก็ภายหลัง

    ทั้งสองถูกขัดบทสนทนาเมื่อชายคนหนึ่งตะโกนหลังพวกเธอ

    ???: 「หยุดนะ เจ้าหัวขโมย!」

    เสียงร้องของเขาที่ดังขึ้นมาอย่างไม่คิดชีวิต ขณะที่เขาตะโกนไป สองคนนั่นก็วิ่งผ่านตัว Milkit กับ Flamm

    Flamm: 「ไอ้สองคนนั่นเองหรือ?」

    Flamm จำพวกมันได้ มันเป็นนักผจญภัยที่เคยดื่มกับ Dain ตอนที่เธอมาที่กิลด์ครั้งแรก

    Milkit: 「นายท่านคะ กระเป๋าที่พวกเขามี – ไม่ใช่ของราคาแพงหรือคะ?」
    Flamm: 「แหงล่ะ ไม่ใช่ของที่สองคนนั่นจะซื้อได้แน่ ฉันกะว่าจะไปหาพวกมันสักหน่อย Milkit ช่วยดูแลของให้ทีนะ」
    Milkit: 「ค่ะ」

    Flamm เอาของที่เธอถือไว้ในมือวางไว้ก่อนที่จะวิ่งไล่ตามสองคนนั่นไป ขณะที่วิ่งไล่ตามเธอก็เอาถุงมือเหล็กที่ห้อยข้างเอวมาสวมไว้ ถึงมันจะไม่ได้ทำให้เธอวิ่งเร็วขึ้น แต่มันทำให้ไม่เจ็บจากการเพิ่มกำลังแรงของเธอ

    ดูจากความเร็วของทั้งสองคนแล้ว พวกนั้นต้องเป็นนักผจญภัยแรงค์ D แน่ พวกมันไม่เร็วพอที่จะหนีจาก Flamm ด้วยค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นจากดาบสองมือกลืนกินวิญญาณได้ หนึ่งในนั้นเหลียวมองกลับไปก่อนที่จะสบถออกมา

    ขโมย: 「บ้าชิบ นั่นมันยัยทาสสาวนี่หว่า!」

    พอพวกมันรู้ตัวว่าช้าเกินกว่าที่จะหนีพ้นได้ สองคนนั้นก็เลยแยกกันไปคนละทาง Flamm ไม่มีทางเลือกใดๆนอกจากปล่อยไปคนหนึ่งก่อน หลังจากลังเลได้สักพัก เธอก็ไล่ตามคนที่ถือกระเป๋าไป

    เธอไล่ตามหมอนั่นได้เพียงไม่กี่วินาที หลังจากที่ตามทันแล้ว เธอก็ดักหน้าหมอนั่นแล้วเตรียมยกหมัดขึ้นมา ส่วนหมอนั่นก็ชักมีดสั้นออกมาในเวลาเดียวกับที่มันร่ายเวทเอาไว้

    ขโมย: 「ลูกบอลไฟ!」

    เวทมนตร์นั้นอยู่ในระดับต่ำ มันพุ่งเข้าไปอย่างช้าและพลังก็น้อย Flamm หลบได้เพียงแค่เอียงตัว หมอนั่นพุ่งเข้ามาด้วยมีดสั้น เหมือนกับจะตั้งใจใช้ลูกบอลไฟเป็นตัวล่อ

    มันไม่มีประโยชน์ที่จะต่อกรกับ Flamm มีดสั้นที่ดูเหมือนจะแทงข้างหน้าในภาพที่เคลื่อนไหวช้า Flamm ก็แค่จับข้อมือของมันได้อย่างง่ายๆแล้วก็บีบให้แน่น จนรู้สึกถึงรอยร้าวผ่านถุงมือเหล็กได้

    ขโมย: 「อ้ากกกกกกก!」

    ฝ่ายชายถึงกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวดขณะที่ข้อมือบิดไปคนละทาง พอ Flamm ปล่อยมือไป หมอนั่นก็ทำมีดสั้นหล่นตกบนพื้นเลย ดูเหมือนว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเธอมากกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก

    ขโมย: 「โอ๊ยๆ เจ็บนะ… ช่วยด้วย!」
    Flamm: 「แกคิดว่าจะขอความเห็นใจจริงๆหรือไง?」

    Flamm ชำเลืองมองชายที่เอามือกุมข้อมือที่หักอย่างทรมานก่อนที่จะมาเอากระเป๋าที่ขโมยกลับคืน เธอหันกลับไปยังเจ้าของคนเดิม แต่ก็ต้องหยุดกับที่เมื่อเธอได้ยินเสียงปะทะจากทางอื่นที่อีกคนหนึ่งหนีไป ในเวลาเดียวกันเธอก็ได้ยินเสียงร้องดังออกมา

    「ไอ้สัตว์!」

    Flamm นึกว่าเป็นคนเดียวที่ไล่ตามหัวขโมยไป ตอนนี้ก็มีเสียงอีกด้านหนึ่งดังขึ้นมา พอเธอเห็นคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับจับลากคอหัวขโมยที่อยู่หลังเธอนั่นเอง



    น่าแปลกใจที่คนๆนั้นเป็นเด็กสาวที่ดูเหมือนจะมีอายุประมาณสิบขวบ ผมบลอนสีทองยาวลงมาบังเสื้อคลุมสีขาวซึ่งเป็นภาพของความไร้เดียงสาที่ไม่เข้ากับกระบองขนาดยักษ์ที่เธอห้อยไว้บนบ่าเลย เด็กสาวตัวเตี้ยที่สร้างความประทับใจจากการเล่นของเล่นของเธอ อย่างไรก็ตามชายที่เธอลากมานั้นถูกจัดการซะเละจนไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว

    คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังของเธอนั้นเป็นของจริง

    Flamm: 「แม่ชีของ Origin…」

    ไม่มีผู้หญิงคนอื่นใดในอาณาจักรที่แต่งตัวเหมือนพวกนั้น Maria ที่เป็นสมาชิกของปาร์ตี้ผู้กล้าเองก็แต่งตัวคล้ายๆกัน อีกทั้งยังเก่งกาจในด้านการลุยหมู่ด้วย 
    คนส่วนใหญ่ที่นึกภาพแม่ชีของ Origin นั้น จะคิดว่าเป็นผู้หญิงแสนอ่อนโยนที่มีเวทมนตร์รักษา แต่ศาสนจักรเองก็ได้สอนเทคนิคการต่อสู้จนพวกเธอสามารถทำลายปีศาจได้ด้วย

    เด็กสาวคนนี้ทำท่าทางง่วงขณะที่เดินเข้าไปหา Flamm

    「งืม หมอนี่ก็ถูกจับได้เหมือนกันหรือ?」 เธอพูดก่อนที่จะหัวเราะคิกๆออกมา 「ขอบคุณมากเลยค่า」
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×