ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ไสหัวไปตายซะ!" จึงต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตธรรมดากับคนรักและดาบต้องสาป

    ลำดับตอนที่ #8 : คำสอนที่ล่มสลาย

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 63


    「ไม่พอ… ยังไม่พอหรอก!」 ชายผมแดงผิวน้ำเงินตะโกนร้องออกมาขณะที่ลอยอยู่บนฟ้า 「นี่มันยังไม่พอ… เค้นพลังของพวกแกมาให้เต็มที่เลยสิ ศึกนี้มันยังจืดไปโว้ย!」

    เสียงคำรามที่ดังสะท้อนไปถึงแก้วหูของ Cyrille ราวกับจะเห็นพ้องกับสถานะของเผ่าปีศาจ คลื่นความร้อนก็แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา

    「มนตราต้องห้าม – Prometheus!」

    ปีศาจผิวสีน้ำเงินดันแขนขึ้นไปบนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันพื้นโลกก็เกิดรอยแตกแล้วก็มีเปลวไฟที่สูงเป็นสิบเมตรพุ่งออกมาจากพื้นปกคลุมไปกว่าตารางกิโลเมตร ล้อมรอบบริเวณในยามย่ำคืนจนกลายสภาพเป็นดั่งนรก

    มนตราต้องห้าม เป็นเทคนิคของการเพิ่มพลังเวทด้วยการเผาผลาญพลังเวทที่มากเกินตัว  
    โดยปกติ เวทมนตร์ที่เรียกว่า Prometheus จะสามารถปกคลุมพื้นที่เพียงร้อยตารางเมตรด้วยทะเลเพลิงเท่านั้น 
    ปีศาจนั้นได้ขยายเพิ่มขึ้นโดยใช้มนตราต้องห้าม โดยมีสิ่งที่แลกเปลี่ยนคือมันจะควบคุมเวทมนตร์ได้ยากมากขึ้น 
    แต่เจ้าเปลวอัคคี Zeon เป็นปีศาจที่อยู่ในอาณาบริเวณนี้เท่านั้น หลังจากที่เมืองนี้ถูกเหล่าผู้กล้าขับไล่ไป เขาก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงกับบริเวณรอบๆแล้ว

    「Eterna ใช้เวทมนตร์จัดการกับไฟนั่นซะ!」 Jean สั่งการออกมา

    Jean นักปราชญ์ที่ทำงานกับแม่มด Eterna และนักบุญ Maria กางโล่ปกป้องปาร์ตี้เป็นบริเวณกว้าง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

    「รู้แล้วน่า รู้แล้วน่า」 Eterna พูด เธอได้ดำเนินการไปก่อนที่ Jean จะสั่งการอีก เธอสงบตัวแล้วตั้งสมาธิร่ายเวทน้ำออกมา

    Eterna: 「กระสุนน้ำ!」

    เพียงคำเดียวสั้นๆ ก็มีลูกบอลกลมขนาดยักษ์ปรากฏอยู่เหนือหัวปีศาจ แล้วก็ร่วงตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงทันที โดยหวังจะทับเขาด้วยแรงมหาศาล 
    Eterna ตั้งใจจะโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกันด้วยบทร่ายนี้

    แต่ปีศาจก็ห่อร่างตัวเขาด้วยเปลวเพลิงแล้วก็พาตัวเองพุ่งไปยังมวลของน้ำ เขาได้ทำการทะลุจากด้านล่างผ่าไปถึงด้านบน พอเขาออกมาได้ก็เตะมันเหมือนกับลูกบอลส่งไปยัง Eterna

    「บ้าไปแล้ว-」
    「เละหมดเลย」
    「คาดไม่ถึงเลย」

    Jean, Maria และ Eterna ต่างก็ตกใจกับการสวนกลับที่อยู่นอกสามัญสำนึก สิ่งที่พวกเขาทำได้จึงมีเพียงแต่ต้านทานโล่ที่กางเอาไว้เท่านั้น

    นักรบ Gadio พุ่งไปยังข้างหน้า ทุกครั้งที่เขาแตะพื้นจะเกิดหลุมเล็กๆที่เหยียบไว้ น้ำหนักของเกราะดำกับดาบสองมือนั้นไม่ใช่เล่นๆ 
    ถึงกระนั้นด้วยความแข็งแกร่งที่เกินตัวก็ทำให้เขาพุ่งไปด้วยความเร็วเต็มที่ได้ 
    นอกเหนือจากความแข็งแกร่งแล้ว Gadio ก็ยังใช้เวทได้ด้วย

    Gadio: 「Earth Grave」

    พลังเวทที่ร่ายออกมาอย่างเงียบๆถูกใส่ไว้ตรงที่เท้าของเขาที่ดันบนพื้น พื้นดินตรงหน้าเขาก็ยกตัวขึ้นเป็นบันไดในขณะที่วิ่งไปข้างหน้า Gadio รีบเข้าไปยังลูกบอลน้ำที่กำลังจะร่วงตกลงมาและปีศาจที่อยู่เหนือกว่า

    Gadio รวมพลังเวทขณะที่มุ่งหน้าไป 
    เทคนิคของเขาจะเปลี่ยนพลังในร่างกายให้เป็นพลังที่มองไม่เห็นที่เรียกว่า 「qi」 ซึ่งเป็นพลังเฉพาะจากพลังเวทมนตร์ โดยใช้ปลดปล่อยพละกำลังอย่างหนักหน่วงจนถึงขั้นตายได้ 
    เทคนิคนี้โดยปกติจะใช้โดยอัศวินที่รับใช้อาณาจักร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันใน วิชาปลิดชีพวิญญาณ

    Gadio: 「ฮ่า!」

    Gadio เหวี่ยงดาบด้วยแขนทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยพลังเวท บริเวณรอบๆดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากความเร็วสายฟ้าแลบ เสียงที่แหลมจนแสบแก้วหู นี่แหละคือวิชาดาบ – ปลิดชีพวิญญาณ 
    คลื่นกระแทกที่ได้พุ่งเข้ามาตัดผ่าลูกบอลน้ำออกเป็นสองส่วน แล้วก็ยังพุ่งเข้าไปหาตัว Zeon อีกด้วย

    Zeon: 「คราวนี้ก็เป็นแกสินะ!」

    Zeon กางมือออกมา เกิดควันดำขึ้น ควันนั้นดูไม่เห็นจากควันไฟเลย 
    มันคือหมอกดำที่สร้างจากคุณสมบัติของเปลวอัคคี Zeon ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หายากที่ทำให้เขาควบคุมได้ทั้งความมืดและไฟ 
    คลื่นนั้นถูกทำให้เห็นโดยหมอกดำจน Zeon รับมันไว้ด้วยมือเปล่า

    อุ้งมือของเขาได้ห่อคลื่นเอาไว้ มันถูกป้องกันด้วยเปลวไฟบางๆที่จะไม่ยอมให้มันมาแตะผิวของเขา 
    Zeon ถึงกับเดาะลิ้นแล้วโยนคลื่นขึ้นไปบนท้องฟ้า

    Zeon: 「ไม่เห็นจะมีอะไรเลยสักอย่าง… ไม่เห็นจะเร่าร้อนตรงไหนแล้ว นี่่เหรอคือความเร่าร้อนของพวกแก!」

    อย่างไรก็ตาม Gadio ก็ยังคงลุยต่อ เขาวิ่งไปจนถึงปลายสุดของบันไดหินแล้วกระโดดถีบในก้าวสุดท้าย เกราะดำของเขาโลดแล่นอยู่กลางอากาศ 
    Zeon เตรียมตัวรับดาบยักษ์ด้วยหมัดที่หุ้มด้วยเปลวไฟ

    เปรี้ยง! หมัดกับดาบปะทะซึ่งกันและกัน จนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วรอบๆบริเวณ

    Zeon: 「ถึงเวลาปิดฉากลงแล้ว – มาจบเรื่องกันเลยดีกว่า!」

    แม้กระทั่งความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ Zeon ก็ยังอยู่เหนือกว่า Gadio 
    ด้วยแรงปะทะกัน ฝ่ายอัศวินถูกซัดกระเด็นจนร่วงตกพื้น ในเวลาเดียวกับที่น้ำได้สูญเสียรูปร่างแล้วก็แตกกระจายลงบนพื้น สาดเปลวไฟที่ปกคลุมบนพื้นโลก เกิดไปน้ำลอยขึ้นจากพื้น จนปกคลุมทั้งปาร์ตี้จนพร่าไปหมด

    Zeon: 「เฮ้ย ไอ้ผู้กล้า โผล่หัวออกมาจากที่ซ่อนแล้วสู้กับฉันซะ! แกเป็นคนเดียวที่พอจะสู้กับหนึ่งในปีศาจสามขุนพลได้นะเว้ย!」

    คำพูดของ Zeon นั้นก็ไม่ผิดหรอก 
    ด้วยความแข็งแกร่งระดับผู้กล้าแล้ว ปาร์ตี้นี้ก็ไม่เคยตกเข้าสู่ความสิ้นหวังแม้แต่ตอนที่สู้กับหนึ่งในปีศาจสามขุนพลในอดีตเลย 
    อย่างไรก็ตาม ผู้กล้า Cyrille ยังคงคิดถึงแต่ Flamm 
    เพราะจิตใจที่สั่นคลอน เธอจึงใช้เวทมนตร์ได้ไม่เต็มที่นัก

    ขณะที่เขาสบประมาทพวกนั้นไป ก็มีลูกธนูถูกยิงจากระยะที่คนธรรมดาไม่อาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า Linus นั้นรอจังหวะมาได้สักพักแล้วก็ยิงออกไปตอนที่ Zeon ถูกรบกวนจาก Cyrille ถึงแม้ระยะขนาดนั้นจะไม่ได้เป็นปัญหาด้วยความเร็วหรือความแม่นยำของลูกธนูที่พุ่งตรงเข้าไปยังหน้าผากของ Zeon เลยก็ตาม ยิ่งกว่านั้น ลูกธนูนั่นก็ถูกซ่อนจากไอน้ำ และ Zeon ก็ไม่ได้รู้ตัวจนกระทั่งมันเข้ามาถึงตัวเขา

    ในจังหวะที่ลูกธนูปรากฏออกมาทันทีก่อนที่จะทะลุสมองไปนั้น Zeon ก็ตอบสนองเร็วกว่าที่นึกไว้ อุณหภูมิรอบตัวเขาเพิ่มสูงขึ้นจนเผาลูกธนูให้เหลือแต่ขี้เถ้า

    Zeon: 「เฮ้ย นั่นมันยังไม่ใช่ มันยังไม่เห็นจะเร่าร้อนตรงไหนเลย!」

    Zeon ที่ชื่นชอบการต่อสู้แบบเร่าร้อนนั้น การลอบโจมตีระยะไกลคือการดูหมิ่น เขาถึงกับเดือดดาลแล้วยกมือขึ้นแล้วปล่อยพลังเวทมนตร์ที่มากยิ่งกว่าจุดที่เขาเคยมาถึง ลูกบอลไฟหลายลูกถูกสร้างขึ้นกลางอากาศ แล้วก็ขยายขนาดจนเท่ากับลูกบอลน้ำที่ Eterna เคยปล่อยออกมา

    Zeon: 「ถ้าพวกแกไม่ยอมเร่าร้อนขึ้นล่ะก็ ฉันจะทำให้พวกแกเร่าร้อนขึ้นเอง! มนตราต้องห้าม – อุกกาบาตเพลิง!」

    เวทมนตร์ที่มีพลังเกินกว่าจะคาดหมาย Zeon พยายามจะฆ่า Cyrille ด้วยการพลังสุดโต่งในคราวเดียว พื้นดินที่อยู่รอบๆถูกเผาด้วยความร้อนของเวท ส่วนคนที่อยู่บนพื้นต่างก็หันไปมองลูกบอลไฟแต่ละลูกที่คล้ายกับดวงอาทิตย์

    Jean: 「อาาาาาา! แบบนั้นมัน… หยุดไม่ได้แน่!」
    Eterna: 「พวกเราทำอย่างเต็มที่แล้วนะ」
    Jean: 「Eterna นี่เธอมัวแต่ใจเย็นได้ยังไงกัน! ถ้าเธอใช้เวทน้ำให้แรงกว่านี้ได้ เราก็ยังมีโอกาสนะ!」
    Eterna: 「นี่ฉันผิดหรือ?」
    Jean: 「เออ พวกเธอนี่-」
    Maria: 「เราจะมาทะเลาะกันไม่ได้นะ!」 

    Maria พูดแทรกขึ้นมา เธอขึ้นเสียงตะโกนชั่วครู่เพื่อให้คนอื่นเงียบ

    Cyrille: 「ช่วยเสริมเกราะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำให้เถอะ Gadio เองก็เพิ่มเกราะได้ดีอยู่ ถ้าเราลดขนาดของมันเราก็ยังพอมีโอกาสนะ」
    Jean: 「ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่พอโว้ย! Cyrille นี่เธอใช้พลังของผู้กล้าปกป้องพวกเราไม่ได้หรือไง?」
    Cyrille: 「ฉันทำไม่ได้ นั่นแหละที่ทำไมฉันถึงคิดว่าเราจะเอายังไงกัน」
    Jean: 「ทำไม ทำไม ทำไมกัน? เธอเป็นผู้กล้านะ ทำไมเธอถึงใช้อาวุธที่ดีที่สุดของผู้กล้าไม่ได้กัน? มีอะไรอีก? อย่ามัวแต่คิดถึงความรู้สึก ถ้าเธอเป็นผู้กล้า เธอก็ต้องช่วยเราสิ!」

    Cyrille ทำได้แต่หลับตาแล้วกัดฟัน เธอเถียงไม่ออกเลย ตอนนี้เธอได้แสดงความอ่อนแอของผู้กล้าออกมาแล้ว แต่ถึงยังไง เธอก็ยังคงเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดจึงไม่ได้หายไปอย่างรวดเร็วนัก

    Jean: 「นี่เธอถูกยัยสวะอย่าง Flamm รบกวนใจได้ยังไงกัน? เธอเป็นผู้กล้าที่ถูกเลือกนะ ไม่เห็นจะต้องมาคิดถึงกับคนที่ไร้ประโยชน์ตรงไหนเลย เธอต้องคิดถึงเรื่องการปกป้องพรรคพวกของผู้กล้าต่างหาก!」
    Cyrille: 「ฉันน่ะ…」
    Jean: 「ถ้าเธอเป็นผู้กล้า ก็ต้องทำตัวเหมือนอย่างผู้กล้า! โยนสิ่งที่ไร้ประโยชน์ออกไปซะ!」

    「Jean! นี่ไม่ใช่เวลาที่จะทำอย่างนั้นนะ!」 Eterna พูดแทรก 「เตรียมตัวพร้อม!」

    Jean: 「บ้าเอ้ย ทำไมกัน… ทำไมพวกเธอถึงไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่ฉันเห็นว่ามันถูกต้องเลย!」

    Jean ไม่มีความรู้สึกอ่อนไหวเลย จึงไม่รู้ว่าคำพูดของเขานั้นทำร้ายคนไปมากแค่ไหน 
    ถึงแม้ว่าเขาจะบ่นโวยวายออกมา เขาก็ยังคงวางโล่กับ Eterna กับ Maria ด้วยกัน 
    Cyrille ยังคงใช้เวทของเธอได้ไม่ดี 
    เบื้องบนนั้น อุกกาบาตเพลิงก็ได้ขยายตัวด้วยพลังเวทมากขึ้นเรื่อยๆ

    Zeon: 「น่าเสียใจชะมัด ฉันนึกว่าจะเร่าร้อนกว่านี้ได้อีก แต่ …」

    ถึงแม้ Zeon จะทำเสียงเศร้า เขาก็ยังคงรวบรวมพลังมากพอที่จะกำจัดเหล่าผู้กล้าได้ เขายกมือขึ้นเพื่อเตรียมที่จะทำให้มันพุ่งลงมาแล้วโยนก้อนลูกไฟยักษ์ลงไป

    ???: 「เร่าร้อนขึ้น เร่าร้อนขึ้น และก็เร่าร้อนขึ้นอยู่นั่นแหละ ไอ้คนบ้าต่อสู้นี่!」

    เสียงพูดของคนที่เข้ามาตบหลังหัวของ Zeon ดังขึ้นมา

    Zeon ถึงกับขมวดคิ้วแล้วหันหลังไปมอง ก็มีผู้หญิงที่เผยผิวสีน้ำเงินลอยอยู่กลางอากาศด้านหลังเขา เธอปัดผมที่มีสีน้ำเงินเข้มกว่าผิวของเธอไปข้างหลัง แล้วจ้องมายังที่พรรคพวกของเธอ

    Zeon: 「อ๊ะ Neigass โทษทีที่ทำให้เธอเป็นห่วงนะ」
    Neigass: 「ห่วงฉันเหรอ? พวกผู้กล้าอาจตายได้ถ้าฉันไม่อยู่นะ! นายจำสิ่งที่จอมมารพูดได้มั้ย?」
    Zeon: 「อะไรหรือ?」
    Neigass: 「อย่าฆ่ามนุษย์ใดๆทั้งนั้น! นายจำไม่ได้เลยหรือไง?」
    Zeon: 「อ๊ะ จริงด้วย ลืมไปเลย」

    หลังจากที่สายลมโลหิต Neigass หนึ่งในปีศาจสามขุนพลบอกไป Zeon ก็คลายเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นในมือเลย 
    พวกผู้กล้าที่มองจากพื้นต่างก็ตัวสั่นที่เห็นสองในสามของปีศาจสามขุนพลมาสมทบด้วยกัน

    Zeon: 「เอาล่ะ เจ้าผู้กล้าทั้งหลาย แค่วันนี้เท่านั้นนะ คราวหน้าเราจะเปิดศึกที่จริงจังกว่านี้นะ!」

    แล้ว Zeon ก็โบกมือลาไป 
    Cyrille ถึงกับไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ละทิ้งสนามรบทั้งๆที่เขากำลังจะฆ่าพรรคพวกตัวเองได้อยู่แล้วเชียว

    Neigass: 「ฉันน่าจะเกลี้ยกล่อมพวกเธอให้ยุติการรุกรานในคราวนี้ได้นะ แต่ฉันรู้ว่าคงจะไม่มีทางได้เกิดแน่」

    Neigass พูดอย่างสันติ แต่หลังจากที่มองไปยัง Maria ที่มีสายตาอันแสนเกลียดชังแล้ว เธอก็ยอมแพ้อย่างเร็ว

    Neigass: 「เอาล่ะ แล้วเจอกัน คุณผู้กล้าผู้รุกรานทั้งหลาย」

    แล้วก็ขยิบตาใส่ก่อนที่จะตาม Zeon ไป เหล่าผู้กล้าที่เหลือต่างก็จ้องไปยังท้องฟ้าด้วยความท้อแท้ ยกเว้นแต่เพียงนักบุญที่มองหลังเธอด้วยความจงเกลียดจงชัง

    ◇ ◇ ◇

    หลังจบศึก Linus ก็กลับมารวมกับกลุ่มและยืนยันความเสียหาย 
    โชคดีที่ไม่มีบาดแผลใดๆที่ Maria ไม่สามารถรักษาได้ด้วยเวทมนตร์ 
    โชคร้ายที่เสบียงส่วนใหญ่เสียหายอย่างรุนแรง จนน่าจะทำให้ไปต่อได้ลำบากมาก

    「จะใช้หินเคลื่อนย้ายซึ่งเป็นสมบัติของชาติก็ไม่ได้… บ้าชิบ เสียเปล่าชะมัด」

    ความสามารถทางเวทมนตร์ของ Cyrille ที่เรียกว่า 「ย้อนกลับ」 จะพากลุ่มเดินทางไปมาระหว่างอาณาจักรมนุษย์และเขตแดนปีศาจได้อย่างอิสระ 
    อย่างไรก็ตามการกลับไปยังจุดที่เหมาะสมในเขตแดนปีศาจนั้น พวกเขาจะต้องใช้ 「หินเคลื่อนย้าย」 ซึ่งมีอยู่จำนวนจำกัด พวกเขาจะใช้มันได้ก็ต่อเมื่อทั้งกลุ่มมาถึงจุดที่ไกลมากพอตามแผนที่วางไว้หรือมากกว่านั้น ถ้าพวกเขาอยู่ในระยะที่น้อยเกินไป ก็จะต้องกลับไปยังอาณาจักรโดยที่ไม่มีการระบุตำแหน่งเอาไว้

    Jean: 「ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทุกอย่างก็ไปได้สวยอยู่ ตอนนี้ทุกอย่างมันก็ควรจะดีกว่านี้สิ แล้วทำไมถึงได้ล่าช้ากว่าเดิมเล่า? ทั้งๆที่ตัดตัวถ่วงที่จะทำให้ช้าลงออกไปแล้วเนี่ยนะ?!」
    Maria: 「Jean ใจเย็นก่อน」

    Maria ที่กำลังรักษา Gadio รู้ว่า Jean นั้นถึงกับหัวเสียตลอดการต่อสู้ เธอพยายามทำให้เขาสงบลง แต่เขาก็ไม่ยอมฟังเลย

    Jean: 「จะให้ใจเย็นยังไงกันวะ? Cyrille ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ทำไมกันหา?」
    Cyrille: 「…ขอโทษ」
    Jean: 「ขอโทษไปก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรหรอก!」
    Linus: 「นี่ Jean!」 

    Linus พูดขณะที่เอามือวางที่ไหล่ของ Jean แทนที่จะทำให้สงบลงได้ Jean กลับเอามือปัดไป

    Jean: 「บ้าเอ้ย แม่ง ไอ้เหี้ยนี่! ทุกคนเลย ทำไมถึงไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นถูกต้องเลย! มีแต่พวกโง่ดักดานทั้งนั้น!」

    Jean เดินออกจากกลุ่มไปยังพื้นที่โล่งโดยไม่หันไปมองพวกนั้นเลย

    Linus: 「อา เขาเองก็ลำบากด้วยสินะ」

    Linus รู้ดีว่า Jean มีความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อ Cyrille 
    พูดอีกอย่างก็คือ เขาอิจฉา Flamm 
    พอ Flamm ออกไป Jean คาดหวังไว้ว่า Cyrille น่าจะหันมาสนใจเขา แต่กลายเป็นตรงกับข้ามกับที่เขาคาดไว้ มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย 
    ยิ่งกว่านั้น Flamm ที่ใช้เป็นตัวระบายความโกรธตามปกติก็ไม่อยู่แล้วด้วย 
    Linus พอเข้าใจว่า Jean นั้นหัวเสีย และเก็บอารมณ์เอาไว้  
    ถึงจะทำตัวเป็นเพื่อน เขาก็ไม่อาจแก้ต่างให้ได้

    Gadio: 「ใช่ นี่คงจะดีแล้วล่ะ」

    ขณะที่ Maria ทำการรักษาเสร็จสิ้น เขาก็ลุกออกจากที่นั่งแล้วหมุนไหล่ยืนยันสภาพตัวเขา

    Maria: 「ขอโทษนะ ฉันรักษาได้ไม่สมบูรณ์เท่าไร」
    Gadio: 「ไม่ต้องห่วง ฉันมาเพื่อให้โดนอัดอยู่แล้ว」

    ในขณะที่ยังเจ็บอยู่นั้น Gadio ก็รู้สึกดีกว่าตอนที่โดนหมัดของ Zeon มาก 
    ขณะที่เขายืนอยู่นั้น Eterna ที่มองดูการรักษาก็หันตัวกลับแล้วเดินออกไปจากกลุ่มในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ Jean ไป 
    Eterna มักจะเดินไปเองอยู่บ่อยๆ แต่ในครั้งนี้ Gadio พบว่าตัวเขานั้นได้ตามหลังเธอไปด้วย เขาเองก็ชักไม่แน่ใจว่าทำไมกัน

    ความเงียบที่อึดอัดปกคลุมระหว่างทั้งสามที่เหลืออยู่ ได้แก่ Cyrille, Linus และ Maria 
    สองคนนั้นรู้เรื่อง Cyrille ดีที่สุด

    Linus: 「น่า อย่าได้กังวล ทุกคนต่างก็มีช่วงเวลาที่แย่กันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นผู้กล้าหรือไม่ก็ตาม」

    Linus อยากจะปลอบใจ Cyrille และผ่อนคลายความอึดอัดนี้

    Maria: 「ใช่ ยังอีกไกลกว่าจะไปถึงปราสาทจอมมารได้นะคะ เธอต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปนะ」
    Cyrille: 「อือ」 

    หัวใจของ Cyrille จมดิ่งไปกับความรู้สึกผิด 
    Linus กับ Maria ต่างก็มองหน้ากัน ราวกับจะไม่มีอะไรให้พูดกัน อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะปลอบ Cyrille ล่ะกัน

    Linus: 「มันแปลกนะที่พวกเขาจะปล่อยไว้แบบนั้น พวกนั้นดูเหมือนจะบอกอะไรสักอย่างเช่น 『เรื่องชี้แนะ』 กับ 『ไม่ฆ่ามนุษย์』 นะ」

    ถึงแม้ Linus จะอยู่ไกลจากกลุ่มสนทนาก็ตาม เขาก็น่าจะพอเข้าใจสิ่งที่พวกนั้นพูดโดยอ่านริมฝีปากได้ 
    ทันทีที่เขาพูดถึงเรื่องปีศาจ Maria ก็เริ่มถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ด้วยความฉุนเฉียว

    Maria: 「น่าแปลกมาก พวกมันฆ่ามนุษย์ไปตั้งเยอะแยะมากมายนะ」
    Linus: 「ใช่ แล้วมีอะไรที่เปลี่ยนไปหรือเปล่าล่ะ? ฉันว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนไปหรอก」
    Maria: 「มันไม่มีทางเปลี่ยนหรอก ถ้าพวกเผ่าปีศาจหายไปให้หมดซะน่าจะดีกว่า」

    น้ำเสียงของเธอโกรธเคืองผิดปกติ 
    Linus เริ่มรู้ว่าเธอนั้นเกลียดพวกปีศาจฝังหุ่น มาเริ่มชัดเจนตอนที่พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงก่อนหน้านั้น เขาก็ได้ตรวจสอบ Maria ด้วย 
    เขาเชี่ยวชาญในด้านการสืบหาข้อมูล เขาอาจจะรู้สึกไม่ดีถึงเรื่องนั้น แต่ความอยากรู้อยากเห็นของเขานั่นมีมากกว่าความรู้สึกผิด

    Maria Afengen อายุ 18 ปี เป็นผู้ใช้เวทแสงด้วยทักษะการใช้เวทที่มีพรสวรรค์ ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งเป็นนักบุญของศาสนา Origin

    เดิมที เธอไม่ได้เชื่อในเทพ Origin เธอก็แค่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีศาสนาท้องถิ่นรุ่งเรือง และเธอก็เชื่อในเทพเจ้าท้องถิ่นด้วย 
    สิ่งที่หลงเหลือในตอนนั้น เธอมีรอยสักบนหลังที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายไปหมด

    เมื่อสิบปีก่อนตอนที่เธอยังแปดขวบ หมู่บ้านถูกทำลายลงจากการรุกรานของพวกปีศาจ เธอเสียทั้งครอบครัวของเธอและเพื่อนของเธอเพราะปีศาจ เธอได้รับการปกป้องจากศาสนจักรและเข้าไปอยู่ตั้งแต่นั้น ตามที่ว่ามา เธอมีคุณสมบัติคือแสงและได้เป็นแม่ชี ในเวลาต่อมาเธอก็ถูกเลือกจากคำพยากรณ์ของ Origin เพื่อเป็นสมาชิกในการปราบปีศาจ ณ ตอนนี้

    เธอมีเหตุผลมากพอที่จะเกลียดพวกปีศาจ อย่างไรก็ตาม มันพอที่จะอธิบายความเกลียดชังที่มาจากตัวเธอได้หรือเปล่า? Linus เองก็ไม่แน่ใจ

    「Linus มีอะไรหรือ?」 Maria ถามขณะที่เอียงหัว

    เธอเป็นคนที่สวยมาก มากจน Linus ไม่อยากจะนึกถึงสิ่งที่ดำมืดในจิตใจของเธอเลย ถึงแม้ว่ามันจะดำมืดก็ไม่เป็นไร เขาก็อยากจะคอยสนับสนุนเธออยู่ ถ้าเพียงแต่เธอยอมเปิดเผยทุกอย่างให้กับเขา

    Linus: 「…เปล่า ไม่มีอะไรหรอก」

    ถึงอย่างนั้น Linus ก็ยังไม่มีความรู้สึกที่เขาจะต้องเตรียมบอกเธอ

    Linus กลับมาคุยปลอบใจกับ Cyrille อีกครั้ง แต่รอยยิ้มของเธอก็ยังไม่กลับมา 
    โดยรวมแล้วปาร์ตี้ก็ไม่อาจพา Flamm กลับมาให้ Cyrille มีโอกาสขอโทษได้อีกต่อไปแล้ว

    ◇ ◇ ◇

    Eterna หยุดเดินหลังจากผ่านไปประมาณห้านาที Gadio ที่เดินตามหลังเธอมาก็หยุดตรงนั้น

    Eterna: 「ทำไมนายถึงตามฉันมา?」

    ขณะที่พูด เธอก็จิ้มกับลูกทรงกลมที่ลอยอยู่ข้างๆเธอ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออกแบบสำหรับขยายพลังเวท

    Gadio: 「นึกแล้วว่าเธอต้องเรียก」
    Eterna: 「อ๋อ บางทีก็นะ แล้วนายคิดยังไงกับปาร์ตี้ในตอนนี้ล่ะ?」
    Gadio: 「เรื่องอะไรหรือ?」
    Eterna: 「สนุกกับมันมั้ย? ไม่เบื่อหน่ายเลยหรือ?」

    Eterna ในตอนแรกก็ไม่ได้สนใจในการปราบปีศาจหรอก เธออาศัยอยู่บนภูเขา และถึงแม้จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่านักผจญภัยแรงค์ S เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อายุของเธอไม่มีใครรู้ แรงจูงใจของเธอไม่มีใครทราบ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ยึดติดกับตัวเลยก็แค่นั้น

    Eterna: 「ฉันนึกว่ามันน่าจะตื่นเต้นดีที่ปาร์ตี้ผู้กล้าจะออกไปฆ่าจอมมารซะอีก」
    Gadio: 「อ๋อ」
    Eterna: 「แต่ฉันก็มารู้ตัวตั้งแต่ที่ Flamm ออกไป มันก็ไม่สนุกเอาเสียเลย ไม่เห็นจะสนุกเลยสักกะนิด อาหารก็ไม่ดี ทุกคนก็ไม่ดี」
    Gadio: 「ฉันก็ไม่แย้งหรอก」

    ขณะที่ Gadio วางตัวสงบเสงี่ยม ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศที่ชวนอึดอัดในปาร์ตี้ ส่วนใหญ่ก็มาจาก Jean
    ทว่านอกเหนือจากนั้นก็ยังมีระเบิดที่ถูกฝังอยู่ – อย่างเช่น แผลใจของ Cyrille กับความหลังของ Maria – ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
    เพียงแค่ Flamm ไม่อยู่ ปาร์ตี้ก็สั่นคลอนจนแทบจะแตกได้
    Gadio นับถือความพยายามของเธอ แต่เขาก็ไม่อาจเติมเต็มหน้าที่ของเธอได้

    Eterna: 「ดังนั้น ฉันก็จะขอลาออกล่ะ」
    Gadio: 「อะไรนะ?」
    Eterna: 「ตอนนั้น Flamm ก็ออกไปแล้ว ถ้าฉันออกด้วยก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้านายบอกไม่ให้ไป ฉันก็จะหายไปโดยที่ไม่ต้องขออนุญาตด้วย」

    นั่นคือข้อผิดพลาดของ Jean
    คนที่ถูกเลือกจากคำพยากรณ์ให้ไปเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้กล้าเพื่อที่จะปราบจอมมารนั้นเป็นหน้าที่พึงกระทำและไม่มีสิทธิ์ถอนตัว
    แต่ตอนนี้ การออกจากกลุ่มของ Flamm กลายเป็นข้อเท็จจริงที่เอามาใช้เป็นข้ออ้างได้

    Eterna: 「ฉันไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ที่จะไปบอก Jean หรอก ฉันหมดคำพูดที่จะบอกเขาแล้ว」
    Gadio: 「แน่ใจหรือ?」
    Eterna: 「ไอ้หมอนั่น พูดจาดูถูกฉันทั้งๆที่มีพลังเวทแค่ 8,800 ฉันมีกว่า 10,000 ฉันเหนือกว่านะยะ! มีจอมเวทที่ไหนที่จะยอมรับคำพูดจากเด็กที่มีพลังเวทต่ำกว่าบ้างล่ะ?」
    Gadio: 「ถ้างั้น ฉันก็ไม่ห้ามเธอแล้วล่ะ」
    Eterna: 「น่าแปลกใจจริงๆ ฉันนึกว่านายจะต้องเข้ามาห้ามและก็หยุดฉันไว้เสียอีก」
    Gadio: 「ไม่มีกฎเกณฑ์แบบนั้นหรอก」
    Eterna: 「ไม่มีเหรอ?」
    Gadio: 「ถ้า Flamm ออกไปได้ ทำไมเธอจะไม่ได้ล่ะ?」
    Eterna: 「โอ้ งั้นนายก็น่าจะมากับฉันด้วยสิ!」

    ในขณะที่ Eterna หัวเราะ Gadio ก็หายใจออกมา

    ◇ ◇ ◇

    เมื่อทั้งกลุ่มได้กลับมารวมตัวอีกครั้งและกลับไปยังเมืองหลวงด้วยเวทย้อนกลับของ Cyrille 
    หลังจากนั้นเอง Eterna ก็ประกาศถอนตัวออกจากปาร์ตี้ 
    แน่นอนว่า Jean ถึงกับเดือดพล่านส่วน Cyrille ก็ตกใจ แต่ความตั้งใจที่เหลือก็ยังไม่เปลี่ยน

    Eterna โบกมือกับพวกที่เหลือก่อนที่จะออกจากห้องเคลื่อนย้ายไป เธอไม่กลับเข้ามายังปาร์ตี้อีกต่อไปแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×