ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คำร้องนี้มีอะไรที่ยิ่งกว่านั้นอีก
ป่าที่เป็นจุดหมายปลายทางอยู่ในระยะที่พอจะมองเห็นได้ ใช้เวลาเดินทางร่วมหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ออกจากประตูทางด้านทิศตะวันตกของเมืองหลวง
Flamm ต้องขอบคุณผลจากอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางร่างกายให้
ส่วน Milkit ก็เริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมา
Flamm: 「เธอน่าจะหยุดพักก่อนที่จะเข้าไปในป่าสักหน่อยมั้ย?」
Milkit: 「ไม่ต้องสนใจฉันก็ได้นะคะ คุณไปต่อได้เลยค่ะ」
Flamm: 「งั้นก็มาหยุดพักกันเถอะ」
นายท่านเขาไม่มัวกังวลเรื่องสภาพร่างกายของทาสหรอก นั่นคือสิ่งที่ Milkit กำลังจะพูดออกมา
แต่ดูเหมือน Flamm จะเข้าใจว่าใจจริงแล้วเธออยากจะหยุดพัก
Milkit ใช้นิ้วแตะผ้าพันแผลที่พันรอบใบหน้าเธอเบาๆ
อาจจะรู้สึกผิดหวังไปบ้าง
แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดออกมา เพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตามการตัดสินใจของ Flamm นั้นก็ไม่เปลี่ยน
พวกเธอพบตอไม้ที่อยู่หน้าป่า Flamm จึงได้นั่งลง ส่วน Milkit ก็ยืนอยู่ข้างๆสมกับเป็นท่าทางของเธอ
Flamm สังเกตว่า Milkit นั้นพยายามที่จะไม่ยืนต่อหน้าสายตาของ Flamm เลย
Flamm จึงรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยแล้วก็ตบมือลงบนตอไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับที่เธอนั่ง
Milkit: 「อย่าได้เป็นห่วงฉันเลยค่ะ」
Flamm: 「เธอที่ยืนมาเป็นห่วงฉันขณะที่กำลังนั่งอยู่หรือ มานั่งด้วยกันเถอะ」
Milkit ไม่อาจทนต่อการขอร้องจาก Flamm ได้ต่อไปแล้ว เธอค่อยๆลดระยะห่างจากนายของเธอแล้วก็นั่งลงอย่างเงียบๆตรงขอบตอไม้
เธอดูเหมือนจะเป็นห่วงเรื่องการสงวนท่าทีอยู่ แต่ก็พอที่จะยอมได้
Milkit: 「นายท่านคะ」
Flamm: 「หืมม?」
Milkit: 「คุณคิดว่าจะรู้สึกอึดอัดตอนที่เห็นหน้าฉันมั้ยคะ?」
เธอขยับปากที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลพูด
Flamm ตอบสนองไปตามธรรมดา
Flamm: 「ฉันคิดว่ามันก็ดูน่าขยะแขยงอยู่นะ」
ไม่มีอะไรที่ต้องซ่อนเลย
ใบหน้าของ Milkit ที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลนั้นมันสกปรกและเปื้อนไปด้วยคราบเลือดแห้งๆ ผิวหน้าที่มองเห็นในช่องระหว่างผ้าพันแผลก็ดูมีสีที่มืดมน
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเด็กสาวที่มีอายุพอๆกับ Flamm มันก็ยังรู้สึกดูน่ารังเกียจตอนที่เห็นมัน
Milkit: 「แล้ว ทำไมคุณถึงช่วยฉันไว้ล่ะคะ?」
Flamm: 「เพราะฉันอาจจะเหงาได้ถ้าฉันออกไปเองนะ」
Milkit: 「ถึงอย่างนั้น เนื่องจากฉันดูน่ากลัวและท่าทางไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไร คุณก็น่าจะเอาฉันไปขายแล้วหาทาสคนอื่นแทนดีกว่านะคะ」
Milkit ไม่มีความใส่ใจในการดูแลตนเองเลยจริงๆ
มันก็จริงอยู่ที่ไม่มีเหตุผลที่ Flamm จะต้องมาคอยดูแล Milkit ให้เลย
พวกเธอก็แค่เคยอยู่ในกรงเดียวกัน และเธอก็แค่พา Milkit ออกมาเพราะมีโอกาส
แต่กระนั้น
ถึงแม้ว่า Flamm จะไม่แน่ใจว่าเพราะทำไม เธอก็รู้สึกถึงเจตนารมณ์ออกมา
Flamm: 「หลังจากนั้น… อาจจะเป็นเพียงแค่การหลอกลวง」
Milkit: 「เหตุผลที่คุณพาฉันมาด้วยหรือคะ?」
Flamm: 「ก็นะ ก่อนหน้านั้นฉันไม่มีอะไรดีเลย ฉันมันแค่ตัวไร้ประโยชน์ ไม่มีใครที่ฉันช่วยได้เลย ผลก็คือถูกจับขายเป็นทาส สิ้นคิดชะมัด กับเธอที่น่าอาภัพเอง ถ้าเธออย่างจะอยู่อย่างมีความสุข ก็ควรจะมีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยนะ อาจจะเพียงเล็กน้อย… แต่ฉันก็แค่คิดเอาไว้อยู่แล้ว」
Flamm ได้บอกความจริง
ในตอนนั้นมันก็แค่แรงกระตุ้นที่เธอเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว
อย่างไรก็ตามพอเธอนึกย้อนกลับไป ดูเหมือนว่าจะยังมีแรงจูงใจอยู่
ถ้าเธอทำเพราะอยากจะช่วย Milkit ออกจากก้นบึงนรกเหมือนอย่างผู้กล้าแล้ว… ก็คงจะต้องทำอะไรสักอย่างเหมือนกับช่วยฟื้นฟูความมั่นใจที่เธอเสียไปตอนที่เธอถูกขับไล่ออกจากปาร์ตี้ผู้กล้าและถูกขายเป็นทาส
Milkit: 「ฉันไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจได้หรอกนะคะ ถ้านายท่านอยากได้ทาสที่ดี คุณก็น่าจะขายฉันไป ฉันไม่เหมาะหรอกค่ะ」
Flamm: 「นี่เธอตัดสินใจว่าฉันคือนายของเธอแล้วหรือยัง? ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำเพื่อเปลี่ยนแปลงนะ」
Milkit: 「แล้วแบบนี้ล่ะ-」
Milkit เอื้อมไปทางหลังหัวแล้วคลายปมผ้าพันแผลที่พันรอบหน้าเธอ แล้วก็แกะมันออกไป
Flamm: 「เหวอ…」
สภาพใบหน้าเธอดูเลวร้ายเกินกว่าที่ Flamm จะคิดเอาไว้เสียอีก
สภาพที่เสียโฉมที่เธอเห็นใต้ผ้าพันแผลนั้นเผยให้เห็นบนใบหน้าของ Milkit
ตั้งแต่กรามยันหน้าผากมีแต่รอยแดงและผิวที่ถูกลอกออกเต็มไปหมด
และก็ยังมีน้ำหนองที่ซึมออกมาจากแผลเปิดด้วย
อีกทั้งมีรอยบวมยาวจนทำลายทั่วทั้งใบหน้าของเธอ
Milkit: 「ยังอยากจะเก็บฉันไว้อยู่มั้ยคะ?」
Milkit ดูท่าทางจะถูกทิ้งไปแน่นอน หรืออย่างน้อยก็คงจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แทนนายท่านคนแรกไม่ได้ เธอดูเหมือนจะคิดว่าคงไม่แฟร์ที่เธอซ่อนใบหน้าอยู่ใต้ผ้าพันแผล
ถึงแม้ว่า Flamm จะมีเหตุผลส่วนตัวที่ช่วย Milkit ก็ตาม ก็ทำได้แค่เผยใบหน้าให้ Flamm ตัดสินใจได้แล้ว
Flamm ถึงกับเอามือทั้งสองข้างปิดปาก
มีคำพูดหลายอย่างที่เธอนึกได้ อย่างเช่น 「น่ารังเกียจ」 「เจ็บปวด」 「วิตถาร」 「โหดร้าย」 และ 「ดวงตาที่แสบร้อนยังสวยงาม」 เหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับสถานการณ์ของเธอ จึงไม่มีความหมายสำหรับ Milkit
อย่างไรก็ตาม มีอยู่อย่างหนึ่งที่เธอนึกได้
อาการของผิวหนังที่เน่าเปื่อยเช่นนี้… ตอนที่เธอเคยร่วมเดินทางกับปาร์ตี้ผู้กล้า เธอเคยได้ยินถึงเรื่องนั้นขณะที่เธอกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรจาก Eterna
Flamm: 「บางทีอาจจะเป็น mustard poison หรือ?」
Milkit: 「หือ?」
Flamm: 「ขอลองเตะสักนิดนึงสิ」
ถ้าสิ่งที่ Flamm นึกไว้นั้นถูกต้อง การสัมผัสตรงจุดที่เป็นนั้นไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ
เพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่เธอคิดไว้ Flamm จึงยื่นมือเข้าไปยังใบหน้าของ Milkit
แต่ Milkit ก็รีบลุกขึ้นแล้วถอยห่างออกไปทันที
Milkit: 「นายท่านคะ คุณจะติดโรคได้นะคะ」
Flamm: 「Mustard poison มันไม่ติดต่อกับคนอื่นหรอก ใครเป็นคนบอกเธอกันล่ะ?」
Milkit: 「นายท่านคนก่อน เขาบอกฉันว่าถ้าติดโรคแล้วจะไม่มีทางรักษาให้หายได้ ฉันจึงไม่สัมผัสกับคนอื่นเลยค่ะ」
เกือบจะลืมนึกไป มือที่กำลังจะยื่นไปยัง Milkit ก็กำหมัดแน่นจนรู้สึกถึงเล็บที่จิกบนฝ่ามือได้
ในโลกนี้ยังมีคนเน่าเฟะเกินกว่าที่เธอนึกภาพได้เสียอีก ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกสังเวย คนชั่วใช้ชีวิตอยู่สบายในขณะที่เหยื่อต้องดิ้นรนทนทุกข์ทรมานและก็ตายไป แม้กระทั่งความตายของเหยื่อก็ยังเป็นเครื่องสำราญเลย สภาพสังคมที่ไร้ความยุติธรรมเช่นนี้มันยังมีค่าพอที่จะดิ้นรนอยู่อีกหรือ?
Flamm: 「โกหกทั้งเพ… โกหกกันหมดทุกคนเลย!」
Flamm อยากจะซัดศัตรูลงไปด้วยความกราดเกรี้ยว เธอโกรธมากพอที่อยากจะกลืนกินวิญญาณของใครสักคนลงในดาบของเธอ
แต่ตรงนั้นก็มีแต่เหยื่อที่อยู่กับเธอเท่านั้น สิ่งที่เธอทำได้ก็คือพยายามปลอบใจ Milkit
Flamm ลุกขึ้นแล้วตัดสินใจเข้าไปใกล้ตัว Milkit
มันไม่ใช่โรคติดต่อเลย
ถึงแม้ว่า Milkit จะไม่ต้องการ Flamm ก็ยังคงเข้าไปหาเธอให้จงได้ แล้วก็เอามือลูบแก้มของเธอเลย
Milkit: 「ไม่นะคะ แบบนี้มัน… ถ้าหากติดโรคขึ้นมา นายท่านอาจจะกลายเป็นคนที่ดูน่าเกลียดเหมือนฉันได้นะคะ」
น้ำเสียงของ Milkit ที่เติมอารมณ์ลงไปซึ่งตามปกติไม่มี ตรงกันข้ามกับการกระทำของ Flamm นายท่านคนก่อนจะทำโทษเธอหากเธอไปสัมผัสกับคนอื่น
「ฉันไม่สนหรอก!」 Flamm พูดตะโกนออกไปเพื่อขับไล่ความทรงจำที่ไม่ดีของ Milkit
「ฉันไม่สน ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกเป็นนายท่านเพราะว่าแบบนี้สักหน่อย เธออาจจะหลบหน้าฉันเพราะเผยใบหน้าแท้จริง มันก็ไม่ได้ผลหรอก」 Flamm พูด 「นอกจากนี้ ความตั้งใจของฉันมันมากกว่าเดิมอีก」
「ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันจะทำให้เธอมีความสุข ฉันจึงต้องเป็นนายของเธอต่อไปอีกยาวเลยนะ」 Flamm พูดต่อ 「ใครจะไปสนใจว่านายท่านคนก่อนบอกว่าใบหน้าของเธอรักษาไม่ได้ล่ะ? ในขณะที่เวทมนตร์ฟื้นฟูอาจจะยังรักษาเธอไม่ได้… สิ่งที่ไม่สามารถรักษาด้วยเวทได้ ก็น่าจะใช้ยารักษาสิ」
อาณาจักรในตอนนี้การรักษาอาการบาดเจ็บ, โรคและพิษเป็นงานของบาทหลวงกับแม่ชีไม่ใช่หมอปรุงยา โดยใช้คุณสมบัติที่เรียกว่าเวทมนตร์รักษา ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือการผ่าตัด เป็นวิธีการที่แพร่หลายมาก จนฝังอยู่ในอาณาจักรไปกว่าทศวรรษที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามเวทรักษาก็ไม่ใช่จะรักษาได้ทุกอย่าง
ยังมีโรคและพิษบางอย่างที่เวทมนตร์ก็ไม่สามารถรักษาได้
หนึ่งในนั้นก็คือผิวหนังอักเสบที่เกิดจาก mustard poison
「ก็พอจะเข้าใจอยู่ค่ะ」 Milkit พูด 「ว่าแต่นายท่านรู้ได้ยังไงล่ะคะ? ถึงจะไม่มีใครคิดแบบนั้น ยังมีพวกหมอปรุงยาหลงเหลืออยู่ในอาณาจักรด้วยหรือคะ?」
Milkit บอกว่าเป็นปัญหาใหญ่เลย
เพราะเมื่อพระสันตะปาปาคนปัจจุบันขึ้นรับตำแหน่ง ทางศาสนจักรก็เริ่มจัดการกับหมอปรุงยาเพื่อทำการผูกขาดการรักษา คอยกดดันแทรกแซงการซื้อขายสมุนไพรและก็ยังทำลายสินค้าไปด้วย หมอปรุงยาส่วนใหญ่จึงสูญเสียธุรกิจของพวกเขาไป
แต่ไม่ใช่ว่าความรู้และวิทยาการทั้งหมดจะสูญหายไป
ตอนที่ Flamm ได้เดินทางไปกับปาร์ตี้ผู้กล้า เธอก็รู้ว่าพวกคนมือยาวของศาสนจักรนั้นไม่อาจจะทำอะไรกับนักเวทที่อาศัยอยู่ในที่ห่างไกลได้
ตัวอย่างก็เช่น แม่มด Eterna เป็นต้น
Flamm ได้เรียนรู้เวทมนตร์กับสมุนไพรจากเธอมาบ้างเพื่อหาทางช่วยเหลือปาร์ตี้ที่กำลังเดินทางแม้จะเล็กน้อยก็ตาม
เธอไม่ได้เรียนรู้มากพอที่จะทำสมุนไพรให้เป็นยาได้อย่างเชี่ยวชาญจริงๆสักเท่าไร แต่ก็รู้มากพอที่จะบอกอาการของโรคได้เพียงแค่มองเท่านั้น
「ฉันรู้ส่วนผสมที่จะทำยาแก้พิษนี้ ฉันจะไปซื้อมันเมื่อเรามีเงินมากพอ」 Flamm พูด 「ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากคนที่รู้จักเพื่อทำส่วนผสมให้เป็นยาเอง」
ถึงแม้ว่า Flamm จะพูดด้วยความมั่นใจ เธอก็ไม่แน่ใจว่า Eterna น่าจะช่วยเธอได้ หลังจากนั้น Eterna คงจะให้เธอขายเป็นทาสอยู่ดี
ในอีกด้านหนึ่ง ระหว่างที่ร่วมเดินทางนั้น Eterna ก็ยังเป็นครูสอนที่คอยอยู่กับเธอทุกย่างก้าวด้วย Flamm ได้พยายามอย่างมากเพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อใจ โดยพิจารณาจากสิ่งที่เปลี่ยนไป จึงยากที่จะบอกว่าเธอเข้าใจจิตใจของ Eterna อย่างแท้จริง…
แต่เธอก็คงไม่เชื่อ
ไม่เชื่อว่า Eterna จะทิ้งเธอกันได้
ตอนนี้ Flamm ยังพอมองในแง่ดีอยู่ เธอน่าจะคิดในแง่บวกได้แค่นั้น โลกนี้มันเลวร้ายมากพอแล้ว Flamm เลือกที่จะเชื่อว่าถ้าเธอเก็บเอาสมุนไพรมาได้ เธอก็น่าจะไปขอ Eterna มาช่วย เธอน่าจะปรุงยาได้แน่นอน
Flamm: 「แน่นอนว่า เราจะต้องก้าวข้ามในวันนี้ให้ได้ก่อน」
Milkit: 「ค่ะ ถ้าเราอยู่นานเกินไป ตะวันจะตกดินได้นะคะ」
ทั้งสองถึงกับตัวสั่น พวกเธอจึงต้องช่วยกันพันผ้าพันแผลให้ Milkit ก่อนที่จะเดินจูงมือเข้าไปในป่าที่บอกว่า werewolf อาศัยอยู่
ป่านั้นมืด แทบจะไม่มีแสงสว่างแยงผ่านใบไม้ได้เลย อากาศก็หนาวเย็น พื้นก็อ่อนจนเหยียบเข้าไปก็แทบจะยุบ
นี่เป็นครั้งแรกของ Flamm ที่มาคำร้องในฐานะนักผจญภัย ครั้งแรกของเธอที่เป็นสมาชิกปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุด
หัวใจของเธอเต้นรัว เธอยังอยากจะเข้าไปลุยจริงๆหรือ?
ส่วนหนึ่งบอกให้เธอหนีไป แต่ด้วยมือที่อบอุ่นและความรู้สึกที่ต้องการปกป้องทำให้เธอก้าวข้ามเหนือความหวาดกลัว
◇ ◇ ◇
Flamm มาหยุดในจุดซ่อนตัวหลังจากที่พวกเธอเข้าไปในป่าได้ประมาณสิบนาที
เธอดึงตัว Milkit เข้ามาหลบอยู่หลังต้นไม้ก่อนที่จะเอานิ้วปิดริมฝีปากของเธอไว้
「ตรงนั้นคือ werewolf」 Flamm กระซิบ
อีกด้านหนึ่งของต้นไม้ที่อยู่ไม่ห่างมากนัก คือสิ่งมีชีวิตคล้ายหมาป่าเดินได้ด้วยขาหลังกำลังมองหาเหยื่ออยู่
Milkit: 「เอ่อ นายท่านคะ ฉันต่อสู้ไม่ได้นะคะ ให้ฉันมาตรงนี้จะดีหรือคะ?」
เป็นคำถามที่ดีเลย ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดก็ตาม Flamm ก็ตอบกลับไปโดยเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
Flamm: 「ฉันเองก็เคยคิดจะให้เธอรออยู่ในเมืองหลวงนะ แต่มนุษย์เนี่ยมันอันตรายพอๆกับมอนสเตอร์เลยนะ」
ถ้าเธอปล่อยให้ทาสที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่าง Milkit ไว้ในเมืองเพียงคนเดียว Flamm ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเธออาจจะไม่ได้พบกันอีกเลยก็เป็นได้
Milkit: 「อยู่ตรงนี้จะไม่เป็นไรจริงๆหรือคะ?」
「เนื่องจากศัตรูเป็นแรงค์ F ฉันคิดว่ามันน่าจะปลอดภัยนะ อย่างแย่ที่สุดเธอก็หนีไปได้โดยที่ไม่ได้รับอันตรายนะ」 Flamm บอก 「คราวหน้าฉันจะคิดถึงเรื่องที่จะพาเธอมาก็ขึ้นอยู่กับสภาวะนะ」
เมื่อพวกเธอมีเงินมากพอที่จะพักห้องในห้องพักได้ ก็อาจจะปลอดภัยต่อ Milkit ที่จะอยู่รอได้เช่นกัน
Flamm เริ่มทำการวิเคราะห์ค่าสเตตัสของ werewolf เพื่อทำการยืนยันก่อน
——————————————————————————
Werewolf
คุณสมบัติ: ดิน
ความแข็งแกร่ง: 159
พลังเวทมนตร์: 22
ความอึด: 79
ความว่องไว: 207
สติปัญญา: 54
——————————————————————————
เมื่อเธอเห็นตัวเลขทั้งหมด ก็ถึงกับทำหน้าเบ้ออกมาเลย
Flamm: 「อ้า ไม่จริงน่า… อ๊ะ เจ้า Dain นั่นก็เหมือนกับไอ้เวรพวกนั้นเลย」
Milkit: 「เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?」
Flamm: 「มอนสเตอร์นั่นมีค่าสเตตัสรวมทั้งหมด 521 นะ ถ้าค่าทั้งหมดรวมเกิน 500 ตามปกติจะต้องถูกจัดเป็นมอนสเตอร์แรงค์ D แล้ว」
Milkit: 「นี่ไม่ใช่มอนสเตอร์แรงค์ F หรือคะ?」
ทั้งสองถูก Dain หลอกไปเรียบร้อยโดยสมบูรณ์
ถ้านักผจญภัยมือใหม่พุ่งเข้าจัดการกับมอนสเตอร์แรงค์ D น่าจะถูกฆ่าแน่นอน
ต่อให้พวกเขาวางแผนรัดกุมดีแค่ไหนก็ตาม โอกาสที่จะชนะได้มันก็น้อยมาก
พูดอีกอย่างก็คือ Dain พยายามที่จะเอาชีวิตทั้งสองคนทางอ้อมนั่นเอง
Flamm: 「โชคไม่ดีเลยนะ ฉันไม่ได้อ่อนแอแล้วล่ะ」
ดาบสองมือนั้นช่วยยกระดับค่าสเตตัสของ Flamm โดยมีค่ารวมอยู่ที่ 995 ซึ่งก็เทียบเท่ากับมอนสเตอร์แรงค์ D ระดับสูงเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีความสามารถในการรักษาที่ค่อนข้างดีอยู่ เธอจึงน่าจะจัดการปลิดชีพ werewolf ได้โดยไม่มีปัญหา
Flamm นึกภาพรูปดาบที่เก็บไว้ในมิติอื่นด้วยใจของเธอ เธอจับมันแล้วลากดาบยักษ์นี้ออกมาข้างนอก ด้วยแบบนั้นการเตรียมตัวเข้าต่อสู้ก็เสร็จสิ้น เธอวางแผนที่จะย่นระยะเพียงครั้งเดียวแล้วปลดปล่อยพลังเต็มที่ใส่ร่างกายของ werewolf ซะ
Flamm จัดตำแหน่งเท้าของเธอ รวมพลังไว้ที่เท้าขวาจะกว่าเธอพร้อมที่จะพุ่งกระโจนเข้าไป
Milkit: 「นายท่านคะ ดูนั่น!」
เสียง Milkit เรียกขึ้นมา
เมื่อ Flamm หันไปมองตามที่ Milkit บอก
ก็พบว่ามี werewolf ตัวอื่นเข้ามา
คราวนี้พอมองให้ดีๆ ก็ยังมีเพิ่มมาอีกสองตัว
รวมแล้วมีสี่ตัวมารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆ
werewolf ถือว่าเป็นมอนสเตอร์ที่แสนรำคาญเป็นพิเศษเหนือมอนสเตอร์แรงค์ D ใดๆ
เพราะนิสัยการรวมฝูง จึงมีเรื่องราวจากนักผจญภัยที่บอกกันว่า 「ถ้าคุณเห็นหนึ่งตัว มันจะมีอีกสามตัวที่แอบซุ่มอยู่」 โดยไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เดินทางไปกับปาร์ตี้ผู้กล้า
Flamm ยังไม่เคยเรียนรู้ถึงภัยอันตรายระดับแรงค์ D เลย จึงยากที่จะบอกว่าเธอจะจัดการกับศัตรูทั้งสี่ได้ในคราวเดียวถึงแม้ว่าเธอจะมีค่าสเตตัสสูงกว่าก็ตาม
จะจัดการทั้งหมู่ได้มั้ยล่ะเนี่ย?
Flamm จ้องไปยังพวกมันขณะที่กำลังครุ่นคิด หากหนึ่งในสี่เริ่มเคลื่อนไหว ก็น่าจะเป็นอันตราย Flamm เป็นห่วงว่ามันอาจจะรับรู้กลิ่นหรือได้ยินสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจรับรู้ได้ พวกที่เหลือมันเริ่มระแวงแล้วก็เริ่มมองไปมองรอบๆให้มากยิ่งกว่าเดิม
Flamm กับ Milkit ต้องมาหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้แล้วก็รอให้พวก werewolf สงบลงก่อน
แต่ก่อนที่มันจะเกิด ก็มีลมกรรโชคแรงจากไหนก็ไม่รู้ พัดใส่ใบไม้ที่ร่วงตกบนพื้น
Flamm หลับตาลงด้วยความตกใจไปพักหนึ่ง
พอเธอลืมตาขึ้นมาได้ เธอก็พยายามชำเลืองมองหาพวก werewolf ในขณะที่เธอยกแขนป้องหน้าจากแรงลม
เธอเห็นครึ่งท่อนล่างของพวก werewolf ที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนท่อนบนนั้นห้อยไปอยู่ในปากของมอนสเตอร์ตัวใหม่ก่อนที่มันจะกลืนหายลงไปในคอ
มอนสเตอร์ตัวใหม่มีตัวเป็นสิงโต ที่ติดปีกเอาไว้
พวก werewolf พยายามจะพุ่งเข้าไปโจมตีมอนสเตอร์ตัวใหม่ด้วยกัน แต่เพียงโดนตบด้วยอุ้งเท้าหน้า พวกมันก็ปลิวกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่รอบๆ
เจ้าสิงโตนั่นกินพวกมันทีละตัวและทีละตัว
Flamm: 「วิเคราะห์!」
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์น่ากลัวที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน Flamm จึงได้รีบตรวจสอบสเตตัสของมันทันที
——————————————————————————
Anzu
คุณสมบัติ: ลม
ความแข็งแกร่ง: 542
พลังเวทมนตร์: 408
ความอึด: 301
ความว่องไว: 422
สติปัญญา: 214
——————————————————————————
รวมค่าสเตตัสทั้งหมดแล้วก็อยู่ที่ 1887 มันมากกว่าของ Flamm เกือบสองเท่า
Flamm: 「มอนสเตอร์แรงค์ C!」
Milkit: 「นั่นมัน นั่นมัน…」
Flamm คิดว่าเธอน่าจะเอาชนะมอนสเตอร์แรงค์ D ทั้งกลุ่มได้ แต่เธอก็ไม่มีความมั่นใจในการประจันหน้ากับพวกแรงค์ C เลย เธอตัดสินใจว่าควรจะหลบหนีแล้วหาทางอื่นในการทำคำร้องให้สำเร็จแทน
โชคร้าย มอนสเตอร์มีสัมผัสที่เฉียบคมกว่าพวก werewolf แล้วก็ตรวจพบเจอทั้งสองคนทั้งๆที่มีเลือด เนื้อและอวัยวะยังคงติดคาปากอยู่
สายตาของมอนสเตอร์จ้องมาที่พวกเธอ
มันเริ่มร้องครางออกมา ส่วนปีกก็เริ่มกระพือ แล้วก็เกิดแรงวนรอบตัวมัน
ดูเหมือนว่า Flamm จะรู้ว่านั่นคือสัญญาณเตรียมโจมตี
Flamm: 「Milkit!」
Flamm ขยับตัวไปทันที อย่างน้อยสุดที่เธอทำได้ – Flamm เกือบจะไม่มีเวลาคิดขณะที่เธอผลักร่างกายที่ผอมบางออกไป
Milkit: 「ว้าย?」
Milkit ถึงกับร้องอุทานออกมาขณะที่ถูกผลักกลิ้งกระเด็น เมื่อเธอหยุดกลิ้งแล้วหันไปมองยังนายของเธอนั้นเอง
วู้บบบบบบบ!
ทันใดนั้น Anzu ก็ปล่อยเวทลมด้วยระเบิดที่รุนแรงออกมา
คมดาบและลมกรรโชกที่ปล่อยออกมาจากปีกนั้น ทำให้ร่างกายของ Flamm ถูกฟันขาดเหมือนกับต้นไม้ที่ถูกตัดอยู่รอบๆ
เลือดสาดกระจาย แขนขาของเธอลอยคว้างอยู่กลางอากาศไปแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น