ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The choices of the chosen child [yuri]

    ลำดับตอนที่ #4 : ปีใหม่ ความสัมพันธ์ที่เริ่มห่างเหินอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 51


    ในห้องทำงานผอ. โรงเรียนมาโฮระ โคโนเอะ เอชุนในชุดสูทสีเทา ที่ทำให้เขาดูเหมือนพนักงานบริษัทมากกว่าหัวหน้าสหพันธ์คันไซเดินเข้ามาในห้อง
    เบื้องหน้าของเขาคือ โคโนเอะ โคโนเอมอน พ่อตาและผอ.ของโรงเรียนมาโฮระนั้นเอง
    โคโนเอมอนที่ดูเหมือนจะรอเอชุนอยู่นาน เขาเอามือลูบเครายาวสีขาวของเขาและทักลูกเขยขึ้น
    “อ้อ มาแล้วรึ?”
    “ครับคุณพ่อ สวัสดีปีใหม่ครับ” เอชุนกล่าวคำทักทายวันปีใหม่แล้วโค้งน้อยๆ โคโนเอมอนก็เช่นกัน
    “อือ สวัสดีปีใหม่เช่นกัน ปีนี้ก็ฝากตัวด้วยน่ะ ว่าแต่มันไม่เร็วไปหน่อยรึ?” โคโนเอมอนทักขึ้น อ้อ วันนี้แค่วันที่ 31 เองนี่น่ะ
    “ผมเองก็ฝากตัวเช่นกันครับ ผมมีธุระต้องไปทำที่อื่นอีก ขอทักทายล่วงหน้าเลยหล่ะกันครับ” เอชุนเองก็ต้องไปประชุมที่โตเกียว โห ไม่ว่างกระทั้งวันปีใหม่ น่าสงสาร..T_T
    “ว่าแต่ คุณพ่อเรียกผมมา มีธุระอะไรหรือครับ?” เอชุนเปิดประเด็นทันทีที่เขานั่งเก้าอี้ด้านตรงข้ามกับพ่อตาของเขา
    “อืม......ก็เรื่องเดิม เรื่องการหาคู่ครองของโคโนกะแล้วก็ เรื่องนั้นด้วย...”
    โคโนเอมอนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง สายตาเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าด้วยท่าทางครุ่นคิด
    “ผมว่า....ตอนนี้โคโนกะยังเด็กนัก ให้เขาหาเองจะ....”
    “ไม่ได้หรอก เราจำเป็นต้องมีทายาทสืบสกุลให้เร็วที่สุด ฉันตามใจลูกสาวฉันแล้ว และฉันจะไม่ตามใจหลานสาวฉันอีก”

    ....มาถึงตรงนี้เอชุนถึงกับสะอึกที่โคโนเอมอนพูดตรงๆ มันทำให้เขาคิดกลับไปถึงเรื่องสมัยก่อน
    ...ที่จริงโคโนมินั้นมีคู่หมั้นหมายอยู่แล้ว แต่เพราะทั้งเขาและโคโนมิต่างรักกัน เลยพากันหนีตามกันไปด้วยความช่วยเหลือของนากิ จนสุดท้ายโคโนเอมอนใจอ่อนยอมให้แต่งงานกันโดยมีข้อแม้อยู่อย่างคือ เอชุนต้องเปลี่ยนเป็นสกุลของโคโนเอะ ซึ่งเขาก็ไม่ขัดข้องอันใด แต่พ่อตาเขาคงยังเคืองไม่หายเสียกระมัง.........

    “เอาเถอะ งานดูตัวครั้งหน้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว บอกโคโนกะด้วยหล่ะ ...... แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมโคโนกะถึงหนีไปได้ทุกครั้งที่ดูตัวก็ไม่รู้....”

    พูดแล้วโคโนเอมอนก็เหล่ไปมองลูกเขย ตอนแรกเขาว่าเอชุนคงแอบมาช่วยโคโนกะ
    แต่เอชุนก็ไม่ได้อยู่กับโคโนกะตลอด ถึงอย่างนั้นเขาก็เพ่งเล็งมาที่เอชุนก่อนหล่ะ เอชุนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ลูกสาวของเขาหนีไปได้ทุกครั้ง......แต่เขาก็แอบดีใจอยู่ลึกๆอยู่เหมือนกัน......

    “ผมเองก็ไม่ทราบครับ โคโนกะเองก็ยังไม่อยากแต่งงานอยู่แล้ว เขาอาจจะหาทางหนีเอาเองก็ได้”
    “อืม....นั้นนะสินะ” เมื่อจับพิรุธไม่ได้โคโนเอมอนก็ถอนหายใจยาว เขาเปิดประเด็นที่สำคัญกว่าทันที

    “อีกเรื่อง เราทำนายปีที่จัดพิธีไตรเวทย์ได้แลวน่ะ...”
    “หะ...หา ว่าไงน่ะครับ?” เอชุนร้องด้วยความตกใจ อะไรกัน ทำไมมันเร็วอย่างนี้ เขาเป็นถึงหัวหน้าทำไมถึงไม่รู้เรื่องเลยหล่ะ?
    “ฤกษ์ของมันก็ต้องเป็นปีนี้รึไม่ก็ต้องเป็นอีกห้าปีข้างหน้า แน่นอนฉันว่าเราต้องรีบจัดให้เร็วที่สุด...แต่ก็ต้องหลังจากที่โคโนกะแต่งงานและมีทายาทสืบสกุลแล้ว
    ... มันก็คงอีกห้าปีหล่ะน่ะ...”
    “คระ ครับ”
    “ว่าแต่ วันเกิดโคโนกะน่ะ เมื่อไหร่น่ะ?”
    “18 มีนาคมครับคุณพ่อ แต่ผมว่าเราคงไม่จำเป็นต้องจัดพิธีนั้นแล้วน่ะครับ พวกฝ่ายมารมันก็หยุดการเคลื่อนไหวมานานแล้ว มันคงไม่คิดจะกระทำการอย่างที่พวกมันคิดจะเคยทำอีกเป็นแน่....”

    แต่ยังไม่ทันที่เอชุนจะพูดจบ โคโนเอม่อนก็สวนขึ้นทันควัน

    “แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้นี่ จริงไหม? รึเธออยากให้พวกมารครองโลกได้และทำลายเผ่ามนุษย์เหมือนที่มันทำกับเผ่าเทพเมื่อร้อยปีก่อนหล่ะ....”

    ..... โคโนเอมอนพูดพลางส่งสายตาเด็ดขาดมองมาทีลูกเขย เขารู้เอชุนพยายามให้ล้มเลิกการทำพิธี แต่หลังจากที่โคโนมิตายพิธีที่สมควรจัดก็ไม่ได้จัดขึ้น นับเป็นโชคดีนักที่หลายปีที่ผ่านมาพวกมารไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะพวกเขาได้คอยกวาดล้างอยู่ตลอด แต่ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่สามารถกลับมาเหมือนเมื่อร้อยปีได้อีก ถ้าเกิดพิธีไม่ได้จัดขึ้นความวุ่นวายจะเกิดขึ้นกับเผ่ามนุษย์แน่นอน โคโนเอม่อนคิดเช่นนั้น ประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาหลายทศวรรษสอนให้เขาไม่ประมาทกับพวกมารจนเกินไป.....

    กลับมาที่พิธีไตรเวทย์...... การจัดพิธีนี้ก็เพื่อความสมดุลของพลังเวทย์ทั้งสามเผ่านั้นคือ มนุษย์ ปิศาจ และเทพ เพื่อไม่ให้เผ่าใดเผ่าหนึ่งมีพลังเวทย์ที่มากเกินไปจนใช้รุกรานเผ่าอื่น หลังจากทั้งสามเผ่าอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขมาเนิ่นนาน จนกระทั้งเผ่าเทพที่เริ่มหยิ่งในความเก่งของเผ่าตนกับเผ่าปิศาจที่อิจฉา
    ในการทำตัวเป็นหัวหน้าของเผ่าเทพต่อทั้งสามเผ่า ทั้งเทพและปิศาจจึงเขม่นกันและเลิกให้ความร่วมมือในการจัดพิธีไตรเวทย์อีก

    ...... จนเมื่อกระทั้งเกิดสงครามขึ้นจนสามเผ่าต้องห่ำหั่นกันเองเพียงเพราะต่างต้องการเป็นใหญ่เหนือสองเผ่าที่เหลือ สุดท้ายเผ่าเทพถูกเผ่าปิศาจทำลายจนสิ้นด้วยแผนการอันแยบยลและสามารถขัดขว้างไม่ให้เผ่ามนุษย์จัดพิธีไตรเวทย์ได้ นับแต่นั้นเผ่าเทพไม่แม้แต่ทิ้งร่องรอยประวัติศาสตร์หลงเหลือไว้ให้จดจำ จนกระทั้งปัจจุบันน้อยคนนักที่จะรู้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีเผ่าเทพอาศัยอยู่ และเผ่าปิศาจเองก็ไม่สนใจที่จะทำให้พลังเวทย์สมดุลอีก เพราะมันอยู่เหนือเผ่ามนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย

    ......แต่เผ่ามนุษย์เผ่าที่อ่อนแอที่สุดนั้นกลับทำพิธีกรรมนี้ได้สำเร็จหลังจากถูกพวกปิศาจกดขี่มานานด้วยการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของผู้ที่ถูกเลือก เผ่าปิศาจที่กำลังขยายพลังเวทย์จึงถูกกดพลังไว้อีกครั้ง พวกมันหลายตนจึงต้องการหาทางทำลายพิธีนี้ เพื่อที่จะทำลายล้างเผ่ามนุษย์ที่เหลืออยู่ให้สิ้นซาก ............

    “ไม่ว่ายังไง พิธีนี้ก็ต้องจัดขึ้น....เข้าใจน่ะเอชุน”
    “คะ...ครับ ”

    เอชุนรับปากด้วยความไม่เต็มใจ
    แม้จะรู้ว่ามันหมายถึงความเป็นความตายของเผ่ามนุษย์ทุกคนแต่ผู้ที่เสียสละ ต้องมาเป็นลูกสาวคนเดียวของตน ในหัวของเอชุนย้อนไปในวันที่ภรรยาของเขาต้องตายจากไป ทำไมต้องเป็นเธอน่ะ โคโนมิ แล้วคราวนี้ก็โคโนกะ ทำไมครอบครัวเราต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย
    คำสั่งเสียที่ฝากให้ดูโคโนกะก้องอยู่หัวของเอชุนอยู่นาน จนกระทั้งคำพูดของพ่อตาของเขาสะกิดให้รู้สึกตัวจากภวังค์

    “แล้วก็เรื่องนี้ อย่าบอกให้เซ็ตซึนะคุงรู้ จะดีกว่า”
    “ทำไมหล่ะครับคุณพ่อ?”

    เอชุนที่เหม่อคิดเรื่องอดีตอยู่นานถามด้วยความประหลาดใจ เพราะการตัดสินใจให้เซ็ตซึนะคอยดูแลโคโนกะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าทีเขาเคยทำให้โคโนกะเลยทีเดียว และยิ่งครั้งนี้ลูกของเขาอาจจะถูกปองร้ายได้อีก มีเซ็ตซึนะคอยอยู่ดูแลโคโนกะจนจบพิธีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

    “เพราะเขาสองคนใกล้ชิดกันเกินไป อีกอย่างเซ็ตซึนะ ยังไงก็เป็น...” โคโนเอมอนหยุดอยู่แค่นั้น แต่เท่านั้นก็เพียงพอให้เอชุนเข้าใจ
    “นี่คุณพ่อ ยังไม่ไว้ใจเซ็ตซึนะคุงอีกเหรอครับ? เซ็ตซึนะคุงน่ะปกป้องโคโนกะด้วยชีวิตเชียวน่ะครับ จนบางทีผมว่าผมทำได้ไม่เท่าที่เขาทำด้วยซ้ำไป!!”

    เอชุนลุกขึ้นมาเถียงด้วยความโมโหแต่ยังไม่แสดงอารมณ์มากนัก เขามองเซ็ตซึนะคุงมาตลอด เขารู้ดีเด็กคนนี้ไม่มีทางทรยศลูกสาวเขาเด็ดขาด

    “ก็เพราะเซ็ตซึนะคุงเป็นแบบนั้น ถ้าเขารู้ว่าผู้ที่ถูกเลือกจะเป็นยังไงหลังพิธีจบ เธอว่าเขาจะรับได้รึ?เธอเองกว่าจะยอมรับได้ก็ใช้เวลามากอยู่เหมือนกันมิใช่รึไง?”

    เอชุนได้ฟังก็นิ่งไป นี้ถ้ามันไม่เกี่ยวกับความเป็นความตายของมนุษย์ทุกคนบนโลกละก็ เขาไม่ยอมเด็ดขาด ตอนนั้นที่เขายอมเพราะคำพูดของโคโนมิโดยแท้

    “ที่สำคัญ เราไม่รู้ว่าวันที่พี่ของเซ็ตซึนะคุงตายจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้น เซ็ตซึนะคุงเองก็ไม่พูด พี่อีกคนอยู่ๆก็หายสาบสูญไป จริงๆตอนนี้เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซ็ตซึนะเป็นอะไร เป็นลูกครึ่งมนุษย์รึเปล่ายังไม่รู้เลย........ พูดตรงๆฉันยังไม่ไว้ใจเด็กคนนั้นเต็มร้อย....”

    .......พูดจบทั้งคู่ก็นิ่งไป ไม่พูดจาอะไรกันอีกแต่คำพูดเมื่อสักครู่สร้างความไม่พอใจให้กับเอชุนแน่นอน บรรยากาศอันน่าอึดอัดผ่านไปเนิ่นนานจนกระทั้งมีโทรศัพท์ดังเข้ามาที่สายของผอ. เอชุนจึงถือโอกาสขอตัวกลับ โดยโคโนเอมอนก็พูดส่งท้าย
    “อย่าลืมที่ฉันบอกไว้หล่ะ เอชุน”
    “...........ครับ”

    เอชุนรับปากและออกจากห้องไปโดยที่แบกความรู้สึกลำบากใจและกดดันอยู่เต็มอก
    “อ้อ ว่าแต่ตอนนี้โคโนกะอยู่ไหนหล่ะ?”เอชุนนิ่งไปสักพัก ก่อนจะตอบว่า
    “โคโนกะอยู่ที่เกียวโตครับ เขาไปเที่ยวปีใหม่พร้อมพวกเนกิคุง”

    .....................................................................................................................................

    ...... ปีนี้หลังจากทุกคนในกลุ่มที่ไม่มีที่จะไปในวันปีใหม่ อันประกอบด้วยเนกิ อาซึนะและเซ็ตซึนะ พวกเขาตัดสินใจไปเกียวโต บ้านเกิดของโคโนกะ
    เหตุผลของเนกิคือ เขาอยากใช้เวลาว่างที่มีศึกษาเรื่องของพ่อของเขาซึ่งที่เกียวโตก็ดูจะเป็นแหล่งข้อมูลเดียวที่เขามี อาซึนะเองก็ไม่มีที่ไปเลยคิดจะไปเป็นเพื่อนเนกิ

    เซ็ตซึนะก็ไม่มีเหตุผลอื่นเธอไปเพื่อคุ้มครองโคโนกะคุณหนูของเธอ แต่ในใจของเซ็ตซึนะก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล
    “ คุณหนูค่ะกลับไปคฤหาสน์คันไซมันก็ดีหรอกค่ะ แต่ดิฉันเกรงว่าพวกชินเมริวคนอื่นจะมาเล่นงานพวกเรา...”
    “แหมๆ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกจ๊ะ ท่านพ่ออนุญาตแล้ว อีกอย่างพวกมารนั้นก็ถูกเอวาจังจัดการไปหมดแล้วนี่นา เนอะ~”
    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ....”
    “น่าน่ะ....อย่าพูดมากอยู่เลย เรารีบเดินทางดีกว่า”

    ว่าแล้วโคโนกะที่เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีก็ถือกระเป๋าขึ้นรถไฟชินคังเซนไปทันที ตามมาด้วยอาซึนะและเนกิที่กำลังเลือกข้าวกล่องซื้อไปกินด้วยความสนุกสนาน เซ็ตซึนะเห็นว่าคงห้ามไม่ได้เลยคิดแต่จะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเท่านั้น แต่ใจนั้นก็ยังกังวลอยู่เต็มที่

    .......................เมื่อมาถึงคฤหาสน์ ที่แม้พวกเนกิจะเคยมามาก่อนก็ยังอดทึ่งไม่ได้อยู่ดี
    ไม่น่าเชื่อว่านี้เป็นที่ๆโคโนกะเคยอยู่ ดูโคโนกะไม่ถือตัวที่เธอมีฐานะมั่งคั่งอย่างนี้เลยซักนิด และในวันนี้พวกเขามีเป้าหมายที่จะเที่ยวอยู่แล้ว นั้นคือไปดูดอกไม้ไฟและไหว้พระในวันปีใหม่ที่ศาลเจ้าใหญ่ๆใกล้ๆคฤหาสน์นั้นเอง เย็นนั้นเนกิและเซ็ตซึนะเลยยืนรอพวกโคโนกะที่กำลังแต่งตัวอยู่ รอบๆบรรยากาศเต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมไปทั่วทางเดินฤดูหนาวมาเยือนตามกำหนดเวลาของมัน

    “อืม ปีนีหน้าหนาวมาช้าจังน่ะค่ะ”
    “เหรอครับ แต่หิมะตกลงมาหน่อยแล้วน่ะครับ”
    “นั้นนะสิค่ะ” เซ็ตซึนะที่เอามือจับหิมะที่กำลังตกปรอยลงมา พลางหันไปทางเนกิที่กำลังยืนดูหิมะตกเช่นกัน
    “คุณครูเนกิค่ะ ใส่ชุดยูกาตะแบบนี้ก็เท่ขึ้นไม่หยอกเลยน่ะค่ะ” เซ็ตซึนะที่มองเนกิในชุดยูกาตะสีเข้มเอ่ยชม เธอไม่ได้แกล้งยอน่ะ
    เนกิในชุดยูกาตะนี้ดูดีมากทีเดียว เนกิเองเขินกับคำชมของเซ็ตซึนะก็เกาหัวกลบความอาย เขาหันไปมองเซ็ตซึนะที่ใส่ชุดยูกะตะสีเข้มเช่นกันก็ชมขึ้นมาบ้าง

    “แหมม คุณเซ็ตซึนะเองก็เหมือนกัน ชุดเข้ากับดาบยูนางิดูเท่เหมือนกันนะครับ”
    เซ็ตซึนะเองก็เขินที่โดนชมเช่นกัน ไม่นานอาซึนะที่แต่งตัวเสร็จก็ส่งเสียงขึ้น

    “นี่ๆ ฉันดูเป็นยังไงมั้ง?”
    อาซึนะที่เดินออกมาในชุดกิโมโนสีแดงที่ดูจะเข้ากับสีผมของเธอเป็นอย่างดี แต่ดูท่าเธอจะยังไม่มั่นใจกับเจ้าชุดนี้ซะเท่าไหรนัก
    “สวยมากๆเลยค่ะ คุณอาซึนะ”
    เซ็ตซึนะมองอาซึนะด้วยความชื่นชมกับลุคใหม่ของสาวตาสองสี
    “นั้นสิครับคุณอาซึนะ น่าจะใส่บ่อยๆน่ะครับ”
    เนกิเองก็มองตาค้างเช่นกัน ก็เขาไม่เคยเห็นอาซึนะใส่มาก่อนนี้น่ะ
    “อ่ะ...ขนาดนั้นเลยเรอะ?”
    อาซึนะฟังคำวิจารณ์ของทั้งสองคนก็อายหน้าแดง แล้วเสียงอีกเสียงนึงก็ดังขึ้นมาว่า
    “เห็นไหมอาซึนะจังฉันบอกแล้ว~”
    โคโนกะในชุดกิโมโนสีชมพูเดินออกมาสีผมตัดกับสีของกิโมโนดูน่ารักแบบคุณหนูสมัยโบราณเลยทีเดียว

    “อ่า..............”

    เซ็ตซึน่ะที่เห็นก็ได้แต่มองตาค้าง หัวใจเต้นตึกตัก
    ง่า... คุณหนูน่ารักจัง~~ เนกิเองก็หันมามองเช่นกัน

    “คุณโคโนกะเนี้ย ใส่ชุดนี้แล้วสวยจริงๆน่ะครับ”
    “แหม เนกิคุงเนี้ยปากหวานจัง”

    โคโนกะเองพูดไปก็เขินจับแก้มตัวเอง อาซึนะเองก็หันมามองดูอีกรอบ

    “นั้นสิน่ะ เธอมันน่ารักสไตล์สาวญี่ปุ่นคิคุจริงๆซะด้วย แหม่ะ อย่ามัวชมไปมาอยู่เลยเรารีบไปงานกันดีกว่า”

    แล้วอาซึนะก็เดินนำไป ตามมาด้วยเนกิที่อาซึนะจับจูงมือ ทำเอาเนกิอายม้วน โคโนกะที่มองไล่หลังก็ยิ้มเพราะภาพที่เธอเห็นเหมือนพี่สาวน้องชายที่น่ารัก
    จูงมือพากันไปเที่ยว แหม น่ารักกันจังคู่นี้~
    แล้วเธอก็หันไปทางเซ็ตซึนะที่ยืนมองสองคนนั้นเช่นกันว่า
    “นี่ๆ เซ็ตจัง?”
    “ค่ะ? คุณหนู?”
    “ฉันใส่ชุดนี้เป็นยังไงมั่ง?”

    โคโนกะถามยิ้มๆรอคำตอบ ง่า.....เป็นยังไงอ่ะเหรอ?

    ก็น่ารักมากๆจนอดใจไม่ไหวน่ะสิ แต่เซ็ตซึนะก็ตอบตะกุกตะกักกลับไปว่า
    “งะ..งดงามมากค่ะ คุณหนู” เธอก้มหน้าแดงหลบสายตาตอบคำถามไปในที่สุด

    “แหมๆ พูดอย่างนี้ฉันเขินแย่ ยังไงเรารีบไปกันเถอะ”

    ว่าแล้วโคโนกะก็จูงมือเซ็ตซึนะเดินตามสองคนที่ล่วงหน้าไป
    ง่า....ใจเย็นๆเซ็ตซึนะ ใจเย็นๆ ในหัวของเซ็ตซึนะพูดคำนี้มาตลอดทาง
    โธ่ มีองค์หญิงแสนสวยมาจูงมือเธอแบบนี้ ใครมันจะคุมสติสะตังอยู่เล่า................

    ................................................................................................................

    .....ในงานของศาลเจ้าทั้งอาซึนะ เนกิ เซ็ตซึนะและโคโนกะต่างเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน
    ท่ามกลางผู้คนมากมายที่หลั่งไหลมาเที่ยวในงานเช่นกัน แม้อากาศจะหนาวจนกระทั้งหายใจมาเป็นไอก็ดูจะไม่เป็นอุปสรรคของคนที่มาศาลเจ้าแห่งนี้ ร้านรวงมากมายละลานตาเต็มไปหมดสร้างความตื่นเต้นให้เนกิเป็นอยากมาก เพราะเขาไม่เคยมางานวัดมาก่อน ด้านอาซึนะเองก็ชวนทั้งสามคนมาเล่นเกมอีกเกมนึง


    “นี่ๆ ไปเล่นไอ้นั้นกันเหอะ”
    “เอ๊ะ นั้น เกมยิงปืนไม่ใช่เหรอครับ?”
    “อื้ม!! ก็ฉันอยากได้ตุ๊กตาตัวนั้นนี้” พูดแล้วอาซึนะก็ชี้ไปที่ตุ๊กตารูปหมีสีน้ำตาลที่น่าตาน่ารักขึ้น มันเป็นรางวัลสำหรับผู้เล่นชนะเกมยิงปืนนั้นเอง
    “แต่ผมว่า มันยากอยู่น่ะครับ”
    “ไม่ลองไม่รู้หรอกน่า! ขอสองชุดค่ะ”
    อาซึนะไม่รอช้า เธอจ่ายตังค่าเล่นในทันที แล้วก็ลากเนกิมาเล่นด้วย
    “ เซ็ตจัง เราเล่นบ้างดีกว่าน่ะ~”
    “อ่า....ค่ะ ”

    โคโนกะไม่รอช้าจูงเซ็ตซึนะไปเล่นด้วยทันที อาซึนะที่ลองยิงหมดไปชุดแล้ว ยิงโดนเป้าแค่สองนัดก็เจ็บใจ
    “หน๊อยยแน่! ฉันนึกว่าถ้าไม่ใช่เรื่องเรียนจะเอาชนะได้ซะอีกไม่ยอมหรอก ลุง หนูขออีกชุด!”
    “อ่า เพลาๆก็ได้คร้าบบบ คุณอาซึนะ”

    เนกิเองที่ยิงโดนแค่ไปสามนัดก็เหงื่อตก คุณอาซึนะเนี้ยเวลาเอาจริงน่ากลัวแฮ่ะ เซ็ตซึนะก็ลองยิงกับเขาบ้าง หลังจากที่ดูพวกอาซึนะยิงไปซักพักก็เริ่มจับทางถูก เธอพึมพำถึงเรื่องที่มานะเคยสอนเธอว่า
    “อืมม~ ทัตสึมิยะบอกว่าให้เล็งหน้าศูนย์ให้ตรงกัน ก้มตัวลง เกร็งไหล่นิดๆ แล้วก็.......”

    แล้วเซ็ตซึนะก็ยิงโดนห้าในเจ็ดเป้า เธอบ่นอย่างเสียดายว่า
    “ว้า ฉันมันไม่เก่งเรื่องอื่นนอกจากดาบจริงๆด้วย”

    เธอบ่นเพราะมันต้องโดนสักหกถึงจะได้ตุ๊กตา โคโนกะที่ลองยิงไปสามนัดก็บ่นเช่นกัน
    “ว้า~~ ไม่โดนเลย ฉันนี้ไม่มีพรสวรรค์เรื่องพรรณนี้จริงๆด้วย~ เซ็ตจังยิงโดนกี่นัดหล่ะ?”
    “เอ่อ...ห้านัดค่ะคุณหนู”
    “เห...เก่งจัง สอนฉันมั่งซี่~~”

    ว่าแล้วโคโนกะก็ฉุดเซ็ตซึนะให้โอบตัวเธอเอาไว้จากด้านหลังโดยให้มือของเซ็ตซึนะจับไปที่ปืนที่เธอถืออยู่

    “มันต้องทำยังไงบ้างจ๊ะเซ็ตจัง?”
    “อ่า............เอ่อ...”

    เซ็ตซึนะพยายามจะตั้งใจสอนโคโนกะ แต่สมาธิกลับไม่อยู่กับตัวเอาเสียเลย ตัวเธอที่แนบกับตัวของโคโนกะทำเอาหัวในเต้นตูมตาม
    ง่า.......... สถานการณ์อย่างนี้มัน~~
    ไม่ๆ เราต้องไม่คิดกับคุณหนูในทางอกุศลเด็ดขาด!

    หลังจากพยายามอย่างสอนอย่างทุลักทุเล โคโนกะก็ยิงโดนเพียงสามเป้าเท่านั้น
    “ว้า~~ เสียดายจัง”
    “เฮ้อออ ......รอดตัว”

    เซ็ตซึนะที่รีบผละจากตัวโคโนกะทันทีพึมพำเบาๆ

    “ว่าไงน่ะจ๊ะ? เซ็ตจัง?”
    “ปะเปล่า ไม่มีอะไรค่ะคุณหนู”

    “โธ่เอ้ยยย! ได้แค่ห้าเอง”
    อาซึนะที่เสียค่าเล่นเป็นครั้งที่สามบ่นอย่างหัวเสีย
    ท่าเธออยากจะได้ไอ้ตุ๊กตานั้นจริงๆ แต่ลุงเจ้าของร้านก็ปลอบใจด้วยการให้อาซึนะกับเซ็ตซึนะที่ยิงได้ห้าเป้าได้เลือกหน้ากากคนหล่ะนึงอัน
    “หง่ะ ฉันจะเอาหน้ากากไปทำอะไรหล่ะนี่ แหม่ะ แต่ก็ช่างเหอะ”

    ถึงจะบ่นอาซึนะก็เลือกหน้ากากลายปิกาจู(ต๊าย น่ารักจัง) แล้วสวมมันไว้ที่ด้านหลังศีรษะของเนกิทันที
    “อ้าว คุณอาซึนะ ไหงเอามาให้ผมใส่ซะงั้นหล่ะคร้าบบบบ”
    “อ้าว ก็ฉันกันเผื่อนายหลงทางไง เอาลายนี้หล่ะ เด่นดี”

    แล้วอาซึนะก็ไม่สนใจเนกิที่แอบบ่นอุบอิบ ทำอย่างกับผมเป็นเด็กไปได้......ก็เด็กอยู่อะดิ๊ .......ไอ้หนู

    ทางเซ็ตซึนะเองก็ไม่รู้จะเอาหน้ากากไปทำอะไรเหมือนกัน พลันสายตาหันไปเห็นโคโนกะที่แววตาเป็นประกาย เธอก็รู้ความหมายทันที
    “คุณหนู จะเอาอันไหนดีค่ะ?”
    “คิกๆ รู้ด้วยเหรอฉันเอาอันนี้!”

    โธ่ ไม่ต้องบอกก็ต้องรู้ ก็คุณหนูเล่นส่งสายตาความอยากซะขนาดนั้น
    เด็กจริงๆเลยน้า แล้วเซ็ตซึนะก็สวมหน้ากากรูปกระต่ายให้โคโนกะอีกคน
    ตอนนี้ในกลุ่มก็มีเด็กน้อยพร้อมหน้ากากสองคนเลยสิเนี้ย~

    ... แล้วโคโนกะก็ชวนทุกคนไปไหว้ที่ศาลเจ้าเพื่อขอพรปีใหม่ ทั้งหมดเดินฝ่าฝูงคนท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ เมื่อไปถึงอาซึนะที่ดูจะตั้งใจขอมาก ทำเอาเนกิเองก็อดหันมาถามไม่ได้ว่า
    “คุณอาซึนะขออะไรเหรอครับ?”
    “ห๊ะ....ฉันเหรอ?....ฉันก็ขอให้ตัวเองหลุดจากติงต็องส์เรนเจอร์ซะทีน่ะสิ”
    “อ้าวๆ ฉันนึกว่าขอให้สมหวังกับอาจารย์ทาคาฮาตะซะอีก~~”

    โคโนกะที่ฟังอยู่พูดมาตรงๆทำอาซึนะหน้าแดง เธอหาเรื่องโบ้ยทันที
    “บะบ้า ใช่ซะที่ไหน แล้ว...แล้วคุณเซ็ตซึนะหล่ะค่ะ? ขออะไรไป?”
    “....ค่ะ?...... ดิฉันน่ะเหรอ?”

    เซ็ตซึนะที่อยู่ๆถูกลูกโยนมาก็อ้ำๆอึ้งๆ
    ง่า....จะบอกไปได้ยังไงเล่าว่าขออะไร...เธอตอบคำถามส่งเดชทันที
    “เอ่อ.....ขอให้ดิฉันมีฝีมือดาบที่ดีขึ้นน่ะค่ะ แล้วคุณครูเนกิหล่ะค่ะ?”
    “ผมขอให้เจอท่านพ่อเร็วๆน่ะครับ”

    แม้จะยิ้มตอบแต่พอพูดจบเนกิก็ทำหน้าสลดเล็กน้อย ก่อนชวนทุกคนออกมาจากศาลเจ้า เซ็ตซึนะที่รู้สึกว่าเธอผิดไปไม่น่าถามขึ้นมาเลย โคโนกะที่พอจะเดาอาการของเซ็ตจังออกก็ปลอบว่า
    “ไม่เป็นไรหรอกน่ะ เนกิคุงน่ะเขาเข้มแข็งจะตาย”
    “นั้นสินะค่ะ ว่าแต่คุณหนูขออะไรเหรอค่ะ?”

    โคโนกะมองหน้าเซ็ตซึนะที่รอฟังคำตอบนิดนึง เธอหน้าแดงแล้วหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบว่า
    “ไม่บอก!~~”

    แล้วเธอก็เดินตามพวกอาซึนะทันที ทิ้งให้เซ็ตซึนะยิ่งอยากรู้ขึ้นไปอีก
    อาจจะเป็น.............อ่า ไม่มีทาง เข้าข้างตัวเองไปแล้วเรา
    แล้วเซ็ตซึนะก็เดินตามไปสมทบอีกคน

    ..... ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังเที่ยวกินกันอย่างสนุกสนาน อาซึนะที่ในมือถือทาโกยาะกิก็มองนาฬิกาแล้วพูดขึ้นว่า
    “ใกล้จะจุดดอกไม้ไฟแล้วน่ะ เรารีบไปจองที่ดีๆกันเหอะ”
    “นั้นสิน่ะครับ ผมไม่เคยดูดอกไม้ไฟของญี่ปุ่นเลยสักครั้ง น่าสนุกน่ะครับ”
    “ใช่ๆ มันก็ธรรมดาอะน่ะ แต่สวยทีเดียวหล่ะ”

    ขณะที่ทั้งหมดกำลังคุยกัน เซ็ตซึนะก็จับได้ถึงรังสีบางอย่าง มันเป็นอะไรก็ไม่รู้บอกไม่ถูก ทว่ามันกำลังจ้องมาที่พวกเธออยู่แน่ๆ
    เมื่อเซ็ตซึนะหันไปมองก็เห็นคนๆหนึ่งในชุดนักรบสีดำแบบโบราณสวมหมวกฟางใบใหญ่และหน้ากากสีแดงรูปยักษ์มองมาที่พวกเธอเขม็งเซ็ตซึนะเห็นก็ไม่รอช้า เธอรีบกระชับดาบในมือฝ่ากลุ่มฝูงชนพุ่งไปที่คนสวมหน้ากากนั้นทันทีโดยไม่ลืมพูดกลับมาว่า
    “เดี๋ยวดิฉันจะตามไป คุณหนูกรุณาอยู่กับคุณอาซึนะอย่าไปไหนน่ะค่ะ!!”
    “อ่ะ จะไปไหนหล่ะคุณเซ็ตซึนะ”

    อาซึนะที่มองไล่หลังถามอย่างงงงัน แต่ไม่ทันจจะได้คำตอบ เซ็ตซึนะก็หายไปในฝูงคนแล้ว

    “เซ็ตจัง......เซ็ตจังไปไหนน่ะ?”

    โคโนกะเองก็มองตามด้วยความเป็นห่วง ดูเหมือนเธอนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างเลยวิ่งตามเซ็ตซึนะไปด้วยความเป็นห่วงทันที พวกอาซึนะก็ตกใจร้องห้ามไม่ทัน โคโนกะกลืนหายเข้าไปในงานอีกคน
    “เฮ้ ! เดี๋ยวสิ โคโนกะ!”
    “ผมว่าเรารีบตามไปดีกว่าน่ะครับ เดี๋ยวผมจะตามรอยเอาจากการ์ดบัคดิโอ้”

    แล้วพวกเขาก็ตามหาโคโนกะที่วิ่งหายไป จะวิ่งตามเขาไปทำไมน่ะ
    เซ็ตซึนะหน่ะเขาเอาตัวรอดได้ แต่เธอไม่ใช่ซะหน่อยยัยโคโนกะ
    แม้จะร้อนใจแต่อาซึนะก็รีบตามสองคนนั้นไปโดยเร็ว

    ..................................................................................................

    ......... แม้จะไล่ตามมาด้วยความเร็วแค่ไหน เซ็ตซึนะก็ตามหาคนใส่หน้ากากนั้นไม่พบ ทั้งๆที่เธอมั่นใจว่ามันต้องมาทางนี้แน่ๆ และแล้วเธอก็เห็นมันอีกครั้ง คราวนี้มันอยู่ทางด้านป่าช้าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนจนแทบมองทางเดินไม่เห็น เซ็ตซึนะไม่รอช้าเร่งตามมันไปทันที และดูเหมือนเซ็ตซึนะต้อนมันจนมุม รึถ้าจะเรียกให้ถูก มันหยุดรอเซ็ตซึนะจะมากกว่า มันหยุดยืนนิ่งมองมาที่เซ็ตซึนะ
    เซ็ตซึนะเองก็หยุดนิ่งเช่นกัน มือจับดาบเอาไว้แล้วตะโกนถามคนที่ใส่หน้ากากว่า
    “แกมีเจตนาอะไร! ทำไมถึงตามพวกเรามา! รึว่าแกจะมาลอบทำร้ายคุณหนู!?”

    ทว่าไม่มีแม้แต่เสียงตอบ เซ็ตซึนะเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้แปลว่าปฏิเสธ เธอไม่รอช้าชักดาบออกมาจ่อไปผู้ที่อยู่เบื้องหน้าแล้วถามขึ้นอีกครั้ง
    “ฉันถามแก ไม่ได้ยินรึไง??”
    “...........................................”

    ...แทนคำตอบของเซ็ตซึนะ มันชักดาบมาและพุ่งโจมตีเซ็ตซึนะทันที
    เซ็ตซึนะเองที่ตั้งท่ารออยู่นานตั้งรับมันได้อย่างทันท่วงที แต่ฝ่ายนั้นฝีมือใช่ย่อย มันรุกและรับการโจมตีของเซ็ตซึนะราวกับรู้ว่าเซ็ตซึนะจะโจมตีมันยังไง
    แต่เซ็ตซึนะก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอยังกระหน่ำโจมตีไปเรื่อยๆ
    ทว่าดูเหมือนมันจะรู้แนวการโจมตีของเซ็ตซึนะทุกกระบวนท่า ในจังหวะที่เสียเปรียบมันจับเข้าที่ข้อเท้าขวาของเซ็ตซึนะและเหวี่ยงเธอกระเด็นไปไกล
    แต่โชคดีที่เธอตั้งสติทัน เธอจึงกลับตัวตีลังกาลงพื้นอย่างสวยงาม
    เซ็ตซึนะจ้องคนสวมหน้ากากตาไม่กระพริบพลางวิเคราะห์สถานการณ์ อะไรกัน รับการโจมตีของเราได้หมด....มันไม่ใช่เพราะมันเร็วกว่าหรอก
    แต่เพราะมันรู้....มันรู้ว่าเราจะโจมตียังไง ....เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก!!

    “แก! ....แกมันพวกชินเมริวเหมือนกันใช่ไหม?”

    ดูเหมือนที่เซ็ตซึนะตะโกนไปจะจริง เพราะมันก็แอบสะดุ้งอยู่เหมือนกัน
    ชิ....จริงซะด้วย ทำไมยังไม่ยอมเลิกราน่ะ แถมไอ้นี่ ฝีมือร้ายกาจมาก ระดับอาจารย์ทีเดียว....อาจจะมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอในชินเมริวเลยก็ได้...จะทำยังไงดี?

    “ทำไมถึงยังตามราวีคุณหนูอีก พวกแกน่ะ น่าจะล้มเลิกความคิดบ้าๆนั้นไปซะ! ไม่เช่นนั้น....”

    เซ็ตซึนะที่ใช้พลังจากการ์ดบัคดิโอ้เรียกมีดสั้นมาอีกอัน คราวนี้มือทั้งสองของเธอถืออาวุธครบมือ....

    “ฉันจะจบชีวิตของแกซะ!!~”

    โดยไม่รอคำตอบ เซ็ตซึนะพุ่งโจมตีศัตรูอีกโดยไม่รีรอ
    คราวนี้เธอเปลี่ยนไปใช้กระบวนท่าอื่นที่ไม่ใช่ของสำนักดาบชินเมริว ทำเอามันตั้งรับแทบไม่ทันกับกระบวนท่าใหม่และพลังที่เพิ่มขึ้นอันเกิดมาจากการใช้อาวุธของการ์ดบัคดิโอ้ จนมันเองก็โดนสันดาบของดาบยูนางิทรุดล้มลงไปต่อหน้า ซ็ตซึนะเดินเข้าหามันช้าๆอย่างระมัดระวัง ปลายดาบชี้ไปยังคนสวมหน้ากากที่เงยหน้ามามองเซ็ตซึนะเช่นกัน
    “ทำไมแกไม่ใช้คมดาบเหมือนกันหล่ะ? แกมีจุดประสงค์อะไร?”
    “..........................................”
    “แกมาเพื่อลักตัวคุณหนูไปใช่ไหม?”
    “...........................................”
    “แกเป็นใครกันแน่???”
    “............................................”

    จังหวะนั้นเอง เซ็ตซึนะที่เข้าใกล้คนสวมหน้ากากเต็มที เธอก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงๆนึงดังขึ้นมา

    “เซ็ตจังงงง! เซ็ตจังงอยู่ที่ไหน!”
    “แย่แล้ว คุณหนู!!”

    เพราะอาศัยจังหวะที่เซ็ตซึนะเผลอหันไปมองโคโนกะ คนสวมหน้ากากยักษ์รีบชิ่งตัวหนีไปทันที เซ็ตซึนะที่กว่าจะรู้ก็สายไป เธอทำได้แค่เพียงฟันสายรัดหน้ากากของมันเท่านั้น
    “ชิ......หนีไปซะได้!!!”
    “เซ็ตจัง เซ็ตจังวิ่งออกมาทำไม?”
    “คุณหนูต่างหาก ตามมาทำไม? ดิฉันบอกให้คุณหนูอยู่กับคุณอาซึนะไม่ใช่หรือค่ะ!”
    “แต่.....แต่ว่า...”
    “ถ้าคุณหนูเป็นอะไรไปจะทำยังไงหล่ะค่ะ!!!!”
    “แต่...แต่ฉันเป็นห่วงเซ็ตจังนี่..........”
    “ดิฉันจะเป็นอะไรก็ช่างดิฉันเถอะค่ะ!! น่าจะดูฐานะของตัวเองซะบ้าง!!!!~”

    ......แต่ก็ไม่น่าถึงขนาดตะคอกกันขนาดนี้เลยนี่น่า เซ็ตซึนะเองก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดแรงไปเลยหน้าเสียเลยหันจะไปขอโทษ เธอเอื้อมมือจะไปจับมือโคโนกะ
    แต่โคโนกะกลับสะบัดมือนั้นอย่างไม่ใยดีและเดินหนีออกไป
    พวกอาซึนะก็เดินเข้ามาพอดี ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เซ็ตซึนะก็ไม่พูดอะไรเอาแต่นิ่งเงียบ โคโนกะเองก็ทำตัวปกติ บอกว่าไม่มีอะไรและชวนกันให้รีบไปดูดอกไม้ไฟ
    ทั้งสองคนแม้จะยังงงๆ แต่ก็ไม่ขัดข้อง กระนั้นทั้งสองคนก็ไม่วายหันมาทางเซ็ตซึนะว่า

    “นี่......เกิดอะไรขึ้น? คุณเซ็ตซึนะตามใครไปหน่ะ?”

    แต่เซ็ตซึนะที่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงลงไปไม่มีอารมณ์จะพูดเรื่องนี้ เธอตอบแบบปัดๆกับเพื่อนทั้งสองว่า
    “เอ่อ.............................. ดิฉันเข้าใจผิดไปเองหน่ะค่ะ โปรดอย่าใส่ใจเลย”

    พูดจบเซ็ตซึนะก็เดินเงียบๆจากไปเช่นกัน .........................

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


    “5!....4!..... 3!..... 2!...... 1!”


    “ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!”

    “สวัสดีปีใหม่!!!!!!!!!~”

    ..........ทั้งหมดพากันไปดูดอกไม้ไฟที่จุดอย่างสวยงาม ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาฉลองปีที่กำลังเริ่มต้นใหม่ด้วยความยินดี
    เนกิก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นพลุของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก อาซึนะเองที่ดูอาการของเนกิก็ไม่เข้าใจว่ามันจะต่างจากพลุของอังกฤษตรงไหน?

    ........ทว่าท่ามกลางความสนุกสนานของบรรยากาศรอบๆตัวและพลุที่ทุกคนต่างมองด้วยความชื่นชม ในใจของเซ็ตซึนะและโคโนกะกลับไม่มีอารมณ์รู้สึกถึงความสวยของดอกไม้ไฟนั้นเลยสักนิด ทั้งสองมองเห็นเพียงแสงที่สว่างวาบและดับลงไปของมันเท่านั้น......

    ......ทางด้านบุคคลปริศนาที่สวมหน้ากากยักษ์นั้นก็ถอดหน้ากากที่โดนเซ็ตซึนะตัดสายขาดออกมา มือกุมไปยังรอยดาบที่เซ็ตซึนะใช้สันดาปฟันที่เป็นรอยลึก
    ..... สายตามองไปที่พวกเซ็ตซึนะที่กำลังดูดอกไม้ไฟ แล้วพึมพำขึ้นมาว่า
    “ฮึ.......แกร่งจริงๆ ..............”

    ............................................................................................................................

    .............ในคืนนั้น หลังจากที่ทั้งสี่คนกลับมาจากการเที่ยวงานเทศกาล เนกิที่ง่วงนอนมากๆเผลอหลับเอาตรงหน้าคฤหาสน์โดยไม่รู้ตัวเดือดร้อนอาซึนะ
    ต้องอุ้มพาไปนอนที่ห้อง ถึงจะบ่นกะปอดกะแปดแต่ก็ยังอุ้มไปถึงที่
    ว่าแล้วอาซึนะก็ขอตัวไปอาบน้ำนอน โคโนกะและเซ็ตซึนะเองก็ไปอาบน้ำเช่นกัน แต่เซ็ตซึนะขอไปอาบน้ำที่อีกห้องนึง
    อาซึนะที่เห็นอย่างนั้นก็สงสัยในพฤติกรรมของเพื่อนทั้งสองคนยิ่งขึ้น

    .....................ในห้องอาบน้ำ

    “โคโนกะ.......”
    “อะไรเหรอจ๊ะ? อาซึนะ”
    “พวกเธอเป็นอะไรไปหน่ะ ตั้งแต่ในงานวัดแล้วน่ะ..”

    ไม่ต้องเอ่ยชื่อ โคโนกะก็รู้ว่าอาซึนะพูดถึงเรื่องตนกับเซ็ตจัง โคโนกะนิ่งเงียบ เธอไม่ตอบคำถามรูมเมทของเธอทันที จนอาซึนะรู้สึกอึดอัดด้วยความที่เป็นคนตรงไปตรงมา ดูจากอาการของสองคนนี้ก็พอจะเดาออก เธอเลยเปิดประเด็นพูดขึ้นมาตรงๆทันที
    “ถ้าเป็นเรื่องที่เขาตามคนลึกลับนั้นไป เธอก็รู้ว่ามันเป็นหน้าที่ของคุณเซ็ตซึนะอยู่แล้วนี่น่า”
    “อืม....แต่..”
    “เธอเองก็ไม่ดีใช่ไหม เซ็ตซึนะบอกให้เธออยู่กับฉัน แต่ก็ดันทะเล่อทะล่าตามเขาไปน่ะ!”
    “อืม ก็รู้....แต่..”
    “แล้วงั้นพวกเธอเป็นอะไรไปเล่า!?! ทำไมอยู่ๆมาเฉยชาใส่กันแบบนี้หล่ะ???”
    “........................................................”


    “ก็......................ก็เซ็ตจังเขาตะคอกใส่ฉันนี้!!!!!!!~”
    โคโนกะที่นิ่งมานาน ตะโกนออกมาด้วยความสุดจะทน ทำเอาอาซึนะสะดุ้งเฮือกตกใจเช่นกัน ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเห็นยัยนี้ตะโกนด้วยความโกรธอย่างนี้มาก่อนเลยแฮ่ะ
    เซ็ตซึนะเนี้ยทำให้ยัยนี้เป็นถึงขนาดนี้เชียว แล้วอาซึนะก็เปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนแทน เธอปลอบโคโนกะว่า
    “โธ่เอ้ย นึกว่าเรื่องอะไร เขาคงแค่เป็นห่วงเธอเท่านั้นหล่ะ เซ็ตซึนะเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนน่ะ เห็นเขาชอบนิ่งๆก็ต้องมีลิมิตบ้างแหล่ะ จริงไหม?”

    อาซึนะที่ใช้เหตุผลพูดหันมามองทางโคโนกะที่กำลังใช้ความคิด
    โคโนกะนิ่งไปซักพักแล้วหันไปมองทางอาซึนะ เธอจ้องอาซึนะอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นว่า..............
    “ว่าแต่ว่า อาซึนะจ๊ะ.....”
    “ อื้ม ว่าไง?”
    “รู้สึกว่าหมู่นี้ ................. จะอ้วนขึ้นน่ะ”

    อาซึนะฟังเรื่องที่โคโนกะพูดก็แทบปรับโหมดไม่ทัน เธออายที่เพื่อนเธอแซวแล้วก็แก้เก้อกลับทันที
    “ก็เพราะใครหล่ะย่ะ ขยันทำของว่างให้ฉันกินหน่ะ?”
    “อ้าว ก็อาซึนะบอกให้ฉันทำให้กินไม่ใช่เหรอ?~”
    “แหม.........นั้นมันก็...........”

    อาซึนะเองก็แก้ตัวไม่ออก พักนี้เธอก็รบเร้าให้โคโนกะทำของหวานนู่นนี้อยู่เรื่อยจริงๆนั้นแหล่ะ
    “แล้วใครใช้ให้เธอทำอร่อยกันหล่ะย่ะ!”
    “แหมๆ ดูเหมือนจะอึ๋มขึ้นด้วยน่ะเนี้ย~~”
    “หง่ะ...ยัยโคโนกะ ฉันรึอุตส่าห์เป็นห่วงหน๊อยยยยยย เธอตอบแทนฉันอย่างนี้เหรอ อย่าอยู่เลย!”
    แล้วอาซึนะที่พูดด้วยน้ำเสียงโมโหก็เอาน้ำไล่สาดโคโนกะทันที โคโนกะก็ไม่ยอมอยู่เฉยเธอวิ่งหนีหัวเราะคิกคัก แล้วสาดน้ำโต้อาซึนะเช่นกัน
    “ช่วยด้วยค๊า~ ช่วยด้วย~ ยักษ์อาซึนะจะมากินฉันค๊า!~”
    “หน๊อยแน่ คราวนี้ต่อให้คุณเซ็ตซึนะมาช่วยก็อย่าหวังว่าจะรอดเลย นี้แน่!”

    แล้วเพื่อนรักทั้งสองคนก็ไล่สาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังซะจนเนกิที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา
    .....แต่เมื่อเขาจับความได้ว่านักเรียนของเขาแค่เล่นกันก็นอนต่อ พลางบ่นว่า
    “แหม.....เล่นกันหยั่งกะเด็กๆเลยน่ะครับ ยังไงก็ช่วยระวังจะลื่นหกล้มด้วยแล้วกันน่ะคร้าบบบบ”

    แม้จะยังไม่วายเป็นห่วงแต่เนกิก็นอนหลับปุ๋ยต่อ
    โดยที่ตั้งใจนอนเพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องโดนอาซึนะไล่ให้ไปอาบน้ำ หนาวๆอย่างนี้เขายอมไม่อาบเป็นเดือนเลยหละ ฮิๆ.........

    .....................................................................................................................................................

    ..... หลังจากอาบน้ำเสร็จ อาซึนะก็นอนหลับเป็นตาย แต่โคโนกะนั้นยังนอนไม่หลับ เซ็ตซึนะก็ยังไม่กลับมาที่ห้องเช่นกัน ใจก็นึกเป็นห่วงกะจะไปตามให้มานอน เพราะข้างนอกอากาศเย็นขึ้นมาก แต่ใจทิฐิที่ยังโกรธอยู่มีมากกว่า

    ช่างปะไร คนอุตส่าห์เป็นห่วงกลับมาตะคอกใส่เขาเฉย มันน่าโมโหจริงๆ เธอเลยตัดสินใจจะนอนต่อ ทว่า พลิกตัวไปพลิกตัวมาก็ยังไม่หลับ เธอเลยคิดว่าจะแอบไปเดินเล่นข้างนอกโดยไม่ให้เจอเซ็ตจัง
    แล้วเธอก็ค่อยๆย่องเดินข้ามตัวอาซึนะแล้วเดินไปเปิดประตู ทันใดนั้นก็มีมือๆหนึ่งมาปิดปากเธอเอาไว้

    “อู้ๆ ใครน่ะ! ปล่อยน่ะ! ”

    โคโนกะพยายามส่งเสียงและดิ้นสุดแรง

    “ชู่ววว ดิฉันเองค่ะคุณหนู”
    “เซ็ตจัง?”
    เซ็ตซึนะนั้นเองที่เอามือมาปิดปากเอาไว้ ความจริงเธอนั่งอยู่ที่หน้าห้องตั้งนานแล้ว แต่ไม่กล้าเข้าห้องไปนอน เพราะรู้ว่าคุณหนูของเธอยังโกรธเธออยู่ เธอทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่นั่งอยู่หน้าห้องเงียบๆ
    “ช่วยตามดิฉันมาหน่อยจะได้ไหมค่ะ?”
    โคโนกะที่ถูกเซ็ตซึนะปล่อยตัวพยักหน้า ก่อนที่เธอจะเดินตามเซ็ตจังของเธอไปเงียบๆ

    ..................................................................................................................................................

    ........เมื่อเดินออกไปถึงสวนหลังคฤหาสน์ หิมะกำลังตกมาปรอยๆ บรรยากาศรอบๆนั้นเงียบสงบ ทั้งสวนถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวของหิมะ แต่ก็ยังมีดอกซากุระบานอยู่เต็มไปหมด ท้องฟ้าสีมืดถูกประดับด้วยดวงจันทร์ที่ส่องแสงมาให้พอเห็นทาง เซ็ตซึนะที่เดินนำมานานเธอก็หยุดแล้วนั่งลงที่ระเบียงทางเดิน
    โคโนกะเห็นก็ยังไม่นั่งตามทันที เธอยืนนิ่งมององครักษ์ของเธออยู่อย่างนั้น

    ..............เซ็ตซึนะที่พอจะเดาอาการออกว่าคุณหนูของเธอยังไม่หายโกรธ เธอถอนหายใจยาวก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนหนักใจแต่ไม่มองมาทางโคโนกะว่า
    “คุณหนู ยังไม่หายโกรธดิฉันหรือค่ะ”
    “.........................................................”
    “ถ้าดิฉันขอโทษ คุณหนูจะยกโทษให้ดิฉันไหมค่ะ?”
    “........................................................”
    “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ...............................”

    .....พูดจบเซ็ตซึนะก็ค่อยๆลุกขึ้น เธอเดินไปดูบ่อน้ำที่แสงจันทร์ส่องกระทบฉายเป็นรูปจันทร์เสี้ยวอย่างสวยงามอยู่บนผืนน้ำ หิมะที่ตกลงมาละลายทันทีที่แตะผิวหน้าของมัน เธอดูมันสักพัก ก่อนจะพูดต่อว่า
    “วันนี้พระจันทร์งดงามมากเลยน่ะค่ะคุณหนู แสงของมันงดงามเหมือนคุณหนูไม่มีผิด.....”

    พูดพลางเซ็ตซึนะก็เงยไปมองดวงจันทร์ โคโนกะที่ยืนนิ่งฟังก็อดมองดูตามไม่ได้ คืนนี้ท้องฟ้าโปร่งจนทำให้เห็นพระจันทร์สวยจริงๆ
    “เงาพระจันทร์ที่อยู่บนพื้นน้ำนั้นก็สวยไม่แพ้กัน แต่ทว่า.....”

    พูดจบเซ็ตซึนะก็เอาก้อนหินเขวี้ยงไปที่บ่อน้ำ จนผิวน้ำกระเพื้อมเงาพระจันทร์เสี้ยวก็บูดเบี้ยวไปตามคลื่นน้ำที่เป็นวงๆรอบๆ บริเวณที่ก้อนหินตกลงไป.....แล้วเซ็ตซึนะที่มองเงาจันทร์ที่กำลังสั่นไหวก็พูดต่อ.....
    “มันไม่งดงาม และคงถาวรเหมือนแสงจันทร์ของจริง มันแปรเปลี่ยนตามสิ่งที่กระทบมัน ถึงมันจะจำลองความงดงามมามากแค่ไหน แต่มันก็ทำได้แค่นั้น แสงที่มันสะท้อนยังไงก็สู้แสงจันทร์ที่แท้จริงมิได้อยู่ด ีเพราะเงายังไงก็เป็นได้แค่เงา......เหมือนกับตัวดิฉัน..”

    เซ็ตซึนะที่มองดูเงาที่เปลี่ยนรูปแล้วกลับมาเป็นจันทร์เสี้ยวสวยดั่งเดิมอีกครั้ง เธอมองดูมันราวกับว่ามันเป็นเงาสะท้อนตัวตนของเธอ
    เธอที่ดูภายนอกเป็นมนุษย์แต่อีกครึ่งเธอก็เป็นปิศาจอยู่ดี และเธอเองก็พยายามใช้ชีวิตให้เป็นมนุษย์ที่สุด เหมือนผืนน้ำที่พยายามนิ่งเพื่อให้สะท้อนเงาจันทร์ให้สวยดังเดิมให้ได้มากที่สุด

    “เห็นไหมค่ะ? ดิฉันเทียบกับคุณหนูไม่ได้เลย คุณหนูน่ะอยู่เกินเอื้อมของดิฉันจริงๆ เหมือนพระจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้านั้นแหล่ะค่ะ”
    “เซ็ตจัง........ไม่ใช่เงาซะหน่อย”
    โคโนกะที่ยืนฟังอยู่นานพูดประโยคแรกออกมาในที่สุด เธอว่าเซ็ตจังเปรียบเทียบตัวเองต่ำต้อยเกินไปและเปรียบเทียบตัวเธอสูงส่งเกินไปเช่นกัน

    “เอาเถอะค่ะ.............ถึงยังไงนี้มันก็เป็นสิ่งที่ดิฉันคิดอยู่คนเดียวมาตลอด โปรดอย่าใส่ใจเลยค่ะ”

    และเมื่อเซ็ตซึนะพูดในสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ในใจมาตลอดหลายปีมานี้ออกมาจบ ก็มองดูพระจันทร์อยู่นานก่อนจะหันหน้าไปทางโคโนกะที่ยืนอยู่แล้วพูดว่า
    “ที่ดิฉันพยายามจะบอกก็คือ ดิฉันกลัว........กลัวมากว่าถ้าหากวันนึงดิฉันปกป้องคุณหนูไม่ได้ ดิฉันคงจะหมดสิ้นทุกอย่างเหมือนผืนน้ำที่ไร้แสงจันทร์สาดส่องผืนน้ำที่มืดมิดก็เป็นดิฉันที่ขาดคุณหนูไปนั้นแหล่ะค่ะ ถ้าคุณหนูเป็นอะไรไปดิฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองเป็นแน่”

    ....เซ็ตซึนะที่มองโคโนกะอยู่เนิ่นนานเธอค่อยๆก้าวเดินมาทางโคโนกะช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าโคโนกะเพียงก้าวเดียว เซ็ตซึนะส่งสายตาอันอ่อนโยนแกมสำนึกผิดก่อนจะถามโคโนกะว่า
    “ดิฉันขอโทษค่ะ....”
    “..........ที่ดิฉันตะคอกใส่คุณหนูเพราะดิฉันเป็นห่วงคุณหนูจริงๆ คุณหนู.......จะอภัยที่ดิฉันตะคอกใส่คุณหนูวันนี้ได้ไหมค่ะ?”

    โคโนกะที่ยืนดูสายตาของเซ็ตซึนะจับจ้องมาที่ตนไม่วางตา
    หัวใจของเธอเริ่มเต้นตึกตัก สายตาแบบนี้มันทำให้ใจของเธออ่อนยวบทันที ความโกรธที่มีมันหายไปตั้งแต่องครักษ์ของเธอมองมาโดยที่ไม่ต้องพูดซักคำ

    “ฉันยกโทษเรื่องตะคอกก็ได้...........ฉันเข้าใจแล้วว่าเซ็ตจังน่ะห่วงฉันมากขนาดไหน”
    “ขอบคุณค่ะคุณหนู”

    เซ็ตซึนะยิ้มขอบคุณด้วยความดีใจที่เธอสามารถง้อคุณหนูได้สำเร็จ
    แต่ทว่า โคโนกะยังพูดไม่จบ............
    “................แต่ฉันจะไม่ยกโทษให้เรื่องที่เซ็ตจังชอบบอกว่าตัวเองต่ำต้อยขนาดนั้น ”

    พูดจบโคโนกะก็หันไปนั่งลงที่ระเบียงทางเดินพลางเตะเท้าทั้งสองข้างเล่นไปมาโดยมีเซ็ตซึนะที่ยืนอึ้งคิดอยู่ว่า คุณหนูของเธออาจยังไม่ได้ให้อภัยเธออย่างที่พูดเมื่อสักครู่ก็ได้ นี่ฉันดีใจเก้ออย่างนั้นเหรอ? แล้วโคโนกะก็พูดในสิ่งที่เธอตั้งใจจะพูดต่อว่า...

    “พวกเราเท่าเทียมกันน่ะ สำหรับฉันเซ็ตจังจะเป็นอะไรฉันไม่สนอยู่แล้ว เซ็ตจังก็คือเซ็ตจัง แค่เรื่องความเป็นลูกครึ่งปิศาจมันไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลย....”


    “แต่สำหรับดิฉัน!.....มันไม่ใช่แค่เรื่องความเป็นลูกครึ่งปิศาจน่ะค่ะ!!!”


    เซ็ตซึนะที่ฟังอีกฝ่ายพูดราวกับความเป็นปิศาจของเธออีกครึ่งเป็นเรื่องธรรมดาก็เถียงกลับเสียงดังอย่างลืมตัว หรือจะเรียกว่าเธอพูดด้วยน้ำเสียงโมโหนิดๆก็น่าจะถูก ถ้าคุณหนูรู้เรื่องของเธอตอนที่ท่านพี่ซึรุโกะตายคุณหนูจะไม่มีทางพูดแบบนี้เด็ดขาด!! โคโนกะที่ชะงักกับน้ำเสียงเมื่อสักครู่ก็เริ่มมองอีกฝ่ายด้วยความโมโหเช่นกัน ก็สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยจริงๆนี่น่า
    ....โคโนกะที่คิดอย่างนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นๆว่า

    “มันก็เหมือนกับเป็นอีกแค่สัญชาติหนึ่งเองไม่ใช่เหรอไง? เซ็ตจังหน่ะคิดมากไปแล้วน่ะ เป็นลูกครึ่งปิศาจแล้วไงหล่ะ เซ็ตจังก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรฉันเลยนี้น่า กลับคอยมาปกป้องฉันด้วยซ้ำ! การมีสายเลือดเป็นปิศาจก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำเหมือนปิศาจเสมอไปนี่!!”

    แต่โคโนกะที่พูดไปตามความคิดของตนคงไม่รู้หรอกว่าตัวเองพูดไปจี้ใจดำของเซ็ตซึนะเข้าอย่างจัง เพราะในหัวของเซ็ตซึนะตอนนี้ย้อนไปถึงตอนที่ตนกลายเป็นปิศาจเต็มตัว ปีกสีดำที่ดึงจิตใจอันมืดมิดของเธอออกมา ตัวเธอในตอนนั้นสามารถทำร้ายและฆ่าคนได้โดยไม่สนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษเลยซักนิด แม้แต่ท่านพี่ซึรุโกะเองก็ไม่เว้น
    .... แล้วอย่างนี้จะให้เธอทำเป็นไม่สนใจเรื่องที่เธอมีสายเลือดปิศาจอีกน่ะหรือ?? คุณหนูน่ะคิดง่ายไปแล้ว....

    “ปิศาจยังไงก็เป็นปิศาจ คุณหนูจะไปเปลี่ยนมันไม่ได้หรอกค่ะ”
    “เปลี่ยนได้ซิ! ก็เซ็ตจังคนที่อยู่ตรงหน้าฉันไง! เซ็ตจังไม่ใช่ปิศาจน่ะ!!”
    “ใช่สิค่ะ!!!!!! ทำไมจะไม่ใช่!!!”
    เพี๊ยะ!!!!!
    “ฉันบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ!!!”

    โคโนกะที่โมโหถึงขีดสุดลุกขึ้นมาตบหน้าเซ็ตซึนะที่เถียงกับเธอโดยที่เซ็ตซึนะไม่ทันตั้งตัว.....เธอมองไปที่องครักษ์ของเธอด้วยสีหน้าของความโกรธและความน้อยใจเพราะสำหรับโคโนกะ..สิ่งเดียวที่เป็นปิศาจในร่างของเซ็ตซึนะคือการที่อีกฝ่ายเย็นชาใส่เธอมาตลอดหลายปีนี้ต่างหาก
    ....ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้ถึงจุดนี้เลย....

    ......แต่เซ็ตซึนะกลับคิดในด้านตรงกันข้าม ไม่ว่าจะพูดอีกสักกี่รอบความคิดในแง่ลบที่มีต่อตัวเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง....ใช่สิ เพราะคุณหนูไม่เคยเห็นเธอในตอนที่ชั่วร้ายนี่น่า
    .....ตัวเธอกับปีกสีดำสนิทคู่นั้น ถ้าเช่นนั้นเธอก็ควรแสดงให้อีกฝ่ายรู้ถึงด้านปิศาจของเธอเสียบ้าง!!~

    “ได้! ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะเผยร่างที่เป็นปิศาจของดิฉันให้ดู!! คุณหนูจะได้รู้สักทีว่าคนตรงหน้าคุณหนูน่ะมันไม่ได้เปลี่ยนได้อย่างที่คิดหรอก!!”

    พูดจบเซ็ตซึนะที่กำลังโมโหก็เอามือทั้งสองข้างจับที่ไหล่ของโคโนกะก่อนที่เธอจะก้มลงไปจูบบดขยี้ที่ริมฝีปากบางคู่นั้นทันที
    ทำเอาโคโนกะเบิกตาโพลงช็อคด้วยความตกใจกับการกระทำอันคาดไม่ถึง แรงจูบทำเอาเธอเข่าอ่อนทรุดแบบไม่ทันตั้งตัวกับความรู้สึกที่องครักษ์ของเธอส่งเข้ามา แต่เซ็ตซึนะยังไม่หยุดอยู่แค่นั้นเพราะเธออยากให้อีกฝ่ายรับรู้ด้านมืดของตัวเองให้มากขึ้นไปอีก เธอจึงดันตัวคุณหนูของเธอให้นอนลงกับพื้นระเบียง
    ก่อนที่จะกดริมฝีปากของเธอให้แนบแน่นกว่าเดิม.....

    “อือ~~~~”

    โคโนกะทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องตามแรงจูบที่ร้อนแรงขึ้นขององค์รักษ์ของเธอ มือของเธอพยายามผลักตัวเซ็ตซึนะให้ออกห่างแต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เซ็ตซึนะรีบเอามือของตนไปจับข้อมือทั้งสองข้างดันบังคับให้มันเลิกพยศก่อนจะดันตัวเธอให้เข้าไปใกล้และกดริมฝีปากมากขึ้นไปอีก

    “อื้ออ~~~~~ ”

    โคโนกะที่โดนจูบร้องครางหนักยิ่งกว่าเก่า ในไม่ช้าเธอก็เริ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหลในรสจูบที่องครักษ์สาวส่งมา แต่ความรู้สึกในใจของเธอห้ามเอาไว้

    .......... ไม่...ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ที่เราต้องการจากเซ็ตจัง ไม่ใช่แบบนี้!

    ว่าแล้วโคโนกะที่เริ่มรู้สึกตัวผลักเซ็ตซึนะที่คร่อมตัวเธออยู่กระเด็นไป
    เซ็ตซึนะที่ถูกผลักถอยห่างออกมาหอบเบาๆ ลมหายใจตอนนี้กลายเป็นไอสีขาว เพราะอากาศที่หนาวเย็น เธอมองไปที่โคโนกะที่กำลังยันตัวขึ้น แล้วเธอก็ต้องตกใจที่พบว่าคุณหนูของเธอ....คุณหนูของเธอกำลังร้องไห้!!~

    โคโนกะเองที่กำลังร้องไห้ก็หายใจหอบเช่นกัน เธอพยายามตั้งสติและมองไปที่เซ็ตซึนะที่ตอนนี้แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
    เซ็ตซึนะที่รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นถึงกับสะอึก อารมณ์วู่วามเมื่อชั่วครู่หายไปทันที นี่ฉัน....นี่ฉันทำอะไรลงไป ฉันกล้า..........กับคุณหนู
    เซ็ตซึนะที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอยากจะกล่าวขอโทษ
    แต่ดูเหมือนคำขอโทษล้านคำก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะโคโนกะรีบเดินกลับไปห้องนอนโดยไม่แม้แต่จะมองมาที่องครักษ์ของเธออีก

    ..... เซ็ตซึนะที่มองตามก็ได้แต่นิ่งไม่แม้แต่จะพยายามหยุดหรือรั้งเอาไว้ สมควรแล้วสำหรับลูกครึ่งปิศาจอย่างเธอ
    .......นี้อาจเป็นโทษของเงาที่บังอาจเอื้อมจะคว้าแสงจันทร์มาเป็นของตนก็ได้

    สักพักเซ็ตซึนะก็ได้แต่นอนหงายหลังเอามือกายหน้าผาก คร่ำครวญถึงสิ่งที่เธอพึ่งทำลงไปอย่างรู้สึกผิดเต็มหัวใจแม้ลึกๆจะรู้สึกยินดีเล็กๆบ้างก็ตาม

    ก็มัน...เป็นความปรารถนาลึกๆของเธอนี่นา ถึงมันจะต้องทำให้อีกฝ่ายร้องไห้ก็เถอะ...

    ..................................................................................................................................................................

    เช้าวันรุ่งขึ้น...

    ...... อาซึนะที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่พบเพื่อนทั้งสองคน ก็เอ๊ะใจ นี้ไปเคลียร์กันรึยังน้า? แล้วเธอก็ปลุกเนกิขึ้น เนกิเองที่งัวเงียลุกขึ้นมา เขามองไปที่นาฬิกาแล้วสะดุ้งโหยง

    “อ๊า~~ แย่แล้วคร้าบ ผมนัดคุณพ่อของคุณโคโนกะตอนเก้าโมง นี้มันจะเก้าโมงอยู่แล้ว ทำไมถึงพึ่งมาปลุกผมละคร้าบบบคุณอาซึน้า~”
    “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า นายไม่เห็นบอกฉันสักคำ แล้วนี้โคโนกะหายไปไหนก็ไม่รู้”
    “อรุณสวัสดิ์จ๊า~~~”

    โคโนกะในชุดลำลองสบายๆทักทายเพื่อนของเธออย่างร่าเริง ในมือถือจดหมายเปิดผนึกที่เขียนจ่าหน้าถึงเนกิเอาไว้
    “เนกิคุงจ๊ะ~ จดหมายจ๊ะ”
    “เอ๋?”

    เนกิที่เห็นว่ามีจดหมายมาถึงตนก็แปลกใจ ใครจะเขียนมาถึงเขากันตอนนี้ ว่าแล้วเขาก็อ่านจดหมายที่รับมาจากโคโนกะโดยที่มีอาซึนะนั่งอ่านอยู่ด้วย

    ถึงคุณครูเนกิและคุณอาซึนะ

    ....... ดิฉันมีธุระ จำเป็นต้องไปที่อื่นสักสองสามวันนี้ ระหว่างที่ดิฉันไม่อยู่ ฝากดูแลคุณหนูด้วยน่ะค่ะ

    .................................................................... ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ

    อ่านจดหมายแล้วทั้งสองก็มึน อยู่ๆเซ็ตซึนะก็ไปโดยไม่มีปี่มีมีขลุ่ย ถ้าจะไปทำไมไม่บอกกันซะตั้งแต่ทีแรก?
    อาซึนะเลยหันไปทางโคโนกะที่น่าจะรู้เรื่องว่า
    “โคโนกะ เธอรู้ไหมว่าคุณเซ็ตซึนะเขาไปไหนหน่ะ?”
    “ไม่รู้เลยจ๊ะ~”

    โคโนกะยิ้มตอบ เล่นเอาอาซึนะมึนกว่าเก่า ไม่รู้ว่าเขาไปไหนยังมีน่ามายิ้มอีกเหรอ?
    เมื่อวานเธอเป็นห่วงเขามากจนวิ่งไล่ตามแทบไม่ทันไม่ใช่รึไง?
    เนกิเองก็หันดูนาฬิกาแล้วสะดุ้งอีกครั้ง

    “แว้กกกก! ผมต้องรีบไปพบท่านเอชุนนี้น่านี้มันถึงเวลานัดแล้ว หวา~ หวา~ หวา~ หวา~”

    แล้วเนกิก็ลุกลี้ลุกลน จะเอาเสื้อมาเปลี่ยนทันที โคโนกะเห็นแล้วก็ยิ้มๆกับท่าทางร้อนรนของคุณครูประจำชั้นของเธอก่อนที่จะบอกว่า
    “เนกิคุงจ๊ะ ไม่ต้องรีบแล้วหล่ะ ท่านพ่อน่ะติดธุระมาไม่ได้แล้ว”
    “อ้าว งั้นเหรอครับ”

    เนกิตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวังงั้น...ครั้งนี้เขาก็มาเสียเที่ยวน่ะสิ....
    “แต่ไม่ต้องห่วงน่ะจ๊ะ ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว ทั้งกุญแจและสถานที่ เดี๋ยวฉันพาไปเอง โอเคน่ะ”

    โคโนกะยิ้มให้กับเนกิที่ดูเขาจะดีใจว่าเขาไม่ได้พลาดโอกาสในการสืบเรื่องพ่อของเขา
    “ขอบพระคุณมากครับ คุณโคโนกะ งั้นผมจะรีบไปอาบน้ำเลยน่ะครับ”

    พูดจบเนกิก็วิ่งไปอาบน้ำทันที อาซึนะเห็นความดีใจแบบเด็กๆของเนกิก็ส่ายหัว
    “เฮ้อออ เด็กหนอเด็ก” แล้วเธอก็หันไปถามโคโนกะอีกครั้ง
    “นี่ตกลง เมื่อคืนเธอพูดเคลียร์กับคุณเซ็ตซึนะรึยัง?”
    “ยังเลยจ๊ะ”
    โคโนกะยิ้มตอบ ก่อนจะขอตัวไปเตรียมอาหาร อาซึนะมองตามหลังเพื่อนเธออย่างไม่เข้าใจ ตกลงเขาพูดกันแล้วแต่เคลียร์กันไม่ได้ หรือยังไม่ได้คุยกันแน่? แต่คนตรงไปตรงมาอย่างคุณเซ็ตซึนะไม่น่าปล่อยให้มันค้างคา

    ......แต่ก็อีกนั้นหล่ะ อีกฝ่ายเป็นโคโนกะนี่นา อาจจะยังไม่กล้าก็ได้ คิดแล้วเธอก็เตรียมตัวอาบน้ำเพื่อไปบ้านของนากิเก่าเช่นกัน

    ..........................................................................................................................................

    ....... ที่บ้านพักเก่าของนากิ เนกิที่เข้ามาถึงก็เริ่มงานของเขาทันที เขาเริ่มค้นหาข้อมูล หรือบันทึกอื่นๆจากอันเดิมที่เขาเคยได้ไปท่านพ่อต้องยังไม่ตายแน่ๆ เขาเองก็ไม่ได้มีจุดหมายในการตามร่องรอยของพ่อเขาเพียงอย่างเดียว เขาต้องการเข้ามาหาตำราเวทย์มนต์เพื่อฝึกเพิ่มเติมด้วย

    อาซึนะเองที่ไม่มีความรู้เรื่องเวทย์เลย ครั้นจะซ้อมดาบคุณเซ็ตซึนะก็ดันไม่อยู่ เธอเลยเลือกที่จะเดินสำรวจห้องไปเรื่อยๆและเลือกที่จะเล่นเกมกระดานหมาก-รุกเวทย์มนต์กับโคโนกะ แต่ตอนนี้เธอแพ้เป็นตาที่ห้าติดแล้ว
    “รุกจ๊ะ~”
    “อะไรกัน อีกแล้วน่ะ”
    อาซึนะบ่นอย่างหัวเสีย ขนาดโคโนกะยอมต่อให้อาซึนะเดินก่อนสามตาและเอาไนท์ของเธอไปสองตัว อาซึนะก็ยังเอาชนะไม่ได้
    “เฮ้ออออ ฉันนี้มันเหมาะแต่ใช้แรงจริงๆแฮ่ะ”
    “แหมๆ อย่าพึ่งท้อสิจ๊ะ งั้น เรามาหาอย่างอื่นเล่นดีกว่าไหม?”
    “ไม่เอาหล่ะ แต่ละเกมใช้สมองทั้งนั้น ฉันขอบาย”
    เมื่อไม่มีอะไรจะทำ อาซึนะที่เหลือบไปเห็นหุ่นกระบอกตัวเล็กๆขนาดสูงหนึ่งศอกจึงนึกสนุกลองเอาเท้าไปเขี่ยเล่นๆ สักพักมันก็ลุกขึ้นมา กระโดดตรงหน้าอาซึนะ ทำเอาอาซึนะตั้งตัวแทบไม่ทัน
    “..นะ..นี่มันอะไรหน่ะ????”

    เนกิที่กำลังง่วนอยู่ก็หันมามอง เขามองไปที่หุ่นกระบอกตัวนั้นแล้วเดินไปจับมันด้วยความเอ็นดู
    “อ้อ หุ่นจำลองเวทย์มนต์น่ะครับ เอาไว้ฝึกการต่อสู้”

    เมื่อรู้ว่าเป็นของที่ไม่ใช่ประเภทใช้สมอง อาซึนะก็ตาลุกวาวทันที
    “จริงเหรอ งั้นทำให้มันเล่นกับฉันหน่อยสิ ฉันอยากทำอะไรที่ไม่ต้องเปลืองสมองน่ะ เอาอย่างฝึกดาบก็ได้”
    “อืม ก็ได้ครับ แต่ต้องตั้งสมมติด้วยว่ามันเป็นใครน่ะครับ อย่างเช่น คุณเซ็ตซึนะ หรืออาจารย์คู อะไรประมาณนั้นน่ะครับ”
    “อ้อ พวกที่บู๊เก่งใช่ม้า ก็ต้องคุณเซ็ตซึนะสิ ฉันฝึกดาบกับเขานี้นา”
    “ก็ได้ครับ แต่เราต้องมีสื่อแทนเจ้าตัวด้วยน่ะสิครับ”
    ว่าแล้วเนกิก็หันซ้านหันขวา ก่อนที่จะถามไปที่โคโนกะ
    “คุณโคโนกะคร้าบบ มีอะไรที่เป็นของคุณเซ็ตซึนะบ้างไหมครับ เอาอะไรที่เจ้าตัวพึ่งจับไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ได้”
    อืม ของๆเซ็ตจัง หรืออะไรก็ได้ที่โดนจับแล้วยังไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง
    ......เมื่อกำลังนึก ภาพที่ตนถูกจูบเมื่อคืนก็ผ่านเข้ามา อ๊ะ....จะบ้าหรือไงเล่า~ เรื่องเมื่อคืนบอกใครได้ซะที่ไหน
    .........แล้วโคโนกะก็คิดออก
    “อ๊ะ ก็จดหมายของเซ็ตจังไงหล่ะจ๊ะ~”
    “อ่ะ นั้นนะสิครับผมลืมไป แฮ่ะๆ งั้นเอาแค่ระดับสี่แล้วกันน่ะครับ”

    พูดจบเนกิก็ใส่เวทย์คาถาลงในตัวตุ๊กตาตัวนั้นทันที
    เมื่อร่ายเสร็จ ตุ๊กตาตัวนั้นก็กระเด้งขึ้นมา ในมือถือไม้ที่เหมือนจะเป็นดาบตั้งท่าเหมือนที่เซ็ตซึนะใช้สู้ไม่มีผิด
    “โห.......เจ๋งไปเลย ว่าแต่มันมีกี่ระดับหล่ะเนี้ย?”
    “ยี่สิบครับ เชื่อผมเถอะอย่างคุณอาซึนะ แค่ระดับสี่ก็ยอดเยี่ยมแล้ว”
    แต่อาซึนะเริ่มมีน้ำโห เธอเรียกอาวุธบัคดิโอ้พัดกระดาษของเธอแล้วฟาดไปที่เนกิหนึ่งทีทันที
    “เพี๊ยะ!!”
    “โอ้ยยย! เจ็บน่ะคร้าบบบบบ”
    “นายมาดูถูกฉันก่อนนี่ย่ะ”
    “โถ่ เพราะผมเป็นห่วงหรอกน่ะคร้าบ ไอ้ตัวนี้น่ะ มันไม่ออมมือให้เหมือนคุณเซ็ตซึนะตัวจริงซะหน่อย ถ้าคุณอาซึนะสู้ไหว เดี๋ยวผมปรับเพิ่มให้ก็ได้”
    “แน่หล่ะย่ะ! นายอย่ารีบลุกไปไหนเชียว เดี๋ยวฉันจะจัดการไอ้หุ่นกระบอกนี้ให้หมอบในพริบตา”
    อาซึนะที่เจ็บใจว่าเนกิดูถูกฝีมือตน เธอไปที่หน้าบ้านแล้วเริ่มซ้อมกับหุ่นกระบอกนั้นทันที โอ้ว....ท่าทางเอาจริงน่าดู

    โคโนกะเองที่ดูรูมเมทเอาจริงเอาจังกับของเล่นใหม่ก็ยิ้ม
    ….อาซึนะเนี้ยน่า ชอบเอาชนะซะจริง แต่เมื่อเธอมองไปที่ตุ๊กตาตัวจ้อยนั้นด้วยท่าทางที่ของมันเหมือนเซ็ตซึนะหยั่งกะแกะ จนเธอเองอดคิดถึงองครักษ์ของเธอไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อคืน

    .....นึกถึงภาพเมื่อคืนโคโนกะก็เริ่มหน้าแดง มือเลื่อนไปแตะริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเธอเริ่มร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อคืน....เซ็ตจัง....จูบฉัน? แม้ทุกทีโคโนกะจะเป็นฝ่ายรุกหรือหอมแก้มเซ็ตซึนะอยู่ตลอดแต่มันก็แค่นั้น ทว่าเซ็ตจังเล่นจูบปากของเธอเลยยังทำเธอช็อคไม่หาย

    .....ริมฝีปากที่สัมผัสกันเนิ่นนาน รสจูบเมื่อคืนนั้นมันยังไม่จางหายยิ่งคิดยิ่งโหยหามาขึ้น อยากจะถูกสัมผัสอย่างนั้นอีก หน้าโคโนกะแดงก่ำกว่าเดิม ก่อนที่จะไล่ภาพเมื่อคืนออกไป จะบ้าเหรอ ฉันควรจะโกรธมากกว่าไม่ใช่มานั่งอยากโดนเขาจูบอีก คนบ้า! แค่พูดเรื่องความเป็นลูกครึ่งปิศาจแค่นี่ถึงกลับโมโหใส่แถมยังกลับมาจูบเขาเฉยอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งเคือง ว่าแล้วโคโนกะก็เมินไม่สนใจหุ่นกระบอกตัวนั้น หันไปคุยกับเนกิแทน

    “เนกิคุง~ ทำอะไรอยู่น่ะ?”

    โคโนกะที่เดินมามองเนกิที่กำลังเสกคาถาอะไรสักอย่างกับไม้เวทย์มนต์ฝึกหัดของตน
    “อ้อ กำลังลองฝึกเวทย์ใหม่น่ะครับ ท่านพ่อมีหนังสือแปลกๆเยอะแยะที่เดียว อย่างเวทย์นี่..........ฟารานาโรทาน่า! ”
    “ พรึ่บ!”
    ทันใด ที่ด้านหน้าของเนกิก็เกิดไฟขึ้นมามันยาวเป็นทางและลากเป็นอักษรที่มีชื่อของเนกิขึ้น สักพักมันก็เปลี่ยนเป็น อักษรชื่อของอาซึนะ เซ็ตซึนะและเธอตามลำดับ โคโนกะที่เห็นแล้วถึงกับทึ่ง
    “ว้าววว~ ยอดไปเลย สอนฉันบ้างสิเนกิคุง~”
    “ได้ครับ แต่มันยังไม่สมบูรณ์นักน่ะครับ ที่จริงมันต้องนานกว่านี้ ไว้ผมจะสอนให้น่ะครับ”
    พูดจบเนกิก็ลองเวทย์นี้อีกครั้ง คราวนี้มันขึ้นมาเป็นเปลวไฟที่รูปร่างเหมือนหน้าคน....เป็นหน้าอาซึนะน่ะเอง
    “คราวนี้อะไรหล่ะจ๊ะ?”
    โคโนกะมองต่อด้วยความสนใจ .....เวทย์มนต์เนี้ยมันวิเศษจริงๆ~
    “อ่า..รู้สึกว่า มันจะเป็นเวทย์ไฟอ่านใจ ถ้าเราคิดถึงใครมันก็จะเป็นหน้าคนนั้นขึ้นมาน่ะครับ”
    “เหรอๆ งั้นตอนนี้เนกิคุงก็คิดถึงอาซึนะน่ะสิจ๊ะ”
    โดนโคโนกะที่พูดแซวมา เนกิที่ได้ฟังก็ลนลานแก้ตัวทันที
    “ก็จะไม่ให้คิดได้ยังไงหล่ะคร้าบ เล่นสู้กับหุ่นกระบอกเวทย์อย่างบ้าระห่ำ ผมก็ต้องเป็นห่วงสิคร้าบบบ”
    “จะจริงเหร๊อ~”
    “จริงซี่คร้าบบบ คุณโคโนกะนี่ก็...”
    ว่าแล้วเนกิก็นั่งหน้างุดอ่านตำราเวทย์ต่อทันที โคโนกะที่ลองอ่านดูบ้าง แต่มันเป็นอักษรเวทย์มนต์ อ่านยังไงก็ไม่ออกแล้วอยู่ๆ
    เหมือนเธอนึกอะไรได้บางอย่าง เธอเอ่ยปากถามเนกิว่า
    “นี่ เนกิคุงจ๊ะ มีหนังสือเวทย์มนต์ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นบ้างไหม? ภาษาอังกฤษก็ได้ ฉันอยากลองฝึกด้วยตัวเองบ้างน่ะ”
    “เอ๋....”
    เนกิร้องอย่างแปลกใจพลางนิ่งไปซักพัก ที่จริงคราวที่แล้วที่เอชุนปล่อยให้ทุกคนเข้ามาเพราะตำราพวกนี้ยังไงพวกนักเรียนของเขาก็อ่านไม่ออก แต่ที่จริงพวกตำราภาษาญี่ปุ่นกับอังกฤษเขาเห็นมันแอบอยู่ในเซฟข้างบน เขาชั่งใจซักพัก ก่อนจะตัดสินใจว่า
    “ก็พอมีน่ะครับ คุณโคโนกะสนใจเหรอครับ?”
    “จ๊ะ ฉันน่ะ ดีแต่ให้คนอื่นมาปกป้อง ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงน่ะ”
    “แต่ที่คุณโคโนกะรักษาผมและทุกคนได้ในวันนั้นมันยอดเยี่ยมมากแล้วน่ะครับ”
    “งั้นก็เถอะจ๊ะ ที่จริงฉันไม่อยากให้เซ็ตจังต้องเป็นห่วงฉันอีก.....”

    พูดจบโคโนกะก็นิ่งไป เธอลืมไปเลยว่าเธอยังโกรธเซ็ตจังอยู่ เนกินั่งคิดไปซักพัก ก่อนจะบอกว่า
    “ถ้าเนกิกลัวว่ามันจะมากเกินไป เอาพวกเวทย์เบาๆอย่างเมื่อกี้ก็ได้จ๊ะ แล้วค่อยมาสอนเวทย์ที่ยากกว่าทีหลัง”
    “เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปเอามาให้ แต่อย่าทำหายหรือให้คนอื่นรู้เห็นเด็ดขาดเลยน่ะครับ”
    “จ้า~”

    ..................แล้ววันนั้น โคโนกะก็ฝึกเวทย์จากตำราที่เธอสามารถฝึกด้วยตัวเองได้
    อาซึนะเองฝึกกับไอ้หุ่นกระบอกนั้นสองชั่วโมงก็ขอพัก แล้วร้องให้เนกิปรับมันให้เหลือระดับสาม

    “อ้าว ทำไมหล่ะครับ คุณอาซึนะสู้กับมันได้ดีทีเดียวเลยน่ะครับ ผมกะจะปรับให้มันเป็นระดับห้าด้วยซ้ำ”

    แต่อาซึนะที่ได้ฟังก็ร้องห้ามแทบจะทันที เธอร้องอย่างโอดครวญว่า
    “อย่าเชียว นี้ที่ฉันรอดมาได้เพราะดาบจิ๋วนั้นมันเป็นไม้หรอก ที่จริงฉันโดนทั้งฟันทั้งแทงมาร้อยแผลได้แล้วมั้ง ขืนมากกว่านี้ฉันมีสิบชีวิตก็คงไม่พอ”
    “โห ขนาดนั้นเชียวรึครับ” เนกิที่ได้ฟังอาซึนะก็ทึ่ง
    อืม...ชักอยากรู้แล้วสิว่าคุณเซ็ตซึนะมีฝีมือที่แท้จริงเป็นยังไง แต่อาซึนะเองที่นั่งหอบก็ส่ายหน้า ร้องขอพักแล้วค่อยเล่นกับมันต่อ แล้วเธอก็งีบไปนอนในบ้าน เนกิเองก็กลับไปเริ่มงานของเขาต่อ
    กิจกรรมสองสามวันหลังจากนั้นก็เป็นเช่นเดิม อาซึนะก็ฝึกดาบกับหุ่นกระบอกตัวจิ๋ว เนกิก็ศึกษาตำราเวทย์ของพ่อของตน
    โคโนกะก็เช่นกัน โดยไม่มีทีท่าว่าเซ็ตซึนะจะกลับมาจากธุระที่เธอเขียนลาไว้เลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×