คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สำรวจความลับในโรงเรียน หา! ถูกจับได้แล้วเหรอเนี่ย
จากเมื่อวานนี้ ความวุ่นวายจากการเปิดเทอมวันแรก ทำให้นายสิงห์ปรับตัวไม่ได้อยู่สักพักนึง เพราะเขามักจะถูกกล่าวหาเป็นคนโรคจิตทั้งนั้นเลย พยายามเอาใจสู้นะ นายสิงห์
เช้าวันต่อมา
นายสิงห์ได้ตื่นขึ้นมา เขาตัดสินใจว่า จะลงจากรถไปซื้อข้าวกินก่อน แล้วค่อยไปโรงเรียน
ขณะที่เขาลงจากรถนั้น เขาสังเกตเห็นคนอยู่ข้างนอกเพียบ และที่ไม่ธรรมดาก็คือ คนที่มานี้ พวกนั้นมามุงดูรถของเขา
และยังไม่พอ พวกที่มุงดูนั้น เป็นสาวไฮโซซะเพียบ บางทีก็มีพวกนักเรียนสาวมาดูด้วย บางกลุ่มก็มีพวกหญิงคลั่งดารามาด้วย
นายสิงห์เห็นแบบนี้แล้วตกใจอย่างมาก เพราะเขายังไม่มีประสบการณ์แบบนี้ และเขาก็ไม่ใช่ดาราดัง หรือหนุ่มหล่อเพี้ยวเลยด้วยซ้ำ
เขาจึงตัดสินใจสตาร์ทเครื่อง แล้วรีบขับหนีไปเลย แต่ก็หนีออกลำบาก เพราะคนมุงดูเพียบ
กว่าจะผ่าออกมาได้ก็เกือบแทบแย่ เกือบจะไม่ได้ซื้อข้าวเช้ากินแล้ว
พอหนีพ้นได้ก็จอดรถแล้วรีบลงซื้อกับข้าวกินเลย
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ก็พบว่า สายแล้วสิ
เขาก็เลยต้องเร่งเครื่อง แล้วก็ซิ่งรถไปเลย
ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดเนื่องจากชั่วโมงเร่งด่วน
นายสิงห์ได้ควบรถ Saleen S7 ผ่ากลางถนนด้วยความเร็วสูงมาก
เขาขับแซงรถชาวบ้าน และหักหลบรถชาวบ้าน รวมทั้งขับผาดโผน ทั้งวิ่งขึ้นบันได ลงบันได ขับบนทางเท้า หรือแม้กระทั่งกระโดดเหาะข้ามสิ่งกีดขวาง เพื่อที่หวังจะไปถึงโรงเรียนให้เร็วที่สุด
แต่ก่อนที่จะถึงโรงเรียนนี้ ทางข้างหน้าที่เขาจะขับไปนั้นก็ดันไปเจออาคารข้างหน้าอีก
นายสิงห์ไม่สามารถหักหลบได้
เขาก็เลยขับตรงไปดื้อๆ ชนโต๊ะกระจุย แถมยังชนกระจกร้านแตก แล้วก็ขับฝ่ากลางร้านไปเลย
คนที่อยู่ในร้านทุกคน ต่างก็ตกใจกันทั้งนั้น ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีรถยนต์มาวิ่งฝ่ากลางร้านแบบนี้
หลังจากที่นายสิงห์ขับรถฝ่าอุปสรรคมาแล้ว คราวนี้เขาก็หักเลี้ยวเข้าไปในโรงเรียนเลย
ปรากฏว่า มีนักเรียนจำนวนมากซึ่งกำลังเดินเข้าโรงเรียนอยู่
นายสิงห์เกือบหักหลบรถไม่ทัน นักเรียนหญิงที่เดินเข้าโรงเรียนเห็นต่างก็ตกใจ จู่ๆ ก็มีรถพุ่งเข้ามาในโรงเรียนนี้เลย ต่างคนต่างก็วิ่งหนีกันไปคนละทาง ทำเอาวุ่นวายทั้งโรงเรียน
แต่นายสิงห์ก็ยังขับรถด้วยความเร็วสูงต่อไปจนกระทั่ง...
เมื่อเขาเห็นไพบูลย์กับกิตติศักดิ์ซึ่งยืนอยู่หน้าอาคารนั่นเอง
ทั้งสองก็เห็นรถสปอร์ตซึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูงมาก
พวกเขาเดาได้เลยว่าต้องเป็นนายสิงห์แน่นอน
นายสิงห์ได้หยุดรถปาดท้ายจนรถไถลเกือบชนเพื่อน แต่ก็หยุดรถตรงหน้าเพื่อนได้พอดี
“โทษทีนะ ที่มาสายไปหน่อย” นายสิงห์พูดหลังจากที่เขาลงจากรถแล้ว
“ยังไม่สายหรอก นายสิงห์” ไพบูลย์พูด
“แต่ว่าทีหลังอย่าทำแบบนี้ได้ไหม เพราะมันอันตราย เดี๋ยวจะไปชนใครเข้า” กิตติศักดิ์บอก
“ก็มันรีบนี่” นายสิงห์พูด
ทั้งสามคนได้เดินไปด้วยกัน ขณะนั้นพวกเขาก็เหลือบไปเห็นพวกนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าบอร์ด
นายสิงห์เห็นผิดสังเกตจึงเดินเข้าไปดูบอร์ดด้วย
ก็ปรากฏว่าหน้าบอร์ดนั้น ไปลงเรื่อง “หนุ่มวิตถาร พยายามปล้ำนักเรียนหญิง”
นายสิงห์เห็นก็ตกใจ ไม่เคยนึกเลยว่าจะเอาเรื่องที่เขาเจอเมื่อวานโดยบังเอิญมาลงหนังสือพิมพ์ ทำให้เขาเริ่มน้อยใจไปสักครู่นึง
แต่เพื่อนก็ช่วยปลอบใจนายสิงห์ให้
และหลักจากนั้นทั้งสามก็เดินจากไป เพื่อแยกย้ายกันไปเรียน
ระหว่างทาง นายสิงห์ก็ต้องเจอพวกนักเรียนด่านินทาตลอดทาง เพราะข่าวเรื่องนั้น แต่นายสิงห์ก็ยังฝืนใจนอดทน จนกระทั่งถึงห้องเรียน
ระหว่างที่อยู่ในห้องเรียน นักเรียนทั้งห้องต่างก็หันมามองด้วยสายตาที่น่ารังเกียจมาก นายสิงห์ไม่ค่อยจะมีสมาธิในการเรียน เพราะถูกคนอื่นหันมามอง แถมยังถูกพวกเธอปาข้าวของใส่อีกต่างหาก แต่เขาก็ยังอดทน อดกลั้นอยู่
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง นายสิงห์ไม่สามารถกินข้าวอย่างสงบได้ เพราะถูกพวกนักเรียนดุด่าจนหนวกหู
จนในที่สุด เขาจึงต้องเดินออกออกจากห้อง เพื่อที่จะหาที่กินข้าวอย่างสงบๆ เสียที
แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกนอกห้องนั้น พวกนักเรียนก็กล่าวหาว่า จะออกจากห้อง คิดจะไปทำอะไร แอบดู เล่นวิตถาร ลวนลาม?
นายสิงห์ไม่พูดโต้ตอบ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องยาวไป เขาเดินออกจากห้องไปเลย
(ระหว่างนั้น ถ้านักเรียนคนไหนเจอนายสิงห์ คนนั้นจะพูดนินทาชี้หน้าเขาเลย น้อยคนเท่านั้นที่จะเฉยๆ)
บริเวณหลังโรงเรียน
ใครๆ น่าจะรู้ดีว่าเป็นแบบใด มักจะมีพุ่มไม้มาบัง และมีต้นไม้ซึ่งให้ร่มเงา และพื้นเป็นสนามหญ้า อันเป็นบริเวณที่หนุ่มสาวทั้งหลายชอบพามาจีบกันบริเวณตรงนี้ และอยู่กันแบบ 2 ต่อ 2 ด้วย
นายสิงห์ได้นั่งกินข้าวที่นั่นคนเดียว
“เฮ้อ...หวังว่าคงไม่มีใครมาด่านินทาเรานะ” นายสิงห์บ่นพึมพำ
ระหว่างที่เขากำลังกินข้าวอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงพุ่มไม้ดังขึ้น
นายสิงห์สงสัยจึงรีบยืนขึ้น แล้วหันไปมองต้นเสียง แต่แล้วก็เงียบไป นายสิงห์ก็โล่งใจ
“สงสัยเขาจะไปแล้วมั้ง” นายสิงห์คิดในใจ
เพียงแวบเดียวเท่านั้น ก็มีมือมาจากไหนไม่ทราบ มาจับหน้าเขาไว้โดยไม่ทันตั้งตัว เขาถูกดึงไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว แต่หลังของเขาก็ดันล้มไปทับตัวของคนที่มาดึงเขาด้วย ก็เลยสลบไปทั้งเขาทั้งคนนั้น
ขณะเดียวกันก็มีนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งกำลังจะไปทานขนมที่ด้านหลังโรงเรียน
ก็ไปเห็นนายสิงห์ซึ่งนอนทับเด็กหญิงอยู่ พวกนั้นตกใจแล้วรีบวิ่ง ไม่ได้วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง แต่วิ่งไปทำอะไรกัน? ก็คอยดูล่ะกัน
สักครู่ต่อมา นายสิงห์ลืมตาขึ้นมา เขามองไปมองมาก็พบว่ามันมืดไปหมด
เลยรู้เลยว่าอยู่ที่ห้องมืด!!!
“นี่เราถูกขังแล้วเหรอเนี่ย” นายสิงห์พูด
เขาได้พยายามเดินหาประตู ซึ่งมันมืดมาก แต่สำหรับนายสิงห์แล้ว ความมืดไม่ใช่อุปสรรคของเขาเลย ดังนั้นเพียงไม่นานนัก เขาก็สามารถหาประตูเจอจนได้
แต่อุปสรรคก็ยังคงมีต่อ เมื่อพบว่าประตูนั้น ไม่สามารถเปิดออกได้ เขาได้กระแทกตัวเข้าที่ประตูก็แล้ว กระโดดถีบประตูก็แล้ว แต่มันก็ยังไม่สามารถเปิดประตูได้
เขาทำอย่างนี้อยู่หลายๆ ครั้ง แต่ก็ไร้ผล จนกระทั่งเขาหมดแรง เขาจึงเลิกทำ แล้วนั่งลงก้มหน้า
“ท่าทางงานนี้จะไม่ได้ออกไป สงสัยหมดหวังแล้วล่ะ” นายสิงห์คิดในใจ
ก่อนที่เขาจะหมดหวัง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ก๊อกๆๆ
“ใครเคาะประตูนะ” นายสิงห์ถามด้วยความสงสัย
“เราเอง” เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตอบมา “เดี๋ยวเราจะช่วยพาเธอออกมานะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ เรายังไม่รู้ว่าใครมาช่วยเรา ถ้าเกิดคนที่ช่วยนั้นเป็นพวกที่ชอบด่านินทาเราล่ะ?” นายสิงห์พูดมาด้วยความสงสัย
แต่เด็กหญิงไม่ตอบ
ครู่ต่อมา ประตูที่ห้องก็เปิดออก
“ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์ช่วยเราไว้...อ๊ะ!”
นายสิงห์อึ้งไปชั่วขณะ เพราะเด็กหญิงที่มาช่วยเขาไว้ เป็นคนเดียวกับที่เคยช่วยหารถของเขาเมื่อวานนี้ แหม...ทำไมเผอิญถึงมาเจอกันบ่อยจังเลยนะ
“อะไรหรือจ้ะ”
“เจอกันอีกแล้ว”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ”
“แล้วทำไมเธอถึงรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้”
“ก็เพราะ........”
เราไม่ขอเล่าเรื่องต่อดีกว่า เพราะมันยาวมาก เดี๋ยวมันจะยืดเยื้อ
แต่อยากจะรู้ไหม ทำไมนายสิงห์เค้าไปโผล่ในห้องมืดได้หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว
เพราะในตอนเที่ยงนั้น คนที่เอามือมาปิดปากนั้น ก็คือนักเรียนหญิงคนที่ช่วยนายสิงห์ออกมานั่นแหละ
ความจริงแล้วเธอไม่ได้คิดจะมาปิดปากเขาหรอกนะ เธอแค่เอามือจะมาปิดตาเขาเพื่อที่จะเล่นสนุกก็เท่านั้น
แต่ตัวเธอคงจะเตี้ยกว่าเขาก็เลยเอื้อมไม่ถึง
ส่วนหลังจากที่พวกนักเรียนหญิงวิ่งไปนั้น
พวกนั้นไปเรียกกำลังเสริม มาอุ้มไปไว้ที่ห้องมืด แล้วก็ขังเขาเอาไว้ แถมเอากล่องหนักๆ และตู้เป็นจำนวนมาก มาบังประตูเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดประตูออกได้ด้วยประการฉะนี้ (อ้าว! ก็แล้วแม่นั่นเธอเอาของออกได้ไง หนักจะตายชัก แข็งแรงหรือไงเนี่ย)
หลังจากที่เขาได้กล่าวลากับนักเรียนหญิงที่ชื่อว่า Mikoto Amagasaki (คนที่ช่วยนายสิงห์คนนั้นแหละ) แล้ว เขาก็ได้เดินกลับไปยังห้องเรียน
แต่เขาลืมไปแล้วว่าวิชาต่อไปเรียนวิชาอะไร แถมยังหลงทางอีก
เขาก็เลยต้องเดินตามหาห้องไปทีละห้องๆ อยู่คนเดียว
จนกระทั่งเจอนักเรียนในห้องทำอาหาร
เขาก็เลยขอเข้าในห้องเพื่อที่จะเรียนด้วย
แต่ที่จริงแล้ว นักเรียนที่เขาเข้าเรียนนั้น เป็นนักเรียนคนละห้องกัน นายสิงห์ยังไม่รู้
แต่เนื่องจากนักเรียนพวกนั้นยังไม่รู้จักนายสิงห์ จึงยอมให้เข้าเรียนได้
แล้วก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อคราวนายสิงห์ต้องทำอาหาร เขาดันทำอาหารไม่เก่งเสียด้วย
เพราะอาหารที่เขาทำนั้น ยังไม่เคยทำเล้ย อีกทั้งยังทำเครื่องปรุงหกอีก สร้างความวุ่นวายให้กับนักเรียนเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ถือตัว
กว่าเขาจะรู้ว่าเรียนผิดห้องก็ตอนท้ายคาบนี่แหละ เฮ้อ! ทำไปได้
เย็นวันนั้น
นายสิงห์กำลังจะขึ้นรถกลับ ระหว่างนั้นก็มีคนเรียก
เขาหันไปมองก็เห็นกิตติศักดิ์กับไพบูลย์กำลังวิ่งมาพอดี
ไพบูลย์บอกว่าจะพาไปยังสถานที่ลึกลับ นายสิงห์ตกลงไปด้วย ทั้งสามจึงไปด้วยกัน โดยขึ้นรถ Saleen ด้วยกัน
เมื่อถึงสถานที่ๆ ไพบูลย์บอกแล้ว ทั้งสามก็ลงจากรถ
สถานที่ตรงนี้นายสิงห์เคยมาก่อน แต่ตอนนั้นกำลังก่อสร้างอยู่ ตอนนี้มันสร้างเสร็จแล้ว
นายสิงห์ กิตติศักดิ์ และไพบูลย์ ได้เดินเข้าไปในอาคาร โดยแต่ละคนก็เตรียมไฟฉายไปด้วย
เมื่อพวกเขาเข้าไปแล้ว พวกเขาก็ต้องพบกับรถสปอร์ตสีสันฉูดฉาดมากมาย และอุปกรณ์ตกแต่งเพียบ
“เนี่ยเหรอ...ความลับ” นายสิงห์ถาม
“มันเหลือเชื่อเลยล่ะ” ไพบูลย์บอก
“ท่าจะรวยน่าดูเลยนะเนี่ย ถึงได้มีรถหรูๆ เพียบเลย” กิตติศักดิ์พูด
ขณะที่ทั้งสามกำลังสำรวจอยู่นั้นก็มีใครบางคนกำลังแอบเข้าไปโดยที่ไม่มีใครรู้เลย
“รถคันนี้ดูน่าสนใจดี” ไพบูลย์ใช้ไฟฉายส่องไปที่รถคันหนึ่ง มันคือ Nissan 350Z
ไพบูลย์เรียกนายสิงห์กับกิตติศักดิ์มาดูด้วยกัน
“ดูแปลกตาดีไหม”
“ท่าจะแรงน่าดูเลย”
“ล้อรถยังใหญ่อีกต่างหาก”
“ทำอะไรน่ะ ไพบูลย์”
“อยากจะดูภายในด้วยนะ”
“อย่าเลย เดี๋ยวเค้าก็หาว่าเรามาแอบขโมยนะ”
พูดยังไม่ทันจบ ประตูรถก็เด้งออกมากะทันหัน ทำให้นายสิงห์กับกิตติศักดิ์ตกใจไปชั่วครู่
หลังจากนั้นก็หันมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจ ประตูรถคันนี้เป็นแบบขากรรไกร มันยกขึ้นได้!
“โห!...รถคันนี้แต่งแบบกวนโอ๊ยซะไม่มี” กิตติศักดิ์พูด
ไพบูลย์สำรวจภายในรถแล้วก็รู้สึกแปลกๆ “เฮ้ๆ มันกลิ่นอะไรกันนะ”
กิตติศักดิ์ก็ลองสูดกลิ่นดูบ้างแล้วบอกว่า “กลิ่นหอมอย่างกับดอกไม้บานทั้งสวนเลยว่ะ”
“ฉันว่าในรถนี้คงจะมีน้ำหอมดับกลิ่นที่ไหนสักแห่ง” นายสิงห์กล่าว
“ไม่เห็นมีน้ำยาดับกลิ่นหรือน้ำหอมภายในรถนี้เลย” ไพบูลย์บอก
“อ้าว! แล้วกลิ่นนี้มาจากไหนล่ะ?” กิตติศักดิ์ถาม
ทันใดนั้น ห้องที่มืดอยู่นั้น ก็สว่างขึ้นมาทันที ทั้งสามตกใจ
“ฉิบหายละคราวนี้ เสร็จแน่เลย”
“เป็นไงบ้างล่ะ” เสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้นมา “ยอดไปเลยใช่ไหม”
“ใครน่ะ” ไพบูลย์ตะโกนถามออกไป
เจ้าของเสียงค่อยๆ เดินเข้ามา จนกระทั่งเริ่มเห็นใบหน้าได้ชัดเจน
“อ๊ะ! เธอ...” นายสิงห์ตกตะลึง “Mikoto...ทำไม...”
“นี่นายรู้จักเธอด้วยเหรอ” ไพบูลย์ถาม
“พวกเธอทั้งสามมาชื่นชมรถของฉันเหรอ” Mikoto ถาม
“ก็...ก็...ก็...พวกเราแค่แอบเข้ามาดูพวกรถต่างๆ นะ ดูสิ! เพียบเลย ไม่อยากจะเชื่อ”
“ฮ่าๆๆ พวกเธอไม่รู้หรือไงว่า รถพวกนั้นเป็นของนักเรียนในโรงเรียนนี้”
“หา!!!”
1 ชั่วโมงผ่านไป
กว่าจะคุยจนจบและปรับความเข้าใจกันได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไม่เบา
แต่อย่างน้อย พวกเราก็ได้ Mikoto Amagasaki มาเป็นเพื่อนใหม่แล้ว คาดว่าจะมีเรื่องสนุกๆ ในต่อไปแน่ๆ
ความคิดเห็น