คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความลับในโรงเรียนเซยะ กับสิ่งไม่คาดคิด
เด็กผู้หญิงคนที่ถูกนายสิงห์ชนนั้น เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา
“นี่เราเป็นอะไรไปนี่ เมื่อกี้เหมือนมีคนมาชน”
พวกนักเรียนหญิงที่คุยกันเห็น ก็ช่วยดึงเธอลุกขึ้น
“นี่เธอ เธอเกือบถูกชายโรคจิตคนนั้นปล้ำแล้วล่ะ”
“พอดีพวกเรามาเห็นเข้า ก็เลยช่วยกันไล่มันออกไป”
“คราวหน้าก็ต้องระวังตัวด้วยนะ”
นักเรียนหญิงคนนั้นก็ตอบว่า “จ้า” แล้วเธอก็เดินจากกลุ่มไป
เธอคิดในใจ
“ผู้ชายในโรงเรียนหรือ อืม....ถ้าเจอก็ดีสินะ เขาคนนั้นจะเป็นใครกันนะ...”
ตัดกลับมาที่นายสิงห์
ตอนนี้เขาวิ่งไปที่ระเบียงดาดฟ้าของโรงเรียน เขาค่อยๆ ระงับสติอารมณ์เอาไว้
“เฮ้อ...วันนี้มันเป็นวันอะไรกันแน่เนี่ย ทำไมถึงต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย ไพบูลย์ ถ้าฉันเจอนาย ฉันจะจับนายเลยนะ หวังว่าต่อไปคงจะไม่เจอเรื่องอะไรอีกนะ”
ติ๊งต่อง....ติ๊งต่อง....ติ๊งต่อง
เสียงกระดิ่งของโรงเรียนดังขึ้นมา บ่งบอกว่าถึงเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว
ระหว่างที่กำลังเรียนในคาบบ่ายนั้น
นายสิงห์ขณะที่กำลังหยิบปากกาแดงขึ้นมา เขาดันซุ่มซ่ามทำปากกาตกลงพื้น
“ครูครับ ขออนุญาตไปหยิบปากกาของผมหน่อยครับ”
แล้วเขาก็ลุกจากที่นั่งไปหยิบปากกาทันที
แต่เจ้ากรรม ปากกาของเขาดันตกหน้าโต๊ะของนักเรียนหญิงคนหนึ่ง มันอยู่ใต้โต๊ะพอดีเลย แถมอยู่ค่อนข้างลึกด้วย
นายสิงห์พยายามล้วงมือไปหยิบปากกาที่โต๊ะนั้น แต่เอื้อมไม่ถึง เขาจึงตัดสินใจก้มลงแล้วไปหยิบปากกา
พอหยิบได้แล้วกำลังจะลุกขึ้น
ขาของนักเรียนหญิงคนนั้น ดันหนีบแขนของเขาพอดี นักเรียนคนนั้นพอก้มมองใต้โต๊ะเท่านั้น
กรี๊ดดดดดดดดดดด์!!!!!!!!!!!!
นักเรียนคนนั้นตกใจมาก นายสิงห์ก็ตกใจเหมือนกัน
แต่เขารีบผละตัวออกอย่างรวดเร็วจนหัวเขากระแทกโต๊ะดังโครม!! จนโต๊ะตัวนั้นล้มทับเขา
นักเรียนหญิงคนนั้นจึงฟ้องครูว่า
“คุณครูค่ะ ชายคนนี้แอบดูใต้กระโปรงหนูค่ะ”
นายสิงห์รู้สึกตัวแล้วบอกกับครูว่า
“เปล่าครับครู ผมต้องการแค่ไปหยิบปากกาที่ตกอยู่”
แต่เธอก็โต้แย้งออกไปว่า
“อย่าไปเชื่อเขานะค่ะคุณครู เขามาแอบอยู่ใต้โต๊ะหนูค่ะ”
เถียงกันไปเถียงกันมา สุดท้ายคุณครูก็เลยต้องทำโทษนายสิงห์ให้ออกไปยืนนอกนอก เขาก็เลยต้องจำยอมทำตาม ยืนอยู่นอกห้องนั่นเอง
“ซวยอีกแล้ว นี่รอบที่สามแล้วนะเนี่ย” นายสิงห์ยืนคิดในใจขณะที่อยู่นอกห้องคนเดียว “ขืนอยู่ต่อไปมีหวังซวยซ้ำซวยซ้อนแน่ โดดเรียนเลยดีกว่า”
หลังจากที่คิดได้ เขาก็หาทางโดดเรียน โดยที่เขาแอบก้มลงแล้วค่อยเดินยองๆ เพื่อไม่ให้สังเกตเห็น จากนั้นพอเขาเดินลับออกจากห้องไปได้แล้ว เขาก็ถือโอกาสวิ่งไปเลย
(ความจริงแล้ว ถ้าจะเก็บของที่ตกอยู่ใต้โต๊ะคนอื่นนี้ น่าจะบอกให้เธอช่วยเก็บให้จะดีกว่านะ จริงมั้ย จะได้ไม่ต้องมามีเรื่องเถียงกันให้เมื่อยปากเลยน่อ)
ตอนเย็นวันนั้นเอง
นายสิงห์ซึ่งอยู่ในห้องล็อคเกอร์ (ห้องที่เก็บรองเท้าไว้ในตู้นั่นแหละ) เขามองไปมองมารอบๆ ตัวก็พบว่า
มีชื่อ “นายสิงห์” อยู่ที่ตู้ล็อคเกอร์ด้วย
เขาประหลาดใจนัก เพราะเมื่อเช้านี้เขาก็ไม่ได้เข้าไปที่ห้องนี้นี่ แล้วชื่อจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
คิดไปคิดมา เอ๊ะ! สงสัยจะมีคนชื่อเหมือนมั้ง
แต่เขามองดูชื่อในตู้อื่นๆ ก็มีแต่ชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่พบว่ามีชื่อ “นายสิงห์” เหมือนกับตู้นี้
ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากล็อคเกอร์ในตู้ที่ชื่อว่า “นายสิงห์”
นายสิงห์รู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ แต่ยังไงเขาก็ต้องไปเปิดตู้อยู่ดี
พอเขาเปิดตู้ออกมา ก็ต้องแปลกใจ เพราะของในตู้นั้น มีรองเท้าของเขา และโทรศัพท์มือถือของเขาก็อยู่ในนั้นด้วย นายสิงห์เลยหยิบโทรศัพท์แล้วรับสาย
“ฮัลโหล”
“นายสิงห์ นี่ไพบูลย์นะ”
“ไพบูลย์ วันนี้ฉันเจออะไรก็ไม่รู้ ซวยตั้ง 3-4 รอบแล้ว”
“เหรอ แล้วเมื่อเช้าเรื่องความลับที่เราจะบอกนะ...”
“ไม่ต้องๆๆ ฉันรู้แล้ว โรงเรียนนี้มีแต่นักเรียนหญิง เป็นโรงเรียนสตรีเลยล่ะ”
“เปล่า...นายสิงห์ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ที่จริงนะ...”
“ก็บอกว่าเป็นโรงเรียนสตรี ก็เป็นโรงเรียนสตรีสิ พวกนายทำไมต้องแนะนำโรงเรียนแบบนี้ด้วย”
“ขอโทษด้วยนะ นายสิงห์ ก็ในใบแผ่นพับนั่น เขาคงไม่ได้พิมพ์เอาไว้ว่าเป็นโรงเรียนสตรีนะ”
“ถ้างั้นก็คอยดูวันพรุ่งนี้ ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันอีก ฉันจะย้ายโรงเรียนไป และจะไม่กลับมาอีก”
“ใจเย็นๆ นายสิงห์ นายควรจะอดทนเอาไว้นะ เพราะนี่ก็วันเปิดเทอมวันแรกเองนะ นายสิงห์”
“ก็ได้ๆ ไพบูลย์ งั้นฉันจะลองเชื่อใจนายอีกสักครั้งหนึ่งล่ะกัน”
หลังจากนั้นเอง เขาก็เดินไปที่ด้านหน้าโรงเรียน เพื่อที่จะไปเอารถ Saleen S7 กลับบ้าน แต่เขากลับหารถไม่เจอ
“เฮ้ย! รถหายไปไหนว่ะ”
นายสิงห์ได้เดินตามหารถของเขาไปทั่วโรงเรียน หาไปหามา จนกระทั่ง
เมื่อเขาไม่สามารถตามหารถเจอด้วย และเขาเองก็เมื่อยล้ามากด้วย
เขาจึงตัดสินใจเดินไปยังที่ร้านคอนวีเนียนแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในโรงเรียน
หลังจากที่พักดื่มกาแฟเสร็จแล้วออกจากร้านมา
เขาเหลือบไปเห็นอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังก่อสร้างอยู่ เพราะมีรั้วกั้นปิดด้วย นายสิงห์จึงได้ลองไปที่อาคารหลังนั้น
เมื่อเขาเดินเข้าไป เขาก็ต้องแปลกใจ
เมื่อพบว่า ข้างในอาคารนั้น มีรถสปอร์ตเพียบเลย เป็นหลายสิบคันเลยทีเดียว แต่ละคันก็เป็นรถแต่งทั้งนั้น แถมยังใส่สีสันฉูดฉาดบาดตาอีกต่างหาก
เขาได้เดินสำรวจบริเวณรอบๆ ซึ่งรอบๆ ตัวเขามีแต่รถทังนั้น
และเขาก็ยังพบว่า มีอะไหล่รถมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิทข้าง สปอยเลอร์ กระโปรงหน้า ชุดแต่งหลังคา ไฟหน้า ไฟท้าย กระจกมองข้าง ท่อไอเสีย วงล้อ ชิ้นส่วนคาร์บอนไพเบอร์ ชุดแต่งเสริมตัวถัง เฮดเดอร์ แกนลูกเบี้ยว ลูกสูบ ฝาสูบ คลัช รางเชื้อเพลิง ชิป ECU หัวฉีดน้ำมัน สปริง โชค เหล็กกันโคลง N2O ผ้าเบรก จานเบรก ดิสก์เบรก สายเบรกเหล็ก เครื่องอัดเทอร์โบ ยาง ที่นั่งโฟม บุโฟม มิเตอร์มาตรวัด หลอดนีออนเรืองแสง ฟิล์มกระจกรถ ไฮโดรลิก เครื่องเสียง วงล้อสปินเนอร์(ล้อที่หมุนตลอดเวลาแม้รถจอด) ประตูขากรรไกร สติ๊กเกอร์ Roll Bar ฯลฯ กระจายไปหมด
และก็มีห้องต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละห้องก็มีเครื่องมือที่แปลกประหลาดมาก
แต่ที่น่าประลาดยิ่งกว่าก็คือ บริเวณภายในห้องนั้น มีชุดคนรับใช้หญิงมากพอๆ กันชุดวิศวกร (ปกติจะมีแต่ชุดวิศวกรเท่านั้น)
เขายังไม่ทันได้สำรวจให้ทั่วถึง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“นั่นใครน่ะ?”
นายสิงห์หันไปมอง ก็เห็นเงาตะคุ่มๆ ของคนๆ หนึ่งอยู่ที่ประตู เจ้าของเงาคนนั้นคิดว่าคนที่อยู่ข้างในเป็นผู้บุกรุก จึงตะโกนออกไปว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
แล้วเจ้าของเงาก็วิ่งไล่ตามนายสิงห์ นายสิงห์เห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบหนีไปยังด้านหลังประตู โชคดีที่ประตูหลังไม่ได้ล็อค จึงสามารถออกมาได้
แต่พอออกประตูหลังได้เท่านั้นแหละ
เปรี้ยงงงงง์!!!!!
เสียงคนวิ่งชนกัน ก็นายสิงห์วิ่งชนกับใครบางคนเข้า ทำให้ตัวเขากระเด็นไป
เมื่อเขาลุกขึ้นแล้วหันมามอง เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะคนที่เขาวิ่งชนนั้น เป็นนักเรียนหญิงที่เขาเคยเดินชนกันเมื่อตอนเที่ยงนั่นเอง เจอกันอีกแล้ว อย่างกะดวงสมพงษ์กันเลย
“ขอ...ขอ...ขอโทษด้วยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นลุกขึ้นมา แล้วตอบไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวจะกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ”
นายสิงห์จึงบอกไปว่า “โอเค เราก็จะกลับบ้านเหมือนกัน แต่เราหารถยังไม่เจอเลย หาตั้งนานแล้วนะ เดี๋ยวเราจะไปตามหาต่อล่ะกัน”
แล้วเขาก็เดินไปตามหารถต่อ แต่ถูกเธอขัดจังหวะ “รถคันนั้น ฉันรู้ว่าอยู่ตรงไหนนะ”
“เธอรู้ว่ารถเราอยู่ไหนเหรอ” นายสิงห์ถาม
“รู้สิ เดี๋ยวตามเรามาล่ะกัน”
“ก็ได้”
แล้วเธอก็พานายสิงห์ไปยังที่ๆ แห่งหนึ่ง มันคือโรงยิม แต่ว่าประตูมันล็อคอยู่
“นี่มันโรงยิมนี่” นายสิงห์พูด “มันปิดแล้วด้วย เราไม่มีทางเข้าไปได้หรอก”
เด็กหญิงจึงบอกว่า “เดี๋ยวจะช่วยหาทางเข้าให้ รออยู่ตรงนั้นก่อนนะ”
นายสิงห์ได้ยืนรอที่หน้าประตูตามลำพัง เขาคิดในใจว่า โรงยิมนี้มันมีทางเข้าออกอยู่แค่ 2 ทางเท่านั้นเอง อีกทั้งหน้าต่างก็ล็อคหมด แถมยังติดลูกกรงอีกต่างหาก จะทำยังไงจึงจะเข้าได้ เหาะหรือ? เป็นไปไม่ได้น่า
ขณะนั้น เด็กผู้หญิงซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่ง เธอได้ทำการอย่างหนึ่ง เธอได้ตั้งสมาธิ
สักพักหนึ่ง ปีกขาวขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมา (แค่นี้น่าจะเดาได้แล้วว่า เด็กผู้หญิงคนนั้น จริงๆ แล้วคืออะไร) จากนั้นก็บินขึ้นไปข้างบน แล้วก็เปิดช่องระบายอากาศออก จากนั้นก็มุดตัวเข้าไปข้างใน
ด้านนายสิงห์ ซึ่งยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างหน้าประตูอยู่พักใหญ่
เขาก็ได้ยินเสียงอย่างหนึ่ง เป็นเสียงประตูถูกปลดล็อค แล้วประตูหน้าก็ถูกเปิดออกมา
นายสิงห์ถึงกับสะดุ้ง อะไรกันละนิ ประตูมันล็อคหมดทุกบานไม่ใช่เหรอ ไหงมันเปิดออกมาได้ง่ายๆ อย่างนี้ งงเลยครับ
“เข้ามาสิ” เด็กผู้หญิงเรียกนายสิงห์
นายสิงห์เดินเข้าไปอย่างงงๆ
“นี่ไงล่ะ” เด็กผู้หญิงชี้นิ้ว นายสิงห์ก็มองตามที่เธอชี้
ก็พบว่า รถ Saleen S7 ของเขาอยู่ในนี้พอดี
“ขอบใจนะที่ช่วยตามหา ว่าแต่ใครย้ายไปไว้ตรงนี้เนี่ย”
เด็กหญิงไม่ตอบ แต่พูดว่า “เธอเจอรถของเธอก็ดีแล้ว ส่วนเราก็จะกลับบ้านล่ะนะ”
นายสิงห์จึงได้ไปเอารถ Saleen ของเขาขับออกจากโรงยิมออกมา แล้วก็รีบซิ่งออกนอกโรงเรียนไปเลย
เป็นไงล่ะ กว่าจะหารถเจอก็เล่นเอาเกือบเหนื่อย เสียเวลาหาตั้งนาน
เด็กหญิงที่ช่วยนายสิงห์ตามหารถคนนั้น พอเดินออกจากโรงเรียนปุ๊บ เธอก็รู้สึกถึงบางอย่าง จึงได้กางปีกออกมา แล้วบินไปกลางท้องฟ้า
ไม่มีคนใด แม้แต่นายสิงห์เองที่จะรู้ว่าเด็กหญิงคนนั้นเป็นนางฟ้า ไม่มีใครรู้ว่าเด็กหญิงคนนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่
ในคืนนั้น นายสิงห์ก็ได้พยายามขับรถตามหาที่ๆ สามารถให้เขาพักอาศัยได้ แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่เขาจะอยู่ได้เลย
สุดท้ายก็เลยต้องจอดรถไว้ที่สวนสาธารณะ แล้วเขาก็เตรียมนอนในรถเลย โดยใช้ชีวิตอาศัยแบบเก่าๆ ตามเคย
แม้ว่าเขาจะต้องหลับในรถก็ตาม แต่ก็เร้าใจไม่เบาเลยทีเดียว
ความคิดเห็น