ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ไสหัวไปตายซะ!" จึงต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตธรรมดากับคนรักและดาบต้องสาป

    ลำดับตอนที่ #12 : ลุยเลย สู่บ้านนอกอันสิ้นหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 63


    หมัดของ ogre ที่ปะทะลงกับพื้น บริเวณที่ Flamm ยืนอยู่ก็บิดรูปร่างไป
    แครก—แครก เสียงเหมือนกับมีอะไรบางอย่างอยู่บนพื้น
    ร่างกายของ Flamm สั่นไหว และการมองเห็นก็พร่ามั่วไปในเสี้ยววินาที
    Flamm มองลงไปด้วยความหวาดผวา
    สิ่งที่เธอมองเห็นนั้นก็คือ—พื้นนั้นเปลี่ยนเป็นเขี้ยว และก็เหมือนกับเนื้อวนของ ogre มันเริ่มหมุนแล้ว
    หลังจากนั้นเท้าของเธอก็ถูกกลืนกินแล้วก็เลื่อยจนขาดไปเลย

    Flamm: 「อ๊ะ……เอ๋……!?」

    สักพักหนึ่งกว่า Flamm จะรู้ตัวว่ามีสีแดงไหลออกมาจากตรงที่เป็นส่วนของเธอ
    เท้าของเธอถูกบดอย่างรวดเร็ว กลืนกินไปถึงข้อเท้า, น่องและก็ต้นขาเลย ไม่ว่าเธอจะฝืนดึงตัวเธอออกจากเกลียววนมากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถถ่ายแรงไปยังที่ขาได้อีกต่อไปแล้ว
    แม้แต่พลังฟื้นฟูของเธอก็คงช้าเกินไปเทียบกับความเร็วที่เธอกำลังจะถูกกลืนกิน
    ยังไงก็ตาม ไม่เพียงแค่ขาเธอ เกลียววนนั้นน่าจะทำให้ทั้งตัวกลายเป็นเนื้อบดไปได้

    Flamm: 「ม-ไม่นะ ขาฉัน…! ฉันขยับ…ไม่ได้แล้ว!?」
    Sarah: 「คุณพี่คะ!」

    ตรงนั้นก็คงไม่มีใครที่ไหนขานตอบรับนอกจากเธอหรอก
    Sarah ถึงกับแหกปากร้องออกมาแล้วก็ผลักร่างกาย Flamm ออกไป

    Flamm: 「อ-อ้ากก……อือ อึ้ก…อา แค่ก…!」

    ต้นขาทั้งสองข้างถูกบดไปแล้ว Flamm พยายามคลานหนีให้ห่างออกจากเกลียววนออกไปอีกหน่อย
    พอเสียเหยื่ออย่างเนื้อของหญิงสาวไป เจ้าเนื้อวนนั้นก็ร้องครางด้วยเสียง 「หวืออออ」 แล้วก็หมุนต่อไป

    Flamm: 「ฮา อะ…อ้าาาาาาา!」

    ถึงแม้จะเป็นแค่ความเจ็บปวดจากถูกทิ่มต่อย Flamm ถึงกับสลบ
    ถ้าเธอรอ ขาของเธอก็น่าจะฟื้นฟูได้ แต่ที่ไม่เหมือนกับตอนที่สู้กับ Anzu ขาของเธอถูกฉีกขาดเป็นนับพันชิ้น เธอก็เลยเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าที่เคยเจอมาในอดีตเสียอีก
    เลือดของเธอไหลออกมาเยอะจนกองเต็มพื้น
    แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่ได้เชื่อว่าจะต้องมาตายจากแบบนี้สักเท่าไรนัก
    ฉันไม่ตายก็ดีแล้ว ฉันไม่ตายก็ดีแล้ว ฉันไม่ตายก็น่าจะดีแล้ว—Flamm พูดกับตัวเองแบบนั้นซ้ำอยู่หลายครั้ง
    แต่สิ่งนั้นมันก็เจ็บไปถึงกึ๋น มันเจ็บมากจนเหมือนกับรู้สึกเหมือนเธอกำลังจะตายอยู่แล้ว

    Flamm: 「อู อึ้ก…อือ…บละ…!」

    เธอหายใจไม่ค่อยสะดวก ของในท้องก็ไหลออกมาบนพื้น
    ถึงแม้จะรู้ว่า Flamm มีพลังที่ฟื้นฟูได้ Sarah ก็ยังคงคิดว่าหญิงสาวคนนี้ได้รับบาดเจ็บขั้นร้ายแรงมาก
    เธออาจจะตายจากการเสียเลือดจนช็อคได้ ก่อนอื่นต้องรักษาเธอ—พอเธอคิดได้ดังนั้น เธอจึงรีบเข้าไปจับมือของหล่อน

    Sarah: 「ทำการรักษา!」

    นี่ถือว่าเป็นเจตนาดีอย่างบริสุทธิ์เลย
    มีแสงสว่างขึ้นที่มือของ Sarah และตามความประสงค์ของเธอ เธอได้รวมขาของ Flamm เอาไว้
    แสงนั้นเข้าไปในร่างกาย ทำการฟื้นฟูสภาพก่อนที่มันจะบาดเจ็บ
    นั่นคือเวทมตร์ระดับกลาง เวทรักษา
    ด้วยพลังในตอนนี้ จึงน่าจะเป็นไปได้ยากที่จะรักษาบาดแผลสาหัสขนานใหญ่ให้สมบูรณ์ได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ทำให้เลือดหยุดไหลก่อน
    อย่างไรก็ตาม—ก็มีเสียงร้องราวกับจะถูกเผา ต้นขาของ Flamm กำลังจะละลายเป็นเนื้อเหลว

    Flamm: 「อา อ…อ้ากกกกกกกก! อา…อี๋…อี…ฮี้!」

    Flamm ที่ได้รับเวทรักษา ทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดยิ่งกว่าทรมาน
    เธอจิกเล็บขูดบนพื้น
    เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดอย่างไม่คิดชีวิต
    บางทีเพราะเธอจิกแรงเกินไปหน่อย เล็บก็เลยเริ่มมีเลือดไหลออกมา

    Sarah: 「ท…ทำไมล่ะ? ทำไม ทั้งๆที่ฉันร่ายเวทฟื้นฟูรักษา—」

    Sarah หยุดพูดไปสักพักด้วยความสับสน
    แต่เธอก็พอจะคิดได้กับสิ่งที่รู้ได้อย่างว่องไว

    Sarah: 「……มันผันกลับสินะ? แม้แต่ผลจากเวทฟื้นฟูก็ยังตรงกันข้ามด้วยหรือ!? ไม่จริงน่า…คุณพี่ ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นนะ…!」

    แต่ Flamm เองก็เข้าใจ
    Sarah เป็นเด็กที่ดีเลยล่ะ เธอเป็นห่วง Flamm จากก้นบึงในใจแล้วก็ร่ายเวทรักษาไป
    ถึงเธออยากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เนื่องจากเพิ่งจะได้สติ ก็เลยทำได้เพียงแค่ร้องครางออกมา
    ถึงกระนั้น เธออยากปลอบ Sarah ที่ร้องไห้ออกมาสักนิดก็ยังดี เธอจึงหายใจเข้าอย่างลึกๆแล้วพยายามเปล่งเสียงพูดออกมาจากปาก

    Flamm: 「ไม่เป็น…ไร…อึ้ก…แค่ก…!」
    Sarah: 「คุณพี่คะ!?」
    Flamm: 「อ้าก ฮาา…ฮาา…ฮูว ที่…สำคัญกว่านั้น…」
    Sarah: 「ที่สำคัญกว่านั้นหมายความว่ายังไงหรือคะ?」
    Flamm: 「หนี…ไป…ซะ……!」
    Sarah: 「……คุณว่าหนีไปหรือคะ?」

    อาการบาดเจ็บของ Flamm ทำให้ Sarah ถึงกับวอกแวก แต่เจ้า ogre ปริศนานั่นก็หันมาสนใจเธอเข้าเต็มๆ
    ศัตรูเดินพุ่งตรงมาหาทั้งสอง
    บางทีเพราะมันใกล้เข้ามา ทั้งสองก็เลยได้ยินเสียงเลือดแตกกระเด็นออกมาจากใบหน้าเกลียววนด้วย
    ขาของ Flamm กำลังฟื้นฟู ค่อยๆกลับมาเป็นรูปร่างเหมือนกับก่อนหน้านั้น แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่าจะทำได้ทันก่อนที่ ogre จะจัดการโจมตีครั้งต่อไป

    Sarah: 「ต-ตกลงค่ะ!」

    ไม่มีตัวเลือกอื่นใดนอกจากต้องทำตามที่ Flamm บอกให้หนีไป พอตัดสินใจแบบนั้นปุ๊บ เธอก็แบกร่างของ Flamm แล้วก็วิ่งหนีทันที
    มันอาจจะดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงสำหรับร่างกายที่มีรูปร่างต่างกันสุดขั้ว แต่สำหรับ Sarah ที่มีความแข็งแกร่งมากนั้น มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
    ระยะห่างระหว่างพวกเธอกับ ogre ก็ห่างออกไปอีกครั้ง
    ในตอนนั้นเอง เมื่อสัตว์ประหลาดพิลึกได้กำหมัดแล้วต่อยไปทางด้านหลัง
    มันกำลังจะมาอีกแล้วหรือ—Sarah ยกการ์ดขึ้นมา คาดว่าพื้นนั้นเปลี่ยนรูปอีกครั้งขณะที่เธอเหลียวหลังไปมอง ogre
    แต่คราวนี้ มันเหวี่ยงหมัดไปข้างหน้า เพื่อตัดอากาศ
    นั่นหมายถึง เป้าหมายของเกลียววนก็คืออากาศที่อยู่รอบตัว Sarah กับ Flamm

    Flamm: 「Sarah-cha……หนี ไป…!」
    Sarah: 「ย…ย้ากกกกกกกกกกกก!」

    Sarah ร้องออกมาขณะที่พุ่งไปยังข้างหน้าโดยไม่คิด พร้อมกับแบก Flamm ไว้ในแขน
    อากาศเริ่มที่จะหมุนวน และคงจะจินตนาการได้ไม่ยากในอีกไม่กี่วินาที อากาศเริ่มเปลี่ยนเป็นกำแพงลมเหมือนกับพายุทอร์นาโดและล้อมรอบทั้งสองเอาไว้
    ถึงแม้ว่าเธอจะดูเหมือนกับจะล้มจากขาที่ถูกพันกันยุ่งจากต้นหญ้าสูงก็ตาม Sarah ยังคงพยายามวิ่งฝ่ามันไปโดยไม่คิดชีวิต แล้วพวกเธอก็จัดการหลบหนีออกมาได้
    หวืออออออ! หลังจากที่พวกเธอหนีไป พายุก็พัดทุกอย่างที่อยู่ในนั้นจนกลายเป็นเศษชิ้น

    Flamm: 「ต่อไป ด้านข้าง…!」
    Sarah: 「มันยังมาอีกหรือ!?」

    ไม่ทันจะได้พักหายใจ เจ้า ogre ก็เอาหมัดทุบพื้นอีกครั้ง
    ครืนนนนนนนนน—!! บริเวณเท้าของ Sarah เริ่มมีการหมุนวนพร้อมเสียงร้องขึ้นมา
    เธอทำการกระโดดหลบออกไป แต่เธอก็ไม่อาจลงพื้นได้ดีนัก ทำให้เธอร่วงตกลงไปจนทำ Flamm หลุดออกจากแขนเธอ
    ขณะที่เธอร่วงตกลงไป การฟื้นฟูของ Flamm ก็เพิ่งจะเสร็จสมบูรณ์
    เธอใช้แรงโมเมนตัมขณะที่เธอตกลงมา ยืนขึ้นแล้วเรียกเอากลืนกินวิญญาณออกมา

    —การตั้งรับไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้ เธอจึงต้องลุยฉะมันตรงหน้า

    เธอพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมดาบยักษ์สีดำที่อยู่ในมือเลย
    ด้านหลังเธอนั้น เริ่มวนไปรอบข้างตัว ogre
    จากสถานะที่บอก ดูเหมือนว่ามันจะเล็งเป้าไปที่ Flamm
    หมัดเขียวได้กำขึ้นมา
    คราวนี้—มันชกไปที่อากาศโล่งที่อยู่ข้างหน้า
    สัมผัสของเธอที่บ่งบอกถึงอันตราย เธอหลบไปทางข้างขวา

    ตึง!

    มีบางอย่างที่มองไม่เห็นผ่านมาเป็นเส้นตรง บดขยี้อะไรก็ตามที่มันสัมผัส
    หลุมนั้นดูเหมือนมันจะเปิดออกโดยเครื่องมือสร้างวงกลมที่มาจากการโจมตีนั้น
    ถ้าเธอรับมันเข้าไป—เธอจะต้องแหลกเป็นชิ้นๆแน่
    การโจมตีครั้งก่อนหน้ามีการหน่วงเวลาไว้ก่อนที่จะพุ่งออกมา แต่คราวนี้มันไม่เหมือน มันพุ่งเข้าไปทันทีพร้อมกับแสดงพลังการทำลายล้างที่ท่วมท้น
    ความเสียหายเกิดขึ้นในทันที
    พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าจำนวนของเกลียววนน้อยลง เวลาที่เตรียมก็ย่อมน้อยลงด้วย
    แต่สุดท้าย พลังนั้นก็มากพอที่จะฆ่ามนุษย์ได้
    สำหรับ Flamm ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ การต่อสู้ในระยะไกลจะทำให้อยู่ในสภาวะเสียเปรียบ เหมือนกับ Sarah ที่ใช้กระบองเป็นอาวุธหลักด้วย
    ดังนั้น พวกเธอจึงต้องหาทางเข้าไปสู้ในระยะประชิด
    Flamm ลงท่ากระโดดม้วนตัวทันทีที่ถึงพื้นแล้วก็จัดท่าพุ่งเข้าไปทันที
    ในระหว่างที่ Flamm เข้าในระยะใกล้จนเอื้อมถึงตัวมันด้วยกลืนกินวิญญาณของเธอได้ ogre ก็จัดการปลดปล่อยการโจมตีเหมือนก่อนหน้านั้นอีกครั้ง แต่ Flamm ก็หลบไปทางข้างได้อีกครั้ง
    ก่อนที่ Flamm จะเข้าไปถึงจุดที่เธอจะโจมตีนั้น Sarah ก็เข้าไปยังด้านหลังของมอนสเตอร์

    Sarah: 「ย้ากกกกก!!」

    เธอโดดสูงในระดับที่พอๆกับหัวของมัน ฟาดกระบองของเธออย่างเต็มแรง เหวี่ยงเข้าใส่ด้านหลังหัวของ ogre

    ตึง!

    เสียงกะโหลกที่ถูกปะทะดังสั่นสะเทือนก้องไปทั่ว

    Sarah: 「เป็นไงล่ะ การโจมตีของฉัน!」

    Sarah ลงพื้นแล้วถอยออกไปห่างๆ เอานิ้วถูจมูก หัวเราะดังลั่น
    ดูเหมือนมันจะต้านทานเอาไว้ได้
    ถ้าเป็น ogre ทั่วไป การถูกโจมตีอย่างหนักน่าจะทำให้สลบได้
    แต่ทว่า—ogre ตัวนั้นแทบจะไม่สะดุ้งเลย และราวกับมันจะรู้ถึงตัวตนของ Sarah มันค่อยๆหันไปยังด้านของเธอ
    แซก แซก

    Sarah: 「ไม่ได้ผลหรือ…?」
    Flamm: 「แล้วแบบนี้ล่ะ!?」

    บางที มันคงจะต้านทานการโจมตีที่ทื่อนี้ได้ ถ้าโจมตีแบบเฉียบคมน่าจะสร้างความเสียหายได้บ้าง
    ตามสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจ Flamm ได้ฟันดาบออกไป
    โดยหล่อรวมความเร่งและพลังของเธอ เธอฟันกลืนกินวิญญาณเป็นแนวนอน เล็งไปที่ขาของ ogre ด้วยกำลังเต็มแรง—
    แต่ก็ต้องรู้สึกถึงความทื่อ ดาบนั้นไม่อาจตัดผ่านเนื้อ ogre เข้าไปได้ แล้วก็หยุดคาตรงนั้นแทน

    Flamm: 「นี่มัน…แข็งเกินกว่าจะเป็น ogre ไปแล้วนะ…!?」

    ถึงมันจะมีพลังที่แปลก ถ้าค่าสเตตัสของมันคล้ายกับ ogre ทั่วไปก็น่าจะดีอยู่
    ความหวังของพวกเธอถูกบดทำลายอย่างง่ายดาย
    และราวกับมันจะบดขยี้ให้เป็นชิ้นๆ ogre ได้ยกกำปั้นขั้นมาแล้ว

    Sarah: 「คุณพี่คะ ระวัง!」
    Flamm: 「อึก!?」

    เธอก้าวถอยหลบ
    หลังจากการโจมตีนั้น บริเวณที่ Flamm ยืนอยู่ก็ยุบลึกมากขึ้น
    มีอะไรบางอย่างที่หุ้มแขนของมันเอาไว้ ถ้ามันพุ่งเข้ามา คงจะไม่มีอะไรเหลือแน่
    หลังจากนั้น ทั้งสองก็รีบถอยออกไปแล้วก็มองหน้ากัน
    พวกเธอนึกว่าจะทำอะไรกับมันได้ถ้าหากเข้าไปสู้ในระยะใกล้ แต่กลายเป็นว่าล้มเหลว
    กระบองของ Sarah ทุบไม่สะเทือน ส่วนกลืนกินวิญญาณของ Flamm ก็ฟันผ่านเข้าไปได้
    เราจัดการกับสัตว์ประหลาดนี้ไม่ได้แล้ว—ทั้งสองเห็นว่าเช่นนั้น
    Flamm มองไปยัง Sarah ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสัตว์ประหลาดแล้วทำตาสบกัน ก่อนที่จะพยักหน้าให้กัน
    หลังจากนั้น ทั้งสองก็วิ่งโกยอ้าวลึกเข้าไปยังพื้นที่เปิดโล่ง
    แน่นอนว่า ศัตรูนั้นก็ต้องไล่ตามพวกเธอมาด้วย แต่พวกเธอคิดว่า ogres ไม่น่าจะมีความเร็วมากนัก จึงทิ้งระยะห่างออกไปได้อย่างง่ายๆ

    Sarah: 「เราจะทำยังไงดีล่ะ?」
    Flamm: 「ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหนีแล้ว!」

    ถ้าพวกเธอมุดผ่านรูที่อยู่ในอุโมงค์ที่ถูกปิดได้ พวกเธอก็น่าจะมาถึงทางออกแล้ว
    ขณะที่พวกเธอวิ่งเข้าไปในถ้ำลึกขึ้นและก็ลึกเข้าไปเรื่อยๆ พวกเธอก็พบโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่
    ดูจากขนาดแล้ว ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นโพรงไม้ที่ ogre โผล่มาจากไหน
    เข้าไปแล้วมันจะดีหรือ? แน่นอน มันทำให้พวกเธอกังวล
    แต่มอนสเตอร์ก็ไล่ตามพวกเธอมาแล้ว
    พวกเธอจึงไม่มีเวลาที่จะลังเล

    Sarah: 「นี่เราจะเข้าไปหรือ?」
    Flamm: 「เข้าไปเลย ถ้ามันไม่ได้ผลอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแล้ว ใช่มั้ย?」

    ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆล่ะก็ Flamm คิดว่าเธอจะยอมสละตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ Sarah หนีไป
    พวกเธอตัดสินใจที่จะเข้าไปยังอีกถ้ำด้วยความแน่วแน่
    หลังจากนั้นก็เป็นทางเดินตรงยาวต่อไป
    ดูจากกำแพงแล้ว ที่นี่ก็มีคนสร้างด้วยด้วย
    Flamm ชำเลืองมองไปยังข้างหลัง แล้วก็—

    Flamm: 「หวา—!」
    Sarah: 「เกิดอะไรขึ้น…เดี๋ยวก่อน ฮี้?!」

    ogres ธรรมดาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วทั้งๆที่มีขนาดมหึมาได้
    แต่ตัวนี้มันไม่เหมือน
    มันวิ่งเร็วอย่างกับมนุษย์ ด้วยย่างก้าวใหญ่ๆ
    บางทีมันคงฝืนร่างกายตัวเองอยู่ จากตรงเท้า พวกเธอได้ยินเสียงเหมือนกับกล้ามเนื้อของมันจะฉีกออกไปเป็นส่วนๆ ด้วยเลือดที่คั่งเป็นสีดำ
    แต่ดูท่าราวกับมันจะไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาเลย ตึง ตึง ตึง ogre ยังคงกระแทกพื้นโดยที่ไม่เสียความเร็วไปเลย
    มันไม่สนใจถึงขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ
    Flamm รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตนี้มันแตกต่างจาก ogre ทั่วไปแล้ว
    …ไม่สิ เอาไว้ตรวจสอบทีหลังล่ะกัน
    ตอนนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากหนีลูกเดียว
    ระยะห่างก็ค่อยๆใกล้เข้ามา
    ไม่เหมือนกับพื้นที่กว้างที่พวกเธอเข้ามา พวกเธอไม่ได้มีความเก่งกาจที่เหมือนกัน หากต้องมาสู้กันในถ้ำแคบๆนี้
    ตอนนั้นเอง สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเธอ—กำแพงที่เป็นทางตันกับหลุมขนาดใหญ่ที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นหลุม

    Sarah: 「ทางตันแล้ว…!」
    Flamm: 「ยัง ตรงนั้นมีหลุมอยู่…แต่」
    Sarah: 「ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ เฮ้อ…」
    Flamm: 「ฉันไม่คิดว่าจะมีทางอื่นที่ซ่อนตัวจากจู่โจมในทางตันนี้ได้หรอก และถ้าเราไม่หนีไป เราก็จะ—」

    ogre ยังคงวิ่งไปหาพวกเธอที่กำลังลังเลอยู่
    ถ้าพวกเธอกำลังจะตาย ก็ขอเลือกที่จะตายเองดีกว่า—Flamm นึกตัวเลือกที่เธอได้เลือกไว้ตอนที่เธอถูกขังในห้องขังกับ Milkit ได้
    ความทรงจำนั้นกดดันหลังเธอ
    เธอหลับตาลง หายใจเข้าออก ตบแก้มแล้วพูดว่า 「เอาล่ะ」—แต่ถึงกระนั้นจิตใจของเธอก็ยังสั่นหวาดกลัว
    เธอก้าวเท้าไปยังข้างหน้า
    แล้วพาตัวเองเข้าไปในหลุมที่ไร้ก้นเลย
    คนที่ตามหลังเธอคือ Sarah ที่โยนตัวเธอเข้าไปในหลุม
    ogre ถึงกับหยุดตรงหน้าหลุม จ้องไปยังความมืดด้วยใบหน้าของเนื้อ

     

    ◇◇◇

     

    ตุบ!
    หลังจากรู้สึกถึงการไม่มีแรงโน้มถ่วงแล้ว ร่างกายของ Flamm ลงบนอะไรสักอย่างที่มันนุ่ม
    Sarah ก็ลงข้างๆกับเธอ แล้วก็สำรวจรอบๆตัวทันที
    บริเวณรอบๆตัวนั้นมืด แต่ก็พอจะเห็นเลือนรางได้บ้าง

    Flamm: 「นี่มันที่ไหนเนี่ย…」
    Sarah: 「ดูเหมือนจะเป็นที่ๆมีคนสร้าง แต่…อึก กลิ่นนี่มัน……」

    Flamm ห้มมองลงไปข้างล่าง
    ขณะที่เธอเห็นสิ่งที่พวกเธอยืนอยู่นั้น เธอก็ร้องออกมาดังลั่นแล้วกอดตัว Sarah เอาไว้

    Sarah: 「อุป!? อือ!?」
    Flamm: 「Sarah-chan หลับตาเร็ว」
    Sarah: 「…อึม อุ-อุก?」
    Flamm: 「เร็ว! หลับตาจนกว่าฉันจะบอกให้เธอทำอย่างอื่นนะ」

    หลังจากที่แจ้งเตือน Sarah ก็พยักหน้า
    Flamm อุ้ม Sarah ลงมายังข้างล่าง
    เศษกระดูก—ที่ยังมีเนื้อหลงเหลือ ที่ๆพวกเธอยืนอยู่ก็คือกองภูเขาของศพนั่นเอง
    อีกทั้งยังมีหลายเผ่าพันธุ์ทั้งมอนสเตอร์และศพมนุษย์ปนกันมั่วไปหมด
    ขณะที่มองไป เธอก็เห็นส่วนของร่างกายรวมไปถึงกระดูกก็ถูกบิดเป็นรูปของก้นหอย
    ไม่สิ ยังไม่ใช่แค่นั้น
    แม้แต่กำแพงสีเทาที่สร้างห้องนี้ก็ยังบิดเป็นรูปก้นหอยเลย
    ใช่ เหมือนกับใบหน้าของ Ogre นั่นแหละ

    Flamm: 「ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย…」

    เพื่อไม่ให้ Sarah ต้องมาเห็นกองศพ Flamm จึงต้องปิดตาเธอเอาไว้ แต่เธอก็ต้องทำจนกว่าจะออกไปจากห้อง
    แต่มันจะมีความหมายอะไรในห้องนี้ ถ้าเธอไม่ให้ Sarah เห็นล่ะ?
    ขณะที่คิดกับตัวเองนั้น Flamm ก็ออกจากห้องผ่านประตูที่เปิดแง้มไว้ ต้องขอบคุณที่มันไม่ถูกบิดเป็นรูปก้นหอย
    หลังจากผ่านไปได้ เธอก็ปิดประตูทันทีแล้วก็ปล่อยตัว Sarah
    เด็กสาวที่รู้สึกถึงเท้าที่สัมผัสกับพื้นก็หายใจออกมา 「ฮ่าา」 แล้วก็ตรวจดูรอบๆ
    ที่นี่เองก็มืดตามที่คาด
    Sarah เจอลูกบอลคริสตัลที่ติดอยู่บนฝาผนัง

    Sarah: 「ขอเปิดไฟตรงนี้ได้มั้ย?」

    มันคืออุปกรณ์เวทมนตร์ที่เรียกว่าโคมไฟเวทมนตร์ เพียงแค่รวมเวทมนตร์ไว้บนฝ่ามือ ก็สามารถเปิดมันได้แล้ว
    มันมีรูปร่างที่แตกต่างจากอันที่พวกเธอเห็นในเมืองหลวง แต่การทำงานก็น่าจะคล้ายๆกัน
    หลังจากที่ Flamm พยักหน้าแล้ว ก็เปิดโคมไฟที่ติดอยู่บนเพดานตรงทางเดินที่ทั้งสองคนอยู่
    ในที่สุด พอมองเห็นอะไรได้ชัดเจนแล้ว ทั้งสองถึงกับอึ้งไป

    Sarah: 「นี่มันที่ๆเราอยู่หรือคะ? จะว่ายังไงดี เหลือเชื่อหรือ?」
    Flamm: 「อือ เจ้า ogre นั่นคงไม่ตามเรามาแล้วล่ะ แต่…เราโผล่มาในที่ๆประหลาดเลย ไม่ใช่หรือ?」

    Flamm แตะกำแพงเย็นๆราวกับจะดูว่ามีอยู่มั้ย
    เธอไม่เคยเห็นโครงสร้างของโลหะแบบนี้มาก่อน
    และความจริงที่ว่าตรงนี้มันอยู่ใต้ถ้ำ ซึ่งก็น่าจะหมายถึงสถานที่ตรงนี้มันอยู่ใต้ดินนั่นเอง
    ยิ่งกว่านั้น ห้องก่อนหน้าที่เต็มไปด้วยกองศพนั้นก็ใหญ่มาก
    คนที่มีสถานที่ใต้ดินที่กว้างใหญ่เช่นนี้จะต้องหมายถึงพวกนั้นมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเงินทุนมหาศาลแน่ๆ

    Flamm: 「ตอนนี้ เราควรจะหาทางออกก่อน」
    Sarah: 「ใช่แล้วล่ะ ตรงนั้นมีหลายอย่างที่ฉันเองก็อยากรู้ แต่ชีวิตของเรานั้นสำคัญกว่านะ」

    ขณะที่เธอออกจากห้อง ด้านขวาของเธอนั้นเป็นทางตัน
    พวกเธอจึงต้องไปทางด้านซ้ายแล้วก็เดินตรงไปข้างหน้า
    ไม่นานนัก พวกเธอก็มาถึงทางแยก หากเลี้ยวซ้ายก็จะเจอทางตัน ส่วนเลี้ยวขวาก็จะเจอทางที่ยาวออกไป
    ทางขวานั้นยังคงมืดอยู่ บางทีพวกเธอคงต้องหาอุปกรณ์หลอดไฟแล้วล่ะ
    เบื้องหน้าทางตันตรงทางซ้ายก็มีห้องอยู่ พวกเธอจึงตัดสินใจเข้าไปหาก่อน
    Flamm เอาหูแนบที่ประตูเพื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างใน—จากนั้นเธอก็เอากลืนกินวิญญาณออกมาถือไว้แล้วเปิดประตูผลักเข้าไป
    เธอคลำกำแพงตั้งแต่ที่ประตูมาจนกระทั่งพบกับลูกคริสตัลอีกลูก
    น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้ใช้อุปกรณ์นี้ แต่หลังจากเข้าใจแก่นแท้ของการวิเคราะห์แล้ว การรวมพลังเวทมนตร์บนฝ่ามือก็ทำได้ง่ายมาก
    แล้วก็แตะไว้บนขอบนิดหน่อย ก่อนที่จะเปิดไฟในห้อง
    ภายในมีโต๊ะ ตู้และชั้นหนังสืออีกสองตู้
    รวมถึงโต๊ะโซฟาอีกสองตัวที่หันหน้าเข้ามากัน และโต๊ะหนึ่งตัวที่อยู่คั่นกลาง บางทีคงจะเอาไปใช้ต้อนรับแขก
    พอคิดดูคงไม่ใช่ห้องที่เหมือนกับห้องก่อนหน้า ห้องนี้น่าจะกว้างใหญ่พอดูเลย
    บางทีคงจะเป็นของคนที่มีฐานะใหญ่โต หรือไม่ก็เป็นความประทับใจแรกของ Flamm

    Sarah: 「ตู้ชั้นหนังสือนี่ว่างหมดเลย เนาะ?」
    Flamm: 「อืม…」

    ขณะที่ Sarah ค้นหาในชั้นวาง Flamm ก็กวาดสายตาบนผนังห้อง
    เธอพบว่าในห้องนั้นก็มีรูปลายก้นหอยอยู่หลายที่เช่นกัน
    ซึ่งมีอยู่หลายขนาด แต่ทุกจุดนั้นต่างก็บิดหมุนกันทั้งนั้น

    Sarah: 「คุณพี่คะ นั่นมันอะไรกันคะ?」
    Flamm: 「ฉันไม่รู้ แต่มันมีตรงนั้นอยู่บนกำแพงห้องก่อนหน้านั้นด้วย เราก็เห็นสิ่งนี้บนใบหน้าของ ogre ตัวที่มันไล่ตามเรามาด้วย」

    กำแพงหมุนบิดเป็นเกลียว ศพ และก็มอนสเตอร์
    สิ่งเหล่านี้—บางทีอาจจะเป็นปรากฏการณ์ของสิ่งนั้นหรืออะไรสักอย่างหรือ?
    ขณะที่เธอถามกับตัวเองนั้น Flamm มองไปยังลิ้นชักของโต๊ะแล้วก็เห็นตู้หนึ่งที่ถูกล็อคเอาไว้และดึงออกไม่ได้

    Sarah: 「เราทำลายมันได้มั้ย? หมายถึงไม่มีใครอยู่ตรงนั้นนะ」

    Sarah เสนอความคิดที่มันอันตรายออกมาซะชัดเจนเลย แต่มันก็เป็นเรื่องฉุกเฉินอยู่
    Flamm เล็งทำลายแม่กุญแจด้วยดาบยักษ์นั้น
    ทันใดนั้น ลิ้นชักก็เปิดออกมาอย่างง่ายๆ อย่างที่คาดเลย พวกนั้นคงไม่ได้คาดถึงว่าพวกเธอนั้นได้มาไกลถึงตรงนี้
    ข้างในนั้น มีสมุดจดบันทึกอยู่เล่มหนึ่ง
    Flamm หยิบขึ้นมาแล้วเปิดออก ขณะที่ Sarah ก็ชะเง้อมองอยู่ข้างๆด้วย

    「สองวันแล้วตั้งแต่เราควบคุมสิ่งนั้นไม่ได้ ในที่สุดก็ได้รับการติดต่อจากเบื้องบนมา บอกเราว่าให้ทำลายข้อมูลทั้งหมดทิ้ง พอร้องขอการช่วยเหลือ ก็ถูกเมินไป ดูเหมือนว่าเราจะถูกทอดทิ้งเอาไว้ตรงนี้แล้ว」

    มันถูกเขียนอย่างเร่งรีบจนดูไม่เหมือนกับบันทึกเลย
    และก็ไม่มีวันที่เขียนเอาไว้ด้วย แต่ดูจากสภาพของสมุดจดบันทึกแล้ว มันน่าจะเกินกว่า 10 ปีได้

    「ไอ้ผู้สืบทอดบ้านั่นไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย ฉันไม่ได้อยากจะมายังที่นี่ตั้งแต่แรกสักหน่อย ฉันแค่อยากได้ผลงานที่สำเร็จเพื่อที่จะไต่เต้าระดับสังคมแท้ๆ แต่ทำไมกัน? ตัวทดลองถูกขังไว้ในห้องนี้ แต่พลังงานมันเริ่มรั่วไหลออกไปทั่วบริเวณแล้ว มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เราจะจบเห่แล้วหรือ?」

    บันทึกนี้เต็มไปด้วยเรื่องน่าเศร้า
    ตัวทดลอง—Flamm จำกองศพตอนที่เธออ่านข้อความนั้นได้

    Sarah: 「สถานที่ตรงนี้เอาไว้ใช้ทำการทดลองสินะ หมายความว่า ogre ตัวนั้น…」
    Flamm: 「มันก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ถึงอย่างนั้น ตามบันทึกนี้ เขาบอกว่าควบคุมมันไม่ได้นี่」

    ลายมือค่อยๆยึกยือมากขึ้น
    มันก็ไม่ได้สวยมาตั้งแต่เริ่ม แต่ในตอนหลังๆบรรทัดเริ่มจะมีโย้ขึ้นลงแล้ว

    「「เผยแพร่คำสอน」 อะไรกัน? 「เพื่อประเทศชาติ」 อะไรกัน? ฉันไม่สนอะไรแล้ว ฉันเข้ามาเพื่ออยากจะทำสิ่งที่มันถูกต้องเอง ประเทศนี้ไม่มีมนุษย์แล้วหรือ? ฉันไม่ใช่พลเมืองของประเทศนี้แล้วหรือ? ไม่เข้าใจ ไม่เห็นจะเข้าใจสิ่งที่พวกนั้นคิดเลย」

    「ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่พวกเขาขอให้ฉันทำ บางทีเพราะฉันเป็นคนที่สมบูรณ์แบบไม่ดีพอหรือ? เพราะไม่มีการประสานงานที่ดีพอหรือ? มันก็จริงที่ขาดการสร้างมนุษยสัมพันธ์ แต่เราก็ยังขาดความรู้อยู่ แล้วทำไมมันถึงผิดได้ล่ะ? ไม่ใช่ นั่นไม่จริงเลย มันต้องไม่จริงแน่ ฉันน่ะทำถูกต้องอยู่แล้ว!」

    「ฉันคือฉัน ฉันคือฉัน ฉันก็คือฉัน มันหมุนวนไป ไม่ มันไม่ได้หมุนวนสักหน่อย ฉันคือฉันมันก็ถูกแล้ว แต่ที่สิ่งถูกต้องจริงๆคืออะไรล่ะ? อา การเชื่อมต่อ ทุกคนคือการเชื่อมต่อ ด้วยความรู้ที่หมุนวนจะค่อยๆเพิ่มสติปัญญาหรือ? ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วสิ่งที่ถูกต้องจริงๆคืออะไรล่ะ?」

    ในตอนท้าย บันทึกก็ยึกยือมั่วซั่วไปหมดจนเหลือแค่ 10 ตัวอักษรในหน้าแล้วก็เริ่มอ่านยากขึ้นเรื่อยๆ
    เริ่มที่จะชัดเจนแล้วว่าคนที่เขียนบันทึกในสมุดนี้ค่อยๆเสียสติไป

    Sarah: 「ความรู้หมุนวน…สติปัญญา…」
    Flamm: 「ฉันเองก็ไม่เข้าใจสักเท่าไร แต่นี่มันน่าจะบอกถึงพลังงานที่รั่วไหลออกมา ใช่มั้ย?」
    Sarah: 「……ก็คิดว่างั้นแหละ」

    พลังที่อยู่เหนือความรู้ของมนุษย์
    ก็ไม่น่าจะแปลกถ้ามันส่งผลกระทบกับจิตใจของมนุษย์
    ขณะที่พวกเธอพลิกหน้าต่อไป ก็มาถึงจุดที่พวกเธอต้องใช้นิ้วไล่ตามตัวอักษรเพราะมันเริ่มเขียนยึกยือมาก

    「ฉันอยากจะเชื่อมต่อ ฉันอยากจะเชื่อมต่อ นั่นคือหนทางที่จะเพิ่มสติปัญญา ถูกต้องแล้ว นี่คือสิ่งที่ฉันมองหามาตลอด ความแสวงหาและความเชื่อมั่น ในที่สุดก็มาถึงจุดนั้น แล้วเรื่องเล็กๆที่เราเอาแต่หมกมุ่นอยู่ตลอดนั่นมันอะไรกัน」

    「พวกนักวิจัยก็เชื่อมต่อกันหมด ฉันเองก็จะไปด้วย ที่ไหนล่ะ? ฉันกำลังจะตายหรือ? ฉันไม่รู้ ปัญญาไม่สามารถกำหนดตัวมนุษย์ได้ นั่นทำไมเราถึงต้องไป แต่ อา ไม่ใช่ว่าที่ตรงนั้นมันไม่สงบสุขแล้วหรือ? เพื่อให้รู้แจ้งถึงปัญญาที่แท้จริง รู้ถึงความสงบสุขที่แท้จริง จะต้องทำการพิพากษาหรือใช้กฎนั่น」

    อย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็เข้าใจได้ถ้ามองตามนิ้วไป
    มีตัวอักษรที่เขียนเรียงเป็นแถวอยู่
    บนหน้าสุดท้ายนั้น เขียนเอาไว้ด้วยตัวอักษรหวัด

    「Flamm Apricot」

    「……」

    ทั้งสองถึงกับอึ้งไปพร้อมกัน
    มือของ Flamm ถึงกับสั่นเทาขณะที่ถือสมุด ขณะที่ขอบกระดาษก็เริ่มบิดเบี้ยว

    Flamm: 「……อีกแล้ว…?」
    Sarah: 「คุณพี่สาวคะ……」
    Flamm: 「แต่สมุดนี่มันน่าจะเก่ากว่านี้ ใช่มั้ยล่ะ? ก็ตั้งแต่ฉันยังเล็ก ฉันก็อาศัยอยู่ในชนบท…แต่ทำไม ทำไมถึงมีชื่อฉันปรากฏในสมุดเล่มนี้ได้ล่ะ? มันแปลกไปแล้วนะ!」

    เธอไม่เข้าใจว่าอารมณ์ที่แน่นอยู่ในหน้าอกเธอมันเป็นความโกรธหรือความหวาดกลัวกันแน่
    มันเป็นความรู้สึกที่ผสมกับการกระทำของเธอ เธอเขวี้ยงสมุดบันทึกลงบนกับพื้น ขณะที่ไหล่เธอสั่นและหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง

    Flamm: 「ฉันก็แค่…อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบ้านเกิดเอง มันก็ไม่มีทางเป็นจริงได้แล้ว แต่จากนั้นฉันก็เจอกับ Milkit ฉันคิดว่าถ้าอยู่กับเธอได้ ก็น่าจะได้ใช้ชีวิตอิสระในเมืองหลวงได้…แต่นี่มันอะไรกัน นี่มันบ้าอะไร เรามาถึงตรงนี้โดยบังเอิญนะ แต่ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะเนี่ย!?」
    Sarah: 「ข-ขอโทษค่ะ!」

    คนที่พา Flamm มายังตรงนี้ได้คือ Sarah โดยไม่ต้องสงสัย
    เธอรับคำกล่าวโทษมาแล้วก็จับมือของ Flamm ให้แน่นขณะที่น้ำตาไหลคลอ

    Flamm: 「……อ๊ะ」

    พอเธอเห็น Sarah ที่เกือบจะร้องไห้ออกมา Flamm ก็กลับมาสงบใจลงได้
    เธอนั่งยองๆลงใกล้เด็กสาวแล้วก็ลูบหัวอย่างอ่อนโยน

    Flamm: 「ขอโทษนะ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นหรอกนะ」
    Sarah: 「ฉันเป็นคนผิดโดยไม่มีข้อสงสัย ถ้าฉันไม่เอาข้อมูลของถ้ำมา คงจะจบลงง่ายกว่านี้!」
    Flamm: 「ไม่จริงเลย ถ้าไม่ใช่เพราะ Sarah ฉันก็ไม่รู้ว่าจะหา Chialry ได้จากตรงไหนได้แล้วล่ะ」
    Sarah: 「คุณพี่คะ…ฉันขอโทษด้วยจริงๆ ปกติแล้วฉันควรจะเป็นคนที่ต้องมาปลอบใจคุณนะ」
    Flamm: 「ไม่เป็นไร ขอบใจนะ ฉันจึงได้ใจเย็นลงแล้วล่ะ」

    ในขณะที่ต้องแสร้งทำตัวเป็นพี่สาวของ Sarah นั้น ความหวาดกลัวของ Flamm ก็ลดลง
    แน่นอนที่สุดก็คือเธอคงจะไม่มีทางทำได้ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้
    นั่นทำไม เธอจึงอยากจะบอกกับ Sarah ว่า ขอบใจที่อยู่กับฉันนะ

    Flamm: 「ดูเหมือนจะไม่มีแผนที่ในห้องนี้เลย เราลองไปดูห้องอื่นอีกครั้งกันมั้ย? ตกลงนะ?」

    Flamm เช็ดน้ำตาที่ไหลย้อยลงมาอาบแก้มของ Sarah
    เด็กสาวที่มีอุณหภูมิตัวที่แสนอ่อนโยนแบกความกล้าจนได้รอยยิ้มกลับคืนมา แล้วพยักหน้าอย่างเต็มเปี่ยม

     

    ◇◇◇

     

    ทั้งสองคนได้ทำการค้นหาต่อไป แต่พวกเธอก็ยังหาสิ่งที่ดูเหมือนแผนที่หรือทางออกไม่เจอเลย
    ดูจากความกว้างของสถานที่นี้แล้ว พวกเธอไม่มีเวลามากพอที่จะเดินสำรวจโดยรอบได้แน่
    ยิ่งพวกเธอสำรวจมากเท่าไร ก็ยิ่งมีกำแพงที่บิดเบี้ยวมากเท่านั้น แม้กระทั่งสถานที่เป็นห้องโถงก็ยังบิดเบี้ยวเลย
    ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้
    มันแข็งแกร่งเสียจนแม้แต่ ogre เองก็คงเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

    Flamm: 「เป็นสถานที่ๆดูบ้าบอชะมัด ไม่คิดแบบนั้นบ้างหรือ? ฉันว่าคนที่สร้างสถานที่แบบนี้ต้องยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อการวิจัยสินะ」
    Sarah: 「ถ้าพวกนั้นทำการวิจัยจนเอาไปใช้งานได้ล่ะก็ พวกเขาก็น่าจะมีพลังที่ไร้เทียมทานตามที่ฉันเดา พลังนั้นไม่แพ้แม้แต่เผ่าปีศาจแน่นอน」

    นี่เป็นยิ่งกว่าเหตุผลที่ทำไมมนุษย์ถึงต้องแสวงหาพลังที่นอกเหนือจากนั้นเพื่อกวาดล้างปีศาจได้ล่ะ?
    ถ้าพวกนั้นคิดถึงขนาดนั้น โดยพิจาณาจากขนาดของสถานที่แล้ว อาณาจักรก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยด้วยอย่างแน่นอน
    ก็เหมือนกับทางศาสนจักรที่ทำการกวาดล้างหมอยาออกไป ถึงขนาดที่ชาวบ้านก็ยังรู้ถึงการคอรัปชั่นเลยด้วยซ้ำ

    ขณะที่พวกเธอเด็นผ่านระเบียงสีเท่าที่ไม่มีรูปร่าง พวกเธอก็ได้ยินเสียงที่ค่อยมาก
    บางทีเพราะที่นี่มันเงียบกริบ ทั้งสองก็เลยได้ยินเสียงทันทีถึงแม้ว่ามันจะค่อยสุดๆเลยก็ตาม ทั้งสองถึงกับหยุดเดินพร้อมกัน

    ???: 「………วย………ย……」
    Flamm: 「นั่นเสียงคนหรือ?」
    Sarah: 「อาจจะยังมีคนรอดชีวิตอยู่ก็ได้นะ!」

    Flamm รีบจับหลัง Sarah ที่กำลังจะวิ่งไป
    มันมีความเป็นไปได้ว่านั่นจะเป็นเสียงมอนสเตอร์ตัวอื่น
    พวกเธอจึงเข้าไปอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง

    ???: 「อาาา……วยด้วยย…! ใครร…รรรร……!」

    เป็นเสียงของผู้หญิง
    พวกเธอรู้ได้ตอนที่เข้าใกล้เรื่อยๆ เสียงนั่นดูไม่น่าจะเป็นมอนสเตอร์

    ???: 「อ๊าาาาา ช่วยด้วยยยยย!! ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยย!」

    เสียงนั้นเหมือนจะร้องขอให้ช่วยเหลือ
    ตรงสุดของห้องโถง พวกเธอพบกับเจ้าของเสียง
    เป็นผู้หญิงยมยาวที่สวมเสื้อกาวน์ หล่อนนั่งขดอยู่บนทางแยกห้องโถงขณะที่เอนหลังพิงกำแพง นั่งกุมเข่าขณะที่ก้มหัวลง
    บางทีนั่นทำไมเสียงของหล่อนถึงได้ดูอู้อี้นัก
    เพื่อความปลอดภัย Sarah จึงถอยก้าวออกมา ในขณะที่ Flamm เดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นเพื่อขอดูใบหน้า

    ???: 「อ๊าาาาา ช่วยด้วยยยย!! ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย!」

    ถึงแม้ Flamm จะอยู่ตรงหน้าหล่อนแล้ว หญิงคนนั้นก็ยังคงพูดวนซ้ำๆอยู่
    หล่อนคงจะนึกถึงแต่สิ่งที่มันน่าหวาดกลัว
    Flamm พยายามจะทำให้หล่อนสงบลง เธอจึงได้วางมือไว้บนไหล่ของผู้หญิง แล้วก็พูดกับเธอ

    ???: 「อ้าาาาาา ช่วยด้วยยยยยย!! ใครก็ได้ ช่วย-」

    พอเธอทำปุ๊บ ผู้หญิงคนนี้ก็หยุดร้องเลย

    Flamm: 「ไม่เป็นไรแล้วนะ เราเป็นคนธรรมดานะ」

    หลังจากที่ Flamm พูด ผู้หญิงก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ
    ไม่สิ———มันไม่ใช่ใบหน้า
    มันเป็นก้อนเนื้อหมุนวน เผละ เผละ และสิ่งที่ออกมาก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเลือด
    หลังจากนั้น ผู้หญิง (สัตว์ประหลาด) ก็พูดออกมาว่า

    「เจอตัวแล้ว」 ด้วยเสียงพึมพำ

    ไม่ได้เกี่ยวว่ามันจะก้มหน้าหรือไม่ เสียงนั้นก็พึมพำมาตั้งแต่เริ่มแล้ว
    ผู้หญิงเอามือไปจับที่แขนของ Flamm แล้วก็ดึงเข้าไปในเนื้อวนที่อยู่ตรงหน้าเลย
    ซวบ ซวบ
    เกลียววนได้ดูดมือของเธอไปแล้ว
    ความร้อนที่สัมผัสได้ เนื้อบดนั้นมันห่อหุ้มมือของเธอ Flamm ถึงกับออกอาการขนลุกไปทั่วทั้งตัว
    เธอรวบรวมความแรงเพื่อที่จะดึงมือออกมาอย่างไม่คิด แต่ความแข็งแกร่งของมือผู้หญิงไม่ใช่ของมนุษย์เลย มันต้านได้แม้แต่ความแข็งแกร่งของ Flamm ที่ได้มาจากอุปกรณ์ต้องสาปด้วย
    ราวกับจะเต็มเชื้อใส่ไฟ เธอก็ได้ยินเสียงก้าวเดินเข้ามาใกล้เธอ
    มันไม่เหมือนกัน Sarah ที่คิดจะเข้ามาช่วยเธอเลย
    เสียงนั้นมันมาจากมุมด้านบนที่พวกเธอมองไม่เห็นด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว แต่หยุดก่อนที่จะเลี้ยวมาที่มุมนั้น
    จากนั้น ราวกับจะถามหาสภาพของ Flamm มันค่อยๆโผล่หน้าออกมา
    ใบหน้าที่เป็นก้อนเนื้อบดและผิวสีเขียว
    มันคือสิ่งที่น่าจะอยู่ข้างบนนั่น เจ้า ogre พิลึกไงล่ะ
    Flamm ทำสีหน้าบิดเบี้ยว

    ทางเดินที่น่าจะมีไว้เพื่อให้มนุษย์เท่านั้นที่เดินผ่านไปได้ ogre นั่นไม่น่าจะผ่านไปได้เลยด้วยซ้ำ
    แต่——ogre ตัวนี้มันเล่นมุดคลานมาด้วยขาทั้งสี่
    โดยใช้เสียงของผู้หญิงที่ใกล้จะตายพูดวนซ้ำไปเรื่อยๆเพื่อที่จะหลอกล่อคน แล้วรอให้เข้ามาติดกับดักที่ไร้เหตุผลเช่นนี้

    Flamm: 「อึก……ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกปายยยยยย! ปล่อยน้าาาาาา!」
    Sarah: 「คุณพี่ค้าาาาาาา!」

    Flamm กับ Sarah ร้องดังลั่น
    ไม่ว่าเธอจะดิ้นมากแค่ไหน ผู้หญิงนั่นก็ไม่ยอมปล่อย Flamm ส่วนเนื้อวนก็ได้กลืนไปจนถึงแขนของเธอแล้ว
    เธอดิ้นหลุดไม่ได้
    ถ้าเธอโดนในระยะเผาขน อาจจะตายได้ในทันที
    แผนการที่จะจบชีวิตผู้หญิงอีกครั้งหนึ่ง เจ้า ogre ชูแขนขึ้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×