ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ไสหัวไปตายซะ!" จึงต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตธรรมดากับคนรักและดาบต้องสาป

    ลำดับตอนที่ #11 : ในที่สุดเราก็ได้เจอกันอีก

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 65




    ในรถม้าที่สั่นโคลงเคลง ทั้งสามคนประกอบด้วย Flamm, Milkit และ Sarah ต่างก็รับประทานอาหารมื้อกลางวันอยู่
    เป็นขนมปังสีขาวนุ่มที่มีรอยตัดภายในราดซอสเผ็ดพร้อมกับเนื้อและผักอยู่ระหว่างแผ่นขนมปังด้วย
    ความหวานของขนมปังกับความเผ็ดของซอสที่ผสมกันอย่างกลมกล่อมจนเด็กเองก็สามารถกินได้อย่างสำราญ
    อาหารเที่ยงนี้ทำโดยฝีมือ Milkit ที่ตื่นขึ้นมาก่อนที่พวกเธอจะออกจากเมืองหลวง
    เธอห่อมันด้วยกระดาษแล้วเตรียมไว้เป็นมื้อกลางวัน

    Sarah: 「อาหย่อยดี」

    Sarah พูดขณะที่ยัดของเต็มปาก
    มองดูแก้ม Sarah ที่พองตุ่ยออกมาแล้ว Flamm ก็เผลอสำลักออกมา

    Milkit: 「ฉันดีใจที่คุณชอบนะคะ」
    Flamm: 「เธอเองก็ทำอาหารได้ดีเลยนี่ หืม Milkit?」
    Milkit: 「ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ」
    Flamm: 「อย่างงั้นหรือ? ก็แค่หมายถึงมันอร่อยจริงๆเลย เธอทำซอสจากของเหลือใช้ ไม่ใช่หรือ?」
    Milkit: 「ก็พอทำได้นะ แต่…」

    ทักษะการทำอาหารนั้นเป็นสิ่งที่ปลูกฝังไว้กับทาสหรือ?
    Flamm เองก็ทำอาหารเป็น แต่นี่มันยิ่งกว่าจะเป็นฝีมือดีเสียอีก
    สงสัยจังว่าใช้ส่วนผสมอะไรกันน้า? คราวหน้าจะลองถามหาสูตรอาหารล่ะกัน เธอกัดขนมปังด้วยท่าทางที่จริงจัง

    Flamm: 「จะว่าไปแล้ว เมืองที่ชื่อ Enichidae มันเป็นแบบไหนหรือ?」
    Sarah: 「อ้อเอ็นอ้านอ้อกอี้ไอ้อ้อยอีอะไออากอ๊ะ」
    Flamm: 「ฟุปปป……Sarah-chan ช่วยตอบหลังจากที่กินเสร็จก็ได้นะ」

    Flamm เตือนเธอขณะที่หัวเราะ Sarah จึงรีบเคี้ยวขนมปังที่ยังอยู่คาแก้มแล้วก็กลืนมันลงในคราวเดียวเลย
    นี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่าวัยเด็กหรือ? Flamm ได้รับความเสียหายทางใจ

    Sarah: 「กลึบ…ก็เป็นบ้านนอกที่ไม่ค่อยมีอะไรมากนะ ก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยขายยาสมุนไพรอยู่」
    Flamm: 「ก่อนหน้านั้นบางที ก่อนที่เราจะเกิดมา ใช่มั้ย? ฉันจำเรื่องการปราบปรามหลังจากเกิดสงครามกับพวกปีศาจได้นะ」

    สงครามปีศาจนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน
    วันหนึ่ง จู่ๆพวกปีศาจก็ได้รุกรานพื้นที่ของมนุษย์เพื่อที่จะเอามาเป็นของพวกมัน
    กองทัพอาณาจักรลุกขึ้นมาต่อต้านพวกมัน และถึงแม้จะทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก พวกเขาก็ขับไล่ออกไปสำเร็จ
    พวกนักบวชของศาสนจักรเองก็เข้าร่วมในศึกนี้ด้วย ซึ่งมาพร้อมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ผลก็คือทำให้ศาสนจักรมีอิทธิพลกับอาณาจักร—หรือก็อย่างที่เป็นนั่นแหละ
    แน่นอนว่า ศาสนา Origin นั้นมีอิทธิพลมากที่สุดในอาณาจักร แต่ในเวลานั้นก็ยังมีบางคนที่ยังนับถือศาสนาอื่นอยู่
    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน 30 ปีหลังจากอุบัติการณ์ ก็แทบจะไม่มีศาสนาอื่นเลยนอกจาก Origin

    Sarah: 「ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกนั้นถึงได้เกลียดยาสมุนไพรกันนักกันหนา」
    Flamm: 「พวกนั้นไม่ได้บอกถึงเหตุผลของศาสนจักรเลยหรือ?」
    Sarah: 「ในศาสนจักรนั้น พวกเขาบอกว่ายาจะทำให้ความศรัทธาลดลงบ้าง หรือทำให้ใช้เวทรักษาได้แย่ลงบ้าง แต่ไม่มีทางที่ฉันจะเชื่อแบบนั้น…อีก ยังมีเด็กที่ยังเชื่อแบบนั้นอยู่สินะ」

    ดูเหมือนว่าจะสอนมาตั้งแต่ยังเด็กเลย แน่นอนว่ามีเด็กบางคนที่เชื่อสนิทเลย
    Sarah ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น แต่ในขณะที่รถม้าสั่นสะเทือน ตัวก็เอนไปข้างหน้า
    ในตอนนั้นเอง Flamm ก็สังเกตเห็นตราประทับสีน้ำเงินที่อยู่บนหลังคอของ Sarah

    Flamm: 「นี่ Sarah-chan ที่อยู่หลังต้นคอของเธอมันอะไรกันน่ะ?」
    Sarah: 「อ๊ะ นั่นหรือ?」

    Sarah ใช้นิ้วแตะมัน แล้วก็เริ่มอธิบาย

    Sarah: 「บ้านเกิดของฉัน…ที่ตอนนี้ไม่มีแล้ว พวกเขานับถือเทพองค์อื่นที่ไม่ใช่ท่าน Origin นะ พ่อแม่ก็เป็นหนึ่งในผู้ศรัทธานั้นด้วย ดังนั้นตอนที่ฉันยังเล็ก พวกเขาก็วาดสัญลักษณ์นี้บนตัวฉัน แล้วก็ใช้สีชนิดพิเศษที่จะไม่มีวันจางหางไปด้วย มันก็เลยเหลืออย่างที่เห็น」

    สีชนิดพิเศษหรือ? มันเหมือนกับที่ใช้กับตราทาสของ Flamm หรือเปล่าน้า?
    แต่ที่บอกว่าสูญเสียบ้านเกิดนี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?—มันเป็นคำถามที่อ่อนไหวมาก แต่ตัว Sarah ก็เล่าออกมา

    Sarah: 「ในตอนนั้น บ้านเกิดของฉันถูกพวกปีศาจทำลายไป ก็ตั้งแต่ 8 ปีก่อนแล้ว ตอนนั้นก็อายุแค่ 2 ขวบ ก็เลยจำได้ไม่ค่อยมากนักหรอก」

    เด็กสาวยิ้มแห้งอย่างไม่ค่อยเบิกบาน

    Sarah: 「ท่านพี่ Maria นั่นก็เหมือนกัน นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมเธอถึงคอยดูแลฉันนะ」
    Flamm: 「Maria-san ก็ด้วย…」

    เนื่องจากไม่มีโอกาสที่จะเล่าเรื่องนั้น Flamm ก็เลยไม่รู้ถึงสภาพของเธอด้วย
    เหตุผลที่ทำไมเธอถึงแสดงท่าทางที่เปลี่ยนไปเมื่อเผชิญหน้าต่อปีศาจ เพราะเธอเกลียดชังปีศาจที่ทำลายบ้านเกิดของเธอ
    บางที คนที่มีแรงจูงใจในการเดินทางมากที่สุดเพื่อฆ่าจอมมารก็น่าจะเป็น Maria เองนั่นแหละ
    และสำหรับเธอที่ไม่อาจจะเข้าไปร่วมต่อสู้ได้ เป็นตัวไร้ประโยชน์อย่าง Flamm ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าตัวขัดขวางแผนการของเธอ

    Sarah: 「ถึงตอนนี้พวกปีศาจก็ยังคงรุกรานเขตแดนมนุษย์อีกครั้งและก็อีกครั้งอยู่นะ」
    Flamm: 「เอ๋? ตอนนี้หรือ?」
    Sarah: 「ไม่ใช่สิ่งที่รู้กันทั่วไปหรอก แต่ก็มีหลายหมู่บ้านตามชนบทถูกทำลายจนราบคาบไปแล้วนะ」

    ข้อมูลเช่นนั้นกลับไม่มีอยู่ในหนังสือพิมพ์ของอาณาจักรเลย นั่นหมายความว่ามีแต่คนในศาสนจักรเท่านั้นที่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลลับสุดยอดที่ไม่มีการเปิดเผย
    เรื่องที่เกิดขึ้นกับยาสมุนไพรเอง Sarah ก็รู้สึกว่านโยบายปัจจุบันของศาสนจักรนั้นมันไม่เข้ากับเธอเลย

    Sarah: 「โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต แต่แน่นอนว่าฉันไม่ยอมให้อภัยมัน! ถ้าฉันเจอหน้าปีศาจอีก ฉันจะต้องจัดการเจ้าพวกบ้าให้ได้เลยคอยดู!」

    Sarah ขึ้นเสียงอย่างรุนแรง
    ถึงแม้ว่าจะไม่มีความทรงจำของบ้านเกิดของเธอที่ถูกทำลาย เธอก็ดูท่าจะเก็บความขุ่นแค้นเอาไว้
    พวกปีศาจยังคงไล่ทำลายต่อไปแม้ว่าสงครามจะจบสิ้นไปแล้ว ความโกรธเคืองของ Sarah ก็ถือว่าชอบธรรมอยู่ แต่ Flamm กลับนึกอะไรบางอย่างออก
    ทำไมถึงไม่มีผู้เสียชีวิตเลยล่ะ?
    Flamm เองก็เคยเห็นพลังของพวกปีศาจสามขุนพลอยู่
    ด้วยพลังนั้น ก็น่าจะเปลี่ยนเมืองชนบทที่มีคนอาศัยให้กลายเป็นทะเลเพลิงได้แล้ว
    …หรือเพราะว่าพวกเขารู้สึกไม่ชอบกันล่ะ?
    ไม่สิ Flamm ไม่อาจคิดคำพูดใดๆต่อหน้า Sarah ที่บ้านเกิดถูกทำลายต่อหน้าต่อตาได้
    ทว่า ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิดล่ะ—

    Sarah: 「แต่ก่อนอื่น ฉันจะต้องเพิ่มความแกร่งให้มากกว่านี้ จะได้เอาชนะเมื่อเจอหน้าพวกมัน」
    Milkit: 「ตอนที่ฉันนึกขึ้นมาได้ คุณไล่ตามจับหัวขโมยได้อย่างง่ายดายเลยนี่คะ ไม่ใช่ว่าท่าน Sarah จะแข็งแกร่งอยู่แล้วหรือคะ?」
    Sarah: 「เธอจะเรียกฉันว่า Sarah-chan เหมือนกับที่เธอเรียกคุณพี่ Flamm ก็ได้นะ รู้มั้ย? การที่มาเรียกว่า 「ท่าน Sarah」 มันทำเอาฉันรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย」
    Milkit: 「ฉันทำไม่ได้ค่ะ…」
    Flamm: 「Sarah-chan รู้สึกอึดอัดนะ ช่วยเรียกแบบนั้นเถอะ จะได้มั้ย?」
    Milkit: 「…ถ้านายท่านว่าแบบนั้น งั้น Sarah-chan」

    ขณะที่ Milkit เปลี่ยนคำเรียกที่เรียก Sarah อยู่นั้น ต่อมาเธอก็พยักหน้าอย่างมีความสุขขณะที่กัดขนมปังเข้าปาก

    Sarah: 「เออไอ๊อิเอ๊อะอับอั๋นไอ้อ้าเอออ้องอานเอยอ๊ะ」
    Milkit: 「ข-เข้าใจแล้วค่ะ…วิเคราะห์」

    เธอเพิ่งจะเรียนรู้การวิเคราะห์ตอนเมื่อคืน
    พวกเธอจึงต้องเลื่อนการอ่านและการเขียนไปก่อนเพราะแบบนั้นแหละ แต่เห็นว่าจะมีโอกาสสูงที่จะใช้งาานมัน เธอจึงได้เรียนรู้มันตลอดทั้งคืน

    นั่นเป็นครั้งแรกที่ Milkit ใช้เวทมนตร์ได้ เธอจึงประหม่าสุดๆ
    ถึงแม้ว่า วิเคราะห์เป็นเวทมนตร์ที่ไม่จำเป็นต้องควบคุม จึงเป็นเวทมนตร์ที่แม้แต่เด็กก็ยังร่ายได้
    เมื่อเข้าใจถึงส่วนสำคัญ ก็จะใช้มันได้ไม่ว่าจะไม่ชำนาญอย่างไรก็ตาม
    ตัว Milkit เองที่คิดว่า 「คนอย่างฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ」 ซึ่งขาดความมั่นใจ ก็ยังเรียนรู้เวทมนตร์ได้เพียงแค่ชั่วโมงเดียว
    พอดีใจที่ร่ายเวทออกมาได้ เธอจึงได้วิเคราะห์ทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวเธออย่างตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นสเตตัสของ Flamm หรือไม่ก็ของๆเธออีกครั้งและก็อีกครั้ง
    ระยะหลัง พวกเธอจึงใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในการอธิบายตัวอักษรและตัวเลขที่ปรากฏขึ้นจากการวิเคราะห์
    ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามอย่างจริงจังในการอธิบายเพียงแค่คำศัพท์ง่ายๆและตัวเลขก็ตาม พอมองไปยัง Milkit ที่ดูเหมือนจะสนุกสนานอยู่ทุกวินาทีแล้ว ใบหน้าของ Flamm ก็ยิ้มออกมาเอง

    Milkit จ้องมองดูข้อมูลที่แสดงตรงหน้าเธอ
    พอเห็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า เธอก็เอามือปิดปากขณะที่หัวเราะ ทำให้ Flamm เองก็พลอยเช็คค่าสเตตัสของ Sarah ไปด้วย

    ——————————————————————————

    Sarah Anvilen

    คุณสมบัติ: แสง
    ความแข็งแกร่ง: 285
    พลังเวทมนตร์: 301
    ความอึด: 123
    ความว่องไว: 227
    สติปัญญา: 133

    ——————————————————————————

    และเหตุนั้นเอง ที่ทำให้พวกเธอถึงกับตกใจ
    นี่มันสเตตัสของเด็ก 10 ขวบจริงๆหรือ? พวกเธอครุ่นคิด
    ผลรวมของค่าสเตตัสอยู่ที่ 1,069 นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของเธอนั้นก็เทียบเท่ากับพวกนักผจญภัยแรงค์ C ระดับต่ำไปแล้ว
    บางที เหตุผลที่ทำไมเธอถึงรับงานอิสระจากศาสนจักรได้ก็เพราะพวกเขายอมรับในความสามารถของเธอ
    พอเห็นสเตตัสที่สูงจนน่าตกใจแล้ว Flamm ก็รีบทำการวิเคราะห์สเตตัสของตัวเองและถุงมือเหล็กที่อยู่ใกล้ตัวทันที

    ——————————————————————————

    สิ่งของ: ดาบสองมือกลืนกินวิญญาณ
    ความหายาก: ชั้นยอด

    【อุปกรณ์นี้จะลดความแข็งแกร่งไป 320】
    【อุปกรณ์นี้จะลดพลังเวทมนตร์ไป 99】
    【อุปกรณ์นี้จะลดความอึดไป 297】
    【อุปกรณ์นี้จะลดความว่องไวไป 183】
    【อุปกรณ์นี้จะลดสติปัญญาไป 111】

    ——————————————————————————

    สิ่งของ: ถุงมือเหล็กเปื้อนเลือด
    ความหายาก: ยาก

    【อุปกรณ์นี้จะลดความแข็งแกร่งไป 82】
    【อุปกรณ์นี้จะลดพลังเวทมนตร์ไป 101】

    ——————————————————————————

    ทั้งหมดรวมก็ 1,193—ดีล่ะ ฉันไม่แพ้แน่ เธอคิดในใจ
    คำสาปกลืนกินวิญญาณแกร่งขึ้นหลังจากที่เธอฆ่า Anzu ไป โดยการสะสมมัน
    แน่นอนว่ามันเปลี่ยนไปนิดหน่อย
    เพื่อที่จะเพิ่มค่าสเตตัสให้มากขึ้น เธอคงจะต้องจัดการกับมอนสเตอร์อีกมากเลยล่ะ
    ถึงจะไม่แน่นอน แต่ถ้าความเร็วในการเพิ่มขีดความสามารถของ Flamm จะสู้กับความเร็วของการพัฒนาของ Sarah ได้หรือไม่นั้น
    ก็ไม่ใช่ว่า Flamm จะต้องมาแข่งกับ Sarah หรอก
    โดยปกติก็น่าจะหมายถึงไม่จำเป็นต้องรีบ แต่อย่างน้อยสุด ตราบเท่าที่ Sarah เรียกเธอว่า 「คุณพี่」 เธอก็อยากจะทำให้ดูสมกับเป็นคนนั้น

    Sarah: 「เสื้อผ้าที่พวกเธอทั้งสองสวมนี่ เป็นเสื้อธรรมดาที่ไม่มีการใส่เวทใดๆลงไปหรือคะ?」

    Sarah ถามทั้งสองขณะที่เธอทำการวิเคราะห์เสื้อผ้าของพวกเธอ
    อุปกรณ์ระดับทั่วไปจะไม่สามารถใส่เวทเข้าไปได้
    นั่นหมายความว่าอุปกรณ์เหล่านั้นก็เป็นแค่สิ่งของที่ธรรมดามาก

    Flamm: 「ถ้าเธอสนใจรูปลักษณ์ภายนอก เธอก็สามารถซื้อเสื้อผ้าระดับหายากก็ได้นะ แต่ว่ามัน…คงอย่างงั้น สินะ?」
    Sarah: 「แน่นอนว่ามันดูดีทั้งภายนอกและให้ค่าสเตตัสที่ดีเยี่ยม แต่เสื้อแบบนั้นมันเกินกว่าที่จะซื้อได้ใช่มั้ยล่ะ?」

    เสื้อระดับทั่วไปเป็นของที่มีระดับต่ำที่สุด โดยที่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นเสื้อที่ดีหรือไม่ดีได้เลย

    Sarah: 「แต่กระนั้น เสื้อผ้าที่พวกเธอสวมอยู่มันก็น่ารักเลยนะ คุณพี่ Flamm…หมายถึง ฉันสวมเสื้อที่ดูออกจะเป็นเด็กสินะ」

    Sarah หันไปมองแขนขาของเธอแล้วถึงกับคอตกไป
    แต่เธอก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแล้วหันไปชมเสื้อผ้าของ Milkit

    Sarah: 「แต่ฉันก็ชอบเสื้อของคุณพี่ Milkit ด้วย มีทั้งลูกไม้ระบาย และก็แถมคาดบนอก หมายถึงมันดูน่ารักมากเลย ฉันเองก็อยากจะสวมชุดแบบนั้นบ้าง」
    Flamm: 「Milkit เลือกเสื้อด้วยตัวเองนะ เหมาะกับเธอดีใช่มั้ยล่ะ? ฉันจึงพลอยมีความสุขที่จะได้เห็นมันทุกวันเลยนะ」
    Sarah: 「เข้าใจล่ะ ฉันเองก็อยากจะเป็นแบบตัวเธอบ้าง」
    Flamm: 「ไม่ได้ คนนี้เป็นคนพิเศษสำหรับฉันนะ」

    พอพูดแบบนั้นปุ๊บ Flamm ก็กอดแขนของ Milkit
    พอถูกคำชมของทั้งสองคนว่ามาแบบนั้น Milkit ที่ไม่เคยได้รับคำชมก็ถึงกับก้มหน้าด้วยความอาย

    Milkit: 「…นายท่านคะ Sarah-chan พวกคุณจะแกล้งหยอกฉันหรือคะ?」
    Flamm: 「หุๆๆ รู้ตัวแล้วหรือ?」
    Sarah: 「ต๊ายตาย~ คุณพี่ Milkit นี่ไหวพริบดีเลยไม่ใช่หรือ?」
    Flamm: 「เพราะเธอเป็นเมดของฉันไง รู้เปล่า?」
    Milkit: 「คุณพูดแบบนั้นอีกแล้วนะ…」

    เธอถึงกับทำแก้มป่องออกมาเลย
    ถึงแม้จะมีผ้าพันแผลรอบใบหน้าก็ยังเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเลย

    พอเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว Flamm ก็นึกเอาไว้ตามตรงเลยว่าเธอคนนี้น่ารักมาก
    ส่วน Milkit เองก็เคยคัดค้านมันไม่จริงตอนที่ถูกชม แต่ไม่นานนี้เธอก็เริ่มแสดงความซื่อตรงจนเริ่มมีความสุขขึ้นมาแล้ว
    อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปว่ามันน่าอายอยู่ดี
    หลายวันที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เริ่มจะแคบลง

    Sarah: 「จริงหรือ น่ายินดีเลยนะ」

    พอมองทั้งสองที่แกล้งหยอกกัน Sarah ก็พูดแบบนี้ออกมา
    สิ่งที่ปรากฏอยู่ในใจเธอก็คือ Maria ที่เปรียบเสมือนพี่สาว
    เมื่อไม่นานนี้พวกเธอต่างไม่ได้เจอหน้ากันเลย
    ความเหงาที่เธอรู้สึกได้ขณะที่เธอเห็นภาพ Flamm กับ Milkit ที่ดูเหมือนพี่น้องกันก็ไหลวนเวียนอยู่ในหัว

     

    ◇◇◇

     

    ถึงการนั่งรถม้าจะน่าเบื่อ ทั้งสามคนต่างก็คุยกันอย่างสนุกสนานจนเวลาผ่านไปเพียงแค่ชั่วพริบตา
    พวกเธอมาหยุดที่เมืองที่เป็นจุดพักทาง ค้างคืนอยู่หนึ่งคืนในขณะที่ได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นดีๆก่อนที่จะออกจากเมืองในเช้าวันต่อมาด้วยรถม้าอีกคัน
    จากสภาพอากาศ สภาพถนนและสภาพของม้าแล้ว เป็นไปได้ที่จะต้องพักอีกหนึ่งคืน แต่พวกเธอก็มาถึงจุดหมาย—เมือง Enichidae—ในคืนต่อมา
    หลังจากที่พวกเธอลงจากรถม้าแล้ว รถม้าก็ได้เดินทางไปยังเมืองอื่น
    รถม้าคันต่อไปจะมายังเมืองนี้ในอีก 3 วันข้างหน้า
    ถ้าทั้งสามไม่สามารถเก็บสมุนไพรได้ อาจจะรอให้รถม้ามาถึงอีกสักพัก แต่พวกเธอก็น่าจะทำให้เสร็จได้

    พวกเธอเหยียบลงพื้นขณะที่ยืนมองดูทิวทัศน์ที่อยู่ต่อหน้าสายตา
    มีบ้านหลายหลังที่เรียงรายกันตามปกติ แต่บ้านที่ติดตะเกียงนั้นมีเพียงแค่หยิบมือ
    ถนนหลักที่ไร้โคมไฟส่องแสงจนกลืนกินไปด้วยความมืด พอเห็นสภาพที่พวกเธออยากจะเห็นแล้ว คงจะต้องเตรียมตะเกียงออกมาใช้งานราวกับจะสำรวจถ้ำ

    Flamm: 「ยังมีคนที่อาศัยอยู่หรือ?」
    Sarah: 「ดูเหมือนว่าจะเหลือสักโหลนึงที่อาศัยอยู่นะ」
    Milkit: 「ฉันเองก็สงสัยว่าแม้แต่โรงเตี๊ยมเองก็คงจะเป็นแบบนี้เหมือนกันอยู่ค่ะ」

    ตามปกติแล้วแต่ละเมืองจะมีสถานที่อย่างน้อยหนึ่งแห่งเอาไว้สำหรับให้นักเดินทางได้ค้างคืน
    พวกเธอเชื่อแบบนั้นจึงได้เดินเตร่มองหาไปรอบๆ ทั้งสามคนยังไม่พบโรงเตี๊ยมที่ไหนเลย แม้แต่คนที่จะถามทางก็ไม่มี
    ดูจากสถานที่แล้ว คงต้องถามชาวบ้านที่อยู่อาศัยเมืองแล้วถ้าจะพักอยู่ที่นี่
    หรือไม่ก็บางทีก็ต้องไปพักกลางแจ้งแล้วชื่นชมกับทิวทัศน์—นั่นคือสิ่งที่พวกเธอคิดเอาไว้

    Milkit: 「ไม่ใช่ว่าตรงนั้นจะมีอยู่หรือคะ?」

    Milkit เจอป้ายที่ดูเหมือนจะบอกว่าเป็นโรงเตี๊ยมอยู่
    แต่ไม่มีแสงไฟในตึกเลย ทางเข้าออกก็ถูกล็อค
    Flamm วางตะเกียงไว้ใกล้ประตู เธอเห็นแผ่นกระดาษที่มีรอยฉีกขาดติดเอาไว้
    เธอจึงได้พยายามอ่านมันดู

    Flamm: 「ถึงผู้ที่จะมาเยือนโรงเตี๊ยม กรุณาถาม Stude ที่อยู่ข้างบ้าน มันเขียนไว้แบบนี้นะ สงสัยว่าคงจะปิดตัวไปเพราะไม่มีใครมานะ」
    Milkit: 「เพราะว่ามีลูกค้าน้อยหรือคะ?」
    Sarah: 「มันเคยจอแจมาก่อนตอนที่พวกเขาเก็บยาสมุนไพรมาได้นะ ฉันเองก็เศร้าใจที่คิดว่าศาสนจักรถ์นั่นจะมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้….」

    ทั้งสามถึงกับหมดอาลัยไปเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้นอกจากต้องมาเห็นใจ
    ดังนั้น Flamm จึงได้นำกลุ่มไปยังบ้านที่อยู่ข้างๆแล้วสั่นกระดิ่งที่อยู่หน้าบ้าน
    จากนั้นเองก็มีชายร่างท้วมวัยกลางคนโผล่หน้าออกมา
    ดูเหมือนว่าเขาคือ Stude
    Flamm บอกเขาไปว่า 「เราจะมาพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ค่ะ」 ส่วนชายคนนี้ก็ตอบไปว่า 「นี่มันกี่ปีมาแล้วน้า」 ด้วยความประหลาดใจ
    เป็นคำพูดที่คอยเป็นห่วงทั้งสามคน
    แต่ชายคนนั้นก็เดินผ่านพวกเธอแล้วก็เปิดโรงเตี๊ยม จากนั้นพวกเธอก็เข้าไป พวกเธอพบว่าภายในมันดูสะอาดและก็เรียบร้อยหมดจด
    จากห้องที่มีอยู่หลายๆห้อง พวกเธอจึงเลือกห้องเตียงคู่ แล้ว Flamm ก็รับกุญแจมาจาก Stude

    Stude: 「เราไม่มีบริการอาหาร แต่มีห้องครัวอยู่ ถ้าเธอจะทำอาหาร เธอก็ทำได้ตามสบายเลยนะ」
    Flamm: 「ได้หรือคะ?」
    Stude: 「ได้ คงจะหายากที่จะมีใครมาใช้งานนะ เพราะฉะนั้นก็ใช้งานได้ตามสบาย เธอหาซื้อเครื่องปรุงได้จากร้านที่อยู่ติดถนนใหญ่นะ และถ้าเธอยากกินตรงนั้นก็ได้นะ และก็ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาที่บ้านข้างๆได้นะ เราสามารถรับฟังเพียงแค่ปัญหาเล็กๆ และถ้าเป็นปัญหาใหญ่ เราก็จะย้ายไปที่ห้องอื่นให้ พวกเธอสามารถทำอะไรก็ได้ตั้งแต่นี้เลยนะ」

    หลังจากที่อธิบายอย่างยาวเหยียด Stude ก็กลับไป
    ทั้งสามคนถึงกับยืนค้างขณะที่จ้องแผ่นหลังของชายคนนั้น แต่เขาก็เพิ่งจะออกมาต้อนรับในที่ตรงนี้ พวกเธอจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องคิดอย่างหนัก
    แต่พวกเธอก็มาถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย จึงน่าจะสำราญกับมันสักหน่อย

    พวกเธอเข้าไปในห้อง ทั้ง Flamm และ Sarah ต่างก็รีบวางสัมภาระเอาไว้ที่มุมห้อง
    แล้วทั้งสองที่ยืนอยู่คนละด้าน มองหน้ากันแล้วพยักหน้า จากนั้นก็วิ่งกระโดดขึ้นเตียงก่อนเลย

    ตุบ!

    Milkit: 「……?」

    Milkit ยังยืนนิ่ง ไม่อาจเข้าใจถึงการกระทำที่ไม่ปกติเช่นนี้
    แต่ Flamm ที่ยังนอนแผ่หลังบนเตียง ตบเตียงที่อยู่ข้างๆเธอ
    เหมือนกับว่าเธออยากจะบอกให้มาด้วย
    เธอไม่อาจทำตามคำสั่งของนายของเธอได้
    Milkit จึงวิ่งเข้าไปอย่างช้าๆแล้วโดดขึ้นเตียงอย่างนุ่มนวล
    ถึงเธอจะไม่เข้าใจ แต่มันก็สนุกบ้างอยู่เหมือนกัน

    Milkit: 「…นี่คงหมายถึงการทำแบบนี้สินะคะ?」

    Milkit ถามขณะที่เอาหน้าคว่ำบนเตียง

    Flamm: 「ไม่ใช่ว่าเธออยากจะโดดขึ้นเตียงนุ่มๆหรือ?」
    Sarah: 「แน่นอน」
    Flamm: 「มันก็แบบนั้นแหละ」
    Milkit: 「ฮ่าา…」

    สุดท้ายเธอก็ไม่เข้าใจ
    ก็นะ ฉันว่ามันก็สนุกอยู่หรอก แต่ไม่เห็นจะมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้เลยนี่ Milkit นึกโดยสรุปสั้นๆ
    หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็นั่งบนเตียงจับกลุ่มคุยกันจนกระทั่งท้องเริ่มว่างแล้วก็เอาขนมปังจากสัมภาระพวกเธอ ครั้งนี้เป็นขนมปังแผ่นที่ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน แต่พวกเธอก็กินมันเป็นอาหารเย็นทันที
    หลังจากนั้นพวกเธอก็พบว่าห้องอาบน้ำในโรงเตี๊ยมนั้นใช้การไม่ได้ จึงได้ไปขอคำปรึกษาจาก Stude พวกเธอจึงได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องอาบน้ำของเขาแทน
    ในระหว่างนั้น Sarah ก็ได้เปิดประเด็นคุยกันเรื่องความรัก! แต่เนื่องจากไม่มีใครในสามคนที่มีประสบการณ์ความรักที่โรแมนติกเลย บทสนทนาจึงไม่ได้ไปไหน
    ยังมีอีกหลายอย่างที่พวกเธอจะทำหลังจากนั้น แต่พวกเธอก็เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง จึงได้ตัดสินใจแยกย้ายกันเข้านอนแต่หัวค่ำแล้วก็นอนคนละด้านบนเตียงเดียวกัน
    แต่ก่อนที่พวกเธอจะหลับนั้น Milkit บอกว่า 「ฉันจะนอนหลับบนพื้นนี้เองค่ะ」 แต่คงไม่ต้องบอกหรอกว่า Flamm ได้บังคับให้เธอขึ้นมานอนบนเตียงด้วย

     

    ◇◇◇

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น Flamm ถูกปลุกให้ตื่นโดยเสียงเอะอะของ Sarah ที่ตะโกนว่า 「ตื่นได้แล้ว~!」
    Sarah ที่อาศัยอยู่ในโบสถ์ที่เคร่งวินัย และนั่นก็รวมถึงการตื่นเช้ากว่าปกติด้วย
    ดูเหมือนว่านิสัยการตื่นเช้าก่อนนั้นจะติดตัว Milkit ด้วย จึงกลายเป็นว่า Flamm เป็นคนที่ตื่นทีหลังที่สุด
    เด็กสาวที่ตื่นขึ้นมาด้วยตาห้อยแต่งตัวแล้วออกไปกับทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
    พวกเธอไปยังที่ร้านที่อยู่ติดถนนเพื่อที่จะซื้ออาหารและรวบรวมข้อมูล

    ยามเช้าของ Enichidae นั้นแตกต่างจากเมื่อคืน—และดูอ้างว้างยิ่งกว่าเดิม
    บางทีตรงนั้นเคยมีร้านค้าเยอะแยะมากมายบนถนนหลักมาก่อนหรือเปล่า?
    ในตอนนี้ มันเกือบจะไม่มีร่องรอยเหลืออยู่แล้ว
    ไม่ต้องขอบคุณกับร่องรอยที่เหลือนั่นหรอก สภาพทั้งเมืองนี้ดูเหมือนว่ามันจะโทรมไปมากเลย
    ทั้งสามคนเสาะหาร้านที่น่าจะเปิดอยู่ ในขณะที่มองไปโดยรอบๆ
    ร้านแรกที่พบเป็นร้านขายอาหารที่ Stude บอกพวกเธอ
    ตัวภายนอกร้านดูเสื่อมโทรม แต่ข้างในร้านนั้นกลับดูสวยงาม พวกเธอมองหาอาหารที่เขาขายอยู่
    ขณะที่พวกเธอเดินต่อไปนั้น ก็มาถึงสถานที่ๆไม่มีแสงไฟ แต่มีแผงที่ขายผักและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันอยู่
    พวกเธอก้าวข้างในร้านเพื่อดูสภาพ และตรงสุดทางของเคาท์เตอร์นั้นก็มีหญิงแก่สวมแว่นที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
    พอแกเห็นพวก Flamm แกก็ขึ้นเสียงพูดว่า 「พวกเธอเป็นลูกค้ามาจากที่อื่นหรือ? ไม่ปกติเลยนะเนี่ย」
    Sarah ยักคิ้วแล้วเข้าไปหาหญิงแก่ด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ารัก

    Sarah: 「เรามาจากเมืองหลวงนะ!」
    หญิงแก่: 「เห เมืองหลวงเหรอ สามคนที่ใส่เสื้อไม่ปกติเนี่ยนะ? ก็คงจะไม่มีอะไรที่ไม่ปกติพอๆกับพวกเธอทั้งสามคนหรอก ถึงพวกเธอจะไปเก็บต้นสมุนไพรมาไม่ได้อีกแล้วก็ตามเถอะ」
    Sarah: 「คุณเก็บมันไม่ได้หรือคะ แต่ตรงนั้นมันก็โตอยู่เต็มไปหมดเลยใช่มั้ยคะ?」
    หญิงแก่: 「ก็ถูก แต่ถ้ำตรงที่มันโตนั้นมีพวกสัตว์ประหลาดตัวมหึมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด ก็เลยไม่มีใครที่อยากจะเข้าไปใกล้นะ ถ้าพวกเธออยากจะไปยังตรงนั้น ขอให้หยุดเสียดีกว่า ตรงนั้นไม่ใช่สถานที่ดีเลยนะ」

    หญิงแก่พูดด้วยความประชด
    คราวนี้ Flamm จึงเดินเข้าไปถามใกล้ๆ

    Flamm: 「ตอนที่คุณบอกว่าสัตว์ประหลาดนั่น มันคือมอนสเตอร์แบบไหนกันล่ะคะ?」
    หญิงแก่: 「ไม่รู้สิ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นมันกับตัวเลย ฉันคิดว่าทุกคนที่ไปเห็นมันคงจะตายหมดแล้ว มีนักผจญภัยกลุ่มใหญ่เหมือนอย่างเธอที่ตามหาสมุนไพรอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ยินว่าพวกเขาจะกลับมาเลย」
    Flamm: 「ไม่มีเลย หรือคะ?」
    หญิงแก่: 「ใช่ ไม่มีข้อยกเว้นเลย พอพูดถึงเรื่องนั้น เมื่อเช้านี้ก็มีผู้ชายหลายคนถามเรื่องเกี่ยวกับถ้ำอยู่ การมีสองกลุ่มมาทำสิ่งเดียวกันในวันเดียวกันถือว่าแปลก ฉันได้เตือนพวกเขาไปแล้ว แต่พวกเขาคงจะไม่ตายไปแล้วล่ะมั้ง…」

    สายตาของหญิงแก่ดูเหมือนจะมองออกไปไกลๆขณะที่เธอพูด
    ต่อหน้าหญิงแก่ที่พูดออกมาด้วยความมั่นใจแบบนี้ ทั้งสามคนถึงกับเงียบไปเลย
    ไม่ใช่มอนสเตอร์ แต่เป็นสัตว์ประหลาด
    คงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องยืนยันตัวตนของสิ่งที่อยู่ตรงถ้ำด้วยตัวเอง
    หลังจากที่ซื้อของแล้ว ทั้งสามคนก็กลับโรงเตี๊ยม
    พวกเธอทำอาหารมื้อกลางวัน เก็บใส่ไว้ในตะกร้าและรวบรวมสิ่งของที่ต้องใช้

    Flamm: 「แบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆหรือ?」

    Flamm กับ Sarah ที่จัดเตรียมของเสร็จเดินออกจากโรงเตี๊ยมด้วยสิ่งของที่ติดมือ
    ครั้งนี้ Milkit จะอยู่รอ พวกเธอคิดว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพา Milkit ที่ต่อสู้ไม่ได้เข้าไปยังถ้ำที่มีสัตว์ประหลาดอยู่

    Flamm: 「อย่างแรก ถ้าเธอคิดว่ามันอันตรายก็ให้หนีก่อน」
    Milkit: 「แต่ว่า…」
    Sarah: 「ฉันเองก็จะตามไปด้วย!」
    Flamm: 「Milkit ฉันเข้าใจว่าเธอเป็นห่วง แต่ถ้าเธอไม่ส่งรอยยิ้มให้กับเรา เราก็คงจะรับความแข็งแกร่งเอาไว้ไม่ได้นะ」
    Milkit: 「พูดแบบนั้นมันไม่แฟร์เลยค่ะ」
    Flamm: 「หุๆๆๆ เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นนายท่านแบบนั้น ถูกมั้ยล่ะ? เอาล่ะ เราจะไปล่ะนะ」
    Sarah: 「ไปแล้วนะค้า~!」

    หลังพูดจบ ทั้งสองก็ลา Milkit
    ถึงจะยังมีความไม่สบายใจหลงเหลืออยู่บ้าง แต่เท่าที่เธอคอยรับปณิธานของ Flamm มา Milkit ก็ฝืนยิ้มภายใต้ผ้าพันแผลขณะที่เธอโบกมือ

    Milkit: 「ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ นายท่านและ Sarah-san」

     

    ◇◇◇

     

    30 นาทีหลังจากที่ทั้งสองออกจากหมู่บ้าน
    ในป่ารกทึบ ถ้ำที่เป็นเป้าหมายก็ปรากฏขึ้นออกมาเลยราวกับมันจะอ้าปากออกมา
    บางทีสถานที่ตรงนี้คงจะถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีตอนที่เคยมีผู้คนจอแจ ทางเข้าก็ขยายใหญ่เสียจนไม่มีทางที่มันจะเปิดเองตามธรรมชาติได้
    แต่ตอนนี้ มีแต่ตะใคร่น้ำเกาะอยู่ตรงนี้ตรงนั้นเต็มไปหมด
    Flamm หายใจออกเพื่อขับไล่ความกังวล แล้วเธอก็จุดตะเกียงก่อนที่จะก้าวเข้าไปในถ้ำ
    ในขณะที่ต้องคอยระวังไม่ให้ก้าวสะดุดลื่นกับตะใคร่น้ำ ทั้งสองได้ลุยฝ่าความมืดเข้าไป

    Sarah: 「จู่ๆก็สว่างขึ้นกว่าที่คิดเลยไม่ใช่หรือ?」

    Sarah พูดเสียงเบา แต่เสียงนั้นก็ดังกึกก้องไปทั่ว

    Flamm: 「น่าจะใช่นะ ดูเหมือนว่าแสงนั้นมันจะมาจากรอยแยกบนเพดานถ้ำนะ」

    ตรงบริเวณที่มีแสงส่องลงมานั้น มีพืชที่ดูเหมือนกับสมุนไพรกำลังเติบโตอยู่
    บางที ต้น Chiarly ก็คงจะโตขึ้นจากตรงที่มีแสงส่องลงมาด้วย
    พวกเธอได้ลองดับตะเกียง และดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการมองไปข้างหน้า
    ขณะที่พวกเธอเดินต่อไปนั้น ทางเดินก็เริ่มกว้างขึ้น
    พวกเธอสังเกตที่กำแพง ก็พบว่าที่ตรงนี้มันถูกดัดให้กว้างเกินกว่าที่จะเป็นมือของมนุษย์ได้

    ???: 「กรรร…」

    ได้ยินเสียงร้องของสัตว์ร้ายดังขึ้นจากข้างใน
    Flamm เอานิ้วชี้แตะริมฝีปากให้ชู่ว แล้ว Sarah ก็กลั้นหายใจทันที
    แล้วก็หยุดอยู่กับที่เพื่อฟังเสียงที่อยู่รอบๆ พวกเธอได้ยินเสียงเดินที่ไม่น่าจะเป็นของมนุษย์ดังก้องไปทั่ว
    Flamm พยายามเดินไปอย่างเงียบที่สุดเท่าที่เป็นไปได้หลังจากที่แอบโผล่หน้าชะเง้อมอง เธอก็ยืนยันตัวตนได้
    มันคือมอนสเตอร์ที่มีตัวสีเขียว กล้ามเนื้อใหญ่และสูงถึง 3 เมตร

    Sarah: 「นี่มัน ogre ไม่ใช่หรือเนี่ย? มันเป็นมอนสเตอร์แรงค์ C เลยนะ」

    Sarah พูดเสียงเบา
    สิ่งที่มองเห็นบางครั้งก็พอที่จะบ่งบอกถึงตัวมันได้อย่างเช่นยักษ์ ด้วยเขี้ยวที่แหลมคมพอๆกับที่มันเรียวบาง จนน่าสะพรึงกลัว
    และก็มีเขาที่งอกออกมาตรงกลางหน้าผากที่มันถากไปกับเพดานถ้ำทุกครั้งที่มันเคลื่อนไหว
    Flamm เปิดการใช้การวิเคราะห์แล้วตรวจสอบค่าสเตตัสของมัน

    ——————————————————————————

    Ogre

    คุณสมบัติ: ดิน
    ความแข็งแกร่ง: 608
    พลังเวทมนตร์: 9
    ความอึด: 623
    ความว่องไว: 136
    สติปัญญา: 81

    ——————————————————————————

    สเตสัสของมันบ่งบอกเอาไว้
    พวกเธอไม่ต้องกังวลเรื่องเวทมนตร์และการอยู่รวมเป็นฝูง จึงเป็นมอนสเตอร์ที่พอจะสู้ได้ง่าย
    อย่างน้อยสุด ไม่เหมือนกับกรณีของ Anzu ที่ปล่อยเวททั้งหมดได้ในทันที มอนสเตอร์นี้น่าจะสู้ง่ายกว่า Anzu
    ยิ่งกว่านั้น ในครั้งนี้เป็นการต่อสู้แบบ 2 รุม 1 จึงง่ายขึ้นไปอีก
    แต่พวกเธอต้องไม่เผลอปล่อยการ์ดออกมา ถ้าถูกตีเข้าผิดจุด ก็อาจเป็นอันตรายถึงตายทันทีได้

    Sarah: 「ฉันว่าไม่น่าจะเป็นปัญหากับเราสองคนนะ」

    Flamm อธิบายเกี่ยวกับสเตตัสของเธอให้ Sarah เมื่อคืน
    แน่นอนว่า ตอนแรก Sarah ถึงกับประหลาดใจ แต่เนื่องจากเธอเห็น Flamm ไล่จับพวกหัวขโมยที่เมืองหลวง Sarah จึงไม่สงสัยในควมแข็งแกร่งของเธอเลย

    Flamm: 「…เอาล่ะ ลุยกันเลย」

    เมื่อ ogre หันหลังไป ทั้งสองก็พุ่งเข้าไปพร้อมกันตามสัญญาณของ Flamm

    การต่อสู้นี้จะเป็นการจู่โจมข้างเดียว
    กลืนกินวิญญาณของ Flamm กับกระบองของ Sarah โจมตีอย่างหนักหน่วงเพียงแค่ครั้งเดียวก็พอที่จะจบชีวิตของ Ogre ได้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฟาดอย่างรุนแรงของ Sarah ที่หล่อรวมร่างกายของเธอเอาไว้ มันมากกว่าการซัดที่ Flamm นึกไว้ซะอีก
    ทั้งๆที่เธอยัง 10 ขวบแท้ๆ กลับทำให้น่ากลัวถึงขนาดนี้
    ogre ถึงกับร้องคำรามออกมาพร้อมกับเหวี่ยงแขนออกไป แต่กลับไม่โดนทั้งสองคนที่ยังคงใจเย็นอย่างสงบ
    มอนสเตอร์ที่ได้รับความเสียหายนั้นจะทำให้เคลื่อนไหวช้าลง และพลังก็จะสูญเสียไปอย่างช้าๆด้วย
    สุดท้าย Flamm ใช้ดาบยาวฟันเข้าที่กลางอกแล้วก็ดึงออกมา ร่างยักษ์นั้นก็ล้มคว่ำไปกับพื้น

    ทั้งสองคนได้ทำการพลิกร่างของ ogre แล้วก็ตัดเอาเขี้ยวของ ogre ออกมาจากหัวด้วยกัน
    สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ทำอาวุธแล้ว เขี้ยวของ ogre จะให้ราคาที่สูง
    แต่จุดประสงค์ของพวกเธอคือเก็บสมุนไพร แต่การเอามันไปด้วยก็ไม่มีอะไรเสียหาย

    พวกเธอเช็ดเขี้ยวของ ogre เบาๆแล้วเก็บไว้ในเป้สัมภาระก่อนที่พวกเธอจะเดินทางค้นหากันต่อไป
    ถ้ำนี้กว้างกว่าที่พวกเธอคิดไว้เสียอีก บางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องของมอนสเตอร์ดังขึ้นมาด้วย แต่ก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปสู้กับพวกมัน
    ทั้งสองทาสีไว้ที่ขอบถ้ำเพื่อทำเป็นเครื่องหมาย จะได้ไม่หลงทางตอนขากลับ
    ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ถ้ำก็ส่องสว่างจ้ามากขึ้น
    เป็นไปได้มั้ยที่พวกเธอจะมาถึงข้างนอก?
    พวกเธอเดินตามทางที่คดเคี้ยว จนกระทั่งหันไปทางที่มีแหล่งกำเนิดแสง จากนั้น—

    Flamm: 「ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะมาอยู่ในที่แบบนี้…」
    Sarah: 「ฉันว่ามันก็แปลกที่สมุนไพรจะโตในถ้ำ แต่ถ้าอย่างนี้ก็พอจะเป็นไปได้อยู่นะ」

    ตรงนั้นเป็นพื้นที่เปิดที่ไม่มีเพดานถ้ำ
    ที่นั่นเต็มไปด้วยแสงอ่อนๆที่ส่องลงมารวมถึงกระแสน้ำพุที่พุ่งออกมา จึงทำให้ที่นี่มีพืชโตขึ้นในบริเวณแห่งนี้
    จึงน่าจะเรียกว่าเป็นสวนภายในถ้ำมากกว่า
    ด้วยพืชหลากชนิดทั้งใหญ่และเล็กโตขึ้นไปทั่ว จึงไม่ยากที่จะตามหา Chiarly ได้

    Flamm: 「ทว่า บางที…」

    ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ อุณหภูมิที่เหมาะสม จนรู้สึกอยากจะลงไปนอนบนพื้นหญ้า แต่

    Sarah: 「…มันไม่เงียบไปหน่อยหรือ?」

    Sarah ถาม Flamm อย่างไม่สบายใจ
    เธอเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
    ถึงแม้ว่าตรงนี้เป็นสถานที่ดูมีชีวิตชีวา แต่ก็ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตเลย
    มีแต่เสียงร้องชวนขนลุกของสายน้ำกับหญ้าที่เสียดสีกันตามสายลมเท่านั้น

    Flamm: 「ตอนนี้ รีบหาสมุนไพรแล้วกลับบ้านเร็วๆกันเถอะ」
    Sarah: 「เธอพูดถูก ถ้าเราไม่อยู่ตรงนี้นานๆน่าจะดีกว่านะ」

    ขณะที่พูดเช่นนั้น ทั้งสองต่างก็พยักหน้ากันก่อนที่จะแยกกันไปค้นหาสมุนไพร
    แต่แล้วหลังจากนั้นเอง

    ตูม!

    เสียงระเบิดจากข้างหลังดังสะเทือนไปทั้งหู
    Flamm หันไปตามเสียงระเบิดด้วยความสะดุ้ง
    สิ่งที่เธอเห็นคือเพดานถ้ำที่ถล่มปิดทางออก กับชายสองคนที่ยิ้มอย่างชั่วร้าย

    Sarah: 「ทำไมจู่ๆพวกเขาถึงได้ระเบิดมันล่ะ!?」
    Flamm: 「อย่าบอกนะว่าพวกมันเป็นลูกน้องของ Dain น่ะ? พวกมันติดตามเรามาไกลถึงขนาดนี้เชียวหรือ!?」

    ต้องเป็นการแก้แค้นที่จับตัวสองคนที่ขโมยกระเป๋าของ Reach ไปส่งตัวให้กับอัศวินศาสนจักรหรือเปล่า?
    พวกเธอนึกสิ่งที่หญิงแก่บอกว่ามีสองคนก่อนหน้าที่รวบรวมข้อมูล และก็เป็นไอ้สองคนนี้
    แต่ Sarah กับ Flamm ก็ไม่ได้นึกเลยว่าพวกมันจะตามพวกเธอตอนช่วงเดินทางสองวันจากเมืองหลวงไปยัง Enichidae ด้วย
    หลังจากที่การถล่มสงบลง Flamm ก็ไปยังที่ร่องที่เกิดจากก้อนหินที่หยุดถล่มแล้วก็วิเคราะห์สถานการณ์

    Flamm: 「คงจะผลักมันออกด้วยมือยากล่ะ…แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้หรอก」
    Sarah: 「ถ้าเราฝืนผลักมันออกไป อาจจะพังถล่มลงมาอีกก็ได้ เราน่าจะหาทางออกอื่นไม่ดีกว่าหรือคะ?」
    Flamm: 「เธอพูดถูก เอิ่ม…ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมาลำบากด้วย」
    Sarah: 「ทำไมถึงขอโทษล่ะ พี่สาว? ไม่ใช่ว่าเป็น Dain ที่เป็นคนไม่ดีซึ่งมีพวกนักผจญภัยในเขตตะวันตกหรือ? นั่นก็หมายความว่าพวกนั้นเป็นคนไม่ดี ถ้าเราออกไปได้เมื่อไร ฉันจะเอาพวกนั้นมาพิพากษาคามือฉันเอง!」

    Sarah กำหมัดประกาศเสียงกร้าว
    Flamm ที่เสียใจกับสิ่งที่เธอทำไปก็รู้สึกโล่งใจบ้างที่เธอไม่ได้เป็นแค่คนเดียว
    ยังไงก็ตาม ถ้าพวกเธอออกจากทางนี้ไม่ได้ ก็ต้องทำตามที่ Sarah บอกก็คือหาทางออกจากด้านอื่น
    ถ้ายังมีทางออกอื่น ก็ไม่น่าจะยากอะไร แต่แถวนี้มันกว้างมาก และก็ยังมีพื้นที่อีกมากที่ยังไม่ได้สำรวจเลยด้วย

    Flamm: 「เอาล่ะ ก่อนอื่นเราก็มองหาสมุนไพร จากนั้นก็มองหาทางออก—」

    ขณะที่ Flamm พูดแบบนั้นออกมา ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขัดคำพูดของเธอ เธอหันไปมองยังพุ่มไม้

    Sarah: 「เกิดอะไรขึ้นน่ะ?」
    Flamm: 「ฉันคิดว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่มันเคลื่อนไหวได้เมื่อกี้นี้…บางทีอาจจะเป็นมอนสเตอร์」

    พวกเธอหยุดนิ่งกับที่แล้วมองไปตามเสียง—ก็เห็นมนุษย์ยักษ์สีเขียวโผล่ออกมาจากพุ่มและเข้ามาอยู่ในสายตา

    Sarah: 「ดูเหมือน ogre เลย ฉันคิดว่าเราน่าจะจัดการกับมันอย่างที่เราเคยทำก่อนหน้านั้นนะคะ」
    Flamm: 「……」
    Sarah: 「คุณพี่คะ?」
    Flamm: 「…เดี๋ยวก่อน」

    Flamm รู้สึกถึงบางอย่างกับ ogre ตัวนั้น
    ไม่ใช่ว่าตรงส่วนใบหน้าที่เห็นแวบก่อนหน้านั้นมันแตกต่างจากตัวที่พวกเธอสู้ก่อนหน้านั้นหรือ?
    พวกเธอมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนักเนื่องจากถูกหญ้ารกบัง แต่พอมอนสเตอร์ขยับเข้ามาจนเห็นหัวต่อหน้าพวกเธออีกครั้้งนั่นเอง

    Flamm: 「นั่นมัน…อะไรกันน่ะ…」

    Flamm ถึงกับพูดไม่ออก
    มันไม่มีใบหน้า
    เหมือนจะถูกลอกหนังออกไปจนเผยให้เห็นก้อนเนื้อแดงที่ขดกันเหมือนกับเกลียว
    ยิ่งกว่านั้น เกลียวเนื้อก็มีเลือดไหลออกมาตามที่พวกเธอเห็น
    ของสีแดงนั้นไหลออกมาใบหน้าจนเปียกชุ่มลงมาถึงไหล่และอก ทำให้ผิวหนังของ ogre ดูเป็นสีดำมากกว่าสีเขียว



    Sarah: 「ไม่ใช่…ogre หรือ…? ไม่สิ แต่ตัวของมันเป็น ogre ไม่ใช่หรือไง?」
    Flamm: 「ว-วิเคราะห์!」

    เพื่อให้เข้าใจว่ามันคืออะไร ทำการวิเคราะห์มันน่าจะดีที่สุด
    ขณะที่ Flamm เปิดใช้เวทมนตร์ ข้อมูลของมอนสเตอร์ก็ปรากฏขึ้นมา

    ——————————————————————————

    เ̒͐҉จ̘̭ͬ͟s̝̭͒̉̾̽̌ͬ͞ต̟̣͚͔̭͢ั̠̱̠̤̓̋͝ว͛ͭͥͯ̄͞ͅs͕̟̏̈͠ล้̮̱͙͕̲̺͋́́̔̋̋ͩ͛͋ͩ͆̚͝a͖̘̞̞͙͌͋̆
    ̨̮ͯͮ̅͒
    ͓͇̝̮̬͙̮̔̀ͯ̿o͍̼̠̟͇͔̿̐̌ͬͅg̮͇̮̺͙̝̭ͣ̄ส̘̤̳̥̥̻͈̽̊́̆ม͚̜บ͉̠̭̊̊̉͂ͪ͞ั̖͕̅̑ต̤͓̬̭̟ͯิ̖͚̹̥͉̥͆͠:̠̼̹͖̥́ท̳͎̦̫̙͈̇ͦ̓͂ͪำ̣͌͋̒ͦͮ̎̆ไ̞͙̪͈͓͌̔̑̊͂͋ṙ̪̂แ̭̖͕̣̂͞ก̧̭̠͇a̼̼͍̖͉͗̈ͨͧ͝ง̵e̩̬̭̜̓ͩ͆ͭͮ̈́ͯ́น͚̩̊̽͊ͅี̛͉͈͖ͫ̐͋ͫ̊ͦ̆ͅจ̷̄̆ͦ̄ͬา̵̗̯̅́̓ͯ̒͑h̷
    ͓̯̮̮̟̏͒̄̑ͣͣͤ́ค̮̲̬͍̘̩̈́̋̈̐͂̊͌s̜̽̈́ͮ̊̈́͐̍͜ว̖̞̻̺ͮͤา͎͕̼̭ห้͓͙̃̊͒͆͋ม̡͎̘̹̈̇́tͫ͆͌̽̅̾͌͏̳แ̷͙̼̹̞͓̈͐̐͐ͅอ̉̒ข̭͖̐̉ͪ็̪̹͖̾ͬ̓a͎͂͊̿͂̐ͭ͋͡ง̪̞̭̩̖͍̓̽͑͆̆̎̕ง̸͂͗̍̿͋แ̭̹̊̎͋ͩ̽ก̧̻̈́͂̓ข͈̲͈͉͑͞ͅั̗̞͖̬̗̬̙r̶̳͉ͥͧร่̭̞̎̆͆ͣͪ̒̀̈ͦง̢͙̫̒ͬ͋ง̫̥̖̒͐ͥͅ:͓͛ ̴͕͎̭̪ͅบ͂͏̫̘̱͉า̬̤͎̥͊ͦ̆̇͒͛̄ท̢̰̎͌̎ͧͥท̖̯̐̆ͨ̓ͧͩั้̡͚̗̳͙̦͖ͥ̇ͨ͂͑͟ง̺̂7͈̻̹͗ͯ̇̃̔͐͝
    ̜̝̬͡พ̱̳̭͖̝͚̎̓̊ล̀ั̴̥̝͍̺̝͗ͨͫ̈ͨr͕͓̈́ͩ̃ͣ͗ͯͅง̴̝̠ͣͦͫ̇เ͇͉̰̭ͭͦ̏ͧ̏ว̺͍͌ḙ̯̲̪̰͕ͭ̽ท̡̝̞̪̦̥̓ͨͥ͗ม̠̩̪͊ͬ̌͋ͨͧ̾s͉̱̩͇̳̑̋น̧̣̱̓̂͆ͯę̬̂ต̟͎͔͚͎̝̹̄̎̎́̅́ร̲͖̜̩͈̑͆̎͋์̧̤̫̙͇̗̠͒̿̈́ͫ:̜̪̹͗ͨ́ͬ̐̍͊͘ͅ ͉̻̻͐ต้̧̘̺̥̞͓ͦ̂ͩ̈͊̒̿ͤ̈́ͧ̌อ̞͎̫̲̺̼͍̓ͥͬ͑ง̳͙͍̰̇ต̷̗̘̗̟̙̝͍ͫͨ͐͊ͥ̇อͣ̑͂ͪ̄̚บ̤̭͕͍̬̻̗̑ͮแ͍̩͔̪ͬท͔̖͍̭͞น̦͍̖͍̦̟͌́ͬͅตอ̭̂̉̿͊บ͓̙͓̘̾̑̇ͥ̃̀แ̠̼͙͎ͧ̂̿̑̾̉͠ท͇̥̤̬͙͎น̆
    ̅̑ͮ͏̯̩̪̳͕ค̛͚͋ͧ̋ͯ̏ว̝ͭͫ̉͝s̢̜̟̾̈́͗ด͋ͣ̑ͤ͏้̩̗̯̬̘̹̦̳͎̙̫͈̈̊̿͐̿า̟̤̯̮̥̓̋̄ͤͭ̎̏ͅว̰͚͙̊͋ͭ̈́̾̑i͓̗̞ͯ͌ม̦̗͚̱̮͉̟̃ͣ́อ̖͎ͧึ̸̦̻̋ͭ̐ย̜͕̖̼̣̩̎̇ͨ́̍ͥͮด̶̥̳̰̇̉ͬͨ̉ͅ:̬̟͐̓̐ͮ́ͩ ̩̼̩̠ͦͨ9͔̝̤̙̹͐͛̌̒ย̖̝̣̭̣̻̒͑͋ͣ͛̈อ̜́́ͯ͆̆̿ͯ͡ͅṅ̔͆ͮม̖̳̞̗͇̞̰̋̍͑̾ͥ̚ร͔̬̘̭͎̥ͮ̾̕ั̵̠͚͙̘̭̳ͫบ̗̓́͟
    ̭͕̺͑̉ค͜ว͉̲ก̖̜͎͉̐ͦา̪̝̮̦̤͍̤̇̐͗͠g͙̤̰̓͛̆ม̀̾̐ͪ҉̣า̳̲͔͉̞̺͋̓͒ͦว̶่̠̯̤̹̯̱̻͉̅͆͂̕ͅͅh̤͚̣̳̝̗ͯͤ̒ͬͩͫ̅́อ̈́̎͒͒ͬͩง͍̜̣͒̄̓ͬ͋́ร͖̫͕̣͎͈ͭ̽͢ไ̖̯̰͉̬̍͛ͯͨ̇̾̍ว͊ͤͤͪ̂ͧ͟:̵̝͙̇̅̎ͣͫ̉ͅ ̵̹̩͇͇̌ผ̹͎̩ͦͩ̓ͥ̋́a͙̯͎͕̠͋͂̽̂͂ͥล̭̬͕͚̻̜̃ข̲̣ͮ̈ͥͯ̂ͤ͊อ͓ͣ͢ง̾ͭ
    ̝̮̟̬͎͐ͤค̜̱̠̭͙͕͛͐͟ว̯͚͚͕̼̄̎ͭ̇̂͌ͅา̗͔̠͈̩̬̃ม̹̻̖̼̺̓ͯต̜̙̣͓̣͇̓ͪ͊า̗̈ͭ͗̄͒ย̝͖͈̖̤̰͑͑̇͜:̤̂ͯͦ͆́ ͎̥̤̊̐̓͌ͨ̋̚1̖́ͤ͋͗̇̏̂4͎̭ͨ̑̓

    ทำตามหน้าที่ของเจ้าซะ Flamm Apricot

    ——————————————————————————

    ข้อความเหล่านั้นยากที่จะอ่านให้เข้าใจได้
    สัญชาตญาณของพวกเธอบอกว่าตกอยู่ในอันตราย ราวกับจะบีบไปทั้งหัวใจ
    Flamm เอามือกุมอกโดยไม่รู้ตัว ร่างกายเธอสั่นไปด้วยความหวาดกลัว

    Sarah: 「น…นั่นมัน…อะไรกันน่ะ? ฉันไม่เคย…เห็นมันเลย…!?」

    Sarah ที่เปิดใช้งานการวิเคราะห์เองก็ถึงกับกลัวจนตัวสั่นไปด้วย
    การเปิดใช้งานเวทมนตร์แล้วล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่เคยมีใครได้ยินว่าจะเกิดขึ้นกับเวทมนตร์ง่ายๆอย่างการวิเคราะห์ด้วย
    และก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองคนในเวลาเดียวกันด้วย
    หมายความว่าสเตตัสที่แสดงข้อความของมอนสเตอร์นั่นคือข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว
    มันเป็นข้อมูลที่ถูกบ่งบอกเอาไว้

    Sarah: 「แล้วทำไมถึงมี…ชื่อของพี่สาว……เขียนไว้ในสเตตัสด้วยล่ะ…?」
    Flamm: 「ฉันไม่รู้ แต่—!!」

    สิ่งที่มีชีวิตที่คล้าย ogre ที่มองไม่เห็นทั้งสองคน แต่ทันทีที่พวกเธอใช้การวิเคราะห์ มันก็เปลี่ยนใบหน้าไปเป็นรูปเกลียวเนื้อก่อนที่จะพุ่งไปหาทั้งสองแล้วจ้องพวกเธอ
    วงกลมนั่นก็เปลี่ยนกลายเป็นรูปรีไข่
    Flamm คิดว่านั่นคงจะยิ้มแสยะใส่พวกเธออยู่

    Flamm: 「ถ้าเราไม่รีบหนีไปคิดว่าคงจะแย่แน่ๆ」

    เจ้านั่นมันยกกำปั้นสีเขียวชูขึ้นฟ้า
    แล้วสัตว์ประหลาดนั่นก็ฟาดลงไปอย่างเต็มแรงลงพื้น
    สำหรับ ogre ที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ การทำแบบนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการข่มขวัญ
    แต่หลังจากที่มันได้ซัดลงดินเข้าไป Flamm ก็รู้สึกได้ว่าตรงเท้าของเธอนั้นเริ่มที่จะบิดเบี้ยวไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×