ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Super Singha Action - The Mix friend

    ลำดับตอนที่ #1 : ถูกขับไล่

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 56




    เมือง Scoropa (สกอร์โรปา) เมืองหลวงแห่งอาณาจักร Rai-ben (ไร-เบน)
    เมืองแห่งความทันสมัย ความสวยงาม ความมั่งคั่ง และความรุ่งเรืองด้านทุกสิ่ง
    หากมองดูรอบๆ จะเห็นตึกระฟ้าที่ตระการตา ถนนที่กว้างใหญ่ การคมนาคมที่มีหลากรูปแบบในเมือง แถมยังมีทางด่วนตัดกันมากมาย และสวนดอกไม้พฤกษาที่สวยงาม
    เป็นแหล่งดึงดูดที่น่าสนใจต่อนักท่องเที่ยวอย่างยิ่ง

    นายสิงห์ซึ่งย้ายมาอาศัยอยู่ในเมือง Scoropa โดยจะอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆ พร้อมโรงจอดรถที่สามารถรองรับได้ 2 คัน

    แต่เพราะนิสัยส่วนตัวของเขาเอง ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายไปทั่ว เพราะการขับรถที่บ้าระห่ำของเขาเองนั่นแหละ ขนาดตำรวจยังไม่สามารถไล่จับได้ เขามักจะหลุดลอยไปได้ทุกครั้ง

    ทุกครั้ง ไม่ว่านายสิงห์จะเดินทางไปไหน ก็จะต้องใช้รถสปอร์ตเดินทางทุกครั้ง และยังขับซิ่งบนถนนแบบนี้ทุกครั้ง จนทำให้ชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นเดือดร้อนไปทั่ว

    วันหนึ่ง ในตอนเย็นวันนั้นเอง ขณะที่นายสิงห์กำลังขับรถกลับถึงบ้าน

    ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็เห็นเข้าจึงได้คุยกัน

    "ไอ้หมอนี่แหละ ที่มันแหกกฎบ้านเมืองเรา" ชาวบ้านคนแรกพูดขึ้นก่อน

    "ฉันรำคาญขี้หน้ามาตั้งนานแล้ว" ชาวบ้านคนที่สองพูดตาม

    ที่เหลือพยักหน้ากันหมด แล้วคนใดคนหนึ่งในกลุ่มก็ได้พูดออกมาว่า

    "ปล่อยให้มันอยู่ต่อไป เราอยู่ไม่เป็นสุขแน่ ต้องหาทางไล่มันออกไป"

    คนในกลุ่มต่างเห็นด้วย จึงได้จัดประชุมในค่ำวันนั้นเกี่ยวกับ "วิธีที่จะกำจัดผู้ผิดจารีตประเพณี" และพวกเขาก็ได้ลงความเห็นว่า วิธีที่จะให้เขาออกไปจากเมืองนี้ได้ คือวิธีนี้...

    วันรุ่งขึ้น

    ขณะที่นายสิงห์กำลังทานอาหารอยู่

    ก็มีเสียงดังจากด้านนอก เหมือนมีผู้ชุมนุมมายังหน้าบ้านก็ว่างั้น

    พอเขาเปิดประตูมานอกบ้าน

    ก็พบกลุ่มม็อบกลุ่มใหญ่ที่เดินขบวนมายังหน้าบ้านเขา พร้อมทั้งคบเพลิง ป้าย ก้อนหิน และปืนด้วย

    ผู้นำม็อบได้พูดมาว่า

    "เราคือกลุ่มปฏิวัติสังคม เราไม่ต้องการให้คนอย่างเจ้า มาอาศัยอยู่ในเมืองของเรา!"

    นายสิงห์อึ้งพักนึง แล้วพูดออกมาว่า

    "อะไรกันนี่ นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการเมืองนะ"

    แต่พวกม็อบก็ได้โต้กลับไปว่า

    "คนชั่วอย่างแก ไม่ควรจะให้อยู่ด้วย ออกไป!"

    แล้วพวกมันก็ได้ขว้างปาข้าวของที่มีอยู่ รวมทั้งใช้ปืนยิงด้วย

    บ้านที่นายสิงห์อยู่นั้น ก็เริ่มเกิดเพลิงไหม้ขึ้น

    พอเขาเริ่มวิ่งหนี พวกมันก็ยิ่งเคลื่อนทัพตาม

    ตอนนี้บ้านของเขาเต็มไปด้วยเพลิงไหม้ที่ลุกโชน เขาเองก็ถูกไล่ล่า ต้องวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต

    จนกระทั่งเมื่อเขาออกจากเมืองไป พวกม็อบก็ได้ตะโกนออกมาว่า

    "อย่ากลับมาให้พวกเราเห็นหน้าอีก พวกเราไม่ต้อนรับคนอย่างแก!!!"

    ทางด้านนายสิงห์

    เขาได้พยายามวิ่งแล้ววิ่งอีก

    จนไปเจอชาวบ้านคนหนึ่งขับรถมา

    เขาก็ได้เปิดประตูรถ แล้วกระชากคนขับลงมา จากนั้นก็ขึ้นรถขับหนีไป

    ตำรวจที่เห็นก็ได้ขับรถไล่ล่า นายสิงห์ก็ต้องขับรถหนีตำรวจอีกทีนึง หลังจากที่หนีพวกม็อบแล้ว

    จนกระทั่งตำรวจไม่สามารถไล่ตามเขาได้อีก นายสิงห์ก็ยังคงขับรถด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง

    แต่เนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย แถมตาลายอีก เพราะขับรถเป็นเวลานาน ทำให้เขาเกิดขับรถเสียหลัก ลงข้างทาง แล้วชนต้นไม้อย่างจัง

    สภาพรถไม่เป็นชิ้นดี เขาหมดสติคาในรถ ณ ตรงนั้น..................................

    ตัดมายังที่เมือง Scoropa

    พวกชาวบ้านได้จัดพิธีเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่

    "ขอแสดงความยินดีที่กำจัดผู้ประพฤติผิดจารีตได้ ฉลองกันเต็มที่"

    "เฮ!!!..."

    พวกชาวบ้านเฮลั่นกันไปทั่ว แล้วก็ได้ดื่มเหล้า เต้นรำ ร้องเพลง อย่างสนุกสนาน ตลอดทั้งคืนเลย

    ลองเดาดูก็ได้ สภาพของชาวเมืองพวกนั้น เมาเละตุ้มเป๊ะกันเลย หลับคาที่อย่างไม่เป็นระเบียบ

    1 สัปดาห์ผ่านไป

    ขณะนั้น พวกมาเฟียในเครือข่ายของข่านทราบข่าวว่า ชาวเมือง Scoropa ได้ช่วยกันขับไล่นายสิงห์ออกจากเมือง จึงได้มอบหมายให้องครักษ์ของพวกมันคนหนึ่ง ชื่อ เชน ริฟาโอ (Chain Riphao) นำกองกำลังเพื่อเตรียมบุกยึดเมือง

    วันต่อมา เวลา 9.15 น.

    พวกมาเฟีย ได้เตรียมกองกำลังล้อมเมืองไว้ โดยใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินทิ้งระเบิด และรถยนต์เป็นจำนวนมาก

    ขณะนั้น ผู้คนที่ไปมาสับสนวุ่นวาย ยังไม่รู้ว่าชะตาของพวกเขากำลังจะขาด

    เวลา 9.54 น.

    มีคนใส่ชุดดำกลุ่มหนึ่ง เดินไปที่จัตุรัสกลางเมือง

    ชาวเมืองพวกนั้นยังไม่รู้ตัว

    พวกคนชุดดำพวกนั้นได้ประกาศออกมาว่า

    "วันนี้ คือวันล่มสลายของพวกเจ้า!!!"

    พวกชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายังไม่สนใจ ยังทำเมินเฉยอยู่

    พวกมันจึงได้ถอดเสื้อคลุมออก พบว่า

    คนพวกนั้นมีระเบิดไดนาไมต์ติดรอบตัวหมดทุกคน

    พวกมันได้ใช้ไฟแช้กจุดกับระเบิดแล้วบอกว่า

    "ถึงเวลาที่พวกแกต้องพลีชีพแล้ว"

    เสี้ยววินาทีต่อมา ได้เกิดระเบิดขึ้นบริเวณจัตุรัสกลางเมือง ผู้คนที่เดินไปมาแถวนั้นต้องตายเพราะแรงระเบิด คนที่เหลือซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เริ่มชุลมุนวุ่นวายกันยกใหญ่ ต่างคนต่างวิ่งหนีกันอย่างโกลาหล จนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามระงับความวุ่นวายเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้

    10.19 น.

    มีรถบรรทุกคอนเทรนเนอร์ ได้วิ่งกระจายไปตามที่ต่างๆ ทั่วเมือง Scoropa

    โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละ 2 คัน

    พอพวกนั้นได้จอดรถแล้ว ก็เปิดประตูคอนเทรนเนอร์ออกมา

    ข้างในนั้นก็คือพวกมาเฟีย ซึ่งสวมชุดเหมือนพวกก่อการร้าย (ใส่ชุดทหาร หน้ากากปิดหน้าปิดตา เสื้อคลุม และเครื่องป้องกัน ถืออาวุธสงคราม)

    พวกมันได้ทำการจู่โจมทันทีที่ประตูเปิดออก ชาวบ้านผู้โชคร้ายที่ต้องตาย เพราะถูกฆ่า ส่วนคนที่เหลือที่ยังตั้งหลักได้ ก็ได้รีบพาเด็กๆ ที่เหลือหลบเข้าในอาคาร แต่ก็ไม่อาจหนีระยะการยิงจากพวกมันได้

    อาคารหลายหลังที่ลุกเป็นไฟ เลือดของผู้คนที่ต้องตายไป และกองตำรวจประจำนครที่ไม่อาจจะสู้ได้

    แม้แต่โรงเรียนเด็กอนุบาล พวกมันก็ยังทำลายได้ลงคอ

    11.24 น.

    มีเครื่องบินจำนวนหลายลำบินผ่านน่านฟ้าเหนือเมือง พวกมันได้ทำการทิ้งระเบิดลงที่เมือง Scoropa หลายแห่ง ทำให้ตึกรามบ้านช่อง ต้องพังทลายลงเพราะระเบิด รวมทั้งผู้คนที่ต้องล้มตายมากมายด้วย

    ที่แย่ยิ่งกว่านั้น มีรถถังซึ่งได้เคลื่อนทัพเข้ามา และเฮลิคอปเตอร์ ก็ได้โจมตีอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด

    สภาพเมือง Scoropa จากที่เคยสวยงามเริ่มกลายเป็นนรกทันที

    แม้ว่าทางสมาคมป้องกันแห่งราชอาณาจักร จะทราบข่าวการโจมตีเมืองอย่างกะทันหัน พวกเขาก็ได้ส่งกองกำลังไปรบกับพวกมาเฟีย พร้อมๆ กับอพยพผู้คนไปยังที่ปลอดภัยก็ตาม

    แต่เนื่องจากพวกมาเฟียมีอาวุธที่เหนือกว่า เพราะใช้เทคโนโลยีที่ต้องห้าม ทำให้กองกำลังของเมือง Scoropa ซึ่งมีอยู่ 45 หมื่น ต้องเสียเลือดเสียชีพลง

    ทางรัฐบาล Scoropa ได้ขอความช่วยเหลือให้ส่งกองกำลังทหารและเสบียงจากเมืองต่างๆ ในอาณาจักร เพื่อที่จะไปรบกับพวกมาเฟีย จนกว่ากองกำลังในอาณาจักรจะหมดไป

    แต่ความแตกต่างทางด้านเทคโนโลยี ทำให้กองพันธมิตรจากเมืองต่างๆ ต้องพ่ายแพ้ย่อยยับจนสูญสิ้นกองทัพทั้งกอง

    ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเกณฑ์ทหารไม่ว่ารุ่นไหน รุ่นใด ก็ต้องไปจบชีวิตลง ราวกับว่าเอาชีวิตผู้คนไปทิ้งกับมาเฟียก็ว่างั้น

    เมื่อที่มั่นสุดท้ายของ Scoropa ซึ่งก็คืออาคารรัฐสภา ได้ถูกทำลายลง พวกมันก็ได้ทำการยึดเมือง Scoropa และได้เตรียมการุกเมืองต่างๆ ในอาณาจักร Rai-ben เพื่อยึดมาเป็นของตน

    เมืองอื่นๆ ซึ่งเคยส่งกองกำลังไปแล้ว ซึ่งสูญเสียกองกำลังทหารจำนวนมาก ก็ถูกพวกมาเฟียบุกจนกระทั่งถูกยึดเอาไว้ได้

    การขยายอิทธิพลค่อยๆ กว้างขึ้น หลายๆ เมืองตกเป็นเมืองขึ้น แล้วคอยกวาดต้อนผู้คนเข้าเมือง

    แล้วยังไม่พอ พวกมาเฟียที่ครองอาณาจักร Rai-ben ซึ่งครองโดย เชน ก็ปกครองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ ซึ่งโหดร้าย และทารุณ

    ชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมาน คนดีที่เคยรวยจะยากจนลง คนที่จนแล้วก็จะยิ่งยากจนลงไปอีก เพราะพวกมันได้ทำการรีดภาษีจากชาวบ้านด้วย

    คราวนี้อาณาจักร Rai-ben ซึ่งมี Scoropa เป็นเมืองหลวง กลายเป็นอาณาจักรที่ไม่น่าอยู่อาศัยอีกแล้ว

    โดยเฉพาะเมือง Scoropa มีแต่ทาส ส่วนเมืองอื่นๆ นั้นถูกทิ้งร้างจนเกือบหมด ทำให้เป็นฝันร้ายของชาวเมืองเป็นต้นมา

    แต่คงต้องมีสักวันที่จะมีคนมาคอยกู้แผ่นดิน Rai-ben ให้.............แต่ไม่ทราบว่านานเท่าไร

    ย้อนกลับไปทางด้านนายสิงห์

    ".............ฮื่อ?" นายสิงห์ลืมตาขึ้นมา

    เขามองซ้ายมองขวาไปรอบๆ ก็พบว่า

    เขามาอยู่ในห้องพยาบาลแล้ว

    "เรามาโผล่ตรงนี้ได้ยังไงเนี่ย" นายสิงห์อุทาน

    ขณะนั้นก็มีเสียงเดินเข้ามา

    "ว่าไง ฟื้นแล้วเหรอ" ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา ก็หมอที่เฝ้าไข้เขานั่นเอง

    "ฉันได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถตกข้างทาง จึงได้พานายไปรักษาที่สถานพยาบาลของฉันเอง กว่านายจะฟื้นนะ ตั้ง 3 วันเลยเชียวนะ"

    "3 วันเลยเหรอ" นายสิงห์ถาม

    หมอพยักหน้าแล้วบอกนายสิงห์ว่า

    "เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เดี๋ยวก็ออกสถานพยาบาลได้แล้ว"

    นายสิงห์สงสัยจึงได้ถามต่อว่า

    "แล้วเราอยู่ตรงไหนนี่"

    หมอจึงตอบเขาไปว่า

    "สถานพยาบาลในเมือง Shimata ไงล่ะ"

    !!!!!!!!!!!!!!!!!

    นายสิงห์ครุ่นคิดในใจแล้วถามหมอต่อว่า "Shimata ห่างจาก Scoropa เท่าไรนะ"

    "14000 km โดยประมาณนะ"

    นายสิงห์ช็อกจนกระเด็นตกเตียง แล้วรีบออกจากสถานพยาบาลทันที

    "อ้าว...เดี๋ยว กลับมาก่อนสิ จะต้องตรวจดูอาการแทรกซ้อนก่อน" หมอได้พูดออกมา

    หลังจากที่นายสิงห์ได้มองรอบๆ จนกระทั่งเห็นชื่อเมือง จึงได้ทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ที่เมือง Shimata (ชิมาตะ) แล้ว

    บริเวณรอบๆ เมืองนี้ก็สวยงามไม่แพ้เมือง Scoropa (ก่อนที่จะถูกพวกมันยึด) เลยทีเดียว

    แต่สำหรับนายสิงห์ ยังไม่รู้ว่า เขาควรจะอยู่ที่ไหนดี เพราะถึงจะมีเงินใช้จ่าย แต่ก็คงไม่มีที่วางสำหรับปักหลักอาศัย ต้องกลายเป็นชายพเนจรไปจนกระทั่ง

    "เฮ้!!!"

    นายสิงห์สะดุ้งหันไปมองแต่ไม่มีใคร เขาเลยบอกว่า

    "ใครนะ"

    นายสิงห์มองซ้ายมองขวา แต่ก็ยังมองไม่เห็นจนมีเสียงกระซิบเข้าที่หู

    "เพื่อนรัก จำเราได้ป่าว"

    นายสิงห์รู้สึกไม่ไว้วางใจ เขาก็เลยกระทุ้งด้วยศอกเข้าให้

    ปึก!!!!!

    "โอ๊ย!...เจ็บนะ ล้อเล่นแค่นี้ ถึงกับทำแบบนี้เลยเหรอ"

    นายสิงห์หันไปมองดูคนที่เขาเอาศอกกระแทก คนนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นมาพร้อมกับเอามือกุมท้องเอาไว้

    พอนายสิงห์เห็นหน้าเท่านั้นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×