คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ใครๆ เค้าก็อยากให้นายไปซิ่ง
“โหย! สายแน่เลยตู” นายสิงห์รีบวิ่งอย่างสุดชีวิต เพื่อที่จะรีบเข้าชั่วโมงเรียนคาบบ่าย เพราะคาบบ่ายของวันนี้คือคาบพละครับ
ถ้านักเรียนหญิงของบ้านเรานี่ ต้องเป็นชุดวอร์มใส่กางเกงขายาวแน่นอน
แต่ถ้าเป็นนักเรียนญี่ปุ่นนี่ กางเกงจะไม่เหมือนของเรา เพราะเป็นกางเกง Bloomers (เห็นขาอ่อนเลยแฮะ แต่กำลังขาของพวกเธอคล่องกว่านา) ดูน่ารักไปหมด
เอ๊ะ! นอกเรื่องไปหน่อย มาฟังต่อดีกว่า
กว่านายสิงห์จะเข้าเรียนในคาบได้ก็เหลดไปถึง 10 นาทีแล้ว อาจารย์พละเห็นก็ไม่ค่อยพอใจนัก
“นายสิงห์!!!”
“ครับ...อาจารย์”
“มาสายอีกแล้วนะ! เอาล่ะ ไปวี้ดพื้น 10 ที!!!”
“....คร๊าบบบ์!...”
และแล้วเขาก็ถูกทำโทษให้วี้ดพื้นจนได้ เขาก็เลยเริ่มวี้ดพื้น แต่เขาวี้ดไม่เก่ง ก็เลยวี้ดผิดท่า ครูสอนพละก็เลยโมโหเข้าให้
“เฮ้ย!!! วี้ดพื้นไม่ถูกต้อง เอาใหม่ เดี๋ยวครูจะนับ ถ้าทำไม่ถูกไม่นับเพิ่ม!!!”
ว่าแล้วครูก็เลยบังคับให้นายสิงห์วี้ดพื้นใหม่ โดยที่ครูจะนับต่อหน้านักเรียน(หญิง)ทุกคน
“1, 1, 2, 2, 2, 2, 2, 2, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 4, 4,...”
ดูเหมือนทหารวี้ดพื้นมั้ย? ขนาดนับซ้ำแล้ว เขาก็ยังวี้ดพื้นไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้ครูโกรธหนักกว่าเดิม
ก็เลยเอากระสอบทราย (หนัก 20 kg) มาวางไว้บนหลังซะเลย
“ถ้านายทำกระสอบทรายตกละก็ ต้องวี้ดพื้นใหม่และจะเพิ่มกระสอบทรายเรื่อยๆ จนกว่าจะวีดได้ครบ 10 ที ปฏิบัติ!!!”
นายสิงห์ต้องทนเจ็บปวดแขนจากการวี้ดพื้นยังไม่พอ ยังต้องทนเจ็บหลังเพราะแบกกระสอบทรายด้วย มิหนำซ้ำยังทำไม่ถูกต้องอีก กระสอบทรายมันก็เพิ่มขึ้นๆๆ ไปเรื่อยๆ
กว่าจะวี้ดพื้นครบ 10 ที มันก็ปาไปตั้ง 120 ทีแล้ว เมื่อยทั้งแขน ปวดทั้งหลง ระบบไปหมดเลย ทำให้เขาไม่มีแรงแม้กระทั่งจะลุกขึ้นเดิน พวกนักเรียนจึงต้องช่วยกันหามนายสิงห์เข้าห้องพยาบาลไปในที่สุด
หลังเลิกเรียนแล้ว นายสิงห์ก็ได้พบกับไพบูลย์และกิตติศักดิ์อีกครั้งหนึ่ง
“กิตติศักดิ์ เจอกันอีกครั้งนะ” นายสิงห์พูด
“แล้วนายล่ะ จะกลับแล้วเหรอ” กิตติศักดิ์ถาม
“อืม...จะกลับล่ะ นายจะกลับหรือยัง”
“ยังหรอก ยังไม่กลับนะ”
“ทำไมนายไม่กลับบ้านล่ะ”
“เรามีนัดกับเพื่อนนะ ไพบูลย์ก็จะไปเป็นเพื่อนด้วย นายจะไปไหมล่ะ”
“ลองไปด้วยล่ะกัน”
แล้วทั้งสามก็ได้เตรียมรถมา 2 คน เพื่อที่จะเดินทางไปยังจุดนัด
แต่นายสิงห์ยังไม่ทันที่จะก้าวขึ้นรถ Saleen ของเขาเลย
ก็มีพวกนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งมารุมล้อมรถของเขา
นายสิงห์ตกใจจนต้องผละเท้าออกไปข้างหลังหนึ่งก้าว
นักเรียนหญิงพวกนั้นก็ไม่ได้แค่มาดูเฉยๆ พวกเธอหันมาที่นายสิงห์กันหมด พร้อมทั้งบอกว่า “ช่วยขับรถไปกับหนูหน่อยค่ะ” บางทีก็เถียงว่า “ขับรถไปกับหนูต่างหาก” หรือไม่ก็ “หนูต่างหาก”
นายสิงห์เขาไม่ฟังใคร เขายืนอยู่เฉยๆ จนไพบูลย์มาจับมือเขาแล้วลากตัวไป
“มาทางนี้ดีกว่า นายสิงห์ เร็วเข้า” ไพบูลย์บอกนายสิงห์
ขณะที่นายสิงห์และไพบูลย์กำลังวิ่งหนีอยู่นั้น พวกนักเรียนก็วิ่งตามมาด้วย พร้อมกับมีเสียงกรี๊ดอีกต่างหาก
พอดีกิตติศักดิ์เตรียมรถ Mitsubishi Lancer CEDIA ของเขาไว้ด้วย ซึ่งเขาก็สตาร์ทเครื่องรอไว้อยู่แล้ว เมื่อนายสิงห์และไพบูลย์ขึ้นรถปุ๊บ กิตติศักดิ์ก็ออกรถปั๊บ
พวกนักเรียนทีตามมานั้น คงจะตามไม่ทันแล้วล่ะ เพราะนายสิงห์ขึ้นรถเพื่อนหนีไปแล้ว เขายอมทิ้งรถ Saleen ของเขาไว้ในโรงเรียน เพื่อที่จะหนีไม่ให้ถูกสาวล้อมรอบนั่นเอง
เมื่อถึงที่หมายแล้ว กิตติศักดิ์ก็เคาะประตูเรียก ก็มีเสียงตอบรับว่า เข้ามาได้
ทันใดนั้นประตูเลื่อนก็เปิดขึ้น กิตติศักดิ์ก็ขับรถเข้าไปในอาคาร
เมื่อถึงที่แล้ว ทั้งสามก็ลงจากรถ
“เอาล่ะ มาถึงซะที”
ชายคนหนึ่งพูด เขาค่อยๆ ปรากฏโฉมหน้าออกมา เขาคืออภิดุลย์นั่นเอง
“นายเองเหรอเนี่ย” นายสิงห์ถามด้วยความสงสัย
“ทำไมอีกล่ะ” อภิดุลย์ถามนายสิงห์
“ที่ในวารสารลงไว้ในหนังสือว่า นายเป็นประธานเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน เจ้าของกิจการขายรถระดับ Premium ก็คือนายเองเหรอเนี่ย” นายสิงห์ตอบ
“เป็นไงล่ะ ก็ได้เจอกับตัวจริงแล้วนี่” อภิดุลย์พูด “เอาล่ะ ที่นี้ทั้งสามคน มาตรงนี้หน่อย”
แล้วอภิดุลย์ก็พาทั้งสามไปยังที่ห้องๆ หนึ่ง มีรถคันหนึ่งซึ่งถูกผ้าคลุมปิดอยู่ อภิดุลย์ก็สั่งให้สาวใช้ (โหย! ยั่วเสน่ห์ไปหน่อยมั้ง เซ็กซี่เชียว) ไปเปิดผ้าคลุมออก
เมื่อรถปรากฏโฉมต่อหน้าทั้งสามแล้ว กิตติศักดิ์สงสัยเลยถามอภิดุลย์ “นี่มันรถอะไรกันนะ”
อภิดุลย์จึงตอบไปว่า “นี่คือรถ '93 Isdera Commendatore 112i ถึงจะรุ่นเก่า แต่คันนี้สภาพใหม่เอี่ยมเลยล่ะ”
แล้วอภิดุลย์ก็เรียกทั้งสามคนมาหา
“แต่ว่ารถคันนั้นเพิ่งมาได้เมื่อ 5 วันก่อนนี้เอง ประธานผู้ผลิตรถยนต์บอกกับฉันว่า การที่จะขายรถให้ใครได้นั้น จะต้องมีการทดสอบสมรรถนะของรถ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ แต่ว่าไม่มีผู้ทดสอบรถนี่สิ ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญ เขาจึงมอบรถคันนี้ไป เพราะไม่มีใครทดสอบให้เลย เอาล่ะพวกนายทั้งสามคน รถคันนี้เนี่ย ฉันไม่รู้ว่าจะให้ใครทดลองขับดี ระหว่างกิตติศักดิ์ ไพบูลย์ หรือนายสิงห์?”
ทั้งสามได้ปรึกษากัน สักครู่ก็ตกลงกันเอาไว้ว่า
คนที่จะทดสอบรถให้กับอภิดุลย์ ก็คือนายสิงห์นั่นเอง
เริ่มการทดสอบรถ เวลาพลบค่ำ
ก่อนที่นายสิงห์จะเริ่มนั้น อภิดุลย์บอกกับนายสิงห์ว่า “ที่จริงแล้ว รถคันนี้เป็นรถที่ไม่ค่อยมีคนอยากได้หรอก ประธานบริษัทเค้ามีจุดประสงค์ที่อยากจะให้เห็นรถคันนี้ไปวิ่งบนท้องถนนบ้าง แต่ก็ไม่มีใครสนใจรถคันนี้เลย จนกระทั่งประธานบริษัทประกาศยกรถให้ใครก็ได้เป็นเจ้าของ ถือว่าเป็นโชคดีของนายนะ”
สิ้นคำพูดของอภิดุลย์ นายสิงห์กับอภิดุลย์เริ่มน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามการทดสอบรถในค่ำคืนนั้นก็เริ่มขึ้น ฝีมือของนายสิงห์ที่ควบคุมรถ Isdera คันนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไปจ่ายตลาดท่ามกลางจราจรที่แออัดและค่อนข้างมืด แต่หลบรถได้เฉียบขาด ทำให้ไม่มีรอยบุบหรือรอยขีดข่วนเลย
มีแต่รอยยางที่ประทับเอาไว้บนถนนเท่านั้น
ด้วยความโฉบเฉี่ยวประกอบกับความเพรียว ทำให้ผู้ที่เดินผ่านไปมาหันมามอง แม้จะแค่แวบเดียวก็ตาม
สิ้นสุดการทดสอบ อภิดุลย์รู้สึกพอใจมากที่นายสิงห์ช่วยทดสอบรถให้ เพราะเขาขับแบบสุดๆ แต่ถนอมรถไปด้วย รถก็เลยไม่พัง สภาพก็เลยเหมือนใหม่
“ทำได้ดีมาก นายสิงห์ เอาล่ะ ฉันให้รถคันนี้ล่ะกัน” อภิดุลย์พูด
“เอ่อ...ฉันว่าให้นายเก็บไว้ดีกว่านะ” นายสิงห์เกรงใจ
“ฉันไม่เคยเห็นใครขับดีเท่านายมาก่อนเลย” อภิดุลย์บอก “เอาล่ะ ลาก่อนนะทั้งสามคน”
แล้วอภิดุลย์ก็เดินจากทั้งสามคนไปโดยที่ทิ้งรถ Isdera ไว้ให้พวกเราทั้งสาม
กิตติศักดิ์กับไพบูลย์จึงเสนอว่า เอารถ Isdera คันนี้เก็บไว้ที่โกดังก่อน
หลังจากที่ทั้งสามกินข้าวที่ภัตตาคารเสร็จแล้ว นายสิงห์ก็ขอตัวไปที่โรงเรียน กิตติศักดิ์และไพบูลย์จึงได้ขับรถพาไปส่งให้
และจากนั้นก็ขอตัวกลับโดยที่ทั้งสองเอารถ Mitsubishi และ Isdera กลับไปด้วย ปล่อยให้นายสิงห์อยู่ตามลำพัง
โชคดีที่รถ Saleen ของนายสิงห์เค้ายังจอดอยู่เหมือนเดิม แต่พอเขาจะขึ้นรถ เขาก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษใบนึงติดอยู่บนกระจก เขาหยิบมันขึ้นมาอ่าน ในกระดาษมีข้อความว่า
“ถ้าอยากรู้ว่าเขียนจดหมายนี้ทำไมก็ให้มาที่เรือนกระจกเอง ถ้าไม่มาจะเจออะไรไม่ช่วยหนา”
เอาล่ะสิ เจอจดหมายขู่จนได้ มันจะทำอะไรกันเนี่ย ยังไงเขาก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้
เขาก็ขับรถ Saleen ไปยังเรือนกระจกทันที แต่ขับเร็วไปหน่อยก็เลยเบรกไม่ค่อยทัน ชนกระถางดอกไม้ล้มไปกระถางนึง (ขนาดแค่แตะคันเร่งเองหนา ยังแรงเลยนะ)
หลังจากที่เขาลงจากรถแล้ว เขาก็เดินเข้าเรือนกระจก แต่ก่อนที่จะเข้าไปนั้น เขาก็เอาไฟฉาย สนับมือ รองเท้าสตาร์ท เข้าไปด้วย
เมื่อถึงข้างในเรือนกระจกแล้ว เขาก็เห็นกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง เขาหยิบขึ้นมาอ่าน
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ปาร์ตี้...”
ทันใดนั้นก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา นายสิงห์รีบใช้ไฟฉายส่อง
นายสิงห์เห็นหน้าก็แปลกใจ เธอคือ Shinobu Maehara นั่นเอง
“ดีใจจังเลยที่เธอมาที่นี่” Shinobu พูดด้วยความดีใจ
“ดีใจเรื่องอะไรกัน” นายสิงห์ถามด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นก็มีเด็กหญิงอีก 5-6 คนเดินเข้ามาล้อมรอบนายสิงห์ ถ้าเขาจำหน้าไม่ผิด แต่ละคนก็มีชื่อว่า Ellene Silvana, Milky Milcock, Yukino Nagase, Sena Nakai, Silvia Aizet และ Rydia Arsenal
แล้วพวกเธอทั้ง 7 คนก็กระโจนเข้ามาหานายสิงห์ทุกทิศทุกทาง นายสิงห์ตั้งหลักไม่ทันเลยถูกพวกเด็กหญิงปลุกปล้ำเข้าให้
“ว๊ากกกก์!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย ช่วยด้วย”
นายสิงห์ร้องตะโกนสุดเสียง แต่ก็ไม่อาจต้านแรงของพวกเธอเอาไว้ได้
สุดท้ายเขาก็เลยหมดแรงจนได้ และต่อมาพวกเธอก็เริ่มหมดแรง ก็เลยนอนสลบเหมือดกันหมด
(แถมยังอยู่ในสภาพที่เรียกว่า เละเทะสุดๆ เพราะเสื้อผ้าคงจะหลุดไม่เป็นระเบียบ และก็ยังนอนแบบระเกะระกะอีกต่างหาก)
วันรุ่งขึ้น Eleanor ได้เดินมาตรวจดูบริเวณภายในโรงเรียน เธอได้เข้าไปสำรวจในเรือนกระจก พอเธอเห็นสภาพภายในเท่านั้น
ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
นายสิงห์และเด็กหญิงตกใจจนสะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเห็น Eleanor เท่านั้นเอง
“ขอโทษนะค่ะ”
แล้วพวกเธอทั้งเจ็ดคนก็รีบวิ่งเผ่นหนีไปกันหมด ตัวใครตัวมันละกันนะ
จนกระทั่งเหลือนายสิงห์อยู่เพียงคนเดียว
Eleanor พูดกับนายสิงห์ “ทำไมเธอถึงทำอย่างนี้”
แล้วเธอก็ชักดาบออกมาแล้วชี้ไปที่ตัวของนายสิงห์ “มันแย่มากเลยนะ”
นายสิงห์ไม่พูดตอบโต้อะไรทั้งนั้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น
จนในที่สุด Eleanor ก็พูดออกมาว่า “งั้นมาแข่งรถกันมั้ยล่ะ”
นายสิงห์ผงะ แต่จะตอบปฏิเสธไปก็ไม่ได้ เพราะดาบของเธอมันยังชี้ที่ตัวเขา นายสิงห์เลยต้องจำยอมตามข้อตกลงของเธอ
รถของ Eleanor ซึ่งเป็นรถ Nissan 200SX ซึ่งเป็นรถแต่งแรงสุด แข่งกับรถของนายสิงห์ (ก็ Saleen นั่นแหละ) ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิม ในช่วงแรกๆ รถ Nissan ก็เป็นฝ่ายนำไปก่อน แต่ในช่วงหลังๆ กลับถูกแซง สุดท้ายรถ Saleen ก็เลยเข้าเส้นชัยไปก่อน
“เฮ้อ!...ฉันแพ้แล้วเหรอนี่” Eleanor พูดด้วยน้ำเสียงซึมๆ
“ไม่เป็นไรหรอก แต่เราขอตัวไปก่อนละ” นายสิงห์พูด
“เดี๋ยวก่อนสิ” Eleanor เรียก
“จะทำอะไรนะ” นายสิงห์ถาม
Eleanor ไม่ตอบ แต่จูบแก้มของนายสิงห์เลย นายสิงห์ไม่ทันตั้งตัว หลังจากนั้นเธอก็เริ่มหน้าแดงแล้วค่อยๆ สารภาพกับนายสิงห์ว่า “อันที่จริงแล้ว ฉันนะต้องการให้เธอขับรถชมวิวกับฉันตามลำพังแบบ 2 ต่อ 2 นะ เห็นว่าเธอขับรถยอดมาก ไม่เคยเห็นใครฝีมือดีเท่านี้มาก่อนเลย”
แล้ว Eleanor เธอก็เดินขึ้นรถจากไป ปล่อยให้นายสิงห์ยืนเขินตามลำพัง
ความคิดเห็น