คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter #2 ผ่าฟืน
Chapter #2 ผ่าฟืน
"คารอส
ตื่นเถอะ
"
เฮ้อ
กำลังหลับสบายเชียว
"คารอส
ตื่นสิ"
"โครม!"
ไม่ทันที่เจ้าตัวจะได้นึกอะไรต่อ สายน้ำเย็นเฉียบก็ถูกสาดโครมมาจากชายหนุ่มวัยกลางคนผิวสีทองแดงเบื้องหน้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขาหรี่ลงเล็กน้อยอย่างพิจารณา ก่อนเหลือบส่งไปยังบุตรชายของตนด้วยความเอือมระอาในพฤติกรรมอันน่าผลักลงคลอง
ด้วยพลังแห่งสายน้ำเย็นเฉียบ เรียกให้เด็กหนุ่มจอมขี้เซาถึงกับสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นจากเตียงนอน ความง่วงงันที่มีดูเหมือนจะถูกสลัดหายไปอย่างปลิดทิ้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะสอดส่ายดวงตาสีน้ำเงินซึ่งถอดแบบมาจากบิดาอย่างลนลานเพื่อหาต้นตอ
สายตาของเด็กหนุ่มเลื่อนไปหยุดลงที่ตัวต้นเหตุพลางเหลือกตาขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้งดังโครม ทำให้ตัวผู้เป็นพ่อถึงกับส่ายหน้าอย่างปลงอนิจจัง
"นอนทั้งวัน ไม่สมกับเป็นลูกฉันเลย เจ้านี่"
"โอย พ่อก็พ่อ ฉันก็ฉันสิ เกี่ยวอะไรกันเล่า" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ดึงเอาผ้าห่มมาคลุงโปงอย่างไม่อยากต่อความใดๆอีกให้วุ่นวาย
"เช้านี้แกมีงานเยอะ รู้หรือเปล่า ยิ่งตอนบ่ายๆนี้ แกต้องไปช่วยตาลุงริชาร์ดผ่าฟืนที่ท้ายหมู่บ้านอีกด้วย" ผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นก่อนจะเหลือบตาลงไปมองบุตรชายของตน ซึ่งบัดนี้ดูเหมือนจะเข้าสู่ห้วงนิทราโดยมิได้สนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย "เฮ้ยตื่นโว้ย!"
ชายวัยสี่สิบต้นๆอย่าง ไบรอัน คาเบลอส ถึงกับถอนใจอย่างยอมแพ้กับการกระทำของลูกชาย ผู้ซึ่งเขาจะคิดพึ่งพาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย "
ตกลงคราวนี้แกอยากได้น้ำกรดแทนน้ำสะอาดดีๆนี่ใช่มั๊ย"
"แว๊กก! ไม่เอา ตื่นแล้วๆ" คำดังกล่าวของบิดาเมื่อครู่ส่งผลให้ดวงตาสะลึมสะลือของคนขี้เซาเบิกโพลงเท่าไข่ห่านระคนตกใจ
ว่าแล้ว เจ้าตัวก็รีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะขยับเท้าก้าวลงจากเตียงอย่างสโลโมชั่นราวกับจะล้อเลียนผู้เป็นพ่อ "โอยยย... ทามมายเช้าเน้ตื่นมาแล้วแปลกจางเลยย... ช๊า... ช้า..."
เจ้าตัวดีว่าเสียงยานคางรับกับท่าทางอันเชื่องช้าของตนจนผู้เป็นพ่อถึงกับหมั่นไส้ สาดน้ำที่เหลืออยู่ก้นถังไปยังศีรษะของบุตรชายจอมกวนจน ทำให้ผมสีเหลืองอ่อนที่เคยแห้งสนิทบัดนี้เปียกชุ่มโชกด้วยน้ำเย็นเฉียบ ก่อนที่คนถูกสาดน้ำจะหันมาถลึงตาใส่ "หึยส์.. พอเลย ฉันจะไปแล้ว"
ว่าแล้วคารอสก็ออกฝีเท้าวิ่งตรงไปยังราวตากผ้าหลังบ้าน ก่อนจะกระชากผ้าขนหนูผืนโตที่แขวนอยู่ออกมาอย่างรีบร้อนแล้วดิ่งตัวตรงไปยังห้องน้ำ
"อาบน้ำเสร็จลงมาหาฉันนะเจ้าหนูตัวกะเปี๊ยก ฮ่าๆๆๆ สะใจชะมัดเลย"
บารอสขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความหงุดหงิด พลางนึกขึ้นในใจ
ใครกันเจ้าหนู!
...เดี๋ยวเถอะ! สักวันจะได้เห็นตัวจริงของฉัน!
"เอ้า.. นี่อย่าลืมเด็ดขาด ถ้าแกลืมเอาขวานไปแล้วแกจะเอาสากกะเบือที่ไหนไปผ่าฟืนล่ะวะ"
เสียงกำชับกำชาอย่างหนักแน่นของไบรอันสร้างความเบื่อหน่ายอย่างยิ่งแก่บุตรชาย หลังจากที่เมื่อครู่เขารีบวิ่งออกจากตัวบ้านจนเผลอลืมขวานผ่าฟืนเอาไว้ข้างใน เป็นผลให้ต่อมาต้องมายืนทนฟังคำพูดย้ำคิดย้ำทำชุดใหญ่จากผู้เป็นพ่อสุดแสบของตน
"พ่อ
ฉันอายุสิบสี่จะสิบห้าอยู่มะรอมมะร่อแล้วนะ แต่พ่อยังทำกับฉันเหมือนเด็กทารกอยู่ยังไงยังงั้นแหละ" เสียงบ่นกระปอดกระแปดน่าปวดหัวดังออกจากปากของลูกชาย ทำให้ไบรอันถึงกับกุมขมับอย่างสิ้นคำกล่าว แต่เขาเผลอลืมไปว่าไอ้นิสัยแย่ๆอย่างนี้มันติดตัวเจ้าลูกชายจอมยุ่งมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว ก่อนเขาจะเอ่ยไปอย่างเลี่ยงคำตอบ "เอาน่า เดินทางดีๆแล้วกัน ทำตัวดีๆด้วย เมื่อวานป้าโรซี่เขาบอกว่าแกไปทำกระถางบ้านเค้าแตก
ใช่หรือเปล่า?"
"เออน่า... ฉันไปละนะ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ออกวิ่งไปตามเส้นทางหินลูกรังที่ทอดไปยังท้ายหมู่บ้านอย่างร่าเริงตามวิสัยของคนอารมณ์ดีเป็นนิจ
ภาพของบุตรชายที่กำลังจะเดินจากไปเบื้องหน้า ยิ่งมองยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่ออดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
...ก็มันนี่ล่ะน้า... ซนยังกับลิง
เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากที่บุตรชายของตนเดินจากไป ในห้วงความคิดของไบรอัน คาเบลอส ก็แว่วเป็นคำพูดหนึ่งของคนในอดีตซึ่งกล่าวขึ้นเมื่อสิบสามปีที่แล้วภายในใจ
เพียงคำกล่าวเดียว... ที่ได้สร้างแผลใหญ่ในใจให้กับหัวอกของผู้เป็นพ่อ
...เพียงแค่คำกล่าวเดียว...
........................................
"เขาคือหนึ่งในผู้ถูกเลือก... ร่างของเขาใต้ผืนฟ้าแห่งนี้จะไม่ปลอดภัย...เหล่า ปิศาจจะออกตามล่าเขา"
"ชะตาของเขา มีแต่เขาเท่านั้นที่กำหนดได้! หมอดูสุ่ยๆอย่างท่านจะไปรู้อะไร"
"ท่านชักจะดูหมิ่นข้าเกินไปแล้วนะ! ได้โปรดเถอะไบรอัน... ปล่อยเขาไป เพื่อคนทั้งหมู่บ้าน ...และตัวท่าน"
"ไม่!! แม้จะต้องหนีไปจนสุดขอบฟ้า ข้าก็จะไม่ทิ้งเขา คนไม่มีหัวใจอย่างท่านไม่มีวันเข้าใจ"
...มิใช่ฟ้าดินลิขิต...
... แต่เป็นเขา... ที่ลิขิตชะตาตนเอง...
...........................................
"ฉับ!"
...เฮ้อ...
"ฉับ!"
............เฮ้อ............
"ฉับ!"
"...โอย พอ พอ พอ เบื่อจะแย่อยู่แล้ว ทำไมฉันต้องมาทนผ่าไอ้ท่อนไม้ซังกะบ๊วยพวกนี้อยู่ทุกวันด้วยนะ" คารอสบ่นอย่างหัวเสียกับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่เขาเองเผลอหลวมตัวไปตกลงรับมาปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวันนานกว่าสามอาทิตย์แล้ว
...เพราะเจ้าพ่อบ้านั่นแท้ๆเชียว...
แค่เพียงนึกถึงตอนนั้น...
"คารอส ต่อไปนี้แกต้องไปผ่าฝืนกับลุงริชาร์ดทุกวัน เข้าใจไหม"
"ทำไมล่ะพ่อ"
"เพื่อแกจะได้เรียนรู้ยังไงล่ะ"
เรียนรู้... เรียนรู้... เรียนรู้...
เวรกรรมจริงๆ...ไม่น่าหลวมตัวไปเชื่อไอ้คำพูดพล่อยๆนั่นเลย
หึย! แค่คิด... มันก็น่า... นัก!
"ฉับ!"
"ตายซะ ไอ้ท่อนไม้งี่เง่า! นี่แน่ะ!"
"ก็ไม่ใช่เพราะไอ้ท่อนไม้งี่เง่าพวกนี้เรอะที่ทำให้เธอได้ฝึกฝนอยู่ทุกวัน เด็กน้อย" เสียงเข้มของลุงริชาร์ดเรียกดวงตาสีน้ำเงินคู่โตของคารอสให้ชะงักกึก เมื่อเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ามีอีกคนยืนฟังอยู่ข้างหลังมานานแล้ว
ฝึกฝน! พูดออกมาได้ยังไงนะ!
ก็ไม่ใช่ไอ้ไม้พวกนี้เรอะ ที่ลุงไปเอาไปเผาถ่านกินตังอยู่ทุกวี่ทุกวัน!
ฝึกฝนรึ! แบบนี้เค้าเรียกว่าแรงงานทาสชัดๆ!
เจ้าคนที่เป็นแรงงานทาสนึกขึ้นอย่างขุ่นเคืองใจ ก่อนจะเอ่ยส่งถามคำถามชวนปวดหัวไปยังชายวัยกลางคนผิวคล้ำ ซึ่งยืนหัวโด่เด่อย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างหลังตนมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
"ถามจรึงเหอะลุง ไอ้ที่ฉันต้อง "ฝึกฝน" อยู่ทุกวันนี่... มันทำให้ฉันเก่งขึ้นตรงส่วนไหนบ้างเหรอ"
เขาเอ่ยเน้นคำว่า "ฝึกฝน" ขึ้นเป็นพิเศษ ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปมองยังเหล่าท่อนไม้เบื้องหน้าอย่างอเหน็ดอนาถใจ
"เธอยังเด็กนัก... โลกใบนี้ยังกว้างใหญ่ มีอีกมากมายที่ต้องเธอเรียนรู้" เสียงของลุงริชาร์ดแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นตามวิสัยของคนเจนโลก ก่อนที่จะว่าต่ออย่างเข้าเรื่องเข้าราว "ความจริงเธอก็ดูพัฒนาทุกส่วนนะ"
เยี่ยม... เห็นมั๊ยล่ะ... ฉันเก่งอยู่แล้ว
คารอสพยักหน้ายิ้มกริ่มกับคำชมเมื่อครู่ของลุงริชาร์ด โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าจะยังมีต่ออีกประโยค
"ยกเว้นก็แต่สมอง"
เอ... นั่นหมายความว่า... สมองเราไม่พัฒนางั้นหรอกรึ...
ทันทีที่ตีความคำพูดของลุงริชาร์ดออก อารมณ์ที่เพิ่งจะเริ่มสงบลงของคนสมองไม่พัฒนาก็กลับมาประทุอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวเริ่มหยิบข้าวของรอบด้านที่พอจะฉกฉวย ขว้างปาได้ไปยังลุงริชาร์ดปากเสียอย่างบ้าคลั่ง เป็นผลให้คนเจ้าปัญหาถึงกับเอี้ยวตัวหลบข้าวของที่ลอยละลิ่วผ่านอากาศมาแทบไม่ทัน แต่ไม่วายคารอสก็ยังคงดำเนินการขว้างปาข้าวของไปเรื่อยๆไม่มีหยุดยั้ง ไม่เว้นแม้แต่...
"เฮ้ยเจ้าหนู ดูดีๆ นั่นมันขวานนะ!"
ด้วยการพลั้งมืออันร้ายกาจของเด็กหนุ่ม ส่งผลให้ขวานเหล็กด้ามยาวที่เคยใช้ผ่าฟืนเมื่อครู่ลอยละลิ่วผ่านอากาศตรงไปยังลุงริชาร์ดผู้ซึ่งบัดนี้ยังยืนสงบนิ่ง ไม่มีแววตื่นตระหนกฉายอยู่บนดวงหน้าคมเข้มเลยแม้แต่น้อย
แล้วเจ้าคนมือไวก็เลือกที่จะปิดตาหลีกเลี่ยงการมองเห็นภาพหวาดเสียวตรงหน้า
...โอ้ว! ข้อหาฆ่าคนตาย...
....ชีวิตสิบสี่ปีอันสวยงามของฉัน...
....กลับต้องมีจุดจบที่คุกมืดหรือนี่!
ไม่ได้ๆ
เรารีบเอาศพไปซ่อนอำพรางคดีดีกว่า...
"เธอเป็นอะไรน่ะ คารอส"
"อ๊าก!!! ผี!!! อย่ามาหลอกฉันเลยลุง ฉันจะทำบุญทำทานไปให้ ไปสู่สุขติเถอะ ชิ่ว! ชิ่ว!"
เสียงเข้มของลุงริชาร์ดที่เอ่ยอย่างข้องใจกับการกระทำของคนตรงหน้าที่หลับตาปี๋มาเมื่อครู่ เป็นผลให้เจ้าคนใจปลาซิวถึงกับแหกปากร้องเสียงหลงอย่างตระหนกตกใจ
"ก็แหกตาดูซะก่อนสิ ฉันยังไม่ตายโว้ย คนเป็นๆดันมาแช่งให้เป็นผีไปซะนี่" ริชาร์ดพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนที่เจ้าฆาตรกรขวัญอ่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นทีละข้าง แล้วพ่นลมหายใจดังฟู่อย่างโล่งอก ดวงหน้าคมคายที่เคยดูซีดเผือดเมื่อครู่กลับมาเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลอีกครั้ง "อ่าว ยังไม่ตายก็ไม่บอกกัน เล่นเอาฉันตกใจแทบแย่เลย"
เจ้าตัวดีทำสีหน้าทะเล้นก่อนว่าต่อ
"เอ่อ... แล้วลุงรอดมาได้ไงเนี่ย นึกว่าจะตายไปแล้วซะอีก ...อ๊ะอ๊ะ อย่าบอกนะว่าท้องร้องรีบวิ่งไปหาข้าวกินซะก่อนเลยรอดมาได้ ...ฮั่นแน่"
"ฮึ! ยังจะมาทำพูดดีอีก" ริชาร์ดเอ่ยเสียงขรึม ก่อนจะทำทีแลซ้ายแลขวาสำรวจตรวจตราเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนแอบฟังพวกเขาอยู่
เขากวักมือเบาๆเรียกคารอสให้ขยับมาเข้าใกล้ ก่อนจะบรรจงเอ่ยเสียงกระซิบเบาๆลงบนใบหูของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่หลอกง่ายได้ที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมา
"...ที่ฉันรอดมาเพราะเคล็ดวิชาของฉันหรอกโว้ย"
ดวงหน้าทะเล้นของเจ้าคนหลอกง่ายเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อบัดนี้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววระริกๆอย่างสนใจใคร่รู้ในคำของลุงเจ้าของวิชา
"เคล็ดวิชาอะไรเหรอลุง?"
"....มันเป็นเคล็ดวิชาที่เธอจะต้องทุ่มเท... ช่าย..." ริชาร์ดว่าพลางพยักหน้าช้าๆ
"ในการเรียนรู้ และฝึกฝน"
...ฮ้า... เรียนรู้...และฝึกฝนงั้นรึ...
...คำอันตรายสองคำนี้... ทำให้เขาต้องมาทนลำบากตรากตรำทำงานเยี่ยงทาสอยู่ทุกวัน...
คำสองคำ... จากคนที่ไว้ใจได้ยากที่สุด...
...เอาน่า... ลองเชื่อดูสักครั้ง อาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้...
"
ตกลง ฉันจะเรียนกับลุง แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ"
ริชาร์ดหรี่ดวงตาคมเข้มของเขาไปยังเด็กหนุ่มอ่อนประสบการณ์เบื้องหน้า
...ติดกับฉันแล้ว... หนุ่มน้อยเอ๋ย
"แค่เริ่มจาก... เธอจะต้องผ่าฝืนให้ฉันหนักขึ้นอีกเป็นสองเท่านานสามอาทิตย์ คงไม่ยากไปสำหรับเธอหรอกใช่มั๊ย?"
"ฉับ!" (อีกครั้ง)
...สองเท่า... ฮึ่ม...
"ฉับ!"
...โง่อีกแล้ว... เอาคอพาดเขียงเองแท้ๆ... แฮ่...
"ฉับ!"
...ตอนแรก... ก็นึกว่าจะให้มาผ่าฟืนมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า...
...แต่นี่มัน...
"อ๊าก!!! ทนไม่ได้แล้วโว้ยยยย!!!" คารอสกรีดเสียงร้องอย่างโหยหวนให้กับชะตากรรมอันแสนเลวร้ายของตน เมื่อเงื่อนไขอันง่ายแสนง่ายกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเลยแม้แต่น้อย
เวลาของบ่ายวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ให้หลวมตัวคำสัญญาบ้าๆ คารอสก็ออกเดินเท้าผ่านทางลูกรังอย่างลำบากลำบนมาถึงลานหน้าบ้านของลุงริชาร์ดที่ท้ายหมู่บ้านเป็นกิตวัตรประจำวัน แต่แล้ว วันนี้เขาก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า เมื่อลุงริชาร์ดนำขวานอันใหญ่ยักษ์ยาวกว่าสองเมตรครึ่งยื่นส่งให้เขาอย่างมีเลศนัยน์
คารอสรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่ลุงริชาร์ดยื่นให้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยถาม แค่เพียงเท่านั้นแหละ
"นี่อะไรเหรอลุง เอามาให้ฉันทำไม"
"อ๊ะ นี่ขวานใหม่ที่เธอต้องใช้ผ่าฟืนไงล่ะ ที่ฉันว่าสองเท่ามันก็ต้องรวมทั้งขวานด้วยสิวะ หรือฉันไม่ได้บอกเธอหรอกเรอะ ฮะฮ่ะฮ่ะ"
...ฮึ่ม... แฮ่...
...สองเท่า... สองเท่า... ฮึ่ม...
"ตาลุงบ้า!!! โอ้ย! เจ็บจริงโว้ยยย!!!" ด้วยความโง่เขลาของตัวเขาเอง คารอสจามขวานระบายอารมณ์ไปยังท่อนไม้ท่อนใหญ่เบื้องหน้า ก่อนที่ขวานด้ามยักษ์จะสะบัดเศษไม้กระเด็นขึ้นไปบาดลงที่หลังมือ
ไอ้ขวานเฮงซวย!
เอ๊ะ... แต่จริงๆจะโทษขวานก็คงไม่ถูก... เพราะเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากลุงริชาร์ดนั่นแท้ๆเชียว!
ริชาร์ด! ริชาร์ด! ฉันจะต้องแก้แค้นนายให้สาสมกับที่นายทำกับฉัน!
"ฮะฮ่า นี่เจะบ่นหาไปหาสวรรค์วิมานอะไรนักหนาเล่า เธอก็ทำมาได้ตั้งสองอาทิตย์แล้วนะ โอย... เหอะน่า เหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะครบตามสัญญาแล้ว เอาล่ะ รีบทำจะได้รีบเสร็จ เร็วเข้า! ฮุยเลฮุย ฮะฮ่ะฮ่ะ" คุณลุงเจ้าปัญญาเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ แต่คำดังกล่าวกลับกระทบโดนคนตรงหน้าอย่างเจ็บในใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยย้อนอย่างเสียไม่ได้ส่งให้คุณลุงปากเสีย "ถามจริงเหอะ ไอ้วิชาลุ่นๆ ของลุงนี่มันจะได้ผลจริงเร้อ ฉันว่ามันไม่เห็นจะเข้าเลยท่านะ"
"วะ ฉันมันระดับปรามาจารย์เชียวนะโว้ย แล้วแกจะเห็นเอง"
คำพูดดังกล่าวเรียกให้คารอสชักสีหน้าขรึม ก่อนจะขยับยิ้มน้อยๆขึ้นอย่างสื่อความหมาย
"อีกไม่นานหรอก เราจะได้รู้กัน มิสเตอร์ริชาร์ด ราเซฟ"
"แน่นอน เบอรี่เดอพินช์"
...เบอรี่... เบอรี่เดอะพินช์
...ใครๆก็เรียกเขาอย่างนั้น...
...................................................
..จบตอน..
ความคิดเห็น