ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Moon Master : จ้าวแห่งจันทรา

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter #1 องครักษ์แห่งป่ามืด

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 49



    Chapter #1 องครักษ์แห่งป่ามืด



             "เบอรี่..... ตื่นเถอะ"

              โอย เช้าแล้วเหรอ น่าเบื่อจริงเลย กำลังหลับสบายแท้ๆเลยเชียว

              …ว่าแต่ ฟ้ายังมืดอยู่เลยนี่ ต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง…

              "เบอรี่.... ตื่นสิ เจ้าขี้เซา…."

              …เออน่า ตื่นแล้ว น่ารำคาญจริง ฉันตื่นแล้วน่า…

              "เบอรี่! ตื่นนนนโว้ยยยยยยย!" คราวนี้ไม่ใช่แค่เพียงเสียงกระซิบปลุกของเด็กหนุ่มที่ฟังนุ่มหู แต่กลับเป็นเสียงตะโกนแหกปากลั่นราวกับจะเรียกประชุมฝูงสัตว์ป่า จน "คนขี้เซา" ถึงกับสะดุ้งเฮือก ลุกพรวดจากกองใบไม้ที่ใช้อาศัยเป็นที่หลับนอนตลอดทั้งคืน ความง่วงที่มีดูเหมือนจะถูกสลัดทิ้งไปโดยปริยาย

              "เออน่า ฉันตื่นแล้ว นายตะโกนแบบนี้เดี๋ยวเจ้าเมอเรียลก็ตื่นซะหรอก" เบอรี่พูดด้วยท่าทีแกมเบื่อหน่าย แถมไม่วายกล่าวพาดพิงไปถึงสหายร่วมทางอีกคน
     ภาพแรกในยามเช้าตรู่ของวันที่ปรากฏแก่สายตาของเบอรี่ คือเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทางอีกคนซึ่งมีผิวสีขาวเหลืองสว่างดูมีเอกลักษณ์ ตาและผมมีเฉดสีเดียวกันคือดำสนิทตัดกับสีผิว รูปร่างกำยำสมวัยของเด็กหนุ่มกำลังจัดเตรียมของเพื่อจะเริ่มเดินทางกันต่อไป

             ในสายตาของเบอรี่มองว่า ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของ "ลิชท์" มักจะฉายแววเศร้าหมองเสมอ แต่เมื่อเอ่ยถามถึงสาเหตุทีไร ก็มักจะได้คำตอบเป็นความเงียบทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาลองถามคาดคั้นเอาคำตอบจากเด็กหนุ่ม ชั่วครู่หนึ่งดูคล้ายๆจะมีหยาดน้ำใสๆคลออยู่บนหน่วยนัยน์ตาแข็งกร้าวคู่นั้นจนต้องเบือนหน้าหนีไป "ไม่มีอะไร" เป็นเพียงคำตอบของคำถามที่เขาอยากรู้เหลือเกิน สุดท้ายก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะมีอะไรที่จะทำให้เด็กหนุ่มผู้ร่าเริงอยู่เสมอคนนี้หม่นหมองไปได้

              "ใครจะเหมือนนายล่ะ เมอเรียลเขาตื่นตั้งนานแล้ว" ลิชท์ว่าไปพลางจัดข้าวของไป ดูสีหน้าท่าทางจะยุ่งเอาการ แต่ยังไม่วายสอดส่ายสายตามองหา"เมอเรียล"เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทางอีกคนซึ่งบัดนี้ดูเหมือนจะออกไปสำรวจพื้นที่รอบๆที่พักอาศัยเป็นกิจวัตรยามเช้า

             ในหมู่พวกเขาสามคนดูเหมือนจะเป็นเมอเรียลที่พึ่งพาได้มากที่สุด มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของตัวไลเคนสีเขียวอันน่าสะอิดสะเอียน ที่จู่ๆก็กรูกันเข้ามาจากที่ไหนสักแห่งในความมืด ในชั่ววินาทีที่พวกมันย่างกรายเข้ามา… ใช่… ในชั่ววินาทีแห่งความตาย! เด็กหนุ่มกล้าหาญอย่างเมอเรียลก็เดินย่างเท้าตรงไปยังพวกไลเคนที่ล้อมวงอยู่อย่างอาจหาญ แต่ก่อนที่จะเข้าปะทะกับเหล่าพืชเดินได้ตัวเขียว เมอเรียลก็หันหน้ากลับมาบอกเขากับลิชท์ว่า "พวกไลเคนไม่ทำอันตรายคนหรอก" เท่านั้นแหละ เขากับลิชท์ถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นด้วยความโล่งใจ แต่ถึงแม้เจ้าเมอเรียลมันจะเป็นคนช่วยเขาไว้ก็ตามที เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดน้อยๆกับให้กับมันเมื่อนึกถึงเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นนี้ 

             …ให้ตายเถอะ รู้แล้วก็ดันอมไว้ซะคนเดียว เล่นเอาเขาสองคนตกใจเกือบตาย…

              "เมอเรียลหายไปไหนแล้วเนี่ย"

              "อยู่นี่น่ะ"  เสียงดังมาจากเบื้องหลังทำให้ลิชท์ต้องชะงักหันกลับไปมองยังต้นเสียง พร้อมกับที่เจ้าของร่างที่ก้าวพ้นออกจากโขดหินที่เป็นฉากบังอยู่ ปรากฏเป็นร่างเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทางอีกคน ผิวสีขาวอมชมพูดูโดดเด่นส่องแวววาวเป็นรัศมี ผมสีเงินเป็นประกายฉายสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเช้า

             ดวงตาสีเงินแบบเดียวกับเส้นผมกวาดมองมายังร่างเพื่อนร่วมทางที่เหลืออีกสองคน ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปยังทิศทางที่เขาเพิ่งได้ไปสำรวจมา

              ความสามารถพิเศษผิดมนุษย์อีกอย่างหนึ่งของเมอเรียลคือมีประสาทหูและดวงตาเป็นเลิศ แต่ดูเหมือนไอ้ความสามารถพิศดารอันนี้จะเป็นภัยกับเบอรี่ผู้ถนัดการซุบซิบซะมากกว่า 

             มีหลายครั้งที่เบอรี่พูดนินทาเมอเรียลให้ลิชท์ฟังอย่างออกรส แต่เด็กหนุ่มผู้ซึ่งเวลานั้นยืนอยู่ห่างจากวงสนทนาเป็นโยชน์ กลับทำท่าทีราวกับรับรู้เรื่องราวที่เขาเพิ่งเล่าให้ลิชท์ฟังไปด้วย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับดวงตาสีเงินนั้นมักจะมองมาทางเขาอย่างรู้ทันเสมอ

              …มีอะไรบ้างที่เจ้าบ้าเมอเรียลคนนี้จะไม่รู้ทันฉันบ้างละเนี่ย… เฮ้อ…

              "ฉันว่าแถวนี้น่ากลัวชอบกลนะเมอเรียล มีกลิ่นอายของสัตว์ร้ายแฝงอยู่เต็มไปหมด" เสียงของลิชท์ส่อแววกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
    อาจเป็นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีสัตว์ร้ายแฝงตัวอยู่ทุกที่ เขาจึงต้องระวังตัวอยู่เสมอ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ยัง…. 

             …นอน… 

             …อีกแล้ว…. 

             "เบอรี่ นายนี่ขี้เซาจริง ตื่นได้แล้ว" 

             ลิชท์ลอบถอนใจกับการกระทำเด็กหนุ่มเบื้องหน้า

             เผลอแปปเดียวมันก็แอบลงไปงีบหลับรวมกับกองใบไม้ที่ใช้ต่างเตียงนอนเมื่อคืนอีกแล้ว เขานึกขึ้น พลางมองไปยังผมสีเหลืองอ่อนของเด็กหนุ่มเบอรี่ซึ่งปลิวล้อเล่นกับสายลมในยามเช้า

              "เออน่า ฉันพักผ่อนเอาแรงน่ะ จะได้มีแรงไปรบกับไอ้พวกสัตว์ป่าบ้าเลือด ที่ร้อยวันพันปีก็ไม่มีจะโผล่หน้ามาให้เห็นสักครั้ง" เบอรี่พูดงัวเงีย ดวงตาสีน้ำเงินคู่โตส่อแววเบื่อหน้าอย่างเป็นที่สุด "ถึงพวกมันจะโผล่มาก็มีส่วนดีอยู่บ้างหรอกนะ ดาบฉันจะได้ไม่ขึ้นสนิมในเร็ววันนี้"

              "พอเจอเข้าให้ นายก็เผ่นก่อนเพื่อนทุกที" เมอเรียลพูดอย่างรู้ทัน ทำให้คนชอบหนีหันมาทำตาขวางใส่พร้อมเชิดหน้าใส่ ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับกิจกรรมงีบหลับในยามเช้าอย่างสบายอารมณ์

              "เดี๋ยวฉันไปหาไม้กับขนนกมาทำลูกธนูก่อนนะ พวกนายรอเดี๋ยว" เมอเรียลว่า แต่ก่อนที่ออกเดินเท้าจากไป ยังไม่วายเบือนหน้ากลับมาว่าเจ้าคนขี้เซาที่นอนได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น "ระวังเถอะ เบอรี่ ถ้านอนมากๆเดี๋ยวฉันจะเอานายไปเป็นอาหารพวกหมาป่าซะให้เข็ด ได้ข่าวว่าพวกมันชอบกินคนเป็นๆ… สดดี"

              "นายนั่นแหละคนแรก เจ้าบ้าเมอเรียล" เบอรี่โต้กลับอย่างเสียไม่ได้
    แต่ถึงตัวคนวางคำขู่กองโตจะเดินจากไปแล้ว เจ้าตัวคนกล้าที่เมื่อครู่ยังเถียงคำไม่ตกฟากกลับรีบลุกจากที่นอนพร้อมเก็บข้าวของของตนเองที่วางไว้อย่างกระจัดกระจายบนพื้นลานหินทันที

             "เฮ้ย ดาบฉัน ดาบๆๆๆๆ อยู่ไหนวะ ดาบๆๆ ลิชท์ นายเห็นดาบฉันหรือเปล่า ดาบๆๆ" เสียงเบอรี่ผู้ทำของหายเป็นประจำส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายผ่าความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับกวาดสายตามองหาดาบคู่กายของตนอย่างกระวนกระวายใจ แต่ไอ้นิสัยการทำของหายเป็นประจำอย่างนี้ของเบอรี่ กลับกลายเป็นความเคยชินของเพื่อนร่วมทางที่เหลือไปแล้วโดยปริยาย

              "ดาบนายเหรอ…"

              ลิชท์มองหาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำสีหน้าปลงอนิจจัง

             " ก็อยู่ในมือนายนั่นไง"

             …แป่วว.. เป็นงั้นไป

              "อ่าว เหรอ ขอบใจ… นายนี่พึ่งได้เสมอล่ะ"

             …เฮ้อ…. นี่ล่ะ เบอรี่ตัวจริงเสียงจริง

             ลิชท์รู้สึกขบขันกับการกระทำเมื่อครู่ของสหายร่วมทางคนนี้เป็นอย่างยิ่ง

             …เขาจะต้องคบมันไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย! ถึงจะรู้จักนิสัยของมันดีพอ…

              "เจ้าเมอเรียลนี่โง่จริงนะ ไม่รู้จักใช้ดาบเหมือนพวกเรา ลูกธนูก็ไม่ต้องใช้ ร้อยวันพันปีก็ไม่มีพัง" เบอรี่พูดหงุมหงิมพึมพำอยู่คนเดียวตามประสาคนอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว เขาก็ลงมือดึงเอาผ้าขี้ริ้วผืนเก่าคร่ำคร่าจากก้นกองสัมภาระทั้งหลายทั้งปวงขึ้นมาเช็ดดาบคู่กายจนเงาวับ ถึงแม้ว่าดาบเล่มนี้จะไม่ค่อยได้ออกใช้งานตามหน้าที่ของมันเลยก็ตาม แต่ตามประสาผู้ที่เห็นคุณค่าของดาบอย่างเบอรี่ก็ไม่ควรจะปล่อยละเลยจนดาบคู่กายเล่มงามสนิมกินเกรอะกรังเสียไปก่อน


     
             "ฟิ้ววววว……."

              …ลมหนาว…

              …อีกแล้วสินะ…

              ลมหนาวอีกแล้ว…. ลิชท์นึก 

             เสียงลมหวีดหวิวโบกพัดต้อนรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง ใบไม้กับต้นหญ้าริมทางต่างโบกไหวลู่ไปตามแรงลมพัดอย่างเคย ราวกับจะล้อเล่นกับลมแรง… 

             …ดูเหมือนจะไม่เคยมีเรื่องใดที่ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าเหล่านี้ต้องทุกข์ใจได้เลย…

             ยามนี้นับเป็นช่วงเวลาที่อากาศดีที่สุดของปี ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป อบอุ่นกำลังพอดีพอเหมาะสำหรับสิ่งมีชิวิตทุกชนิดในผืนป่าอันกว้างใหญ่แห่งนี้

              …อย่างว่า อากาศก็คืออากาศ ต้นหญ้าก็คือต้นหญ้า…

              หลายครั้งที่เขานึกอยากจะเป็นอย่างพวกมัน ไม่ต้องมาทุกข์ร้อน ไม่ต้องมากังวลใจกับเรื่องอะไรทั้งสิ้น

             แต่ถ้าได้เกิดไปเป็นต้นหญ้าไปเสียจริงๆ

             …ก็คงจะต้องถูกเหยียบย่ำ…  ถูกสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร… โดยไม่มีทางใดที่จะตอบโต้ได้เลย

             …ถ้าเกิดเป็นนกล่ะ…

             …เฮ้อ… เป็นนกก็คงต้องถูกพวกนายพรานโหดเหี้ยมทั้งหลายล่าไปเป็นอาหารอยู่ดี…

             ไม่ว่ายังไง เกิดเป็นคนก็ย่อมดีกว่าวันยังค่ำ…

             มีชีวิตก็ต้องดิ้นกันต่อไป…

              ….ชีวิตหนอชีวิต…

               ฤดูแห่งความหนาวเย็นที่หอบเอาลมหนาวเหล่านี้พัดหวนมา ช่างเวียนมาครบรอบได้รวดเร็วเหลือเกิน ถ้าจำไม่ผิด ลมพวกนี้ต้องพัดมาจาก "เอจจีเนีย"  ผืนป่าใหญ่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือ ดินแดนแห่งบ้านเกิดอันแสนอบอุ่นที่เขาจำต้องเดินทางร่อนเร่จากมานับแรมปี 

             …ถึงว่า… ลมพวกนี้มีกลิ่นอายแห่งความหลังแฝงอยู่อย่างมากมายนัก ลมหนาวมักจะทำให้เขาคิดถึงเรื่องในอดีต

             …กับคนในอดีต… 

             เรื่องราวเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกอุ่นใจได้เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน มันกลับทำให้เขาหนาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย

              "ลิชท์ นายเป็นอะไรไปน่ะ" เขาผงะจากฝันกลางวันทันทีเนื่องจากเสียงพูดของคนที่นั่งอยู่ข้างๆตัว

             เขาหันไปมองเบอรี่ พร้อมกับเลิกคิ้วน้อยๆให้เป็นเชิงถาม ก่อนที่เบอรี่จะตอบอย่างเสียไม่ได้

             "อ้อ เปล่า เห็นนายเงียบๆไปน่ะ ฉันพูดอะไรนายไม่ยักตอบ"

              "เปล่านี่ ไม่มีอะไร… ว่าแต่นายว่าอะไรเหรอ" ลิชท์ถามอย่างงุนงง ท่าทาง
    เหมือนคนเพิ่งตื่นจากฝันกลางวันไม่มีผิด

              แต่เบอรี่ที่สังเกตเพื่อนผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อครู่ กลับบังเกิดคำถามหนึ่งขึ้นภายในใจ

              …มันเป็นอะไรไปนี่…

              …ลิชท์คนเมื่อครู่… กับคนนี้…

              …ราวกับคนละคนเลย…

              ถ้าเขาไม่ได้หูฝาดไป เมื่อครู่ แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่น้ำเสียงของลิชท์กลับฟังดูเศร้าหมองจนน่าใจหาย ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ของเจ้าตัวก็ตาม 

             …แต่ยังเทียบไม่ได้กับดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น…

             … ฉายประกายความหม่นหมอง.. 

             …หม่นหมองซะจน… น่ากลัว…

             "นายดูบ๊องๆนะ ลิชท์"

             "หืม?"

             "โอ้ เปล่าหรอก" ความคิดของเบอรี่เมื่อครู่ออกจะเสียงดังไปหน่อยจนทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงมุ่นคิ้วอย่างสงสัย ส่งผลให้คนคิดดังต้องรีบร้อนพูดเอารอดไว้ก่อน "ฉันแค่สงสัยว่า เจ้าเมอเรียลทำไมไม่ใช้ดาบเหมือนอย่างเราน้า" เบอรี่ว่าพลางทำสีหน้าขบคิด แต่ในความคิดของลิชท์มันน่าขบขันซะมากกว่า กับการที่เจ้าตัวกวนไม่เคยเอาสมองไปคิดเรื่องอื่นที่มีสาระกับเขาสักที

             "ถ้านายเอาเวลาสักครึ่งหนึ่งที่เอาไปคิดเรื่องไร้สาระพรรณนั้นมาฝึกดาบ หรือฝึกธนูอย่างเมอเรียล นายคงเป็นสุดยอดนักดาบหรือนักธนูไปแล้วล่ะ" ลิชท์ว่าเสียงกลั้วหัวเราะ เป็นผลให้เจ้าตัวดีทำท่าทางครุ่นคิดซะยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก

             …งานนี้มันคงได้ความคิดประหลาดขึ้นมาอีกชิ้นสองชิ้นแหง…

             "ความคิดเข้าท่า งั้นขอฉันลองดาบกับนายคนแรกละกัน" 

             …เอื้อก… ว่าแล้วมั้ยล่ะ…

             ไม่ทันที่จะได้ว่าความอะไร การลงดาบแรกในรอบหลายวันของเบอรี่ก็เริ่มขึ้นโดยใช้เจ้าคนต้นคิดเป็นหุ่นไม้ลองดาบตัวแรก จนเจ้าหุ่นไม้ลองดาบผู้ได้รับเกียรติถึงกับสะดุ้งเฮือกยกดาบขึ้นกันตัวแทบไม่ทัน ก่อนจะแยกเขี้ยวให้คนลงดาบจอมมือไว

              "เจ้าบ้า ฉันพูดเล่นโว้ย" ลิชท์พูดกลั้วหัวเราะความความบ้าบิ่นของคนตรงหน้าซึ่งดูมีสีหน้าขบขันมากกว่าทำจริงๆจังๆ "นายพูดเล่นฉันเอาจริงว่ะ"

             ….แบบนี้ละน้า เจ้านี่เดาใจยากเสมอ…

             ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเบอรี่ส่งมายังลิชท์อย่างสื่อความหมาย ก่อนที่ลิชจะว่าต่ออย่างไม่ยอมแพ้

              "น่าสนุกเหมือนกัน"

              โดยมิได้นัดหมาย ทั้งสองพร้อมใจกันก็กระโดดลุกขึ้น แล้วเริ่มลงมือปะทะฝีดาบกันอย่างออกรสเป็นกิจกรรมยามว่างคลายเครียดอย่างไม่ค่อยมีเด็กหนุ่มคนไหนในโลกคิดจะทำกัน "ลิชท์ นายเอาจริงได้แค่นี้เหรอ" 

             แม้ในยามประฝีดาบที่อันตรายถึงชีวิต เบอรี่ก็ยังไม่วายแหย่ลิชท์ผู้เป็นเพื่อนร่วมทางเล่นอย่างสนุกปาก แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว หมอนี่มันแหย่ได้ทุกสถานการณ์อยู่ดี "ฉันเอาจริงละนะ ย๊ากกกกซ์!"

              "เปร้งงงง!"

              "แป๊ก!"

              "แก๊งงง!"

              "ว๊ากกก! นี่แน่ะ!"

              "หึย! ดูนี่ซะก่อน!"

              "แปร๊งงง!"
              เสียงการประทะที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณกับการต่อสู้อันหาดูยากดังกล่าว เรียกความสนใจจากดวงตาสีเงินของเมอเรียลให้มาเพ่งพิศกับภาพประหลาดเบื้องหน้า

               …การต่อสู้ของพวกที่ออกปากว่า "รักสันติ" อย่างออกนอกหน้า…

              "ไม่มีตัวอะไรให้สู้ด้วยก็มาตัดกำลังกันเองนะ พวกนายสองคนนี่" เมอเรียลว่ามาแต่ไกลอย่างขบขันกับกิจกรรมฟันดาบยามว่างของสหายร่วมทางทั้งสองคน ซึ่งมีให้เห็นไม่บ่อยนัก พร้อมกับที่ทั้งสองหยุดการต่อสู่ชั่วคราวลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า  ก่อนจะส่งเสียงระเบิดหัวเราะปนหอบหายใจอย่างสนุกสนานกับการกระทำของตนเอง

              เมอเรียลเดินเข้ามาดูใกล้ๆเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝันไปกับภาพที่เห็น

              …ท่าจะบ้า เมื่อกี๊ยังตีกันอยู่เลย… เฮ้อ…

              …ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้ามันดี…

              "แหกๆๆ ฮ่าๆๆ เมอเรียล แหกๆๆ เป็นไงบ้าง ได้เรื่องหรือเปล่า ฮ่าๆๆ" เสียงพูดหัวเราะปนหอบหายใจอย่างลำบากดังออกมาจากปากเบอรี่ "โอย แหกๆๆ หายใจไม่ออก ฮ่าๆๆ"

             "แย่ แย่ แย่มาก" เมอเรียลว่าอย่างมีลับลมคมในอย่างเคย แต่คงไม่มีใครเอาไปคิดให้เมื่อย ในเมื่อลิชท์เป็นผู้เอ่ยถามเอาคำตอบไปแล้ว "แย่ยังไงของนายล่ะ แหกๆๆ"

              "แป๊ก!" เสียงหักของกิ่งไม้ในมือมือ ก่อนเมอเรียลจะว่าต่ออย่างทีเล่นทีจริง

             "บรรยากาศในป่าแห่งนี้อับชื้นจนน่าประหลาด ทำให้กิ่งไม้ที่เพิ่งหักมาจากต้นผุเร็วกว่าปรกติ แล้วฉันมันก็พวกอนุรักษ์นิยม ไม่ชอบหักเอาจากต้นซะด้วย" เมอเรียลเว้นวักชั่วครู่ ก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า "แถมแถวนี้ไม่มีนกเลยสักตัว นี่ไม่ใช่แค่นกนะ แม้แต่แมลงสักตัวยังไม่มีเลย พวกนายว่าแปลกไหมล่ะ"

              …ไม่มีนก…

              …แมลงก็ไม่มี…

              …หรือว่า…

              เบอรี่ที่ดูเหมือนจะหายเหนื่อยแล้วชักสีหน้าครุ่นคิดพลางขมวดคิ้ว "หรือจะมีปีศาจ" 

             เขาเผลอหลุดปากออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เป็นผลให้เพื่อนทั้งสองหันขวับมามองเขาเป็นตาเดียว

             "นายอย่าพูดอกุศลแบบนั้นสิ เบอรี่ แถวนี้เคยมีปีศาจที่ใหน จะมีซักหน่อยก็แค่พวกสัตว์ป่า… เท่านั้นเอง… จริงมั้ย" ลิชท์ว่าต่ออย่างไม่แน่ใจ แต่น้ำเสียงส่อแววจริงจังอย่างเห็นได้ชัด

             …คงงั้นมั้ง… เบอรี่คิดในใจ

             …ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้เขาไม่เคยเจอมาก่อน…

             …เพียงแต่มันน่ากลัว… เสียจนไม่อยากนึกถึง…

             "เราล่าช้าไปมากแล้ว" เสียงของเมอเรียลผ่าความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาสหายร่วมทางทั้งสองหลุดจากห้วงความคิดไปโดยปริยาย ก่อนเขาจะรีบว่าต่อ "รีบออกเดินทางกันเถอะ"

              "เฮ้ย ดาบๆๆๆๆ ดาบฉัน"

              …เอาอีกแล้ว…

              "ก็อยู่ในมือนายไง มุขล่ะสิเนี่ย"

              "ไม่ใช่โว้ย ดูนี่ๆ" เบอรี่ว่าพลางดึงปกคอเสื้อเจ้าคนที่อยู่ใกล้ๆให้เข้ามาเบิกตาดูชัดๆถึงสาเหตุที่แท้จริง ก่อนจะส่งเสียงเรียกอีกคนที่ไม่มีท่าทีสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า "เมอเรียล นายมาดูนี่สิ"

              ทับทิมประกายแวววาวสีแดงเข้มที่ประดับอยู่บนด้ามจับดาบของเบอรี่…

             ทับทิมที่เคยมีสีเข้ม… บัดนี้กลับส่องแส่งสว่างจ้าอย่างเห็นได้ชัดแม้ในยามสว่างแจ้ง ทำเอาลิชท์กับเมอเรียลถึงกับผงะกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า

              ดาบของเบอรี่มีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ… ถ้าหากมีกลิ่นอายของปีศาจปรากฏอยู่ใกล้ๆ ทับทิมสีแดงเข้มที่ฝังบนด้ามจับอยู่จะโชนแสงสว่างจ้าขึ้นมาทันที แต่ที่ผ่านมา… ไอ้ฟังชั่นตัวนี้ไม่เคยถูกลองใช้งานสักครั้ง

              …ไม่สิ… มันเคยถูกลองมาแล้วครั้งหนึ่ง…

              เบอรี่รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนจะมาคิดแก้ปัญหากับสถานการณ์ตรงหน้าที่เร่งด่วนกว่ากันหลายเท่าตัว

              "นายคิดว่าไง… เมอเรียล…" เสียงของเบอรี่ส่อแววตกใจอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเป็นได้ไม่นาน "…สวยดีมั๊ย"

              ลิชท์เผลอระเบิดหัวเราะพรืดกับคำพูดผ่อนคลายสถานการณ์ของเด็กหนุ่มตรงหน้า

              …ยังจะมาทำตลกอีก …เฮ้อ…

              "ก็สวยดีนะ เสียอย่างเดียว ทับทิมบ้านฉันสวยกว่าเยอะ" เมอเรียลว่าพลางหัวเราะเครียดๆ 

              …เอ้า… เป็นกันไปอีกคน…

             "นายล่ะว่าไง" เบอรี่เอ่ยถามขอความเห็นจากเพื่อนผู้ซึ่งลงเรือรั่วลำเดียวกันอีกคนบ้าง

              "ฉันว่า…."

              "วี๊ดด…." ยังไม่ทันจะได้ต่อความอะไรอีก เสียงแหลมสูงก็ถูกส่งออกมาจากเม็ดทับทิมเบื้องหน้า พร้อมกับตัวดาบที่สั่นกึกๆราวกับสิ่งมีชีวิต เรียกสายตาของคนรอบด้านให้หันมาเพ่งพิศอยู่กับมันอย่างประหลาดใจ

              "จ๊ากก!" เสียงร้องแหลมสูงอย่างตื่นตระหนกถูกส่งออกมาจากปากของเบอรี่ ก่อนที่เขาจะทิ้งดาบประหลาดเล่มนั้นลงสู้พื้นเบื้องหน้า เป็นผลให้เพื่อนทั้งสองชะงักมามองคนที ดาบทีอย่างฉงน

             "ร้อนชะมัดเลย!" เจ้าตัวว่าพลางสะบัดมือเร่าๆ ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อมองไปยังดาบที่ตนเพิ่งจะทิ้งลงไปเบื้องหน้า

              …อะไรกัน! สีแดงยังกับถูกไฟเผาแน่ะ…

              ดาบที่เจ้าตัวคนถือบอกว่าร้อนเมื่อครู่ บัดนี้มันดูเกินกว่าคำว่าร้อนหลายขุมนัก เมื่อตัวดาบมีสีแดงสว่างจ้าราวกับเหล็กหลอมที่เพิ่งถูกเอาไปเผาไฟร้อนๆ

              เขาหันขึ้นมาสบตากับเพื่อนร่วมทางทั้งสอง ก่อนจะมุ่นคิ้วเป็นเชิงถามกับภาพประหลาดเบื้องหน้า แต่เด็กหนุ่มทั้งสองกลับมีสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน

             ฉับพลัน!
             บรรยากาศรอบด้านที่เคยสงบกลับเปลี่ยนแปลงไปน่าอย่างประหลาด เมื่อลมที่เคยโบกพัดเอื่อยๆรอบตัวกลับค่อยๆรุนแรงขึ้น จนบังเกิดเป็นคลื่นพายุลูกใหญ่ หอบเอาเอาทั้งเศษฝุ่นดินและเศษใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วอาณาบริเวณ 

             ด้วยแรงลมมรสุมเบื้องหน้า ต้นไม้ใหญ่ที่เคยดูแข็งแรงอยู่เมื่อครู่กลับพากันเอนไหวลู่ไปตามแรงลมอย่างบ้าคลั่ง บางต้นที่ทานแรงลมไม่ไหวก็ต่างพากันถอนรากถอนโคนหักโค่นระเนระนาดกันไปตามระเบียบ ท้องฟ้าที่ยังสว่างสดใสอยู่เมื่อครู่ กลับเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกเมฆดำที่ลอยมาเป็นม่านฉากปิดกั้นแสงอาทิตย์จนมืดมิดไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า

             "ซ่า…." เสียงฝนห่าใหญ่สาดซ่าลงมาจากกลุ่มเมฆดำเบื้องบนอย่างไม่เกินความคาดหมายของเขาทั้งสามนัก

             "เฮ้ยๆ ของเปียกหมดแล้ว รีบเก็บรีบไปกันเถอะ" เสียงของเมอเรียลผู้เพิ่งจะได้สติเป็นคนแรก ตะโกนแข่งกับเสียงลมฝนรอบด้านเพื่อบอกเร่งเพื่อนทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะยังงุนงงกับเหตุการณ์ประหลาดเบื้องหน้าไม่หาย

             "..ยะเยี่ยม ดะดาบฉันหายร้อนแล้ว" น้ำเสียงดีใจตะกุกตะกักของเบอรี่เป็นผลมากจากลมพายุที่หอบเม็ดฝนเม็ดใหญ่เข้าปากจนสำลัก แม้ตอนนี้เม็ดทับทิมจะยังคงเปล่งแสงจ้าอยู่  เขาก็จำต้องรีบคว้าดาบคู่กายขึ้นสะพายไปเก็บไว้ข้างหลังก่อนอยู่ดี

             ทั้งใบหน้าและลำตัวของพวกเขาทั้งสาม บัดนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนจากลมพายุหอบใหญ่ที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ทั้งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลให้พื้นที่รอบๆด้านที่เคยแห้งผากกลับเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทุกวินาทีสร้างความลำบากอย่างยิ่งให้แก่เด็กหนุ่มทั้งสาม
             "…ยะอยู่นี่ ฝะฝนไม่ตกมา ละหลายปีแล้ว ..ละแล้วนี่มางะไงเนี่ย" เสียงลิชท์ตะโกนกึ่งบอกกึ่งถามไปยังเพื่อนร่วมทางทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะพร้อมเดินทางแล้วในขณะนี้

             "ครืน!!!" 

             สายฟ้าลูกใหญ่แหวกอากาศพุ่งลงมาประทะต้นไม้เบื้องหน้าที่อยู่ห่างพวกเขาไม่เกินร้อยเมตร เป็นผลให้ต้นไม้อัปโชคต้นนั้นแหวกกลางลำ ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกโชนบนลำต้นและกิ่งก้านที่แผ่กว้างแม้ในยามเปียกฝน

             ผลพวงจากอสุนีบาตเมื่อครู่ ดูเหมือนสร้างความตระหนกตกใจไม่น้อยแก่สามสหาย ก่อนที่เมอเรียลจะรวบรวมสติเพื่อบอกเร่งเร้าเพื่อนทั้งสองให้รีบออกเดินทาง

             "ฉันว่าระเรา รีบปะไปกัน …" 

             "ครืน!!!"

             "ครืน!!!"

             "โครมมม!!"

             ยังไม่ทันจะได้ต่อความอะไร สายฟ้าลูกใหญ่ที่ลงฟาดเมื่อครู่ กลับสะท้อนเงาประหลาดที่ไหววูบมาจากเบื้องหลังสามสหาย เป็นโครงร่างสิ่งมีชีวิตในชุดเสื้อคลุมร่างใหญ่มากจากด้านหลังพวกเขา… พร้อมกับที่ทั้งสามสัมผัสได้ถึงรังสีความมืดที่แผ่มาจากเบื้องหลัง

             …สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น… คือความเยียบเย็นที่ยิ่งกว่าฝนที่กำลังสาดซัด

             …หรือแม้แต่สิ่งใดบนโลกจะเนรมิตได้… 

             "ครืน!!!"

             มันถูกแผ่ออกมาเป็นระรอกจากสิ่งที่อยู่เบื้องหลังทั้งสามในขณะนี้

             "ครืน!!!"

             …ไม่น่าเชื่อ…

             …ความกล้าที่มีราวกับถูกสูบหายไปจนหมดสิ้น…

             …ไม่กล้าแม้แต่จะเบือนหน้ากลับไปมอง…

             "ซ่า…"

             …แต่ที่แปลก… คือ…

             …เงาของร่างนั้น…

             "ครืน!!!"

             …ลอยอยู่เหนือพื้นดิน…

             "ภูตแห่งป่า… องครักษ์มืด… ที่สิ่งสู่แห่งความตาย… "  

             วลีสามวลีชวนขนลุกซู่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากของเมอเรียลอย่างต่อเนื่อง 
              …เมอเรียลผู้ที่ไม่เคยกลัวผู้ใคร… จะเว้นเพียงก็แต่เพียงครั้งนี้เท่านั้น

             "ซ่า…"

             …บางที.. สามคำนี้อาจเป็นนิยามของสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง…

             …อีกครั้งแล้วหรือนี่…

             …กับฝันร้ายที่มาเยี่ยมเยียนอยู่ทุกค่ำคืน…

             …กับฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้น…

             "ครืน!!!"

             … มันได้มาปรากฏอยู่เบื้องหลังของพวกเขาแล้ว… ในขณะนี้…

                                                 .....................................................................................
                                                                               ...จบตอน...
                                                 
            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×