คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter #1 องครักษ์แห่งป่ามืด
Chapter #1 องครักษ์แห่งป่ามืด
"เบอรี่..... ตื่นเถอะ"
โอย เช้าแล้วเหรอ น่าเบื่อจริงเลย กำลังหลับสบายแท้ๆเลยเชียว
ว่าแต่ ฟ้ายังมืดอยู่เลยนี่ ต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง
"เบอรี่.... ตื่นสิ เจ้าขี้เซา
."
เออน่า ตื่นแล้ว น่ารำคาญจริง ฉันตื่นแล้วน่า
"เบอรี่! ตื่นนนนโว้ยยยยยยย!" คราวนี้ไม่ใช่แค่เพียงเสียงกระซิบปลุกของเด็กหนุ่มที่ฟังนุ่มหู แต่กลับเป็นเสียงตะโกนแหกปากลั่นราวกับจะเรียกประชุมฝูงสัตว์ป่า จน "คนขี้เซา" ถึงกับสะดุ้งเฮือก ลุกพรวดจากกองใบไม้ที่ใช้อาศัยเป็นที่หลับนอนตลอดทั้งคืน ความง่วงที่มีดูเหมือนจะถูกสลัดทิ้งไปโดยปริยาย
"เออน่า ฉันตื่นแล้ว นายตะโกนแบบนี้เดี๋ยวเจ้าเมอเรียลก็ตื่นซะหรอก" เบอรี่พูดด้วยท่าทีแกมเบื่อหน่าย แถมไม่วายกล่าวพาดพิงไปถึงสหายร่วมทางอีกคน
ภาพแรกในยามเช้าตรู่ของวันที่ปรากฏแก่สายตาของเบอรี่ คือเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทางอีกคนซึ่งมีผิวสีขาวเหลืองสว่างดูมีเอกลักษณ์ ตาและผมมีเฉดสีเดียวกันคือดำสนิทตัดกับสีผิว รูปร่างกำยำสมวัยของเด็กหนุ่มกำลังจัดเตรียมของเพื่อจะเริ่มเดินทางกันต่อไป
ในสายตาของเบอรี่มองว่า ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของ "ลิชท์" มักจะฉายแววเศร้าหมองเสมอ แต่เมื่อเอ่ยถามถึงสาเหตุทีไร ก็มักจะได้คำตอบเป็นความเงียบทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาลองถามคาดคั้นเอาคำตอบจากเด็กหนุ่ม ชั่วครู่หนึ่งดูคล้ายๆจะมีหยาดน้ำใสๆคลออยู่บนหน่วยนัยน์ตาแข็งกร้าวคู่นั้นจนต้องเบือนหน้าหนีไป "ไม่มีอะไร" เป็นเพียงคำตอบของคำถามที่เขาอยากรู้เหลือเกิน สุดท้ายก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะมีอะไรที่จะทำให้เด็กหนุ่มผู้ร่าเริงอยู่เสมอคนนี้หม่นหมองไปได้
"ใครจะเหมือนนายล่ะ เมอเรียลเขาตื่นตั้งนานแล้ว" ลิชท์ว่าไปพลางจัดข้าวของไป ดูสีหน้าท่าทางจะยุ่งเอาการ แต่ยังไม่วายสอดส่ายสายตามองหา"เมอเรียล"เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทางอีกคนซึ่งบัดนี้ดูเหมือนจะออกไปสำรวจพื้นที่รอบๆที่พักอาศัยเป็นกิจวัตรยามเช้า
ในหมู่พวกเขาสามคนดูเหมือนจะเป็นเมอเรียลที่พึ่งพาได้มากที่สุด มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของตัวไลเคนสีเขียวอันน่าสะอิดสะเอียน ที่จู่ๆก็กรูกันเข้ามาจากที่ไหนสักแห่งในความมืด ในชั่ววินาทีที่พวกมันย่างกรายเข้ามา
ใช่
ในชั่ววินาทีแห่งความตาย! เด็กหนุ่มกล้าหาญอย่างเมอเรียลก็เดินย่างเท้าตรงไปยังพวกไลเคนที่ล้อมวงอยู่อย่างอาจหาญ แต่ก่อนที่จะเข้าปะทะกับเหล่าพืชเดินได้ตัวเขียว เมอเรียลก็หันหน้ากลับมาบอกเขากับลิชท์ว่า "พวกไลเคนไม่ทำอันตรายคนหรอก" เท่านั้นแหละ เขากับลิชท์ถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นด้วยความโล่งใจ แต่ถึงแม้เจ้าเมอเรียลมันจะเป็นคนช่วยเขาไว้ก็ตามที เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดน้อยๆกับให้กับมันเมื่อนึกถึงเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นนี้
ให้ตายเถอะ รู้แล้วก็ดันอมไว้ซะคนเดียว เล่นเอาเขาสองคนตกใจเกือบตาย
"เมอเรียลหายไปไหนแล้วเนี่ย"
"อยู่นี่น่ะ" เสียงดังมาจากเบื้องหลังทำให้ลิชท์ต้องชะงักหันกลับไปมองยังต้นเสียง พร้อมกับที่เจ้าของร่างที่ก้าวพ้นออกจากโขดหินที่เป็นฉากบังอยู่ ปรากฏเป็นร่างเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทางอีกคน ผิวสีขาวอมชมพูดูโดดเด่นส่องแวววาวเป็นรัศมี ผมสีเงินเป็นประกายฉายสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเช้า
ดวงตาสีเงินแบบเดียวกับเส้นผมกวาดมองมายังร่างเพื่อนร่วมทางที่เหลืออีกสองคน ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปยังทิศทางที่เขาเพิ่งได้ไปสำรวจมา
ความสามารถพิเศษผิดมนุษย์อีกอย่างหนึ่งของเมอเรียลคือมีประสาทหูและดวงตาเป็นเลิศ แต่ดูเหมือนไอ้ความสามารถพิศดารอันนี้จะเป็นภัยกับเบอรี่ผู้ถนัดการซุบซิบซะมากกว่า
มีหลายครั้งที่เบอรี่พูดนินทาเมอเรียลให้ลิชท์ฟังอย่างออกรส แต่เด็กหนุ่มผู้ซึ่งเวลานั้นยืนอยู่ห่างจากวงสนทนาเป็นโยชน์ กลับทำท่าทีราวกับรับรู้เรื่องราวที่เขาเพิ่งเล่าให้ลิชท์ฟังไปด้วย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับดวงตาสีเงินนั้นมักจะมองมาทางเขาอย่างรู้ทันเสมอ
มีอะไรบ้างที่เจ้าบ้าเมอเรียลคนนี้จะไม่รู้ทันฉันบ้างละเนี่ย
เฮ้อ
"ฉันว่าแถวนี้น่ากลัวชอบกลนะเมอเรียล มีกลิ่นอายของสัตว์ร้ายแฝงอยู่เต็มไปหมด" เสียงของลิชท์ส่อแววกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
อาจเป็นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีสัตว์ร้ายแฝงตัวอยู่ทุกที่ เขาจึงต้องระวังตัวอยู่เสมอ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ยัง
.
นอน
อีกแล้ว
.
"เบอรี่ นายนี่ขี้เซาจริง ตื่นได้แล้ว"
ลิชท์ลอบถอนใจกับการกระทำเด็กหนุ่มเบื้องหน้า
เผลอแปปเดียวมันก็แอบลงไปงีบหลับรวมกับกองใบไม้ที่ใช้ต่างเตียงนอนเมื่อคืนอีกแล้ว เขานึกขึ้น พลางมองไปยังผมสีเหลืองอ่อนของเด็กหนุ่มเบอรี่ซึ่งปลิวล้อเล่นกับสายลมในยามเช้า
"เออน่า ฉันพักผ่อนเอาแรงน่ะ จะได้มีแรงไปรบกับไอ้พวกสัตว์ป่าบ้าเลือด ที่ร้อยวันพันปีก็ไม่มีจะโผล่หน้ามาให้เห็นสักครั้ง" เบอรี่พูดงัวเงีย ดวงตาสีน้ำเงินคู่โตส่อแววเบื่อหน้าอย่างเป็นที่สุด "ถึงพวกมันจะโผล่มาก็มีส่วนดีอยู่บ้างหรอกนะ ดาบฉันจะได้ไม่ขึ้นสนิมในเร็ววันนี้"
"พอเจอเข้าให้ นายก็เผ่นก่อนเพื่อนทุกที" เมอเรียลพูดอย่างรู้ทัน ทำให้คนชอบหนีหันมาทำตาขวางใส่พร้อมเชิดหน้าใส่ ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับกิจกรรมงีบหลับในยามเช้าอย่างสบายอารมณ์
"เดี๋ยวฉันไปหาไม้กับขนนกมาทำลูกธนูก่อนนะ พวกนายรอเดี๋ยว" เมอเรียลว่า แต่ก่อนที่ออกเดินเท้าจากไป ยังไม่วายเบือนหน้ากลับมาว่าเจ้าคนขี้เซาที่นอนได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น "ระวังเถอะ เบอรี่ ถ้านอนมากๆเดี๋ยวฉันจะเอานายไปเป็นอาหารพวกหมาป่าซะให้เข็ด ได้ข่าวว่าพวกมันชอบกินคนเป็นๆ
สดดี"
"นายนั่นแหละคนแรก เจ้าบ้าเมอเรียล" เบอรี่โต้กลับอย่างเสียไม่ได้
แต่ถึงตัวคนวางคำขู่กองโตจะเดินจากไปแล้ว เจ้าตัวคนกล้าที่เมื่อครู่ยังเถียงคำไม่ตกฟากกลับรีบลุกจากที่นอนพร้อมเก็บข้าวของของตนเองที่วางไว้อย่างกระจัดกระจายบนพื้นลานหินทันที
"เฮ้ย ดาบฉัน ดาบๆๆๆๆ อยู่ไหนวะ ดาบๆๆ ลิชท์ นายเห็นดาบฉันหรือเปล่า ดาบๆๆ" เสียงเบอรี่ผู้ทำของหายเป็นประจำส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายผ่าความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับกวาดสายตามองหาดาบคู่กายของตนอย่างกระวนกระวายใจ แต่ไอ้นิสัยการทำของหายเป็นประจำอย่างนี้ของเบอรี่ กลับกลายเป็นความเคยชินของเพื่อนร่วมทางที่เหลือไปแล้วโดยปริยาย
"ดาบนายเหรอ
"
ลิชท์มองหาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำสีหน้าปลงอนิจจัง
" ก็อยู่ในมือนายนั่นไง"
แป่วว.. เป็นงั้นไป
"อ่าว เหรอ ขอบใจ
นายนี่พึ่งได้เสมอล่ะ"
เฮ้อ
. นี่ล่ะ เบอรี่ตัวจริงเสียงจริง
ลิชท์รู้สึกขบขันกับการกระทำเมื่อครู่ของสหายร่วมทางคนนี้เป็นอย่างยิ่ง
เขาจะต้องคบมันไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย! ถึงจะรู้จักนิสัยของมันดีพอ
"เจ้าเมอเรียลนี่โง่จริงนะ ไม่รู้จักใช้ดาบเหมือนพวกเรา ลูกธนูก็ไม่ต้องใช้ ร้อยวันพันปีก็ไม่มีพัง" เบอรี่พูดหงุมหงิมพึมพำอยู่คนเดียวตามประสาคนอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว เขาก็ลงมือดึงเอาผ้าขี้ริ้วผืนเก่าคร่ำคร่าจากก้นกองสัมภาระทั้งหลายทั้งปวงขึ้นมาเช็ดดาบคู่กายจนเงาวับ ถึงแม้ว่าดาบเล่มนี้จะไม่ค่อยได้ออกใช้งานตามหน้าที่ของมันเลยก็ตาม แต่ตามประสาผู้ที่เห็นคุณค่าของดาบอย่างเบอรี่ก็ไม่ควรจะปล่อยละเลยจนดาบคู่กายเล่มงามสนิมกินเกรอะกรังเสียไปก่อน
"ฟิ้ววววว
."
ลมหนาว
อีกแล้วสินะ
ลมหนาวอีกแล้ว
. ลิชท์นึก
เสียงลมหวีดหวิวโบกพัดต้อนรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง ใบไม้กับต้นหญ้าริมทางต่างโบกไหวลู่ไปตามแรงลมพัดอย่างเคย ราวกับจะล้อเล่นกับลมแรง
ดูเหมือนจะไม่เคยมีเรื่องใดที่ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าเหล่านี้ต้องทุกข์ใจได้เลย
ยามนี้นับเป็นช่วงเวลาที่อากาศดีที่สุดของปี ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป อบอุ่นกำลังพอดีพอเหมาะสำหรับสิ่งมีชิวิตทุกชนิดในผืนป่าอันกว้างใหญ่แห่งนี้
อย่างว่า อากาศก็คืออากาศ ต้นหญ้าก็คือต้นหญ้า
หลายครั้งที่เขานึกอยากจะเป็นอย่างพวกมัน ไม่ต้องมาทุกข์ร้อน ไม่ต้องมากังวลใจกับเรื่องอะไรทั้งสิ้น
แต่ถ้าได้เกิดไปเป็นต้นหญ้าไปเสียจริงๆ
ก็คงจะต้องถูกเหยียบย่ำ
ถูกสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร
โดยไม่มีทางใดที่จะตอบโต้ได้เลย
ถ้าเกิดเป็นนกล่ะ
เฮ้อ
เป็นนกก็คงต้องถูกพวกนายพรานโหดเหี้ยมทั้งหลายล่าไปเป็นอาหารอยู่ดี
ไม่ว่ายังไง เกิดเป็นคนก็ย่อมดีกว่าวันยังค่ำ
มีชีวิตก็ต้องดิ้นกันต่อไป
.ชีวิตหนอชีวิต
ฤดูแห่งความหนาวเย็นที่หอบเอาลมหนาวเหล่านี้พัดหวนมา ช่างเวียนมาครบรอบได้รวดเร็วเหลือเกิน ถ้าจำไม่ผิด ลมพวกนี้ต้องพัดมาจาก "เอจจีเนีย" ผืนป่าใหญ่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือ ดินแดนแห่งบ้านเกิดอันแสนอบอุ่นที่เขาจำต้องเดินทางร่อนเร่จากมานับแรมปี
ถึงว่า
ลมพวกนี้มีกลิ่นอายแห่งความหลังแฝงอยู่อย่างมากมายนัก ลมหนาวมักจะทำให้เขาคิดถึงเรื่องในอดีต
กับคนในอดีต
เรื่องราวเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกอุ่นใจได้เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน มันกลับทำให้เขาหนาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย
"ลิชท์ นายเป็นอะไรไปน่ะ" เขาผงะจากฝันกลางวันทันทีเนื่องจากเสียงพูดของคนที่นั่งอยู่ข้างๆตัว
เขาหันไปมองเบอรี่ พร้อมกับเลิกคิ้วน้อยๆให้เป็นเชิงถาม ก่อนที่เบอรี่จะตอบอย่างเสียไม่ได้
"อ้อ เปล่า เห็นนายเงียบๆไปน่ะ ฉันพูดอะไรนายไม่ยักตอบ"
"เปล่านี่ ไม่มีอะไร
ว่าแต่นายว่าอะไรเหรอ" ลิชท์ถามอย่างงุนงง ท่าทาง
เหมือนคนเพิ่งตื่นจากฝันกลางวันไม่มีผิด
แต่เบอรี่ที่สังเกตเพื่อนผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อครู่ กลับบังเกิดคำถามหนึ่งขึ้นภายในใจ
มันเป็นอะไรไปนี่
ลิชท์คนเมื่อครู่
กับคนนี้
ราวกับคนละคนเลย
ถ้าเขาไม่ได้หูฝาดไป เมื่อครู่ แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่น้ำเสียงของลิชท์กลับฟังดูเศร้าหมองจนน่าใจหาย ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ของเจ้าตัวก็ตาม
แต่ยังเทียบไม่ได้กับดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น
ฉายประกายความหม่นหมอง..
หม่นหมองซะจน
น่ากลัว
"นายดูบ๊องๆนะ ลิชท์"
"หืม?"
"โอ้ เปล่าหรอก" ความคิดของเบอรี่เมื่อครู่ออกจะเสียงดังไปหน่อยจนทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงมุ่นคิ้วอย่างสงสัย ส่งผลให้คนคิดดังต้องรีบร้อนพูดเอารอดไว้ก่อน "ฉันแค่สงสัยว่า เจ้าเมอเรียลทำไมไม่ใช้ดาบเหมือนอย่างเราน้า" เบอรี่ว่าพลางทำสีหน้าขบคิด แต่ในความคิดของลิชท์มันน่าขบขันซะมากกว่า กับการที่เจ้าตัวกวนไม่เคยเอาสมองไปคิดเรื่องอื่นที่มีสาระกับเขาสักที
"ถ้านายเอาเวลาสักครึ่งหนึ่งที่เอาไปคิดเรื่องไร้สาระพรรณนั้นมาฝึกดาบ หรือฝึกธนูอย่างเมอเรียล นายคงเป็นสุดยอดนักดาบหรือนักธนูไปแล้วล่ะ" ลิชท์ว่าเสียงกลั้วหัวเราะ เป็นผลให้เจ้าตัวดีทำท่าทางครุ่นคิดซะยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก
งานนี้มันคงได้ความคิดประหลาดขึ้นมาอีกชิ้นสองชิ้นแหง
"ความคิดเข้าท่า งั้นขอฉันลองดาบกับนายคนแรกละกัน"
เอื้อก
ว่าแล้วมั้ยล่ะ
ไม่ทันที่จะได้ว่าความอะไร การลงดาบแรกในรอบหลายวันของเบอรี่ก็เริ่มขึ้นโดยใช้เจ้าคนต้นคิดเป็นหุ่นไม้ลองดาบตัวแรก จนเจ้าหุ่นไม้ลองดาบผู้ได้รับเกียรติถึงกับสะดุ้งเฮือกยกดาบขึ้นกันตัวแทบไม่ทัน ก่อนจะแยกเขี้ยวให้คนลงดาบจอมมือไว
"เจ้าบ้า ฉันพูดเล่นโว้ย" ลิชท์พูดกลั้วหัวเราะความความบ้าบิ่นของคนตรงหน้าซึ่งดูมีสีหน้าขบขันมากกว่าทำจริงๆจังๆ "นายพูดเล่นฉันเอาจริงว่ะ"
.แบบนี้ละน้า เจ้านี่เดาใจยากเสมอ
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเบอรี่ส่งมายังลิชท์อย่างสื่อความหมาย ก่อนที่ลิชจะว่าต่ออย่างไม่ยอมแพ้
"น่าสนุกเหมือนกัน"
โดยมิได้นัดหมาย ทั้งสองพร้อมใจกันก็กระโดดลุกขึ้น แล้วเริ่มลงมือปะทะฝีดาบกันอย่างออกรสเป็นกิจกรรมยามว่างคลายเครียดอย่างไม่ค่อยมีเด็กหนุ่มคนไหนในโลกคิดจะทำกัน "ลิชท์ นายเอาจริงได้แค่นี้เหรอ"
แม้ในยามประฝีดาบที่อันตรายถึงชีวิต เบอรี่ก็ยังไม่วายแหย่ลิชท์ผู้เป็นเพื่อนร่วมทางเล่นอย่างสนุกปาก แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว หมอนี่มันแหย่ได้ทุกสถานการณ์อยู่ดี "ฉันเอาจริงละนะ ย๊ากกกกซ์!"
"เปร้งงงง!"
"แป๊ก!"
"แก๊งงง!"
"ว๊ากกก! นี่แน่ะ!"
"หึย! ดูนี่ซะก่อน!"
"แปร๊งงง!"
เสียงการประทะที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณกับการต่อสู้อันหาดูยากดังกล่าว เรียกความสนใจจากดวงตาสีเงินของเมอเรียลให้มาเพ่งพิศกับภาพประหลาดเบื้องหน้า
การต่อสู้ของพวกที่ออกปากว่า "รักสันติ" อย่างออกนอกหน้า
"ไม่มีตัวอะไรให้สู้ด้วยก็มาตัดกำลังกันเองนะ พวกนายสองคนนี่" เมอเรียลว่ามาแต่ไกลอย่างขบขันกับกิจกรรมฟันดาบยามว่างของสหายร่วมทางทั้งสองคน ซึ่งมีให้เห็นไม่บ่อยนัก พร้อมกับที่ทั้งสองหยุดการต่อสู่ชั่วคราวลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะส่งเสียงระเบิดหัวเราะปนหอบหายใจอย่างสนุกสนานกับการกระทำของตนเอง
เมอเรียลเดินเข้ามาดูใกล้ๆเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝันไปกับภาพที่เห็น
ท่าจะบ้า เมื่อกี๊ยังตีกันอยู่เลย
เฮ้อ
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้ามันดี
"แหกๆๆ ฮ่าๆๆ เมอเรียล แหกๆๆ เป็นไงบ้าง ได้เรื่องหรือเปล่า ฮ่าๆๆ" เสียงพูดหัวเราะปนหอบหายใจอย่างลำบากดังออกมาจากปากเบอรี่ "โอย แหกๆๆ หายใจไม่ออก ฮ่าๆๆ"
"แย่ แย่ แย่มาก" เมอเรียลว่าอย่างมีลับลมคมในอย่างเคย แต่คงไม่มีใครเอาไปคิดให้เมื่อย ในเมื่อลิชท์เป็นผู้เอ่ยถามเอาคำตอบไปแล้ว "แย่ยังไงของนายล่ะ แหกๆๆ"
"แป๊ก!" เสียงหักของกิ่งไม้ในมือมือ ก่อนเมอเรียลจะว่าต่ออย่างทีเล่นทีจริง
"บรรยากาศในป่าแห่งนี้อับชื้นจนน่าประหลาด ทำให้กิ่งไม้ที่เพิ่งหักมาจากต้นผุเร็วกว่าปรกติ แล้วฉันมันก็พวกอนุรักษ์นิยม ไม่ชอบหักเอาจากต้นซะด้วย" เมอเรียลเว้นวักชั่วครู่ ก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า "แถมแถวนี้ไม่มีนกเลยสักตัว นี่ไม่ใช่แค่นกนะ แม้แต่แมลงสักตัวยังไม่มีเลย พวกนายว่าแปลกไหมล่ะ"
ไม่มีนก
แมลงก็ไม่มี
หรือว่า
เบอรี่ที่ดูเหมือนจะหายเหนื่อยแล้วชักสีหน้าครุ่นคิดพลางขมวดคิ้ว "หรือจะมีปีศาจ"
เขาเผลอหลุดปากออกมาอย่างไม่ตั้งใจ เป็นผลให้เพื่อนทั้งสองหันขวับมามองเขาเป็นตาเดียว
"นายอย่าพูดอกุศลแบบนั้นสิ เบอรี่ แถวนี้เคยมีปีศาจที่ใหน จะมีซักหน่อยก็แค่พวกสัตว์ป่า
เท่านั้นเอง
จริงมั้ย" ลิชท์ว่าต่ออย่างไม่แน่ใจ แต่น้ำเสียงส่อแววจริงจังอย่างเห็นได้ชัด
คงงั้นมั้ง
เบอรี่คิดในใจ
ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้เขาไม่เคยเจอมาก่อน
เพียงแต่มันน่ากลัว
เสียจนไม่อยากนึกถึง
"เราล่าช้าไปมากแล้ว" เสียงของเมอเรียลผ่าความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาสหายร่วมทางทั้งสองหลุดจากห้วงความคิดไปโดยปริยาย ก่อนเขาจะรีบว่าต่อ "รีบออกเดินทางกันเถอะ"
"เฮ้ย ดาบๆๆๆๆ ดาบฉัน"
เอาอีกแล้ว
"ก็อยู่ในมือนายไง มุขล่ะสิเนี่ย"
"ไม่ใช่โว้ย ดูนี่ๆ" เบอรี่ว่าพลางดึงปกคอเสื้อเจ้าคนที่อยู่ใกล้ๆให้เข้ามาเบิกตาดูชัดๆถึงสาเหตุที่แท้จริง ก่อนจะส่งเสียงเรียกอีกคนที่ไม่มีท่าทีสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า "เมอเรียล นายมาดูนี่สิ"
ทับทิมประกายแวววาวสีแดงเข้มที่ประดับอยู่บนด้ามจับดาบของเบอรี่
ทับทิมที่เคยมีสีเข้ม
บัดนี้กลับส่องแส่งสว่างจ้าอย่างเห็นได้ชัดแม้ในยามสว่างแจ้ง ทำเอาลิชท์กับเมอเรียลถึงกับผงะกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า
ดาบของเบอรี่มีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ
ถ้าหากมีกลิ่นอายของปีศาจปรากฏอยู่ใกล้ๆ ทับทิมสีแดงเข้มที่ฝังบนด้ามจับอยู่จะโชนแสงสว่างจ้าขึ้นมาทันที แต่ที่ผ่านมา
ไอ้ฟังชั่นตัวนี้ไม่เคยถูกลองใช้งานสักครั้ง
ไม่สิ
มันเคยถูกลองมาแล้วครั้งหนึ่ง
เบอรี่รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนจะมาคิดแก้ปัญหากับสถานการณ์ตรงหน้าที่เร่งด่วนกว่ากันหลายเท่าตัว
"นายคิดว่าไง
เมอเรียล
" เสียงของเบอรี่ส่อแววตกใจอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเป็นได้ไม่นาน "
สวยดีมั๊ย"
ลิชท์เผลอระเบิดหัวเราะพรืดกับคำพูดผ่อนคลายสถานการณ์ของเด็กหนุ่มตรงหน้า
ยังจะมาทำตลกอีก
เฮ้อ
"ก็สวยดีนะ เสียอย่างเดียว ทับทิมบ้านฉันสวยกว่าเยอะ" เมอเรียลว่าพลางหัวเราะเครียดๆ
เอ้า
เป็นกันไปอีกคน
"นายล่ะว่าไง" เบอรี่เอ่ยถามขอความเห็นจากเพื่อนผู้ซึ่งลงเรือรั่วลำเดียวกันอีกคนบ้าง
"ฉันว่า
."
"วี๊ดด
." ยังไม่ทันจะได้ต่อความอะไรอีก เสียงแหลมสูงก็ถูกส่งออกมาจากเม็ดทับทิมเบื้องหน้า พร้อมกับตัวดาบที่สั่นกึกๆราวกับสิ่งมีชีวิต เรียกสายตาของคนรอบด้านให้หันมาเพ่งพิศอยู่กับมันอย่างประหลาดใจ
"จ๊ากก!" เสียงร้องแหลมสูงอย่างตื่นตระหนกถูกส่งออกมาจากปากของเบอรี่ ก่อนที่เขาจะทิ้งดาบประหลาดเล่มนั้นลงสู้พื้นเบื้องหน้า เป็นผลให้เพื่อนทั้งสองชะงักมามองคนที ดาบทีอย่างฉงน
"ร้อนชะมัดเลย!" เจ้าตัวว่าพลางสะบัดมือเร่าๆ ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อมองไปยังดาบที่ตนเพิ่งจะทิ้งลงไปเบื้องหน้า
อะไรกัน! สีแดงยังกับถูกไฟเผาแน่ะ
ดาบที่เจ้าตัวคนถือบอกว่าร้อนเมื่อครู่ บัดนี้มันดูเกินกว่าคำว่าร้อนหลายขุมนัก เมื่อตัวดาบมีสีแดงสว่างจ้าราวกับเหล็กหลอมที่เพิ่งถูกเอาไปเผาไฟร้อนๆ
เขาหันขึ้นมาสบตากับเพื่อนร่วมทางทั้งสอง ก่อนจะมุ่นคิ้วเป็นเชิงถามกับภาพประหลาดเบื้องหน้า แต่เด็กหนุ่มทั้งสองกลับมีสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน
ฉับพลัน!
บรรยากาศรอบด้านที่เคยสงบกลับเปลี่ยนแปลงไปน่าอย่างประหลาด เมื่อลมที่เคยโบกพัดเอื่อยๆรอบตัวกลับค่อยๆรุนแรงขึ้น จนบังเกิดเป็นคลื่นพายุลูกใหญ่ หอบเอาเอาทั้งเศษฝุ่นดินและเศษใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วอาณาบริเวณ
ด้วยแรงลมมรสุมเบื้องหน้า ต้นไม้ใหญ่ที่เคยดูแข็งแรงอยู่เมื่อครู่กลับพากันเอนไหวลู่ไปตามแรงลมอย่างบ้าคลั่ง บางต้นที่ทานแรงลมไม่ไหวก็ต่างพากันถอนรากถอนโคนหักโค่นระเนระนาดกันไปตามระเบียบ ท้องฟ้าที่ยังสว่างสดใสอยู่เมื่อครู่ กลับเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกเมฆดำที่ลอยมาเป็นม่านฉากปิดกั้นแสงอาทิตย์จนมืดมิดไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า
"ซ่า
." เสียงฝนห่าใหญ่สาดซ่าลงมาจากกลุ่มเมฆดำเบื้องบนอย่างไม่เกินความคาดหมายของเขาทั้งสามนัก
"เฮ้ยๆ ของเปียกหมดแล้ว รีบเก็บรีบไปกันเถอะ" เสียงของเมอเรียลผู้เพิ่งจะได้สติเป็นคนแรก ตะโกนแข่งกับเสียงลมฝนรอบด้านเพื่อบอกเร่งเพื่อนทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะยังงุนงงกับเหตุการณ์ประหลาดเบื้องหน้าไม่หาย
"..ยะเยี่ยม ดะดาบฉันหายร้อนแล้ว" น้ำเสียงดีใจตะกุกตะกักของเบอรี่เป็นผลมากจากลมพายุที่หอบเม็ดฝนเม็ดใหญ่เข้าปากจนสำลัก แม้ตอนนี้เม็ดทับทิมจะยังคงเปล่งแสงจ้าอยู่ เขาก็จำต้องรีบคว้าดาบคู่กายขึ้นสะพายไปเก็บไว้ข้างหลังก่อนอยู่ดี
ทั้งใบหน้าและลำตัวของพวกเขาทั้งสาม บัดนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนจากลมพายุหอบใหญ่ที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ทั้งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลให้พื้นที่รอบๆด้านที่เคยแห้งผากกลับเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทุกวินาทีสร้างความลำบากอย่างยิ่งให้แก่เด็กหนุ่มทั้งสาม
"
ยะอยู่นี่ ฝะฝนไม่ตกมา ละหลายปีแล้ว ..ละแล้วนี่มางะไงเนี่ย" เสียงลิชท์ตะโกนกึ่งบอกกึ่งถามไปยังเพื่อนร่วมทางทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะพร้อมเดินทางแล้วในขณะนี้
"ครืน!!!"
สายฟ้าลูกใหญ่แหวกอากาศพุ่งลงมาประทะต้นไม้เบื้องหน้าที่อยู่ห่างพวกเขาไม่เกินร้อยเมตร เป็นผลให้ต้นไม้อัปโชคต้นนั้นแหวกกลางลำ ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกโชนบนลำต้นและกิ่งก้านที่แผ่กว้างแม้ในยามเปียกฝน
ผลพวงจากอสุนีบาตเมื่อครู่ ดูเหมือนสร้างความตระหนกตกใจไม่น้อยแก่สามสหาย ก่อนที่เมอเรียลจะรวบรวมสติเพื่อบอกเร่งเร้าเพื่อนทั้งสองให้รีบออกเดินทาง
"ฉันว่าระเรา รีบปะไปกัน
"
"ครืน!!!"
"ครืน!!!"
"โครมมม!!"
ยังไม่ทันจะได้ต่อความอะไร สายฟ้าลูกใหญ่ที่ลงฟาดเมื่อครู่ กลับสะท้อนเงาประหลาดที่ไหววูบมาจากเบื้องหลังสามสหาย เป็นโครงร่างสิ่งมีชีวิตในชุดเสื้อคลุมร่างใหญ่มากจากด้านหลังพวกเขา
พร้อมกับที่ทั้งสามสัมผัสได้ถึงรังสีความมืดที่แผ่มาจากเบื้องหลัง
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
คือความเยียบเย็นที่ยิ่งกว่าฝนที่กำลังสาดซัด
หรือแม้แต่สิ่งใดบนโลกจะเนรมิตได้
"ครืน!!!"
มันถูกแผ่ออกมาเป็นระรอกจากสิ่งที่อยู่เบื้องหลังทั้งสามในขณะนี้
"ครืน!!!"
ไม่น่าเชื่อ
ความกล้าที่มีราวกับถูกสูบหายไปจนหมดสิ้น
ไม่กล้าแม้แต่จะเบือนหน้ากลับไปมอง
"ซ่า
"
แต่ที่แปลก
คือ
เงาของร่างนั้น
"ครืน!!!"
ลอยอยู่เหนือพื้นดิน
"ภูตแห่งป่า
องครักษ์มืด
ที่สิ่งสู่แห่งความตาย
"
วลีสามวลีชวนขนลุกซู่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากของเมอเรียลอย่างต่อเนื่อง
เมอเรียลผู้ที่ไม่เคยกลัวผู้ใคร
จะเว้นเพียงก็แต่เพียงครั้งนี้เท่านั้น
"ซ่า
"
บางที.. สามคำนี้อาจเป็นนิยามของสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง
อีกครั้งแล้วหรือนี่
กับฝันร้ายที่มาเยี่ยมเยียนอยู่ทุกค่ำคืน
กับฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้น
"ครืน!!!"
มันได้มาปรากฏอยู่เบื้องหลังของพวกเขาแล้ว
ในขณะนี้
.....................................................................................
...จบตอน...
ความคิดเห็น