คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คุณเคยคิดสงสัยกันหรือไม่ว่า ถ้าเกิดไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์
คุณเคยคิดสงสัยกันหรือไม่ว่า ถ้าเกิดไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์ เราจะอยู่บนโลกนี้กันอย่างไร อยู่โดยมีสปีชีส์ที่วิวัฒนาการจากไดโนเสาร์เป็นเพื่อนบ้านรึเปล่า หรือว่าเราเองจะยังมีวิวัฒนาการขึ้นมาได้หรือเปล่า และแล้วในอนาคต เผ่าพันธุ์ของมนุษย์จะโดนชะตากรรมเดียวกันกับไดโนเสาร์ ที่จะต้องสูญพันธุ์ไป แล้วก็ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตสปีชีส์อื่น วิวัฒนาการแทนรึเปล่า
คำถามนี้ไม่มีใครที่จะตอบเราได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่เราอาจจะพอรู้เกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะสามารถหาคำตอบได้จากซากฟอสซิล ที่เสมือนกับเป็นสมุดบันทึกบอกเล่าด้วยเหตุการณ์ต่างๆ เหตุการณ์อันร้ายแรงที่เกิดขึ้นถึงแม้จะลบเลือนไปตามกาลเวลาแล้วก็ตาม แต่นักโบราณชีววิทยาก็ยังพยายามที่จะหาฟอสซิลเหล่านั้นใต้ชั้นหินที่รวบรวมจากทั่วโลก ที่ซึ่งแสดงให้เห็นร่องรอยของโลกโบราณ แต่ที่ชั้นหินเพียงไม่กี่ชั้นเหนือชั้นหินดังกล่าว สัญญาณของสิ่งมีชีวิตก็อันตรธานหายไปเกือบหมด ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดบนโลกนั้นได้หายไปเป็นระยะเวลานานประมาณช่วงเวลา 250 ล้านปีก่อน ตั้งแต่ 4 พันล้านปีก่อนที่สิ่งมีชีวิตอุบัติขึ้นบนโลกใบนี้ เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันหลายครั้ง และมีสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอดอยู่ได้จากการสูญพันธุ์ ก็จะวิวัฒนาการต่อไปอีก แต่ที่น่าจดจำก็คือ เหตุการณ์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า การสูญพันธุ์ในยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสสิค(Permian-Triassic) หรืออาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การตายหมู่ครั้งใหญ่ มันเป็น Armageddon แต่อย่าไปสับสนกับมันเลย การสูญพันธุ์ในยุคครีเตเชียส-เทอร์เทียรี่นี้(Cretaceous-Tertiary) ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เมื่อ 65 ล้านปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามที่เกิดขึ้นในช่วงยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสสิคมันแย่กว่ามากเลย ไม่มีสิ่งมีชีวิตชั้น(class) ไหนที่หลงเหลือให้เป็นผู้สืบทอดต่อๆไป ต้นไม้ พืช สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในยุคแรกเริ่ม แมลง ปลา มอลลัสก์(mollusks-สิ่งมีชีวิตประเภทปลาหมึก หอย) และจุลินทรีย์ ถูกกวาดล้างจนหมดเกลี้ยง สัตว์ทะเลตายไปมากประมาณ 90% และ สัตว์บก 70% ที่หายไป จนชีวิตบนโลกนี้เกือบถึงทางตันซะแล้ว
คำถามนี้ไม่มีใครที่จะตอบเราได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่เราอาจจะพอรู้เกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะสามารถหาคำตอบได้จากซากฟอสซิล ที่เสมือนกับเป็นสมุดบันทึกบอกเล่าด้วยเหตุการณ์ต่างๆ เหตุการณ์อันร้ายแรงที่เกิดขึ้นถึงแม้จะลบเลือนไปตามกาลเวลาแล้วก็ตาม แต่นักโบราณชีววิทยาก็ยังพยายามที่จะหาฟอสซิลเหล่านั้นใต้ชั้นหินที่รวบรวมจากทั่วโลก ที่ซึ่งแสดงให้เห็นร่องรอยของโลกโบราณ แต่ที่ชั้นหินเพียงไม่กี่ชั้นเหนือชั้นหินดังกล่าว สัญญาณของสิ่งมีชีวิตก็อันตรธานหายไปเกือบหมด ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดบนโลกนั้นได้หายไปเป็นระยะเวลานานประมาณช่วงเวลา 250 ล้านปีก่อน ตั้งแต่ 4 พันล้านปีก่อนที่สิ่งมีชีวิตอุบัติขึ้นบนโลกใบนี้ เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันหลายครั้ง และมีสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอดอยู่ได้จากการสูญพันธุ์ ก็จะวิวัฒนาการต่อไปอีก แต่ที่น่าจดจำก็คือ เหตุการณ์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า การสูญพันธุ์ในยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสสิค(Permian-Triassic) หรืออาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การตายหมู่ครั้งใหญ่ มันเป็น Armageddon แต่อย่าไปสับสนกับมันเลย การสูญพันธุ์ในยุคครีเตเชียส-เทอร์เทียรี่นี้(Cretaceous-Tertiary) ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เมื่อ 65 ล้านปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามที่เกิดขึ้นในช่วงยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสสิคมันแย่กว่ามากเลย ไม่มีสิ่งมีชีวิตชั้น(class) ไหนที่หลงเหลือให้เป็นผู้สืบทอดต่อๆไป ต้นไม้ พืช สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในยุคแรกเริ่ม แมลง ปลา มอลลัสก์(mollusks-สิ่งมีชีวิตประเภทปลาหมึก หอย) และจุลินทรีย์ ถูกกวาดล้างจนหมดเกลี้ยง สัตว์ทะเลตายไปมากประมาณ 90% และ สัตว์บก 70% ที่หายไป จนชีวิตบนโลกนี้เกือบถึงทางตันซะแล้ว
ความคิดเห็น