ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดาบเหลืองในตำนาน อัลคาเดวิล

    ลำดับตอนที่ #4 : ผู้หลบหนีแห่งชรานเดรีย

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 49


    สงครามละหว่างเผ่าพันธุ์อัลคาเดวิลกับพวกสีเหลืองมีมาแต่ช้านาน  ตั้งแต่อัลคาเดวิลตั้งตัวได้จากการจู่โจมครั้งแรกของพวกมัน  พวกเขาก็ทำสงครามกันมาตลอดห้าพันปี  การสงครามทำให้อัลคาเดวิลต้องแตกแยกกันออกไปเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่ม  จนกลายเป็นหลายเผ่าในที่สุด

                                   ว่ากันว่าในแต่ละเผ่านั้นจะมีการจัดการกับสงครามคนละแบบต่างกันไป  แต่ก็มีอัลคาเดวิลบางกลุ่มที่ยอมนอบน้อมแก่พวกสีเหลือง  พวกนั้นเรียกตัวเองว่า

    S-T-E-L  B-A-O-Z  จากการนำของอัลคาเดวิลลึกลับทั้งเจ็ดแล้ว  ยิ่งทำให้พวกนั้นแข็งแกร่ง   การขุดเจาะแผ่งดินของสีเหลืองเพื่อค้นหาวัสถุลึกลับใต้ดิน  มันอาจเป็นอะไรที่ร้ายแรง   พวกเราอัลคาเดวิลเองคงต้องทำอะไรสักอย่าง  ตอนนี้สิ่งที่อาจจะทำได้คงต้องหวังพึ่งอัลคาเดวิลรุ่นหลังช่วยปกป้องดาวดวงนี้ไว้ให้ได้

                                                                                     ชาจ   เอ็กช์คาริบาส

                               "จดหมายฉับบนี้  มีได้อย่างไรกัน"

    อัลคาเดวิลหนุ่มพึมพำอยู่คนเดียวในห้องหนังสืออันกว่างขวาง   ก่อนที่จะเก็บจดหมายของ  ชาจ  เอ็กช์คาริบาส ใส่กระเป๋าสพายสีน้าตาลที่แขวนอยู่ที่บ่า   จากนั้นเขาก็วื่งลงบันไดที่อยู่ด้ายซ้ายของห้อง  ท่าทางเขารีบร้อนดูราวกับถูกน้ำร้อนลวก 

                               เมื่อลงถึงชั้นล่าง  เขาก็วิ่งผ่านสนามหญ้าด้านซ้าย  เวลานี้เป็นเวลากลางคืนที่ทุกคนนอนหลับหมดแล้ว  แต่ก็ยังมีอัลคาเดวิลทหารเฝ้าประตูปราศาจอยู่ตลอดเวลา  อัลคาเดวิลหนุ่ม นาม  เพนทีส  โอคาริน  ไม่อยากให้ใครก็ตามรู้ว่าเขาจะหนีออกจากปราศาจแห่งนี้ 

                               เพนทีส  ที่ยีนอยู่ริมสนามหญ้าอีกฟากของห้องหนังสือกำลังหาทางหนีออกจากที่นี่   เหนทีสตัดสินใจที่จะจู่โจมทหารที่ยืนเผ่าประตู  เขายกมือทำท่าทางตั้งท่าถือดาบสั้น   เพียงเสี้ยววินานที  ในมือที่ว่างเปล่าของเขาก็มือาวุธบางอย่างค่อยๆปรากฏขึ้นในมือเขา  มันมีรูปร่างเป็นดินสอยาวห้าสิบเซนติเมตร  เพนทิส  มีความคล่องแคร่วว่องไวสูง  เขาใช้เท้าถีบพื้นดันให้ตนเองลอยไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว  ตัวเขาใกล้ทหารมากขึ้น  พอได้ระยะเขาก็ขว้างดินสอยักษ์ทั้งสองด้ามเข้าใส่ทหารยามทั้งสองอย่างแรง

    ดินสอสองด้ามนั้นกระแทกใส่หมวกเหล็กดังบ๊อง  แรงกระแทกแรงพอที่จะทำให้พวกทหารยามสลบได้  ทหารยามล้มลงดั่งหุ่นที่ไร้คนเชิด ในเมื่อทหารยามทั้งสองสลบลง   เพนทีสจึงไม่รอช้ารีบวิ่งผ่านประตูไปอย่างเงียบๆ    

    เมื่อเขาออกมาได้แล้ว  เขาก็วิ่งลงบันไดร้อยขั้นที่อยู่หน้าปราสาท เขารู้สึกได้ถึงสายลมเย็นเฉียบที่กระทบผิวหนัง ด้านหน้าเป็นตัวเมืองชรานเดรีย เป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่ บ้านเรือนส่วนใหญ่มีลักษณะรูปทรงหกเหลี่ยม และ หลังคาสีแดงสด

                                  เมืองที่ห่างไกลสงคราม  ที่อาจเผื่อไว้ชะมากกว่า แต่การป้องกันก็ไม่ได้ด้อยอะไร มีทั้งป้อมและกำแพง ชาวเมืองผู้ชายที่อยู่อย่างไม่มีสงครามก็ต้องถูกสงไปเป็นอัศวินที่เชฟานอยู่ดี

                                    เพนทิสเดินไปเรื่อยๆตามทางถนน จนถึงทางออกเมือง ซึ่งมียามอย่างแน่นอน มากชะด้วย เพนทิสจำเป็นจะต้องปลอมตัวเพื่อปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าเขาคือเจ้าชายแห่งชรานเดรีย เขาชูมือขึ้นฟ้าขึ้นสองข้าง แล้วมีแสงสีฟ้าอ่อนสว่างขึ้นที่มือ จากนั้นเขาก็นำมันมะแตะที่ตัวเขา และแล้วเสื่อผ้าที่เขาใส่อยู่ก็เปลี่ยนไป

                                     เนื้อผ้าที่ดูดีค่อยๆลดลงกลายเป็นเนื้อผ้าที่ไม่มีราคาธรรมดาทั่วไปใช้  เสิ้อสีแขนยาวสีเขียวอมฟ้าโทนสีครึมๆ สวมทับด้วยเสื้อแขนกุดไม่ติดกระดุมสีแดง กางเกงของเขาก็เปลี่ยนเป็นกางเกงขาบานสีฟ้าเข้มยาวถึงหัวเข่า เขาไส่หมวกแก็ปที่มีดินสออยู่บนยอด ไส่ถุงมือและถุงเท้าสีเทา แล้วรองเท้าก็เป็นสีน้ำตาล

                                     ดูไปดูมา เพนทิสชักไม่แน่ใจว่าแต่งแบบนี้จะสะดุดตาร฿เปล่า แต่อันที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นสักนิดกับการที่จะหนี เพนทิสคิดดูอีกที อยู่หลายตลบ จนคิดได้ว่า  เขาควรจะออกไปได้ ลุยมันไปเลย

                                      แล้วเขาก็วิ่งไปตามทางถนน  จนไปเกือบถึงประตูเมืองเขากลับย่องไปชะเฉยๆ  เมื่อเขาเห็นทหารยามคนหนึ่งที่ป้อมซ้ายของประตูกำลังเผลอหลับอยู่ เขาก็ค่อยๆ    ย่อง......ย่อง......ย่องไปที่ป้อมทางขวาอย่างระวังและรักษาระห่าง  จนไปถึงทางขวาที่เป็นกำแพง 

                                      .กำแพง.  เพนทิสนึกในใจ

                                        เจ้าโง่เอ้ย...ทำไมไม่ปืนกำแพงไปก็สิ้นเรื่องแล้ว เพนทิสเผลอหลุดปากด่าตนเองชะอย่างดัง  ทหารทางป้อมขวาได้ยินเขาไปเต็มๆ  จึงรีบเรียกทหารยามอีกคนไห้ตื่นและดูไว้

                                        ทหารยามป้อมขวาไม่รอช้ารีบโดดจากป้อมลงไปด้านนอกกำแพงทันที  ทหารยามเห็นเพนทิสกระโดดลงจากกำแพงและวิ่งไม่อย่างเร็ว

                                         เฮ้.......เดี๋ยวสิเจ้าหนุ่ม ทหารบอกกับเพนทิส                             

                                         แต่เพนทิสก็ไม่สนใจ  แน่นอนอยู่แล้ว ก็เขาหนีพ้นแล้วนี่นา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×