ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชารูฟ ออฟ เสก ตอน ประตูกล

    ลำดับตอนที่ #8 : ประดาบ ประชันเวทย์ เล่ห์กล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 86
      0
      28 ต.ค. 48

    “ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้”  ลีสรุปเรื่องลง  ส่วนไคท์ก็กำลังอ้าปากค้าง  กระพริบตาปริบ ๆ

        “  หมายความว่าฉันหลับตั้งแต่เมื่อสายของเมื่อวานแล้วมาตื่นเอาเช้าวันรุ่งขึ้นเนี่ยนะ”  ไคท์พูดอย่างอึ้ง ๆ ที่ตัวเองสามารถนอนหลับได้นานขนาดนั้น  ลีถอนหายใจ  ส่วนราเดนก็กำลังจัดการกับอาหารเช้าของตัวเองโดยที่ไม่สนใจเพื่อนของเขาเลย

        “  มันออกจะเหลือเชื่อไปหน่อยไหม  ก็มัน...”  ไคท์กำลังจะพูดต่อแต่ลีเอาขนมปังยัดเข้าปากเขา

        “  ช่างมันเถอะ  คิดไปแล้วได้อะไรขึ้นมา  ฉันว่าวันนี้เรามาคุยกันเรื่องเรียนดีกว่า  เห็นวันนี้พวกปี  1  อย่างเรา  ต้องเจอกับ  3  ปราการที่เหลือนี่  หมายความว่าไง”  ลีพูดอย่างไม่สนใจไคท์ที่กำลังมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ

        “  ได้ ๆ”  เขาพูดฉุน ๆ “  เช้าเจอวิชามนตราคีตะ  แน่นอนว่าต้องเจอกับปราการคีตะ  ต่อมาก็เจอวิชารูนโบราณปราการปราชญ์  แล้วก็พัก  ต่อไปก็เจอกับวิชาการรบ  ใช่เลย  ซวยก่อนกินข้าวเย็น  ปราการกษัตริย์”  ไคท์พูดยาวยืด  เมื่อลีที่ได้ยินคำว่า  กษัตริย์เท่านั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที

        “  จะไปไหนน่ะ”  ไคท์ถามขึ้น  ราเดนส่งสายมามองเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นตาม

        “  ไปเรียน”  ลีพูดห้วน ๆ ก่อนที่จะเดินไป  ทิ้งให้ไคท์หันไปมองหน้าของราเดนแทน  

        “  เพิ่งเคยเห็นลีเค้าไปเรียนเองเนี่ย  มีอะไรกันรึเปล่าน่ะ”  

        “  ไม่รู้สิ  ว่าแต่นายเสร็จรึยัง”  ราเดนตอบแล้วถามไคท์ต่อ  เมื่อจัดการกับอาหารเช้าของตัวเองเสร็จแล้ว  พวกเขาก็รีบตามไปสมทบกับลี  ไคท์พยายามสังเกตลีที่ไม่ยอบปริปากพูดกับเขาเลย  จนกระทั่งไปถึงห้องของวิชาแรก  มนตราคีตะ

        “  มากันแล้วเหรอ”  เสียงของหญิงสาวดังขึ้น  ไคท์จึงหันไปมอง  และได้พบกับเอรีนที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับแม็ค  และแคโรว์รีน

        “  อื้อ  เพิ่งมาน่ะ”  ไคท์ตอบกลับไป  เอรีนสังเกตเห็นว่าลีเงียบไปจึงทักขึ้น

        “  คุณเป็นอะไรรึเปล่า  ไม่พอใจที่ฉันมาเหรอ”  ลีหันมามองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อน  แล้วไปนั่งข้างราเดนที่กำลังนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ

        “  ให้ตายเหอะ  นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”  ไคท์บ่นงึมงัม

        “  อ่า  ไคท์รีบนั่งที่เถอะ  อาจารย์คินเรมาแล้วล่ะ”  เอรีนรีบไปนั่งกับแม็คและแคโรว์รีน  ส่วนไคท์เองก็ไปนั่งข้างลีที่กำลังหน้ามุ่ย

        “  ลี  นายยิ้มหน่อยสิ  อย่าหน้าบึ้งได้มั้ย”  ไคท์พูดกับลีเบา ๆ เขาจึงหันมามอง

        “  ทำไมต้องเจอกับหมอนั่นด้วย”  ลีพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะทุบโต๊ะเสียงดัง  จนทุกคนที่อยู่ในห้องหันมามอง  ตอนนี้อาจารย์คินเรกำลังมองด้วยสายตาเฉยชา

        “  ถ้าเธอไม่อยากตกวิชานี้ก็กรุณาอย่าส่งเสียงดัง”  

        “  ไม่คิดจะผ่านอยู่แล้วนี่”  ลีพูดแล้วลงไปฟุบหน้ากับโต๊ะแทน  ในขณะที่ราเดนกำลังงัวเงียขึ้นมาแล้วควานหาอะไรบางอย่างอยู่ในกระเป๋า

        “  เฮ้อ  นายเนี่ยน้า  ราเดนนายหาอะไรอยู่น่ะ”  ไคท์หันไปถามราเดน

        “  ของ...”  เขาพูดส่วนมือกำลังล้วงเข้าไปในกระเป๋าอยู่

        “  พวกนายเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย  หา !”  ไคท์ตะโกนเสียงดัง  คราวนี้อาจารย์หันมาพูดเสียงเด็ดขาดกับไคท์

        “  ออกไปจากห้อง  ไม่ต้องเข้ามาจนหมดชั่วโมงนี้”  เขาออกคำสั่ง  ไคท์ลุกขึ้นแล้วมองหน้าอาจารย์เดี๋ยวหนึ่งและพูดขึ้น

        “  พวกเราจะรับผิดชอบร่วมกันครับ”  ไม่พูดเปล่า  ไคท์กระชากคอเสื้อของทั้งคู่ออกมานอกห้อง  ลีสะดุ้งตื่นทันใดและกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ส่วนราเดนกำลังคว้ากระเป๋าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะถูกไคท์ลากเขาออกไปนอกห้อง  เมื่อออกมาแล้วไคท์หันหน้ามาพูดกับลีทันที

        “  เอาล่ะ  ฉันจะพยายามใจเย็นนะ  นายมีอะไรว่ามา”  ลีกำลังจัดคอเสื้อให้เข้าที่แล้วตอบขึ้นลอย ๆ ราเดนเองก็กำลังจัดของในกระเป๋าให้ดีแล้วหันมามองเหตุการณ์ด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง

        “  ไม่นี่  นายอย่าบ้าจะดีกว่า”  ลีตอบกลับมา  คราวนี้ไคท์เดือดกว่าทุกครั้ง  เขาตะโกนเสียงดังมากกว่าทุกครั้ง  และกำลังพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดมานาน

        “  ฉันไม่เข้าใจหรอกนะว่านายมีอะไรในใจบ้างถ้านายไม่พูดออกมา  แล้วเก็บมานั่งเครียดคนเดียวนี่มันหมายความว่าไง  อาจจะใช่ที่ฉันไม่ใช่พ่อแม่หรือญาติฝ่ายไหนของนายทั้งสิ้น  แต่การที่นายเอาแต่พูดแบบนี้เท่ากับว่านายกำลังหนีกับสิ่งที่เผชิญอยู่  ไอ้การทำแบบนี้มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ  หัดคิดซะบ้างเซ่ ! ว่าฉันเป็นอะไรกับนาย  แค่คนที่อยู่ด้วย  คนที่ไม่น่าไว้วางใจ  คนที่บังเอิญเจอกันก่อนสอบเข้าเรียน  หรือว่าฉันคิดไปเองว่านายเป็นเพื่อนของฉันน่ะหา !!”  เขาหยุดตะโกน  ดูเหมือนว่าราเดนจะเข้าใจสถานการณ์ก่อนที่ไคท์จะระเบิดอารมณ์ออกมาเขาได้สร้างอาณาเขตของเสียง  คือไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป  ไม่งั้นพวกเขาคงโดนทำโทษมากกว่าเก่าเป็นแน่  ลีมองไคท์ที่กำลังหอบหายใจอยู่ด้วยสายตาที่งงงัน  เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่า  การที่เขาเงียบแบบนี้จะทำให้ไคท์คิดมาก  ไคท์หันหลังให้ลีแล้วค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ

        “  ฉัน...หวังว่า...คำตอบมันคงจะไม่ปฏิเสธที่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายหรอกนะ”  

        “  ไม่หรอก...”  ลีตัดสินใจพูดขึ้น  ไคท์หันมามอง  ราเดนยิ้มน้อย ๆ  เขาจึงพูดต่อ

        “  นาย...เป็นอะไรที่ล้ำค่ามากกว่าคำว่า  “เพื่อน”  เสียอีก”  ลียิ้มอีกครั้ง  ไคท์จึงยิ้มตอบ

        “  ว่าแต่ทำไมเวลาพูดถึงปราการกษัตริย์นายถึงต้องหน้าบึ้งด้วยล่ะ”  เมื่อพูดจบ  ลีหน้าบึ้งอีกครั้ง  แล้วเดินหนีไป  เขามุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนวิชารูนโบราณ  ไคท์จึงรีบเดินตามไป  ส่วนราเดนกำลังตามพวกเขามาแต่มือของเขายังควานหาอะไรอยู่ในกระเป๋าอีกแล้ว

        “  เฮ้  ทำไมไม่ตอบล่ะ”  ไคท์หยุดเดินตาม  ลีก็หยุดเดินเช่นกัน  แล้วพูดขึ้น

        “  ฉันเกลียดหมอนั่น”  

        “  หมอนั่น...เนลเยอร์น่ะเหรอ”  

        “  เออ  นั่นแหละ”  ไคท์ทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม

        “  ทำไมล่ะ  หรือว่านายเกลียดที่หมอนั่นมาหาเรื่องฉัน”  

        “  ทำไมนายมันเป็นพวกเจ้าปัญหาอย่างนี้นะ !!”  ลีว้ากแล้วหันมามองหน้าไคท์ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ  ราเดนหยุดควานหาของในกระเป๋าแล้วดูเหตุการณ์ตรงหน้าแทน

        “  เออสิ ! ฉันโมโหที่มันทำกับเพื่อนฉันแบบนี้ !!”  ไคท์อึ้งไปสักพักแล้วค่อย ๆ หัวเราะออกมา  แม้แต่ราเดนเองก็ยังหัวเราะตามไปด้วย

        “  หัวเราะอะไรกันหา !!”  ลีหันหน้ากลับ  ไคท์เริ่มควบคุมตัวเองอยู่แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองลี

        “  อืม  ที่แท้นายก็ห่วงฉันนี่เอง  ไม่เป็นไรหรอกน่า  วางใจได้”  ว่าแล้วเขาก็เดินไปกอดคอลีจากข้างหลัง  แต่อยู่ ๆ ลีกลับปัดแขนของไคท์อย่างรวดเร็ว  งานนี้ไคท์งงกับการกระทำของเขา  ลีเมื่อรู้สึกตัวแล้วก็พูดขึ้น

        “  ฉันว่า...นายอย่าทำแบบนี้จะดีกว่านะ”  ลีหัวเราะแห้ง ๆ

        “  ทำไมล่ะ”  ไคท์เริ่มงงอีกครั้ง  ลีรีบก้มหน้าเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของเขาอีกครั้ง

        “  มัน...เอ่อ...มันไม่ดีก็แล้วกันนะ  เวลาฉันถูกกอดคอจากข้างหลังฉันจะรู้สึกแปลก ๆ น่ะ”

        “  อ้าว  งั้นก็ได้  ฉันจะไม่ทำอีกก็ได้”  ไคท์ยิ้มให้ลีอีกครั้ง  ราเดนจึงพูดขึ้นมา

        “  เมื่อไหร่จะเข้าเรียน”  ไคท์กับลีมองหน้ากันทันที

        “  จริงด้วย ! ทำไงดี  ทันไหมเนี่ย”  ลีเริ่มลุกลี้ลุกลน  ราเดนถอนหายใจแล้วค่อย ๆ เดินมาทางพวกเขา  พลางเรียกไม้เท้าของเขาออกมาด้วย

        “  วาร์ป  ทู  เซาท์”  ไม่นานพวกเขาก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องเรียนวิชารูนโบราณแล้ว

        “  ไม่ต้องให้บอก  แหม  สมกับเป็นเพื่อนกันจริง ๆ”  ลีตบไหล่ราเดนเบา ๆ แต่ราเดนตบหัวลีทันที

        “  อะไรวะเนี่ย”  ลีเริ่มมีน้ำโหอีกครั้ง  ราเดนมองเขาอย่างเย็นชา

        “  อย่าเล่นแบบนี้กับฉัน  เดี๋ยวเตี้ยลง”  ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าห้องไป  ลีค่อย ๆ เก็บอารมณ์ของตัวเองทีละน้อย ๆ  แล้วเดินตามไคท์ที่เข้าห้องไปแล้ว  แน่นอนพวกเขาได้นั่งที่ด้านหลังสุดอีกแล้ว  อาจารย์แก่ ๆ คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเล่มโต

        “  คงมากันครบแล้วสินะ  เมื่อกี้มีคนใช้วาร์ปมาใช่ไหม”  ราเดนยกมือขึ้น

        “  ผมใช้เองครับ”  อาจารย์พยักหน้าน้อย ๆ แบบรับรู้

        “  ฉันให้เธอ  50  คะแนน  ต่อไปเธอต้องทำคะแนนต่อเองนะ  แล้วเธอรู้รึเปล่าว่าทำไมฉันให้คะแนนเธอแค่ครึ่งเดียว”  ราเดนส่ายหน้า  อาจารย์จึงพูดต่อไป

        “  เพราะว่าเวทย์มนต์นี้เป็นอักษรรูนโบราณชนิดหนึ่ง  เพียงแต่อยู่ในขั้นกลางของเวทย์มนต์รูน  ถ้าจะให้ดี  ก็ต้องเทเลพอร์ต  ซึ่งมันจัดอยู่ในเวทย์ชั้นสูง  เข้าใจนะ”  ราเดนพยักหน้า  การพยักหน้าของเขานั้นทำให้นักเรียนในปราการปราชญ์เริ่มซุบซิบกัน

        “  อะไรกันน่ะ  หมอนั่นอยู่ปราการนักรบไม่ใช่เหรอ”

        “  ใช่น่ะสิ  มันจะรู้ดีเกินไปหน่อยแล้วมั้ง  ขนาดพวกเรายังทำกันไม่ได้เลย”

        “  อย่าพูดดังไป  เดี๋ยวพวกมันก็รู้หรอกว่าพวกเราน่ะเทียบมันไม่ติด”

        “   ว่าแต่ไอ้คนที่นอนอยู่กับโต๊ะนั่นเก่งนักรึไง”  หนึ่งในปราการปราชญ์ชี้นิ้วมาที่ลีที่กำลังนอนอยู่กับโต๊ะ  

        “  หาเรื่องใส่ตัวแล้วมั้ยล่ะ”  ไคท์คิดพลางส่ายหัว  แล้วนั่งเท้าคางด้วยความเบื่อหน่าย  แน่นอนว่าสิ่งที่อาจารย์จดอยู่บนกระดานนั้นเขารู้หมดแล้ว  ทำไงได้  หนังสือรูนเล่มนั้นในร้านของเขามีตั้งไม่รู้กี่เล่ม  

        “  ราเดน  นายอย่าจดเลยจะดีกว่า”  ไคท์พูดแต่เขาหันหน้าไปทางกระดาน

        “  ใครว่าฉันจดล่ะ”  ไคท์ตาโตก่อนที่จะหันไปดูที่โต๊ะของราเดนทันที  ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์การเรียนแต่อย่างใด

        “ เป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อนายจดทุกชั่วโมง”  ไคท์มองหน้าราเดน  เขาส่งสายตาเย็นชามาอีกแล้ว  ก่อนที่จะเปิดปากตอบคำถามเขา

        “  ไม่มีให้จด”  ลีลืมตาขึ้นทันทีกับคำพูดของราเดนแล้วหันหน้ามาทางราเดน

        “  หมายความว่าไง  ไม่มีให้จด”  ลีเริ่มมีสีหน้าเย็นชาขึ้น  แม้แต่ไคท์เองยังเริ่มเดือด

        “  โดนจิ๊กไป  ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนวิชาแรก”  ราเดนตอบเอื่อย ๆ แล้วเท้าคางกับโต๊ะบ้าง

        “  ปราการกษัตริย์แน่ ๆ”  ลีพูดแล้วกัดฟันกรอด  ไคท์เบิกตากว้าง

        “  นายรู้ได้ไง”  

        “  เซนส์น่ะสิ”  ลีตอบแล้วยืดตัวตรงพลางส่งสายตานักฆ่าไปทางพวกที่นินทาเขาอยู่เมื่อครู่  แล้วพูดขึ้นเบา ๆ ว่า

        “  อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่ได้ยิน”  ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอ่านภาษาปากออก  เลยรีบหันไปจดสมุดของพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

        “  แล้วจะเอายังไง”  ไคท์ถามความเห็น  ราเดนเหล่มองเขาแล้วค่อย ๆ พูดขึ้น

        “  ไม่ต้องห่วง  พอช่วงบ่าย  เดี๋ยวพวกนั้นก็คืนเองแหละ”  

        “  รอน่ะสิ”  ราเดนพยักหน้าน้อย ๆ แล้วมองไปทางกระดานอีกครั้ง  ที่บัดนี้เต็มไปด้วยอักษรรูนทั้งกระดาน

        “  คิดว่าพวกฉันเป็นเด็กรึไงเนี่ย  อักษรเด็ก ๆ แบบนั้นพวกเราท่องได้กันหมดแล้ว”  ทั้ง  3  คนพูดพร้อมกัน  แล้วหันมาสบตากันเล็กน้อย  ก่อนที่จะหัวเราะกันคิกคัก



        ในห้องโถงของปราการนักรบ  ลีกำลังกินอาหารของตัวเองอย่างรวดเร็วราวกับจะไปรบกับใครที่ไหน  แน่ล่ะว่าต้องพวกปราการกษัตริย์  ราเดนค่อย ๆ กินอาหารของตัวเองแล้วมองลีเป็นระยะ ๆ ส่วนไคท์ก็กำลังกินอาหารของเขาพลางอ่านหนังสือไปด้วย  แต่...

        เปรี้ยง !!!

        นักเรียนของปราการนักรบต่างก็ลุกฮือออกจากโต๊ะอาหาร  เพราะสายฟ้าลูกหนึ่งได้ผ่ากลางหนังสือของไคท์ที่กำลังอ่านอยู่  แต่เขากลับไม่ขยับตัวซักนิด  ราเดนมองหนังสือที่กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยสายตาเย็นชา  และอีกครั้งของเวทย์ใหม่  ลีขยับตัวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง  สิ่งที่ไคท์เห็นเป็นเพียงแสงสีขาวเรียวเล็กผ่านหน้าของเขาไป  ส้อมที่ลีได้ปาออกไปนั้นมันปักอยู่ที่บานประตูที่ก่อนหน้านี้มีคนยืนอยู่  และกำลังร่ายเวทย์มาที่พวกเขา  แต่ราเดนเองก็ไม่อยู่เป็นเป้านิ่งเพราะเขาได้สร้างไอเย็นรอบตัวของเขา

        “  ชิ  หนีไปจนได้  มันคงเป็นพวกเล่นเวทย์แน่ ๆ”  ลีพูดอย่างแค้นเคือง

        “  เป็นอะไรรึเปล่า”  ราเดนหันมาถามไคท์ที่กำลังกินอาหารของตัวเองโดยไม่สนใจหนังสือของเขาเลย

        “  ไม่  แค่เกือบ”  ไคท์ตอบแล้วกินผักชิ้นสุดท้ายเข้าไปแล้วลุกขึ้น

        “  ไปเถอะ”  ลีพูดขึ้น  ตอนนี้ตาของเขาไม่ใช่สีเขียวเข้มอีกแล้ว  แต่กลายเป็นสีฟ้าสว่าง

        “  ไม่เอาน่ะ”  ไคท์ตบบ่าลีเบา ๆ เขาหันมามองไคท์ก่อนเดี๋ยวหนึ่งแล้วตาของเขาก็กลับเป็นสีเขียวเข้มดั่งเดิม

        “  จะไปกันได้รึยัง”  ราเดนเอ่ยขึ้น  ไม่รอให้พูดซ้ำสองทั้งลีและไคท์ไปยืนข้างราเดน  ตอนนี้เขาได้วาร์ปไปที่จุดนัดพบของการเรียนวิชาการรบแล้ว  

        “  มากันได้เจ๋งนี่”  เนลเยอร์ปรบมือให้พวกเขา  แล้วเดินเข้ามาหา  ลีเริ่มล้วงเข้าไปในเสื้อโค้ทของเขา  แต่เนลเยอร์ยกมือห้ามไว้

        “  ไม่ ๆ คราวนี้ไม่ใช่ฉันที่จะมาสู้กับนาย  อย่าลืมสินายอยู่ตำแหน่งไหน  คนที่ฉันจะสู้ด้วยคือไคท์  เมสไซอาร์ส”  เขาชี้นิ้วไปที่ไคท์  แต่ลีกลับพูดขึ้น

        “  ไม่กล้ารึไง”  เนลเยอร์หันขวับมาทันที  แต่เขากลับหัวเราะออกมา

        “  หึ  หึ  ไม่กล้ารึ  น่าขำ ตอนนี้คู่ต่อสู้ของนายอยู่ข้างหลังต่างหาก”  ลีรีบหันไปปามีดทันที

        เคร้ง !!!  

        เสียงดาบและมีดที่กระทบพร้อมกัน  บัดนี้ทั้งไคท์และลีได้เริ่มสู้กับคู่ของตัวเองแล้ว  เนลเยอร์ตวัดดาบนับครั้งไม่ถ้วน  แต่ไคท์ก็กันได้เสมอ  ทางด้านของลีก็กำลังดูคู่ต่อสู้ของตนเองที่กำลังหัวเราะอย่างหยุดไม่ได้  จนผมสีครามของเขาตกลงมาที่ใบหน้าเล็กน้อย  เขาเสยผมขึ้นแล้วพูด

        “  มันต้องแบบนี้สิ  พี่ชาย  ฝีมือเจ๋งนะ”  เขามองลีด้วยนัยน์ตาสีแดงสด  ลีขมวดคิ้วน้อย ๆ

        “  ตั้งแต่ที่จำความได้  ไม่เห็นจะรู้เลยว่าฉันมีน้องชายด้วย”  เขาหัวเราะอีกครั้ง

        “  นั่นสินะ  งั้นเรามาเล่นเกมส์กันดีกว่า”

        “  ฉันไม่ว่างจะเล่นกับนาย”

        “  งั้นเหรอ  แต่ผมว่าคุณต้องเล่นนะ  ในเมื่อมันเกี่ยวกับเจ้าชายแห่งเมืองน้ำแข็งด้วยนี่”  คำพูดนี้ทำให้ไคท์และลีหยุดการต่อสู้ลงทันใด  เมื่อพวกเขาสังเกตดูก็เห็นว่าราเดนไม่อยู่เสียแล้ว

        “  นายเอาราเดนไปไว้ที่ไหน”  ลีพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา  

        “  จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องบอก  ถ้าบอกแล้วก็ไม่ใช่เกมส์น่ะสิ”

        “  นายเป็นใครกันแน่”  ไคท์ตัดสินใจถามชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าของลี  เขาหันมามองไคท์เล็กน้อย  แล้วยิ้มอย่างยินดี

        “  ผมฮีสเซล  อันเมสเดล  หัวหน้าหน่วยวางแผนและลอบสังหาร”  เขาตอบแล้วโค้งคำนับ

        “  ฮีสเซล  ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีชีวิตอยู่นี่”  ลียิ้มเยาะ  แต่ฮีสเซลกลับส่งยิ้มเย็น ๆ มา

        “  เอาล่ะครับ  ตอนนี้จะตอบกันได้รึยังว่าจะเล่นหรือไม่เล่น”

        “  ก็ได้  ฉันเล่น”  ลีพูดขึ้น  ไคท์ทำตาโตทันที

        “  ไม่  ฉันก็...”  ไคท์กำลังจะพูดต่อ  แต่ลีขัดขึ้น

        “  นายสู้กับหมอนั่นไป  ทางนี้ฉันจัดการเอง”  ฮีสเซลหัวเราะอีกครั้ง

        “  งั้นเริ่มละนะครับ”  เมื่อพูดจบเนลเยอร์ได้ลงดาบกับไคท์อีกเป็นครั้งที่ 2 งานนี้ไคท์ไม่ยั้งฝีมือ  เขาโต้กลับทุกจังหวะถ้าเป็นไปได้  ส่วนลีนั้นกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

        “  จะเล่นกันยังไง”  ลีถามขึ้นในขณะที่ฮีสเซลกำลังเล่นกับมีดอยู่

        “  อืม...ทายกันว่าเขาจะอยู่ทางทิศไหนของป่านี้”  เขาเสนอขึ้น  ลียิ้มอย่างนึกสนุก

        “  เอาสิ  แล้วถ้าใครทายผิดล่ะ”  ฮีสเซลส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทันที

        “  ก็...”  เขาปามีดตัดเส้นผมของลีไป 2-3 เส้น  “  ให้คนที่ทายถูกปามีดไปยังฝ่ายตรงข้าม  โดยที่ห้ามหลบดีมั้ยครับ  แต่อย่าให้ตายล่ะ  อย่างน้อยเอาแค่สาหัสพอ”

        “  ได้  ฉันรับคำท้า  ว่าแต่จะรู้ได้ไงว่าใครทายถูก”  ลีถามขึ้นอีกครั้ง

        “  ในป่านี้จะมีพวกของเราคนหนึ่งที่คุมตัวของราเดนอยู่  ถ้าทายได้ใกล้เคียงก็จะมีลูกไฟลอยขึ้น  สีน้ำเงินของผมละกัน  ส่วนสีแดงเป็นของพี่ชายนะ”  ฮีสเซลหัวเราะ  ลีหน้ามุ่ย

        “  อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ชายนะ”

        “  งั้นขอโทษด้วยครับ  เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า  เขาอยู่ทางทิศเหนือหรือทิศใต้ของปราการกษัตริย์”  เขายิ้ม  ลีหลับตาครุ่นคิด  

        “  ทางเหนือ”

        “  งั้นผมก็ทางใต้”  เมื่อสิ้นสุดคำพูดของทั้ง 2 ฝ่ายก็มีลูกไฟลอยขึ้นฟ้า  และมันก็เป็นสี...

        “  ผมชนะ !!”  ฮีสเซลร้องด้วยความยินดี  ไคท์รีบหันมามองลีทันที

        “  ลี !!!”  ไม่ทันขาดคำ  เนลเยอร์ก็ตวัดดาบมาที่เขาอีกแล้ว

        “  แพ้ก็ต้องทำโทษ”  ฮีสเซลปามีดออกไป  มันเฉี่ยวไปโดนแก้มของลี  เลือดสีแดงสดกำลังไหลลงมาบนแก้มของเขาทีละน้อย

        “  ต่อไป”  ลีพูดขึ้นต่อ  งานนี้ฮีสเซลยิ้มอย่างนึกสนุกมากยิ่งขึ้น

        “  งั้นเอาเป็น  ทางทิศตะวันออกหรือทางทิศตะวันตกของปราการคีตะ”    

        “  ทิศตะวันตก”  ลีพูดขึ้นอีกครั้งพลางปาดเลือดที่ไหลลงมา

        “  งั้นก็ตะวันออก  ประกาศผลได้”  และอีกครั้ง  ลูกไฟสีน้ำเงินพุ่งขึ้นสู่น่านฟ้า  ไคท์เริ่มกระสับกระส่าย  การกันดาบของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ในขณะที่เนลเยอร์ก็ยังลงดาบหนักไม่ยั้งมือ

        “  ผมชนะ”  ฮีสเซลยิ้มอย่างยินดีและปามีดออกไป  ปลายแหลมของมีดได้เฉี่ยวฝั่งตรงข้ามกัน  แก้มทั้ง 2 ข้างของลีกำลังเต็มไปด้วยเลือดสีแดง  แต่...เขากลับยิ้มออกมา

        “  คุณยิ้มทำไมน่ะ”  ฮีสเซลขมวดคิ้ว

        “  ฉัน...ตลกตัวเองที่โง่อยู่ตั้งนาน”  ลีพูดพลางยิ้มเยาะ

        “  หมายความว่าไงครับ”

        “  ความจริงฉันทายถูกทั้ง  2  ครั้ง  แต่นายกลับชนะ  บอกมาเถอะว่าฉันชนะทั้ง  2  ครั้ง”  ลีพูดอย่างสบาย ๆ ฮีสเซลก็กำลังยิ้มอย่างพอใจ    

        “  สมแล้วที่เป็นคุณ  ทำไมถึงรู้ล่ะ”

        “  เพราะว่าราเดนห้ามไว้ยังไงล่ะ  ทำไมรู้มั้ย”  ฮีสเซลส่ายหน้าเบา ๆ

        “  นั่นก็เพราะว่า...ราเดน  เอาเลย !!!”  ลีตะโกนก้อง  

        “  ไฟร์  วิง”  น้ำเสียงเย็น ๆ ดังขึ้นมาจากทางป่า  ลูกไฟสีแดงลอยอยู่บนฟ้าสักพัก  อยู่ ๆ ก็เกิดร่างสีขาวมหึมาท่ามกลางท้องฟ้า  ลียิ้มอย่างพอใจ  ไคท์เริ่มมีแรงหึกเหิมอีกครั้ง  สตรีมบินฝ่าเข้าไปในป่าและกลับขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง  มันบินกลับเข้าป่าไป  ลีหันไปทางฮีสเซลที่กำลังอึ้งอยู่กับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้

        “  ไง  ตกใจล่ะสิ  นี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมราเดนถึงไม่ให้ใช้ลูกไฟสีแดง”

        “  ใครบอก  หมอนั่นมันรู้ต่างหาก”  ราเดนพูดขึ้นข้างหูของลี  เขากระโดดโหยง

        “  อย่าเอาของเย็น ๆ มาใกล้ ๆ หูของฉันได้มั้ยเนี่ย”  ลีโวยวาย

        “  ฉันกลัวนายไม่ได้ยิน”  ราเดนกล่าว  แต่ลีเริ่มสงสัยกับคำพูดของราเดนเมื่อครู่

        “  เดี๋ยวนะ  หมอนั่นที่ว่านี่...”  ลียังถามไม่จบ  แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

        “  หัวหน้าหน่วยเวทย์มนต์  เอิร์น  เทลีบอร์...”  ลีหันขวับไปมองก็พบกับชายในชุดคลุมสีขาว  ผมสีดำยาวถึงกลางหลัง  แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคนทั่ว ๆ ไปคือ  เขามีนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน  แต่ตาดำของเขากลับแค่เสี้ยวเล็ก ๆ

        “  นั่นมัน...ตามังกร  งั้นนายก็เป็นชนเผ่าคนครึ่งมังกรน่ะสิ”  ลีพูดขึ้น

        “  เอิร์น  เมื่อกี้ไม่เป็นไรนะ”  ฮีสเซลตะโกนถาม

        “  อือ  แล้ว...เนลเยอร์เมื่อไหร่จะเลิกสู้ล่ะ”  เอิร์นชี้นิ้วไปทางเนลเยอร์และไคท์ที่บัดนี้  ไคท์ดูจะเริ่มเสียเปรียบเพราะเขาออกแรงในตอนแรกมากไป  ลีที่เห็นดังนั้นก็จะวิ่งเข้ามาหา  แต่ไคท์ตะโกนห้าม

        “  อย่าเข้ามาลี  ฉันจัดการได้”

        “  แต่นายท่าทางไม่ไหวแล้วนะ”  ลีเริ่มกระสับกระส่าย

        “  ไม่เป็นไร...ฉัน...ฉันไหว”  ไคท์เริ่มพูดไม่ไหว  แต่เนลเยอร์ยิ้มเยาะ

        “  อะไรกันเล่า  มาได้แค่นี้เองเรอะ”

        “  เนลเยอร์  ฉันขอถามอะไรซักอย่างสิ”

        “  ได้เลย  เพราะนี่อาจจะเป็นคำถามสุดท้ายที่นายอาจจะได้ถามฉัน”  

        “  ทำไม...นายถึงได้สู้กับฉัน”  ลีชะงักกับคำถามที่ไคท์ถามเนลเยอร์ออกไป  เนลเยอร์ยิ้มเย็น

        “  ข้อแรก  นายเด่นเกินไป  ข้อสอง  นายเก่งเกินไป  และสุดท้าย...”

    เคร้ง !!!

    เนลเยอร์ตวัดดาบอย่างแรง  ดาบของไคท์กระเด็นออกห่างจากเขาไป  10  เมตร  ตอนนี้เขาไม่เหลืออาวุธแล้ว  เนลเยอร์ยิ้มก่อนที่จะตอบอีกครั้ง

        “  ฉันเกลียดนาย”  ปลายดาบแหลมพุ่งเข้ามาหมายจะแทงไหล่ขวาของเขา  ไคท์หลับตาแน่น  เนลเยอร์ยิ้มอย่างคนมีชัยชนะ  แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

        ฟึ่บ !!  

        ไคท์รู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลลงมาที่เขา  มันคงเป็นเลือด  เขาคิด  แต่ว่าทำไมเขาไม่เจ็บเลยล่ะ  ไคท์ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น  เลือดสีแดงสดไหลลงมาบนตัวเขา  มือข้างหนึ่งจับดาบเอาไว้ก่อนที่จะถึงตัวเขา  มือนั้นกำดาบแน่น...

        “  ลี !!!”  เนลเยอร์มีสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มเปิดปากถาม

        “  ทำไมถึงได้ทำแบบนี้”

        “  นาย...อยากให้ฉันเกลียดไปมากกว่านี้รึไง”  ลีส่งสายตาเย็นชาอีกครั้ง  แต่มือของเขายังไม่ปล่อยดาบนั้นเลย  ในขณะที่เลือดก็ค่อย ๆ ไหลมากขึ้น

        “  ชิ !!”  เนลเยอร์เก็บดาบพร้อม ๆ กับที่ลีเอามือออก  ไคท์มองลีที่หันหลังให้เขา  ราเดนค่อย ๆ เดินเข้ามาหาลี  

        “  กลับเหอะ”  เอิร์นเรียกเนลเยอร์  เขาเดินไปทางเอิร์นก่อนแล้วส่งสายตาอาฆาตมาให้  ฮีสเซลกำลังมองลีอย่างทึ่ง ๆ ก่อนที่จะหันหลังตามเอิร์นไป

        “  ทำไมต้องมาขวางด้วย”  ไคท์ถามขึ้นเมื่อตั้งสติได้  ลีหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมาเช็ดเลือดที่กำลังไหลอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ

        “  ไม่มีอะไร  ก็บอกแล้วไงล่ะว่า  ไม่อยากให้ใครแกล้งนาย”

        “  อย่าทำแบบนี้สิ  มา  ฉันรักษาให้”  ไคท์ดุลีแล้วเอื้อมมือไปจับมือของลีที่บาดเจ็บอยู่  เขาท่องเวทย์เบา ๆ

        “  เคอร่า”  บาดแผลของลีค่อย ๆ สมานตัวกันและปิดสนิทเป็นอย่างเดิม  

        “  ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้รู้ไหม  ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ในอันตรายก็เหอะ”  ไคท์บอกกับลี

        “  แต่ถ้านายกำลังจะตายล่ะ”  ลีถามกลับ

        “  ไม่เป็นไรหรอก  เพราะว่า...”  ไคท์หันหลังให้ลีและราเดน

        “  ฉันจะตายก็ต่อเมื่อฉันได้ปกป้องพวกนาย”  ว่าแล้วเขาก็เดินกลับไปที่ปราการนักรบ  ราเดนลุกขึ้นหมายที่จะกลับปราการเหมือนกัน  แต่ลีกลับหัวเราะขึ้นมา

        “  นายหัวเราะทำไม”

        “  ฉันขำหมอนั่นเป็นบ้า  พูดอะไรออกมาน่าจะรู้ตัวนะ  ในเมื่อตัวเองไม่สามารถปกป้องใครได้  แต่กลับพูดแบบนั้นมันฝืนชะตากรรมนี่นา”  ลีพูดแล้วก้มหน้าลง  ราเดนมองดูอยู่สักพัก

        “  อย่าลืมสิ...หมอนั่นน่ะคิดจะฝืนชะตากรรมของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่นา”  พูดจบเขาก็เดินจากไป  ลีที่ก้มหน้าอยู่ได้เงยหน้าขึ้นมา  แล้วมองตามหลังราเดนอย่างเศร้า ๆ

        “  เจ็บปวดล่ะสิ  ที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น”  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×