ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชารูฟ ออฟ เสก ตอน ประตูกล

    ลำดับตอนที่ #7 : ไม่คาดคิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 72
      0
      28 ต.ค. 48

    “  นอนกันดีจริงเจ้าพวกนี้”  ไคท์บ่มพึมพัมกับสภาพที่ตนเห็นตรงหน้า  ลีนอนขลุกอยู่ในผ้าห่ม  ส่วนราเดนก็นอนหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่น  เขาถอนหายใจก่อนที่จะไปอาบน้ำแล้วแต่งตัว  เมื่อเขาออกมาก็เอาชุดนักเรียนที่อยู่ปลายเตียงมาใส่  พอใส่เสร็จเขาก็ไปส่องกระจกดูแล้วพูดขึ้น

        “  นี่มันชุดนักเรียนหรือชุดอะไรเนี่ย”  เขามองสภาพตัวเองในกระจกที่สะท้อนภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดดำแขนยาวมีคอปิด  ชุดของเขาเหมือนเสื้อโค้ทเพียงแต่ไม่ค่อยหนาเท่านั้น  มีกระดุมให้ติดแค่ครึ่งตัวส่วนที่เหลือปล่อยชายทิ้งไว้  แน่นอนเขาต้องไม่ลืมคาดที่คาดหน้าผากประจำตำแหน่งของเขา  เขามองกระดาษโน๊ตแล้วถอนหายใจ

        นี่คือชุดประจำตำแหน่งของนาย  ฉันเอาตารางเรียนแปะไว้ที่ประตูแล้ว  อย่าลืมบอกให้เจ้าพวกนั้นใส่ชุดที่เตรียมไว้ด้วยล่ะ  อ้อ  อีกอย่างนายไม่ต้องใส่เครื่องแบบนักเรียนด้านในนะ  ใส่แค่เสื้อกล้ามพอ  เพราะเจ้าชุดนี้มันหนาพอน่ะ  ขอให้สนุกกับการเรียนวันแรกล่ะ

                                        เรย์

        “  ขอบใจ”  เขาพูดประชดแล้วขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ  แล้วเดินไปที่ประตูแล้วดึงเอาตารางเรียนออกมาอ่าน  เมื่ออ่านจบเขาจึงตัดสินใจไปปลุกเพื่อนทั้ง  2  ของเขา  เขาค่อย ๆ เดินไปที่เตียงของลีแต่...

        “  ดูท่าหมอนี่จะตื่นยาก  ปลุกราเดนก่อนดีกว่า”  ว่าแล้วเขาก็เดินไปที่เตียงของราเดนแทน  แต่เขาได้สังเกตหน้าตอนหลับของราเดนแล้วพูดขึ้น

        “  อืม   ดูดี ๆ หมอนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกันแฮะ  ประจำเห็นแต่ทำหน้าเฉยชา  แต่พอดูแบบนี้แล้วน่ารักดี  ฮิ  ฮิ  ฮิ”  เขาหัวเราะ

        “  อื้อ...”  เสียงราเดนครางเล็กน้อย  ไคท์จึงรีบปิดปากของเขาทันที

        “  ดังไปมั้ยเนี่ย  แต่เรามาปลุกหมอนี่นี่นา”  เขาจึงค่อย ๆ วางมือ  แต่ราเดนกลับเพ้อออกมา

        “  ขอร้อง...อย่าทิ้งฉันไป...กลับมาเถอะ...”  ราเดนเพ้อออกมา  ไคท์จึงรีบชักมือกลับ

        “  เฮ้  ฝันร้ายเรอะ”  ไคท์เริ่มใจคอไม่ดี  แต่เขากลับได้ยินสิ่งที่ไม่สมควรได้ยินออกมา

        “  ...อย่าทิ้งฉันไป...กลับมาเถอะ...แคธี…”  โครม !  เสียงไคท์ที่ตกใจจนหัวไปโขกเก้าอี้  ทำให้ราเดนตื่นขึ้นมา  แล้วมองไคท์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของเขา

        “  ตายล่ะ”  เขาคิด  “  ได้รู้อะไรแปลก ๆ ซะแล้วสิ”  

        “  เฮ้  ไม่เป็นไรนะ”  ราเดนเดินเข้ามาใกล้  แล้วมองไคท์ที่กำลังก้มหน้าอยู่

        “  มะ...ไม่เป็นไร  นาย...ไปอาบน้ำเถอะ”  ไคท์รีบลุกขึ้นแล้วพูดอย่างรื่นเริงแปลก ๆ

        “  แน่นะ  ท่าทางนายไม่สบายนะ  เป็นไข้รึเปล่า”  ราเดนถามอาการแล้วจะเอามือแตะหน้าผาก  แต่ไคท์รีบถอยทันที

        “  ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันแค่...ร้อนน่ะ  ร้อน”  ไคท์รีบโบกมือพัดลมเข้าหาตัวเอง  แล้วรีบเดินไปหยิบกระเป๋าของตนเอง

        “  ...ไคท์...”  ราเดนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย  ไคท์ที่ได้ยินเสียงผิดปกติแบบนั้นจึงรีบหันมามองราเดน

        “  มีอะไร  ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้นล่ะ”  ไคท์ขมวดคิ้วเพราะเขาไม่เคยได้ยินเสียงที่สั่นไหวของราเดนมาก่อน

        “  ถ้า...นายมีสิ่งที่อยากปกป้อง  แต่นายไม่สามารถปกป้องได้  ทำได้แค่ปล่อยให้สิ่งนั้นหายไปต่อหน้าต่อตา  นาย...จะทำยังไง”  ราเดนพูดขึ้นแล้วทรุดตัวไปพิงกับผนังห้องก้มหน้านิ่ง  ไคท์ได้แต่มองเขาอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะเปิดปากขึ้น

        “  ก็สู้ต่อไป  มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสิ่งนั้น  ถึงแม้ว่ามันจะหายไปแล้ว  อีกอย่าง...”  ไคท์หยุดพูด  ราเดนจึงเงยหน้าขึ้นมามองไคท์ที่เงียบไป

        “  นายยังจำเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับสิ่งนั้นอยู่รึเปล่าล่ะ”  ไคท์ถามแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนมาที่เขา  ราเดนจึงเปิดปากขึ้นช้า ๆ

        “  ฉันไม่มีทางลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งนั้นได้หรอก”  ราเดนตอบ  ไคท์จึงเอามือของเขาแนบที่อกของราเดนเบา ๆ

        “  ถ้านายยังจำได้  เขาก็ไม่ได้หายไหนหรอก  เขายังอยู่...ในความทรงจำของนาย”  ไคท์พูด  ราเดนจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา  ไคท์จึงหันหลังกลับไปหยิบกระเป๋าขึ้นมา  แล้วรีบไปปลุกให้ลีตื่นขึ้น  ลีงัวเงียก่อนเดี๋ยวนึงก่อนที่จะเดินอย่างกับวิญญาณจะออกจากร่างเข้าห้องน้ำไป  ราเดนจึงเดินตามไป  ช่วยจังหวะที่เขาเดินสวนกับไคท์นั่นเอง

        “  ขอบใจนะ”  เขาพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา  ไคท์ชะงักไปกับคำพูดนั้นแล้วหันกลับไปก็พบว่าราเดนไม่อยู่แล้ว  เขาจึงถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะพึมพัมขึ้นมาเบา ๆ

        “  สิ่งที่อยากปกป้องงั้นหรือ...ใช่สิ่งนั้นรึเปล่านะ  คนที่ชื่อ  แคธี”  

        “  ว้าว ! ชุดนี้เจ๋งสุด ๆ เลย  ไคท์ดูสิ”  ลีโชว์ชุดให้ไคท์ดู  มันเป็นชุดเสื้อแขนยาวสีขาว  กางเกงขายาวสีดำมีเข็มขัดดำคาดอยู่  ในขณะที่ลีใส่ชุดประจำตำแหน่งของเขาเข้าไปก็มองดูดีไปอีกแบบ  ทำให้ไคท์คิดว่าเขาดูตลกไปเลย

        “  ชุดนายก็ไม่เลวนี่”  ลีหันไปชมชุดของไคท์

        “  ตลกออก  นายน่ะดูดีนะ”  ไคท์มองสารรูปตัวเองแล้วหันไปชมลี  เขายิ้มหน้าบาน

        “  รุ่มร่ามนิดหน่อยแฮะ”  ราเดนเดินออกมาจากห้องเขาแต่งตัวเสร็จแล้ว  เสื้อด้านในของเขาเป็นชุดแขนยาวสีขาว  ด้านนอกมีเสื้อสีคอปิดสีดำสวมทับอยู่  เขาใส่กางเกงดำเหมือนลี  และกำลังจัดผ้าคลุมของเขาให้เข้าที่แล้วมองตัวเองในกระจก

        “  อืม  ใช้ได้แล้วมั้ง  นายจัดกระเป๋าเสร็จยัง”  ราเดนหันไปถามไคท์ที่กำลังมองราเดนอยู่

        “  เสร็จแล้ว  เอ้านี่ ! ของพวกนาย  ฉันจัดให้เรียบร้อยแล้ว”  ไคท์พูดแล้วโยนกระเป๋าของทั้ง  2  คนให้

        “  แท้งกิ้ว  แหม !  มีเพื่อนอย่างนายเนี่ยโชคดีชะมัด”  ลีหัวเราะคิก

        “  เอามา  250  เชน  ค่าจัดกระเป๋าให้”  ไคท์แบมือ

        “  โหย  ไอ้เพื่อนงก”  ลีมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

        “  ล้อเล่นน่ะ”  

        “  วิชาแรกเรียนอะไรน่ะ”  ราเดนหันไปถามไคท์

        “  สัตว์เวทย์มนต์”  

        “  ได้อวดสัตว์ของฉันซะที  จริงสิ  ฉันหิวแล้วล่ะไปหาอะไรกินกัน”  ลีชวน

        “  เอาสิ”  ว่าแล้วไคท์ก็เดินนำทั้ง  2  ไป  แต่เมื่อเปิดประตูไปสักพักเขาก็ปิดประตู

        “  อ้าว  ทำไมไม่ออกไปล่ะ”  ลีถาม

        “  ไม่ล่ะ  เด่นไปหน่อย”  ไคท์ส่ายหัว

        “  หา  มาถึงนี่แล้วยังจะถอยงั้นเหรอ  หลบไป  ฉันไปเอง”  ว่าแล้วลีก็เปิดประตูออกไป  ภาพที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือ  เหล่านักเรียนที่ใส่ชุดนักเรียนธรรมดา  ชายใส่ชุดเสื้อแขนยาวสีขาวมีเสื้อคอปิดสีดำเหมือนราเดน  กางเกงดำมีเข็มขัดเหมือนกัน  ส่วนหญิงใส่ชุดแขนสั้นสีขาว  มีเสื้อแขนยาวสีดำคลุมอยู่ด้านนอก  กระโปรงยาวคลุมเข่า  สวมถุงเท้ายาว  และใส่รองเท้าหนัง

        “  ไม่ต้องกลัว  ตามมา”  ลีเดินนำหน้า  ไคท์ก้มหน้าเดินมาตลอดทางไปกินอาหาร  ส่วนราเดนก็เดินไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจว่าใครจะทักเขาว่าอะไร  จนไปถึงห้องอาหาร

        “  น่ากินทั้งนั้นเลย”  ลีน้ำลายสอ  ไม่ทันขาดคำเขาก็ลงไปร่วมโต๊ะกับเขาซะแล้ว  ไคท์และราเดนก็กินอาหารกันไปเรื่อย ๆ จนเกือบ  20  นาทีที่จะเข้าห้องเรียน

        “  เฮ้  เราจะต้องไปเรียนที่ไหนน่ะ”  ลีถามขึ้น

        “  สนามใหญ่ใกล้ป่าทึบทางทิศตะวันตก”  ไคท์ชี้ไปที่ทางฟากตะวันตกของปราการ

        “  ไกลนะนั่นน่ะ  วิ่งไปไม่ทันแน่  จริงสิ  นายเรียกเหยี่ยวของนายมารึยัง”  ลีท้วงขึ้น

        “  นั่นสิ”  วี้ด !!  เสียงเป่าปากของไคท์จึงปรากฏร่างของเหยี่ยวที่กลางป่า  มันบินมาหานายของมันอย่างว่าง่าย  ส่วนกาสีครามของลีก็มาเกาะที่บ่าของเขาแล้วเหมือนกัน

        “  แล้วนายล่ะ  ราเดน  เรายังไม่เห็นสัตว์ของนายเลย”  ลีพูดขึ้น  

        “  นั่นสิ  สำหรับ  20  นาทีแล้ว  มันก็จำเป็นสำหรับพวกนายด้วยสินะ”  เขาร่ายเวทย์ไฟไปบนท้องฟ้า  ไม่นานก็มีร่างมหึมาของสัตว์ปีกขนาดใหญ่  ร่างกายสีขาวราวกับหิมะ  มีร่างกายที่แข็งแรง  เขี้ยวที่แหลมคม  ได้ร่อนลงมาตรงหน้าของพวกเขา  ลีอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง  ส่วนไคท์ก็ผิวปากเบา ๆ อย่างพอใจ

        “  เจ๋งนี่  มันชื่อว่าอะไรน่ะ”  ไคท์ถามส่วนลีได้พูดอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ออกมา

        “  มะ...มะ...มังกรหิมะ  นี่นายมีมันอยู่ได้ยังไงเนี่ย  มังกรหิมะถือได้ว่าเป็นมังกรที่ควบคุมยากรองมาจากมังกรดำนะ  แต่นี่นาย...”  ลีพูดออกมาซะยาวเหยียดแต่ราเดนไม่สนใจ  

        “  สตรีม...”  เขาตอบพลางลูบหัวของมังกรหิมะของเขา

        “  ว้าว !  ลี  นายควรจะดีใจนะ  เราสามารถเข้าเรียนทันแน่ภายใน  20  นาทีนี้น่ะ”  ไคท์พูด

        “  มันคงจะเด่นไม่น้อยถ้าเราจะไปปรากฏตัวในชั้นเรียน”  ลีนึกสนุกอีกครั้ง

        “  งั้น...ขึ้นมา  เรามีเวลาไม่มากพอ”  ราเดนเอ่ยแล้วขึ้นไปนั่งบนหลังของสตรีม  ไคท์จึงพูดกับอีเกิ้ลเพื่อให้มันไปรอที่ชั้นเรียนก่อน  ดูเหมือนว่ามันจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน  มันจึงนำโครวกาของลีไปด้วย  ทั้ง  2  จึงขึ้นไปบนหลังสตรีมในทันที

        “  เอาล่ะ  เกาะแน่น ๆ นะ  สตรีม  ไปทางตะวันตก”  เมื่อราเดนสั่งจบ  มังกรหิมะจึงกางปีกอันกว้างใหญ่ของมันออก  แล้วถีบตัวขึ้นสู่เวหาในทันที  พวกเขารับความรู้สึกเย็น ๆ ได้เพียงแว่บเดียวก็รู้สึกว่าถึงพื้นเสียแล้ว  ด้านล่างไคท์รู้สึกได้ว่าได้ยินเสียงกรี๊ดดังออกมา  ดูท่างานนี้พวกเขาคงจะปรากฏตัวแบบน่าทึ่งเกินไปแล้ว  ทันทีที่มังกรหิมะลงสู่พื้น  นักเรียนของปราการนักรบรีบถอยหลังเพื่อความปลอดภัยของตนเอง  แม้แต่ครูประจำวิชายังต้องถอยออกเล็กน้อยเพื่อหลบปีกอันกว้างใหญ่ของมันให้พ้น  ไม่รอช้าลีรีบกระโดดลงมาจากมังกรตัวนั้น  ชายเสื้อคลุมสีดำของเขาปลิวไปด้านหลัง  ไคท์ก็กระโดดตามลงมา  แต่ราเดนมาถึงคนแรกเพราะว่าเขาได้วาร์ปมาอีกแล้ว

        “  ขี้โกง  นายใช้เวทย์มนต์”  ลีโวยวายเสียงดัง  ไม่มีการเกรงใจครูประจำวิชาที่กำลังสายตาเขียวปั้ดมามอง  เพราะรู้สึกรำคาญกับการปรากฏตัวของพวกเขา  ในขณะที่พวกนักเรียนเองก็ยังไม่หายตกใจกับมังกรหิมะตัวนี้

        “  กติกา...นายยังไม่ได้เขียนมันขึ้นมาไม่ใช่รึไง”  ราเดนสวนกลับ

        “  มันน่าจะอยู่ในจิตสำนึกของแต่ละคนนะ”  ลีใส่ต่อ

        “  งั้นนายลองใส่มันลงไปในจิตสำนึกของตัวเองบ้างสิ”  ว่าแล้วเขาก็เดินไปนั่งที่แล้วสั่งให้สตรีมไปอยู่บริเวณป่า  ซึ่งมีที่ว่างพอสำหรับมังกรหนึ่งตัว  อีเกิ้ลเมื่อเห็นนายของมัน  มันจึงรีบมาเกาะที่บ่าของไคท์  ส่วนโครวตอนนี้ก็กำลังหลับสบายอยู่บนตักของลี

        “  เอาล่ะพวกเธอ”  ครูหันมาที่พวกของไคท์ที่บัดนี้นั่งกันเรียบร้อย

        “  ครับ”  ทั้ง  3  ตอบพร้อมกัน

        “  การปรากฏตัวของพวกเธอถือว่าน่าทึ่งมาก  แต่ถ้าคราวหน้าคิดว่าจะมาไม่ทันจริงๆ ให้ใช้เวทย์มนต์มาเข้าใจไหม”  ครูเตือนพวกเขาก่อนที่จะกลับไปยืนหน้านักเรียนทุกคนเหมือนเดิม

        “  ครูมีชื่อว่า  เนลี่  วิกเจอร์  สอนวิชานี้ให้กับพวกเธอตลอด  3  ปี  แน่นอนว่าทุกวิชา  พวกเธอก็จะเจอกับอาจารย์หน้าเดิม ๆ ตลอด  3  ปีนั่นแหละ  สำหรับชั่วโมงแรกก็ไม่มีอะไรมาก  ครูจะให้การบ้านพวกเธอไปทำเกี่ยวกับสัตว์เทวะในตำนานตัวแรก  อสูรแห่งนรกโลกันต์  เอเฟรุส  นำมาส่งในชั่วโมงหน้า  ตอนนี้เวลาเหลือ  ให้ทำอะไรก็ได้แต่อย่าก่อความวุ่นวาย  จะเล่นกับสัตว์ก็ได้ตามใจ  พอหมดชั่วโมงให้พวกเธอเข้าเรียนวิชาต่อไป  อย่าสายด้วย”  พูดจบเธอก็เดินจากไป

        “  เฮ้  ราเดนนายได้มังกรนั่นมาได้ยังไงน่ะ”  ลีถามอย่างใคร่รู้

        “  ของขวัญตอนฉันเกิด”  ราเดนตอบอย่างไม่ใส่ใจ

        “  งั้นตอนนี้ก็...”  ไคท์นับอายุของสตรีม  แต่ราเดนตอบขึ้นมาก่อน

        “  20  ปี  ตอนที่จับมาได้มันอายุ  5  ปี  กำลังซนเลย  เล่นซะปราสาทกลางของพี่สาวฉันกลายเป็นน้ำแข็งไปเลย”  ราเดนพูดให้ฟัง  ลีและไคท์ก็หัวเราะออกมา

        “  ฮะ  ฮะ  ดูท่ามันจะซนน่าดูเลยนะนั่นน่ะ  แล้วนายคุมมันอยู่ได้ไงน่ะ”  ลีถามต่อ

        “  พอฉัน  8  ขวบ  ฉันก็เริ่มขึ้นไปนั่งบนตัวมันแล้ว”  ราเดนตอบออกไป  ลีอ้าปากค้าง

        “  ปะ...เป็นไปได้ไง  แค่  8  ขวบเนี่ยนะ”  ลีละล่ำละลักออกมา

        “  ทุกอย่างเป็นไปได้  เด็กน้อยเอ๋ย”  ราเดนพูดขึ้น  ลีไฟลุกโชกแล้ว  ไคท์หัวเราะคิก

        “  ฉัน...ไม่ใช่เด็กนะ !!!”  เขาว้ากออกมา  นักเรียนทั้งชั้นจึงหันมามอง

        “  นี่ ๆ ลี  เคลน๊อต  กรุณามีความเกรงใจอยู่ในสามัญสำนึกเสียบ้าง”  ครูเนลี่พูดขึ้น  ไคท์หัวเราะก๊ากเพราะไม่นึกว่าเธอจะพูดแบบเดียวกับราเดน  ลีจึงหุบปากเงียบ  แต่สบทออกมา

        “  ฝากไว้ก่อนเถอะ  ไอ้ตุ๊กตาหิมะกลมบล๊อก”  ว่าแล้วก็หันไปทางราเดนที่ตอนนี้กำลังใช้เวทย์น้ำแข็งทำเป็นรูปตุ๊กตาหิมะให้ไคท์ดูอยู่

        “  ต่อจากนี้อีก  3  วิชาก็จะเป็นเวลาพักแล้วนะ”  ไคท์เตือนเพื่อนของเขาที่กำลังเล่นกับสัตว์ของตัวเองกันอยู่

        “  ตั้ง  3  วิชา  มีอะไรบ้าง”  ลีบ่นออกมาก่อนที่จะถามไคท์

        “  ก้อประวัติศาสตร์  เวทย์มนต์  และพฤกษาศาสตร์  เท่านี้”  ไคท์ไล่ลำดับวิชาให้ฟัง

        “  อืม ๆ ประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นวิชาที่หินเอาการ”  ราเดนประเมินวิชา

        “  ฉันเองก็คิดว่างั้น  เฮ้ !  นี่ใกล้เข้าเรียนแล้วนี่  ไปเถอะ”  ลีรีบลุกขึ้น

        “  นายรู้ได้ไง”  ราเดนถามลีที่กำลังอุ้มโครวขึ้น

        “  ก็สัญญาณไฟเวทย์มันขึ้นอยู่กลางอากาศเมื่อกี้นี้”  ลีชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า

        “  หือ  เพิ่งเคยเห็นนายรู้จักคิดก็คราวนี้”  ราเดนพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินไปทางสตรีม  ทางด้านลีที่ตอนนี้กำลังตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ

        “  เพิ่งรู้งั้นเรอะ  ทำยังกับว่าฉันไม่รู้จักคิดงั้นน่ะ”  ลีค่อย ๆ พูดอย่างใจเย็นทีละคำ

        “  ไม่เอาน่า  เดี๋ยวเข้าเรียนสายนะ”  ไคท์ส่ายหัวแล้วเดินไปที่ปราการกลางซึ่งเป็นสถานที่เรียนต่อไปของพวกเขา  ตลอดทางที่เดินมา  ลีไม่ยอมพูดกับราเดนแม้แต่คำเดียว  เอาแต่มองราเดนอย่างเคียดแค้น  แล้วพูดพึมพัมมาตลอดจนถึงห้องเรียนประวัติศาสตร์  ที่รอบห้องเต็มไปด้วยหนังสือ  มีชั้นหนังสืออยู่เต็มห้อง  ตรงกลางด้านหน้ามีกระดานและโต๊ะครูตั้งอยู่  และโต๊ะนักเรียนก็จะอยู่ทางด้านหน้าของโต๊ะครู  พวกของไคท์เลือกนั่งที่หลังสุดซึ่งสามารถนั่งกันได้  3  คน  เมื่อนักเรียนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว  อาจารย์ประจำวิชาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของชั้นเรียน  

        “  เอาล่ะ  มากันครบแล้ว  ฉันชื่อ  เควิน  ไดเก้นส์  ที่ห้องนี้มีกฎเพียงข้อเดียวคือ  ห้ามเรียกฉันว่าครู  แต่ให้เรียกว่า  อาจารย์  เท่านั้น  และห้ามถามซ้ำซาก  เข้าใจนะ”  เมื่อพูดจบเขาก็หันไปเขียนหัวข้อที่กระดานดำ  ลีจึงกระซิบกับไคท์ทันที

        “  หมอนี่ท่าจะตกเลขนะ  บอกมาได้ข้อเดียว  ความจริงเกินมาตั้งข้อนึง”  

        “  ลี  ฉันว่านายน่าจะสงบปากสงบคำซักหน่อยนะ”  ไคท์กระซิบตอบ

        “  มันไม่น่าจะมีอะไร  โอ๊ย !”  ลีพูดได้ไม่เท่าไหร่ก็ร้องเสียงหลง

        “  หัดมีสามัญสำนึกในจิตใจเสียหน่อยนะ  มิสเตอร์เคลน๊อต”  อาจารย์ที่เขียนหัวข้อบนกระดานเสร็จแล้วหันมาร่ายเวทย์หินใส่หัวของลี  ที่ตอนนี้ปูดเป็นลูกมะนาว

        “  ทราบแล้วครับ”  ลีพูดขึ้นแต่ก็พึมพัมขึ้นมาว่า  “  ทำไมวันนี้ถึงได้โดนว่าแบบเดียวกันบ่อยนักฟะ”  แล้วฟุบลงไปกับโต๊ะ

        “  เฮ้ ๆ ทำอะไรน่ะ”  ไคท์ถามลี

        “  จะนอน  ฉันไม่คิดจะผ่านอยู่แล้ววิชานี้น่ะ”  

        “  เอาแต่ใจ”  ราเดนพูดขึ้น  ลีจึงหันหน้าไปทางราเดนโดยอัตโนมัติ

        “  พูดมากน่า  เจ้าชายน้ำแข็ง”  แล้วเขาก็นอนลงไป  ไคท์จึงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  ตลอดวิชานี้ลีหลับตลอด  ราเดนก็นั่งไม่พูดอะไรเลยเอาแต่จดเนื้อหาลูกเดียว  ส่วนไคท์ก็นั่งฟังอาจารย์ไปเรื่อยๆ ไม่สนที่จะจด  จนอาจารย์เควินเริ่มมองมาที่เขาบ่อยขึ้น  และเอ่ยปากถาม

        “  มิสเตอร์เมสไซอาร์ส  เก่งแล้วหรือไงถึงได้ไม่ยอมจดอะไรเลย

        “  อะไรเนี่ย  นี่กะจะเล่นเรารึไง”  ไคท์บ่นจนราเดนหันมามอง

        “  พูดอะไรนะ”  อาจารย์เควินถามอีกครั้ง

        “  เปล่าครับ”  ไคท์ยืนขึ้นตอบเขา

        “  แล้วทำไมเธอถึงไม่จด  เก่งแล้วรึไง”  อาจารย์ถามคำถามเดิมกับเขา

        “  เบื่อครับ  ไม่อยากจด”  คำตอบนี้  ราเดนถึงกับอ้าปากค้างและปากกาขนนกที่เขาถืออยู่นั้นก็ร่วงลงพื้น  ตอนนี้ไคท์ดูจะเป็นจุดสนใจสำหรับนักเรียนทั้งห้องแล้ว  เพราะทุกคนหันมามองไคท์เป็นตาเดียว

        “  ดี  งั้นฉันจะถามเธอว่า  ทำไมการไล่ล่าของพวกหมอผีโบราณที่ต้องการชาวบ้านมาเป็นเครื่องบูชายันต์ถึงหมดไป”  อาจารย์เควินถามคำถามที่ยังไม่ได้พูดไปเลยในชั่วโมงนี้

        “  อาจารย์ยังไม่ได้พูดไปนี่ครับ  อาจารย์เพิ่งพูดถึงอารยธรรมที่รุ่งเรืองของพวกหมอผีที่มีอำนาจในหมู่ชาวบ้านนี่ครับ”  ไคท์แย้งขึ้น  ลีที่กำลังอยู่กลับตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้และกำลังจับจ้องไปที่อาจารย์เควิน

        “  อย่ามาย้อนฉัน  ตอบมา  ถ้าเธอตอบไม่ได้ตอนเย็นให้มาทำงานกับฉันจนถึงเที่ยงคืน”  ด้วยคำพูดนี้  ลีเริ่มส่งสายตาเกลียดชังไปที่อาจารย์เควินจนราเดนเริ่มอึดอัดกับท่าทางของลี

        “  นั่นเป็นเพราะพวกพ่อมดแม่มดเริ่มมีบทบาทมากขึ้น  โดยการสร้างปาฏิหารย์ให้กับชาวบ้านโดยไม่มีการบูชายันต์  อักษรรูนโบราณเริ่มเอามาใช้ใหม่  จนกระทั่งชาวบ้านเริ่มขับไล่พวกหมอผีออกไปจากหมู่บ้านและสถานที่ต่าง ๆ ทำให้เกิดความเกลียดชังพวกพ่อมดและแม่มดให้หมู่หมอผี  จนเกิดสงครามเวทย์มนต์กันระหว่างพ่อมดแม่มดและหมอผี  และแน่นอนว่าเหล่าพ่อมดแม่มดมีอำนาจมากกว่าก็เลยชนะเหล่าหมอผีไปได้  แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีเวทย์มนต์ของเหล่าหมอผีหลงเหลืออยู่  และจะถูกสืบทอดมาตามแต่ละตระกูลที่ถูกเลือกเท่านั้น  แต่ตระกูลพวกนี้มักจะแฝงอยู่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ซึ่งจะมีรึไม่นั้นก็แล้วแต่  สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้แน่ว่าตระกูลที่ถูกเลือกนั้นมีมากเท่าไหร่  อยู่ที่ไหน  และมีจุดประสงค์อะไรสืบทอดมาจากเหล่าหมอผีบ้าง  ไงครับ  ตรงตามหนังสือมากแค่ไหนครับ  ถ้าผมจำไม่ผิดหนังสือเล่มนี้มีมานานถึง  30  ปีแล้วนะครับ  เล่มแรกสุดรวบรวมโดยพ่อมดคราม  หรือเคาท์บลู”  ไคท์อธิบายอย่างละเอียด  ทุกคนมองเขาอย่างทึ่ง ๆ ลียิ้มบาง ๆ ให้ไคท์แล้วส่งสายตาเกลียดชังไปที่อาจารย์เควินที่ตอนนี้กำลังหน้าซีดกับข้อมูลที่ไคท์พูดเพราะมันถูกต้องทุกอย่างก่อนที่จะลงไปฟุบนอนต่อ  ราเดนเองก็หัวเราะหึ  หึ  แล้วก้มลงไปเก็บปากกาขนนกที่ตกไปเมื่อกี้ขึ้นมา  แล้วจดงานของเขาต่อ

        “  ทำไมถึงรู้ถึงขนาดนี้”  อาจารย์เควินพูดเสียงสั่น

        “  ผมว่าก่อนที่อาจารย์จะสอนนักเรียนน่าจะถามเสียก่อนว่าที่บ้านประกอบอาชีพอะไรนะครับ  ที่ผมรู้ก็เพราะว่าบ้านผมขายหนังสือครับ  อีกอย่างหนังสือเล่มนี้ผมก็ขายให้กับนักเรียนมาไม่รู้กี่รุ่นแล้วครับ  จนผมจำชื่อหนังสือและเนื้อหาข้างในจนแม่นแล้วล่ะ”  พูดจบเขาก็นั่งลง  อาจารย์เควินนิ่งอึ้งไปพักนึงก่อนที่จะพูดขึ้น

        “  หมดเวลาแล้ว  ขอให้ทุกคนไปเรียนวิชาต่อไปด้วย”

        “  ลี  ลี  ตื่นไปแล้ว  เดี๋ยวก็สายหรอก”  ไคท์เขย่าตัวของลี  เขาจึงงัวเงียแล้วลุกขึ้น  

        “  ท่าจะไม่ทัน  นี่  รีบ ๆ ลุกเข้าสิ”  ราเดนหันไปว่าลีที่กำลังนั่งตั้งสติอยู่บนโต๊ะของเขา

        “  อืม ๆ ฉันเข้าใจ...หาว ~ อืม...แล้ว”  ลีหาวแล้วลุกขึ้น

        “  ราเดน   ทันรึเปล่า”  ไคท์หันไปถามราเดนที่กำลังเดินออกมาด้านนอก

        “  ท่าจะไม่  เราต้องเรียนวิชาอะไรต่อไปนะ”  เขาถามต่อ

        “  ก็...เวทย์มนต์  ทำไมเหรอ”  ไคท์มองดูราเดนที่ตอนนี้หยุดเดินแล้ว

        “  งั้นก็สบายน่ะสิ  นี่พวกนาย  ยืนข้างๆ ฉันไว้นะ”  ราเดนเรียกเพื่อนทั้ง  2  ไคท์และลีก็เดินไปยืนข้างเขาอย่างว่าง่าย  ราเดนเรียกไม้เท้าออกมาแล้วเริ่มร่ายเวทย์

        “  ทางเหนือสินะ  เอาล่ะ  วาร์ป  ทู  นอร์ธ !”  ทุกสิ่งกลายเป็นสีขาวโพลน  ลีและไคท์หลับตาลง  เมื่อรู้สึกว่าแสงหายไปแล้วก็พบว่าพวกเขามายืนหน้าประตูห้องเรียนวิชาเวทย์มนต์

        “  ถึงแล้ว  เข้าไปข้างในเหอะ”  ราเดนนำเข้าไปก่อน  เมื่อเข้าไปแล้วพวกเขาก็ได้นั่งที่หลังสุด  ไม่ช้าอาจารย์ก็เดินออกมาจากผนังห้อง

        “  อืม...ดูเหมือนว่าจะมีคนใช้วาร์ปที่ห้องเรียนนี้สินะ  เอาล่ะ  ใครเป็นคนใช้จ๊ะ  โชว์ตัวหน่อยสิ”  ราเดนยืนขึ้นทันที  อาจารย์สาวยิ้มระรื่น

        “  ตอนนี้ครูให้เธอเต็มร้อย  อยู่ที่ว่าต่อไปนี้จะถูกหักมั้ย  ถ้าไม่เธอก็จะเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์ของปราการนักรบที่ได้วิชาเวทย์มนต์เต็ม  นั่งลงได้จ้ะ”  ราเดนนั่งลง  ลีอ้าปากค้าง  แล้วหันไปบ่นกับไคท์ที่กำลังเรียกไม้เท้าของเขาออกมา  และมันก็ได้ผลดีมันออกมาทันทีเมื่อเขาพูดคาถาจบ

        “  เฮ้ !  ฉันน่าจะหัดใช้วาร์ปให้ได้นะเนี่ย  จะได้เต็มมั่ง”  

        “  ถ้ามันฝึกง่าย ๆ ก็ดีน่ะสิ  ราเดนนายฝึกมานานเท่าไหร่”  ไคท์หันไปถามราเดนที่กำลังนั่งฟังอาจารย์อย่างตั้งใจ  แต่เขาก็ชูนิ้ว  2  นิ้วให้ดู

        “  เห็นมั้ยตั้ง  2  ปี  ฉันน่าจะรู้ให้เร็วกว่านี้”  แต่ราเดนกลับหันมาส่ายหน้า

        “  ไม่ใช่  2  ปี  แต่เป็น  2  อาทิตย์”  ราเดนหันไปฟังอาจารย์ต่อ  ลีทำตาโต

        “  นายใช่คนรึเปล่าเนี่ย”  ลีหันไปพูดกับราเดน  แต่เขาก็ไม่สนลีอีกแล้ว  และเริ่มจดเวทย์ที่อาจารย์สาวกำลังสาธิตให้ดู  แน่นอนว่าไคท์ก็ไม่จด  แต่นั่งพูดตามอาจารย์เลยดีกว่า

        “  เฮ้อ  มีวิชาไหนที่ฉันจะไม่ต้องมานั่งฟังเฉย ๆ ไหมเนี่ย”  ไคท์บ่นออกมา  แต่ท่าทางอาจารย์สาวจะได้ยิน  เธอจึงหันมาทางไคท์แล้วยิ้มอ่อนหวาน

        “  ได้จ้ะ  ถ้าเธอสามารถใช้เวทย์ได้ตามนี้ครูก็จะให้เธอผ่านวิชานี้ในชั่วโมงนี้แบบไม่มีการบ้าน  ดีไหมล่ะจ้ะ  เธอด้วยนะจ้ะ”  ว่าแล้วเธอก็ชี้นิ้วไปที่ลี  พวกเขาทั้ง  2  จึงยืนขึ้นและเดินออกไปที่หน้าชั้นเรียน

        “  ครูมีชื่อว่า  เมย์  รินเน่  เอาล่ะ  ครูจะกำหนดโจทย์แล้วนะจ้ะ  ขอให้ทั้งคู่เรียกไม้เท้าด้วยจ้ะ”  อาจารย์เมย์พูดขึ้นเมื่อสังเกตว่าทั้งคู่ไม่ได้เรียกไม้เท้าออกมา  คนทั้งห้องจึงกลั้นหายใจ

        “  คัม  เฮียร์  ไลท์ / ดาร์ค”  ทั้งคู่เรียกไม้เท้าพร้อมกัน  แน่นอนว่าไลท์คือของไคท์  ส่วนดาร์คนั้นคือไม้เท้าสีดำของลี  ฉับพลันไม้เท้าของทั้งคู่ก็ปรากฏขึ้นในมือของพวกเขา

        “  ดีมากจ้ะ  โจทย์แรก  ช่วยสร้างนิมิตอะไรก็ได้จ้ะ  หนึ่งอย่าง”  

        “  ดรีมเมอร์  แฟรี่ !”  ไคท์ร่ายเวทย์เมื่อเขาพูดจบก็เกิดหมอกขึ้นบาง ๆ มีเหล่าภูตตัวจิ๋วกำลังเล่นกับดอกไม้  ไม่นานนักก็หายไป  อาจารย์เมย์ยิ้มพอใจ  แล้วหันไปทางลี

        “  ตาเธอแล้วจ้ะ”  เมื่อเธอพูดจบลีก็เริ่มร่ายคาถาทันที

        “  ดาร์ค  อาย  คิลเลอร์  ดรีม !”  อยู่ ๆ ก็เกิดภาพของนัยน์ตายักษ์สีดำสนิท  กำลังจับจ้องไปที่นักเรียนคนอื่น  นักเรียนหญิงบางคนถึงกับกรี๊ด  ช่วงเวลานั้นเอง  ไคท์ก็เริ่มรู้สึกแน่นที่หน้าอกจนแทบจะหายใจไม่ออก  ไม่นานเขาเริ่มหายใจติดขัดเมื่อหมดฤทธิ์ของเวทย์มนต์  ไม้เท้าของไคท์ก็ตกลงกับพื้น  ลีจึงรีบหันมามองไคท์ที่เริ่มทรุดนั่งลงกับพื้น  เขาเริ่มหายใจขาดห้วง  หัวใจเต้นแรง  ราเดนที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบลงมาจากที่นั่งแล้วพยุงตัวของไคท์ขึ้น  แต่เมื่อเขาแตะที่ตัวของไคท์เท่านั้น  ราเดนที่รีบชักมือกลับ  เพราะมีหมอกสีดำกำลังพันอยู่รอบ ๆ มือของเขาที่สัมผัส  ราเดนรีบแก้เวทย์โดยทันที  ส่วนลีก็กำลังเขย่าตัวของไคท์  ตัวของไคท์เริ่มร้อนผ่าว  ในขณะที่หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนหายใจไม่ทัน  เขาหลับตา  แต่กลับมีภาพต่างๆ วิ่งไปมาอยู่ในหัวของเขา  จากนี้เขาเริ่มปวดหัวอย่างแรง  จนต้องเอามือกุมหัวไว้  ลีเลิกเขย่าตัวของไคท์แล้วลุกขึ้น  เขาถอยห่างจากไคท์เป็นระยะ  1  เมตร  อาจารย์เมย์เริ่มเรียกไม้เท้าของเธอออกมา  แต่ลีได้เริ่มร่ายเวทย์เสียแล้ว

        “  ราดา  ฮายา  มีโกร์  ไอร์เทน  แฟก!!!”  เขาชี้ไม้เท้าไปที่ไคท์โดยทันทีเมื่อร่ายเวทย์จบ  อาจารย์เมย์มองลีอย่างไม่เชื่อสายตา  แสงสว่างจ้าขึ้น  ไม่นานก็ดับลง  ไคท์ลงไปนอนที่พื้นหายใจหอบ  ในขณะที่มือของเขากำลังกุมหน้าอกอยู่  ลีและราเดนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่จะเดินไปช่วยกันพยุงไคท์ให้ลุกขึ้น

        “  ไคท์  ลุกไหวมั้ย”  ราเดนถาม  เปลือกตาของไคท์ค่อย ๆ ขยับขึ้น  แล้วหันไปมองหน้าราเดน  ลีมองไคท์ด้วยสายตาที่เป็นห่วงและเหมือนกับโทษตัวเองไปด้วย

        “  มะ...ไม่เป็นไร”  ไคท์ค่อย ๆ ยืนขึ้นเอง  และใช้ไม้เท้าของเขาพยุงตัวเองขึ้นมา  แต่ยืนได้ไม่นานก็ลงไปนั่งกับพื้นอีก  แต่ลีคว้าไว้ได้  ไคท์จึงหันไปมองหน้าลี

        “  ทำ...ไม...มองฉันด้วยสายตา...แบบนั้น...ล่ะ”  ไคท์ค่อย ๆ พูดออกมา  ลีกำลังจะตอบคำถามเขา  แต่อาจารย์เมย์กลับพูดขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

        “  ขอให้ทุกคนไปเรียนวิชาต่อไปด้วย  ส่วนพวกเธอ  3  คน”  เธอหันมาทางพวกเขา

        “  ครูจะบอกอาจารย์วิชาต่อไปให้ว่าพวกเธอไม่เข้าเรียนเพราะมีกิจบางอย่าง  ราเดนช่วยพาไคท์เขาไปพักที่ปราการนักรบด้วย  คาดว่าไม่นานน่าจะหายถ้าได้นอนซักหน่อย  ส่วนเธอ  ลี   เคลน๊อต  พอทุกคนออกไปแล้วให้อยู่คุยกับครูเดี๋ยวหนึ่งนะ”  นักเรียนทุกคนออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรซักคำ  เมื่อออกไปกันหมดแล้ว  ราเดนก็มองลีและอาจารย์เมย์สลับกันไป-มาแล้วพยุงไคท์ออกไปจากห้องแล้วปิดประตู  ลีจึงค่อย ๆ เปิดปากพูดกับอาจารย์เมย์

        “  อาจารย์...มีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ”  

        “  เธอรู้...เวทย์มนต์บทนั้นได้ยังไง”  อาจารย์เมย์ตัดสินใจถามขึ้น

        “  มันก็แค่...เวทย์มนต์ธรรมดานี่ครับ”

        “  ไม่  ครูคิดว่าเธอน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนั้น  ถึงได้สร้างนิมิตแบบนั้น”

        “  ผม...เพิ่งรู้จักกับเขาได้ไม่นานครับ  อีกอย่างที่ผมสร้างนิมิตนี้ขึ้นเพราะผมไม่รู้เองว่าไคท์เขามีอะไรอยู่  ส่วนเวทย์มนต์นั้นผมก็แค่ลองพูดดูว่าจะได้ผลไหม  แค่นั้นเองครับ  ถ้าอาจารย์ไม่มีอะไรจะถามผมแล้วผมก็ขอตัวนะครับ”  ลีหันหลังจะเดินไปที่ประตู  แต่อาจารย์เมย์กลับพูดขึ้น

        “  เวทย์ที่เธอใช้กับเขาเป็นภาษารูนโบราณ...”  เธอตัดสินใจพูดขึ้น  ลีหยุดชะงัก

        “  ครูพูดเรื่องอะไรครับ”  เขาพูดโดยที่ไม่หันมามองอาจารย์เมย์

        “  ครูกำลังสงสัยว่าทำไมเธอถึงรู้เวทย์มนต์บทนี้ได้  อักษรรูนโบราณมีเพียงบางตระกูลหรือบางราชวงศ์เท่านั้นที่สอนสืบทอดต่อกันมา  แต่เธอกลับ...อีกอย่างนี่เป็นการแก้เวทย์มนต์ดำของตระกูลเดเรซผู้รับใช้ราชวงศ์เมสไซ...อาร์ส...หรือว่าเธอ”  อาจารย์เมย์รีบเอามือปิดปากของเธอแล้วมองลีด้วยสายตาที่ตกตะลึง  ลีจึงหันมามองอาจารย์เมย์ด้วยสายตาเศร้าหมอง  

        “  ถ้า...ครูรู้ล่ะก็  ช่วยเก็บไว้เป็นความลับด้วยนะครับ  ถ้าไม่เห็นแก่ผมก็ขอให้คิดถึงผู้สืบทอดราชวงศ์คนสุดท้ายด้วยนะครับ”  ลีหันหลังกลับแล้วเดินออกไป  ที่ระเบียงเขาพบกับราเดนที่ยืนรออยู่แล้ว  ส่วนไคท์ก็กำลังนั่งหลับอยู่ข้างเขา  ราเดนหันมามองลีที่กำลังเดินเข้ามาหา

        “  มีอะไรรึเปล่า  ดูนายไม่สบายใจเลยนะ”  ราเดนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

        “  ไม่มีอะไรนี่  ครูเขาแค่ถามถึงอาการของไคท์เท่านั้น”  ลีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย  ราเดนจ้องเขาตาไม่กระพริบ

        “  นายโกหก”  ราเดนพูดขึ้น  ลีขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ราเดนกลับถอนหายใจออกมา

        “  ก็ได้  นายจะโกหกฉันก็ได้”  ว่าแล้วเขาก็หันไปพยุงตัวไคท์ขึ้นมา  แล้วพูดต่อ  “  ฉันจะไม่ถามเหตุผลหรอกนะถ้าทำให้นายนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีขึ้นมา”  ลีมองราเดนอย่างทึ่งๆ

        “  ...ทำไม…”  ลีเอ่ยขึ้นเสียงเบา  ราเดนจึงหันมามอง

        “  ก็...มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องรู้นี่  อีกอย่างมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันด้วยนี่นา  แล้วเราจะไปที่ห้องพักกันได้รึยัง”  ราเดนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ  ลีจึงเดินมาทางราเดน  เมื่อเห็นว่าพร้อมกันแล้วราเดนก็วาร์ปไปที่ห้องพักของพวกเขาทันที  เมื่อไปถึงที่ห้อง  ทั้งคู่จึงช่วยกันวางไคท์ลงบนเตียง  เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว  ราเดนจึงพูดขึ้น

        “  ถ้าไงแล้วฉันจะไปดูทางห้องโถงนะ  ว่าเป็นยังไงกันบ้าง  นายช่วยดูแลต่อด้วยล่ะ”  เมื่อพูดจบเขาก็เปิดประตูออกไป  เมื่อประตูปิดสนิทดีแล้วลีก็พูดขึ้นมา

        “  ใครว่าล่ะ  เรื่องนี้มันเกี่ยวกับนายมากเลยล่ะ  แล้วก็...”  เขาหันหน้าไปทางไคท์ที่กำลังหลังสนิทแล้วคุกเข่าลง  “  ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันทำได้ก็มีเท่านี้ล่ะมั้ง  ขอโทษด้วยนะ  เรยอง  ที่ฉันดันใช้เวทย์นั่นจนได้  หวังว่านายคงจะไม่โกรธฉันนะ”  ว่าแล้วลีก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู  เขาหันมามองไคท์ก่อนแล้วออกจากห้องไป  ไม่นานนักอีเกิ้ลก็บินเข้ามาในห้อง  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

        “  ฉันไม่โกรธหรอก  ก็นายไม่ได้ทำผิดนี่นา  ฉันจะไปโกรธนายได้ไง”  เหยี่ยวหนุ่มก็ก้มมองดูนายของมันที่กำลังหลับด้วยความเหนื่อยอ่อน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×