ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชารูฟ ออฟ เสก ตอน ประตูกล

    ลำดับตอนที่ #14 : ฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 65
      0
      16 ส.ค. 49

    บทที่  14  ฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย

      “เอาไงกับหมอนี่ดีเนี่ย”  ชายหนุ่มผมดำยืนมองชายหนุ่มผมฟางที่กำลังนอนอยู่บนที่นอนอย่างมีความสุข  และไม่ยอมตื่นไม่ว่าเขาจะพยายามปลุกยังไงก็ตาม  เขาได้แต่มองอย่างหนักใจไปยังเขา  ในระหว่างนั้นเองชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พอจะนึกอะไรออก
     “นายถอยไป  ฉันเอง”  เขาผลักชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าเบา ๆ และลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง  เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเปิดปากพูดขึ้น
     “ตื่นได้แล้ว...”  เขากระซิบข้างหู  ทำเอาชายหนุ่มผมฟางถึงกับต้องยอมเปิดเปลือกตาที่ปิดบังนัยน์ตาสีเขียวเข้มไว้  และกระโดดผลุงลุกขึ้นนั่งบนเตียง  พลางเอามือถูหูอย่างบ้าคลั่ง
     “ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วฮะ  ว่าอย่าเอาของเย็น ๆ มาใกล้หูน่ะ”  เขาว้ากออกมา  แต่ราเดนกลับมีท่าทีเฉยเมย
     “รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวซะ  เดี๋ยวจะเข้าเรียนไม่ทัน”  เขาสั่งก่อนเดินออกจากห้องไป
     “โว้ย !!!  เช้ามาก็สั่ง สั่ง สั่ง เลยเหรอเนี่ย  จะบ้าตาย  โอ๊ย !!!”  ลีตะเบ็งเสียงลั่นห้อง  ก่อนที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยท่าทางหงุดหงิด
     “ให้ตายสิ  เมื่อไหร่จะหัดตื่นเองได้เนี่ย”  ไคท์เกาหัว  ก่อนที่จะนั่งลงรอชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำ  ระหว่างนั้นเขาก็นำตำรามานั่งอ่านเล่นฆ่าเวลา
     “เฮ้อ  ได้อาบน้ำหน่อยค่อยสบายหัวหน่อย...เฮ้ย !!!”  ลีที่เดินออกมาจากห้องน้ำถึงกับร้องเสียงหลงและรีบเอาตัวหลบอยู่ข้างกำแพง  ไคท์มองเขาอย่างสงสัย
     “อะไรของนาย”  เขาพูดขึ้นแล้วมองไปยังลีที่หลบอยู่หลังกำแพง
     “นายออกจากห้องไปก่อนได้มั้ย  ฉันจะแต่งตัว”  ลีพูดพลางยื่นหน้าออกมาทางกำแพง  ไคท์ขมวดคิ้วน้อย ๆ กับท่าทางของเขา
     “ก็แต่งไปสิ  ฉันไม่มองหรอก”  ไคท์พูดเรียบ ๆ ก่อนที่จะหันไปอ่านหนังสือต่อ
     “มันไม่ใช่อย่างนั้น  ก็นาย...นาย...”  ลีพูดอ้ำอึ้ง  ไคท์จึงละสายตาจากหนังสือที่อ่าน  แล้วหันมาสบตาลี
     “ฉันทำไม”  ไคท์ชักจะรำคาญกับเสียงที่ร้องออกมา
     “นาย...เป็นถึงเจ้าหญิง...”  ลีพูดออกมา  ไคท์พยักหน้าน้อย ๆ
     “แล้วไง” 
     “ก็...ฉันโป๊อยู่  นายจะดูฉันเปลี่ยนเสื้อผ้ารึไง”  ลีสารภาพออกมาแต่โดยดี  ไคท์เบิกตากว้าง  หน้าแดงเรื่อ ๆ
     “งั้น...งั้นก็ตามสบายสิ”  ว่าแล้วไคท์ก็รีบเดินออกจากห้องทันที  ลีถอนหายใจอย่างโล่งอก
     “ไม่เห็นต้องอายเลยนี่นา”  เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา  เหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังพูดขึ้นลอย ๆ
     “จะบ้าเรอะ  ไม่ให้อายได้ไง  ฉันไม่ได้ด้านเหมือนนายนี่หว่า”  ลีหันไปว้ากกับเหยี่ยวทันที  มันส่งสายตาเย็น ๆ มาแว่บหนึ่ง
     “นายว่าใครด้าน”  มันเริ่มพูดเสียงเย็น  ลีถึงกับขนลุกซู่
     “ไม่รู้  นายออกไปเหอะ  ฉันจะแต่งตัว”  ลีไล่เหยี่ยวตัวนั้นออกไป  มันส่ายหัวน้อย ๆ กับการกระทำของเขาก่อนที่จะบินออกไป  เป็นเวลาไม่นานนัก  ลีก็รีบไปสมทบกับไคท์และราเดนที่ห้องอาหาร
     “มาได้ซะที  แต่งตัวนานชะมัด”  ไคท์บ่นเบา ๆ ราเดนปรายตามองลีแว่บหนึ่งก่อนที่จะกินอาหารต่อเงียบ ๆ
     “เพิ่งฉะกับเหยี่ยวปากมากมา”  ลีพูดก่อนที่จะยัดอาหารในจานอย่างรวดเร็ว  ไคท์ขมวดคิ้ว
     “เหยี่ยว...เรยองเหรอ”  ไคท์พูดเบา ๆ ลีพยักหน้าหงึกหงัก
     “เออเด่ะ...บ่นให้ฟังแต่เช้า  ขนาดเป็นเหยี่ยวยังพูดมากเหมือนเดิม”
     “แล้วเขาไม่โกรธเหรอ”  ไคท์ถามอย่างหวาด ๆ ลียักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
     “หมอนั่นมันเส้นประสาทลึก  จี้แค่ไหนก็ไม่ค่อยรู้สึกหรอก”
     “งั้นโทษทีนะ  ที่เกิดมาเส้นประสาทลึกน่ะ”  เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูลี  เขาถึงกับชะงักก่อนที่จะหันไปมองต้นเสียง
     “นะ...นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่”  ลีผวาเมื่อเห็นเหยี่ยวที่เขาพบเมื่อเช้าเกาะอยู่บนบ่าของไคท์
     “ตั้งแต่นายว่าฉันว่าเส้นประสาทลึกนี่แหละ”  มันพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
     “แล้วนายทำแบบนี้จะดีเหรอ”  ราเดนถามเหยี่ยวหนุ่มเบา ๆ มันหันมามองเขาช้า ๆ
     “อะไรหรือ”  มันถามกลับ
     “ก็เล่นพูดในที่สาธารณะแบบนี้  เดี๋ยวก็เด่นหรอก”  ราเดนพูดเบา ๆ มันหัวเราะเล็กน้อย
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ  แค่นี้เขาไม่ว่าแปลกหรอกครับ  เพราะสัตว์เวทย์มนต์ที่พูดได้น่ะมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนเลยล่ะครับ”  มันตอบสบาย ๆ ก่อนที่จะหันไปมองลีอีกครั้ง
     “หัดระวังปากไว้บ้างนะ  ศิษย์รัก”  ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนั้น  แต่ลียังเหงื่อแตกพลั่ก ๆ แล้วรีบก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานจนหมด  ไคท์ยื่นแฮมให้อีเกิ้ลกินบ้างเล็กน้อย  มันรับอย่างยินดีแล้วจัดการกับอาหารที่ไคท์แบ่งไว้ให้จนหมด 
     บริเวณทางเข้าของปราการนักรบ  พวกของไคท์ได้เดินออกมาจากปราการโดยที่อีเกิ้ลยังคงเกาะอยู่บนบ่าของไคท์ไม่ปล่อย  เวลานี้พวกเขาจำต้องไปเรียนวิชาประวัติศาสตร์ที่ปราการกลาง  ในระหว่างนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางที่เร่งรีบ
     “เอ่อ...พวกคุณคือหน่วยพิเศษของปราการนักรบใช่มั้ยครับ”  ชายหนุ่มพูดกับพวกเขา  ไคท์พยักหน้า
     “มีธุระอะไรกับพวกเรารึ”  ไคท์ถามออกไป  ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ
     “ผมเป็นหน่วยพิเศษของปราการปราชญ์ครับ  หน่วยเวทย์มนต์  คลิฟ  มาโอเฮล”  เขาพูดพลางยื่นมือออกมา  ไคท์จับมือเขาตามมารยาทก่อนที่ปล่อยอย่างรวดเร็ว
     “แล้วมีอะไรรึถึงได้มาหา”  ลีพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์  คลิฟรีบตอบทันที
     “คือว่าตอนนี้ที่ห้องประชุมใหญ่กำลังมีการประชุมกันของหน่วยพิเศษแต่ละปราการน่ะครับ  แต่ขาดปราการนักรบเพียงปราการเดียว  ดังนั้นผมเลยมาตามพวกคุณไปร่วมประชุมน่ะครับ”
     “ต้องไปด้วยรึ”  ไคท์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม  คลิฟพยักหน้า
     “ครับ  เพราะมันเกี่ยวกับโรงเรียนด้วยน่ะครับ”  เมื่อได้ยินดังนั้น  ไคท์จึงหันไปยังชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลัง  พวกเขาพยักหน้าเป็นเชิงตกลงก่อนที่จะเดินตามกันไปที่ห้องประชุมใหญ่ของปราการกลาง
     ที่ห้องประชุมมีโต๊ะยาวเพียงตัวเดียวตั้งอยู่กลางห้อง  ชายหนุ่มและหญิงสาวรุ่น ๆ กำลังนั่งอยู่ตามตำแหน่งของหน่วยและปราการของตน  นักเวทย์เซโลนีนั่งรอผู้เข้าประชุมอีก  3  คนที่กำลังจะมาเข้าร่วมอย่างใจเย็น  ทันทีที่ประตูเปิดออก  ชายหนุ่มทั้ง  4  คนได้เดินเข้ามา  คลิฟชายหนุ่มผมสีมะนาวถักเปียไว้ด้านหลัง  โค้งคำนับให้กับนักเวทย์ชราที่นั่งหัวโต๊ะด้วยท่าทางสุภาพก่อนที่จะนั่งลงประจำที่ของตนเอง  ชายหนุ่มอีก  3  คน  จึงโค้งคำนับให้กับเขาก่อนที่นั่งลงประจำตำแหน่งของตนเอง  เอรีนนั่งอยู่ระหว่างแคโรว์รีนและเอิร์น  ใบหน้าของฮีสเซลฉาบยิ้มบาง ๆ อย่างยินดีเมื่อเห็นหน้าของลี  ลีจึงรีบเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตา  เนลเยอร์นั่งมองเอรีนบ้างเป็นระยะ
     “เอาล่ะ  ในที่สุดผู้เข้าประชุมก็มาถึงกันครบเสียที”  นักเวทย์เซโลนีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก  ฟังดูมีอำนาจทุกคำที่มีการเปล่งเสียงออกมา  เขากวาดสายตามองไปรอบห้อง  แล้วยิ้มน้อย ๆ
     “ที่เรียกหน่วยพิเศษของแต่ละปราการนี้มาไม่ใช่ธุระที่สำคัญอะไรมากนัก  เพียงแต่ว่าอยากจะขอให้ช่วยอาจารย์ในโรงเรียนนี้จัดงานฮาโลวีนที่กำลังใกล้เข้ามา  เพราะคณะอาจารย์บางท่านมีธุระที่ต้องสะสางทำให้ไม่สามารถจัดงานได้อย่างเต็มที่  ดังนั้นฉันจึงอยากจะขอร้องพวกเธอช่วยกันจัดงานนี้ขึ้น  โดยจัดกันที่ปราการกลางตามความคิดเห็นของพวกเธอ  แต่ของปราการพวกเธอ จะจัดกันก็ได้ตามใจ  เพียงแต่ว่าอย่าให้วุ่นวายมากจนเกินไป  เอาล่ะ  สิ่งที่ฉันอยากจะบอกมีเพียงเท่านี้  มีใครจะถามอะไรหรือไม่”  เมื่อชายชรากล่าวจบ  ก็มีมือข้างหนึ่งชูขึ้น  เขาพยักหน้าชายหนุ่มจึงลุกขึ้น  ชายคนนี้ไคท์เพิ่งเห็นเขาเป็นครั้งแรก  ชายหนุ่มผมสีครามดูยุ่งเล็กน้อย  นัยน์ตาสีชา  เขานั่งอยู่ข้างรูนและคลิฟ  เขาคงจะเป็นคนของปราการปราชญ์เป็นแน่
     “ผมอยากทราบว่า  การจัดงานที่ปราการกลางจะมีแต่พวกหน่วยพิเศษเท่านั้นหรือครับ  ที่ช่วยคณะอาจารย์จัดงาน”  เขาถามด้วยน้ำเสียงฟังชัด  เซโลนีพยักหน้าน้อย ๆ
     “แล้วแต่พวกเธอว่าจะหาคนมาช่วยงานได้มากเท่าไหร่  จะจัดกันแค่เฉพาะหน่วยพิเศษก็ได้  หรือจะหาคนของปราการมาช่วยกันก็ได้  ไม่ว่าหรอก”  เมื่อคลายข้อข้องใจของชายหนุ่มได้แล้วเขาจึงนั่งลงตามเดิม
     “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว  ฉันก็ต้องขอตัวก่อน  ในช่วงเช้านี้ฉันจะให้พวกเธอปรึกษากันเรื่องงาน  ถ้าได้ข้อสรุปเป็นที่แน่นอนแล้วให้นำไปเสนออาจารย์เมย์เพื่อให้อาจารย์คอยควบคุมงานนี้  เอาล่ะ  งั้นก็ขอให้ทุกคนโชคดี”  ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้น  เหล่านักเรียนทุกคนพากันลุกขึ้นตามและแสดงความเคารพให้กับชายชรา  เมื่อเห็นว่าไม่อยู่แล้วพวกเขาจึงเริ่มการประชุมขึ้น
     “แล้วเราจะเอารูปแบบไหนดีล่ะ”  เอรีนโพล่งขึ้นเป็นคนแรก  รูนทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
     “ผมว่าน่าจะจัดบรรยากาศแบบฮาโลวีน  มีค้างคาวบินอยู่รอบห้องโถงกลาง  และประดับด้วยฝักทองแกะสลักด้านหน้าทางเข้าเพื่อเชิญชวนนักเรียนมาเข้าร่วม  ว่าไง ?”  เขาเสนอรูปแบบ  ก่อนที่จะถามความเห็นลงท้าย  ทุกคนในห้องประชุมเริ่มคิดกันอย่างหนัก  จนแคโรว์รีนเริ่มพูดขึ้น
     “มันจะเรียบไปมั้ยถ้ามีแค่ค้างคาวและฝักทอง”  เธอพูดขึ้น  หลาย ๆ คนถึงกับมองหน้ากัน
     “ฉันก็ว่างั้นนะ  น่าจะมีอะไรเพิ่มบ้างเล็กน้อยนอกจากนี้  เพราะไม่งั้นมันคงจะน่าเบื่อแย่  นายว่ามั้ยชาล์ล”  คลิฟหันไปถามชายหนุ่มผมครามที่กำลังนั่งคิดอย่างหนักข้างเขา  ชาล์ลพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้
     “น่าจะหาอะไรที่มันน่าตื่นเต้นซักหน่อย  จะได้ดูเหมือนฮาโลวีน”  เขาพูดขึ้น
     “งั้นเอามนุษย์หมาป่ามาเพ่นพ่านในงานซัก 2-3 ตัว  ดีมั้ย”  ทุกสายตาหันไปจับจ้องเจ้าของความคิดแผลง ๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ใคร  ลีเจ้าเก่านั่นเอง  ความคิดนี้ทำเอาทุกคนในห้องประชุมเงียบกันหมด  แม้แต่ฮีสเซลยังหยุดยิ้ม
     “มันมากไปแล้วครับ”  ฮีสเซลเตือนสติลี  เขายิ้มเย็น ๆ
     “อ้าว...งั้นเอาซอมบี้มาปล่อยซักนิดคงจะน่ากลัวน้อยกว่ามนุษย์หมาป่าแถมยังให้บรรยากาศหวิว ๆ วังเวง ๆ มีต้นไม้ปิศาจตามทางห้องโถง  แต่ต้องมีโลงศพกับไม้กางเขนด้วยนะถึงจะสมจริง  เอ้อ...จริงด้วย  ฉันว่าน่าจะเพิ่ม...”  ลีพูดไม่หยุด  ทุกคนในห้องโถงเริ่มหน้าซีดกับความคิดของลี  แต่ถ้าไม่มีใครหยุดเขาล่ะก็...
     พลั่ก !!!!   ผัวะ !!!!  โครม !!!!
     เสียงแรกและเสียงต่อมาดังขึ้นเกือบจะพร้อม ๆ กัน  ไคท์หวดหลังมือไปที่หน้าท้องของลี  ส่วนราเดนฟาดไม้เท้าเต็มเหนี่ยวไปที่คางของลีอย่างแรง  ทำเอาลีถึงกับหงายท้องลงไปนอนกับพื้น  ทุกคนในห้องเริ่มหวั่นวิตกกับการแก้สถานการณ์ของเหล่าหน่วยพิเศษปราการนักรบที่ออกจะรุนแรงไปซักนิด  ในขณะที่เอิร์นทำท่าเหมือนกับว่าน่าจะเอาให้แรงกว่านี้อีกหน่อย  ส่วนฮีสเซลกำลังอ้าปากค้างกับสถานการณ์เมื่อครู่  เนลเยอร์ยิ้มสะใจอย่างเห็นได้ชัด  ทั้งคลิฟและชาล์ลถึงกับนั่งตัวแข็งเกรงว่าถ้าพูดอะไรมากไปอาจจะลงไปกองกับพื้นได้  แต่แม็ค  แคโรว์รีน  และเอรีนกำลังกลั้นหัวเราะสุดขีด  เพราะพวกเขาชักจะชินกับพฤติกรรมแบบนี้ของพวกไคท์เสียแล้ว
     “โหย  พวกนายเล่นแรงไปแล้วนะ”  ลีลุกขึ้นมาส่งสายตาอาฆาตไปที่ราเดนและคลำคางป้อย ๆ ราเดนถอนหายใจ
     “ไม่แรงหรอก  ถ้าเบากว่านี้ปากนายก็ไม่ยอมหุบน่ะสิ”  เขาพูดเรียบ ๆ ลีเริ่มฉุน
     “นายหาว่าฉันพูดมากงั้นเรอะ”  ลีว้ากออกมา 
     ปั้ก !!! 
     ไคท์ขว้างหนังสือเล่มหนาที่เขาพกมาในกระเป๋าอย่างแรงไปที่หน้าผากของลี  เขาถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น  เอิร์นพึมพัมออกมาเบา ๆ ว่า  “ อย่างนั้น”  ฮีสเซลทำหน้าเหลอหลา  เนลเยอร์เอามือปิดปากเพราะเขาชักกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว  ส่วนพวกของเอรีนกำลังหันหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา  รูนเริ่มกุมขมับ
     “ใจเย็น ๆ หน่อยสิ  นี่ห้องประชุมนะ”  ไคท์พูดเตือนลีที่ทำท่าจะเถียงกับราเดนต่อ
     “แต่ว่ามัน...”  ลีชี้หน้าราเดน  แต่ก็ต้องเงียบไปเพราะไคท์เริ่มส่งสายตาดุ ๆ มาให้
     “พร้อมรึยัง”  รูนเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติของทุกคน  เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนจึงเข้าสู่การประชุมอีกครั้ง
     “ตามที่คุณลีเสนอมาก็น่าสน  แต่มันออกจะเกินไปหน่อย  เพราะฉะนั้นมีใครพอจะเสนอความคิดเห็นที่ดีกว่านี้มั้ย”  เขาพูดเสียงเรียบ แต่ฟังแล้วชัดถ้อยชัดคำ  เอรีนยกมือขึ้นแล้วพูดต่อ
     “มีการเต้นรำกันดีมั้ย”  เธอพูดขึ้น  หลายคนพยักหน้าเหมือนเห็นด้วย 
     “ในแนวไหนหรือ”  รูนถามเธออีกครั้ง เอรีนเริ่มคิด
     “เต้นรำสวมหน้ากาก  ในชุดดำเป็นไง”  ไคท์พูดขึ้น  เนลเยอร์ถึงกับพยักหน้า
     “แบบไม่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้างั้นเหรอ”  เขาถามขึ้น 
     “เวลาร่วมงานให้สวมหน้ากากก่อนเข้างาน  แต่ว่าจะต้องเอาหน้ากากมาเองเพราะจะได้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  เพราะหากเห็นชุดกันแล้วก็อาจจะทำให้รู้ได้  เพราะงั้นควรจะสวมหน้ากากตั้งแต่ก่อนเข้างาน”  ไคท์อธิบายให้ฟัง  หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
     “แล้วงานเริ่มวันไหน”  ฮีสเซลถามขึ้นมา  ชาล์ลเริ่มพลิกหน้ากระดาษที่อยู่ตรงหน้า
     “ประมาณ...อาทิตย์หน้านี้  งั้นก็เหลือเวลาอีกแค่  5  วัน”  เขาตอบ
     “งั้นเราก็ต้องเริ่มจากประกาศว่างานเริ่มวันไหน  และมีอะไรบ้างภายในงาน  ภายใน  2  วันนี้  พอจะจัดการทันมั้ย”  คลิฟเสนอวิธีการทำงาน  ทุกคนพยักหน้า
     “ถ้าเรื่องประกาศการเริ่มงานไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง”  แม็คเสนอ  รูนพยักหน้า
     “แล้วการจัดแต่งห้องโถงน่าจะเริ่มก่อนวันงานหนึ่งวันเพื่อต้อนรับกับเทศกาล  อาจต้องใช้คนเยอะหน่อย  ใครจะทำ”  คลิฟพูดต่อ 
     “งั้นพวกของฉันและพวกของปราการนักรบจะรับหน้าที่นี้เอง  ว่าไง”  เอิร์นพูดขึ้นเพื่อถามความสมัครใจของพวกไคท์
     “ได้  ไม่มีปัญหา”  ไคท์ตอบรับข้อเสนอ  คลิฟจึงพูดต่อ
     “แล้วเรื่องงานเต้นรำ”
     “ไว้เป็นหน้าที่ของเหล่าปราการคีตะเอง”  เอรีนเสนอตัวพร้อมกับแคโรว์รีน  รูนพยักหน้า
     “งั้นเรื่องบริเวณภายนอกงานและความพร้อมไว้เป็นหน้าที่ของพวกฉันละกัน  มีใครมีปัญหามั้ย”  รูนเอ่ยขึ้น  ทุกคนเงียบไม่มีใครขัด  เขาจึงลุกขึ้น
     “งั้นฉันขอปิดประชุม  และขอให้ทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับด้วย  เอาล่ะ  ไปเรียนกันตามปกติได้แล้วล่ะ  ขอบคุณมากครับที่ให้ความร่วมมือ”  เขาพูดพลางโค้งคำนับเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ  ทุกคนจึงคำนับตอบก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปตามทางออกที่จัดเตรียมไว้เพื่อไปเรียนในวิชาภาคบ่ายที่กำลังจะเริ่มขึ้น
     2  วันต่อมา  ดูเหมือนว่าแม็คจะทำหน้าของตนเองได้ดีมาก  เพราะเขาเล่นเสกข้อความที่เขาเขียนลงในกระดาษด้วยเวทย์มนต์เล็กน้อยทำให้มันดูเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าปราการทุกปราการ  พวกของไคท์กำลังเงยหน้าขึ้นมองไปยังข้อความเหล่านี้ด้วยสายตาไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
     
     ถึงทุกท่านของปราการนักรบ
      เนื่องจากว่าในไม่กี่วันนี้จะเป็นวันฮาโลวีน  โดยทางหน่วยพิเศษและอาจารย์บางท่านจะไปทำการจัดงานนี้ให้ทุกท่านได้ร่วมงานกัน  จะเป็นวันไหนนั้นจะแจ้งให้ทราบทีหลัง  แต่ตอนนี้พวกท่านสามารถใช้ปราการได้ตามปกติ  โดยไม่ต้องเกรงว่าจะมีพวกผีหรืออะไรออกมา  เพราะเรายังไม่ได้จัดเตรียมอะไร  อย่ากลัวกันไปก่อนล่ะ...
      ส่วนในวันงาน  ขอให้นักเรียนชายสวมชุดที่ทางปราการจัดเตรียมไว้ในห้อง  ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้อาจจะได้ชุด  ส่วนนักเรียนหญิงอนุญาติให้ใส่ชุดราตรีสีดำ  หรือสีแดงเท่านั้น  และขอให้ไปรวมตัวกันที่ปราการกลางในเวลา  20.00  น.  ก่อนเข้าร่วมขอให้ทุกท่านสวมหน้ากากแบบใดก็ได้ก่อนออกจากห้องได้ยิ่งดี  ซึ่งหน้ากากเราจะไม่มีการบังคับกัน  ขอให้ใช้กันได้ตามสะดวก  และก่อนเข้าร่วมงานกระผมขอเตือนว่าให้ทานอาหารมาด้วย  เนื่องจากที่งานนี้มีเพียงการเต้นรำสวมหน้ากาก  และในเวลาเที่ยงคืน  เราจะถอดหน้ากากเพื่อดูคู่เต้นรำ
      หวังว่าทุกท่านคงจะสนุกสนานกับงานฮาโลวีนปีนี้

       หน่วยรุกปราการคีตะ

     “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะทำงานเร็วขนาดนี้”  ลีส่ายหัว
     “นั่นสิ  ไวเป็นบ้า”  ไคท์พึมพัมเบา ๆ
     “จะไปเรียนได้ยัง”  ราเดนเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินนำหน้าไป 
     “เฮ้ ! รอด้วย  ลีไปเถอะ”  ไคท์หันไปบอกราเดนที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ และลากลีออกมาจากป้ายนี้  ซึ่งในระหว่างที่พวกเขาเดินไปเรียนหรือแม้แต่ในวิชาเรียนนักเรียนส่วนใหญ่มักจะคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของงานฮาโลวีน  ผู้ชายมักคุยเรื่องหน้ากากกับชุดที่ทางปราการจัดไว้  ส่วนนักเรียนหญิงก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องของชุดที่จะใส่ไป  แต่...ไคท์เริ่มทำหน้าไม่แน่ใจ  เนื่องจากว่าพวกเธอเริ่มมองมาทางพวกเขาบ่อยมาก
     “นายว่าพวกเธอคุยอะไรกัน”  ไคท์หันไปกระซิบกับลี
     “เรื่องผู้ชาย”  ลีตอบง่าย ๆ
     “เฮ้ย !!!”  ไคท์อุทานอย่างตกใจและผงะออกจากเขา
     “ตกใจอะไร  ไม่แปลกนี่ที่หล่อนจะคุยกันเรื่องนี้  เพราะเธอต้องคิดว่าพวกเราจะมางานในมาดไหนไงล่ะ”  ลีพูดให้ไคท์ฟัง  เขาพยักหน้าหงึก ๆ
     “แล้วเราจะเอาไง”  ราเดนเริ่มเอ่ยเบา ๆ ขณะที่มือกำลังจดงานไปด้วย
     “หมายความว่าไง”  ลีถามกลับ
     “โดดมั้ย”  ราเดนพูดเสียงเรียบ  ทั้งลีและไคท์ทำตาโต
     “โดด...”  ไคท์พึมพัมเบา ๆ
     “ไม่อยากจะเชื่อ  นายกินยาผิดรึเปล่า”  ลีพูดอย่างตื่นตระหนกเพราะเขาไม่เคยเห็นราเดนพูดเรื่องโดดงานหรือโดดเรียนมาก่อน
     “ฉันหมายความว่าโดดงาน  ไม่ไปงานเต้นรำไงล่ะ”  ราเดนขยายความให้พวกเขาฟัง  ทั้งคู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
     “เอางั้นน่ะ”  ไคท์ถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ
     “ไม่ล่ะ”  งานนี้ลีตอบเฉย ๆ ไคท์หันขวับ
     “ตลกน่า  นายอยากไปงานนี้งั้นเหรอ”  เขาพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
     “เออ  อย่างที่ได้ยินไปนั่นแหละ”  ลีทวนอีกครั้งและหนักแน่นกว่าเดิม
     “เพราะ...”  ไคท์ขมวดคิ้วพลางถาม
     “ฉันจะได้เต้นรำกับหญิงไม่ซ้ำหน้า”  ลีตอบก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์  ไคท์เบ้ปาก
     “ฉันลืมไปว่านายมันเป็นพวกเล่นไม่เลือก”  ไคท์พูดเรียบ ๆ ก่อนหันไปดูสิ่งที่ราเดนจด
     “พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย”  ลีเกาหัวแกรก ๆ ก่อนที่จะฟุบหน้าลงไปนอนกับโต๊ะ
     เมื่อหมดชั่วโมง  ประจวบเหมาะกับที่ลีตื่นนอนขึ้นพอดี  (ไม่รู้ว่ากะเวลาถูกได้ยังไง)  พวกเขาจึงเดินกลับไปยังปราการนักรบ  ระหว่างทางพวกเขาก็พูดคุยเกี่ยวกับงานฮาโลวีนและงานที่พวกเขาต้องทำกันในวันงาน  ทั้งการจัดเตรียมสถานที่โดยรอบ  และหน้างานต้องจัดระเบียบการเข้าห้องโถง  พวกเขาปรึกษากันไปได้ซักพักก็มีชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหา  ในขณะที่นักเรียนของปราการนักรบหันมามองด้วยความสงสัย
     “แฮ่ก...แฮ่ก...พะ...พะ...พวกคุณ...แฮ่ก...”  ชายหนุ่มพูดพลางหอบ
     “มีอะไรกันรึไง  ถึงได้รีบวิ่งมาหาเนี่ย”  ลีพูดขึ้นเพื่อคลายความสงสัยของทุกคน
     “ช่วย...ช่วย...ไปห้าม...เขา...”  เขาพูดกระท่อนกระแท่นเพราะยังไม่หายจากความเหนื่อย
     “ใคร ?  ห้ามใคร”  ไคท์ถามอย่างร้อนรน  ราเดนฟังชายหนุ่มพูดอยู่เงียบ ๆ
     “คุณ...รูน...”  ชายหนุ่มพูดขึ้น  ไคท์เบิกตากว้าง
     “ทำไม...เกิดอะไรขึ้นกับรูน” 
     “ตามผมมา”  เมื่อเขาตั้งสติได้ก็วิ่งนำหน้าพวกของไคท์ไปทันที  พวกเขาจึงรีบวิ่งตามชายหนุ่มไปทันที ไม่นานพวกเขาก็เข้าเขตของปราการปราชญ์ผู้คุมหน้าประตูถึงกับอึ้งไปเพราะความเร็วของลีที่นำหน้าไปแล้ว เมื่อวิ่งไปได้ซักพักพวกเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะ
     “อะไรกัน  เขาเป็นอะไรไปน่ะ”  เสียงของหญิงสาวแหลมดังขึ้นมา
     “ไม่รู้  อยู่ ๆ ก็เป็นแบบนั้นน่ะ”  อีกเสียงหนึ่งตอบกลับมา
     “ฉันกลับล่ะ  ไม่อยู่แล้ว”  เมื่อสิ้นเสียงไคท์ก็ต้องตะลึง  เพราะมีหญิงสาวนับสิบวิ่งกรูออกมาจากห้อง ๆ หนึ่ง  พวกเธอวิ่งออกมาโดยไม่มองรอบข้างราวกับหนีอะไรบางอย่าง  ไคท์จึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที  และพบว่า...
     “รำคาญชะมัดเลยโว้ย !!!  เสียงเงี้ยะแหลมซะไม่มี”  เสียงตะหวาดก้องไปทั่วทั้งห้องดังมาจากชายหนุ่มเพียงคนเดียว  และอีกคนหนึ่งกำลังพยายามพูดคุยอะไรบางอย่างกับเขา
     “ใจเย็น ๆ สิ  รูนพวกเธอไปแล้ว  เลิกว้ากได้แล้วล่ะ”  ชายหนุ่มผมเปียกำลังพูดอย่างใจเย็น
     “อะไรนะ...นั่นรูนเรอะ”  ลีถึงกับผงะกับท่าทางของเขา  เพราะรูนปกติแล้วเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยโวยวายอะไรและยังใจเย็นอยู่เสมอ  แต่ที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือ...รูนเวอร์ชั่นใหม่  ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง  คิ้วขมวดเข้าหากันบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่  นัยน์ตาฉายแววไม่เป็นมิตร  เขากำลังมองคลิฟอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก 
     “เฮ้ ! ใจเย็นหน่อยสิ  ไม่มีแล้วล่ะ”  ชาล์ลผู้นำทางพวกของไคท์พูดขึ้นที่หน้าประตู  คลิฟรีบหันไปที่ประตูทันที
     “เฮ้ย ! มาแล้วก็ไม่บอก  มาช่วยกันห้ามหน่อยเด้  ยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะ” 
     “จะให้ห้ามยังไงล่ะ  ตอนนี้กำลังอันตรายได้ที่เลยนะ”  ชาล์ลแย้งขึ้นมา  รูนเกาหัวอย่างแรง  จนผมเริ่มยุ่งมากขึ้นไปอีก
     “โว้ย !!!  มันจะอะไรกันนักกันหนา  ฮะ ?  แล้วนี่อะไร  พาคนมาเยอะแยะ  ใครจะตายเรอะไง”  รูนถึงกับตะคอกพวกเขา  คลิฟกระโดดถอยหลังไปเล็กน้อย
     “อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ”  ชาล์ลพูดขึ้นเบา ๆ รูนหันขวับ
     “หุบปากของนาย  แล้วเก็บเสียงที่ดังเหมือนแมลงหวี่นั่นได้มั้ย”  เขาชี้หน้า  ชาล์ลถึงกับเงียบทันควัน  ส่วนไคท์และลีทำหน้าเหวอกับเหตุการณ์ตรงหน้า
     “นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นน่ะ  แล้วทำไมรูนถึงได้...”  ไคท์ถามคลิฟที่ค่อย ๆ ถอยมายืนอยู่ข้างชาล์ลที่กำลังปิดปากสนิท
     “อ๋อ...คือว่า...รูนเป็นโรคแปลก ๆ แบบหนึ่งน่ะ”  คลิฟพูดเบา ๆ เพราะเกรงว่ารูนจะได้ยิน
     “โรค ?”  ลีทวนคำอย่างฉงน  คลิฟจึงอธิบายให้ฟังเบา ๆ
     “ก็รูนเป็นโรคเมาน้ำหอมน่ะสิ”  ไคท์และลีอ้าปากค้าง
     “อะไรนะ ! เพิ่งเคยได้ยิน”  ลีถึงกับโพล่งออกมา  คลิฟรีบปิดปากลีทันที
     “จากตำราที่ฉันอ่านมา  ยังไม่เคยเจอโรคนี้มาก่อนเลย”  ไคท์พูดอย่างทึ่ง ๆ ชาล์ลส่ายหัว
     “มันไม่ดีเลยน่ะสิ  โรคเนี้ยะน่ะ” 
     “มันจะเกิดอะไรขึ้นรึไง  ถ้ารูนได้กลิ่นน้ำหอม”  ลีถามเกรง ๆ
     “อ่อน ๆ ไม่เท่าไหร่  รูนแค่มึนหัวเล็กน้อย  แต่ถ้ามาก ๆ ล่ะก็...”  คลิฟพูดพลางส่ายหัว
     “ว่ามาสิ...”  ไคท์เร่งคลิฟที่เงียบไป
     “อย่างที่เห็น...จะเป็นโรคหงุดหงิด  และเกลียดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทุกคนไม่เว้นแม้แต่อาจารย์” ชาล์ลพูดแทนคลิฟ  ไคท์จึงหันไปมอง
     “งั้น...ผู้หญิงพวกนั้นก็...”  ไคท์พึมพัมทำหน้าสยองเล็กน้อย
     “พวกหล่อนจะเข้ามาชวนรูนเต้นรำวันงาน  แต่เจ้าหล่อนดั๊นเล่นใส่น้ำหอมซะจนต้องเมินหน้าหนี  แล้วมากันเป็นฝูงซะขนาดนั้น  เป็นนาย...นายทนไหวมั้ย”  คลิฟถามกลับ 
     “แล้วจะทำไง”  ลีถามขึ้นแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก  เพราะรูนดูน่ากลัวมาก
     “ไม่รู้  ฉันจนปัญญาเลยงานนี้”  ชาล์ลส่ายหัว  คลิฟดีดนิ้ว
     “งั้นเอาวิธีนี้”  เขาทำท่าเหมือนกับให้ทุกคนเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อฟังแผนการณ์ของเขา  ส่วนรูนกำลังรำคาญกับท่าทางของพวกเขา
     “เฮ้ย ! ไม่แรงไปเรอะ”  ลีถึงกับทำหน้าแหย ๆ
     “ไม่หรอก  ถ้าไม่ใช่วิธีนี้ก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว”  ชาล์ลเห็นด้วยกับวิธีของคลิฟ
     “เราไม่รับประกันความปลอดภัยนะ”  ไคท์เตือนออกมา  ชาล์ลกับคลิฟถึงกับมองหน้ากัน
     “ตามสบาย...แต่อย่าตายละกัน”  คลิฟพูดกำชับ  ไคท์พยักหน้า
     “แล้วฉันล่ะ”  ราเดนพูดแทรกขึ้นมาหลังจากฟังอยู่นาน
     “นายคอยปฐมพยาบาลละกัน”  ลีพูดไม่ใส่ใจ  ชาล์ลกับคลิฟถึงกับหน้าซีด
     “ได้  อย่าหนักนักล่ะ”  ราเดนพูดปรามไว้ก่อนที่ลีและไคท์จะเดินไป
     “อะไรของพวกนาย”  รูนพูดอย่างไม่สบอารมณ์  ลียิ้มน้อย ๆ
     “ก็...นี่ไง !!!”  ว่าแล้วเขาก็ปล่อยหมัดออกไปตรงหน้าของรูน  ไคท์ฉวยโอกาสนี้วิ่งไปอยู่ข้างหลังของรูนอย่างรวดเร็ว  แต่หมัดของลีกลับถูกรูนจับไว้อย่างมั่นคง
     “เล่นอะไร  ไม่ได้เรื่องเลย”  รูนบ่นเบา ๆ แต่มือของเขายังคงจับหมัดของลีไว้แน่น
     “เหรอ...ไวเหมือนกันนี่  แต่...ฉันชนะ  ไคท์ !!!”  ลีตะโกน  ก่อนที่รูนจะหันไปด้านหลังได้ทัน  ไคท์ใช้ไม้เท้าของเขาฟาดเข้าไปเต็มที่ที่ท้ายทอย  ร่างของรูนล้มลงกับพื้นอย่างง่ายดาย
     “ให้ตายสิ  น่ากลัวเป็นบ้าเวลาเมาน้ำหอม”  ลีพึมพัมพลางสะบัดข้อมือเล็กน้อย
     “เป็นไงบ้าง”  ไคท์ชะโงกหน้าถามราเดน  ที่กำลังพิจารณาอาการ
     “เดี๋ยวก็ฟื้น  ว่าแต่นึกไงใช้เจ้านั่น”  ราเดนบุ้ยใบ้ไปที่ไม้เท้าของไคท์  ไคท์มองมันแว่บหนึ่ง  ก่อนที่จะยื่นไม้เท้าสีขาวให้ราเดนดู
     “นี่น่ะ...ยังดีกว่าใช้ดาบไม่ใช่รึไง”  ไคท์ตอบง่าย ๆ ก่อนที่จะเก็บไม้เท้าไป
     “เฮ้อ ~ เสร็จซักที  ว่าแต่ทำไมถึงไปเรียกพวกเราล่ะ”  ลีหันไปถามชาล์ลที่กำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ เพราะกลัวพวกของไคท์
     “ก็...ผมกำลังหาคนไปช่วย...แต่ไม่ค่อยมีใครน่าจะช่วยได้ซักคน  จนกระทั่ง...”  ชาล์ลพูดเบา ๆ พลาหมุนนิ้วไปมาเวลาพูด  ลีพยักหน้า
     “ไปเจอพวกเราก่อนงั้นสิ” 
     “ครับ...อ๊ะ ! รูนขยับตัวแล้ว”  ชาล์ลชี้ไปที่รูน  ทุกคนจึงหันไปมองรูนที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา  เขากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อมองสภาพโดยรอบ  และเมื่อตั้งสติได้เขาก็รีบลุกขึ้นมาทันที
     “ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ย”  เขาโพล่งขึ้นมา  แล้วมองไปยังคนที่อยู่รอบ ๆ
     “เอ้อ...มาทันน่ะ”  ลีตอบ  รูนถอนหายใจอย่างโล่งอก
     “เฮ้อ...นึกว่าจะมีใครเป็นอะไรซะอีก...แล้วพวกนายมาที่นี่ได้ยังไง”  รูนเอ่ยขึ้นแล้วมองไปยังพวกของไคท์
     “ชาล์ลเขาไปตามพวกเรามาช่วยน่ะ”  ไคท์พยักเพยิดไปที่ชาล์ล  รูนเบิกตากว้างเล็กน้อย
     “เหรอครับ...งั้นก็ขอบคุณพวกคุณมากเลยนะครับ”  รูนก้มหัวเล็กน้อย
     “เอาเถอะ ๆ งั้นพวกเราไปก่อนนะ”  ลีพูดขึ้นแล้วตรงไปที่ประตูทันที
     “ไปก่อนนะ  อย่าไปอยู่ที่ ๆ มีน้ำหอมมากอีกล่ะ”  ไคท์แซวเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตามลีออกไป  ส่วนราเดนกำลังเดินไปที่ประตูพร้อม ๆ กับไคท์และเดินจากไป
     “เฮ้ ! นายว่าไง”  ลีถามไคท์เมื่อเดินออกมาได้ซักพักแล้ว
     “อันตรายนะเนี่ย”  ไคท์พูดเบา ๆ ราเดนพยักหน้า
     “แล้วงานเต้นรำทำไงดีเนี่ย...”  เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ ลีกับไคท์ถึงกับมองหน้ากัน
     “แล้วแต่ชะตากรรมละกัน”  ลีพูดแล้วถอนหายใจ  ไคท์หัวเราะคิก
     “เอาน่ะ  อีกตั้ง  2  วัน  กว่าจะถึงวันงาน  ฉันว่าพวกหล่อนคงจะไม่ฉีดน้ำหอมแล้วล่ะ”
     “ขอให้มันจริงเถอะ”  ลีพึมพัมในลำคอ
     วันต่อมา...นักเรียนหญิงของทุกปราการไม่มีใครฉีดน้ำหอมเลย...งานนี้ไคท์พูดถูก

     และแล้ว...เช้าวันงานก็มาถึง  ไคท์ตื่นช้าเล็กน้อยเพราะอากาศเย็นสบาย  เหมาะกับงานฮาโลวีนในคืนนี้มาก  เขาคงจะหลับต่อไปอีกนานถ้าไม่ได้ยินเสียงนี้...
     “ว้ากกกก !!!!!!!”  เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกและตกใจอย่างมากดังขึ้นข้างไคท์  เขารีบลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับราเดนที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างรวดเร็วและมองไปทางลี
     “ลี  เกิดอะไรขึ้น !!!”  ไคท์ถามเขาอย่างร้อนรน  ลีหน้าซีดเผือด
     “เอามันออกไป”  เสียงเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้  ไคท์ฟังเขาได้ไม่ถนัด
     “อะไรนะ”
     “เอามันออกไป”  ลีพูดเสียงดังกว่าเก่าและชี้ไปที่ใต้ผ้าห่มของเขาที่มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอยู่ใต้นั้น
     “ราเดน”  ไคท์เรียกราเดน  เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะค่อย ๆ จับผ้าห่มด้านหนึ่ง  และไคท์กำลังยื่นมือไปใกล้สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่  ลีตัวสั่นพั่บ ๆ
     “เปิดเลย !!”  ไคท์ตะโกน  ราเดนกระชากผ้าห่มพร้อมกับไคท์ที่ตะครุบสิ่งนั้นไว้แน่นคามือ  และลีก็รีบกระโดดออกจากที่นอน  ไคท์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือก็คือ... 
     “งู...พิษสีดำ”  ไคท์พูดเบา ๆ ก่อนที่จะจับมันอย่างระมัดระวัง  ในขณะที่งูเจ้าปัญหานี้กำลังเลื้อยอย่างแผ่วเบา  มันมีลำตัวสีดำสนิท  นัยน์ตาสีเทากำลังจับจ้องไปยังลี  ความยาวของมันยาวเกือบ  2  เมตร  เพียงแต่รอบตัวมันเล็กพอ ๆ กับแท่งดินสอ  3  อันรวมกัน  และในความเงียบนั้นเอง
     “คิก  คิก  คิก”  เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น  พวกเขาหันไปที่เสียงนั้นทันที  มันดังมาจากทางระเบียง  ไคท์ตะโกนออกไปเป็นคนแรก
     “ใครน่ะ !!  ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”  เสียงหัวเราะเงียบไป  กลายเป็นเสียงชายหนุ่มพูดแทน
     “ครับ ๆ ผมเองครับ”  เขาพูดและเดินออกมาจากที่ซ่อน  ทุกคนอ้าปากค้าง
     “เรย์ !!!”  ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน  ในขณะที่เรย์ยังกลั้นหัวเราะอยู่
     “นายทำอะไรของนายน่ะหา !!!!”  ลีว้ากลั่นแล้วเดินเข้าไปใกล้
     “ไม่น่าเชื่อว่านายจะจำมันไม่ได้นะ  แต่มันกลับจำนายได้  ความจริงฉันเอามันไปปล่อยที่เตียงของราเดนเขาน่ะ”  เรย์อธิบายให้ฟัง  เมื่อเขาพูดจบ  ไคท์มีความรู้สึกว่าราเดนเบ้ปากเล็กน้อย
     “อะไรนะ !!!  นี่นายกำลังจะบอกว่านี่คือ...”  ลีชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังงูสีดำ
     “อเล็กซ์  มานี่มา”  เรย์เรียกสิ่งมีชีวิตในมือของไคท์  มันค่อย ๆ เลื้อยออกจากการบีบของไคท์  มันเลื้อยไปตามพื้นและผ่านลีที่รีบกระโดดผลุงอย่างรวดเร็ว  มันเลื้อยพันไปตามขาของเรย์และเลื้อยมาจนถึงแขนของเรย์อย่างนุ่มนวล
     “นายกำลังจะบอกว่า...”  ลีเสียงสั่น  เรย์ยิ้มนิด ๆ
     “อื้อ  อเล็กซ์ที่นายรู้จักไงล่ะ” 
     “ให้ตายสิ  นี่นายเลี้ยงมันจนยาวขนาดนี้เชียวเรอะ  ตอนนั้นถ้าฉันจำไม่ผิด  ตัวมันยังเป็นลูกงูที่เพิ่งออกมาจากไข่เองนะ  แต่ตอนนี้มัน...”  ลีกุมหัวแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไป  ราเดนมองตามเขาอย่างเงียบ ๆ ไคท์ยืนนิ่งและจ้องมองเรย์ที่กำลังเล่นและพูดคุยอยู่กับมัน
     “ความจำแม่นจริงนะ  นายเนี่ย”  เรย์คุยกับมันอย่างแผ่วเบา  อเล็กซ์แลบลิ้นแว่บหนึ่ง
     “ทำไมจะจำไม่ได้ครับ  นายท่าน  เด็กที่ไม่กล้าเข้าใกล้ผมมีเพียงเด็กที่ชื่อลีเท่านั้น”  เสียงแหบพร่าและสั่นเครือตอบกลับมา  ไคท์ถึงกับถอยหนี  เขามั่นใจเลยว่าเสียงดังมาจากงูสีดำตัวนั้น
     “อ้าว  เป็นอะไร”  เรย์หันไปถามไคท์อย่างงง ๆ
     “มัน...พูดได้”  ไคท์ชี้นิ้วไปที่อเล็กซ์อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
     “คิก  คิก  คิก  โอ๊ย...จะบ้าตาย  นี่ไคท์  สัตว์เวทย์มนต์น่ะมักพูดได้เกือบหมดนะ”  เรย์ขำและเอามือกุมท้องไว้แน่น 
     “อ้าว...เหรอ”  ไคท์พูดเสียงอ่อย  เรย์ยิ้มน้อย ๆ
     “งั้นกระผมขอตัวก่อน  ขออภัยนะครับที่เข้ามากวน”  เขาพูดก่อนที่จะเดินไปที่ระเบียงและกระโดดขึ้นไป  ไคท์เหม่อมองอยู่สักพักและได้สติเมื่อลีเดินออกมาจากห้องน้ำ
     “บ้าเอ๊ย !  คอยดูเถอะ  คราวหน้าฉันเอาคืนแน่”  ลีพล่ามไม่หยุดจนราเดนเริ่มรำคาญและเดินเข้าห้องน้ำไป  ไคท์จ้องมองเขาอย่างเหนื่อยอ่อน
     “ลี  เงียบ ๆ บ้างเถอะ  วันนี้เราต้องไปจัดงานนะ”  ไคท์เตือนสติลี  เขาทำหน้านึกขึ้นได้
     “จริงสิ !! งั้นฉันไปแต่งตัวก่อนล่ะ”  ว่าแล้วลีก็รีบวิ่งไปที่ชุดของเขาและแต่งตัวหลังกำแพงที่จะสามารถปกปิดทุกส่วนของตัวเองไม่ให้ไคท์เห็นได้  ไม่นานราเดนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ  ไคท์จึงเดินไปที่ห้องน้ำ  ราเดนกำลังเดินติดกระดุมเสื้อของตัวเอง  จู่ ๆ ลีกลับหลุดออกมาจากที่กำบัง  และที่ตรงนั้นก็ใกล้กับห้องน้ำที่ไคท์จะเดินไป
     “เฮ้ย !!!!”  ลีร้องอย่างตกใจ  พริบตานั้นเองไคท์รีบหันไปตามเสียงและกำลังจะหลบ  ลีที่สะดุดขากางเกงตัวเองและถลาเข้ามาหาไคท์ในสภาพยังไม่ได้รูดซิบกางเกง  ช่วงบนเปลือยจนเห็นผิวสีขาว  เหมาะเจาะกับทิศทางที่ล้มกันลงไป  ไคท์นอนหงายบนเตียงและลีกำลังคร่อมเขาอยู่  ราเดนจึงหันมามอง  เขาด้วยสายตาเบิกกว้าง  ปากของเขาพึมพัมอะไรบางอย่างออกมา  แต่...
     “คุณไคท์ครับ  ผมจะไปช่วยคุณจัดงานได้มั้ย...ครับ”  ยีนส์ที่เปิดประตูเข้ามาพอดีเพราะราเดนท่องรหัสออกมาทำให้ประตูปลดออก  ยีนส์ถึงกับยืนนิ่งอึ้ง  เนื่องจากภาพที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า  ไคท์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียงในชุดนอน  และลีที่ไม่ได้ใส่เสื้อ  แถมกางเกงยังไม่ได้รูดซิบกำลังคร่อมอยู่บนตัวของไคท์  ส่วนราเดนกำลังติดกระดุมเสื้ออยู่  แต่เขายังติดไม่หมด  เหลืออีก  3  เม็ดด้านบน  และกางเกงคาดเข็มขัดไว้หลวม ๆ ยีนส์มองสลับไปมาระหว่างลีและไคท์  กับราเดนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด  ไคท์หัวเราะแหะ แหะ  ฉับพลันนั้นยีนส์หน้าแดงจัด
     “ผม...ผม...ผมขอโทษครับ  งั้นผมออกไปล่ะครับ  จะไม่กวนแล้วครับ”  พูดจบเขาก็รีบปิดประตูทันที  ราเดนถอนหายใจเฮือกใหญ่
     “เมื่อไหร่นายจะลุก”  เขาพูดเสียงเย็น  เมื่อลีรู้สึกตัวเขาก็รีบลุกออกไปจัดการกับสภาพของตัวเองทันที  ส่วนไคท์รีบเดินเข้าห้องน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว  พวกเขาจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกจากห้องด้วยสีหน้าแปลก ๆ
     “เฮ้ ! พวกนายดูแปลก ๆ นะ”  เนลเยอร์ทักเมื่อเห็นทั้ง  3  คนมาถึงปราการกลาง
     “อะไร  แปลกตรงไหน”  ลีรีบพูดขึ้น
     “ตรงที่ไม่พูดอะไรเลย”  เอิร์นเสริม  ไคท์เริ่มเหงื่อตก
     “ไม่กวนชาวบ้าน”  ฮีสเซลต่อ  ลีเส้นประสาทเต้นตุ้บ
     “และก็มาธรรมดาไป”  แคโรว์รีนพูดพลางสังเกตุ  ราเดนถึงกับส่งสายตาเย็นชาไปให้จนเธอต้องรีบไปทำงานต่อ
     “ฮีสเซล  ที่นายพูดเนี่ยหมายความว่าไง”  ลีทำเสียงให้เป็นปกติ  ไม่สิ...ต้องเป็นแค่นเสียงให้เป็นปกติต่างหาก
     “ปะ...เปล่าครับ”  ฮีสเซลส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะรีบวิ่งไปทำงานกับรูนต่อ
     “ให้ตายสิ  แปลกตรงไหน”  ลีพูดงึมงัม
     “ตรงที่นายกลัวอเล็กซ์น่ะสิ”  ไคท์พูดกลั้วหัวเราะ  ลีหันขวับ
     “อย่ามาล้อฉัน” 
     “น่า ๆ ไปจัดงานกันเถอะ”  ว่าแล้วไคท์ก็เดินไปจัดต้นไม้สีดำร่วมกับอาจารย์เมย์  ราเดนไปหาที่เงียบ ๆ คนเดียวก่อนที่จะทำการจุดเทียนแล้วใช้เวทย์มนต์เล็กน้อยทำให้มันลอยขึ้นไปอยู่บนเพดานห้องโถง  แต่ที่แย่สุด ๆ คือ อาจารย์เมย์ดั๊นใส่น้ำหอมมา  ทำให้รูนต้องหลบไปทำงานคนเดียว  ส่วนลีแยกไปทำงานขนของคนเดียว  แต่ก็ไม่วายฮีสเซลยังคงทำหน้าที่ของน้องที่ดีให้กับลี
     “พี่ชายหนักมั้ย  ผมช่วย”  ฮีสเซลพูดพลางยื่นมือไปหยิบชิ้นไม้จากลี
     “ไม่ต้อง”  เขาพูดเสียงเฉียบก่อนที่จะเดินหนีไป
     “พี่ชาย ๆ ผมว่ามันเอียงไปนิดนะ”  ฮีสเซลเอียงคอถามลีที่กำลังจัดฟักทองอยู่ 
     “นายน่ะหุบปากไปเลย”  ลีแหวใส่  ฮีสเซลหุบปากสนิท
     “คิก  คิก  อย่าทะเลาะกันสิคะ  เป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือคะ”  เอรีนหัวเราะคิกกับท่าทางที่ลีแสดงออกกับฮีสเซล
     “ครับ”  ฮีสเซลตอบรับเสียงใส
     “ฉันไม่เคยนับมันเป็นน้อง !!!”  ลีว้ากลั่น  ทำเอาอาจารย์เมย์ถึงกับหัวเราะนิด ๆ กับท่าทางของลีที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
     “เอาล่ะจ้ะ  เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว  พวกเธอไปเตรียมตัวได้แล้วล่ะ  ที่เหลือครูจัดการเอง”  อาจารย์เอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม  เพราะงานมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เหลืออยู่
     “ครับ/ค่ะ”  เหล่าหน่วยพิเศษชายหญิงรับคำกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเตรียมตัวที่ห้องของตนเอง  พวกของไคท์ต่างก็เข้าห้องไปใส่ชุดที่เตรียมไว้บนเตียงของแต่ละคน  ลีร้องออกมาอย่างพอใจ
     “ว้าว ! เท่เป็นบ้า”  ลีผิวปากเล็กน้อยเมื่อตนเองในกระจก
     “ชุดบังคับสวยดีนะ”  ไคท์ออกความเห็นเมื่อพบว่าเขาอยู่ในชุดสีดำสนิท  เสื้อแขนยาวมีคอปิดสีดำ  หน้าอกด้านขวามีกระเป๋าเสื้อที่ปักตัวอักษร  BD  ไว้อย่างประนีต  มีลวดลายสีทองเล็กน้อยทางด้านชายเสื้อหน้าและด้านหลัง  ขอบแขนเสื้อและคอขลิบด้วยริบบิ้นสีทองเล็กน้อย แน่นอนว่าลีใส่หน้ากากแล้ว
     “เป็นไง  เหมาะกับฉันมั้ย”  ลีพูดอย่างกระตือรือร้น
     “ก็ดีนะ”  ไคท์ให้ความเห็นกับหน้ากากสีเงิน  ที่ปิดบังใบหน้าของเขาเพียงครึ่งบนเท่านั้น
     “งั้นฉันก็”  ราเดนพูดเบา ๆ ก่อนที่จะนำหน้ากากสีครามที่บดบังแค่รอบดวงตาของเขาเท่านั้น  นัยน์ตาสีฟ้าถูกกลืนไปกับหน้ากากสีคราม
     “แล้วนายล่ะไคท์”  ลีถามไคท์ที่ยังไม่ได้สวมหน้ากาก
     “งั้นเอาเป็น...”  ไคท์สวมหน้ากากสีขาวที่รอบนอกเป็นรูปผีเสื้อครึ่งหนึ่ง  หน้ากากนี้เผยให้เห็นแค่จมูกและริมฝีปากเท่านั้น  ลีผิวปากเบา ๆ
     “เจ๋งนี่  งั้นไปเถอะ”  ลีออกจากห้องไปที่ปราการกลางเป็นคนแรก  ที่นั่นมีนักเรียนชายหญิงมากมายไปรวมตัวกันที่ปราการกลาง  ด้านหน้าทางเข้าถูกตกแต่งด้วยฟักทองลูกโต  ด้านในมีแสงเทียนวูบวาบไปมาให้ความน่ากลัวบ้าง  นักเรียนหญิงส่วนมากใส่ชุดราตรีสีแดงมากกว่าสีดำ  ทุกคนล้วนสวมหน้ากากทำให้ไม่สามารถเดาได้ว่าใครเป็นใคร  และเมื่อเข้ามาในห้องโถงก็ยิ่งน่าสนุก  เพราะด้านข้างห้องโถงจะถูกจัดด้วยต้นไม้ปิศาจที่สามารถกลอกดวงตาสีเหลืองสว่างไปมาได้  มีจุดที่มีหลุมศพและไม้กางเขนตั้งอยู่  ค้างคาวนับสิบตัวบินอยู่บนเพดาน  บ้างก็เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ของต้นไม้ปิศาจนั้น  สร้างความพรั่นพรึงให้หลาย ๆ คน  เมื่ออยู่ ๆ ก็มีกิ่งไม้มาสะกิดอยู่ด้านหลัง  แต่เหล่าชายหญิงกลับไปรวมกันที่ฟลอเต้นรำ  และเต้นรำกันอย่างสนุกสนานตามจังหวะเพลงที่เหล่าปราการคีตะตั้งใจบรรเลงกันออกมา  เอรีนขับเสียงเพลงที่ฟังดูนุ่มหู  แคโรว์รีนกำลังผิวฟลุ๊ตไม้คลอตามเสียงของเอรีน  ส่วนแม็คกำลังดีดกีต้าเบา ๆ  ไคท์มองอย่างคึกคัก
     “เฮ้ ! ไปเต้นรำมั้ย”  ลีชวน  ไคท์และราเดนส่ายหัว
     “ไม่ล่ะ  นายไปเถอะ”  ไคท์พูด  ลีทำแก้มป่องเล็กน้อย
     “ไปคนเดียวไม่หนุกน่ะสิ”  เขาทำเสียงอ้อนเล็กน้อย  ราเดนถอนหายใจ
     “ปัญญาอ่อน  ไปเต้นคนเดียวเหอะไป”  ไม่วายเขาก็ใส่ฟืนให้ไฟอีกแล้ว
     “เฮ้ย ๆ อ่อนให้หน่อยก็ว่า  เดี๋ยวเหอะ”  ลีชักฉุน  และมีน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย
     “จะไปรึเปล่า”  ไคท์พูดท้วงลีเบา ๆ เขาหันขวับ
     “นายจะไปด้วยหรือ”  ลีตาลุกวาว
     “เอ้อ...ดูเหมือนว่าคนที่ฉันอยากเต้นด้วยจะมาแล้วล่ะ”  ว่าแล้วไคท์ก็เดินเข้าไปหาเอรีนที่เดินลงมาจากเวทีพอดี
     “ไม่ทราบว่า  จะช่วยเต้นรำกับผมซักเพลงได้มั้ยครับ”  ไคท์คำนับให้หญิงสาวชุดดำ  เธอยิ้มตอบอย่างยินดี
     “ได้สิคะ”  เมื่อพูดจบเธอก็ควงแขนของไคท์ไปที่กลางฟลอแล้วเริ่มเต้นรำอย่างพลิ้วไหวตามจังหวะเพลงที่บรรเลงโดยแม็คและแคโรว์รีน  ไคท์เต้นรับกับเอรีนได้ทุกท่วงท่า  ทำให้ทุกคนในระแวกนั้นเริ่มหลีกทางให้ทั้งคู่เต้นรำกันอย่างเต็มที่  กระโปรงผ้าบางสีดำสะบัดไปตามแรงหมุนของเจ้าของ  ไคท์จับมือของหญิงสาวอย่างมั่นคงเพื่อให้เธอทรงตัวอยู่ได้  แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเต้นรำได้อย่างคล่องแคล่วราวกับมีปีกอยู่ที่กลางหลังอยู่ก็ไม่ปาน  เมื่อเธอหันมาเต้นกับไคท์ได้ไม่นาน  ก็มีแสงบางอย่างสะท้อนเข้าตาของเอรีน
     “เอ๊ะ ! ไคท์หลบ !”  เธอรีบเบี่ยงตัวของไคท์ไปด้านข้าง  แสงสีขาวนั้นพลาดไปโดนแก้วน้ำที่วางอยู่ด้านหลังที่เดิมพวกเขากำลังเต้นรำกันอยู่  มันแตกเป็นชิ้น ๆ อยู่บนพื้น  เอรีนรีบจูงมือของไคท์ไปยังที่อื่นทันที  นักเรียนหลายคนเริ่มวิตกกับแสงสีขาวจนไม่ได้มองพวกเขาเลย  ลีและราเดนที่เห็นสถานการณ์เมื่อครู่ก็รีบแยกกันหาที่มาของแสงนี้ทันที  เอรีนพาไคท์ไปหลบที่ต้นเสาใหญ่ต้นหนึ่งที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น  เธอหอบหายใจ
     “แฮ่ก...แฮ่ก...นึกว่าจะไม่พ้นซะอีก”  เอรีนค่อย ๆ พูดออกมาในขณะที่ยังหลับตาอยู่
     “ใครบอกล่ะ  เราหนีไม่พ้นต่างหาก”  ไคท์พูดขึ้น  เอรีนรีบลืมตาขึ้นทันที 
     “ตายล่ะ”  เธออุทานเบา ๆ เมื่อเห็นไคท์กลายเป็นเจ้าหญิงอีกครั้ง  ผมสีดำยาวสยายมาอยู่ที่กลางหลัง  จากที่เคยสูงกว่าเธอ  กลายเป็นว่าตอนนี้กลับสูงพอ ๆ กับเธอ
     “แล้ว...เชารูฟ ฯ อยู่ไหน”  เอรีนรีบมองหาไปรอบ ๆ ไคท์ส่ายหน้า
     “หาไม่เจอเลย” 
     “งั้นฉันไปหาให้  รออยู่นี่นะ”  เธอกำชับก่อนที่จะวิ่งไป
     “อยู่ไม่ได้หรอกมั้งเนี่ย”  ไคท์มองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้นักเรียนหลายคนเริ่มเดินมาทางที่เขาซ่อนตัวอยู่
     “ที่นั่นไม่มีคน  ดีล่ะ”  ไคท์เล็งไปยังระเบียงทางตะวันออกที่ไม่มีคนก่อนที่จะออกตัววิ่งไปที่ระเบียง  ความเร็วของเขาทำให้เขาไปที่จุดหมายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก  เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก  และเอามือเท้ากับขอบระเบียงเพื่อรับลมอ่อน ๆ ที่ปะทะใบหน้า
     “ลมเย็นจังแฮะ”  เขาพูดเบา ๆ เพื่อรับลมได้อย่างเต็มที่  แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งได้เดินมาที่ระเบียงแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
     “อ้าว...มีคนอยู่ด้วยรึ”  เสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้นด้านหลัง  ไคท์รีบหันไปมองทันที  ชายหนุ่มผมดำยาวที่อยู่ในชุดสีดำแบบเดียวกับไคท์  สวมหน้ากากสีดำวาว  แต่สิ่งที่สะดุดตามากที่สุด  และเป็นสิ่งที่ทำให้ใคท์สามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร  นัยน์ตาสีเหลืองอำพันราวกับตามังกร...
     “เอิร์น...”  ไคท์พึมพัมเบา ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าสะดุ้งเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×