คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย
บทที่ 14 ฮาโลวีนที่แสนวุ่นวาย
“เอาไงกับหมอนี่ดีเนี่ย” ชายหนุ่มผมดำยืนมองชายหนุ่มผมฟางที่กำลังนอนอยู่บนที่นอนอย่างมีความสุข และไม่ยอมตื่นไม่ว่าเขาจะพยายามปลุกยังไงก็ตาม เขาได้แต่มองอย่างหนักใจไปยังเขา ในระหว่างนั้นเองชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พอจะนึกอะไรออก
“นายถอยไป ฉันเอง” เขาผลักชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าเบา ๆ และลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเปิดปากพูดขึ้น
“ตื่นได้แล้ว...” เขากระซิบข้างหู ทำเอาชายหนุ่มผมฟางถึงกับต้องยอมเปิดเปลือกตาที่ปิดบังนัยน์ตาสีเขียวเข้มไว้ และกระโดดผลุงลุกขึ้นนั่งบนเตียง พลางเอามือถูหูอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วฮะ ว่าอย่าเอาของเย็น ๆ มาใกล้หูน่ะ” เขาว้ากออกมา แต่ราเดนกลับมีท่าทีเฉยเมย
“รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวซะ เดี๋ยวจะเข้าเรียนไม่ทัน” เขาสั่งก่อนเดินออกจากห้องไป
“โว้ย !!! เช้ามาก็สั่ง สั่ง สั่ง เลยเหรอเนี่ย จะบ้าตาย โอ๊ย !!!” ลีตะเบ็งเสียงลั่นห้อง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ให้ตายสิ เมื่อไหร่จะหัดตื่นเองได้เนี่ย” ไคท์เกาหัว ก่อนที่จะนั่งลงรอชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำ ระหว่างนั้นเขาก็นำตำรามานั่งอ่านเล่นฆ่าเวลา
“เฮ้อ ได้อาบน้ำหน่อยค่อยสบายหัวหน่อย...เฮ้ย !!!” ลีที่เดินออกมาจากห้องน้ำถึงกับร้องเสียงหลงและรีบเอาตัวหลบอยู่ข้างกำแพง ไคท์มองเขาอย่างสงสัย
“อะไรของนาย” เขาพูดขึ้นแล้วมองไปยังลีที่หลบอยู่หลังกำแพง
“นายออกจากห้องไปก่อนได้มั้ย ฉันจะแต่งตัว” ลีพูดพลางยื่นหน้าออกมาทางกำแพง ไคท์ขมวดคิ้วน้อย ๆ กับท่าทางของเขา
“ก็แต่งไปสิ ฉันไม่มองหรอก” ไคท์พูดเรียบ ๆ ก่อนที่จะหันไปอ่านหนังสือต่อ
“มันไม่ใช่อย่างนั้น ก็นาย...นาย...” ลีพูดอ้ำอึ้ง ไคท์จึงละสายตาจากหนังสือที่อ่าน แล้วหันมาสบตาลี
“ฉันทำไม” ไคท์ชักจะรำคาญกับเสียงที่ร้องออกมา
“นาย...เป็นถึงเจ้าหญิง...” ลีพูดออกมา ไคท์พยักหน้าน้อย ๆ
“แล้วไง”
“ก็...ฉันโป๊อยู่ นายจะดูฉันเปลี่ยนเสื้อผ้ารึไง” ลีสารภาพออกมาแต่โดยดี ไคท์เบิกตากว้าง หน้าแดงเรื่อ ๆ
“งั้น...งั้นก็ตามสบายสิ” ว่าแล้วไคท์ก็รีบเดินออกจากห้องทันที ลีถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไม่เห็นต้องอายเลยนี่นา” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา เหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังพูดขึ้นลอย ๆ
“จะบ้าเรอะ ไม่ให้อายได้ไง ฉันไม่ได้ด้านเหมือนนายนี่หว่า” ลีหันไปว้ากกับเหยี่ยวทันที มันส่งสายตาเย็น ๆ มาแว่บหนึ่ง
“นายว่าใครด้าน” มันเริ่มพูดเสียงเย็น ลีถึงกับขนลุกซู่
“ไม่รู้ นายออกไปเหอะ ฉันจะแต่งตัว” ลีไล่เหยี่ยวตัวนั้นออกไป มันส่ายหัวน้อย ๆ กับการกระทำของเขาก่อนที่จะบินออกไป เป็นเวลาไม่นานนัก ลีก็รีบไปสมทบกับไคท์และราเดนที่ห้องอาหาร
“มาได้ซะที แต่งตัวนานชะมัด” ไคท์บ่นเบา ๆ ราเดนปรายตามองลีแว่บหนึ่งก่อนที่จะกินอาหารต่อเงียบ ๆ
“เพิ่งฉะกับเหยี่ยวปากมากมา” ลีพูดก่อนที่จะยัดอาหารในจานอย่างรวดเร็ว ไคท์ขมวดคิ้ว
“เหยี่ยว...เรยองเหรอ” ไคท์พูดเบา ๆ ลีพยักหน้าหงึกหงัก
“เออเด่ะ...บ่นให้ฟังแต่เช้า ขนาดเป็นเหยี่ยวยังพูดมากเหมือนเดิม”
“แล้วเขาไม่โกรธเหรอ” ไคท์ถามอย่างหวาด ๆ ลียักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“หมอนั่นมันเส้นประสาทลึก จี้แค่ไหนก็ไม่ค่อยรู้สึกหรอก”
“งั้นโทษทีนะ ที่เกิดมาเส้นประสาทลึกน่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูลี เขาถึงกับชะงักก่อนที่จะหันไปมองต้นเสียง
“นะ...นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ลีผวาเมื่อเห็นเหยี่ยวที่เขาพบเมื่อเช้าเกาะอยู่บนบ่าของไคท์
“ตั้งแต่นายว่าฉันว่าเส้นประสาทลึกนี่แหละ” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“แล้วนายทำแบบนี้จะดีเหรอ” ราเดนถามเหยี่ยวหนุ่มเบา ๆ มันหันมามองเขาช้า ๆ
“อะไรหรือ” มันถามกลับ
“ก็เล่นพูดในที่สาธารณะแบบนี้ เดี๋ยวก็เด่นหรอก” ราเดนพูดเบา ๆ มันหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เขาไม่ว่าแปลกหรอกครับ เพราะสัตว์เวทย์มนต์ที่พูดได้น่ะมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนเลยล่ะครับ” มันตอบสบาย ๆ ก่อนที่จะหันไปมองลีอีกครั้ง
“หัดระวังปากไว้บ้างนะ ศิษย์รัก” ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนั้น แต่ลียังเหงื่อแตกพลั่ก ๆ แล้วรีบก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานจนหมด ไคท์ยื่นแฮมให้อีเกิ้ลกินบ้างเล็กน้อย มันรับอย่างยินดีแล้วจัดการกับอาหารที่ไคท์แบ่งไว้ให้จนหมด
บริเวณทางเข้าของปราการนักรบ พวกของไคท์ได้เดินออกมาจากปราการโดยที่อีเกิ้ลยังคงเกาะอยู่บนบ่าของไคท์ไม่ปล่อย เวลานี้พวกเขาจำต้องไปเรียนวิชาประวัติศาสตร์ที่ปราการกลาง ในระหว่างนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางที่เร่งรีบ
“เอ่อ...พวกคุณคือหน่วยพิเศษของปราการนักรบใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มพูดกับพวกเขา ไคท์พยักหน้า
“มีธุระอะไรกับพวกเรารึ” ไคท์ถามออกไป ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ
“ผมเป็นหน่วยพิเศษของปราการปราชญ์ครับ หน่วยเวทย์มนต์ คลิฟ มาโอเฮล” เขาพูดพลางยื่นมือออกมา ไคท์จับมือเขาตามมารยาทก่อนที่ปล่อยอย่างรวดเร็ว
“แล้วมีอะไรรึถึงได้มาหา” ลีพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ คลิฟรีบตอบทันที
“คือว่าตอนนี้ที่ห้องประชุมใหญ่กำลังมีการประชุมกันของหน่วยพิเศษแต่ละปราการน่ะครับ แต่ขาดปราการนักรบเพียงปราการเดียว ดังนั้นผมเลยมาตามพวกคุณไปร่วมประชุมน่ะครับ”
“ต้องไปด้วยรึ” ไคท์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม คลิฟพยักหน้า
“ครับ เพราะมันเกี่ยวกับโรงเรียนด้วยน่ะครับ” เมื่อได้ยินดังนั้น ไคท์จึงหันไปยังชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลัง พวกเขาพยักหน้าเป็นเชิงตกลงก่อนที่จะเดินตามกันไปที่ห้องประชุมใหญ่ของปราการกลาง
ที่ห้องประชุมมีโต๊ะยาวเพียงตัวเดียวตั้งอยู่กลางห้อง ชายหนุ่มและหญิงสาวรุ่น ๆ กำลังนั่งอยู่ตามตำแหน่งของหน่วยและปราการของตน นักเวทย์เซโลนีนั่งรอผู้เข้าประชุมอีก 3 คนที่กำลังจะมาเข้าร่วมอย่างใจเย็น ทันทีที่ประตูเปิดออก ชายหนุ่มทั้ง 4 คนได้เดินเข้ามา คลิฟชายหนุ่มผมสีมะนาวถักเปียไว้ด้านหลัง โค้งคำนับให้กับนักเวทย์ชราที่นั่งหัวโต๊ะด้วยท่าทางสุภาพก่อนที่จะนั่งลงประจำที่ของตนเอง ชายหนุ่มอีก 3 คน จึงโค้งคำนับให้กับเขาก่อนที่นั่งลงประจำตำแหน่งของตนเอง เอรีนนั่งอยู่ระหว่างแคโรว์รีนและเอิร์น ใบหน้าของฮีสเซลฉาบยิ้มบาง ๆ อย่างยินดีเมื่อเห็นหน้าของลี ลีจึงรีบเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตา เนลเยอร์นั่งมองเอรีนบ้างเป็นระยะ
“เอาล่ะ ในที่สุดผู้เข้าประชุมก็มาถึงกันครบเสียที” นักเวทย์เซโลนีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ฟังดูมีอำนาจทุกคำที่มีการเปล่งเสียงออกมา เขากวาดสายตามองไปรอบห้อง แล้วยิ้มน้อย ๆ
“ที่เรียกหน่วยพิเศษของแต่ละปราการนี้มาไม่ใช่ธุระที่สำคัญอะไรมากนัก เพียงแต่ว่าอยากจะขอให้ช่วยอาจารย์ในโรงเรียนนี้จัดงานฮาโลวีนที่กำลังใกล้เข้ามา เพราะคณะอาจารย์บางท่านมีธุระที่ต้องสะสางทำให้ไม่สามารถจัดงานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นฉันจึงอยากจะขอร้องพวกเธอช่วยกันจัดงานนี้ขึ้น โดยจัดกันที่ปราการกลางตามความคิดเห็นของพวกเธอ แต่ของปราการพวกเธอ จะจัดกันก็ได้ตามใจ เพียงแต่ว่าอย่าให้วุ่นวายมากจนเกินไป เอาล่ะ สิ่งที่ฉันอยากจะบอกมีเพียงเท่านี้ มีใครจะถามอะไรหรือไม่” เมื่อชายชรากล่าวจบ ก็มีมือข้างหนึ่งชูขึ้น เขาพยักหน้าชายหนุ่มจึงลุกขึ้น ชายคนนี้ไคท์เพิ่งเห็นเขาเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มผมสีครามดูยุ่งเล็กน้อย นัยน์ตาสีชา เขานั่งอยู่ข้างรูนและคลิฟ เขาคงจะเป็นคนของปราการปราชญ์เป็นแน่
“ผมอยากทราบว่า การจัดงานที่ปราการกลางจะมีแต่พวกหน่วยพิเศษเท่านั้นหรือครับ ที่ช่วยคณะอาจารย์จัดงาน” เขาถามด้วยน้ำเสียงฟังชัด เซโลนีพยักหน้าน้อย ๆ
“แล้วแต่พวกเธอว่าจะหาคนมาช่วยงานได้มากเท่าไหร่ จะจัดกันแค่เฉพาะหน่วยพิเศษก็ได้ หรือจะหาคนของปราการมาช่วยกันก็ได้ ไม่ว่าหรอก” เมื่อคลายข้อข้องใจของชายหนุ่มได้แล้วเขาจึงนั่งลงตามเดิม
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็ต้องขอตัวก่อน ในช่วงเช้านี้ฉันจะให้พวกเธอปรึกษากันเรื่องงาน ถ้าได้ข้อสรุปเป็นที่แน่นอนแล้วให้นำไปเสนออาจารย์เมย์เพื่อให้อาจารย์คอยควบคุมงานนี้ เอาล่ะ งั้นก็ขอให้ทุกคนโชคดี” ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้น เหล่านักเรียนทุกคนพากันลุกขึ้นตามและแสดงความเคารพให้กับชายชรา เมื่อเห็นว่าไม่อยู่แล้วพวกเขาจึงเริ่มการประชุมขึ้น
“แล้วเราจะเอารูปแบบไหนดีล่ะ” เอรีนโพล่งขึ้นเป็นคนแรก รูนทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
“ผมว่าน่าจะจัดบรรยากาศแบบฮาโลวีน มีค้างคาวบินอยู่รอบห้องโถงกลาง และประดับด้วยฝักทองแกะสลักด้านหน้าทางเข้าเพื่อเชิญชวนนักเรียนมาเข้าร่วม ว่าไง ?” เขาเสนอรูปแบบ ก่อนที่จะถามความเห็นลงท้าย ทุกคนในห้องประชุมเริ่มคิดกันอย่างหนัก จนแคโรว์รีนเริ่มพูดขึ้น
“มันจะเรียบไปมั้ยถ้ามีแค่ค้างคาวและฝักทอง” เธอพูดขึ้น หลาย ๆ คนถึงกับมองหน้ากัน
“ฉันก็ว่างั้นนะ น่าจะมีอะไรเพิ่มบ้างเล็กน้อยนอกจากนี้ เพราะไม่งั้นมันคงจะน่าเบื่อแย่ นายว่ามั้ยชาล์ล” คลิฟหันไปถามชายหนุ่มผมครามที่กำลังนั่งคิดอย่างหนักข้างเขา ชาล์ลพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้
“น่าจะหาอะไรที่มันน่าตื่นเต้นซักหน่อย จะได้ดูเหมือนฮาโลวีน” เขาพูดขึ้น
“งั้นเอามนุษย์หมาป่ามาเพ่นพ่านในงานซัก 2-3 ตัว ดีมั้ย” ทุกสายตาหันไปจับจ้องเจ้าของความคิดแผลง ๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ใคร ลีเจ้าเก่านั่นเอง ความคิดนี้ทำเอาทุกคนในห้องประชุมเงียบกันหมด แม้แต่ฮีสเซลยังหยุดยิ้ม
“มันมากไปแล้วครับ” ฮีสเซลเตือนสติลี เขายิ้มเย็น ๆ
“อ้าว...งั้นเอาซอมบี้มาปล่อยซักนิดคงจะน่ากลัวน้อยกว่ามนุษย์หมาป่าแถมยังให้บรรยากาศหวิว ๆ วังเวง ๆ มีต้นไม้ปิศาจตามทางห้องโถง แต่ต้องมีโลงศพกับไม้กางเขนด้วยนะถึงจะสมจริง เอ้อ...จริงด้วย ฉันว่าน่าจะเพิ่ม...” ลีพูดไม่หยุด ทุกคนในห้องโถงเริ่มหน้าซีดกับความคิดของลี แต่ถ้าไม่มีใครหยุดเขาล่ะก็...
พลั่ก !!!! ผัวะ !!!! โครม !!!!
เสียงแรกและเสียงต่อมาดังขึ้นเกือบจะพร้อม ๆ กัน ไคท์หวดหลังมือไปที่หน้าท้องของลี ส่วนราเดนฟาดไม้เท้าเต็มเหนี่ยวไปที่คางของลีอย่างแรง ทำเอาลีถึงกับหงายท้องลงไปนอนกับพื้น ทุกคนในห้องเริ่มหวั่นวิตกกับการแก้สถานการณ์ของเหล่าหน่วยพิเศษปราการนักรบที่ออกจะรุนแรงไปซักนิด ในขณะที่เอิร์นทำท่าเหมือนกับว่าน่าจะเอาให้แรงกว่านี้อีกหน่อย ส่วนฮีสเซลกำลังอ้าปากค้างกับสถานการณ์เมื่อครู่ เนลเยอร์ยิ้มสะใจอย่างเห็นได้ชัด ทั้งคลิฟและชาล์ลถึงกับนั่งตัวแข็งเกรงว่าถ้าพูดอะไรมากไปอาจจะลงไปกองกับพื้นได้ แต่แม็ค แคโรว์รีน และเอรีนกำลังกลั้นหัวเราะสุดขีด เพราะพวกเขาชักจะชินกับพฤติกรรมแบบนี้ของพวกไคท์เสียแล้ว
“โหย พวกนายเล่นแรงไปแล้วนะ” ลีลุกขึ้นมาส่งสายตาอาฆาตไปที่ราเดนและคลำคางป้อย ๆ ราเดนถอนหายใจ
“ไม่แรงหรอก ถ้าเบากว่านี้ปากนายก็ไม่ยอมหุบน่ะสิ” เขาพูดเรียบ ๆ ลีเริ่มฉุน
“นายหาว่าฉันพูดมากงั้นเรอะ” ลีว้ากออกมา
ปั้ก !!!
ไคท์ขว้างหนังสือเล่มหนาที่เขาพกมาในกระเป๋าอย่างแรงไปที่หน้าผากของลี เขาถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น เอิร์นพึมพัมออกมาเบา ๆ ว่า “ อย่างนั้น” ฮีสเซลทำหน้าเหลอหลา เนลเยอร์เอามือปิดปากเพราะเขาชักกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว ส่วนพวกของเอรีนกำลังหันหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา รูนเริ่มกุมขมับ
“ใจเย็น ๆ หน่อยสิ นี่ห้องประชุมนะ” ไคท์พูดเตือนลีที่ทำท่าจะเถียงกับราเดนต่อ
“แต่ว่ามัน...” ลีชี้หน้าราเดน แต่ก็ต้องเงียบไปเพราะไคท์เริ่มส่งสายตาดุ ๆ มาให้
“พร้อมรึยัง” รูนเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติของทุกคน เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนจึงเข้าสู่การประชุมอีกครั้ง
“ตามที่คุณลีเสนอมาก็น่าสน แต่มันออกจะเกินไปหน่อย เพราะฉะนั้นมีใครพอจะเสนอความคิดเห็นที่ดีกว่านี้มั้ย” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ฟังแล้วชัดถ้อยชัดคำ เอรีนยกมือขึ้นแล้วพูดต่อ
“มีการเต้นรำกันดีมั้ย” เธอพูดขึ้น หลายคนพยักหน้าเหมือนเห็นด้วย
“ในแนวไหนหรือ” รูนถามเธออีกครั้ง เอรีนเริ่มคิด
“เต้นรำสวมหน้ากาก ในชุดดำเป็นไง” ไคท์พูดขึ้น เนลเยอร์ถึงกับพยักหน้า
“แบบไม่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้างั้นเหรอ” เขาถามขึ้น
“เวลาร่วมงานให้สวมหน้ากากก่อนเข้างาน แต่ว่าจะต้องเอาหน้ากากมาเองเพราะจะได้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะหากเห็นชุดกันแล้วก็อาจจะทำให้รู้ได้ เพราะงั้นควรจะสวมหน้ากากตั้งแต่ก่อนเข้างาน” ไคท์อธิบายให้ฟัง หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วงานเริ่มวันไหน” ฮีสเซลถามขึ้นมา ชาล์ลเริ่มพลิกหน้ากระดาษที่อยู่ตรงหน้า
“ประมาณ...อาทิตย์หน้านี้ งั้นก็เหลือเวลาอีกแค่ 5 วัน” เขาตอบ
“งั้นเราก็ต้องเริ่มจากประกาศว่างานเริ่มวันไหน และมีอะไรบ้างภายในงาน ภายใน 2 วันนี้ พอจะจัดการทันมั้ย” คลิฟเสนอวิธีการทำงาน ทุกคนพยักหน้า
“ถ้าเรื่องประกาศการเริ่มงานไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง” แม็คเสนอ รูนพยักหน้า
“แล้วการจัดแต่งห้องโถงน่าจะเริ่มก่อนวันงานหนึ่งวันเพื่อต้อนรับกับเทศกาล อาจต้องใช้คนเยอะหน่อย ใครจะทำ” คลิฟพูดต่อ
“งั้นพวกของฉันและพวกของปราการนักรบจะรับหน้าที่นี้เอง ว่าไง” เอิร์นพูดขึ้นเพื่อถามความสมัครใจของพวกไคท์
“ได้ ไม่มีปัญหา” ไคท์ตอบรับข้อเสนอ คลิฟจึงพูดต่อ
“แล้วเรื่องงานเต้นรำ”
“ไว้เป็นหน้าที่ของเหล่าปราการคีตะเอง” เอรีนเสนอตัวพร้อมกับแคโรว์รีน รูนพยักหน้า
“งั้นเรื่องบริเวณภายนอกงานและความพร้อมไว้เป็นหน้าที่ของพวกฉันละกัน มีใครมีปัญหามั้ย” รูนเอ่ยขึ้น ทุกคนเงียบไม่มีใครขัด เขาจึงลุกขึ้น
“งั้นฉันขอปิดประชุม และขอให้ทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับด้วย เอาล่ะ ไปเรียนกันตามปกติได้แล้วล่ะ ขอบคุณมากครับที่ให้ความร่วมมือ” เขาพูดพลางโค้งคำนับเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ ทุกคนจึงคำนับตอบก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปตามทางออกที่จัดเตรียมไว้เพื่อไปเรียนในวิชาภาคบ่ายที่กำลังจะเริ่มขึ้น
2 วันต่อมา ดูเหมือนว่าแม็คจะทำหน้าของตนเองได้ดีมาก เพราะเขาเล่นเสกข้อความที่เขาเขียนลงในกระดาษด้วยเวทย์มนต์เล็กน้อยทำให้มันดูเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าปราการทุกปราการ พวกของไคท์กำลังเงยหน้าขึ้นมองไปยังข้อความเหล่านี้ด้วยสายตาไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
ถึงทุกท่านของปราการนักรบ
เนื่องจากว่าในไม่กี่วันนี้จะเป็นวันฮาโลวีน โดยทางหน่วยพิเศษและอาจารย์บางท่านจะไปทำการจัดงานนี้ให้ทุกท่านได้ร่วมงานกัน จะเป็นวันไหนนั้นจะแจ้งให้ทราบทีหลัง แต่ตอนนี้พวกท่านสามารถใช้ปราการได้ตามปกติ โดยไม่ต้องเกรงว่าจะมีพวกผีหรืออะไรออกมา เพราะเรายังไม่ได้จัดเตรียมอะไร อย่ากลัวกันไปก่อนล่ะ...
ส่วนในวันงาน ขอให้นักเรียนชายสวมชุดที่ทางปราการจัดเตรียมไว้ในห้อง ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้อาจจะได้ชุด ส่วนนักเรียนหญิงอนุญาติให้ใส่ชุดราตรีสีดำ หรือสีแดงเท่านั้น และขอให้ไปรวมตัวกันที่ปราการกลางในเวลา 20.00 น. ก่อนเข้าร่วมขอให้ทุกท่านสวมหน้ากากแบบใดก็ได้ก่อนออกจากห้องได้ยิ่งดี ซึ่งหน้ากากเราจะไม่มีการบังคับกัน ขอให้ใช้กันได้ตามสะดวก และก่อนเข้าร่วมงานกระผมขอเตือนว่าให้ทานอาหารมาด้วย เนื่องจากที่งานนี้มีเพียงการเต้นรำสวมหน้ากาก และในเวลาเที่ยงคืน เราจะถอดหน้ากากเพื่อดูคู่เต้นรำ
หวังว่าทุกท่านคงจะสนุกสนานกับงานฮาโลวีนปีนี้
หน่วยรุกปราการคีตะ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะทำงานเร็วขนาดนี้” ลีส่ายหัว
“นั่นสิ ไวเป็นบ้า” ไคท์พึมพัมเบา ๆ
“จะไปเรียนได้ยัง” ราเดนเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินนำหน้าไป
“เฮ้ ! รอด้วย ลีไปเถอะ” ไคท์หันไปบอกราเดนที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ และลากลีออกมาจากป้ายนี้ ซึ่งในระหว่างที่พวกเขาเดินไปเรียนหรือแม้แต่ในวิชาเรียนนักเรียนส่วนใหญ่มักจะคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของงานฮาโลวีน ผู้ชายมักคุยเรื่องหน้ากากกับชุดที่ทางปราการจัดไว้ ส่วนนักเรียนหญิงก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องของชุดที่จะใส่ไป แต่...ไคท์เริ่มทำหน้าไม่แน่ใจ เนื่องจากว่าพวกเธอเริ่มมองมาทางพวกเขาบ่อยมาก
“นายว่าพวกเธอคุยอะไรกัน” ไคท์หันไปกระซิบกับลี
“เรื่องผู้ชาย” ลีตอบง่าย ๆ
“เฮ้ย !!!” ไคท์อุทานอย่างตกใจและผงะออกจากเขา
“ตกใจอะไร ไม่แปลกนี่ที่หล่อนจะคุยกันเรื่องนี้ เพราะเธอต้องคิดว่าพวกเราจะมางานในมาดไหนไงล่ะ” ลีพูดให้ไคท์ฟัง เขาพยักหน้าหงึก ๆ
“แล้วเราจะเอาไง” ราเดนเริ่มเอ่ยเบา ๆ ขณะที่มือกำลังจดงานไปด้วย
“หมายความว่าไง” ลีถามกลับ
“โดดมั้ย” ราเดนพูดเสียงเรียบ ทั้งลีและไคท์ทำตาโต
“โดด...” ไคท์พึมพัมเบา ๆ
“ไม่อยากจะเชื่อ นายกินยาผิดรึเปล่า” ลีพูดอย่างตื่นตระหนกเพราะเขาไม่เคยเห็นราเดนพูดเรื่องโดดงานหรือโดดเรียนมาก่อน
“ฉันหมายความว่าโดดงาน ไม่ไปงานเต้นรำไงล่ะ” ราเดนขยายความให้พวกเขาฟัง ทั้งคู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เอางั้นน่ะ” ไคท์ถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ
“ไม่ล่ะ” งานนี้ลีตอบเฉย ๆ ไคท์หันขวับ
“ตลกน่า นายอยากไปงานนี้งั้นเหรอ” เขาพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
“เออ อย่างที่ได้ยินไปนั่นแหละ” ลีทวนอีกครั้งและหนักแน่นกว่าเดิม
“เพราะ...” ไคท์ขมวดคิ้วพลางถาม
“ฉันจะได้เต้นรำกับหญิงไม่ซ้ำหน้า” ลีตอบก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ ไคท์เบ้ปาก
“ฉันลืมไปว่านายมันเป็นพวกเล่นไม่เลือก” ไคท์พูดเรียบ ๆ ก่อนหันไปดูสิ่งที่ราเดนจด
“พูดงี้หมายความว่าไงเนี่ย” ลีเกาหัวแกรก ๆ ก่อนที่จะฟุบหน้าลงไปนอนกับโต๊ะ
เมื่อหมดชั่วโมง ประจวบเหมาะกับที่ลีตื่นนอนขึ้นพอดี (ไม่รู้ว่ากะเวลาถูกได้ยังไง) พวกเขาจึงเดินกลับไปยังปราการนักรบ ระหว่างทางพวกเขาก็พูดคุยเกี่ยวกับงานฮาโลวีนและงานที่พวกเขาต้องทำกันในวันงาน ทั้งการจัดเตรียมสถานที่โดยรอบ และหน้างานต้องจัดระเบียบการเข้าห้องโถง พวกเขาปรึกษากันไปได้ซักพักก็มีชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหา ในขณะที่นักเรียนของปราการนักรบหันมามองด้วยความสงสัย
“แฮ่ก...แฮ่ก...พะ...พะ...พวกคุณ...แฮ่ก...” ชายหนุ่มพูดพลางหอบ
“มีอะไรกันรึไง ถึงได้รีบวิ่งมาหาเนี่ย” ลีพูดขึ้นเพื่อคลายความสงสัยของทุกคน
“ช่วย...ช่วย...ไปห้าม...เขา...” เขาพูดกระท่อนกระแท่นเพราะยังไม่หายจากความเหนื่อย
“ใคร ? ห้ามใคร” ไคท์ถามอย่างร้อนรน ราเดนฟังชายหนุ่มพูดอยู่เงียบ ๆ
“คุณ...รูน...” ชายหนุ่มพูดขึ้น ไคท์เบิกตากว้าง
“ทำไม...เกิดอะไรขึ้นกับรูน”
“ตามผมมา” เมื่อเขาตั้งสติได้ก็วิ่งนำหน้าพวกของไคท์ไปทันที พวกเขาจึงรีบวิ่งตามชายหนุ่มไปทันที ไม่นานพวกเขาก็เข้าเขตของปราการปราชญ์ผู้คุมหน้าประตูถึงกับอึ้งไปเพราะความเร็วของลีที่นำหน้าไปแล้ว เมื่อวิ่งไปได้ซักพักพวกเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะ
“อะไรกัน เขาเป็นอะไรไปน่ะ” เสียงของหญิงสาวแหลมดังขึ้นมา
“ไม่รู้ อยู่ ๆ ก็เป็นแบบนั้นน่ะ” อีกเสียงหนึ่งตอบกลับมา
“ฉันกลับล่ะ ไม่อยู่แล้ว” เมื่อสิ้นเสียงไคท์ก็ต้องตะลึง เพราะมีหญิงสาวนับสิบวิ่งกรูออกมาจากห้อง ๆ หนึ่ง พวกเธอวิ่งออกมาโดยไม่มองรอบข้างราวกับหนีอะไรบางอย่าง ไคท์จึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที และพบว่า...
“รำคาญชะมัดเลยโว้ย !!! เสียงเงี้ยะแหลมซะไม่มี” เสียงตะหวาดก้องไปทั่วทั้งห้องดังมาจากชายหนุ่มเพียงคนเดียว และอีกคนหนึ่งกำลังพยายามพูดคุยอะไรบางอย่างกับเขา
“ใจเย็น ๆ สิ รูนพวกเธอไปแล้ว เลิกว้ากได้แล้วล่ะ” ชายหนุ่มผมเปียกำลังพูดอย่างใจเย็น
“อะไรนะ...นั่นรูนเรอะ” ลีถึงกับผงะกับท่าทางของเขา เพราะรูนปกติแล้วเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยโวยวายอะไรและยังใจเย็นอยู่เสมอ แต่ที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือ...รูนเวอร์ชั่นใหม่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง คิ้วขมวดเข้าหากันบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ นัยน์ตาฉายแววไม่เป็นมิตร เขากำลังมองคลิฟอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก
“เฮ้ ! ใจเย็นหน่อยสิ ไม่มีแล้วล่ะ” ชาล์ลผู้นำทางพวกของไคท์พูดขึ้นที่หน้าประตู คลิฟรีบหันไปที่ประตูทันที
“เฮ้ย ! มาแล้วก็ไม่บอก มาช่วยกันห้ามหน่อยเด้ ยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะ”
“จะให้ห้ามยังไงล่ะ ตอนนี้กำลังอันตรายได้ที่เลยนะ” ชาล์ลแย้งขึ้นมา รูนเกาหัวอย่างแรง จนผมเริ่มยุ่งมากขึ้นไปอีก
“โว้ย !!! มันจะอะไรกันนักกันหนา ฮะ ? แล้วนี่อะไร พาคนมาเยอะแยะ ใครจะตายเรอะไง” รูนถึงกับตะคอกพวกเขา คลิฟกระโดดถอยหลังไปเล็กน้อย
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ” ชาล์ลพูดขึ้นเบา ๆ รูนหันขวับ
“หุบปากของนาย แล้วเก็บเสียงที่ดังเหมือนแมลงหวี่นั่นได้มั้ย” เขาชี้หน้า ชาล์ลถึงกับเงียบทันควัน ส่วนไคท์และลีทำหน้าเหวอกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นน่ะ แล้วทำไมรูนถึงได้...” ไคท์ถามคลิฟที่ค่อย ๆ ถอยมายืนอยู่ข้างชาล์ลที่กำลังปิดปากสนิท
“อ๋อ...คือว่า...รูนเป็นโรคแปลก ๆ แบบหนึ่งน่ะ” คลิฟพูดเบา ๆ เพราะเกรงว่ารูนจะได้ยิน
“โรค ?” ลีทวนคำอย่างฉงน คลิฟจึงอธิบายให้ฟังเบา ๆ
“ก็รูนเป็นโรคเมาน้ำหอมน่ะสิ” ไคท์และลีอ้าปากค้าง
“อะไรนะ ! เพิ่งเคยได้ยิน” ลีถึงกับโพล่งออกมา คลิฟรีบปิดปากลีทันที
“จากตำราที่ฉันอ่านมา ยังไม่เคยเจอโรคนี้มาก่อนเลย” ไคท์พูดอย่างทึ่ง ๆ ชาล์ลส่ายหัว
“มันไม่ดีเลยน่ะสิ โรคเนี้ยะน่ะ”
“มันจะเกิดอะไรขึ้นรึไง ถ้ารูนได้กลิ่นน้ำหอม” ลีถามเกรง ๆ
“อ่อน ๆ ไม่เท่าไหร่ รูนแค่มึนหัวเล็กน้อย แต่ถ้ามาก ๆ ล่ะก็...” คลิฟพูดพลางส่ายหัว
“ว่ามาสิ...” ไคท์เร่งคลิฟที่เงียบไป
“อย่างที่เห็น...จะเป็นโรคหงุดหงิด และเกลียดผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทุกคนไม่เว้นแม้แต่อาจารย์” ชาล์ลพูดแทนคลิฟ ไคท์จึงหันไปมอง
“งั้น...ผู้หญิงพวกนั้นก็...” ไคท์พึมพัมทำหน้าสยองเล็กน้อย
“พวกหล่อนจะเข้ามาชวนรูนเต้นรำวันงาน แต่เจ้าหล่อนดั๊นเล่นใส่น้ำหอมซะจนต้องเมินหน้าหนี แล้วมากันเป็นฝูงซะขนาดนั้น เป็นนาย...นายทนไหวมั้ย” คลิฟถามกลับ
“แล้วจะทำไง” ลีถามขึ้นแล้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เพราะรูนดูน่ากลัวมาก
“ไม่รู้ ฉันจนปัญญาเลยงานนี้” ชาล์ลส่ายหัว คลิฟดีดนิ้ว
“งั้นเอาวิธีนี้” เขาทำท่าเหมือนกับให้ทุกคนเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อฟังแผนการณ์ของเขา ส่วนรูนกำลังรำคาญกับท่าทางของพวกเขา
“เฮ้ย ! ไม่แรงไปเรอะ” ลีถึงกับทำหน้าแหย ๆ
“ไม่หรอก ถ้าไม่ใช่วิธีนี้ก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว” ชาล์ลเห็นด้วยกับวิธีของคลิฟ
“เราไม่รับประกันความปลอดภัยนะ” ไคท์เตือนออกมา ชาล์ลกับคลิฟถึงกับมองหน้ากัน
“ตามสบาย...แต่อย่าตายละกัน” คลิฟพูดกำชับ ไคท์พยักหน้า
“แล้วฉันล่ะ” ราเดนพูดแทรกขึ้นมาหลังจากฟังอยู่นาน
“นายคอยปฐมพยาบาลละกัน” ลีพูดไม่ใส่ใจ ชาล์ลกับคลิฟถึงกับหน้าซีด
“ได้ อย่าหนักนักล่ะ” ราเดนพูดปรามไว้ก่อนที่ลีและไคท์จะเดินไป
“อะไรของพวกนาย” รูนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ลียิ้มน้อย ๆ
“ก็...นี่ไง !!!” ว่าแล้วเขาก็ปล่อยหมัดออกไปตรงหน้าของรูน ไคท์ฉวยโอกาสนี้วิ่งไปอยู่ข้างหลังของรูนอย่างรวดเร็ว แต่หมัดของลีกลับถูกรูนจับไว้อย่างมั่นคง
“เล่นอะไร ไม่ได้เรื่องเลย” รูนบ่นเบา ๆ แต่มือของเขายังคงจับหมัดของลีไว้แน่น
“เหรอ...ไวเหมือนกันนี่ แต่...ฉันชนะ ไคท์ !!!” ลีตะโกน ก่อนที่รูนจะหันไปด้านหลังได้ทัน ไคท์ใช้ไม้เท้าของเขาฟาดเข้าไปเต็มที่ที่ท้ายทอย ร่างของรูนล้มลงกับพื้นอย่างง่ายดาย
“ให้ตายสิ น่ากลัวเป็นบ้าเวลาเมาน้ำหอม” ลีพึมพัมพลางสะบัดข้อมือเล็กน้อย
“เป็นไงบ้าง” ไคท์ชะโงกหน้าถามราเดน ที่กำลังพิจารณาอาการ
“เดี๋ยวก็ฟื้น ว่าแต่นึกไงใช้เจ้านั่น” ราเดนบุ้ยใบ้ไปที่ไม้เท้าของไคท์ ไคท์มองมันแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นไม้เท้าสีขาวให้ราเดนดู
“นี่น่ะ...ยังดีกว่าใช้ดาบไม่ใช่รึไง” ไคท์ตอบง่าย ๆ ก่อนที่จะเก็บไม้เท้าไป
“เฮ้อ ~ เสร็จซักที ว่าแต่ทำไมถึงไปเรียกพวกเราล่ะ” ลีหันไปถามชาล์ลที่กำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ เพราะกลัวพวกของไคท์
“ก็...ผมกำลังหาคนไปช่วย...แต่ไม่ค่อยมีใครน่าจะช่วยได้ซักคน จนกระทั่ง...” ชาล์ลพูดเบา ๆ พลาหมุนนิ้วไปมาเวลาพูด ลีพยักหน้า
“ไปเจอพวกเราก่อนงั้นสิ”
“ครับ...อ๊ะ ! รูนขยับตัวแล้ว” ชาล์ลชี้ไปที่รูน ทุกคนจึงหันไปมองรูนที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เขากระพริบตาถี่ ๆ เพื่อมองสภาพโดยรอบ และเมื่อตั้งสติได้เขาก็รีบลุกขึ้นมาทันที
“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ย” เขาโพล่งขึ้นมา แล้วมองไปยังคนที่อยู่รอบ ๆ
“เอ้อ...มาทันน่ะ” ลีตอบ รูนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เฮ้อ...นึกว่าจะมีใครเป็นอะไรซะอีก...แล้วพวกนายมาที่นี่ได้ยังไง” รูนเอ่ยขึ้นแล้วมองไปยังพวกของไคท์
“ชาล์ลเขาไปตามพวกเรามาช่วยน่ะ” ไคท์พยักเพยิดไปที่ชาล์ล รูนเบิกตากว้างเล็กน้อย
“เหรอครับ...งั้นก็ขอบคุณพวกคุณมากเลยนะครับ” รูนก้มหัวเล็กน้อย
“เอาเถอะ ๆ งั้นพวกเราไปก่อนนะ” ลีพูดขึ้นแล้วตรงไปที่ประตูทันที
“ไปก่อนนะ อย่าไปอยู่ที่ ๆ มีน้ำหอมมากอีกล่ะ” ไคท์แซวเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตามลีออกไป ส่วนราเดนกำลังเดินไปที่ประตูพร้อม ๆ กับไคท์และเดินจากไป
“เฮ้ ! นายว่าไง” ลีถามไคท์เมื่อเดินออกมาได้ซักพักแล้ว
“อันตรายนะเนี่ย” ไคท์พูดเบา ๆ ราเดนพยักหน้า
“แล้วงานเต้นรำทำไงดีเนี่ย...” เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ ลีกับไคท์ถึงกับมองหน้ากัน
“แล้วแต่ชะตากรรมละกัน” ลีพูดแล้วถอนหายใจ ไคท์หัวเราะคิก
“เอาน่ะ อีกตั้ง 2 วัน กว่าจะถึงวันงาน ฉันว่าพวกหล่อนคงจะไม่ฉีดน้ำหอมแล้วล่ะ”
“ขอให้มันจริงเถอะ” ลีพึมพัมในลำคอ
วันต่อมา...นักเรียนหญิงของทุกปราการไม่มีใครฉีดน้ำหอมเลย...งานนี้ไคท์พูดถูก
และแล้ว...เช้าวันงานก็มาถึง ไคท์ตื่นช้าเล็กน้อยเพราะอากาศเย็นสบาย เหมาะกับงานฮาโลวีนในคืนนี้มาก เขาคงจะหลับต่อไปอีกนานถ้าไม่ได้ยินเสียงนี้...
“ว้ากกกก !!!!!!!” เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกและตกใจอย่างมากดังขึ้นข้างไคท์ เขารีบลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับราเดนที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างรวดเร็วและมองไปทางลี
“ลี เกิดอะไรขึ้น !!!” ไคท์ถามเขาอย่างร้อนรน ลีหน้าซีดเผือด
“เอามันออกไป” เสียงเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ไคท์ฟังเขาได้ไม่ถนัด
“อะไรนะ”
“เอามันออกไป” ลีพูดเสียงดังกว่าเก่าและชี้ไปที่ใต้ผ้าห่มของเขาที่มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอยู่ใต้นั้น
“ราเดน” ไคท์เรียกราเดน เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะค่อย ๆ จับผ้าห่มด้านหนึ่ง และไคท์กำลังยื่นมือไปใกล้สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ ลีตัวสั่นพั่บ ๆ
“เปิดเลย !!” ไคท์ตะโกน ราเดนกระชากผ้าห่มพร้อมกับไคท์ที่ตะครุบสิ่งนั้นไว้แน่นคามือ และลีก็รีบกระโดดออกจากที่นอน ไคท์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเขารู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือก็คือ...
“งู...พิษสีดำ” ไคท์พูดเบา ๆ ก่อนที่จะจับมันอย่างระมัดระวัง ในขณะที่งูเจ้าปัญหานี้กำลังเลื้อยอย่างแผ่วเบา มันมีลำตัวสีดำสนิท นัยน์ตาสีเทากำลังจับจ้องไปยังลี ความยาวของมันยาวเกือบ 2 เมตร เพียงแต่รอบตัวมันเล็กพอ ๆ กับแท่งดินสอ 3 อันรวมกัน และในความเงียบนั้นเอง
“คิก คิก คิก” เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น พวกเขาหันไปที่เสียงนั้นทันที มันดังมาจากทางระเบียง ไคท์ตะโกนออกไปเป็นคนแรก
“ใครน่ะ !! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” เสียงหัวเราะเงียบไป กลายเป็นเสียงชายหนุ่มพูดแทน
“ครับ ๆ ผมเองครับ” เขาพูดและเดินออกมาจากที่ซ่อน ทุกคนอ้าปากค้าง
“เรย์ !!!” ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน ในขณะที่เรย์ยังกลั้นหัวเราะอยู่
“นายทำอะไรของนายน่ะหา !!!!” ลีว้ากลั่นแล้วเดินเข้าไปใกล้
“ไม่น่าเชื่อว่านายจะจำมันไม่ได้นะ แต่มันกลับจำนายได้ ความจริงฉันเอามันไปปล่อยที่เตียงของราเดนเขาน่ะ” เรย์อธิบายให้ฟัง เมื่อเขาพูดจบ ไคท์มีความรู้สึกว่าราเดนเบ้ปากเล็กน้อย
“อะไรนะ !!! นี่นายกำลังจะบอกว่านี่คือ...” ลีชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังงูสีดำ
“อเล็กซ์ มานี่มา” เรย์เรียกสิ่งมีชีวิตในมือของไคท์ มันค่อย ๆ เลื้อยออกจากการบีบของไคท์ มันเลื้อยไปตามพื้นและผ่านลีที่รีบกระโดดผลุงอย่างรวดเร็ว มันเลื้อยพันไปตามขาของเรย์และเลื้อยมาจนถึงแขนของเรย์อย่างนุ่มนวล
“นายกำลังจะบอกว่า...” ลีเสียงสั่น เรย์ยิ้มนิด ๆ
“อื้อ อเล็กซ์ที่นายรู้จักไงล่ะ”
“ให้ตายสิ นี่นายเลี้ยงมันจนยาวขนาดนี้เชียวเรอะ ตอนนั้นถ้าฉันจำไม่ผิด ตัวมันยังเป็นลูกงูที่เพิ่งออกมาจากไข่เองนะ แต่ตอนนี้มัน...” ลีกุมหัวแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ราเดนมองตามเขาอย่างเงียบ ๆ ไคท์ยืนนิ่งและจ้องมองเรย์ที่กำลังเล่นและพูดคุยอยู่กับมัน
“ความจำแม่นจริงนะ นายเนี่ย” เรย์คุยกับมันอย่างแผ่วเบา อเล็กซ์แลบลิ้นแว่บหนึ่ง
“ทำไมจะจำไม่ได้ครับ นายท่าน เด็กที่ไม่กล้าเข้าใกล้ผมมีเพียงเด็กที่ชื่อลีเท่านั้น” เสียงแหบพร่าและสั่นเครือตอบกลับมา ไคท์ถึงกับถอยหนี เขามั่นใจเลยว่าเสียงดังมาจากงูสีดำตัวนั้น
“อ้าว เป็นอะไร” เรย์หันไปถามไคท์อย่างงง ๆ
“มัน...พูดได้” ไคท์ชี้นิ้วไปที่อเล็กซ์อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“คิก คิก คิก โอ๊ย...จะบ้าตาย นี่ไคท์ สัตว์เวทย์มนต์น่ะมักพูดได้เกือบหมดนะ” เรย์ขำและเอามือกุมท้องไว้แน่น
“อ้าว...เหรอ” ไคท์พูดเสียงอ่อย เรย์ยิ้มน้อย ๆ
“งั้นกระผมขอตัวก่อน ขออภัยนะครับที่เข้ามากวน” เขาพูดก่อนที่จะเดินไปที่ระเบียงและกระโดดขึ้นไป ไคท์เหม่อมองอยู่สักพักและได้สติเมื่อลีเดินออกมาจากห้องน้ำ
“บ้าเอ๊ย ! คอยดูเถอะ คราวหน้าฉันเอาคืนแน่” ลีพล่ามไม่หยุดจนราเดนเริ่มรำคาญและเดินเข้าห้องน้ำไป ไคท์จ้องมองเขาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ลี เงียบ ๆ บ้างเถอะ วันนี้เราต้องไปจัดงานนะ” ไคท์เตือนสติลี เขาทำหน้านึกขึ้นได้
“จริงสิ !! งั้นฉันไปแต่งตัวก่อนล่ะ” ว่าแล้วลีก็รีบวิ่งไปที่ชุดของเขาและแต่งตัวหลังกำแพงที่จะสามารถปกปิดทุกส่วนของตัวเองไม่ให้ไคท์เห็นได้ ไม่นานราเดนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ไคท์จึงเดินไปที่ห้องน้ำ ราเดนกำลังเดินติดกระดุมเสื้อของตัวเอง จู่ ๆ ลีกลับหลุดออกมาจากที่กำบัง และที่ตรงนั้นก็ใกล้กับห้องน้ำที่ไคท์จะเดินไป
“เฮ้ย !!!!” ลีร้องอย่างตกใจ พริบตานั้นเองไคท์รีบหันไปตามเสียงและกำลังจะหลบ ลีที่สะดุดขากางเกงตัวเองและถลาเข้ามาหาไคท์ในสภาพยังไม่ได้รูดซิบกางเกง ช่วงบนเปลือยจนเห็นผิวสีขาว เหมาะเจาะกับทิศทางที่ล้มกันลงไป ไคท์นอนหงายบนเตียงและลีกำลังคร่อมเขาอยู่ ราเดนจึงหันมามอง เขาด้วยสายตาเบิกกว้าง ปากของเขาพึมพัมอะไรบางอย่างออกมา แต่...
“คุณไคท์ครับ ผมจะไปช่วยคุณจัดงานได้มั้ย...ครับ” ยีนส์ที่เปิดประตูเข้ามาพอดีเพราะราเดนท่องรหัสออกมาทำให้ประตูปลดออก ยีนส์ถึงกับยืนนิ่งอึ้ง เนื่องจากภาพที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ไคท์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียงในชุดนอน และลีที่ไม่ได้ใส่เสื้อ แถมกางเกงยังไม่ได้รูดซิบกำลังคร่อมอยู่บนตัวของไคท์ ส่วนราเดนกำลังติดกระดุมเสื้ออยู่ แต่เขายังติดไม่หมด เหลืออีก 3 เม็ดด้านบน และกางเกงคาดเข็มขัดไว้หลวม ๆ ยีนส์มองสลับไปมาระหว่างลีและไคท์ กับราเดนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ไคท์หัวเราะแหะ แหะ ฉับพลันนั้นยีนส์หน้าแดงจัด
“ผม...ผม...ผมขอโทษครับ งั้นผมออกไปล่ะครับ จะไม่กวนแล้วครับ” พูดจบเขาก็รีบปิดประตูทันที ราเดนถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เมื่อไหร่นายจะลุก” เขาพูดเสียงเย็น เมื่อลีรู้สึกตัวเขาก็รีบลุกออกไปจัดการกับสภาพของตัวเองทันที ส่วนไคท์รีบเดินเข้าห้องน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะออกจากห้องด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“เฮ้ ! พวกนายดูแปลก ๆ นะ” เนลเยอร์ทักเมื่อเห็นทั้ง 3 คนมาถึงปราการกลาง
“อะไร แปลกตรงไหน” ลีรีบพูดขึ้น
“ตรงที่ไม่พูดอะไรเลย” เอิร์นเสริม ไคท์เริ่มเหงื่อตก
“ไม่กวนชาวบ้าน” ฮีสเซลต่อ ลีเส้นประสาทเต้นตุ้บ
“และก็มาธรรมดาไป” แคโรว์รีนพูดพลางสังเกตุ ราเดนถึงกับส่งสายตาเย็นชาไปให้จนเธอต้องรีบไปทำงานต่อ
“ฮีสเซล ที่นายพูดเนี่ยหมายความว่าไง” ลีทำเสียงให้เป็นปกติ ไม่สิ...ต้องเป็นแค่นเสียงให้เป็นปกติต่างหาก
“ปะ...เปล่าครับ” ฮีสเซลส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะรีบวิ่งไปทำงานกับรูนต่อ
“ให้ตายสิ แปลกตรงไหน” ลีพูดงึมงัม
“ตรงที่นายกลัวอเล็กซ์น่ะสิ” ไคท์พูดกลั้วหัวเราะ ลีหันขวับ
“อย่ามาล้อฉัน”
“น่า ๆ ไปจัดงานกันเถอะ” ว่าแล้วไคท์ก็เดินไปจัดต้นไม้สีดำร่วมกับอาจารย์เมย์ ราเดนไปหาที่เงียบ ๆ คนเดียวก่อนที่จะทำการจุดเทียนแล้วใช้เวทย์มนต์เล็กน้อยทำให้มันลอยขึ้นไปอยู่บนเพดานห้องโถง แต่ที่แย่สุด ๆ คือ อาจารย์เมย์ดั๊นใส่น้ำหอมมา ทำให้รูนต้องหลบไปทำงานคนเดียว ส่วนลีแยกไปทำงานขนของคนเดียว แต่ก็ไม่วายฮีสเซลยังคงทำหน้าที่ของน้องที่ดีให้กับลี
“พี่ชายหนักมั้ย ผมช่วย” ฮีสเซลพูดพลางยื่นมือไปหยิบชิ้นไม้จากลี
“ไม่ต้อง” เขาพูดเสียงเฉียบก่อนที่จะเดินหนีไป
“พี่ชาย ๆ ผมว่ามันเอียงไปนิดนะ” ฮีสเซลเอียงคอถามลีที่กำลังจัดฟักทองอยู่
“นายน่ะหุบปากไปเลย” ลีแหวใส่ ฮีสเซลหุบปากสนิท
“คิก คิก อย่าทะเลาะกันสิคะ เป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือคะ” เอรีนหัวเราะคิกกับท่าทางที่ลีแสดงออกกับฮีสเซล
“ครับ” ฮีสเซลตอบรับเสียงใส
“ฉันไม่เคยนับมันเป็นน้อง !!!” ลีว้ากลั่น ทำเอาอาจารย์เมย์ถึงกับหัวเราะนิด ๆ กับท่าทางของลีที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เอาล่ะจ้ะ เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว พวกเธอไปเตรียมตัวได้แล้วล่ะ ที่เหลือครูจัดการเอง” อาจารย์เอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม เพราะงานมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เหลืออยู่
“ครับ/ค่ะ” เหล่าหน่วยพิเศษชายหญิงรับคำกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเตรียมตัวที่ห้องของตนเอง พวกของไคท์ต่างก็เข้าห้องไปใส่ชุดที่เตรียมไว้บนเตียงของแต่ละคน ลีร้องออกมาอย่างพอใจ
“ว้าว ! เท่เป็นบ้า” ลีผิวปากเล็กน้อยเมื่อตนเองในกระจก
“ชุดบังคับสวยดีนะ” ไคท์ออกความเห็นเมื่อพบว่าเขาอยู่ในชุดสีดำสนิท เสื้อแขนยาวมีคอปิดสีดำ หน้าอกด้านขวามีกระเป๋าเสื้อที่ปักตัวอักษร BD ไว้อย่างประนีต มีลวดลายสีทองเล็กน้อยทางด้านชายเสื้อหน้าและด้านหลัง ขอบแขนเสื้อและคอขลิบด้วยริบบิ้นสีทองเล็กน้อย แน่นอนว่าลีใส่หน้ากากแล้ว
“เป็นไง เหมาะกับฉันมั้ย” ลีพูดอย่างกระตือรือร้น
“ก็ดีนะ” ไคท์ให้ความเห็นกับหน้ากากสีเงิน ที่ปิดบังใบหน้าของเขาเพียงครึ่งบนเท่านั้น
“งั้นฉันก็” ราเดนพูดเบา ๆ ก่อนที่จะนำหน้ากากสีครามที่บดบังแค่รอบดวงตาของเขาเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าถูกกลืนไปกับหน้ากากสีคราม
“แล้วนายล่ะไคท์” ลีถามไคท์ที่ยังไม่ได้สวมหน้ากาก
“งั้นเอาเป็น...” ไคท์สวมหน้ากากสีขาวที่รอบนอกเป็นรูปผีเสื้อครึ่งหนึ่ง หน้ากากนี้เผยให้เห็นแค่จมูกและริมฝีปากเท่านั้น ลีผิวปากเบา ๆ
“เจ๋งนี่ งั้นไปเถอะ” ลีออกจากห้องไปที่ปราการกลางเป็นคนแรก ที่นั่นมีนักเรียนชายหญิงมากมายไปรวมตัวกันที่ปราการกลาง ด้านหน้าทางเข้าถูกตกแต่งด้วยฟักทองลูกโต ด้านในมีแสงเทียนวูบวาบไปมาให้ความน่ากลัวบ้าง นักเรียนหญิงส่วนมากใส่ชุดราตรีสีแดงมากกว่าสีดำ ทุกคนล้วนสวมหน้ากากทำให้ไม่สามารถเดาได้ว่าใครเป็นใคร และเมื่อเข้ามาในห้องโถงก็ยิ่งน่าสนุก เพราะด้านข้างห้องโถงจะถูกจัดด้วยต้นไม้ปิศาจที่สามารถกลอกดวงตาสีเหลืองสว่างไปมาได้ มีจุดที่มีหลุมศพและไม้กางเขนตั้งอยู่ ค้างคาวนับสิบตัวบินอยู่บนเพดาน บ้างก็เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ของต้นไม้ปิศาจนั้น สร้างความพรั่นพรึงให้หลาย ๆ คน เมื่ออยู่ ๆ ก็มีกิ่งไม้มาสะกิดอยู่ด้านหลัง แต่เหล่าชายหญิงกลับไปรวมกันที่ฟลอเต้นรำ และเต้นรำกันอย่างสนุกสนานตามจังหวะเพลงที่เหล่าปราการคีตะตั้งใจบรรเลงกันออกมา เอรีนขับเสียงเพลงที่ฟังดูนุ่มหู แคโรว์รีนกำลังผิวฟลุ๊ตไม้คลอตามเสียงของเอรีน ส่วนแม็คกำลังดีดกีต้าเบา ๆ ไคท์มองอย่างคึกคัก
“เฮ้ ! ไปเต้นรำมั้ย” ลีชวน ไคท์และราเดนส่ายหัว
“ไม่ล่ะ นายไปเถอะ” ไคท์พูด ลีทำแก้มป่องเล็กน้อย
“ไปคนเดียวไม่หนุกน่ะสิ” เขาทำเสียงอ้อนเล็กน้อย ราเดนถอนหายใจ
“ปัญญาอ่อน ไปเต้นคนเดียวเหอะไป” ไม่วายเขาก็ใส่ฟืนให้ไฟอีกแล้ว
“เฮ้ย ๆ อ่อนให้หน่อยก็ว่า เดี๋ยวเหอะ” ลีชักฉุน และมีน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย
“จะไปรึเปล่า” ไคท์พูดท้วงลีเบา ๆ เขาหันขวับ
“นายจะไปด้วยหรือ” ลีตาลุกวาว
“เอ้อ...ดูเหมือนว่าคนที่ฉันอยากเต้นด้วยจะมาแล้วล่ะ” ว่าแล้วไคท์ก็เดินเข้าไปหาเอรีนที่เดินลงมาจากเวทีพอดี
“ไม่ทราบว่า จะช่วยเต้นรำกับผมซักเพลงได้มั้ยครับ” ไคท์คำนับให้หญิงสาวชุดดำ เธอยิ้มตอบอย่างยินดี
“ได้สิคะ” เมื่อพูดจบเธอก็ควงแขนของไคท์ไปที่กลางฟลอแล้วเริ่มเต้นรำอย่างพลิ้วไหวตามจังหวะเพลงที่บรรเลงโดยแม็คและแคโรว์รีน ไคท์เต้นรับกับเอรีนได้ทุกท่วงท่า ทำให้ทุกคนในระแวกนั้นเริ่มหลีกทางให้ทั้งคู่เต้นรำกันอย่างเต็มที่ กระโปรงผ้าบางสีดำสะบัดไปตามแรงหมุนของเจ้าของ ไคท์จับมือของหญิงสาวอย่างมั่นคงเพื่อให้เธอทรงตัวอยู่ได้ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเต้นรำได้อย่างคล่องแคล่วราวกับมีปีกอยู่ที่กลางหลังอยู่ก็ไม่ปาน เมื่อเธอหันมาเต้นกับไคท์ได้ไม่นาน ก็มีแสงบางอย่างสะท้อนเข้าตาของเอรีน
“เอ๊ะ ! ไคท์หลบ !” เธอรีบเบี่ยงตัวของไคท์ไปด้านข้าง แสงสีขาวนั้นพลาดไปโดนแก้วน้ำที่วางอยู่ด้านหลังที่เดิมพวกเขากำลังเต้นรำกันอยู่ มันแตกเป็นชิ้น ๆ อยู่บนพื้น เอรีนรีบจูงมือของไคท์ไปยังที่อื่นทันที นักเรียนหลายคนเริ่มวิตกกับแสงสีขาวจนไม่ได้มองพวกเขาเลย ลีและราเดนที่เห็นสถานการณ์เมื่อครู่ก็รีบแยกกันหาที่มาของแสงนี้ทันที เอรีนพาไคท์ไปหลบที่ต้นเสาใหญ่ต้นหนึ่งที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น เธอหอบหายใจ
“แฮ่ก...แฮ่ก...นึกว่าจะไม่พ้นซะอีก” เอรีนค่อย ๆ พูดออกมาในขณะที่ยังหลับตาอยู่
“ใครบอกล่ะ เราหนีไม่พ้นต่างหาก” ไคท์พูดขึ้น เอรีนรีบลืมตาขึ้นทันที
“ตายล่ะ” เธออุทานเบา ๆ เมื่อเห็นไคท์กลายเป็นเจ้าหญิงอีกครั้ง ผมสีดำยาวสยายมาอยู่ที่กลางหลัง จากที่เคยสูงกว่าเธอ กลายเป็นว่าตอนนี้กลับสูงพอ ๆ กับเธอ
“แล้ว...เชารูฟ ฯ อยู่ไหน” เอรีนรีบมองหาไปรอบ ๆ ไคท์ส่ายหน้า
“หาไม่เจอเลย”
“งั้นฉันไปหาให้ รออยู่นี่นะ” เธอกำชับก่อนที่จะวิ่งไป
“อยู่ไม่ได้หรอกมั้งเนี่ย” ไคท์มองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้นักเรียนหลายคนเริ่มเดินมาทางที่เขาซ่อนตัวอยู่
“ที่นั่นไม่มีคน ดีล่ะ” ไคท์เล็งไปยังระเบียงทางตะวันออกที่ไม่มีคนก่อนที่จะออกตัววิ่งไปที่ระเบียง ความเร็วของเขาทำให้เขาไปที่จุดหมายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก และเอามือเท้ากับขอบระเบียงเพื่อรับลมอ่อน ๆ ที่ปะทะใบหน้า
“ลมเย็นจังแฮะ” เขาพูดเบา ๆ เพื่อรับลมได้อย่างเต็มที่ แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งได้เดินมาที่ระเบียงแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
“อ้าว...มีคนอยู่ด้วยรึ” เสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้นด้านหลัง ไคท์รีบหันไปมองทันที ชายหนุ่มผมดำยาวที่อยู่ในชุดสีดำแบบเดียวกับไคท์ สวมหน้ากากสีดำวาว แต่สิ่งที่สะดุดตามากที่สุด และเป็นสิ่งที่ทำให้ใคท์สามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร นัยน์ตาสีเหลืองอำพันราวกับตามังกร...
“เอิร์น...” ไคท์พึมพัมเบา ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าสะดุ้งเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน
ความคิดเห็น