ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชารูฟ ออฟ เสก ตอน ประตูกล

    ลำดับตอนที่ #11 : อาณาจักรแมคไคริน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 72
      0
      28 ต.ค. 48

    “  วะ...ว่าไงนะ”  ไคท์เบิกตากว้าง  ราเดนรีบหันมาทางชายหนุ่มชุดขาวทันที  ส่วนลีกำลังยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างกำแพง

        “  ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ  เจ้าหญิงแคธี”  เขาพูดซ้ำอีกหน  คราวนี้ไคท์แทบลมจับ

        “  เจ้าหญิง...บ้ารึไง  ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงนะ”  ไคท์ว้ากออกมา

        “  นายเป็นใคร”  ราเดนหันไปถามชายหนุ่ม  เขาลุกขึ้นแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

        “  โตขึ้นมากแล้วนะครับ  เจ้าชายราเดน  เซนต์ทรายด์  ราชบุตรคนสุดท้องของราชอาณาจักรฟรีเซอเดอกูร์”  เขาตอบกลับมา  แต่ราเดนชี้ไม้เท้าของเขาไปที่ชายหนุ่มทันที

        “  ฉันถามว่านายเป็นใคร”  ราเดนค่อย ๆ สร้างน้ำแข็งขึ้นมา  แต่ชายหนุ่มยังยิ้มเย็น

        “  กระผมอยากจะทักทุกท่านให้ครบก่อนน่ะครับ  โดยเฉพาะ...”  เขาเหลือบทางลีที่กำลังพยายามหลบสายตาของเขาอย่างหนัก

        “  อย่า...มามองฉัน”  ลีกัดฟันพูดออกไป  ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาทันที

        “  แหม  ทำอย่างนี้กับอาจารย์สุดที่รักได้ยังไงกัน”  ชายหนุ่มพูดไปยิ้มไป  ลีกำลังหน้าซีด  ทางด้านไคท์กับราเดนก็อึ้งไปเหมือนกัน

        “  นี่...อาจารย์ของนายเหรอ  ลี”  ไคท์ค่อย ๆ พูดขึ้น  ชายหนุ่มหันมายิ้ม

        “  ครับ  กระผมเป็นอาจารย์ของลีและก็ท่านครับ  เจ้าหญิง”  ไคท์ลุกขึ้นทันที

        “  คำก็เจ้าหญิง  สองคำก็เจ้าหญิง  นายเป็นใครกันแน่เนี่ย  หา !!”  เขาตะโกนใส่ชายหนุ่ม  เขามองกิริยาของไคท์ด้วยความแปลกใจ

        “  นี่เป็นคำสั่งสินะครับ”  ชายหนุ่มคุกเข่าลงอีกครั้ง  แล้วค่อย ๆ จับมือของไคท์ขึ้นมา

        “  กระผมเรยอง  เดเรซ  ศรีปราชญ์อัจฉริยะแห่งราชอาณาจักรแมคไคริน”  ว่าแล้วเขาก็ค่อย ๆ จุมพิตลงบนหลังมือของไคท์ทันที  เขารีบชักมือกลับ

        “  ทำบ้าอะไรเนี่ย  หา !!”  ไคท์รีบเช็ดมืออย่างบ้าคลั่ง

        “  มันเป็นประเพณีน่ะครับ”  เรยองชี้แจง  แล้วลุกขึ้น

        “  เรยอง  นายลืมไปรึเปล่า  ว่าเจ้าหญิงจำอะไรไม่ได้”  ลีพูดขึ้นมา  ไคท์หันขวับ

        “  นี่นายก็เอากับเขาด้วยเรอะ”  

        “  ก็นายเป็นเจ้าหญิงจริง ๆ นี่นา”  ลีพูดเรื่อย ๆ

        “  อ้าว  เอากับเขาแล้วเหรอ”  เรยองพูดยิ้ม ๆ ลีทำหน้าไม่สบอารมณ์

        “  เรยอง  นายเลิกทำหน้าแบบนี้ซักทีเหอะ  เห็นแล้วขนลุกชะมัด”

        “  พูดแบบนี้กับอาจารย์ได้ไง  อย่างน้อยฉันก็อายุมากกว่านายนะ”  เรยองพูดไปเรื่อย ๆ แต่ราเดนเริ่มสะกิดใจอะไรบางอย่าง

        “  เดี๋ยวนะ  เมื่อกี้นายบอกว่าเป็นศรีปราชญ์ของแมคไครินงั้นรึ”  ราเดนถามขึ้น  เรยองหันมาพยักหน้าน้อย ๆ

        “  ครับ  ทำไมหรือ”

        “  แต่ศรีปราชญ์เนี่ยถือได้ว่าเป็นตำแหน่งที่สูงพอสมควร  แต่นาย...ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน  25  นี่นา”  ราเดนประเมิน  เรยองเดินเข้ามาใกล้ราเดน

        “  เพราะงั้นกระผมถึงได้ฉายา  ศรีปราชญ์อัจฉริยะแห่งราชอาณาจักรแมคไครินไงครับ  อีกอย่าง  กระผมได้ตำแหน่งนี้ตั้งแต่อายุ  11  ปี”  เมื่อเขาพูดจบ  ราเดนส่ายหัวทันที

        “  ไม่...มันไม่น่าจะเป็นไปได้...”

        “  เป็นไปได้  เพราะหมอนี่สืบเชื้อสายของราชวงศ์เดเรซซึ่งขึ้นชื่อในด้านเวทย์มนต์อักษรรูน  อีกอย่างฉันก็เป็นพยานให้ได้ว่าหมอนี่ได้รับตำแหน่งนี้ตอนอายุ  11  ปี  เพราะฉันเองก็อยู่ในราชพิธีมอบตำแหน่งนี้ด้วย”  เมื่อลีพูดจบ  ไคท์หันไปทันที

        “  งั้น...นายก็หมายความว่า...”  ลีถอนหายใจเบา ๆ

        “  คิดไม่ผิดหรอก  ฉันเองก็เป็นคนของราชอาณาจักรแมคไครินเช่นกัน”

        “  ทำไมฉันไม่เคยเห็นนาย”  ราเดนพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง  คน ๆ นี้น่ะหรือ  ที่รับราชการตั้งแต่วัยเยาว์  ทั้งใจร้อน  วู่วาม  ชอบโวยวาย  แต่บางครั้งกลับมีทีท่าสงบเยือกเย็น

        “  ฉันอยู่ตำแหน่งองครักษ์รักษาพระองค์ฝ่ายขวาของเจ้าหญิงแคธี  มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะจำไคท์ได้  ว่านายคือเจ้าหญิงแคธี  นะไคท์”  

        “  แต่เราลืมอีกคนไปรึเปล่า”  เรยองพูดขึ้นเตือนความจำของลี  ไคท์และราเดนหันขวับไปทันที

        “  ยังมีใครอีก”  ไคท์ถามขึ้น

        “  พวกนายรู้จักกันดี  หมอนั่นน่ะอยู่ตำแหน่งเดียวกับฉันแต่อยู่ฝ่ายซ้าย  อายุมากกว่าพวกเราปีนึง”  ไคท์ทำหน้าครุ่นคิด  และร่าง ๆ หนึ่งก็เดินออกมาจากระเบียงอย่างเงียบ ๆ

        “  ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ  ท่านเรยอง”  เขาโค้งคำนับให้เรยอง  ไคท์และราเดนมองชายคนนั้นเป็นตาเดียว  และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็พบกับชายหนุ่มผมสีทองยาวประบ่า  

        “  เรย์...”  ไคท์เอ่ยขึ้นเบา ๆ เรย์หันมาแล้วยิ้ม

        “  ตื่นขึ้นจากการหลับใหลแล้วหรือครับ  เจ้าหญิงแคธี”

        “  หลับใหล...หมายความว่าไง”  ตอนนี้ไคท์เริ่มสับสนกับพฤติกรรมในห้องนี้แล้ว  ทั้งลีที่เป็นเพื่อนเขา  กลับกลายเป็นทหาร  เหยี่ยวที่เขาซื้อมากลับเป็นร่างของชายหนุ่มอัจฉริยะแห่งอาณาจักรแมคไครินที่เขาไม่เคยรู้จัก  และเรย์ที่เป็นทหารเช่นเดียวกันกับลี  รวมไปถึงคำที่พวกเขาใช้เรียกเขาก็คือ  เจ้าหญิงแคธี

        “  เอาไงดีล่ะ”  ลีหันไปปรึกษากับเรยองและเรย์

        “  แล้วแต่ท่านเรยองละกัน”  เรย์เสนอ

        “  เจ้าหญิงแคธีครับ  ตอนนี้ท่านถูกปลดผนึกเวทย์ของกระผมแล้ว  ท่านพร้อมที่จะรับฟังเรื่องราวก่อนหน้านี้หรือไม่ครับ”  เรยองหันไปถามไคท์หรือเจ้าหญิงแคธี  ซึ่งเขาเองก็กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก

        “  ฉัน...พร้อม”  เขากล่าวอย่างหนักแน่น  เรยองถอนหายใจเบา ๆ

        “  อืม...ถ้างั้นกระผมของถามท่านก่อนว่า  ท่านสามารถจำความได้เมื่อไหร่”

        “  จำความได้งั้นหรือ...ฉันจำได้ว่า  ฉันเริ่มขายหนังสือที่หน้าร้านของปู่เมื่อตอนอายุ  8  ขวบ...ก็ประมาณนั้น”  ไคท์ตอบกลับมา

        “  แล้วท่านเคยนึกถึงอดีตหลัง  8  ขวบหรือไม่”  เรยองถามอีก  ไคท์เริ่มคิดหนัก

        “  เคยนะ...แต่พอเริ่มนึกทีไรก็จะปวดหัวทันที  ฉันก็เลยไม่นึกถึง”

        “  สาเหตุนั้นมาจากเวทย์มนต์ผนึกความทรงจำของกระผมเองครับ”  เรยองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ  ไคท์เบิกตากว้าง

        “  งั้น...คุณก็ผนึกความทรงจำของฉันไว้หมดเลยสิ  เพื่ออะไร”  

        “  เพื่อตัวท่านเอง”  เรยองตอบง่าย ๆ

        “  เพื่อตัวฉัน ? หมายความว่าไง ?”

        “  อาณาจักรแมคไครินถูกคุกคามด้วยกองทัพมืด  เหล่าสมุนของหมอผีที่สะกดไว้  ได้พรั่งพรูออกมาจากหีบแห่งแสง  เกิดความโกลาหลไปทั่วอาณาจักร  หลาย ๆ อาณาจักรถูกทำลายไม่เหลือซาก  เหล่าราชวงศ์ถูกสังหาร  ยุคมืดก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  มีเพียงบางอาณาจักรเท่านั้นที่ไม่ถูกทำลาย  เพราะเกราะเวทย์และป้อมปราการรูน  แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้  เชื้อพระวงศ์บางองค์ถึงกลับกลายเป็นยาจก  ขอทาน  ไร้ชื่อเสียง  ทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อ  8  ปีก่อน...”

        “  เดี๋ยวนะ  8  ปีก่อน  ก็ตอนที่ฉันเพิ่งจะ  8  ขวบเองนี่นา”  ไคท์แย้งขึ้น  เรยองพยักหน้าตอบน้อย ๆ

        “  ครับ  ในตอนนั้นถึงยุควิบัติ  อาณาจักรแมคไครินถือได้ว่าเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองที่สุด  ได้ถูกกองทัพมืดทำลายทิ้ง  องค์ราชาพยายามต่อสู้อย่างห้าวหาญ  เพื่อให้องค์ราชินีพาบุตรหนีไป...และบุตรองค์นั้นก็คือ...เจ้าหญิงแคธี  เดอ  เมสไซอาร์ส...”  เรยองเล่ามาถึงตอนนี้  ลีที่นิ่งเงียบมานานก็เริ่มกำหมัดแน่น  เรย์เองก็มีสีหน้าเจ็บแค้นไม่แพ้กัน  ไคท์ที่นั่งอยู่ก็ถึงกับนิ่งเงียบไป  ราเดนที่นั่งฟังอยู่นานก็ลุกขึ้น

        “  นายจะไปไหน”  ลีถามขึ้น  ราเดนไปหยุดอยู่หน้าประตู

        “ จะไปรอข้างนอก  เสร็จเมื่อไหร่เรียกด้วยละกัน”  ว่าแล้วเขาก็เดินออกไป

        “  ราเดนเป็นอะไรไปน่ะ”  ไคท์พึมพัมขึ้น  เรยองถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

        “  ทำไงได้ล่ะครับ  ก็ในเมื่อเขารู้สึกผิด...”  เขาพูดขึ้น  ไคท์หันขวับทันที

        “  เกี่ยวอะไรกับเขา”

        “  อาณาจักรแมคไครินที่ถูกโจมตีได้ส่งข่าวไปให้ทางอาณาจักรฟรีเซอเดอกูร์รับทราบ  แต่ว่าไม่ทันการ  อาณาจักรนี้ตั้งอยู่บนหุบเขาสูง  มีฤดูหนาวตลอดปี  ทำให้ยากลำบากแก่การส่งข่าว  เมื่อทางนั้นรับทราบก็บึ่งลงมาเพื่อช่วยรบ  แต่...ไม่ทันการ...”

        “  อาณาจักรแมคไครินล่มสลายหรือ”  ไคท์ใจหายวูบ  เรยองส่ายหน้าช้า ๆ

        “  อาณาจักรแมคไครินไม่ได้ล่มสลาย  เพียงแต่ปิดอาณาจักรไปเท่านั้น”

        “  ปิดอาณาจักร ? ยังไง”

        “  ราชินีเมรีเนียได้สละชีพของท่านปกป้องอาณาจักรนี้ไว้ด้วย...สิ่งนี้...”  เรยองชูลัคกี้  ไอเทมของไคท์ขึ้นมา  หรือ...เชารูฟ  ออฟ  เสก  นั่นเอง

        “  หมายความว่า...แม่ของฉัน...ใช้เงื่อนไขเปลี่ยนแปลงชะตากรรมปิดอาณาจักร...ด้วยชีวิตงั้นหรือ”  ไคท์พูดออกมาอย่างอึ้ง ๆ เพราะเขาไม่นึกเลยว่าแม่ของเขาคือองค์ราชินีเมรีเนีย  และพ่อของเขาที่เขาเชื่อมาตลอดว่าคือ  อัศวินเป็นองค์ราชา    

        “  ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว...”  เรยองพยักหน้าเงียบ ๆ พร้อมกับพูดเพื่อให้ไคท์คลายความสงสัย  แต่ลีกลับถามขึ้น

        “  แล้ว...หลังจากนั้นนายไปอยู่กับปู่ของนายได้ยังไงกัน”

        “  ฉันเองก็ไม่รู้  รู้แต่เพียงว่าพ่อกับแม่ตายไปเพราะประสบอุบัติเหตุเกวียนตกเขา  และฉันก็รู้แค่ว่าพ่อเป็นอัศวิน  ปู่ไม่เคยบอกอะไรฉันเลย”  ไคท์ตอบเสียงเรียบ

        “  แล้ว...ปู่ของท่านมีชื่อว่าอะไร”  เรยองถามขึ้นด้วยความแคลงใจ

        “  เมที  โซมาเลน”  

        “  มิน่า...”  เรยองพึมพัมเบา ๆ ไคท์ขมวดคิ้ว

        “  มีอะไรน่าสงสัยหรือ”

        “  กระผมทราบแล้วว่าทำไม  เจ้าหญิงถึงหายไปหลังจากที่กระผมผนึกความทรงจำเรียบร้อยแล้ว”  ลีและเรย์ยืดตัวตรง  เพื่อที่จะรับฟังความจริงข้อนี้จากเรยองรวมไปถึงไคท์ด้วย

        “  ปู่ของฉันมีอะไรรึ”

        “  ท่านเมที  หรือปู่ของท่าน  มีตำแหน่งเป็นท่านราชครูใหญ่ของอาณาจักรแมคไคริน”  เรยองเอ่ยออกมา  ไคท์เบิกตากว้างมากกว่าครั้งก่อน ๆ เรย์แย้งขึ้นทันที

        “  แต่ท่านราชครูเมทีได้ตายไปแล้วเคียงข้างองค์ราชาไม่ใช่รึ”

        “  กระผมคิดว่า  ท่านราชครูเมทีตบตาพวกเราว่าท่านตายไปแล้ว  และได้นำตัวเจ้าหญิงไปเลี้ยงที่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง  ไม่ให้พวกเราตามเจอ”  เรยองวิเคราะห์

        “  นายอยู่เมืองอะไร”  ลีหันไปถามไคท์ที่กำลังนั่งเงียบ

        “  เมืองฟาราส”  เขาตอบ  เรยองเบิกตากว้าง

        “  เป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อพวกเราเสาะหาท่านที่เมืองนี้แล้ว  เพราะมันอยู่ใกล้กับอาณาจักรแมคไครินมากที่สุด”  บัดนี้ไคท์เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่าง

        “  เดี่ยวนะ  เมื่อกี้คุณบอกว่าเมืองที่ผมอยู่ใกล้กับอาณาจักรแมคไคริน...”

        “  ครับ  ทำไมหรือ”  เรยองตอบงง ๆ

        “  อาณาจักรแมคไครินถูกปิดยังไง”

        “  ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดหมดแม้แต่กระทั้งต้นไม้  สิ่งมีชีวิตทุกอย่างหลับใหล  ปราสาทถูกตั้งอยู่ท่ามกลางป่าทึบ  และ...”  เรยองกำลังจะพูดต่อ  แต่ไคท์กลับพูดขึ้น

        “  ดวงอาทิตย์จะขึ้นหลังปราสาท...”  ทั้งเรยอง  ลี  และเรย์ถึงกับประหลาดใจไปตาม ๆ กัน

        “  ท่านรู้ได้ยังไง”  เรย์ถามขึ้น

        “  บ้าน่า  นั่นมันปราสาทที่อยู่ด้านห้องนอนของฉัน  ที่สำคัญฉันอยู่ห้องนี้มาตั้งแต่จำความได้  และได้เห็นปราสาทนั้นตั้งอยู่กลางป่าที่ทุกวันจะมีพวกไม้เลื้อยเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางป่าทึบ...”  ไคท์ค่อย ๆ ลดเสียงลง  เรยองเริ่มเข้าใจเหตุการณ์ทันที

        “  นี่ไม่ใช่การวางแผนแบบปัจจุบันทันด่วน  แต่เป็นการวางแผนที่คิดมานานแล้ว”

        “  ผู้ดำเนินการคือท่านราชครูเมที”  เรย์ต่อ

        “  และปกปิดตนเองที่เมืองฟาราส”  ลีคิดหนัก  

        “  แต่ท่านจะทำไปเพื่ออะไรกันแน่”  เรยองเริ่มคิดหนัก  เพราะแม้แต่ความคิดของราชครูเมทีเขายังไม่สามารถเข้าใจได้

        “  ว่าแต่นี่ฉันต้องอยู่ในร่างนี้ตลอดเลยรึไง”  ไคท์พูดขัดขึ้นมา

        “  อ้อ  ไม่หรอกครับ  รู้สึกว่าจะแก้เวทย์ไปได้แค่นิดหน่อยน่ะครับ  อีกอย่าง  ถ้าแก้เวทย์ได้สำเร็จเรียบร้อย  ความทรงจำทุกอย่างท่านก็จะสามารถจำได้ด้วยครับ”  เรยองอธิบาย  ไคท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก  เมื่อรู้ว่าไม่ต้องอยู่ในร่างนี้ตลอด

        “  แล้วฉันจะกลับร่างเดิมยังไง”

        “  สวมนี่ครับ”  เรยองยื่นลัคกี้  ไอเทมของไคท์ให้  “  องค์ราชินิเมรีเนียได้ทำการลงเวทย์ผนึกไว้แล้วครับ”

        “  ผนึกให้  หมายความแม่ของฉันก็รู้ว่าจะต้องทำแบบนี้น่ะสิ”  ไคท์พูดอย่างทึ่ง ๆ

        “  ครับ  ท่านได้กล่าวกับกระผมไว้ก่อนสิ้นพระชนม์แล้วว่า  ให้มอบสิ่งนี้ให้ท่านพกไว้ตลอดเวลา”  

        “  แล้วความทรงจำฉันล่ะ”

        “  นั่นสิครับ  คงต้องปลดผนึกด้วย  แต่ถึงแม้ว่าจะปลดผนึกแล้วก็ใช่ว่าจะสามารถจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ในคราเดียวกัน  คงต้องค่อยเป็นค่อยไปน่ะครับ”  ว่าแล้วเขาก์ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ไคท์  แต่ไคท์ถอยออกห่าง

        “  จะทำอะไรน่ะ”  

        “  อ้าว  ก็ปลดผนึกความทรงจำไงครับ”  เรยองตอบ

        “  ยังไง”  ไคท์เริ่มระแวงเรยอง  เขาหัวเราะเล็กน้อย

        “  นั่นสินะ  ตอนนี้เจ้าหญิงแคธีเองความทรงจำก็ยังไม่กลับคืนมา  คงต้องอยู่ห่างเข้าไว้  อาจต้องให้คนอื่นปลดให้แทน”

        “  หืม  มีคนปลดผนึกนี้ได้นอกจากนายด้วยรึ”  ลีพูดขึ้นอย่างฉงนเล็กน้อย  เรยองถึงกับยิ้มกริ่ม  แล้วเดินไปหาเขาแทน

        “  ใช่แล้ว”  

        “  ใคร ?”  ลีถามเรยอง  ในช่วงที่เขาเผลอนี่เอง...

        “  นายไง”  เรยองผลักหัวของลีอย่างแรงจนเขาคะมำไปข้างหน้าทรงตัวไม่อยู่

        “  เหวอ !!!”  ลีร้องอย่างตกใจ

        “  เฮ้ย !!!”  ไคท์ก็ร้องเช่นกันเพราะลีพุ่งมาทางเขา

        จุ๊บ !

        อีกระรอกของการจูบ  แต่งานนี้ที่หน้าผาก  เรยองยิ้มพอใจกับเรย์ที่กำลังหัวเราะท้องแข็งกับภาพตรงหน้า  เมื่อลีรู้สึกตัวก็รีบถอยห่างจากไคท์ทันทีพลางหน้าแดง  ไคท์คลำตรงที่ลีจูบเบา ๆ

        “  เรยอง !!!  นายเล่นบ้าอะไรเนี่ยหา !!!”  ลีว้ากใส่เรยอง

        “  ก็ปลดผนึกไงครับ”  เรยองตอบหน้าตาเฉย  เรย์หัวเราะกั๊ก ๆ  ลีหันไปเล่นทันควัน

        “  หยุดได้รึยัง”  

        “  ฮ่ะ  ฮ่ะ  ฮ่ะ  เฮ่อ...”  เรย์หยุดนิดนึง  แต่พอเห็นหน้าลีที่กำลังแดงก่ำอยู่เท่านั้นแหละ

        “  ก๊ากกก  ก๊าก  ก๊าก  ฮ่ะ  ฮ่ะ  ฮ่ะ  ดะ...ดู...ดูหน้านายสิ...มัน...มันแดงเป็นบ้าเลย”  เรย์หัวเราะไม่หยุด  ลีหน้าแดงหนักเข้าไปใหญ่

        “  ที่ว่าปลดผนึกนี่ก็...”  ไคท์เริ่มพูดขึ้น  เรยองจึงหันมาแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

        “  ครับ  ให้คนของแมคไครินหรือคนของฟรีเซอเดอกูร์จูบที่หน้าผาก”

        “  แต่...ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”  ไคท์ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาเรยอง

        “  คงอีกจะสักครู่ล่ะครับ”  

        “  หืม…”  ไคท์เริ่มทรงตัวไม่อยู่  แล้วร่างของเจ้าหญิงก็ล้มลง  เรยองประคองร่างนี้ไว้อย่างแผ่วเบา  แล้วอุ้มขึ้นไปวางที่เตียง  ตอนนี้เรย์เลิกหัวเราะแล้ว

        “  อีกนานไหมครับ”  เรย์ถามเรยอง

        “  อยู่ที่ว่าการกระตุ้นความทรงจำจะมีมากหรือน้อยเท่านั้นเองครับ”

        “  งั้นต้องรอน่ะสิ”  ลีถอนหายใจเบา ๆ เรยองหัวเราะคิก

        “  ใจเย็นสิครับ  หรือว่าอยากให้เจ้าหญิงจำได้เร็ว ๆ จะได้...”  เขาหยุดพูด  ลีหันขวับ

        “  พูดต่อเซ่ะ”  ลีเริ่มหาเรื่อง

        “  ไม่ดีกว่าครับ  เพื่อตัวของผมเอง”  เรยองหัวเราะคิกคัก

        “  แล้วราเดนล่ะ”  เรย์เริ่มพูดถึงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอก

        “  ฉันไปตามให้ละกัน  พวกนายกลับไปก่อนเหอะ”  ลีเสนอ  ทั้ง 2 พยักหน้ารับ

        “  งั้นฉันกลับห้องละกัน”  เรย์ออกไปที่ระเบียงแล้วกระโดดขึ้นข้างบนไป

        “  ผมคงต้องขอตัว”  เรยองแปลงร่างกลับเป็นเหยี่ยวอีกครั้งก่อนกางปีกโผบินท่องเที่ยวไปในยามราตรี  ลีถอนหายใจเล็กน้อยก่อนเดินออกไปข้างนอกก็พบกับชายหนุ่มผมเงินกำลังนั่งอยู่ที่ห้องโถง

        “  มาเถอะ”  ลีเรียกเขา  ราเดนจึงเดินมาหาลีแล้วเข้าห้องไปก็พบกับเจ้าหญิงแคธี  หรือไคท์กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของเธอ  

        “  นั่น...แคธีจริง ๆ เหรอ”  ราเดนพูดขึ้นแผ่วเบา

        “  อืม  โทษทีนะที่ปิดนายไว้”  

        “  ฉันนึกว่าเธอตายไปแล้วซะอีก...”  ราเดนน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย  ลีเริ่มมองอย่างเห็นใจ

        “  ฉัน...ฉัน...นึกว่าเธอจะต้องหลับอยู่ในป่าแห่งนั้น...อาณาจักรแมคไคริน...ถ้าตอนนั้นท่านพ่อของฉันไปเร็วกว่านี้ล่ะก็...”  ราเดนพึมพัมแล้วทรุดลงนั่งข้างเตียงของไคท์  ลีตบบ่าราเดนเบา ๆ ในเชิงปลอบใจ

        “  ทนอีกหน่อยน่า  ถ้าเจ้าหญิงจำได้แล้วล่ะก็...ฉันเชื่อว่าเจ้าหญิงไม่ลืมนายหรอก”

        “  ฉัน...จะนอน”  ราเดนพูดแล้วเดินในนอนที่เตียงของตนเอง  ลีมองตามแล้วถอนหายใจ

        “  เฮ้อ  อย่าโทษตัวเองเลยน่า”  เขาเดินไปหยิบเชารูฟ  ออฟ  เสก  มาวางไว้ข้างเตียงของไคท์ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนที่เตียงของตนเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×