คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [Carnivore] Bro.
แกร๊ก...
มือใหญ่หยิบห่อขนมแกะออกเงียบๆ ก่อนส่งขนมปังแท่งเข้าปาก ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองกองงานที่ต้องทำเพิ่มเล็กน้อย เขายืนพิงเคาท์เตอร์บาร์นิ่งราวกับชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยฝืนบังคับร่างกายที่เกียจคร้านให้ทำงานตามที่ได้รับฝากฝังไว้
ตลอดอาทิตย์หลังจากได้รับการสั่งงานเรียบร้อย เจ้าของคลับคาร์นิวอร์อย่างฉลามหรือเวลส์ก็เดินทางไปที่ไหนสักแห่งเงียบๆ โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า ทำให้โฮสต์ในร้านบางคนเป็นกังวลไม่น้อย แต่สำหรับเซสและบราวน์แล้วเรื่องที่อีกฝ่ายหายไปไหนนั้นเป็นเรื่องที่รู้อยู่แก่ใจ...
แต่ไม่จำเป็นจะต้องบอกใครเสียหน่อย...
นึกแล้วเซสก็ยักไหล่เล็กน้อยพลางไล่สายตาตรวจงานที่ทำ เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยพอแล้วเขาก็เริ่มแจกจ่ายงานตามความเหมาะสมที่ควรจะเป็น ถึงจะเรียกว่าสุ่มแต่สุดท้ายหากคิดในหลายๆ ด้านแล้วเขาไม่สามารถสุ่มงานให้ได้ทุกคน หลังจากจัดการงานเรียบร้อยเซสก็ออกไปเดินเล่นพักผ่อนก่อนเริ่มงานช่วงค่ำ
“กลับมาแล้วเหรอครับคุณเซส” คำทักทายพร้อมรอยยิ้มปรากฏขึ้นเมื่อเซสก้าวเท้ากลับเข้ามาในร้าน เขาเพียงแค่พยักหน้ารับคำทักทายนั้นเล็กน้อยก่อนเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์บาร์เพื่อหยิบเครื่องดื่มดับกระหาย
“เช็คงานด้วยครับคุณฟิเนอัส...” คนถูกสั่งนิ่งไปเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับและหายไปตรวจสอบงานของตน เซสยกขวดบลูโซดาดื่มเอื่อยๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกหลายนาทีก่อนจะเริ่มหันไปสนใจงานส่วนของตัวเองบ้างแม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่างานนี้คงไม่มีใครทำเสร็จง่ายๆ ในเวลาอันสั้น...
ทว่าเขากลับคิดผิด...
ใบงานถูกวางไว้ใกล้กับที่วางกล่องขนมปังแท่ง เซสหยิบใบงานนั้นมาดู ดวงตาสีดำสนิทนิ่งเฉยกลับสั่นไหวลึกๆ ด้วยความประหลาดใจ เมื่อไล่อ่านรายงานบนหน้ากระดาษเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เปรยขึ้น
“คุณจินงูจิทำให้ผมประหลาดใจนะครับ...” คิ้วเรียวขมวดมุ่นมาจากโฮสต์อีกหนึ่งคนที่กำลังง่วนกับการสะสางงานของตนเมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ขากรรไกรค่อยๆ ขยับบดขนมปังแท่งในปากอย่างเชื่องช้าตามนิสัยแล้วว่าต่อเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาฉงนของอีกคน
“ไม่เห็นตัว...แต่กลับเอางานมาส่งได้ครับ...ผมเลยประหลาดใจน่ะ...” ว่าแล้วก็ยักไหล่ก่อนหันไปหยิบขวดบลูโซดามาเปิดดื่ม ฟิเนอัสลองมองกองงานที่ส่งแล้วนิ่งไปอีกคน
“นั่นสินะครับ...ผมเองก็นึกว่าเขาไม่อยู่เหมือนกัน”
ทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหนมาส่งงานเงียบๆ สินะ...
มือใหญ่ขยับขวดบลูโซดาหมุนเล่นช้าๆ อย่างคนใช้ความคิด หลายวันแล้วที่เซสไม่ได้เจอหน้าชายหนุ่มอายุไม่สมหน้าคนนั้นที่หน้าร้าน ในขณะที่คิดไปเองว่าอีกฝ่ายไม่อยู่เลยแจกงานพลาดไปเล็กน้อย แต่จะให้โทษคงไม่ได้เพราะเป็นเรื่องที่เขาคิดเองเออเองไปก่อนมากกว่า ถึงแม้ว่าใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์หรือร่องรอยความสงสัย แต่ภายในหัวกำลังตรองหลายสิ่งหลายอย่างวนซ้ำไปมา
หรือว่ามัวแต่ยุ่งงานอื่นอยู่...
ข้อกังขาในใจที่กำลังรอการยืนยันปรากฏขึ้นก่อนที่เซสจะเก็บสิ่งนั้นไว้ในใจเมื่อถูกโฮสต์อีกคนหนึ่งทักเพื่อสอบถามเกี่ยวกับหน้าที่ที่ต้องทำ...
+++++++++++++++++++++++++++
“อรุณสวัสดิ์ครับ...”
คำทักทายมาพร้อมกับการโค้งกายให้เล็กน้อยปลุกสติที่ยังไม่ตื่นดีของชายหนุ่ม ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองคนตรงหน้าเงียบๆ ราวกับประมวลผลภาพตรงหน้ากระตุ้นให้สมองรับรู้ ต่างจากคนทักที่ยืนจ้องตอบกลับมาอย่างสงสัยโดยที่สีหน้ายังเรียบนิ่งเช่นเดิม
“ยังสงสัยเรื่องหน้าผมอยู่อีกเหรอครับ” พอถูกพูดย้ำเรื่องเดิมที่คาใจมาตลอดก็ทำให้เซสตื่นเต็มตา เขายักไหล่เล็กน้อยก่อนเดินไปที่ตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำเปล่ารินใส่แก้วดื่ม
“ผมง่วงครับ...”
“แบบนั้นไปนอนต่อดีกว่าครับ คุณชอบทำงานจนดึกบ่อยๆ สุขภาพจะเสียเอาได้ครับ” คำพูดตัดประเด็นของเซสทำให้เกิดประเด็นใหม่ขึ้นมาแทน ทว่าอินทรีหนุ่มกลับเพิกเฉยต่อคำเตือนนั้นแล้วแกะห่อขนมปังแท่งหยิบใส่ปากกินแทนมื้อเช้า
“ไว้ผมล้มลงไปกองบนพื้นค่อยหิ้วผมไปนอนครับ...”
“นั่นก็ไม่ดีหรอกครับ...” ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองคนข้างตัวเล็กน้อย ใบหน้านิ่งเฉยแต่นัยน์ตากลับแฝงความห่วงใยบางเบาสร้างความแปลกใจให้กับคนมองเงียบๆ ทว่าเซสกลับเลือกที่จะเพิกเฉยความรู้สึกนั้นแล้วยักไหล่หยิบขนมปังแท่งในห่อใส่ปากอีกฝ่ายแทน
“อย่าใส่ใจครับคุณจินงูจิ...ผมสบายดี...” เหมือนว่าคู่สนทนาจะพอจับการเคลื่อนไหวได้ มือใหญ่จึงรับขนมปังแท่งในมือเซสไว้ได้ก่อนที่จะเข้าปาก เขาดึงขนมปังแท่งนั้นออกมาแล้วกินช้าๆ
“อะ...ขอบคุณครับ...” เซสพยักหน้าเนิบๆ แล้วยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นจิบ พลันความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว ความสงสัยที่เคยก่อตัวขึ้นระหว่างทำงานก่อนหน้านี้ประกอบกับข้อมูลประวัติส่วนตัวที่เขาเป็นผู้ดูแลการคัดเลือกในช่วงแรกผุดเข้ามาในสมอง เซสแสร้งทำเป็นเอื้อมมือหยิบแก้วเปล่าจากตู้ชั้นบนแล้วทิ้งน้ำหนักแขนพาดลงบนไหล่ของจินงูจิ ท่ามกลางความสงสัยของคนข้างตัว ริมฝีปากนิ่งสนิทก็ขยับขึ้นเปล่งเสียงพูดแผ่วคล้ายกระซิบ
“หายหน้าไปจากหน้าร้านนานขนาดนี้...ทำงานลุล่วงไปถึงไหนแล้วเหรอครับ...”
สัมผัสใต้ท่อนแขนรับรู้ได้ถึงการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อแม้จะเพียงแว่บเดียวเท่านั้น คู่สนทนาเบือนใบหน้าไร้อารมณ์มองคนพูดที่จ้องกลับนิ่งๆ ด้วยสายตาอ่านยาก ความใกล้ชิดดูราวกับเป็นการกดดันทางอ้อมไร้คำพูดใดๆ มาหว่านล้อมให้จนมุม การจ้องตากันภายใต้บรรยากาศยามเช้าแสนสงบทำให้เซสผ่อนลมหายใจเล็กน้อยแล้วยักไหล่ก่อนจะเป็นฝ่ายผละออกราวกับไม่สนใจคำตอบจากอีกฝ่าย
“ทำความสะอาดหน้าเคาท์เตอร์บาร์ด้วยครับคุณจินงูจิ...” ว่าแล้วเซสก็เบี่ยงตัวเดินไปยกลังใส่ขวดเปล่าเดินออกไปหลังร้านราวกับบทสนทนาก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น หน้าที่ของเขาไม่จำเป็นต้องใช้วาทศิลป์ในการไล่ต้อนใครต่อใคร สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่ใช้คำพูดให้น้อย วางเฉยให้มาก และคอยเฝ้ามองเพื่อจับสังเกตเท่านั้น...
...เฝ้ามอง...เขาทำได้เพียงแค่นั้นจริงๆ...
Bro. : End.
ความคิดเห็น