ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Role-Playing] Seus Allevia

    ลำดับตอนที่ #10 : [Carnivore] Free-Role : Painless. [Finish]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 48
      0
      20 ต.ค. 56

                       ซ่า !...

                    น้ำในถังใหญ่ถูกเทโครมลงบนเตียงที่ชายหนุ่มผมดำนอนอยู่ ร่างสูงสะดุ้งก่อนจะลุกขึ้นนั่งไออย่างหนักเพราะน้ำบางส่วนเข้าหลอดลม มือซ้ายที่ยังคงใช้งานได้ตามปกติยกขึ้นปิดปากในขณะที่มือขวาถูกห่อหุ้มด้วยเฝือกหนาโดยมีสายคล้องพาดคอเอาไว้ บนเตียงขาวเจิ่งนองไปด้วยน้ำจากถังที่อยู่ในมือของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง

                    “เฮ่อ...นี่ถ้าปลุกขนาดนี้แล้วนายยังไม่ตื่น ฉันคงต้องลักพาตัวนายไปส่งโรงพยาบาลแล้วล่ะเซส” ชายหนุ่มวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกพลางมองคนเปียกมะล่อกมะแล่กด้วยฝีมือตัวเอง เขาโยนผ้าขนหนูให้อีกฝ่าย เซสรับผ้าขนหนูเช็ดตามใบหน้าและศีรษะด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว

                    “ผมหลับไปนานแค่ไหน...”

                    “3 วัน ยัยนั่นกำหนดโดสยาและการรักษาตัวได้ดีชะมัด สมแล้วที่เป็นถึงพยาบาลชั้นเกียรตินิยมของสถาบัน...ถ้าหากไม่มีความคิดแบบแปลกๆ คงจะมีคนชื่นชอบอยู่เยอะล่ะนะ...” เซสปล่อยให้คำบ่นของชายข้างเตียงลอยผ่านไป ดวงตาสีดำสนิทหลุบมองท่อนแขนขวาของตัวเองที่ได้รับการรักษาเล็กน้อย เหมือนว่าการพักฟื้นรักษาตัวอยู่นิ่งๆ เป็นเวลาถึงสามวันเต็มจะทำให้ร่างกายดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถึงกระนั้นฤทธิ์ยานอนหลับกลับยังส่งผลอยู่แม้จะได้รับความสดชื่นจากน้ำไปเต็มๆ แล้วก็ตามที

                    “เฮ้ เซส นายฟังฉันอยู่รึเปล่า ?” คนพูดขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งนิ่งไปนาน เซสส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมหน้าผาตัวเอง

                    “รู้สึก...ยายังส่งผลอยู่...” คำตอบรับเสียงแผ่วทำให้ชายผู้เป็นพี่เขยถึงกับเบิกตากว้าง

                    “ถ้าอย่างนั้นนายรอเดี๋ยว ฉันจะไปหาอะไรมาให้นายกินจะได้สดชื่นขึ้นอีกนิด...”

                    ยังไม่ทันที่เขาจะได้หมุนตัวกลับออกจากห้องนอนของเซส จู่ๆ ร่างทั้งร่างก็แข็งทื่อเมื่อได้เห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดกระโปรงยาวสีครีมยืนถือจานขนมพลางส่งยิ้มให้ที่หน้าประตู ใบหน้าสวยหวานรับกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกดูอ่อนโยน ยิ่งประกอบกับรอยยิ้มจากริมฝีปากบางสีแดงธรรมชาตินั้นยิ่งทำให้เสน่ห์ของเธอล้นเหลือ

                    ทว่านั่นเป็นความคิดสำหรับบุคคลภายนอกเท่านั้น...

                    “ตื่นก่อนที่ยาจะหมดฤทธิ์แบบนั้นจะมึนหัวก็ไม่แปลกนะจ๊ะเซส” ว่าแล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้ามาในห้องแล้วขยับตัวนั่งที่ข้างเตียงก่อนวางจานขนมในมือเพื่อลูบหลังน้องชายของเธอ

                    “พี่...ผม...”

                    “อ่ะ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ อ้าปากแล้วกินนี่เข้าไปก่อนสิจะได้รู้สึกดีขึ้น” มือเรียวหยิบขนมก้อนกลมเหมือนคุ๊กกี้เลม่อนจ่อใกล้ริมฝีปากของเซส บุรุษอีกคนที่อยู่ในห้องรีบส่งสายตาห้ามปรามไม่ให้กินแทนคำพูดเพราะเขารู้ดีว่าของที่ถูกผสมอยู่ในคุ๊กกี้เลม่อนน่ารับประทานนั้นคืออะไร...

                    ยานอนหลับ...

                    แม้จะเห็นว่ามีคนส่งคำเตือนมาให้แต่เขากลับเลือกที่จะไม่สนใจมัน เซสจ้องมองคุ๊กกี้เลม่อนในมือพี่สาวของตนเงียบๆ เขารู้อยู่แก่ใจว่าความต้องการของหญิงสาวข้างกายคืออะไร และสิ่งที่ผสมอยู่ในคุ๊กกี้นั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่ แต่เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ เพราะทุกสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้เขาคือความรักและความหวังดี

                    เพราะรักมาก...จนเกินกว่าคำว่า ปกติ...

                    ริมฝีปากนิ่งสนิทค่อยๆ เปิดอ้าออกเพื่อรับคุ๊กกี้เลม่อนขนาดพอดีคำเข้าไปด้วยความเต็มใจ เขาเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากเชื่องช้าทำให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานนิดๆ แผ่ซ่านไปทั่ว กลิ่นหอมโล่งสบายของเลม่อนทำให้สติที่เคยมึนงงเริ่มปลอดโปร่ง สัมผัสแผ่วเบาที่แทรกผ่านเรือนผมข้างใบหูทำให้ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองที่มาของมันนิดๆ รอยยิ้มและแววตาใจดีฉายชัดอยู่ในดวงตา ริมฝีปากสีแดงระเรื่อขยับคำพูดช้าๆ

                    “ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วสินะ เห็นไหม...พี่บอกแล้ว” ชายผู้เป็นคู่สมรสของหญิงสาวทำได้แค่เพียงถอนหายใจยาวกับภาพตรงหน้า หลายครั้งเขารู้สึกทนไม่ได้ที่ภรรยาของตนให้ความสำคัญกับน้องชายจนดูเกินความเป็นปกติขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่แสดงทีท่ารังเกียจพี่สาวของตนแม้แต่น้อยยิ่งทำให้ผู้เฝ้ามองรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในบางทีเขาก็รู้สึกทึ่งตัวเองที่สามารถอดทนอยู่ดูแลหญิงสาวผู้นี้ได้โดยไม่เคยคิดทรยศ

                    หรือเพราะเขากำลังจะไม่ปกติตามไปด้วยนะ...

                    หลังจากที่ได้คุ๊กกี้เลม่อนปลุกสติ เซสก็ค่อยๆ เบี่ยงตัวทิ้งขาลงข้างเตียงแล้วลุกขึ้นยืน ตอนนี้เขาสามารถหายใจเข้าออกลึกๆ ได้ตามปกติแล้ว จะเหลือก็เพียงแขนขวาที่ยังต้องใช้เวลารักษาตัวอีกระยะหนึ่ง หญิงสาวที่เฝ้ามองอยู่ขยับยิ้มเล็กน้อยแล้วเอื้อนเอ่ย

                    “นอนต่อก็ได้นะจ๊ะ เรื่องของเซสพี่ดูแลให้ได้อยู่แล้ว” ถึงจะยื่นข้อเสนอด้วยรอยยิ้มแบบนั้น แต่เซสกลับปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าเบาๆ เขาเดินไปสวมเสื้อคลุมจากชายผู้เป็นพี่เขยด้วยแขนเพียงข้างเดียวโดยขยับเสื้อคลุมนั้นห่มไหล่ขวาไว้แทน เซสเดินออกจากห้องนอนของตนตรงไปที่ประตูหน้าบ้านแล้วก้มลงสวมรองเท้า พร้อมกับสองสามีภรรยาตามมาส่งเขาถึงหน้าบ้าน

                    “อยากได้อะไรเพิ่มไหม หืม ?...” พี่สาวแสนใจดียังคงพูดเสนอต่อไปแม้คำตอบของเซสจะยังเป็นเพียงการส่ายหน้าเช่นเดิม เสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นแผ่วเบาก่อนที่ท่อนแขนบอบบางจะยกขึ้นโอบรอบตัวน้องชาย เธอลูบแผ่นหลังกว้างนั้นเล็กน้อยพลางเอ่ย

                    “รักตัวเองให้มากๆ นะจ๊ะเซส อะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนทำหรอกนะ...”

                    “ผมไม่เป็นไรครับ...” เซสพูดตอบอีกฝ่ายก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายกอดอยู่นานแล้วผละออก เขาหันไปค้อมศีรษะให้กับพี่เขยเงียบๆ เมื่อร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็หันหลังหมุนลูกบิดประตูออกไปข้างนอก ทันทีที่เสียงปิดประตูเงียบลงหญิงสาวก็พูดขึ้น

                    “ดีจังเลยนะ...” คำเปรยของสตรีข้างกายเรียกความสนใจชายหนุ่ม เขาเลิกคิ้วมองเธอเงียบๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อไป

                    “ดีจัง...ที่ครั้งนี้ฉันไม่เผลอทำร้ายเซส...”

                    “เซลีน...”

                    “ถึงฉันจะเผลอฆ่าเขาตาย เด็กคนนั้นคงไม่โกรธแค้นอะไรฉันแน่ๆ...”

                    ใครจะรู้ว่าทุกครั้งที่เธอให้ยากล่อมประสาทน้องชาย...มือของเธอสั่นทุกครั้ง...

                    “ไม่ต้องกลัวหรอกเซลีน ถ้าจะเกิดอะไรแบบนั้นขึ้นเธออย่าลืมสิว่ายังมีฉันคอยหยุดเธออยู่...” ว่าแล้วอ้อมกอดอบอุ่นก็โอบล้อมรอบตัวหญิงสาว เซลีนขยับยิ้มเล็กน้อยก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง

                    “บางทีฉันก็อยากให้เซสรักตัวเองให้มากกว่าที่รักฉันนะ...”

                    “เป็นเพราะมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่เข้าใจเซสมากที่สุดน่ะ...” ชายหนุ่มบรรจงแนบริมฝีปากที่หน้าผากของคู่ชีวิตอย่างทะนุถนอม

                    “อีกอย่าง...เพราะเขารักเธอมาก เซสคงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองตายง่ายๆ หรอก...”

                    ...เซสคงไม่ยอมให้คนที่ตัวเองรักต้องเสียใจเพราะตัวเองแน่ๆ...

                    “อืม...ฉันเชื่อเธอจ้ะเดเนียล”

     

    ++++++++++++++++++++++++++++

     

                    ทางเดินเท้าเต็มไปด้วยผู้คนที่ใช้เวลายามเย็นในการเดินเที่ยวหรือจับจ่ายซื้อของ เสียงพูดคุยจ๊อกแจ๊กจอแจดังเป็นระยะ ยิ่งย่านชุมชนหนาแน่นยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคักราวกับฤดูใบไม้ผลิ ทว่าท่ามกลางอากาศหนาวที่เสียดแทงไปทั้งร่างแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงไม่คิดปริปากพูดสิ่งใดเท่าไหร่ เขาก้าวเท้าไปตามทางเดินเพื่อให้ไปถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด

                    แต่เมื่อมาถึงแล้วเขากลับเลือกที่จะเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ แทน...

                    ตรอกเล็กแคบพอจะช่วยกันลมหนาวไม่ให้มากระทบผิวกายได้มากพอสมควร โชคดีที่หิมะไม่ตกมิฉะนั้นแล้วความหนาวเย็นที่ไม่พึงประสงค์คงได้กล้ำกรายใกล้ตัวมากกว่านี้ เซสทรุดกายลงนอนบนโซฟาตัวเก่าในกองขยะเหม่อมองท้องฟ้าสีเทาหม่นเงียบๆ ถึงจะไม่ชอบอากาศหนาวเย็นแบบนี้เท่าไหร่ แต่สำหรับเวลาที่ต้องการความคิดอย่างหนักแล้วมันกลับให้สมาธิที่ดีกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

                    “...ถ้าผมแต่งงาน...ผมคงจะมีลูกโตสักสองขวบแล้วครับ อีกอย่าง...ให้มีลูกชายโตขนาดคุณเซสผมคิดว่าให้เป็นน้องชายดีกว่าครับ...”

                    คำพูด...ที่ทำให้เขาไม่เคยคิดหวังอีกเป็นครั้งที่สอง...

                    “ลองตามความคิดของผมให้ทันสิครับ...”

                    “แบบนั้นให้ผมตายแล้วเกิดใหม่ยังง่ายกว่าครับ...”

                    คำใบ้...กับความหวังที่ถูกปฏิเสธ...

                    นึกย้อนไปแล้วเขาก็อดขำตัวเองไม่ได้ ริมฝีปากที่ปกตินิ่งสนิทดูไร้อารมณ์ขยับขึ้นก่อนที่เสียงหัวเราะทุ้มแผ่วในลำคอจะหลุดออกมาเบาๆ มือซ้ายยกขึ้นปิดหน้าราวกับต้องการยืนยันการรับรู้ว่าใบหน้าเฉยชานี้ยังคงขยับและแสดงความรู้สึกอื่นได้อยู่

                    “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังมีคนคนหนึ่งรอคุณอยู่เสมอนะครับ”

                    เซสสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือขึ้นเสยผมที่ปรกตัวของตัวเองเผยให้เห็นใบหน้าเรียบเฉย เสียงหัวเราะเมื่อครู่อันตรธานหายไปคล้ายกับเป็นการบอกใบ้ถึงใครอื่นที่มาได้ยินว่าคนคนนั้นคงหูแว่วเป็นแน่แท้

                    หากหมายถึงใครอื่นที่นอกจากพี่สาวของเขา...คำตอบมีเพียงแค่ว่า ไม่มี...

                    รากความรู้สึกที่กดทับทุกห้วงอารมณ์ทำให้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะพูดสิ่งใดออกมาตรงๆ อาจจะเพราะความเคยชินที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่สาวที่หลายคนมองว่าไม่ปกติกลับเข้าใจเขาเสมอ และสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องปริปากบอก ความรัก ความเอาใจใส่ที่มากล้นทำให้เขาเคยตัว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขากลับยังคงสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ และพยายามทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

                    ไม่เป็นไร...ช่างเถอะ...

                    ไม่เป็นไร... ผมเข้าใจ...

                    ช่างเถอะ... ผมชินแล้วล่ะ...

                    คำพูดติดปากง่ายๆ ที่น้อยคนนักจะเข้าใจความรู้สึกต่อจากคำพูดนั้นของเขา เขาไม่เคยคิดจะให้ใครมาเข้าใจ เพราะการที่จะทำความเข้าใจใครสักคนมันยากแม้ว่านั่นจะเป็นแค่ความหวังเดียวของเขาก็ตาม...

                    แค่ความต้องการเดียวที่ไม่มีใครรู้...

                    ไม่เป็นไร...ช่างเถอะ...

     

    Painless : End.


    BlackForest✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×