ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Elven Spirit

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 51


    ไม่นานนักหลังจากการออกวิ่งไปอย่างไม่รู้ทิศทาง เคลก็ต้องวิ่งกลับมาที่เดิมพร้อมกับขอนไม้ขนาดเหมาะมือด้วยตระหนักว่าตนเองมิผิดแผกจากคนตาบอดเพียงไรยามอยู่ในที่มืด

    มันเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับเขาหน่อยที่พบว่าลูกไฟเวทมนตร์นั้นยังคงลุกโชนแม้ไม่มีเชื้อเพลิงหรือโดนสายฝนขนาดนี้ แต่มันไม่สำคัญเท่าที่ว่าในตอนนี้เขาต้องตามหาตัวธาเนีย!

    ลูกบอลไฟติดที่ปลายขอนไม้อย่างง่ายดาย และเคลก็เริ่มออกวิ่งไปทางเดิมอีกครั้ง

    มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะวิ่งตามหาใครสักคนในป่าขณะฝนตกหนักเช่นนี้ ทั้งลมทั้งฝนทำเอาเขาหนาวเป็นบ้า! แถมยังไม่มีหลักฐานร่องรอยอะไรที่บอกว่าธาเนียวิ่งไปทางไหนอีก...บ้าจริง

    เฮ้ ท่านธาเนีย ท่านอยู่หนายยยยคร้าบบบบ

    หลังจากตะโกนออกไปสุดเสียง เคลก็พึ่งรู้ตัวว่าตนเองงี่เง่ามากเพียงใดที่ตะโกนออกไปท่ามกลางสายฝนที่ราวกับพายุเข้าและเสียงหวิดหวิวสุดสยองของสายลมที่อาจจะทำให้ใครหลายคนประสาทเสียได้ง่ายๆ

    ทำไมจู่ๆฝนถึงตกเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้นะ!?

    ความกังวลดำดิ่งสู่ก้นบึ้งของจิตใจ เมื่อความทรงจำบอกว่า เผ่าพันธุ์คิไมร่าเองก็มีจอมเวทแม้ว่ามีในจำนวนที่น้อยยิ่งกว่าน้อยก็ตาม แต่ความสามารถของพวกมันก็ทำให้มันเป็นตัวอันตรายยิ่งกว่าคิไมร่านักรบสักสิบตัวรวมกันเสียอีก

    จอมเวทของมันอาจไม่ได้อยู่ที่ทัพตะวันตก...

    ดวงตาที่ฉายความหนักใจของธาเนียยืนยันความคิดของเขา และยิ่งการที่นางพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาตามไปนั้น...ข้อสันนิษฐานอาจเป็นจริง!

    ปัดโถ่ ธาเนียนะธาเนีย ไม่เชื่อใจเขาเล้ย!

    ทว่า...เงาลางๆของใครสักคนที่ปรากฏอยู่ไม่ไกลนั้นก็ทำให้เขาถอนใจเฮือกใหญ่...

    ชายหนุ่มลดฝีเท้าลง เพ่งมองไปในเงาของแมกไม้

    ...เอาแล้วไง...

     

    ธาเนียทิ้งกายก้มหลบกรงเล็บแหลมคมที่ตวัดใส่นางชนิดไม่ยั้ง ดาบคู่กายสวนกลับเข้าที่สองขาทรงพลังของมันอย่างรวดเร็ว สัตว์ร้ายกระโดดหลบตามสัญชาติญาณทว่าช้ากว่าที่คมดาบจะตัดท่อนขามันของมันไปข้าง

    เสียงร้องโหยหวนมิอาจดังเกินกว่าเสียงของสายฝนที่กระหน่ำไม่ยั้ง แต่เสียงของสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงยังตำแหน่งเมื่อครู่ก่อนที่นางจะฉากถอยหลังก็ทำให้หญิงสาวหูอื้อไปหมด

    ร่างบางกดแผ่นหลังแนบต้นไม้ใหญ่ หรี่ดวงตามองเงาใหญ่ยักษ์ของคิไมร่าอีกห้าตัวที่เหลือกระจายแอบซุ่มอย่างแนบเนียนผิดกับรูปร่างของมัน

    ไม่ผิดแน่...

    หญิงสาวนึกอย่างมั่นใจ...ตัวจอมเวทของพวกมันอยู่ที่นี่ แอบซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่ง และคอยอาศัยจังหวะที่นางเผลอใช้มนตร์สายฟ้าใส่นาง

    แต่ก็น่าแปลก...ทั้งๆที่จอมเวทของพวกมันสำคัญต่อเผ่าพันธุ์ขนาดนี้ แต่ทำไมถึงกลับมีผู้ติดตามแค่หกตัว?

    คิไมร่าตัวหนึ่งซุ่มกายอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างจากต้นที่อริตลอดกาลของมันซุ่มอยู่...ในสมองอันน้อยนิด มันยังจำได้ว่าเผ่าพันธุ์ศัตรูของมันจะมีสัตว์ตัวหนึ่งที่มีสีขนราวกับรังดักแด้ของตัวไหมเป็นตัวหัวหน้า และสัตว์ตัวเล็กที่พวกมันกำลังรุมอยู่นี่ก็มีสีขนไม่ผิดกับคำบอกเล่านั้น...และนั่นหมายความว่า ถ้ามันจัดการไอ้ตัวนี้ได้ มันก็อาจจะได้ขึ้นเป็นจ่าฝูงตัวใหม่!

    สัตว์ขนขาวนั่นไม่รู้เลยสักนิดว่ามันแอบอยู่ตรงนี้...ดีแล้ว...ดีแล้ว

    ร่างยักษ์ค่อยๆก้าวออกจากที่กำบัง ย่างเท้าเบากริบไปยังเหยื่อตัวเล็ก กรงเล็บแหลมคมโผล่พ้นอุ้งมือหนาใหญ่ เลือดในกายเดือดพล่านกับตำแหน่งว่าที่จ่าฝูง...ขอเพียงมันตัดหัวของศัตรูตัวนี้ได้...

    ด้วยเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด กรงเล็บทรงพลังก็ตะปบลงไปที่คอเล็กๆของจ่าฝูงศัตรู!

    ฉัวะ!!!

    กรรรรรรรร์!!!!”

    เสียงคำรามลั่นโหยหวน เมื่อผู้ล่ากลับกลายเป็นผู้ถูกล่า!

    ดวงตาสีอำพันเบิกถลนมองความเจ็บปวดที่ได้รับ...ดาบบทเพลงแห่งสายลมแทงทะลุอุ้งขาหน้า เสียบเข้าไปในท่อนแขนจนสุดดาบ...

    สัตว์ขนขาวหรี่ดวงตาที่เป็นสีทองวาววับมองมัน และวินาทีที่ปากเล็กๆนั่นขยับ...

    แผดเผา...

    เปลวเพลิงก็ลุกโชติช่วงทั้งร่างของมันในพริบตา!!!

    ธาเนียกระชากดาบออกจากแขนของสัตว์ร้าย หมุนกายกลับไปยังสนามรบเดิมของนาง...ไม่แม้แต่จะปรายตากลับไปมองคิไมร่าที่ลงไปกลิ้งกับพื้นเปียกแฉะ...พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะดับไฟให้ตัวเอง

    มนตร์ของนางจะหมดลงก็ต่อเมื่อนางเลิกส่งพลังเวทไป หรือเป้าหมายนั้นดับสูญ หรืออีกกรณีคือถูกต้านกลับด้วยพลังที่เหนือกว่า...ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับนางที่ครองดาบบทเพลงแห่งสายลมเช่นนี้...

    เหลืออีกสี่ตัวกับอีกหนึ่งจอมเวท...

    หูของนางยังคงอื้อหน่อยๆ หูที่ถูกฝึกให้จับเสียงได้ดีจะมีปัญหาเช่นนี้เสมอ ลำพังแค่เสียงของสายฝนก็ทำเอานางแทบจะไม่ได้ยินเสียงใดแล้ว แต่นี่ยังมีเสียงมนตร์ฟ้าผ่าเมื่อครู่อีก หูของนายเลยแย่ยิ่งกว่าเดิม

    พวกคิไมร่าไม่ยอมเคลื่อนไหว ดีสำหรับมัน แต่แย่สำหรับนาง...ธาเนียเริ่มรู้สึกว่าร่างกายบางส่วนเริ่มชาจากความหนาวเหน็บ ซึ่งนั่นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกคิไมร่าที่มีขนหนาเลย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่นางจะต้องผลุนผลันออกไปหามันก่อน

    บทมนตราถูกขับขานผ่านริมฝีปากบางที่เริ่มซีด...ลมเปลี่ยนทิศพัดพาเอากลิ่นสาบสัตว์ต้องจมูก นางเริ่มแน่ใจตำแหน่งของพวกมันแล้ว...มนตร์อีกบทถูกขับขาน หยาดฝนที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าลงมารอบกายหยุดนิ่ง รวมเป็นหยดน้ำทรงกลมขนาดครึ่งกำมือมากมาย

    หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจวิ่งพรวดออกไปกลางวงในวินาทีนั้น!

    สายลมอันเป็นพันธมิตรตลอดกาลบอกว่า คิไมร่าตัวหนึ่งเคลื่อนกายเปลี่ยนที่กำบัง และนั่นคือข้อผิดพลาดครั้งสำคัญของมัน!

    ธาเนียตวัดสายตามองตำแหน่งนั้น  มือเรียวสะบัดชี้

    “Koron en' alu!! ” (Waterball)

    ลูกบอลน้ำนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำ เสียงคำรามร้องลั่นยืนยันสิ่งนั้น ก่อนร่างบางจะรีบวิ่งกระโจนหลบสายฟ้าที่ฟาดมาหานางสามครั้งติดๆ

    ...!?”

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ดวงตาสามสีมองไปยังตำแหน่งที่นางสัมผัสถึงที่มาของไอเวทรุนแรงได้

    ...ไม่ผิดแน่...

    ถ้านางจัดการจอมเวทได้ พวกคิไมร่าที่เหลือก็ไม่ใช่คู่มือของนาง...

    ธาเนียเคลื่อนกายลัดเลาะพุ่มไม้ยังที่ที่จอมเวทอยู่ แต่พวกนักรบของมันก็พุ่งออกมาจากที่ซ่อนตรงเข้าหานางและทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างบ้าเลือด จนนางถูกล่อออกมาอยู่ตรงส่วนที่โล่งที่สุดและโดนล้อมอย่างรวดเร็ว

    ร่างบางปัดป้องกรงเล็บและคมเขี้ยวอย่างคล่องแคล่ว แค่นี้ไม่ใช่ปัญหา...ปัญหาใหญ่ของนางคือ นางกำลังถูกบีบล้อม และหากเวทสายฟ้าฟาดลงมา มันมีโอกาสที่นางจะหลบไม่ได้

     “!!!”

    หากช่วงเวลาวิกฤติก็มาเยือน...เอลฟ์สาวหงายหลังและกำลังจะล้มลงไปบนพื้น เมื่อรองเท้าของนางย่ำลงไปที่แอ่งน้ำขังและเหยียบอะไรสักอย่างที่อยู่ใต้นั้นจนนางเสียหลักอย่างไม่น่าให้อภัย...มันคือความอับอายที่สุดในชีวิต!

    ความผิดพลาดของนางคือความโชคดีของคิไมร่า พวกมันง้างกรงเล็บและตะปบลงพร้อมกัน!

    แคว่ก!!

    “!!”

     ธาเนียเบิกตากว้างมองผู้ช่วยชีวิตในทันควันอย่างงงๆ เมื่อจู่ๆเคลก็วิ่งแทรกเข้ามา กระโดดถีบสองจังหวะใส่คิไมร่าจนพวกมันกระเด็นหงายหลัง แล้วกระชากร่างของนางจนลอยละลิ่วจากพื้นไปอยู่ในอ้อมกอด ก่อนวิ่งเตลิดเข้าป่าเช่นนี้

    หญิงสาวตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดของเคล นางมองเขาที่วิ่งหลบกิ่งไม้อย่างน่าหวาดเสียว กระโดดข้ามต้นไม้ที่ขวางอย่างหวุดหวิด ก้มหลบกิ่งไม้เตี้ยๆอย่างพอดีหัว สาวเท้าวิ่งเร็วจี๋แล้ว นางก็กลัวว่าตัวเองจะตกลงไป

    เคลปล่อยข้าๆ!”

    ร่างบางโวยวายแต่ก็ไม่ลืมเก็บดาบเข้าฝักก่อนที่นางจะได้ทำมันหลุดมือหรือสร้างบาดแผลให้กับเคล

    อู่อิ้งๆอิอั่นอาเอีย! เอี๋ยวอ้ออกองไอออก!”

    หญิงสีเงินขมวดคิ้วกับคำพูดไม่รู้เรื่องของเขา นางพึ่งจะสังเกตว่าเคลคาบคบเพลิงเอาไว้อย่างน่ากลัว มือเรียวจึงค่อยเอื้อมไปดึงมันออกจากปากของเขา

    ขอบคุณ

    เคลเสียงห้วนหงุดหงิด...เมื่อยปากเป็นบ้า ถ้ารู้ว่าเขาจะต้องคาบมันอยู่แบบนี้ เขาไม่หาท่อนไม้ใหญ่ขนาดนี้มาทำเป็นคบเพลิงแน่!

    เจ้าปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้เลย!”

    ธาเนียออกคำสั่ง เพราะเบื้องหลัง นางเห็นแล้วว่าคิไมร่ามันกำลังตามมา เขาจะต้องปล่อยนางลง นางจะได้จัดการกับพวกมันให้จบๆไปเสียที

    ก่อนเจอท่าน ข้าเจอพวกมันตั้งยี่สิบกว่าตัว แล้วตอนนี้มันก็กำลังวิ่งไล่ข้ามาอยู่ด้วย! ให้ข้าปล่อยท่านลงยังไงล่ะ

    เอลฟ์สาวรีบหันขวับไปมองเบื้องหลังอีกครั้ง ตรงนั้นคือกองทัพย่อมๆของคิไมร่า...โอ ใช่ พวกมันกำลังวิ่งไล่มาจริงๆด้วย!

    ให้ตายสิ!”

    ธาเนียขมวดคิ้วใส่เคลที่อยู่ๆก็สบถออกมาอย่างไม่สุภาพ แล้วนางก็พยายามดันตัวเองขึ้น

    ท่านจะทำอะไรน่ะ?”

    นายหญิงตอบคำถามของเคลด้วยการประสานมือไปตรงหน้านาง ร่ายมนตร์ลูกบอลน้ำโจมตีใส่พวกคิไมร่าไม่ยั้ง

    เจ้าวิ่งดีๆก็แล้วกัน! ข้าจัดการพวกข้างหลังให้!”

    มันเป็นคำสั่งที่ยอดเยี่ยมมากกก...ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม โอบกระชับร่างบางในอ้อมกอดให้แน่นกว่าเก่า ยิ่งเสื้อผ้าที่เปียกโชกอย่างกับตกน้ำมาอย่างนี้อีก...พอเขากอดนางไว้ อะไรๆก็เลยแนบไปหมด...แต่ธาเนียคงจะไม่เอะใจเพราะนางกำลังเครียดกับการจัดการพวกคิไมร่าเบื้องหลัง

    จวบจนเจ้าตัวที่เข้ามาใกล้ที่สุดล้มลงไปกองกับพื้น หญิงสาวก็ปาคบเพลิงในมือของนางใส่พวกคิไมร่า ไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดสนใจมัน แต่พอวินาทีที่คบเพลิงถึงพื้น ธาเนียก็ซ้ำเวทย์เพลิงเข้าไปอีกหนจนคบไฟนั้นลุกแผดเผาเจ้าพวกที่ตามมาจนหมด

    ธาเนียระบายลมหายใจโล่งอก...เพราะอย่างไรตอนนี้ พวกนางก็ปลอดภัยแล้ว...

    ธาเนีย! ก้ม!!”

    หญิงสาวกดหัวลงแนบบ่ากว้างอย่างรวดเร็ว และเมื่อนางเงยหน้าขึ้น กิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่คาดว่าอาจจะทำนางสลบได้ก็ผ่านศีรษะนางไปแล้ว นางจึงค่อยหันหน้ากลับไปเบื้องหน้าอีกครั้ง...

    เดี๋ยว! อย่าพึ่งเงย!!”

    มันช้าไป...

    โป๊ก!!!

    โอ๊ย!”

    กิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งกระแทกเข้าเต็มหน้าผากของธาเนียที่กำลังหันกลับมาพอดี...

    เวรกรรม ท่านเป็นอะไรมากไหม ข้าขอโทษที่บอกช้าไป!”

    เคลลดฝีเท้าลงเพื่อที่จะมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่เขาเปลี่ยนกลับมาเป็นอุ้มด้วยสองแขน

    ไม่เป็นไร...

    แต่ดูสภาพแล้ว นางน่าจะเป็นมากด้วยซ้ำ

    หญิงสาวใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าผากไว้ ส่วนอีกข้างโบกไปที่เบื้องหน้า ลูกบอลไฟก็ปรากฏขึ้นมาลอยนำหน้าเคล ขมวดคิ้วหลับตาบอก

    มีถ้ำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เดี๋ยวข้าจะบอกทางให้...

     

    เคลนำร่างบางไปวางไว้ในส่วนลึกสุดของถ้ำขนาดเล็ก มองดูรอบๆจนแน่ใจว่ามันจะปลอดภัยแล้ว เขาก็เดินไปหยิบเอากิ่งไม้เล็กๆที่กองอยู่มุมหนึ่งของถ้ำ ราวกับว่าคนที่เคยผ่านมาเก็บสำรองมันไว้ และใช้กิ่งหนึ่งทำเป็นคบเพลิงแล้วเดินไปนั่งข้างๆธาเนีย

    ข้าขอดูแผลหน่อยนะ

    นางไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มจึงเปิดปอยผมด้านหน้าของนางขึ้นเอง หัวปูดเลย ช้ำด้วยเขาทั้งสงสารทั้งนึกขำนาง...สู้กับคิไมร่าที่ว่าอันตรายยังไม่ได้บาดแผล แต่มาพลาดท่าเอากับกิ่งไม้เล็กๆซะได้...

    เจ้าเอาไฟนี่ไปทำให้ขอนไม้แห้งก่อน...ถ้าข้าหมดสติไป เจ้าจะได้ก่อกองไฟได้

    ร่างสูงพยักหน้ารับและเคลื่อนกายไปปักคบเพลิงไว้ใกล้ๆกิ่งไม้ที่เขาเก็บมา

    ท่านหนาวหรือเปล่า?”

    ธาเนียนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไร แต่แค่เขามองจากริมฝีปากที่เริ่มซีดของนาง เขาก็รู้ว่านางหนาวขนาดไหน

    เราสมควรทำให้เสื้อผ้าแห้งนะ แต่ประเด็นคือเราจะเอาอะไรคลุมตอนที่เราถอดมันออก

    หญิงสาวพยักหน้ารับคำของเคล นางชันสองขาขึ้นและกอดมันไว้...ในความเป็นจริง นางจะใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกลับเลยก็ได้ แต่นางก็ทำไม่ลงเพราะหากนางทำเช่นนั้น นางก็จะทิ้งให้เคลซึ่งช่วยเหลือนางมาตลอดอยู่อย่างเดียวดาย...

    เมื่อธาเนียไม่ยอมพูดอะไรเลย เคลก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก จ้องมองออกไปเบื้องนอกที่สายฝนยังคงกระหน่ำไม่ขาดสาย...เพราะถ้าเขายังขืนมองธาเนียในสภาพที่ราวกับจะไม่ใส่อะไรปกปิดเช่นนี้ เขาก็อาจจะได้ออกไปยืนตากฝนสักชั่วโมงก็ได้...

     

    เวลาค่อยๆเลยผ่าน... ลูกบอลไฟลูกเล็กแต่กลับให้เปลวเพลิงร้อนแรงผิดกับรูปร่างอย่างน่าตกใจ กระทั่งกองฟืนรวมถึงเสื้อผ้าแห้งสนิท มันจึงค่อยเลือนหายไปทีละน้อย กระทั่งดับไปในที่สุด

    เคลลุกขึ้นไปจุดไฟที่กองกิ่งไม้อย่างทุลักทุเล เขานั่งปั่นมันนานพอดูกว่าพระเพลิงเล็กๆจะติดขึ้นมา และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้มันดับเพราะแรงลม เมื่อความพยายามของเขาเป็นผล ชายหนุ่มก็หันไปหาธาเนียซึ่งบัดนี้หลับไปในที่สุด...ในสภาพที่นั่งชันเข่าฟุบหน้าเช่นนั้น

    ชายหนุ่มขยับกายเบากริบไปนั่งข้างนาง ค่อยๆดึงร่างบางลงมานอนหนุนบนตักกว้าง แล้วถอดเสื้อตัวนอกออกคลุมห่มให้กับธาเนีย...เขาจึงค่อยสังเกตเห็นรอยขาดที่หลังเสื้อตัวโปรดนั้นเป็นรอยเล็บทั้งสี่ของคิไมร่าจากตอนที่ช่วยธาเนียมา และมันก็ขาดเป็นรอยใหญ่เสียด้วยสิ...แย่จัง...

    แต่ก็ไม่เป็นไร...ถ้ามันทำให้ธาเนียปลอดภัยก็คุ้มค่าล่ะ

    เคลระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ มือหนาลูบศีรษะหญิงสาวบนตักอย่างอ่อนโยน...

    ฝันดีนะธาเนีย...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×