คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9
ไม่นานนักหลังจากการออกวิ่งไปอย่างไม่รู้ทิศทาง เคลก็ต้องวิ่งกลับมาที่เดิมพร้อมกับขอนไม้ขนาดเหมาะมือด้วยตระหนักว่าตนเองมิผิดแผกจากคนตาบอดเพียงไรยามอยู่ในที่มืด
มันเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับเขาหน่อยที่พบว่าลูกไฟเวทมนตร์นั้นยังคงลุกโชนแม้ไม่มีเชื้อเพลิงหรือโดนสายฝนขนาดนี้ แต่มันไม่สำคัญเท่าที่ว่าในตอนนี้เขาต้องตามหาตัวธาเนีย!
ลูกบอลไฟติดที่ปลายขอนไม้อย่างง่ายดาย และเคลก็เริ่มออกวิ่งไปทางเดิมอีกครั้ง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะวิ่งตามหาใครสักคนในป่าขณะฝนตกหนักเช่นนี้ ทั้งลมทั้งฝนทำเอาเขาหนาวเป็นบ้า! แถมยังไม่มีหลักฐานร่องรอยอะไรที่บอกว่าธาเนียวิ่งไปทางไหนอีก...บ้าจริง
“เฮ้ ท่านธาเนีย ท่านอยู่หนายยยยคร้าบบบบ”
หลังจากตะโกนออกไปสุดเสียง เคลก็พึ่งรู้ตัวว่าตนเองงี่เง่ามากเพียงใดที่ตะโกนออกไปท่ามกลางสายฝนที่ราวกับพายุเข้าและเสียงหวิดหวิวสุดสยองของสายลมที่อาจจะทำให้ใครหลายคนประสาทเสียได้ง่ายๆ
ทำไมจู่ๆฝนถึงตกเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้นะ!?
ความกังวลดำดิ่งสู่ก้นบึ้งของจิตใจ เมื่อความทรงจำบอกว่า เผ่าพันธุ์คิไมร่าเองก็มีจอมเวทแม้ว่ามีในจำนวนที่น้อยยิ่งกว่าน้อยก็ตาม แต่ความสามารถของพวกมันก็ทำให้มันเป็นตัวอันตรายยิ่งกว่าคิไมร่านักรบสักสิบตัวรวมกันเสียอีก
จอมเวทของมันอาจไม่ได้อยู่ที่ทัพตะวันตก...
ดวงตาที่ฉายความหนักใจของธาเนียยืนยันความคิดของเขา และยิ่งการที่นางพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาตามไปนั้น...ข้อสันนิษฐานอาจเป็นจริง!
ปัดโถ่ ธาเนียนะธาเนีย ไม่เชื่อใจเขาเล้ย!
ทว่า...เงาลางๆของใครสักคนที่ปรากฏอยู่ไม่ไกลนั้นก็ทำให้เขาถอนใจเฮือกใหญ่...
ชายหนุ่มลดฝีเท้าลง เพ่งมองไปในเงาของแมกไม้
...เอาแล้วไง...
ธาเนียทิ้งกายก้มหลบกรงเล็บแหลมคมที่ตวัดใส่นางชนิดไม่ยั้ง ดาบคู่กายสวนกลับเข้าที่สองขาทรงพลังของมันอย่างรวดเร็ว สัตว์ร้ายกระโดดหลบตามสัญชาติญาณทว่าช้ากว่าที่คมดาบจะตัดท่อนขามันของมันไปข้าง
เสียงร้องโหยหวนมิอาจดังเกินกว่าเสียงของสายฝนที่กระหน่ำไม่ยั้ง แต่เสียงของสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงยังตำแหน่งเมื่อครู่ก่อนที่นางจะฉากถอยหลังก็ทำให้หญิงสาวหูอื้อไปหมด
ร่างบางกดแผ่นหลังแนบต้นไม้ใหญ่ หรี่ดวงตามองเงาใหญ่ยักษ์ของคิไมร่าอีกห้าตัวที่เหลือกระจายแอบซุ่มอย่างแนบเนียนผิดกับรูปร่างของมัน
ไม่ผิดแน่...
หญิงสาวนึกอย่างมั่นใจ...ตัวจอมเวทของพวกมันอยู่ที่นี่ แอบซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่ง และคอยอาศัยจังหวะที่นางเผลอใช้มนตร์สายฟ้าใส่นาง
แต่ก็น่าแปลก...ทั้งๆที่จอมเวทของพวกมันสำคัญต่อเผ่าพันธุ์ขนาดนี้ แต่ทำไมถึงกลับมีผู้ติดตามแค่หกตัว?
คิไมร่าตัวหนึ่งซุ่มกายอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างจากต้นที่อริตลอดกาลของมันซุ่มอยู่...ในสมองอันน้อยนิด มันยังจำได้ว่าเผ่าพันธุ์ศัตรูของมันจะมีสัตว์ตัวหนึ่งที่มีสีขนราวกับรังดักแด้ของตัวไหมเป็นตัวหัวหน้า และสัตว์ตัวเล็กที่พวกมันกำลังรุมอยู่นี่ก็มีสีขนไม่ผิดกับคำบอกเล่านั้น...และนั่นหมายความว่า ถ้ามันจัดการไอ้ตัวนี้ได้ มันก็อาจจะได้ขึ้นเป็นจ่าฝูงตัวใหม่!
สัตว์ขนขาวนั่นไม่รู้เลยสักนิดว่ามันแอบอยู่ตรงนี้...ดีแล้ว...ดีแล้ว
ร่างยักษ์ค่อยๆก้าวออกจากที่กำบัง ย่างเท้าเบากริบไปยังเหยื่อตัวเล็ก กรงเล็บแหลมคมโผล่พ้นอุ้งมือหนาใหญ่ เลือดในกายเดือดพล่านกับตำแหน่งว่าที่จ่าฝูง...ขอเพียงมันตัดหัวของศัตรูตัวนี้ได้...
ด้วยเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด กรงเล็บทรงพลังก็ตะปบลงไปที่คอเล็กๆของจ่าฝูงศัตรู!
ฉัวะ!!!
“กรรรรรรรร์!!!!”
เสียงคำรามลั่นโหยหวน เมื่อผู้ล่ากลับกลายเป็นผู้ถูกล่า!
ดวงตาสีอำพันเบิกถลนมองความเจ็บปวดที่ได้รับ...ดาบบทเพลงแห่งสายลมแทงทะลุอุ้งขาหน้า เสียบเข้าไปในท่อนแขนจนสุดดาบ...
สัตว์ขนขาวหรี่ดวงตาที่เป็นสีทองวาววับมองมัน และวินาทีที่ปากเล็กๆนั่นขยับ...
“แผดเผา...”
เปลวเพลิงก็ลุกโชติช่วงทั้งร่างของมันในพริบตา!!!
ธาเนียกระชากดาบออกจากแขนของสัตว์ร้าย หมุนกายกลับไปยังสนามรบเดิมของนาง...ไม่แม้แต่จะปรายตากลับไปมองคิไมร่าที่ลงไปกลิ้งกับพื้นเปียกแฉะ...พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะดับไฟให้ตัวเอง
มนตร์ของนางจะหมดลงก็ต่อเมื่อนางเลิกส่งพลังเวทไป หรือเป้าหมายนั้นดับสูญ หรืออีกกรณีคือถูกต้านกลับด้วยพลังที่เหนือกว่า...ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับนางที่ครองดาบบทเพลงแห่งสายลมเช่นนี้...
เหลืออีกสี่ตัวกับอีกหนึ่งจอมเวท...
หูของนางยังคงอื้อหน่อยๆ หูที่ถูกฝึกให้จับเสียงได้ดีจะมีปัญหาเช่นนี้เสมอ ลำพังแค่เสียงของสายฝนก็ทำเอานางแทบจะไม่ได้ยินเสียงใดแล้ว แต่นี่ยังมีเสียงมนตร์ฟ้าผ่าเมื่อครู่อีก หูของนายเลยแย่ยิ่งกว่าเดิม
พวกคิไมร่าไม่ยอมเคลื่อนไหว ดีสำหรับมัน แต่แย่สำหรับนาง...ธาเนียเริ่มรู้สึกว่าร่างกายบางส่วนเริ่มชาจากความหนาวเหน็บ ซึ่งนั่นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกคิไมร่าที่มีขนหนาเลย แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่นางจะต้องผลุนผลันออกไปหามันก่อน
บทมนตราถูกขับขานผ่านริมฝีปากบางที่เริ่มซีด...ลมเปลี่ยนทิศพัดพาเอากลิ่นสาบสัตว์ต้องจมูก นางเริ่มแน่ใจตำแหน่งของพวกมันแล้ว...มนตร์อีกบทถูกขับขาน หยาดฝนที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าลงมารอบกายหยุดนิ่ง รวมเป็นหยดน้ำทรงกลมขนาดครึ่งกำมือมากมาย
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจวิ่งพรวดออกไปกลางวงในวินาทีนั้น!
สายลมอันเป็นพันธมิตรตลอดกาลบอกว่า คิไมร่าตัวหนึ่งเคลื่อนกายเปลี่ยนที่กำบัง และนั่นคือข้อผิดพลาดครั้งสำคัญของมัน!
ธาเนียตวัดสายตามองตำแหน่งนั้น มือเรียวสะบัดชี้
“Koron en' alu!! ” (Waterball)
ลูกบอลน้ำนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำ เสียงคำรามร้องลั่นยืนยันสิ่งนั้น ก่อนร่างบางจะรีบวิ่งกระโจนหลบสายฟ้าที่ฟาดมาหานางสามครั้งติดๆ
“...!?”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ดวงตาสามสีมองไปยังตำแหน่งที่นางสัมผัสถึงที่มาของไอเวทรุนแรงได้
...ไม่ผิดแน่...
ถ้านางจัดการจอมเวทได้ พวกคิไมร่าที่เหลือก็ไม่ใช่คู่มือของนาง...
ธาเนียเคลื่อนกายลัดเลาะพุ่มไม้ยังที่ที่จอมเวทอยู่ แต่พวกนักรบของมันก็พุ่งออกมาจากที่ซ่อนตรงเข้าหานางและทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างบ้าเลือด จนนางถูกล่อออกมาอยู่ตรงส่วนที่โล่งที่สุดและโดนล้อมอย่างรวดเร็ว
ร่างบางปัดป้องกรงเล็บและคมเขี้ยวอย่างคล่องแคล่ว แค่นี้ไม่ใช่ปัญหา...ปัญหาใหญ่ของนางคือ นางกำลังถูกบีบล้อม และหากเวทสายฟ้าฟาดลงมา มันมีโอกาสที่นางจะหลบไม่ได้
“!!!”
หากช่วงเวลาวิกฤติก็มาเยือน...เอลฟ์สาวหงายหลังและกำลังจะล้มลงไปบนพื้น เมื่อรองเท้าของนางย่ำลงไปที่แอ่งน้ำขังและเหยียบอะไรสักอย่างที่อยู่ใต้นั้นจนนางเสียหลักอย่างไม่น่าให้อภัย...มันคือความอับอายที่สุดในชีวิต!
ความผิดพลาดของนางคือความโชคดีของคิไมร่า พวกมันง้างกรงเล็บและตะปบลงพร้อมกัน!
แคว่ก!!
“!!”
ธาเนียเบิกตากว้างมองผู้ช่วยชีวิตในทันควันอย่างงงๆ เมื่อจู่ๆเคลก็วิ่งแทรกเข้ามา กระโดดถีบสองจังหวะใส่คิไมร่าจนพวกมันกระเด็นหงายหลัง แล้วกระชากร่างของนางจนลอยละลิ่วจากพื้นไปอยู่ในอ้อมกอด ก่อนวิ่งเตลิดเข้าป่าเช่นนี้
หญิงสาวตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดของเคล นางมองเขาที่วิ่งหลบกิ่งไม้อย่างน่าหวาดเสียว กระโดดข้ามต้นไม้ที่ขวางอย่างหวุดหวิด ก้มหลบกิ่งไม้เตี้ยๆอย่างพอดีหัว สาวเท้าวิ่งเร็วจี๋แล้ว นางก็กลัวว่าตัวเองจะตกลงไป
“เคลปล่อยข้าๆ!”
ร่างบางโวยวายแต่ก็ไม่ลืมเก็บดาบเข้าฝักก่อนที่นางจะได้ทำมันหลุดมือหรือสร้างบาดแผลให้กับเคล
“อู่อิ้งๆอิอั่นอาเอีย! เอี๋ยวอ้ออกองไอออก!”
หญิงสีเงินขมวดคิ้วกับคำพูดไม่รู้เรื่องของเขา นางพึ่งจะสังเกตว่าเคลคาบคบเพลิงเอาไว้อย่างน่ากลัว มือเรียวจึงค่อยเอื้อมไปดึงมันออกจากปากของเขา
“ขอบคุณ”
เคลเสียงห้วนหงุดหงิด...เมื่อยปากเป็นบ้า ถ้ารู้ว่าเขาจะต้องคาบมันอยู่แบบนี้ เขาไม่หาท่อนไม้ใหญ่ขนาดนี้มาทำเป็นคบเพลิงแน่!
“เจ้าปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้เลย!”
ธาเนียออกคำสั่ง เพราะเบื้องหลัง นางเห็นแล้วว่าคิไมร่ามันกำลังตามมา เขาจะต้องปล่อยนางลง นางจะได้จัดการกับพวกมันให้จบๆไปเสียที
“ก่อนเจอท่าน ข้าเจอพวกมันตั้งยี่สิบกว่าตัว แล้วตอนนี้มันก็กำลังวิ่งไล่ข้ามาอยู่ด้วย! ให้ข้าปล่อยท่านลงยังไงล่ะ”
เอลฟ์สาวรีบหันขวับไปมองเบื้องหลังอีกครั้ง ตรงนั้นคือกองทัพย่อมๆของคิไมร่า...โอ ใช่ พวกมันกำลังวิ่งไล่มาจริงๆด้วย!
“ให้ตายสิ!”
ธาเนียขมวดคิ้วใส่เคลที่อยู่ๆก็สบถออกมาอย่างไม่สุภาพ แล้วนางก็พยายามดันตัวเองขึ้น
“ท่านจะทำอะไรน่ะ?”
นายหญิงตอบคำถามของเคลด้วยการประสานมือไปตรงหน้านาง ร่ายมนตร์ลูกบอลน้ำโจมตีใส่พวกคิไมร่าไม่ยั้ง
“เจ้าวิ่งดีๆก็แล้วกัน! ข้าจัดการพวกข้างหลังให้!”
มันเป็นคำสั่งที่ยอดเยี่ยมมากกก...ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม โอบกระชับร่างบางในอ้อมกอดให้แน่นกว่าเก่า ยิ่งเสื้อผ้าที่เปียกโชกอย่างกับตกน้ำมาอย่างนี้อีก...พอเขากอดนางไว้ อะไรๆก็เลยแนบไปหมด...แต่ธาเนียคงจะไม่เอะใจเพราะนางกำลังเครียดกับการจัดการพวกคิไมร่าเบื้องหลัง
จวบจนเจ้าตัวที่เข้ามาใกล้ที่สุดล้มลงไปกองกับพื้น หญิงสาวก็ปาคบเพลิงในมือของนางใส่พวกคิไมร่า ไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดสนใจมัน แต่พอวินาทีที่คบเพลิงถึงพื้น ธาเนียก็ซ้ำเวทย์เพลิงเข้าไปอีกหนจนคบไฟนั้นลุกแผดเผาเจ้าพวกที่ตามมาจนหมด
ธาเนียระบายลมหายใจโล่งอก...เพราะอย่างไรตอนนี้ พวกนางก็ปลอดภัยแล้ว...
“ธาเนีย! ก้ม!!”
หญิงสาวกดหัวลงแนบบ่ากว้างอย่างรวดเร็ว และเมื่อนางเงยหน้าขึ้น กิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่คาดว่าอาจจะทำนางสลบได้ก็ผ่านศีรษะนางไปแล้ว นางจึงค่อยหันหน้ากลับไปเบื้องหน้าอีกครั้ง...
“เดี๋ยว! อย่าพึ่งเงย!!”
มันช้าไป...
โป๊ก!!!
“โอ๊ย!”
กิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งกระแทกเข้าเต็มหน้าผากของธาเนียที่กำลังหันกลับมาพอดี...
“เวรกรรม ท่านเป็นอะไรมากไหม ข้าขอโทษที่บอกช้าไป!”
เคลลดฝีเท้าลงเพื่อที่จะมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่เขาเปลี่ยนกลับมาเป็นอุ้มด้วยสองแขน
“ไม่เป็นไร...”
แต่ดูสภาพแล้ว นางน่าจะเป็นมากด้วยซ้ำ
หญิงสาวใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าผากไว้ ส่วนอีกข้างโบกไปที่เบื้องหน้า ลูกบอลไฟก็ปรากฏขึ้นมาลอยนำหน้าเคล ขมวดคิ้วหลับตาบอก
“มีถ้ำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เดี๋ยวข้าจะบอกทางให้...”
เคลนำร่างบางไปวางไว้ในส่วนลึกสุดของถ้ำขนาดเล็ก มองดูรอบๆจนแน่ใจว่ามันจะปลอดภัยแล้ว เขาก็เดินไปหยิบเอากิ่งไม้เล็กๆที่กองอยู่มุมหนึ่งของถ้ำ ราวกับว่าคนที่เคยผ่านมาเก็บสำรองมันไว้ และใช้กิ่งหนึ่งทำเป็นคบเพลิงแล้วเดินไปนั่งข้างๆธาเนีย
“ข้าขอดูแผลหน่อยนะ”
นางไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มจึงเปิดปอยผมด้านหน้าของนางขึ้นเอง “หัวปูดเลย ช้ำด้วย” เขาทั้งสงสารทั้งนึกขำนาง...สู้กับคิไมร่าที่ว่าอันตรายยังไม่ได้บาดแผล แต่มาพลาดท่าเอากับกิ่งไม้เล็กๆซะได้...
“เจ้าเอาไฟนี่ไปทำให้ขอนไม้แห้งก่อน...ถ้าข้าหมดสติไป เจ้าจะได้ก่อกองไฟได้”
ร่างสูงพยักหน้ารับและเคลื่อนกายไปปักคบเพลิงไว้ใกล้ๆกิ่งไม้ที่เขาเก็บมา
“ท่านหนาวหรือเปล่า?”
ธาเนียนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไร แต่แค่เขามองจากริมฝีปากที่เริ่มซีดของนาง เขาก็รู้ว่านางหนาวขนาดไหน
“เราสมควรทำให้เสื้อผ้าแห้งนะ แต่ประเด็นคือเราจะเอาอะไรคลุมตอนที่เราถอดมันออก”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำของเคล นางชันสองขาขึ้นและกอดมันไว้...ในความเป็นจริง นางจะใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกลับเลยก็ได้ แต่นางก็ทำไม่ลงเพราะหากนางทำเช่นนั้น นางก็จะทิ้งให้เคลซึ่งช่วยเหลือนางมาตลอดอยู่อย่างเดียวดาย...
เมื่อธาเนียไม่ยอมพูดอะไรเลย เคลก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก จ้องมองออกไปเบื้องนอกที่สายฝนยังคงกระหน่ำไม่ขาดสาย...เพราะถ้าเขายังขืนมองธาเนียในสภาพที่ราวกับจะไม่ใส่อะไรปกปิดเช่นนี้ เขาก็อาจจะได้ออกไปยืนตากฝนสักชั่วโมงก็ได้...
เวลาค่อยๆเลยผ่าน... ลูกบอลไฟลูกเล็กแต่กลับให้เปลวเพลิงร้อนแรงผิดกับรูปร่างอย่างน่าตกใจ กระทั่งกองฟืนรวมถึงเสื้อผ้าแห้งสนิท มันจึงค่อยเลือนหายไปทีละน้อย กระทั่งดับไปในที่สุด
เคลลุกขึ้นไปจุดไฟที่กองกิ่งไม้อย่างทุลักทุเล เขานั่งปั่นมันนานพอดูกว่าพระเพลิงเล็กๆจะติดขึ้นมา และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้มันดับเพราะแรงลม เมื่อความพยายามของเขาเป็นผล ชายหนุ่มก็หันไปหาธาเนียซึ่งบัดนี้หลับไปในที่สุด...ในสภาพที่นั่งชันเข่าฟุบหน้าเช่นนั้น
ชายหนุ่มขยับกายเบากริบไปนั่งข้างนาง ค่อยๆดึงร่างบางลงมานอนหนุนบนตักกว้าง แล้วถอดเสื้อตัวนอกออกคลุมห่มให้กับธาเนีย...เขาจึงค่อยสังเกตเห็นรอยขาดที่หลังเสื้อตัวโปรดนั้นเป็นรอยเล็บทั้งสี่ของคิไมร่าจากตอนที่ช่วยธาเนียมา และมันก็ขาดเป็นรอยใหญ่เสียด้วยสิ...แย่จัง...
แต่ก็ไม่เป็นไร...ถ้ามันทำให้ธาเนียปลอดภัยก็คุ้มค่าล่ะ
เคลระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ มือหนาลูบศีรษะหญิงสาวบนตักอย่างอ่อนโยน...
“ฝันดีนะธาเนีย...”
ความคิดเห็น