คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8
ช่วงเช้าตรู่ของวันนัดหมาย นักรบเอลฟ์ทุกคนรวมตัวกันที่ท้ายหมู่บ้านเบื้องหน้าวงไสยเวทย์ และคุกเข่าเฝ้ามองยังสตรีผู้เปรียบเสมือนเจ้าชีวิตของพวกเขา
ภาพของนายหญิงผู้กุมดาบชี้สู่ฟากฟ้าพริ้มตาหลับขับขานบทเพลงมนตราแสนไพเราะคือสิ่งเดียวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของพวกเขา น้ำเสียงหวานใสก้องกังวานยิ่งกว่ายามเอื้อนเอ่ยธรรมดา รวมถึงทำนองเสนาะหูเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เป็นการขอพรจากทวยเทพให้คุ้มครองและอำนวยชัยแก่พวกเขา ทั้งยังเป็นการปลอบประโลมจิตใจที่กำลังรุ่มร้อนให้เย็นลง เพื่อให้การศึกครั้งนี้เป็นไปตามที่คาดหวัง
พิธีศักดิสิทธิ์กระทั่งทำให้เสียงนกน้อยที่เคยเจื้อยแจ้วเงียบกริบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้ยามเสียดสีกันเมื่อต้องลม ไม่แม้แต่เสียงของลมหายใจประหนึ่งว่าสิ่งมีชีวิตในที่นั้นกำลังควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจทำให้เกิดเสียงรบกวนพิธีการโบราณ
ร่างบางเริ่มขยับกาย เคลื่อนไปตามจังหวะอ่อนช้อย...บูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า...แด่ทวยเทพผู้ปกปักษ์ชนเผ่าเอลฟ์
ประกายแวววับส่องสะท้อนจากคมดาบแห่งสายลมที่ค่อยๆบังเกิดสายลมอบอุ่นพัดผ่านเป็นระลอก ส่งให้อาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์พลิ้วไหวอย่างงดงาม
ทุกอิริยาบถของนางทำให้เคลใจเต้นแรง ชายหนุ่มเฝ้ามองอยู่ห่างๆ แต่เสียงเพลงของนางที่ชัดเจนราวกับนางอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ขนทุกเส้นของเขาลุกชัน บรรยากาศของพิธีกรรมน่าเกรงขามและรัศมีบางอย่างดูจะเปล่งประกายออกจากนางผู้เป็น ‘จ้าว’ แห่งเผ่าพันธุ์
เวลา...ผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ เมื่อเหล่านักรบลุกขึ้นและกล่าวหนักแน่นด้วยคำบางอย่าง ก่อนพวกเขาจะจัดแถวอย่างรวดเร็วแล้วยาตราทัพสู่สนามรบ
ธาเนียเฝ้ามองกระทั่งลับร่างสุดท้ายของนักรบใต้บัญชา หญิงสาวก็หันกลับเดินตรงสู่หมู่บ้าน แต่กลับไม่แม้แต่จะปรายตามองยังคนที่ยินพิงต้นไม้อยู่ไม่ห่าง ทิ้งให้คนมองตามทำตาปริบๆเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง (แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ) ก่อนเขาจะวิ่งไล่ตามนางไป
เวลายังคงเดินผ่านเช่นปกติ แต่บางครั้งกลับรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน เช่นกัน...ในบางเวลาก็กลับช้าจนน่ารำคาญ...เช่นในตอนนี้...
เคลขมวดคิ้วยุ่งมองตำราเบื้องหน้า เสียงใสๆของลีนที่กำลังอธิบายอักขระโบราณเบื้องต้นเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวา ลอยผ่านไปอย่างที่จำได้บ้างไม่ได้บ้าง และลีนที่น่าสงสารก็คิดว่าเคลกำลังไม่เข้าใจสิ่งที่นางอธิบาย นางจึงพยายามอธิบายช้าๆ แต่ในความจริงแล้ว หัวคิ้วที่ขมวดยุ่งนั้นกำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่เขาเคยได้ยินมาเมื่อช่วงบ่ายก่อนที่ลีนจะเข้ามาสอนเขา
เอเรียที่ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ เดินตรงเข้ามาในบ้านขณะที่เขาและธาเนียกำลังทานมื้อเที่ยง จากนั้นก็ลากตัวหญิงสีเงินออกไป แล้วทั้งคู่ก็หายเงียบ... กระทั่งลีนปรากฏตัวมาและเริ่มสอนตำราให้เขา
“เอ้อ...ท่านเข้าใจหรือยังคะ?”
เคลสะดุ้งโหยง เงยหน้าสบดวงตาสีมรตกเป็นกังวลอย่างตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันลงไปอย่างแนบเนียนเมื่อเสี้ยววินาทีผ่านไปและคลี่ยิ้มอบอุ่นตอบนางกลับ
“แน่นอน ตอนนี้ข้าเข้าใจมันแล้วล่ะค่ะ”
ชายหนุ่มเย้ากลับไป และมันเป็นอะไรที่น่ารักดีเมื่อลีนมักจะยิ้มเขินๆปนขำหน่อยๆเมื่อเขาพูดคำว่าค่ะกับนาง
“ข้าคิดว่าข้ากำลังทำให้ท่านสับสนกว่าเดิม เพราะท่านขมวดคิ้วมากกว่าเก่าทุกครั้งที่ข้าเริ่มอธิบายใหม่” ลีนสารภาพไปหลังจากที่นางคิดว่าตัวเองประสบความล้มเหลวในการพยายามอธิบายเนื้อหาส่วนที่ออกจะง่ายให้กับเคล...
บางทีนางคงต้องเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ และเคลจะต้องเข้าใจกับมันแน่ๆ...หญิงสาวคิดอย่างมุ่งมั่น โดยหารู้ไม่ว่า เคลไม่ได้ฟังอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้ว และหากนางต้องการจะทำให้เขาเข้าใจจริงๆ นั่นก็หมายความว่า นางต้องเริ่มสอนทุกอย่างใหม่ตั้งแต่เริ่มแรก!
“บางทีถ้าข้าพักสักแปบ อะไรๆคงดีขึ้นนะ” เคลรำพันขึ้น แน่นอนว่าเขาต้องการใช้มันเป็นข้ออ้างและระหว่างที่พัก เขาก็อาจจะหลอกถามลีนเรื่องของธาเนีย เผื่อว่านางจะรู้สักหน่อย...แต่คำพูดนั้นก็ทำให้ลีนคิดว่านางเอาแต่สอนจนไม่ใส่ใจอะไรเลย...
“โอ! ข้าขอโทษท่านด้วยค่ะ เดี๋ยวข้าจะไปหาของว่างให้ท่านทานก่อน แล้วอีกพักใหญ่ๆเราค่อยเริ่มกันต่อ...หรือท่านเหนื่อยอยากเลิกแล้วคะ?”
ร่างบางกระวีกระวาดลุกขึ้น หยิบดอกไม้แห้งดอกงามมาคั่นตำราไว้และมองเลยไปนอกหน้าต่าง เบื้องนอกฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มแล้ว และนั่นหมายความว่านางสอนมาไม่หยุดตั้งสามชั่วโมงกว่าๆแล้วงั้นหรือ!?
“อ่าๆนี่ก็เย็นมากแล้ว เช่นนั้นข้าขอจบการสอนของวันนี้เลยดีกว่านะคะ...”
มันเป็นเวลาเดียวกับที่ธาเนียเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ดวงตางุนงงเล็กน้อยเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว พอๆกับที่เคลลุกขึ้นและเดินตรงเข้าไปหานาง
ความคิดที่ว่าตัวเองสอนไม่ดีนั้นหายวับแทบในทันทีที่นางมองเห็นเคลเดินตรงไปหาธาเนียอย่างเร่งร้อน ลีนจึงโน้มกายลงให้กับนายหญิงที่เหลียวมามองเล็กน้อย ดวงตาสีมรกตหม่นวูบแต่ก็เลือนหายทันที แล้วนางก็เลือกที่จะปลีกวิเวกออกไปอย่างรู้หน้าที่
“ท่านไปไหนมา?”
ธาเนียมองคนที่เดินเข้ามาหานางอย่างนิ่งเฉย มันไม่มีเหตุผลที่นางต้องตอบเขา และเช่นกัน มันไม่มีเหตุผลที่เคลจำเป็นต้องรู้
ร่างบางเบือนหน้า เดินตรงขึ้นชั้นบน แต่ติดที่เคลซึ่งยังคงตามอย่างไม่ลดละและท่าทางว่าจะตามนางขึ้นไปถึงชั้นบนด้วยหากว่านางยังไม่ยอมพูดกับเขา...บางคราก็น่ารำคาญเสียเหลือเกิน
หญิงสาวถอนหายใจเหนื่อยหน่าย หมุนกายกลับไปเพียงเพื่อจะบอกเขาว่า ‘ออกไปกับเอเรีย’ แต่นางก็กลับแทบสะดุ้ง เมื่อคนที่คิดว่าน่าจะอยู่ที่ตีนบันไดกลับอยู่ถัดจากนางลงไปขั้นเดียว ด้วยร่างที่สูงกว่าและขั้นบันไดขั้นเดียวจึงทำให้ใบหน้าของเขาอยู่ในระดับเดียวกับหน้าของนาง
และพระเจ้าทรงรู้ดีว่านางเคร่งในกฎมากเท่าใด!
และราวกับพระองค์ต้องการทดสอบ ทันทีที่หญิงสาวเสียหลักเพราะตกใจ...มือซ้ายของเคลคว้าเอวบางของคนที่เสียหลักมากอดไว้และตวัดมืออีกข้างจับราวบันไดอย่างว่องไว ทั้งยังก้าวขาอีกข้างขึ้นไปรั้งไว้อีก
นาน 5 วินาทีเต็มๆที่ธาเนียอึ้งอยู่ในอ้อมกอดของเคล แต่หลังจากนั้นเมื่อนางรู้สึกตัว หญิงสาวก็ผลักเขาออกเต็มแรง เบิกตาค้างมองชายหนุ่มด้วยอาการพูดไม่ออก นางนึกอยากจะ...พูด...อะไรสักคำ แต่มันก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก และนางก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองหน้าแดงจัดขนาดไหน
กระทั่ง...
“อะแฮ่ม...”
ธาเนียหน้าชาวูบ ตวัดสายตาหันมองผู้มาเยือนอย่างตื่นตระหนก
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนดวงหน้าของหญิงผมทอง ในขณะที่เจ้าตัวทำลอยหน้าลอยตาพูดไปเรื่อย
“เจ้าไม่เห็นจะต้องโกรธอะไรเขาเลยนี่ แหม ก็ในเมื่อเจ้าเป็นคนพลาดเอง เคลก็เลยช่วยเป็นธรรมดา หรือเจ้าว่าไม่จริง?”
ตอนนี้นางรู้สึกอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด...
“เอาเถอะๆ...” เอเรียบอกปัด เมื่อนางเห็นว่าตอนนี้สหายนางหน้าแดงจัดจนถึงคอแล้ว ดวงตาสีมรกตคู่งามจึงหรี่ลงอย่างเป็นการเป็นงานเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้นางต้องมาหาสหายคนเก่งในตอนนี้
“ธาเนีย เจ้ามากับข้าหน่อยสิ”
น้ำเสียงเช่นนั้นหาได้ไม่บ่อยนัก...หญิงสีเงินซ่อนความรู้สึกสงสัยไว้ภายใต้หน้ากากแดงจัดแล้วรีบก้าวลงบันได้โดยเร็ว...ถ้าให้สารภาพตามจริงแล้ว ตอนนี้นางไม่อยากมองหน้าเคลเลย...
คนที่ไม่รู้ตัวว่ามีคนไม่อยากสบตาด้วยหันไปมองสองสาวอย่างสงสัย...ช่วงนี้เอเรียหายไปเสียนาน แล้วยิ่งกอปรกับช่วงนี้ที่มีเรื่องของพวกคิไมร่าเข้ามายุ่งอีก ท่าทางแปลกๆของพวกนาง และรอยแผลที่แขนของธาเนียในตอนนั้นมันทำให้เขาพอจะเดาออกว่า มันน่าจะมีเรื่องของอริเก่าของพวกนางเข้ามาเกี่ยวแน่ๆ...ดังนั้นเขาจึงตะโกนไล่หลังพวกนางไป
“ข้าไปด้วยคนได้ไหม?”
“ไม่...”
“มาสิๆ!”
ธาเนียหันขวับอีกครั้ง หัวคิ้วแทบจะชนกันตอนที่เอเรียเอ่ยปากอนุญาตง่ายๆ
“ไม่เอาน่า ก็เจ้าเป็นคนอนุญาตให้เคลเข้าร่วมกับเราเองนี่ แล้วอีกอย่างให้เขาไปด้วย จะได้ไปสำรวจเส้นทางเอาไว้”
ร่างโปร่งระหงขยับชิดเพื่อนสาวอีกนิด แล้วก้มลงกระซิบเบาๆ
“เมื่อกี้น่ะ ถ้าสลับกันให้เจ้าอยู่ด้านล่างแล้วเคลเป็นคนพลาด ข้าก็เชื่อว่าเจ้าจะช่วยเขา...”
ดวงหน้าที่พึ่งหายแดงหน่อยๆ กลับจัดขึ้นมาอีกครั้งโดยเร็ว...และนั่นล่ะเป้าหมายของนาง...เอเรียยิ้มกริ่มและรั้งใบหน้าของสหายสาวให้ชิดเข้ามาอีก กระซิบเสียงแผ่วต่ำลงกว่าเก่าให้รู้สึกน่าติดตาม
“แล้ว...เป็นไงมั่งล่ะ อ้อมกอดของเคลน่ะ อบอุ่นมั้ย? ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ดวงตาสีมรกตคู่งามมองตามหญิงสีเงินที่ก้าวพรวดออกจากบ้านโดยไวอย่างพอใจ...มีบ้างที่ธาเนียจะเถียงไม่ออกตอนที่นางหยอกล้อ แต่ไอ้ที่ธาเนียหน้าแดงจัดขนาดนี้ นางพึ่งเคยเห็นนะเนี่ย!...แต่เอาเถอะ...แกล้งธาเนียวันละนิดจิตแจ่มใส ฮ่าฮ่า
“ไปกันเคล ตามข้ามาเลย!”
กว่าสองชั่วโมงแล้วที่พวกนางเดินนำหน้าเขาไปเรื่อยๆ...เคลสอดส่ายสายตาไปยังเส้นทางเบื้องหน้าที่มืดสนิทคลอเคล้าไปด้วยเสียงดนตรีจากแมลงกลางคืน พื้นดินแถวนี้เปียกแฉะและมีน้ำขังเป็นแอ่งหลายแห่ง ทั้งกิ่งไม้ที่ระเนระนาดและต้นไม้ต้นเล็กๆล้มขวางทาง บ่งบอกว่าสถานที่แถวนึ้พึ่งมีฝนตกหนักเลยทีเดียว
สองสาวยังคงเดินพลาง กระซิบคุยอะไรบางอย่างพลาง เสียงหัวเราะของเอเรียบอกว่า คงจะเกิดการหยอกล้อขึ้น...แต่ก็นั่นล่ะ เขาไม่ได้ยิน และก็ไม่มีใครชวนเขาคุยอีกต่างหาก เฮ้อ
พวกนางเดินท่ามกลางความมืดโดยไม่มีแม้แต่คบเพลิงหรืออะไรสักอย่างที่ให้แสงสว่างเลย แต่พวกนางก็ยังคงเดินราวกับเวลานี้เป็นเวลากลางวันแสกๆไม่มีปัญหาในการมองอะไร
“เอาล่ะ ถึงแล้ว...”
เคลยังคงก้าวต่ออีกสองสามก้าว ก่อนเขาจะหยุดเดิน และมองสิ่งที่เป็นปัญหาอย่างหนักใจแทน ...
เอลฟ์หนุ่มสี่คนกำลังเดินสำรวจพื้นที่ตรงนั้น และด้วยอานิสงค์จากคบเพลิงของพวกเขาจึงทำให้เคลมองความเสียหายโดยรอบได้โดยง่าย...และส่วนตรงหน้าเขาท่าทางจะเป็นส่วนที่หนักที่สุดของปัญหาพายุเข้าแล้วล่ะมั้ง ถึงขนาดที่หน้าดินภูเขาพังทลายลงมากินพื้นที่แถวนั้นไปเยอะเลยทีเดียว
เอเรียและธาเนียเดินเข้าไปพูดคุยกับเอลฟ์เหล่านั้น พวกเขาคงเล่าถึงสถานการณ์คร่าวๆ จากนั้นธาเนียคงบอกให้พวกเขากลับไป แต่ที่กลับไปไม่ใช่เพียงเอลฟ์หนุ่มพวกนั้น เพราะเอเรียเองก็พูดอะไรสักอย่างแล้วนางก็โบกมือเดินจากไป
แล้วความเงียบก็ย้อนคืนมา เมื่อธาเนียเริ่มเดินสำรวจพื้นที่แถวนั้น และไม่สนใจเขาที่ยืนหัวโด่อยู่หลังนาง ไม่งั้นนางก็คงลืมไปแล้วว่าเขาตามนางมาด้วย แต่เมื่อดูจากท่าทางเคร่งเครียดของนางแล้ว เคลก็คิดว่าเขาอย่าพึ่งไปกวนอะไรนางเลยจะดีกว่า
เวลาค่อยๆผ่านไปเชื่องช้า กับการเดินตามต้อยๆอยู่เบื้องหลัง แต่มันก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไรมากนัก เพราะเมื่อเริ่มคิดได้ว่า การปล่อยให้ธาเนียอยู่คนเดียวมืดๆ กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ นอกจากมันจะอันตรายแล้ว นางก็คงจะเบื่อด้วย ดังนั้นเขาอยู่ด้วยนี่แหละดีที่สุด!
...น่าแปลก...ทั้งๆที่นางไม่ได้พูดอะไรสักคำกับเคล แต่นางกลับไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามนางกลับรู้สึกเพลินด้วยซ้ำ...?
หญิงสาวมองฝ่าไปในความมืด มองสภาพหน้าดินที่พังทลายลงมาอย่างสงสัย จากที่คนของนางรายงานมาว่าเมื่อประมาณเกือบห้าชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนัก...หนักมาก ชนิดที่ทำเอาต้นไม้ กิ่งไม้ปลิวว่อน และถึงขนาดทำเอาภูเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ หน้าดินทลายลงมาเลยเชียวหรือ?...แถมที่เมืองก็ไม่เห็นเงาเมฆฝนตั้งเค้าอีกทั้งๆที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก...น่าประหลาดนัก
นางเบือนหน้าไปเบื้องหลัง มองไปยังเคลที่ยืนกลมกลืนในความมืดแล้วก็พึ่งนึกขึ้นได้ในตอนนั้น...
เคลกำลังมองนางก้มๆเงยๆเพลินพอดีเชียว พอนางหันกลับมา เขาถึงพึ่งสังเกตว่าดวงตาของนางวาววับราวกับดวงตาของสัตว์กลางคืน!
มันดูน่ากลัว แต่ในขณะเดียวกันก็งดงามอย่างแปลกๆ...ราวกับเขากำลังจ้องดวงตาของหมาป่า...?
หญิงสาวเหยียดมือมาข้างหน้า จากนั้นลูกบอลไฟก็ปรากฏเหนือมือของนางและลอยเอื่อยๆมาข้างเขา
“ขอโทษ...ข้าลืมไปว่าเจ้ามองไม่เห็น”
อ่ะนะ...ขอบคุณที่ยังนึกขึ้นได้
“ครับผม...”
“แล้ว...เจ้าเบื่อหรือเปล่า?”
เคลละสายตาจากลูกบอลเวทย์มนตร์ไฟที่สามารถลอยอยู่ได้แม้จะไม่มีคบเพลิงและไม่มีท่าทีว่าจะดับแม้ขณะนี้สายลมจะพัดกรรโชกแรงก็ตาม มองดวงหน้างามที่ฉายแววกังวลขึ้นมาหน่อยๆ...นั่นทำให้เขารู้ว่า นางเองก็ใส่ใจเขาเหมือนกัน
“ไม่เลยครับ...ไม่เลยจริงๆ” ชายหนุ่มย้ำคำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าธาเนียยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ นางพยักหน้าแต่เขาเชื่อว่านางยังไม่แน่ใจ
“เอาเถอะ...” นางถอนหายใจ หมุนกายกลับไปยังสิ่งที่ให้ความสนใจก่อนหน้านี้ “ถึงจะเบื่อแต่ข้าก็อยากให้เจ้าทนหน่อย...การเดินกลับไปในตอนกลางคืนคนเดียวมันอันตราย ถึงพวกสัตว์จะไม่ทำร้ายคนก่อน แต่นั่นหมายถึงพวกเรา...เจ้าที่มีกลิ่นแตกต่างไปอาจถูกสัตว์ที่หิวโหยทำร้ายได้ ทั้งเส้นทางในความมืดก็จะทำให้เจ้าหลงได้โดยง่าย”
นางให้เหตุผลที่น่าฟัง แต่เคลพยายามนึกเสียว่า นางกำลังยื้อไม่อยากให้เขาไป และนั่นก็ทำให้เขาหัวใจพองโต
แปะ...แปะ...แปะ...
?
เคลเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบน...สัมผัสเย็นๆของของเหลวที่ล่วงหล่นลงมาทำให้เขาเริ่มเอะใจ
...เปรี้ยง!...
เสียงฟ้าผ่ากัมปนาทมาไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มหันไปมองธาเนียและคาดว่าอาจจะได้เห็นอาการตกใจของนางบ้าง...แต่ไม่เลย เขาเห็นอย่างอื่นที่น่าสนกว่านั้น...
หญิงสาวขมวดคิ้วเครียด หันซ้ายหันขวาราวกับมองหาอะไรบางอย่าง แล้วนางก็หันมาหาเขาในที่สุด
“เคล เจ้ากลับไปก่อนได้ไหม? ฝนจะตกแล้ว เจ้ารีบวิ่งเสียหน่อย ไม่ไกลไม่ไกลจากนี้มีถ้ำให้เจ้าหลบอยู่ แล้วลูกบอลไฟนั่น ขอเพียงเจ้าหากิ่งไม้มาเป็นคบเพลิง มันก็จะอยู่กับเจ้าไปตลอดโดยไม่ดับ”
“หมายความว่าไงครับ?”
“มนตร์นั่นเกิดจากพลังเวทของข้า ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งอื่นใด มันจะดับก็ต่อเมื่อพลังเวทของข้าขาดหาย ไปเถอะเจ้ากลับไปก่อน...”
ชายหนุ่มกำลังจับพิรุธนาง...มีหลายอย่างไม่เหมือนปกติในท่าทางเกือบจะนิ่งเฉยนั้น
“ท่านมีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
ร่างบางที่กำลังจะก้าวเดินชะงักกึก...และนั่นก็ทำให้เคลรู้ว่าธาเนียป็นเด็กดีมากเพียงไร
“ข้า...จะรีบไป”
นางไม่เคยโกหก...
ซ่า...
ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง สายฝนเม็ดใหญ่ก็กระหน่ำสาดลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เคลสบถพรวดอย่างลืมตัว และเพียงเสี้ยวเวลาเดียวที่เขาเผลอ...ธาเนีย ก็หายไป...อย่างไร้ร่องรอย...
“ปัดโถ่! นางหายไปไหนแล้วเนี่ย!”
ชายหนุ่มหันรีหันขวางกลางสายฝน และโดยการตัดสินใจจากความทรงจำก่อนหน้านี้ เขาก็ออกวิ่งไปในทันที...
ความคิดเห็น