ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Elven Spirit

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 51


    เอาล่ะ...ทุกท่าน ยินดีที่ได้รู้จักนะ

    เคลคลี่ยิ้มทักทายให้กับบรรดานักรบทั้งหมด 10 คน ซึ่งจะมาเป็นอาสาสมัครให้เขาได้ฝึกฝนให้ ซึ่งครึ่งหนึ่งของนักรบกลุ่มนี้ก็คือคนที่เคยเห็นเขา เก็บ คิไมร่าในดาบเดียวนั่นเอง

    ตัวข้าชื่อ เคล อันเซม ได้รับมอบหมายจากนายหญิงให้มาช่วยฝึกพวกเจ้า แต่ไม่ต้องเรียกข้าว่าครูก็ได้ เรียกแค่ชื่อข้าก็พอ เดี๋ยวมันจะฟังดูห่างเหิน

    ชายหนุ่มเหลือบไปมองนายหญิงที่ยืนมองเขาอยู่ห่างๆแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนตัวเขาจะก้าวไปยังแพไม้ขนาดย่อมผูกด้วยเชือกสองเส้นและมีกองหินอยู่เหนือมัน

    เช้าๆอย่างนี้ เรามาออกกำลังกายกันก่อนดีไหม?” เคลแสดงวิธีออกกำลังกายของเขาด้วยการหยิบเชือกขึ้นผูกรอบเอว แล้วเริ่มต้นวอร์มขา ง่ายๆ แค่เพียงผูกเชือกนี่แล้วไปวิ่งรอบหมู่บ้านสัก 10 รอบ

    ชายหนุ่มแสดงตัวอย่างด้วยการเริ่มออกวิ่งช้าๆ แล้วหันกลับไปมองบรรดานักรบเอลฟ์ที่เริ่มทำตามเขาอย่างพอใจ เคลกระตุกรอยยิ้มหน่อยๆให้กับพวกเขา ก่อนหันไปฉีกยิ้มกว้างเผื่อแผ่แก่นายหญิงของหมู่บ้านอีกครั้ง แล้วเริ่มออกวิ่งจริงๆซะที

    หนักชะมัด...

    คราวหลัง...ทำเผื่อข้าด้วยนะ...

    เคลหันไปหาต้นเสียงหวานๆข้างกายอย่างฉงน ธาเนียวิ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่มันก็ไม่ได้ผิดคาดเท่าไหร่ เพราะเขาพอจะอ่านนิสัยนางออกว่า นางคงไม่มีทางเอาเปรียบนักรบของนางด้วยการยืนรอสบายใจเฉิบอย่างเดียวแน่ แต่ที่เขาแปลกใจนั่นคือ ทำไมนางถึงต้องการจะลากไอ้กองหินนี่ต่างหาก

    อ่า ข้าว่าอย่าดีกว่านะครับ เดี๋ยวท่านมีกล้ามแล้วจะหมดสวยเปล่าๆ ชายหนุ่มบิดเบือนความคิดในใจด้วยประโยคหลังที่บอกนางไป...จริงๆแล้ว กองหินนี่ค่อนข้างหนักมากจนผู้ชายอย่างเขายังรู้สึก แล้วยิ่งนาง...ตัวเล็กๆแทบจะปลิวลมขนาดนี้ มีหวังสะโพกคงเคล็ดไปหลายวันแน่

    เพราะฉะนั้นประโยคหลังที่บอกนางออกไป จึงเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้นางคิดว่าเขาดูถูกนาง

    ถ้าเช่นนั้น...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไม่มีสตรีคนใดในหมู่บ้านข้าที่จะมี...กล้าม...อย่างที่เจ้าบอก ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่สามารถสังเกตได้จากข้า... ดวงตาคู่สวยเบือนจากเส้นทางร่มรื่นด้วยเงาไม้เบื้องหน้าไปมองใบหน้าคมสันที่ค่อนข้างแตกต่างจากลักษณะของชนเผ่าเอลฟ์ด้วยกัน

    เขามีดวงตาสีสนิมคม และมีแววของอำนาจฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ปีกคิ้วเข้มพาดเฉียงได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสัน  ทอดลงสู่ริมฝีปากบางเหยียบตรงที่มักจะส่งยิ้มให้กับนางเสมอๆโดยไม่มีเหตุผล (?)

    เอาเถอะ... ธาเนียเบือนสายตากลับไปมองเบื้องหน้า...จริงๆแล้ว นางรู้สึกแปลกๆเวลาเขายิ้มให้ มันรู้สึกเหมือน...

    หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดแปลกๆของตัวเอง แล้วเร่งฝีเท้าไปกระทั่งเบื้องหลังเหลือเพียงเส้นทางเดินประปรายด้วยต้นหญ้าเล็กๆ ขนาบข้างด้วยต้นไม้สูงใหญ่มอบร่มเงาแสนสบาย

    ...นางมอบหน้าที่ฝึกนักรบให้กับเคลทุกๆวันเว้นสองวัน แต่กระนั้นแล้วก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่ต้องฝึกไปกับพวกเขา แต่สิ่งที่เคลบอกนางมานั้น ราวกับบอกว่า นางไร้กำลังที่จะฝึก...ราวกับดูถูกนางเสียเหลือเกิน...

    ใบไม้สีเขียวเอนไหวราวกับเต้นรำไปตามคลื่นลมอ่อนหวาน นกน้อยส่งเสียงพูดคุย กระต่ายขนปุยสีขาวสองตัวที่กำลังหยอกล้อกัน

    ภาพบรรยากาศเคยชินเช่นนี้ จะไม่หลงเหลืออีกต่อไปหากหน้าที่ของนางล้มเหลว...ร่างบางเบี่ยงเส้นทางเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เหม่อมองภาพท้องฟ้าที่สดใสเบื้องบนพร้อมกับห้วงความคิดหนักอึ้ง...

    สันติภาพ...อาจได้มาจากคำว่ายอม...แต่หากคำว่ายอมนั้น คือการต้องถูกกดขี่ภายใต้อำนาจแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว การต่อสู้ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ความเดือดร้อนจะเกิดขึ้นอีกหน...สันติ...อาจคืนกลับมา แต่สุดท้ายแล้ว สงครามก็ทิ้งไว้เพียงความสูญเสีย...

    ใช่...ไม่มีผู้ใดอยากสูญเสียสิ่งที่ตนรัก...แต่ก็เช่นกัน หากไม่มีการสูญเสียแล้ว เมื่อใด...สันติจึงจะกลับคืนมา

    ...ใครคนหนึ่งจึงต้องเสียสละ...

    หญิงสาวก้มหน้าลง เฝ้ามองมือเรียวของนาง...สองมือคู่นี้ของนางแปดเปื้อนเลือดเกินกว่าจะได้รับการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้า...แต่นางก็ยังต้องทำต่อไป...เพื่อ...ปกป้องอนาคตของหมู่บ้าน...เพื่อ...ปกป้องทุกสิ่งที่เป็นดั่งชีวิตของนาง...

     

    นี่ ท่านธาเนีย ตำราส่วนใหญ่ของที่นี่น่ะ เขียนด้วยภาษาปัจจุบันหรือเปล่าครับ?”

    คำถามนั้นทำให้ธาเนียละสายตาจากตำราที่กำลังอ่าน เพียงเพื่อสบกับดวงตาสีสนิมคู่เดิมฉายแววอ่อนโยนอย่างที่ใครคนหนึ่ง เคย ใช้กับนาง...ใครคนหนึ่ง...เมื่อนานมาแล้ว...

    ก็ส่วนใหญ่... นางกล่าวตอบ ก้มหน้าลงอ่านตำราว่าด้วยกฎเกณฑ์ของหมู่บ้านต่อไป...เคลช่างซัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางรำคาญอะไรหรอก ดีเสียอีก นางจะได้ถือว่าเป็นการตอบแทน หน้าที่ ที่เคลเต็มใจช่วยนาง

    แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของชายหนุ่มที่กำลังครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น ต้องการอะไรหรือเปล่า?”

    คำถามนั้นหลุดออกไปแทบในทันทีที่สายตาของเขาตวัดมองนางด้วยแววตาพราวระยับราวกับเด็กๆ...ทั้งที่ในปกติแล้ว นางแทบไม่เคยเอ่ยปากถามใครเลย...ถามไป...พวกเขาก็ปฏิเสธ

    ข้าคิดว่าข้าคงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน ในที่นี่ ท่านว่าพอจะมีใครบ้างที่เต็มใจสอนภาษาโบราณให้ข้าได้!”

    และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้นางปันเวลายามบ่ายเกือบครึ่งหนึ่งในการนั่งสอนตำราเคล...

    ฉะนั้นแล้ว...อักษรตัวนี้จึงไม่ได้หมายความว่า หยุด แต่จะมีความหมายตามประโยคต่อเนื่องจากข้างหน้าว่า ไฟ’”

    อืม...

    เคลครางรับในคอ ในขณะที่หัวของเขากำลังเริ่มเบลอกับภาษาโบราณที่มีความหมายสลับไปมาตามแต่รูปประโยค ทั้งการออกเสียงก็ยังต้องถูกต้องตามอักขระของมัน มิเช่นนั้นแล้ว เวทมนตร์ที่ใช้ภาษาโบราณเป็นบทกลอนยาวเหยียดก็จะไม่เกิดอำนาจเต็มที่

    วุ่นวายจริงๆ...ชายหนุ่มบ่นในใจอย่างอดไม่ได้

    นายหญิงเฝ้ามองลูกศิษย์คนใหม่ของนางที่ทำหน้ายุ่งอย่างเห็นใจหน่อยๆ ภาษาโบราณเป็นสิ่งที่ยากพอควร กระทั่งเหล่าเอลฟ์ที่ผูกพันกับภาษาพวกนั้นมาตั้งแต่เกิด ทั้งยังได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ กว่าจะคล่องแคล่วในการใช้เวทมนตร์แล้วนั้นก็ยังกินเวลานานหลายปี แล้วเคลที่พึ่งมาเรียนเอาตอนนี้...ก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะขมวดคิ้วยุ่ง...

    เอาเถอะ... หญิงสาวผ่อนลมหายใจ หยิบที่คั่นหนังสือคั่นหน้าที่นางกำลังอ่านอยู่สักครู่ ก่อนจะเงยหน้ามองเคลที่กำลังก้มหน้าก้มตาขมวดคิ้วอ่านตำรา งั้น ข้า...

    ก๊อก ก๊อก...

    เสียงที่ขัดทำให้หญิงสาวชะงักประโยคของนางไว้ และเบนความตั้งใจก่อนย่างเท้าตรงไปยังประตู

    เสียงเคาะประตูนั้นก็พลอยส่งผลให้คนที่กำลังตั้งใจอ่านตำราเงยหน้ามองต้นเสียงผ่านตำราที่แสร้งทำเป็นยกขึ้นบังไว้

    บานประตูเปิดออก ปรากฏร่างบอบบางของหญิงสาวไม่คุ้นหน้า...

    สวัสดียามเย็นค่ะนายหญิง

    เจ้าของเสียงหวานๆนุ่มๆ คลี่ยิ้มเล็กน้อยให้กับผู้เป็นนายสาว ธาเนียเพียงพยักหน้ารับเฉยชา ตรงข้ามกับเคลที่ราวกับโดนสาป ให้กลายเป็นหินเพราะดวงตาสีมรกตคู่งาม

    นางผู้มาเยือนยื่นแผ่นกระดาษให้กับธาเนียขณะที่พวกนางกระซิบพูดอะไรกันสักอย่าง และหลังจากที่หญิงสีเงินอ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้ว นางก็พับมันกลับแล้วยื่นออกไปข้างกาย...บังเกิดเป็นพระเพลิงลุกโชติช่วงผลาญกระดาษแผ่นน้อยมอดไหม้จนเหลือเพียงเถ้าปลิวไปหายไป

    แล้วเคลก็ต้องสะดุ้งขึ้นหน่อยๆ เมื่อจู่ๆนางทั้งสองคนก็หันมาทางเขา ธาเนียดูจะเป็นฝ่ายบอกอะไรสักอย่าง เพราะเห็นเอลฟ์สาวคนสวยพยักหน้ารับและส่งยิ้มหวานให้กับเขา ก่อนที่ธาเนียจะเดินตรงออกไปจากบ้านไปพร้อมกับร่างสีเงินไวๆของหมาป่าตัวงาม

    ชายหนุ่มลดหนังสือลงวางบนโต๊ะ เพียงเพื่อที่จะได้เพ่งพินิจมองหญิงสาวตรงหน้าที่เดินมานั่งที่เดิมของธาเนียอย่างจงใจ

    นางเป็นผู้หญิงที่รูปร่างดีเชียวล่ะ เรือนผมสีทองคำอร่ามยาวหยักศกเป็นคลื่นจรดบั้นท้ายกลมกลึง น่าสัมผัสพอๆกับกลีบปากรูปกระจับเป็นสีชมพูระเรื่อ

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...ข้ามีนามว่าลีน สเปลลา

    คำแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มหวานของนางได้คะแนนแรกรู้จักจากเคลไปเต็มๆ...แน่นอนว่าเขายิ้มตอบอย่างเต็มใจ หากเพียงเคลขยับปาก...

    ต้องขออภัยที่มาขัดเวลาของท่านนะคะ แต่ข้าได้รับการไหว้วานจากท่านลูคัสให้นำสารมาให้ท่านนายหญิง ซึ่งตอนนี้ข้าก็ได้รับหน้าที่ใหม่แล้วล่ะค่ะ...

    อ่าครับ

    ลีนกุลีกุจอหยิบหนังสือเล่มที่ถูกคั่นขึ้นมา กางหน้านั้นออก แล้วเลื่อนไปยังเบื้องหน้าเคลที่เริ่มคาดเดาสิ่งต่อไปได้ นายหญิงสั่งให้ข้าสอนตำราเบื้องต้นให้ท่าน แต่ข้าก็เป็นเพียงลูกศิษย์ของนางเอง คิดว่าคงจะสอนไม่ดีเท่า แต่ข้าก็จะพยายามให้เต็มที่ค่ะ!”

    เอ้อครับ...

    เอาล่ะค่ะ เมื่อกี้ถึงไหนนะคะ...อ่า น่าจะตรงนี้นะ งั้นข้าจะเริ่มตรงนี้เลยละกัน!”

    เห็นท่าทางจริงจังของนางแล้ว เคลก็ไม่อยากจะขัดสปิริตของนางหรอก หากแต่ความสงสัยก็ทำให้เขาจำต้องขัดนางออกไป

    ว่าแต่เจ้ารู้จักข้าแล้วหรอ?”

    คำถามนั้นทำให้เจ้าของดวงตาสีมรกตคู่งามเงยขึ้นจากตำรา แววฉลาดฉายเต็มเปี่ยมในดวงตาสีมรกตภายใต้แพขนตายาวงอนอย่างน่าอิจฉา พร้อมรอยยิ้มหวานแกมเจ้าเล่ห์อย่างน่ารัก

    ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ ไม่รู้จักท่านหรอกค่ะ ท่านเคล อันเซม!”

     

    นางว่า นางอาจจะสอนไม่ดีเท่าธาเนียหรือ? ผิดถนัดเลยล่ะ

    เคลเงยหน้าจากตำราเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ยินเสียงหวานๆของลีนบอกว่า วันนี้พอแค่นี้เถอะค่ะ

    เบื้องนอก แสงสีส้มเริ่มกลืนเข้าสู่สีกรมท่า เสียงจักจั่นและนกกลางคืนเริ่มแววให้ได้ยินตามสายลม แต่เหตุที่เขาไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านมานานขนาดนี้นั่นก็คงเพราะทักษะในการสอนของลีนที่ดูเหมือนว่าจะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และมนตร์ลูกบอลไฟที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของบ้านทำให้ดูราวกับว่า ยังคงอยู่ในช่วงยามเย็นที่มีแดดสีส้มๆ

    การสอนของนางทำให้เขาเพลิดเพลินไปกับการเรียนอย่างไม่เคยเป็น ใช่...ถ้าเทียบกับธาเนีย รายนั้นอาจเปรียบเทียบคำสอนกับอะไรใกล้ๆตัว แต่ส่วนใหญ่นางก็เน้นเนื้อหาล้วนๆ ในขณะที่ลีนจะเปรียบเทียบเนื้อหาในตำรากับมุขตลกๆที่เขาไม่เคยได้ยิน และก็เรียนไปคุยไปอย่างผ่อนคลาย

    นี่ก็ค่ำแล้ว ท่านอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”

    หืม?”

    ข้ารับหน้าที่ดูแลมื้อเย็นให้กับท่านด้วยค่ะ แม้ว่านายหญิงจะไม่ได้ฝากก็ตาม แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ข้าขอดูแลเรื่องของท่านในวันนี้ให้ครบทุกอย่างเถอะค่ะ

    ลีนเสนอตัวพร้อมๆกับที่นางก้าวเดินตรงไปที่ห้องครัว อ้อ ท่านธาเนียอนุญาตให้ข้าใช้ห้องครัวได้น่ะค่ะ ไม่งั้นข้าคงไม่กล้า ก่อนจะยิ้มแหยให้ชายหนุ่ม หากในตอนนั้น เสียงเคาะประตูก็ขัดให้ทั้งคู่หยุดการกระทำลง ลีนเหลียวไปมองที่มาของเสียง แล้วเสนอความเห็น

    ข้าคิดว่าคงไม่ใช่นายหญิง เพราะถ้าเป็นนายหญิงนางคงไม่เคาะประตูเข้าบ้านตัวเองหรอกค่ะ นางว่าพร้อมๆกับเดินตรงไปที่ประตู เดี๋ยวข้าไปดูให้เองค่ะ

    บานประตูเปิดออก แล้วใครบางคนก็ก้าวเข้ามาเพียงก้าวเดียว ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มท่าทางใจร้อนคือผู้มาเยือน

    เคลไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นคงจะรู้จักเขา ทว่าดวงตาสีมรกตที่มองมาดูเหมือนไม่ค่อยพอใจนิดๆ... ชายแปลกหน้าสนทนากับลีนด้วยเสียงไม่ดังนัก เขาได้ยินเสียงเพียงแว่วๆ ในขณะที่ได้ยินเสียงใสๆของลีนชัดกว่า

    ข้ายังไม่กลับค่ะ...ท่านกลับไปก่อนได้เลย...ค่ะ...เข้าใจแล้ว... ฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าข้าจะไม่กลับไปทานข้าวนะคะ...ค่ะ

    หญิงสาวจบประโยคด้วยรอยยิ้มหวาน ในขณะที่อีกฝ่ายเหมือนจะขมวดคิ้วหน่อยๆ ก่อนเขาจะหมุนกายกลับไปอย่างว่าง่าย

    ลีนปิดประตู หันกลับมาหาเคลแล้วยิ้มอ่อนๆ ขอโทษนะคะ พอดีราเดียสมาตามข้ากลับ... เขาเป็นลูกของเพื่อนท่าแม่ของข้าน่ะค่ะ...แต่ข้ายังไม่กลับจนกว่าจะจัดการเรื่องของท่านเสร็จ แหะๆ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะ ข้าจะรีบเข้าครัวให้เดี๋ยวนี้เลย...

    เคลเลิกคิ้วหน่อยๆแล้วเอนกายพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ แต่ดวงตายังคงจับจ้องร่างโปร่งบางในอาภรณ์สีฟ้าตัวงามย่างก้าวไปในห้องครัว

    นางน่ารักดี...

    ความคิดนั้นทำให้เขายิ้มออกมาอย่างลืมตัว พอๆกับที่สมองสั่งให้เขาลุกขึ้นและเดินตามนางเข้าไปในห้องครัว

    บางทีการที่ธาเนียไม่อยู่นี่...มันก็ดีเหมือนกันนะ เหอะๆๆ

     

    มันเป็นมื้ออาหารที่สุดยอดพอๆกับการได้ร่วมโต๊ะกับธาเนีย...ทั้งอาหารอร่อย ทั้งคนร่วมโต๊ะน่ารักขนาดนี้...ใครที่ได้ลีนเป็นภรรยา จะต้องเป็นคนที่ทั้งโชคดีและมีความสุขมากๆแน่!

    พอแล้วนะครับ ข้าอิ่มจะแย่อยู่แล้ว~”

    ชายหนุ่มเริ่มท้วงอ่อยๆ เมื่อลีนบริการเติมข้าวในจานเขาเป็นรอบที่สาม ไม่พอแค่นั้น นางยังตักอาหารให้เขา รินน้ำให้  และกุลีกุจอแนะนำอาหารมื้อเด็ดของนางให้เขาได้ชิมครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายนางก็หัวเราะคิกอย่างคนที่สนุกกับการได้แกล้งเล็กๆน้อยๆ

    ท่านไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ มื้อนี้ข้าทำเพื่อท่านเลยนะคะ ทานเยอะๆเถอะค่ะ

    เคลเงยหน้ามองลีน...นางนั่งเท้าคางอมยิ้มมีความสุขกับการนั่งจ้องเขาพะอืดพะอม ทั้งอิ่มทั้งจุกจนแทบกลืนไม่ลง แต่พอเห็นดวงตาคู่งามที่กระตือรือร้นกับการเฝ้ารอให้เขาทานอาหารของนางให้หมดแล้ว เคลก็ได้แต่ก้มมองกับอาหารอีกเกือบสองชนิดที่ยังเหลือไม่ถึงครึ่ง อีกสามจานที่ใกล้หมดและผลไม้หั่นชิ้นอีกเล็กน้อย

    เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!...

    มือใหญ่คว้าแก้วกรอกน้ำเข้าปาก เพ่งสมาธิไปยังอาหารทั้งหมดแล้วเฝ้าภาวนาให้มันหายไปอยู่ในท้องเขาได้โดยที่เขาไม่แหวะซะก่อน

    แกร๊ก...

    เสียงประตูเปิด และร่างที่ก้าวเข้ามาก็แทบทำให้เขาทำช้อนส้อมหลุดมือ

    ธาเนียกลับมา!

    เคลลนลานวางช้อนอย่างเร่งร้อน ผลักจานข้าวออกห่าง ร้อนตัวราวกับเขากำลังเป็นชู้กับเมียชาวบ้านแล้วบังเอิญสามีของพวกนางกลับมา

    เอ่อ กลับมาแล้วหรอครับ?”

    ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ

    นายหญิงเพียงพยักหน้าให้คนทั้งสอง แล้วมองเลยไปบนโต๊ะทานอาหาร ก่อนที่นางจะเดินตรงขึ้นบันไดไปชั้นสองโดยไม่หยุดทักทายใดๆ

    เคลแทบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตามนางไป หากว่าลีนจะไม่ชิงลุกขึ้นก่อนแล้วเอ่ยถาม

    ข้าทำอาหารเผื่อท่านด้วยค่ะ จะให้ข้าเก็บไว้สำหรับพรุ่งนี้ไหมคะ?”

    อืม...

    นั่นเป็นเสียงเดียวที่ตอบกลับ แต่ไร้ร่างบางที่น่าจะก้าวลงมาดูเสียหน่อย

    ลีนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันกลับไปมองเคลซึ่งตอนนี้ เขาเองก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ว

    ท่านไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ นายหญิงไม่ได้โกรธอะไรหรอก... นางหย่อนตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ส่งเข้าปากหน้าตาเฉย นางแค่มีอะไรต้องคิด และเราก็ไม่ควรกวนนางในเวลานี้ จริงไหมคะ? เอาเถอะค่ะ เราทานกันต่อเถอะ

    เคลก้มหน้ามองอาหาร แต่จริงๆแล้วเขาก็ไม่รู้ว่ามองอะไรอยู่เช่นกัน สองมือจับช้อนส้อมแกว่งไปมาเบาๆ

    เขาว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องที่ต้องคิด ใช่...เขาเห็นแววตาของนาง มันมีอะไรมากไปกว่านั้น...หรือบางที การประชุมกับลูคัสมันอาจมีมากกว่าการประชุมธรรมดา...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×