คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6
“เอาล่ะ...ทุกท่าน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
เคลคลี่ยิ้มทักทายให้กับบรรดานักรบทั้งหมด 10 คน ซึ่งจะมาเป็นอาสาสมัครให้เขาได้ฝึกฝนให้ ซึ่งครึ่งหนึ่งของนักรบกลุ่มนี้ก็คือคนที่เคยเห็นเขา ‘เก็บ’ คิไมร่าในดาบเดียวนั่นเอง
“ตัวข้าชื่อ เคล อันเซม ได้รับมอบหมายจากนายหญิงให้มาช่วยฝึกพวกเจ้า แต่ไม่ต้องเรียกข้าว่าครูก็ได้ เรียกแค่ชื่อข้าก็พอ เดี๋ยวมันจะฟังดูห่างเหิน”
ชายหนุ่มเหลือบไปมองนายหญิงที่ยืนมองเขาอยู่ห่างๆแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนตัวเขาจะก้าวไปยังแพไม้ขนาดย่อมผูกด้วยเชือกสองเส้นและมีกองหินอยู่เหนือมัน
“เช้าๆอย่างนี้ เรามาออกกำลังกายกันก่อนดีไหม?” เคลแสดงวิธีออกกำลังกายของเขาด้วยการหยิบเชือกขึ้นผูกรอบเอว แล้วเริ่มต้นวอร์มขา “ง่ายๆ แค่เพียงผูกเชือกนี่แล้วไปวิ่งรอบหมู่บ้านสัก 10 รอบ”
ชายหนุ่มแสดงตัวอย่างด้วยการเริ่มออกวิ่งช้าๆ แล้วหันกลับไปมองบรรดานักรบเอลฟ์ที่เริ่มทำตามเขาอย่างพอใจ เคลกระตุกรอยยิ้มหน่อยๆให้กับพวกเขา ก่อนหันไปฉีกยิ้มกว้างเผื่อแผ่แก่นายหญิงของหมู่บ้านอีกครั้ง แล้วเริ่มออกวิ่งจริงๆซะที
หนักชะมัด...
“คราวหลัง...ทำเผื่อข้าด้วยนะ...”
เคลหันไปหาต้นเสียงหวานๆข้างกายอย่างฉงน ธาเนียวิ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่มันก็ไม่ได้ผิดคาดเท่าไหร่ เพราะเขาพอจะอ่านนิสัยนางออกว่า นางคงไม่มีทางเอาเปรียบนักรบของนางด้วยการยืนรอสบายใจเฉิบอย่างเดียวแน่ แต่ที่เขาแปลกใจนั่นคือ ทำไมนางถึงต้องการจะลากไอ้กองหินนี่ต่างหาก
“อ่า ข้าว่าอย่าดีกว่านะครับ เดี๋ยวท่านมีกล้ามแล้วจะหมดสวยเปล่าๆ” ชายหนุ่มบิดเบือนความคิดในใจด้วยประโยคหลังที่บอกนางไป...จริงๆแล้ว กองหินนี่ค่อนข้างหนักมากจนผู้ชายอย่างเขายังรู้สึก แล้วยิ่งนาง...ตัวเล็กๆแทบจะปลิวลมขนาดนี้ มีหวังสะโพกคงเคล็ดไปหลายวันแน่
เพราะฉะนั้นประโยคหลังที่บอกนางออกไป จึงเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้นางคิดว่าเขาดูถูกนาง
“ถ้าเช่นนั้น...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไม่มีสตรีคนใดในหมู่บ้านข้าที่จะมี...กล้าม...อย่างที่เจ้าบอก ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่สามารถสังเกตได้จากข้า...” ดวงตาคู่สวยเบือนจากเส้นทางร่มรื่นด้วยเงาไม้เบื้องหน้าไปมองใบหน้าคมสันที่ค่อนข้างแตกต่างจากลักษณะของชนเผ่าเอลฟ์ด้วยกัน
เขามีดวงตาสีสนิมคม และมีแววของอำนาจฉายชัดในดวงตาคู่นั้น ปีกคิ้วเข้มพาดเฉียงได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ทอดลงสู่ริมฝีปากบางเหยียบตรงที่มักจะส่งยิ้มให้กับนางเสมอๆโดยไม่มีเหตุผล (?)
“เอาเถอะ...” ธาเนียเบือนสายตากลับไปมองเบื้องหน้า...จริงๆแล้ว นางรู้สึกแปลกๆเวลาเขายิ้มให้ มันรู้สึกเหมือน...
หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดแปลกๆของตัวเอง แล้วเร่งฝีเท้าไปกระทั่งเบื้องหลังเหลือเพียงเส้นทางเดินประปรายด้วยต้นหญ้าเล็กๆ ขนาบข้างด้วยต้นไม้สูงใหญ่มอบร่มเงาแสนสบาย
...นางมอบหน้าที่ฝึกนักรบให้กับเคลทุกๆวันเว้นสองวัน แต่กระนั้นแล้วก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่ต้องฝึกไปกับพวกเขา แต่สิ่งที่เคลบอกนางมานั้น ราวกับบอกว่า นางไร้กำลังที่จะฝึก...ราวกับดูถูกนางเสียเหลือเกิน...
ใบไม้สีเขียวเอนไหวราวกับเต้นรำไปตามคลื่นลมอ่อนหวาน นกน้อยส่งเสียงพูดคุย กระต่ายขนปุยสีขาวสองตัวที่กำลังหยอกล้อกัน
ภาพบรรยากาศเคยชินเช่นนี้ จะไม่หลงเหลืออีกต่อไปหากหน้าที่ของนางล้มเหลว...ร่างบางเบี่ยงเส้นทางเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เหม่อมองภาพท้องฟ้าที่สดใสเบื้องบนพร้อมกับห้วงความคิดหนักอึ้ง...
สันติภาพ...อาจได้มาจากคำว่ายอม...แต่หากคำว่ายอมนั้น คือการต้องถูกกดขี่ภายใต้อำนาจแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว การต่อสู้ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ความเดือดร้อนจะเกิดขึ้นอีกหน...สันติ...อาจคืนกลับมา แต่สุดท้ายแล้ว สงครามก็ทิ้งไว้เพียงความสูญเสีย...
ใช่...ไม่มีผู้ใดอยากสูญเสียสิ่งที่ตนรัก...แต่ก็เช่นกัน หากไม่มีการสูญเสียแล้ว เมื่อใด...สันติจึงจะกลับคืนมา
...ใครคนหนึ่งจึงต้องเสียสละ...
หญิงสาวก้มหน้าลง เฝ้ามองมือเรียวของนาง...สองมือคู่นี้ของนางแปดเปื้อนเลือดเกินกว่าจะได้รับการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้า...แต่นางก็ยังต้องทำต่อไป...เพื่อ...ปกป้องอนาคตของหมู่บ้าน...เพื่อ...ปกป้องทุกสิ่งที่เป็นดั่งชีวิตของนาง...
“นี่ ท่านธาเนีย ตำราส่วนใหญ่ของที่นี่น่ะ เขียนด้วยภาษาปัจจุบันหรือเปล่าครับ?”
คำถามนั้นทำให้ธาเนียละสายตาจากตำราที่กำลังอ่าน เพียงเพื่อสบกับดวงตาสีสนิมคู่เดิมฉายแววอ่อนโยนอย่างที่ใครคนหนึ่ง ‘เคย’ ใช้กับนาง...ใครคนหนึ่ง...เมื่อนานมาแล้ว...
“ก็ส่วนใหญ่...” นางกล่าวตอบ ก้มหน้าลงอ่านตำราว่าด้วยกฎเกณฑ์ของหมู่บ้านต่อไป...เคลช่างซัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางรำคาญอะไรหรอก ดีเสียอีก นางจะได้ถือว่าเป็นการตอบแทน ‘หน้าที่’ ที่เคลเต็มใจช่วยนาง
แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของชายหนุ่มที่กำลังครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น “ต้องการอะไรหรือเปล่า?”
คำถามนั้นหลุดออกไปแทบในทันทีที่สายตาของเขาตวัดมองนางด้วยแววตาพราวระยับราวกับเด็กๆ...ทั้งที่ในปกติแล้ว นางแทบไม่เคยเอ่ยปากถามใครเลย...ถามไป...พวกเขาก็ปฏิเสธ
“ข้าคิดว่าข้าคงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน ในที่นี่ ท่านว่าพอจะมีใครบ้างที่เต็มใจสอนภาษาโบราณให้ข้าได้!”
และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้นางปันเวลายามบ่ายเกือบครึ่งหนึ่งในการนั่งสอนตำราเคล...
“ฉะนั้นแล้ว...อักษรตัวนี้จึงไม่ได้หมายความว่า ‘หยุด’ แต่จะมีความหมายตามประโยคต่อเนื่องจากข้างหน้าว่า ‘ไฟ’”
“อืม...”
เคลครางรับในคอ ในขณะที่หัวของเขากำลังเริ่มเบลอกับภาษาโบราณที่มีความหมายสลับไปมาตามแต่รูปประโยค ทั้งการออกเสียงก็ยังต้องถูกต้องตามอักขระของมัน มิเช่นนั้นแล้ว เวทมนตร์ที่ใช้ภาษาโบราณเป็นบทกลอนยาวเหยียดก็จะไม่เกิดอำนาจเต็มที่
วุ่นวายจริงๆ...ชายหนุ่มบ่นในใจอย่างอดไม่ได้
นายหญิงเฝ้ามองลูกศิษย์คนใหม่ของนางที่ทำหน้ายุ่งอย่างเห็นใจหน่อยๆ ภาษาโบราณเป็นสิ่งที่ยากพอควร กระทั่งเหล่าเอลฟ์ที่ผูกพันกับภาษาพวกนั้นมาตั้งแต่เกิด ทั้งยังได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ กว่าจะคล่องแคล่วในการใช้เวทมนตร์แล้วนั้นก็ยังกินเวลานานหลายปี แล้วเคลที่พึ่งมาเรียนเอาตอนนี้...ก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะขมวดคิ้วยุ่ง...
“เอาเถอะ...” หญิงสาวผ่อนลมหายใจ หยิบที่คั่นหนังสือคั่นหน้าที่นางกำลังอ่านอยู่สักครู่ ก่อนจะเงยหน้ามองเคลที่กำลังก้มหน้าก้มตาขมวดคิ้วอ่านตำรา “งั้น ข้า...”
ก๊อก ก๊อก...
เสียงที่ขัดทำให้หญิงสาวชะงักประโยคของนางไว้ และเบนความตั้งใจก่อนย่างเท้าตรงไปยังประตู
เสียงเคาะประตูนั้นก็พลอยส่งผลให้คนที่กำลังตั้งใจอ่านตำราเงยหน้ามองต้นเสียงผ่านตำราที่แสร้งทำเป็นยกขึ้นบังไว้
บานประตูเปิดออก ปรากฏร่างบอบบางของหญิงสาวไม่คุ้นหน้า...
“สวัสดียามเย็นค่ะนายหญิง”
เจ้าของเสียงหวานๆนุ่มๆ คลี่ยิ้มเล็กน้อยให้กับผู้เป็นนายสาว ธาเนียเพียงพยักหน้ารับเฉยชา ตรงข้ามกับเคลที่ราวกับโดนสาป ให้กลายเป็นหินเพราะดวงตาสีมรกตคู่งาม
นางผู้มาเยือนยื่นแผ่นกระดาษให้กับธาเนียขณะที่พวกนางกระซิบพูดอะไรกันสักอย่าง และหลังจากที่หญิงสีเงินอ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้ว นางก็พับมันกลับแล้วยื่นออกไปข้างกาย...บังเกิดเป็นพระเพลิงลุกโชติช่วงผลาญกระดาษแผ่นน้อยมอดไหม้จนเหลือเพียงเถ้าปลิวไปหายไป
แล้วเคลก็ต้องสะดุ้งขึ้นหน่อยๆ เมื่อจู่ๆนางทั้งสองคนก็หันมาทางเขา ธาเนียดูจะเป็นฝ่ายบอกอะไรสักอย่าง เพราะเห็นเอลฟ์สาวคนสวยพยักหน้ารับและส่งยิ้มหวานให้กับเขา ก่อนที่ธาเนียจะเดินตรงออกไปจากบ้านไปพร้อมกับร่างสีเงินไวๆของหมาป่าตัวงาม
ชายหนุ่มลดหนังสือลงวางบนโต๊ะ เพียงเพื่อที่จะได้เพ่งพินิจมองหญิงสาวตรงหน้าที่เดินมานั่งที่เดิมของธาเนียอย่างจงใจ
นางเป็นผู้หญิงที่รูปร่างดีเชียวล่ะ เรือนผมสีทองคำอร่ามยาวหยักศกเป็นคลื่นจรดบั้นท้ายกลมกลึง น่าสัมผัสพอๆกับกลีบปากรูปกระจับเป็นสีชมพูระเรื่อ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...ข้ามีนามว่าลีน สเปลลา”
คำแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มหวานของนางได้คะแนนแรกรู้จักจากเคลไปเต็มๆ...แน่นอนว่าเขายิ้มตอบอย่างเต็มใจ หากเพียงเคลขยับปาก...
“ต้องขออภัยที่มาขัดเวลาของท่านนะคะ แต่ข้าได้รับการไหว้วานจากท่านลูคัสให้นำสารมาให้ท่านนายหญิง ซึ่งตอนนี้ข้าก็ได้รับหน้าที่ใหม่แล้วล่ะค่ะ...”
“อ่าครับ”
ลีนกุลีกุจอหยิบหนังสือเล่มที่ถูกคั่นขึ้นมา กางหน้านั้นออก แล้วเลื่อนไปยังเบื้องหน้าเคลที่เริ่มคาดเดาสิ่งต่อไปได้ “นายหญิงสั่งให้ข้าสอนตำราเบื้องต้นให้ท่าน แต่ข้าก็เป็นเพียงลูกศิษย์ของนางเอง คิดว่าคงจะสอนไม่ดีเท่า แต่ข้าก็จะพยายามให้เต็มที่ค่ะ!”
“เอ้อครับ...”
“เอาล่ะค่ะ เมื่อกี้ถึงไหนนะคะ...อ่า น่าจะตรงนี้นะ งั้นข้าจะเริ่มตรงนี้เลยละกัน!”
เห็นท่าทางจริงจังของนางแล้ว เคลก็ไม่อยากจะขัดสปิริตของนางหรอก หากแต่ความสงสัยก็ทำให้เขาจำต้องขัดนางออกไป
“ว่าแต่เจ้ารู้จักข้าแล้วหรอ?”
คำถามนั้นทำให้เจ้าของดวงตาสีมรกตคู่งามเงยขึ้นจากตำรา แววฉลาดฉายเต็มเปี่ยมในดวงตาสีมรกตภายใต้แพขนตายาวงอนอย่างน่าอิจฉา พร้อมรอยยิ้มหวานแกมเจ้าเล่ห์อย่างน่ารัก
“ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ ไม่รู้จักท่านหรอกค่ะ ท่านเคล อันเซม!”
นางว่า นางอาจจะสอนไม่ดีเท่าธาเนียหรือ? ผิดถนัดเลยล่ะ
เคลเงยหน้าจากตำราเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ยินเสียงหวานๆของลีนบอกว่า ‘วันนี้พอแค่นี้เถอะค่ะ’
เบื้องนอก แสงสีส้มเริ่มกลืนเข้าสู่สีกรมท่า เสียงจักจั่นและนกกลางคืนเริ่มแววให้ได้ยินตามสายลม แต่เหตุที่เขาไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านมานานขนาดนี้นั่นก็คงเพราะทักษะในการสอนของลีนที่ดูเหมือนว่าจะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย และมนตร์ลูกบอลไฟที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของบ้านทำให้ดูราวกับว่า ยังคงอยู่ในช่วงยามเย็นที่มีแดดสีส้มๆ
การสอนของนางทำให้เขาเพลิดเพลินไปกับการเรียนอย่างไม่เคยเป็น ใช่...ถ้าเทียบกับธาเนีย รายนั้นอาจเปรียบเทียบคำสอนกับอะไรใกล้ๆตัว แต่ส่วนใหญ่นางก็เน้นเนื้อหาล้วนๆ ในขณะที่ลีนจะเปรียบเทียบเนื้อหาในตำรากับมุขตลกๆที่เขาไม่เคยได้ยิน และก็เรียนไปคุยไปอย่างผ่อนคลาย
“นี่ก็ค่ำแล้ว ท่านอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”
“หืม?”
“ข้ารับหน้าที่ดูแลมื้อเย็นให้กับท่านด้วยค่ะ แม้ว่านายหญิงจะไม่ได้ฝากก็ตาม แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ข้าขอดูแลเรื่องของท่านในวันนี้ให้ครบทุกอย่างเถอะค่ะ”
ลีนเสนอตัวพร้อมๆกับที่นางก้าวเดินตรงไปที่ห้องครัว “อ้อ ท่านธาเนียอนุญาตให้ข้าใช้ห้องครัวได้น่ะค่ะ ไม่งั้นข้าคงไม่กล้า” ก่อนจะยิ้มแหยให้ชายหนุ่ม หากในตอนนั้น เสียงเคาะประตูก็ขัดให้ทั้งคู่หยุดการกระทำลง ลีนเหลียวไปมองที่มาของเสียง แล้วเสนอความเห็น
“ข้าคิดว่าคงไม่ใช่นายหญิง เพราะถ้าเป็นนายหญิงนางคงไม่เคาะประตูเข้าบ้านตัวเองหรอกค่ะ” นางว่าพร้อมๆกับเดินตรงไปที่ประตู “เดี๋ยวข้าไปดูให้เองค่ะ”
บานประตูเปิดออก แล้วใครบางคนก็ก้าวเข้ามาเพียงก้าวเดียว ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มท่าทางใจร้อนคือผู้มาเยือน
เคลไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นคงจะรู้จักเขา ทว่าดวงตาสีมรกตที่มองมาดูเหมือนไม่ค่อยพอใจนิดๆ... ชายแปลกหน้าสนทนากับลีนด้วยเสียงไม่ดังนัก เขาได้ยินเสียงเพียงแว่วๆ ในขณะที่ได้ยินเสียงใสๆของลีนชัดกว่า
“ข้ายังไม่กลับค่ะ...ท่านกลับไปก่อนได้เลย...ค่ะ...เข้าใจแล้ว... ฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าข้าจะไม่กลับไปทานข้าวนะคะ...ค่ะ”
หญิงสาวจบประโยคด้วยรอยยิ้มหวาน ในขณะที่อีกฝ่ายเหมือนจะขมวดคิ้วหน่อยๆ ก่อนเขาจะหมุนกายกลับไปอย่างว่าง่าย
ลีนปิดประตู หันกลับมาหาเคลแล้วยิ้มอ่อนๆ “ขอโทษนะคะ พอดีราเดียสมาตามข้ากลับ... เขาเป็นลูกของเพื่อนท่าแม่ของข้าน่ะค่ะ...แต่ข้ายังไม่กลับจนกว่าจะจัดการเรื่องของท่านเสร็จ แหะๆ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะ ข้าจะรีบเข้าครัวให้เดี๋ยวนี้เลย...”
เคลเลิกคิ้วหน่อยๆแล้วเอนกายพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ แต่ดวงตายังคงจับจ้องร่างโปร่งบางในอาภรณ์สีฟ้าตัวงามย่างก้าวไปในห้องครัว
นางน่ารักดี...
ความคิดนั้นทำให้เขายิ้มออกมาอย่างลืมตัว พอๆกับที่สมองสั่งให้เขาลุกขึ้นและเดินตามนางเข้าไปในห้องครัว
บางทีการที่ธาเนียไม่อยู่นี่...มันก็ดีเหมือนกันนะ เหอะๆๆ
มันเป็นมื้ออาหารที่สุดยอดพอๆกับการได้ร่วมโต๊ะกับธาเนีย...ทั้งอาหารอร่อย ทั้งคนร่วมโต๊ะน่ารักขนาดนี้...ใครที่ได้ลีนเป็นภรรยา จะต้องเป็นคนที่ทั้งโชคดีและมีความสุขมากๆแน่!
“พอแล้วนะครับ ข้าอิ่มจะแย่อยู่แล้ว~”
ชายหนุ่มเริ่มท้วงอ่อยๆ เมื่อลีนบริการเติมข้าวในจานเขาเป็นรอบที่สาม ไม่พอแค่นั้น นางยังตักอาหารให้เขา รินน้ำให้ และกุลีกุจอแนะนำอาหารมื้อเด็ดของนางให้เขาได้ชิมครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายนางก็หัวเราะคิกอย่างคนที่สนุกกับการได้แกล้งเล็กๆน้อยๆ
“ท่านไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ มื้อนี้ข้าทำเพื่อท่านเลยนะคะ ทานเยอะๆเถอะค่ะ”
เคลเงยหน้ามองลีน...นางนั่งเท้าคางอมยิ้มมีความสุขกับการนั่งจ้องเขาพะอืดพะอม ทั้งอิ่มทั้งจุกจนแทบกลืนไม่ลง แต่พอเห็นดวงตาคู่งามที่กระตือรือร้นกับการเฝ้ารอให้เขาทานอาหารของนางให้หมดแล้ว เคลก็ได้แต่ก้มมองกับอาหารอีกเกือบสองชนิดที่ยังเหลือไม่ถึงครึ่ง อีกสามจานที่ใกล้หมดและผลไม้หั่นชิ้นอีกเล็กน้อย
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!...
มือใหญ่คว้าแก้วกรอกน้ำเข้าปาก เพ่งสมาธิไปยังอาหารทั้งหมดแล้วเฝ้าภาวนาให้มันหายไปอยู่ในท้องเขาได้โดยที่เขาไม่แหวะซะก่อน
แกร๊ก...
เสียงประตูเปิด และร่างที่ก้าวเข้ามาก็แทบทำให้เขาทำช้อนส้อมหลุดมือ
ธาเนียกลับมา!
เคลลนลานวางช้อนอย่างเร่งร้อน ผลักจานข้าวออกห่าง ร้อนตัวราวกับเขากำลังเป็นชู้กับเมียชาวบ้านแล้วบังเอิญสามีของพวกนางกลับมา
“เอ่อ กลับมาแล้วหรอครับ?”
“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ”
นายหญิงเพียงพยักหน้าให้คนทั้งสอง แล้วมองเลยไปบนโต๊ะทานอาหาร ก่อนที่นางจะเดินตรงขึ้นบันไดไปชั้นสองโดยไม่หยุดทักทายใดๆ
เคลแทบลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตามนางไป หากว่าลีนจะไม่ชิงลุกขึ้นก่อนแล้วเอ่ยถาม
“ข้าทำอาหารเผื่อท่านด้วยค่ะ จะให้ข้าเก็บไว้สำหรับพรุ่งนี้ไหมคะ?”
“อืม...”
นั่นเป็นเสียงเดียวที่ตอบกลับ แต่ไร้ร่างบางที่น่าจะก้าวลงมาดูเสียหน่อย
ลีนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันกลับไปมองเคลซึ่งตอนนี้ เขาเองก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ว
“ท่านไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ นายหญิงไม่ได้โกรธอะไรหรอก...” นางหย่อนตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ส่งเข้าปากหน้าตาเฉย “นางแค่มีอะไรต้องคิด และเราก็ไม่ควรกวนนางในเวลานี้ จริงไหมคะ? เอาเถอะค่ะ เราทานกันต่อเถอะ”
เคลก้มหน้ามองอาหาร แต่จริงๆแล้วเขาก็ไม่รู้ว่ามองอะไรอยู่เช่นกัน สองมือจับช้อนส้อมแกว่งไปมาเบาๆ
เขาว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องที่ต้องคิด ใช่...เขาเห็นแววตาของนาง มันมีอะไรมากไปกว่านั้น...หรือบางที การประชุมกับลูคัสมันอาจมีมากกว่าการประชุมธรรมดา...
ความคิดเห็น