ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blood Rush

    ลำดับตอนที่ #3 : สหายเก่า

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 51


    Chapter 2

    : สหายเก่า

     

    ตึง!!!

    ร่างใหญ่ล้มลงเป็นร่างแรก ตามด้วยลูกน้องที่เหลืออีกทั้งหมดกองลงกับพื้นในสภาพไม่ต่างกัน...

    เฮ้อ...น่าเบื่อจริง เอเฟียถอนใจเฮือกใหญ่ ผิดหวังเพราะไม่คิดว่าเจ้าพวกนี่จะไร้ฝีมือขนาดนี้ หญิงสาวสะบัดดาบที่เปื้อนเลือดออกพอเป็นพิธีแล้วเดินไปหยุดยืนหน้าหัวโจกตัวใหญ่ มือเรียวเท้าเอว ใช้เท้าเขี่ยๆคนที่นอนร้องโอดครวญอย่างกับเด็กผู้หญิง

    ให้ตายสิ พวกเจ้าเก่งที่สุดในสนามประลองนี่แล้วหรือไงกันฮะ ถ้าเจ๋งจริงก็ลุกขึ้นมาสิ เอาแต่ร้องอย่างกับเด็ก ทุเรศจริงๆเล้ย!”

    นางโคลงหน้าระอาใจ เมื่อเห็นว่าไอ้เจ้ายักษ์นี่จะไม่พูดอย่างอื่นนอกจากร้อง จมูกข้า ดั้งข้า!” เลยเลิกสนใจมันและหันไปหาลูกน้องคนอื่นๆของมันแทน...แต่สภาพของเจ้าพวกที่เหลือก็ไม่ต่างกับหัวหน้ามันนัก

    เวรกรรม เวรกรรม...แล้วทีนี้จะมีใครเป็นคู่มือข้าอีกไหมล่ะเนี่ย!?”

    หญิงสาวแผดเสียงลั่นราวกับสัตว์บาดเจ็บ ผิดกับมาดสาวน้อยผู้ไร้เดียงสาเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิงราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้า...

    แต่นางก็นึกขึ้นได้ เมื่อเหลียวกลับไปมองด้านหลัง ผู้หญิงกับผู้ชายท่าทางเก่งน่าดูที่เคยเฝ้ามองนางเมื่อกี้ แต่พวกเขาก็หายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว...ช่างเถอะ

    และด้วยความหวังที่เหลืออยู่น้อยนิด นางเหลียวมองหาคนอื่นที่ท่าทางน่าจะมีฝีมือจริงๆ...แล้วนางก็คิดไม่ผิด เมื่อชายหนุ่ม (หน้าตาค่อนข้างดี) สามคนที่เฝ้ามองนางต่อสู้เมื่อกี้ยิ้มให้นางอย่างชื่นชมแต่นิ้วชี้ที่กระดิกท้าทายนั่นก็ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มยวนท้าทายกลับไป

    วันนี้ท่าทางจะไม่น่าเบื่อแล้ว...

     

    เฮ้อ ได้ออกแรงแล้วสบายจริงๆๆ

    ไรเด็นน้อยที่บัดนี้ถูกปลดพันธนาการที่ทำให้มันไม่ต่างไปจากหมาบ้านธรรมดาเหลียวมองคนข้างกายแล้วบ่นงึมงำ

    นิสัยกรรมกรจริงๆด้วยแฮะ...

    โป๊ก!!

    ข้าได้ยินนะ ไอ้เตี้ย!”

    เอเฟียแยกเขี้ยวใส่เจ้าตัวเล็กที่ต้องสูดปากเพราะพิษมะเหงกอย่างหมั่นไส้ เดี๋ยวเถอะๆ สักวันเจ้าจะตายเพราะปาก

    เรื่องของข้าน่า... ไรเด็นน้อยครางโอย สะบัดหัวไปมาไล่อาการเจ็บ เดินตามเอเฟียที่กำลังจะไปเอาดาบที่ล็อกเกอร์ ทว่า...

    เฮ้ย!!! ดาบของข้าหายไปไหน!?”

    ไรเด็นน้อยเงยหน้ามองเจ้าตัวที่โวยวายลั่นอย่างรำคาญ เบาๆหน่อยสิ  มีกันอยู่แค่นี้จะแหกปากทำไมเนี่ย

    ก็ดาบของข้าหายไป!!”

    เอเฟียกวาดสายตาทั่วห้อง วิ่งวุ่นหาดาบอย่างใจหาย

    มันไม่อยู่จริงๆนะ!!”

    วูบหนึ่งที่นางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หากมันก็หายวับไปโดยเร็วและกลายเป็นอาการเกรี้ยวกราดเดือดดาลแทบในวินาทีนั้น

    หญิงสาววิ่งพรวดออกไปนอกห้องเก็บอุปกรณ์โดยเร็ว และมีเป้าหมายอยู่ที่ทางออกของอารีนา

    ปึง!!

    พนักงานคุมทางออกสะดุ้งเฮือกด้วยฝ่ามือเล็กๆที่กระแทกลงเต็มแรงกับโต๊ะไม้จนเกิดเสียงดังจนน่าตกใจ

    ดวงตาสีน้ำตาลเอาเรื่องจับจ้องที่พนักงานหนุ่มหน้าตาดี แต่นางไม่สนใจมันแล้ว...

    ดาบของข้าหายไป!!!”

    เจ้าพนักงานหนุ่มยังคงอึ้งอยู่พักหนึ่ง และเมื่อสติของเขากลับมา ชายหนุ่มก็ทำท่าทางขึงขังเป็นกังวลในทันที

    ท่านหาดีแล้วหรือยังขอรับ?”

    หาดีแล้วสิ! ไม่งั้นคงไม่มาแถวนี้หรอก สาวผมแดงแทบตะคอกกลับด้วยความหงุดหงิดกลุ้มใจ แต่อุ้งเท้าเล็กๆของไรเด็นที่สะกิดให้นางใจเย็นก็พลอยทำให้หญิงสาวลดอาการลงได้บ้าง เอเฟียสูดลมหายใจลึกสองสามครั้งแล้วเริ่มอธิบายช้าๆ

    ข้าเข้าลานประลองเมื่อหกชั่วโมงที่แล้ว และพอกลับออกมา ดาบข้าก็หายไป เจ้าเห็นใครถือออกมาไหม? ดาบที่ยาวประมาณ 3 ฟุต 8 นิ้ว ฝักดาบสีดำสนิทมีผ้าสีแดงผูกใกล้ๆปลายฝัก

    พนักงานหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่เขาก็ส่ายหน้า ไม่เห็นเลยขอรับ

    ปัทโธ่!”

    เอเฟียพ่นลมหายใจหงุดหงิด ทั้งร้อนใจทั้งตื่นตระหนก

    ทำไงดีละทีนี้...

    พนักงานมองสีหน้าเป็นกังวลของลูกค้าอย่างลำบากใจ

    เอางี้นะขอรับ คุณผู้หญิงช่วยเขียนที่อยู่ติดต่อได้ให้ทางเราด้วย หากเราหาพบหรือเจอเบาะแสจะติดต่อไป

    สาวผมแดงกัดริมฝีปากแน่น อยากจะด่ากับความสะเพร่าของพนักงานที่นี่เหลือเกิน แต่นางก็รู้ว่ามันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นแน่ๆ ดีไม่ดีนอกจากจะโดนหมั่นไส้แล้ว พวกพนักงานก็อาจไม่ช่วยหาให้อีกก็ได้

    คิดเช่นนั้นแล้ว เอเฟียก็ได้แต่จำใจปั้นยิ้มฝืดเคืองแล้วเขียนที่อยู่ของโรงแรมและเบอร์ห้องของนางไว้ ก่อนเดินออกจากอารีน่าอย่างหดหู่ใจ

    ไรเด็นน้อยชำเลืองมองนายสาวกับหางตา เห็นท่าทางห่อเหี่ยวของนางแล้วก็เริ่มสงสารขึ้นมาหน่อยๆ อย่างน้อยเอเฟียก็รักดาบนั่นพอๆกับชีวิต และเหล้า (?) ของนางเลย

    แต่ก็เพียงแปบเดียวเท่านั้นล่ะ...

    โอ๊ยยย!!! ไอ้พวกพนักงานเฮงซวย ไม่ดูของของลูกค้าเล้ย!!! แล้วก็ไอ้พวกขี้ขโมยทั้งหลาย อย่าให้เจอนะ แม่จะเอาให้เละเลย!!!”

    ไรเด็นน้อยเปลี่ยนความคิดในพริบตา

    ไม่น่าสงสารยายนี่เลย...

    หากพลัน ดวงตาสีอำพันคู่งามก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง...

    ด้ามดาบคุ้นตากับชายผ้าสีแดงแวบๆในห่อผ้าของผู้ชายเถื่อนๆห้าคน แม้จะเป็นข้อสันนิษฐานอันริบหรี่แต่ไรเด็นน้อยก็เลือกที่จะลองมัน

    ขาหน้าสะกิดขาของนายสาวโดยไว สาวผมแดงชะงักฝีเท้าก้มมองสหายสัตว์เลี้ยงของนาง และพอเห็นมันเบือนหน้าไปในซอยแคบๆที่มีเด็กหนุ่มห้าคนเดินเอื่อยเฉื่อยพร้อมกับห่อผ้าสีขาว แต่สิ่งที่โผล่พ้นผ้าออกมาก็ทำให้นางเบิกตาโพลง

    ดาบข้า!!”

     ร่างบางวิ่งพรวดฝ่าฝูงคนกลางตลาดใหญ่อย่างไม่สนใจสิ่งใดอีก แต่ไม่เกินความสามารถของเจ้าไรเด็นน้อยที่ต้องวิ่งไล่ตามอย่างนี้

    ฮ่าฮ่าฮ่า ดาบดีว่ะ แบบนี้น่าจะขายได้แพงโขหน่อย

    ชายผมดำผู้ถือดาบราคาแพงยิ้มกริ่มขณะก้มมองดูดาบในมือด้วยความพอใจ

    ข้าก็ว่างั้นล่ะ ผู้หญิงสวยๆคนนั้นดันมีของราคาแพงแบบนี้ แสดงว่าที่บ้านน่าจะรวย ทำไมเจ้าไม่ลองจีบดูวะ แล้วค่อยๆไถเงินยายนั่น เขาว่าผู้หญิงสวยมักจะโง่นี่หว่า ฮ่าฮ่า

    ชายร่างใหญ่อีกคนแสดงความเห็นที่แสนจะดี

    เออ นั่นสิวะ ข้าก็หน้าตาออกจะหล่อ เดี๋ยวลองไปดักรอยายนั่นดีกว่า นอกจากจะได้เงินก็ยังได้แม่นั่นอีก น่าสนๆ ไว้ข้าได้ฟันแม่นั่นเมื่อไหร่จะเรียกพวกเจ้ามาสนุกด้วย!” ก่อนที่ทั้งกลุ่มจะหัวเราะลั่นซอยด้วยความคิดสุดเลิศนั่น

    หารู้ไม่ว่าผู้หญิงที่เป็นเจ้าของดาบ ถูกหาว่าโง่ และอาจจะถูก ฟัน เดินตามห้าหนุ่มนั่นด้วยสายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ

    หนอย... หาว่าข้าโง่รึ!! แล้วนั่นก็หน้าตาดีตายล่ะ ให้ตายข้าก็ไม่มีวันเลือกเจ้าแน่ๆ!! แล้วคิดจะฟันข้าหรือ อีกสิบชาติก็ไม่มีวัน!!!

    แล้วมาขโมยของใครไม่ขโมย...ขโมยเอเฟียคนนี้ พวกเจ้าคิดผิดมหันต์แล้ว!!

    ไวเท่าความคิด!

    เฮ้

    ปากร้องเรียกเพียงเพื่อให้อีกฝ่ายหันขวับกลับมา และเพียงแค่ไอ้เจ้าคนที่ถือดาบหันมา กำปั้นลุ่นๆก็กระแทกใส่ดั้งแบนๆเต็มรัก!

    ผัวะ!!!

    โครม!!!!

    เฮ้ย!!”

    เสียงร้องอุทานดังขึ้นแทบจะในวินาทีเดียวกับที่ชายผมดำนั่นล้มลงไปนอนหงายกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลพรวดจากปลายจมูก ก่อนเสียงร้องโอดครวญแสนทุเรศจะดังตามมา

    เอเฟียเหลือบตาลงมองผลงานด้วยรอยยิ้มสะใจพร้อมกับเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ มือซ้ายลูบกำปั้นขวาที่แดงระเรื่อขึ้นมา

    อีกสี่คนที่เหลือเบิกตากว้างค้างมองสหายที่ลงไปนอนกับพื้นด้วยหมัดเพียงหมัดเดียวของผู้หญิงอย่างอึ้งทึ่ง แต่วินาทีต่อมามันก็กลายเป็นความโกรธฉุนเฉียว

    ชายร่างใหญ่หันขวับกลับมา ยกนิ้วกลางด่าผู้หญิงอย่างน่าสมเพช

    ยายบ้าเอ้ย ทำอะไรของเจ้า อยากโดนโทรมนักใช่มั้ย! พวกเราลุยเว้ย

    คิ้วเรียวสีแดงเลิกขึ้นน้อยๆกับสิ่งที่ผู้ชายตัวใหญ่ๆสี่คนกำลังจะทำนาง...กระตุกยิ้มมุมปาก หยัน

    หมัดแรกพุ่งตรงมา เอเฟียเพียงเบี่ยงตัวหลบแล้วสวนหมัดขวาฮุคกลับไปกลางลำตัวจนอีกฝ่ายลงไปคู้กับพื้น ตามด้วยหมัดที่สองและสามใส่อีกสองคนจนพวกมันลงไปนอนเลือดกบปาก

    ส่วนไอ้เจ้าคนสุดท้าย มันกัดฟันกรอด มองดูเพื่อนที่แพ้อย่างง่ายดาย แล้วคว้าเอาดาบเรียวที่พึ่งขโมยมาไม่ถึงชั่วยามออกจากฝัก วิ่งเข้าไปฟันตรงๆด้วยกิริยาของคนที่ไม่เคยใช้ดาบ

    เอเฟียถอนใจเฮือก นางวิ่งพุ่งสวนมัน ฉากหลบอย่างรวดเร็ว ก่อนหมุนกายตีลังกาเหวี่ยงขาเตะใส่ข้อมือขวาจนดาบของนางลอยขึ้นในอากาศ และคว้ามันโดยเร็ว

    ปลายดาบเรียวคมวาวจ่อปลายจมูกของชายร่างผอมบางท่าทางขี้โรค...

    ดาบน่ะ ถ้าจะใช้เขาใช้กันอย่างนี้...

    มือเรียวสะบัดเบาๆ หยดเลือดก็ซึมขึ้นจากรอยจางๆที่ลากผ่านตั้งแต่แก้มซ้ายผ่านจมูกไปถึงแก้มขวา

    มันชะงัก แต่วินาทีต่อมาก็แผดเสียงร้องลั่นยิ่งกว่าโดนเชือดคอ

    อ๊าก!!!! หน้าข้า! หน้าข้าถูกกรีด เจ็บโว้ยยย!!!!!!”

    กลับกลายเป็นเอเฟียที่เป็นฝ่ายอึ้งแทน นางแทบอ้าปากค้างเมื่อเห็นผู้ชายร้องเสียงหลงยิ่งกว่าผู้หญิง ก่อนที่มันจะวิ่งพรวดหนีไป ทิ้งเพื่อนๆให้นอนคุดคู้อยู่บนพื้น ครางแทบไม่เป็นภาษา

    เหอะ! มีฝีมือแค่นี้ คราวหลังอย่าริอาจเป็นขโมยเลย ทุเรศแทนแฮะนางบ่นเนือยๆ เดินไปหยิบฝักดาบขึ้นมา โถ ลูกแม่ ไปอยู่ในอุ้งมือมารตั้งนาน หมองหมดเลย เช็ดปัดฝุ่นด้วยความทะนุถนอมจนไรเด็นน้อยที่ยืนรอไกลๆยังแบะปากสยดสยอง

    อยากจะบอกยายเอเฟียเหลือเกินว่า...เจ้าน่ะ ยิ่งกว่ามารเสียอีก!

    เอเฟียสะบัดเชิดหน้าเก็บดาบเป็นจังหวะเดียวกับที่นางเห็นไรเด็นน้อยแบะปากแหยอยู่ คิ้วเรียวกระตุกขมวดในทันที แต่แปบเดียวก็คลายออกอย่างน่าอัศจรรย์จนเจ้าไรเด็นน้อยที่กำลังเตรียมหนี

    ไม่เป็นไรๆ วันนี้ข้าไม่ถือ ไปๆไอเตี้ย กลับห้องพวกเรากัน ฮ่าฮ่า ได้ดาบคืนค่อยอารมณ์ดีหน่อย

    ดวงตาสีอำพันเลยมองตามร่างโปร่งบางที่เดินหัวเราะไปอย่างกับคนบ้าด้วยแววตาอึ้งทึ่ง

    ...พรุ่งนี้พายุคงเข้า...

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

    สาวผมแดงพลิกกายบนเตียงนุ่มอย่างหงุดหงิดใจ ยิ่งต้องหลบแสงแดดยามเที่ยงที่ลอดผ่านม่านหนาหนักมาแยงตาแล้วยังจะเสียงเคาะประตูกวนใจอีก

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

    โอย...รำคาญวุ้ย!”

    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

    ราชันน้อยผงกหัวขึ้นหลังจากตื่นนอนเพราะเสียงเคาะประตูครั้งแรกแล้วเหลียวไปที่ประตู เอเฟีย ไปเปิดหน่อยเถอะ ข้ารำคาญเสียงเคาะชะมัด

    เอเฟียผู้ถูกเบียดเบียนเวลานอนอันแสนสุขจึงได้แต่สบถพึมพำกับหมอนนุ่ม ก่อนขยับกายลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูทั้งที่ยังงัวเงียเช่นนั้น

    มือเรียวปลดกลอนประตู แต่ยังคล้องโซ่เช่นนั้น ก่อนดึงบานประตูเข้ามาแล้วโผล่หน้าไปเล็กน้อย

    มาหาใคร?”

    ดวงตาสีน้ำตาลคู่งามหรี่ลงน้อยๆเมื่อพบว่าอีกฝ่ายคือสันติบาลสี่คนที่มาเยี่ยมนาง

    เราขอแจ้งจับท่านในข้อหาทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา!”

     

    และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เอเฟียจำต้องมานั่งหน้าบอกบุญไม่รับในสถานที่ทำการของสันติบาล

    ไรเด็นน้อยมองไปยังนายสาวที่กำลังแผ่รังสีอำมหิตรุนแรงเสียจนไม่มีสันติบาลคนไหนกล้าเข้าใกล้อย่างเห็นใจหน่อยๆ...ก็แน่ล่ะสิ เมื่อวานนางพึ่งโดนขโมยดาบ พอไปเอาคืนแถมสั่งสอนอีกนิดๆหน่อยๆดันโดนแจ้งความซะงั้น พอจะชี้แจงก็ดันไม่มีสันติบาลหน้าไหนกล้าเข้าใกล้อีก...เฮ้อ...

    นี่นางก็นั่งรอมาตั้งเสี้ยวยามแล้ว ดูสีหน้าดุเดือดขนาดนั้นอีกไม่นานคงระเบิด

    เฮ้!! ไม่มีสันติบาลหน้าไหนกล้าเข้ามาฟังคำชี้แจงของข้าเลยหรือไง!!!”

    นั่นล่ะ...สันติบาลคงกลัวโดนเจ้ากัด... ไรเด็นน้อยคิดอย่างปลงๆ

    เอเฟียกัดฟันกรอด พาดขาขวาไขว้เหนือขวาซ้าย มือเรียวขัดกอดอก... นางต้องมารออย่างนี้ตั้งนานแล้วยังถูกยึดอาวุธไปอีก หงุดหงิดโว้ย!! อย่าให้เจอไอ้คนที่มาแจ้งความนางนะ แม่จะจับฆ่าหมกป่าซะนี่!!

    พลัน หูที่ไวต่อเสียงแปลกปลอมก็แว่วบทสนทนาที่กำลังจะมาปลดปล่อยนาง สาวผมแดงเอียงหน้าให้ใกล้ประตูที่อยู่บานถัดไปให้มากที่สุดเท่าที่นางซึ่งถูกสั่งให้นั่งที่เก้าอี้ตัวนี้มาเนิ่นนานจะทำได้

    อะไรนะ?... ผู้หญิงมีปัญหา? จัดการไม่ได้ อะไรกัน แค่ผู้หญิงคนเดียว...หือ ท่าทางเหมือนฆาตกรด้วย!? อืมๆ เข้าใจล่ะ ข้าจัดการเอง...

    ร่างบางลุกพรวดอย่างแรงจนเก้าอี้หงายหลังล้มโครมเป็นเป้าสายตาของทุกคนในที่นั้น แทบจะถลันวิ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้สันติบาลคนไหนที่มันบอกว่านางเหมือนฆาตกรมาชกซักหมัด!

    บังอาจไปแล้วนะ!!

    ประตูไม้เปิดออก ก่อนร่างสูงใหญ่สะดุดตาในชุดเกราะเงินวาวจะก้าวนำออกมา

    ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง...

    รอส!!”

    ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยหันขวับแทบในทันทีที่เสียงร้องนั้นแผดขึ้น ดวงตาสีควันบุหรี่ก็เบิกขึ้นพอๆกัน

    เอเฟีย??”

    ร่างระหงสาวเท้าก้าวฉับๆเข้าไปหา เหยื่อ ในทันที สองมือตวัดเท้าเอวบางเมื่อไปหยุดหน้าร่างสูงใหญ่ที่นางว่าสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปยังสูงแค่ไหล่ของเขา ปากพูดกับชายหนุ่มตรงหน้าแต่ดวงตาเพ่งเขม็งยังสันติบาลที่เดินตามหลังเขาออกมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    เฮ้ รอส ข้าแว่วๆว่าข้าเป็นฆาตกรนะ

    สันติบาลหนุ่มสะดุ้งโหยง หลบสายตาโดยการกระเถิบตัวเองไปยืนหลังรอสแล้วบ่นงึมงำไม่ได้ศัพท์

    เหอะ!” หญิงสาวกระแทกเสียง ก่อนตวัดตาไปหาหนุ่มตาสีเทาคนเดิม

    ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่เลย นายทหารระดับแม่ทัพอย่างเจ้ามาทำอะไรที่เมืองเกือบชายแดนแถมยังอยู่ในที่ทำการของพวกสันติบาลอีกล่ะ

    อีกฝ่ายแบมือยักไหล่ ไม่มีไรมาก พอดีต้องมาติดต่องานน่ะ เออ เขาพูดเหมือนนึกขึ้นได้ คิ้วเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวก็ขมวดเข้าหากัน เจ้าโดนแจ้งจับข้อหาทำร้ายร่างกายนี่

    นั่นล่ะ เพียงประโยคเดียว...เหมือนกองไฟที่ใกล้จะมอดแล้วดันมีน้ำมันราดเข้าไปอีกถังใหญ่ๆ

    ดวงตาสีน้ำตาลลุกวาวอาฆาต

    งี่เง่าที่สุด!” นางแทบจะตะคอกใส่หน้ารอสด้วยซ้ำ... ถ้าไม่ติดที่ว่าเขาเป็นเพื่อนเก่าของนางละก็นะ แจ้งจับมาได้นะ ข้อหาสั่วๆแบบนั้นน่ะ! เจ้าพวกสันติบาลงี่เง่าเอ้ย!!!”

    ขนาดไม่ตะคอกใส่หน้า รอสก็ยังอดสะดุ้งโหยงไม่ได้

    หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างดุเดือด หักนิ้วดังกรอบแกรบน่าขนลุก พวกมันมาขโมยดาบของข้าไปตอนที่ข้าเข้าลานประลองไม่พอ พอข้าไปเอาคืนมาก็เข้ามารุมข้า ข้าผิดหรือไงที่ป้องกันตัวน่ะ ฮะ! ตอบข้าซิ รอส

    ไม่ผิดหรอก... เขาก็ว่าเสียงอ่อยๆ พยายามโบกมือลงให้นางใจเย็น แต่เจ้าใช้อาวุธทำร้ายเขา...

    ฮะ!!!!”

    คราวนี้เสียงหวานแผดลั่นที่ทำการจริงๆ แหลมแสบแก้วหูจนรอสยังต้องรีบยกมือปิดหูโดยไว

    เจ้าพวกงี่เง่าเอ้ย!!! มันไม่ได้บอกล่ะสิว่ามันชักดาบข้าออกมา แล้ววิ่งเข้ามาแทงข้าน่ะ เจ้าบ้าเอ้ย!!”

    เอเฟียแยกเขี้ยวขาวเกรี้ยวกราดถึงที่สุด นางสะบัดหน้า กระแทกเท้าเดินไปหยิบดาบของนางที่สันติบาลนายหนึ่งยึดไว้ สันติบาลกลางคนสะดุ้งเฮือกแทบยื่นดาบคืนให้นางไม่ทัน

    สาวผมแดงคว้าดาบคืนมา ไป ไอ้เตี้ย ไปล้างแค้นกัน!” นางส่งเสียงอาฆาต ก่อนวิ่งพรวดออกไป ตามติดๆด้วยเจ้าไรเด็นน้อยที่ทำได้เพียงแค่โค้งหัวทักทายรอสได้อย่างเดียว

    นาง ชิ่งเร็วเกินกว่าที่สันติบาลนับสิบชีวิตนี่นั้นซึ่งกลายเป็นหินเพราะพลังเสียงแปดหลอดจะทันรู้ตัว แต่เมื่อพวกเขากำลังจะวิ่งไล่ตามออกไป มือใหญ่ของแม่ทัพหนุ่มก็กั้นพวกเขาไว้อย่างรวดเร็ว

    ไม่มีประโยชน์หรอก รอสพูดยิ้มๆ มองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งหายไปในฝูงชนอย่างขำๆ ก่อนหันกลับไปหาสันติบาลที่ร้องถามด้วยความสงสัย

    ท่านแม่ทัพปล่อยนางไปทำไมขอรับ? นางมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นนะขอรับ แถมเมื่อกี้ยังพึ่งตะคอกใส่หน้าท่านด้วย...ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่มีมารยาทจริงๆ

    ประโยคหลังคือคำตำหนิที่ผู้ถูกตำหนิไม่มีวันได้ยินแน่ๆ

    แต่สิ่งที่แม่ทัพหนุ่มคือการระเบิดเสียงหัวเราะขบขัน แทนที่จะโกรธที่เพื่อนของเขาถูกตำหนิเช่นนั้น

    ฮ่าฮ่า นั่นล่ะเอเฟียตัวจริงล่ะ เขาว่า ก่อนยักไหล่เฉื่อยๆ ก้าวเดินลงบันไดไป

    ถึงนางจะรักการต่อสู้ก็จริงนะ แต่นางไม่มีวันทำร้ายผู้อื่นก่อนหรอก เวลาแค่ 2 ปีที่ไม่ได้เจอกันไม่ทำให้นิสัยของนางเปลี่ยนไปแน่ๆ... ถ้าเมื่อกี้ไม่โวยวายจริงๆละก็ นั่นล่ะ นางเปลี่ยนไปแล้ว...หึหึ

    สายตางุนงงของเหล่าสันติบาลคือคำตอบอย่างดี

    ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวข้าไปคุมนางเองเขาเดินตรงไปยังม้าสีน้ำตาลดำของเขาที่เจ้าพนักงานนำบังเหียนมาส่งให้ ตวัดขาขึ้นไปนั่งอย่างองอาจ ชายหนุ่มกระตุกบังเหียนเบาๆ อาชาหนุ่มก็เลี้ยวออกไปจากที่ทำการ แต่ทว่ามันก็หยุดฝีเท้าด้วยแรงกระตุกจากเจ้านายบนหลังของมัน

    อ้อ ข้าลืมบอกไปอย่างนะ รอสหันไปยิ้มกับเหล่าสันติบาลผู้ตกอยู่ในสภาวะสับสนขั้นรุนแรงอีกครั้ง คลี่ยิ้มสบายๆให้ แต่ประโยคที่ดังต่อมากลับทำให้เหล่าสันติบาลหน้าถอดสีในพริบตา

    ถ้าเอเฟียต้องการล่ะก็... สันติบาลไม่กี่คนในที่ทำการนี่น่ะ หยุดนางไม่ได้หรอก ต่อให้นางมือเปล่าก็ตามเถอะ หึหึ

    แม่ทัพหนุ่มทิ้งท้าย ก่อนควบม้าไล่ตามร่างเพรียวลมแต่เรี่ยวแรงมหาศาลไปอย่างรวดเร็ว...

    เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน... ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้วจริงๆเลยน้า ยายเอเฟีย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×