ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Elven Spirit

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 51


    สายลมที่ค่อนข้างหนาวพัดต้องกายจนสั่นสะท้าน หากไออุ่นจากบางอย่างก็ทำให้สามารถทานทนต่อสายลมหนาวนั้นได้ เสียงเนื้อไม้ดังเปรี๊ยะปร๊ะจากการที่ถูกพระเพลิงกัดกิน...เสียงวิหคยามราตรีขับขานแว่วหวาน...เสียงคลื่นซัดสาดกระทบฝั่งเป็นจังหวะไพเราะดุจเสียงบรรเลงบทเพลงจากธรรมชาติขับกล่อม...ผ่อนคลายและสงบสุข...จนนางค่อยๆจมสู่ห้วงนิทราอีกครา...

    เสียงคลื่น...?

    เรียวคิ้วบางขมวดมุ่นทั้งยังหลับตา บางอย่างบอกว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้อง...ร่างบางนิ่งงันสับสน และวินาทีต่อมาหญิงสาวก็ทะลึ่งตัวพรวดพราดขึ้นนั่งอย่างตกใจ

    สิ่งแรกที่นางพบคือร่างสูงที่นั่งขัดสมาธิหลังตรงมองตรงไปเบื้องหน้า กองไฟขนาดย่อมไม่ใกล้ไม่ไกลจากนางนักทอดแสงเป็นเงากระทบเสี้ยวหน้าคมสัน จนในยามนี้...เขามิผิดแผกจากประติมากรรมสำริดของนักรบแกร่งกล้าผู้มีรูปลักษณ์เป็นสมบัติชิ้นเลิศ

    ตื่นแล้วหรอครับ?” น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยต่อนางทั้งที่ยังมิได้หันหน้ามา แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้สองแก้มร้อนผ่าวขึ้นจากภาพตรงหน้าและน้ำเสียงอบอุ่นเช่นนั้น หญิงสาวรับคำงึมงำแล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่นทำทีเป็นสำรวจรอบกายเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าในยามนี้นางแปลกไป...

    เบื้องขวาของนางคือแนวป่าไม่ทึบเหมือนก่อนหน้านี้ กิ่งไม้พัดโบกตามแรงลมกระทบจนดูราวกับเงาของภูตผีปีศาจหลอกหลอน หากอีกฝั่งคือภาพของทะเลสาบงดงามที่มีฉากหลังเป็นแนวเขาใหญ่ทะมึนมั่นคง...ไม่สิ...รอบๆที่แห่งนี้คือแนวภูเขาที่รายล้อมเป็นวงกลม...เหมือนปากปล่องภูเขา...?

    ทะเลสาบแสงจันทร์...?”

    ธาเนียเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง เหตุใดกันเล่า ก่อนที่นางจะเพลียจนหลับไปนั้นนางยังอยู่ในป่ามิใช่หรือ? แล้วอีกอย่าง ที่ที่นางอยู่ในตอนนี้ก็ห่างจากที่เดิมนั้นมากอยู่เหมือนกัน หากมาด้วยการเดินธรรมดาก็น่าจะใช้เวลา 1 2 วัน แต่เคลรู้จักที่นี่ได้อย่างไร?

    เคลมองท่าทางงุนงงของอีกฝ่ายอย่างเข้าใจ ริมฝีปากหยักลึกคลี่ยิ้มบางๆออกอย่างทุกครั้งที่เขาอยู่กับนาง ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของนางคงไม่ผิดจากผู้ชายร่าเริงยิ้มง่ายท่าทางเรื่อยเปื่อยคนหนึ่งละมั้ง

    มันเป็นชื่อที่เข้ากันมากเลยนะครับ ดวงตาคมกริบที่เคยทอดมองคลื่นกระทบฝั่งหันไปยังเจ้าของดวงตาคู่งามที่เขาแสนจะหลงใหล ข้าใช้เวลาวันกว่าๆกว่าจะหาที่นี่เจอ...เอเรียเคยบอกข้าเกี่ยวกับทะเลสาบที่งดงามมากก่อนหน้าที่ท่านจะหนีออกมาคนเดียวโดยไม่บอกข้า

    ประโยคหลังนั้นมีแววตัดพ้อและน้อยใจหน่อยๆจนธาเนียพูดอะไรไม่ออก นางไม่อาจปฏิเสธว่านางไม่ได้หนีออกมา ในเมื่อแม้แต่ข้อความสักข้อความที่นางควรทิ้งไว้ให้เคลรู้ นางก็ยังไม่ทำมันเลย

    มัน...จำเป็น... นางตอบเขาได้เพียงเท่านี้...หญิงสาวก้มหน้าลงมองพื้นนางจึงค่อยเห็นว่ามีเสื้อตัวใหญ่กองอยู่บนตักและผ้าผืนหนาปูรองตรงที่ที่นางเคยนอนและนั่งอยู่ขณะนี้

    อากาศตอนกลางคืนมันหนาว ข้าเลยเอามันออกมาห่มให้ท่าน ส่วนผ้านั่นข้าบังเอิญหยิบติดมือมาด้วยเลยไปปูรองให้ท่านนอน ชายหนุ่มตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูด ก่อนที่ความเงียบจะกลายเป็นสิ่งที่เขาทำให้มันเกิดขึ้น ปกติแล้ว ข้าไม่ค่อยได้นำอะไรที่ไม่จำเป็นติดตัวออกมาหรอกครับ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าข้าจะบังเอิญหยิบมันออกมาด้วย ถ้าท่านอยากรู้ละก็ นอกจากผ้าที่ปูให้ท่านแล้ว ข้าก็ยังหยิบเสื้อผ้ามา 3 ชุดอีกด้วย พูดแล้วเขาก็อดที่จะหัวเราะตัวเองไม่ได้

    ธาเนียมองอีกฝ่ายอย่างอึ้งหน่อยๆ เมื่อหลังจากที่เขาหัวเราะเสร็จ เคลก็สาธยายถึงสิ่งที่เขาติดมือออกมาด้วย

    ข้ารีบ กลัวว่าจะคลาดสายตาจากท่าน แต่ก็นั่นล่ะ... ประโยคที่ขาดหายทำให้นางยิ่งตั้งใจฟังเขามากขึ้น แต่เหมือนเคลจะแกล้ง เพราะเขาเงียบไปนานหลังจากหันไปมองทะเลสาบด้วยแววตาระยับ ของพวกนี้จะหมดประโยชน์ไปเลย ถ้าท่านไม่หยิบมันมาด้วย...แล้วข้าวของของท่านพรุ่งนี้เราค่อยไปออกไปดีไหม ยังไงตอนนี้ก็ยังมืดอยู่ไม่น่าจะออกเดินทางและท่านก็สมควรพักผ่อน

    ไม่จำเป็นหรอก...ของของข้ามันไม่มีอะไรมากนัก ส่วนดาบ ข้าสามารถเรียกกลับมาได้ทุกเวลา แต่ต้องหลังจากที่ข้าสามารถใช้มนตร์ได้อีกครั้ง...

    หญิงสาวก้มมองมือของตัวเอง เวทมนตร์ไฟที่นางต้องการให้ปรากฏเหลือเพียงประกายไฟแวบๆแล้วก็หายไป

    คำว่า หลังจากที่ข้าสามารถใช้มนตร์ได้อีกครั้ง ทำให้เคลเลิกคิ้ว...นี่หมายถึงว่าตอนนี้นางใช้มนตร์ไม่ได้งั้นหรือ? อาการแปลกๆของนางที่อยู่ๆก็ทรุดลงไปกับพื้นแวบเข้ามาในหัวและมันทำให้เขาเอ่ยปากถาม

    สมุนไพรสะกดมนตรา... ตอบไปแล้วนางก็ถอนใจเฮือกใหญ่ มันทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นของมันไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ สำหรับผู้ที่ไม่มีพลังเวทนั้น กลิ่นของมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายแต่สำหรับผู้ที่มีพลังเวทเช่นข้า มันจะไปกดพลังเวททั้งหมดทำให้ไม่สามารถใช้มนตราใดๆได้ แต่ถ้ายังดึงดันจะใช้ มันจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาททำให้ร่างกายอ่อนเปรี้ย และถ้าฝืนไปมากๆ มันจะออกฤทธิ์ที่สมองโดยตรง ทำให้ผู้ใช้ปวดร้าวทั้งศีรษะและหมดสติ...อีกอย่าง มันจะออกฤทธิ์เพียงเล็กน้อยหากผู้ที่ได้กลิ่นมีพลังเวทน้อย แต่ตรงข้าม...มันจะออกฤทธิ์แรงมากกับผู้ที่มีพลังเวทมาก...มันจึงเป็นสาเหตุให้ข้าล้มทั้งยืน...

    แต่สมุนไพรนี้ก็สูญพันธุ์ไปหลายพันปีแล้ว...มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าประมาท จนทั้งเจ้าและข้าโดนคิไมร่าจับ...จริงๆแล้วสมุนไพรนี้มันออกฤทธิ์ไม่ถึงห้าชั่วโมงหรอก แต่ข้าโดนมนตร์สะกดมนตราของจอมเวทอีกรอบ เรื่องราวจึงแย่ลง...

    นานๆครั้งนางจะตอบอะไรที่ยาวเหยียดขนาดนี้...เคลพยักหน้ารับ เฝ้ามองดวงหน้างามที่ฉายแววสำนึกผิดและขอโทษเขา ให้ตายสิ!...เขาไม่ชอบให้นางทำหน้าหงอยๆแบบนี้เลย

    ท่านยังเพลียอยู่และน่าจะหิวนะ อีกครั้งที่เขาเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว ก่อนที่ธาเนียจะหดหู่มากไปว่านี้ ข้าเสนอตัวเองว่าจะออกไปหาอะไรที่ท่านทานดีไหม? ข้าจะไปให้นานหน่อยและช่วงนี้ ข้าก็อยากให้ท่านไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำดื่มเพราะข้าเติมมันไว้มากพอสำหรับท่านและข้า ส่วนเสื้อผ้า...ถ้าท่านไม่รังเกียจ เอาชุดของข้าไปใส่ก่อนก็ได้ พอพรุ่งนี้เสื้อผ้าของท่านแห้งท่านค่อยเปลี่ยนกลับ ดีไหม?”

    มันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ...ธาเนียมองกระเป๋าที่เคลยัดใส่มือนาง ก่อนเขาจะคว้าท่อนไม้ติดไฟเป็นคบเพลิงขอนหนึ่งแล้วลุกพรวดรีบเดินหายเข้าไปในแนวป่า

    เดี๋ยวสิเคล!”

    ร่างสูงไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามองหรือหยุดฝีเท้า แต่ยิ่งจ้ำอ้าวเร็วกว่าเก่า ทิ้งให้หญิงสาวนั่งอุ้มกระเป๋าคนเดียว

    ธาเนียถอนหายใจเบาๆกับความเจ้ากี้เจ้าการของเขา แต่นางก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาพูดตรงความรู้สึกของนาง... จริงๆตอนนี้นางหิวหน่อยๆรวมถึงเหนียวตัวอีกด้วย

    ............

    ดวงตาสามสีเหลียวไปมองทะเลสาบน้ำจืด และอดไม่ได้ที่จะหันไปในทางที่เคลเดินหายไป

    ถ้าเช่นนั้น...ข้าคงต้องขอยืมเสื้อผ้าของเจ้านะ...ขอบคุณ...

     

    ฝีเท้าของเขาหยุดนิ่ง เมื่อสายตามองไปเห็นภาพของร่างบางที่สวมเสื้อตัวใหญ่ของเขา แขนเสื้อสีขาวยาวเกินจนต้องพับหลายตลบ รวมถึงขากางเกงยาวซึ่งก็ต้องถูกพับขึ้นตามระเบียบหลายทบจนมันป่องออกมาอย่างน่าขัน

    ข้าตลกมากหรือ?”

    น้ำเสียงหวานถามเหมือนไม่แน่ใจตัวเองนัก ทั้งยังก้มลงมองสภาพของตนเองอย่างเป็นกังวล...นางถามอย่างนั้นหลังจากที่เห็นใบหน้าคมสันคลี่ยิ้มพรายมีแววขำขัน

    อ้อ ไม่ตลกหรอกครับ ข้ายิ้มเพราะท่านว่าง่ายก็เท่านั้นเอง เคลออกปากปฏิเสธ ก่อนยอบตัวลงวางบรรดาผลไม้ที่ไปหามาลงบนผืนผ้าสะอาด...นางไม่มีทางรู้หรอกว่า แค่เห็นนางสวมเสื้อผ้าของเขา ชายหนุ่มก็คิดไปไกลลิบแล้ว

    เอาเถอะครับๆ เรามากินเจ้าพวกนี่ก่อนแล้วกัน เรื่องอื่นค่อยว่าทีหลัง ว่าแล้วเขาก็เลือกหยิบลูกที่ท่าทางน่ากินส่งให้ธาเนียไปสามสี่ลูกจนหญิงสาวต้องเอ่ยปากปฏิเสธ...ลูกหนึ่งใช่เล็กๆเสียเมื่อไหร่ล่ะ

    เคลกำลังกินผลไม้ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ต่างจากนางที่นั่งเหม่อลอยมองผลไม้สีแดงในมือ...

    กี่ครั้งแล้วที่เคลทำทุกอย่างเพื่อนาง...กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องบาดเจ็บเพราะนาง...และกี่ครั้งแล้วที่นางทำให้เขาเสียใจ...

    อ้าวเป็นอะไรไปล่ะครับ ทานก่อนสิหรือว่าท่านไม่ชอบลูกนั้น เปลี่ยนก็ได้นะ เดี๋ยวข้ากินเอง

    ธาเนียเงยหน้ามองชายหนุ่มผู้ปรารถนาดีกับนางเสมอมา รอยยิ้มอบอุ่นเช่นทุกครั้งมอบให้กับนางเสมอ...แล้วนางล่ะ เคยทำอะไรเพื่อเขาบ้าง?

    หญิงสาวหลุบตาต่ำ...

    เคล...

    ครับผม!”

    น้ำเสียงใสซื่อรับคำแข็งขันจนนางเองอดจะใจหายไม่ได้ มือเรียวกำผลไม้ในมือแน่น...

    หลังจากกลับถึงหมู่บ้านแล้ว เจ้าจงไปจากที่นี่เสียนะ...

    ได้เลยครับผม... ชายหนุ่มคลี่ยิ้มทะเล้น และมันก็กลายเป็นยิ้มค้างแทบในทันที ท่านว่าอะไรนะ!!!”

    ดวงตาคู่งามปิดแน่น ไม่อยากรับรู้มองเห็นภาพที่เคลต้องเสียใจเพราะนางอีก...

    หากท่าทางของนางก็ยิ่งทำให้เคลสับสน ชายหนุ่มแทบนั่งไม่ติดพื้น...ที่แล้วมานางอาจจะหนีเขาไปแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมายนักที่เขาตามไป...และไม่เคยมีครั้งใดที่นางไล่เขาแบบนี้...ไม่เคยเลย!

    ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน!? จะให้ข้าไปจากที่นี่งั้นหรือ!!?”

    นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง เชื่อข้าหน่อยสิ...

    ธาเนียเปล่งวาจาอย่างยากลำบาก สิ่งที่นางกำลังทำมีแต่สร้างความเดือดร้อน ความลำบากใจให้กับเคลเสมอ แต่เขาก็ยังทนอยู่กับนาง...ทำไม...

    ข้าจะพาเจ้าไปส่งให้ที่ริมทางออกจากป่าแห่งนี้เลย แล้วหลังจากนั้น จงอย่ากลับมาอีก ถ้าเจ้ายังดึงดัน บางทีมนตร์ลบความทรงจำอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

    ข้าไม่เข้าใจ...ทำไมท่านต้องไล่ข้าด้วยเสียงของเคลแหบระโหย แม้นางจะไม่ได้มองหน้าเขาก็ตาม แต่นางรู้ดีว่าเคลรู้สึกเช่นไร

    มือเรียวค่อยๆวางผลไม้ลงข้างกาย ก่อนจะยกขึ้นกุมขมับเหมือนคนอมทุกข์ ภาพของนางที่อ่อนล้ากรีดลึกลงในใจ ตัวเขาต้องกลั้นใจหนักหนาเพียงเพื่อไม่ให้ดึงนางเข้ามากอดไว้แนบอกปลอบโยนนาง

    ตัวข้า...อ่อนแอ...ลำพังแค่เจ้าคนเดียว ข้ายังไม่อาจปกป้องได้...นับประสาอะไรกับในอนาคต...อะไรจะเกิดอะไรขึ้นอีก...ชีวิตข้าจะจบสิ้นเมื่อไหร่ จะปกป้องใครได้ไหม...ข้า...ไม่อยากสูญเสียใครอีกแล้ว...อย่างน้อย ถ้าเจ้าไปเสีย...อย่างน้อยข้าก็สามารถปกป้องเจ้าได้...

    ความร้าวรานล้นเอ่อ ความนึกคิดที่นางเฝ้าเก็บกดมันในส่วนลึกสุดของหัวใจค่อยๆถูกระบายออกมา...ภาพ...ที่เคลล้มลงไปต่อหน้าเฝ้าหลอกหลอนแม้ในความฝัน...ความกลัวความสูญเสียประดุจคมมีดคมกริบที่เชือดเฉือนหัวใจช้าๆ...ความอ่อนแอของนางทำให้ไม่เคยปกป้องใครได้เลย...ไม่เคยเลย...

    เบ้าตาร้อนผ่าว...เพียงคิดว่าวันหนึ่ง...นางจะต้องสูญเสียสิ่งที่สำคัญทุกๆสิ่งในชีวิต...

    ในยามนั้นสิ่งที่นางทำได้ คงมีเพียงอดกลั้นมันเอาไว้...กดลึกไว้ในก้นบึ้งของหัวใจเหมือนที่เคยทำมา...แล้วแสร้งทำตัวเข้มแข็งเช่นนี้...

    ยามดวงตาลืมเปิด...ภาพทุกอย่างพร่ามัวด้วยธารน้ำใสๆ...ภาพแรกที่มองเห็นคือน้ำใจของเคลที่รายล้อมรอบตัวนาง...วินาทีนั้น นางรู้ว่าตัวเองไม่อาจทานทนมันไม่ไหวอีกต่อไป

    ข้าไม่อยากสูญเสียใครอีกต่อไปแล้ว...โดยเฉพาะเจ้า...ข้าไม่อยากสูญเสียเจ้าไป...ข้าไม่รู้ว่าวันข้างหน้าข้าจะต้องทำให้เจ้าเสียใจอีกเท่าไหร่ ข้าไม่รู้ว่าต้องทำให้เจ้าบาดเจ็บอีกกี่ครั้ง...ข้าไม่อยากต้องคิดถึงมันอีกต่อไป...ได้โปรดเถอะ...ได้โปรดไปจากชีวิตข้า ข้ายอมเสียใจเพราะต้องจากเจ้า ดีกว่าที่วันหนึ่งข้าจะต้องมองเจ้าตายไปต่อหน้าข้า...

    ธาเนียเงยหน้าขึ้น...สบกับดวงตาสีสนิมเข้มลึกที่เศร้าโศก มองใบหน้าที่ปวดร้าวของเขา นางอยากจะเก็บภาพของเขาไว้ ภาพที่ปวดร้าวให้นางได้สำนึกว่า ครั้งหนึ่ง...นางเคยทำให้ใครคนหนึ่งที่ดีกับนางทุกสิ่งต้องเสียใจเพียงใด...

    เพราะว่าเจ้าสำคัญเหลือเกิน...สำคัญจนไม่อยากจะสูญเสีย...อยู่กับข้า เจ้าจะต้องทุกข์ยิ่งกว่านี้...ข้า...ไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงของเจ้า...!”

    ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อสองมือที่แข็งแกร่งเหลือเกินดึงร่างนางไปกอดไว้แนบอก อ้อมแขนอบอุ่นประหนึ่งปราการใหญ่ที่ปกป้องนางมาเสมอ...

    เจ้ารู้ไหม ตัวข้าไม่เคยถือว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงเลยนะ ข้าสิที่เจ้าต้องคอยดูแลเสมอ สำหรับข้าน่ะ...เจ้าเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าที่ข้าต้องปกป้องไว้...เจ้าน่ะ สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของข้านะ...เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะปกป้องข้าไม่ได้หรอก...ตัวข้า...ข้าจะปกป้องเอง...ส่วนตัวเจ้า ข้าสาบานว่าจะปกป้องจนวันตาย...

    คำพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มปลอบประโลมดังแนบหู สัมผัสจากฝ่ามือที่ลูบเรือนผมของนางช้าๆอ่อนโยนเหลือเกิน...อ่อนโยนจนนางยิ่งอ่อนแอ...

    ถ้าอยากร้อง ร้องออกมาให้หมดนะ...ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ได้หายไปไหนเลย ข้าอยู่ข้างเจ้าเสมอ...

    เพียงคำพูดเดียว...ทำลายทำนบอารมณ์ที่อดกลั้นจนแตกสลาย หยาดน้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจนนางไม่อาจหยุดมันได้อีก...ได้แต่ร้องไห้เหมือนเด็กๆในอ้อมกอดของผู้ที่รักนางมากเหลือเกิน...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×