ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Elven Spirit

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 13

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 51


    ซ่า!!!

    ความเย็นเฉียบที่สาดกระทบหน้าปลุกให้ประสาทของเขาค่อยๆตื่นตัวขึ้น... เคลครางยาวอย่างเจ็บปวดแทบวินาทีที่เขารู้สึกตัว ทั้งร่างร้าวระบมไปหมด โดยเฉพาะตรงช่วงชายโครงขวาและข้อมือขวา

    คิไมร่า... ข้ารู้ว่าเจ้ามีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่ทำร้ายผู้ไม่เกี่ยวข้อง

    มันเป็นคำชมที่ดีนะนายหญิง แต่ข้าสมควรฤๅที่ต้องเชื่อคำพูดของท่านน่ะ?”

    ชายหนุ่มพยายามลืมปรือเปลือกตาที่หนักยิ่งขึ้น ภาพเบื้องหน้าที่ลางเลือนค่อยๆแจ่มชัด เพียงเพื่อจะเห็นภาพของนายหญิงแห่งเผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่ถูกกดให้คุกเข่ากับพื้น สองมือไขว้รั้งไว้เบื้องหลังโดยคิไมร่าสองตัวในลักษณะที่พร้อมจะหักมันได้ทุกวินาทีที่นางเล่นตุกติก

    แต่มนุษย์ผู้นี้ไม่เกี่ยวกับข้า หากเจ้าต้องการล้างแค้น มาลงกับข้า!”

    คิไมร่าประดับพู่แดงระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ก่อนปรายตาไปมองมนุษย์ที่นางบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง... ดวงตาของมันผู้นี้คมกล้าไม่ปรากฏความหวาดกลัว ซ้ำมันกลับฉายความเป็นห่วงเป็นใยเมื่อมองไปยังหญิงสาวเผ่าเอลฟ์

    ไม่เกี่ยวงั้นหรือ? เช่นนั้น เหตุใดมันจึงช่วยท่าน เหตุใดมันจึงฆ่าพวกข้า และเหตุใดท่านจึงร้องเพื่อมันล่ะ หึหึคิไมร่าหัวเราะในอก แต่เจ้ามนุษย์นี่ก็อึดกว่าที่ข้าคิดนะ หากเป็นผู้อื่น ต่อให้เป็นคิไมร่าเช่นข้าก็ตาม มันก็ไม่น่ารอดแล้ว แต่นี่นอกจากจะยังรอดแล้ว บาดแผลก็ยังดีขึ้นเร็วกว่าปกติ ช่างน่าประหลาด

    เคลเข้าใจความหมายที่ทั้งสองกำลังพูดเป็นอย่างดี มันไม่ใช่ภาษาธรรมดาอย่างที่เขาใช้สื่อสารกับธาเนีย มันเป็นภาษาโบราณที่นางใช้เป็นบทมนตรา และตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณทั้งธาเนีย ทั้งลีน ที่สอนภาษาให้กับเขา และที่แน่ๆ...ขอบคุณตัวเองที่อยากจะเรียนมัน

    คิไมร่าตวัดดวงตารีเรียวกลับไปมองธาเนีย สบกับดวงตาคู่งามเย็นชาเย่อหยิ่งแม้นถูกจับกุมโดยไม่สะทกสะท้าน

    ข้าไม่คิดว่านายหญิงแห่งเผ่าเอลฟ์ผู้ปลิดชีพเผ่าพันธุ์ข้านับไม่ถ้วนจะเสียน้ำตาให้กับผู้ใดง่ายๆ นอกจากเสียว่านางจะใฝ่ต่ำถึงขนาดหามนุษย์โสโครกมาทำ...ผัว?”

    ดวงตาสามสีวาวโรจน์ หากธาเนียยังคงควบคุมอารมณ์ได้ดีด้วยการไม่วู่วามทำสิ่งใด และหากเขาขยับตัวได้ เขาสาบานว่าจะตัดลิ้นเน่าๆของมันซะที่บังอาจพูดเช่นนั้น!

    เจ้าคาดผิดเสียแล้ว คิไมร่าที่สูงส่ง มนุษย์ผู้นี้มิได้เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับข้า!”

    คิไมร่าหัวเราะแผ่วต่ำ ตวัดตากลับไปมองยังบุรุษที่นอนคู้ตัวสองมือมัดไพร่หลังไว้อย่างดูแคลน

    งั้นหรือ...?”  ดวงตาสีอำพันรีหยามเหยียดเมื่อจ้องมองมนุษย์ หากมันไม่ใช่คู่ของท่าน ข้าก็มีสิทธิทำอะไรกับมันก็ได้น่ะสิ โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆเสริม คิไมร่าที่รายล้อมเป็นวง ก้าวออกมาหกตัวยืนเป็นวงรอบเคลแล้วระดม ยำ เขา

    ธาเนียคอแข็ง นางกระชากตัวไปเบื้องหน้า! หากสองมือที่ถูกรั้งไว้ก็ทำให้นางมิอาจขยับตัวได้มากกว่านี้

    อย่าทำเขา!”

    มันเป็นทีของพวกคิไมร่า... จอมเวทหัวเราะคำรามลั่นป่า หมุนกายกลับไปนั่งเหนือแท่นบัลลังก์ของมันอย่างสะใจ

    ดวงตาสามสีทั้งกราดเกรี้ยวทั้งเจ็บปวด...

    เคลมองเห็นดวงหน้างามซีดเผือด มองเห็นริมฝีปากบางเม้มแน่น และดวงตาของนางที่ไม่อาจกลบเกลื่อนอารมณ์ได้เลย

    เป็นอย่างไรล่ะนายหญิง เวทมนตร์ที่ท่านเชี่ยวชาญไม่อาจใช้ได้เช่นนี้ ช่างน่าสงสารจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ถ้าท่านยอมรับว่าท่านนำมนุษย์นี่ไปเป็นคู่ ข้าก็อาจจะปล่อยมันก็ได้นะ

    แม้เสียงแหบแห้งของคิไมร่าเอ่ยเย้ยหยัน หากประโยคสุดท้ายของมันก็ทำให้นางเริ่มไขว้เขว...เขารู้ เพราะดวงตาคู่นั้นไหววูบด้วยการตัดใจและตัดสินใจบางอย่าง...

    การพูดปด...

    มันอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนทั่วๆไปอย่างเขา แต่สำหรับชนเผ่าเอลฟ์มันตรงข้ามเลย...คำพูด คำสัญญาถือเป็นคำสัตย์...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายหญิงเฉกเช่นธาเนีย...คำพูดของนางนอกจากจะเป็นคำสัตย์แล้วมันยังเปรียบดั่งศักดิ์ศรีทั้งชีวิตของนางอีกด้วย (เอเรียบอก)

    ฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้ ธาเนียคงไม่เคยปดแม้สักครั้ง...

    แต่ตอนนี้นางกำลังจะทำมัน...เพื่อเขา...

    ความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นความชา... ชายหนุ่มพยายามสบตากับนาง ขยับปากช้าๆให้นางรู้ว่า...ข้าไม่เป็นไร...

    ทรวงอกของนางสะท้าน ทั้งๆที่เขาพยายามทำให้นางไม่ต้องกังวล แต่มันกลับทำให้ประกายตาแห่งการตัดสินใจของนางแจ่มชัดกว่าก่อน

    ชายหนุ่มส่ายหน้าให้นาง...อย่าทำเช่นนั้น...

    หากคิไมร่าตัวหนึ่งที่ขยับมาขวางเขาไว้บดบังภาพของธาเนียจนหมดสิ้น กอปรกับอุ้งเท้าใหญ่ที่กระแทกเต็มลำตัวแรงจนเขาขย้อนลิ่มเลือดออกมาติดๆกัน ความเจ็บปวดแล่นร้าวไปทุกอณูของร่างกายและความเจ็บปวดนี่เองที่ทำให้สติทุกอย่างของเขาค่อยๆดับลง...

    ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างบางที่กระชากกายมาเบื้องหน้า กับเสียงหวานที่แทบร้องตะโกนออกมา

    พอได้แล้ว! ข้ายอมรับมัน พอซะที พอซะที!!”

    อย่านำศักดิ์ศรีของท่านมาทิ้งเพื่อข้าเลย...

     

    สิ้นเสียงของนาง เจ้าคิไมร่าที่รายล้อมร่างของมนุษย์ก็หยุดฝีเท้าของมัน ค่อยๆขยับกายถอยห่างอย่างแสนเสียดาย เหยื่อ ตามที่นายมันสั่ง ปล่อยให้นายหญิงแห่งเผ่าเอลฟ์ได้ยลร่างอาบเลือดของชายหนุ่มตรงหน้าเต็มๆตา

    ไม่มีสิ่งใดสามารถบรรยายความรู้สึกของนางในตอนนี้ได้... นางไร้ความคิด ไร้ซุ่มเสียง ไร้แม้แต่ปัญญาที่จะช่วยเขา...นี่หรือ...นายหญิงแห่งเผ่าเอลฟ์?

    ธาเนียกัดริมฝีปากจนรับรู้ถึงรสชาติขมปร่าในปาก อีกครั้งแล้วที่เคลแน่นิ่ง...เขาอาจตาย หรือไม่ก็อาจสลบ...แต่สุดท้ายสำหรับทุกสิ่งคือนางที่ไม่อาจช่วยเขาได้...

    โฮ่ คำพูดนั้นเป็นจริงหรือนายหญิง ท่านนำมันเป็นคู่ของท่านหรือ?”

    เสียงของคิไมร่าแว่วผ่านหูซ้าย แล้วทะลุหูขวาออกไป...ไม่มีสิ่งใดในตอนนี้ที่สามารถดึงความสนใจของนาง นอกจากดวงตาที่ว่างเปล่าจมจ่อกับความรู้สึกผิดที่ท่วมท้น...กระทั่งแว่วเสียงจอมเวทออกคำสั่งอะไรบางอย่าง ร่างใหญ่ทั้งหกจึงเริ่มก้าวเข้าไปอีกครั้ง  สติของนางเหมือนถูกกระชากกลับโดยเร็วในวินาทีที่พวกมันเริ่มขยับเท้า

    เจ้าสัญญากับข้าว่าจะไม่ทำอะไรเขาแล้วคิไมร่า!” ธาเนียกระชากเสียงตวาด ดวงตาสีอำพันวาววับอย่างไม่เคยเป็นมานาน

    จอมเวทปรายหางตามองร่างสมส่วนที่กองกับพื้นในสภาพอาบเลือดอย่างหยามเหยียดเมื่อมันกล่าวว่า ท่านยังไม่มีคู่มิใช่หรือ? ไอ้มนุษย์นี่มันทำให้ท่านต้องพูดปด เพราะฉะนั้นข้าเลยลงโทษมันแทนท่าน ก็แค่นั้นเอง ใบหน้าของสัตว์ร้ายหันไปมองบรรดาลูกน้อง รอยยิ้มขยะแขยงพรายบนดวงหน้า เอ้า เด็กๆ กิน มนุษย์ ให้อร่อยนะ...

    เพียงเท่านั้น...คิไมร่าทุกตัวก็กระโจนเข้าหาร่างที่แน่นิ่ง เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังก้องป่า

    ร่างบางเหมือนถูกสาป เฝ้ามองบรรดาสัตว์ร้ายพุ่งกระโจนเข้าหาเคล...

    เหมือนภาพวันวานย้อนมา...วันที่นางสูญเสียทุกสิ่ง...

    ความรู้สึกมากมายประดังเข้ามา และระเบิดพรั่งพราย...

    ความคิดคำนึงดับวูบ สติจางหาย

    ดวงตาสีอำพันเรืองวูบ

    ...สัตว์ร้ายปรากฏ...

     

    ดวงตาที่หนักอึ้งค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ ความรู้สึกบ่งบอกว่าเขาอยู่บนบางสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหว...

    ภาพแรกที่ดวงตาเห็นคือ...หมาป่าสีเงิน...?

    ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พยายามจะประคองสติตนเองไว้ แต่มันก็ทำไม่ได้เลย...

    เขาเริ่มแน่ใจว่าบัดนี้ตนเองอยู่บนหลังของหมาป่าสีเงินยวงตัวใหญ่...ขนหนานุ่มเปรอะเปื้อนเลือดจนแดงฉาน...แต่เหนือกว่านั้น คือความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับ...ร่างกายที่เหมือนถูกโอบกอดไว้ในอ้อมอกของมารดา...ผ่อนคลายจนร่างทั้งร่างหนักอึ้ง จนดวงตาเริ่มปิดลงอีกครั้ง...

     

    เคล...เคล...

    เสียงหวานนุ่มหูเฝ้ากระซิบเรียก

    เคล...ตื่นได้แล้ว...เคล...

    เคลครางรับความต้องการนั้น ดวงตาสีสนิมลืมเปิดขึ้นอีก แต่คราวนี้เขาไม่เห็นหมาป่าสีเงินตัวนั้นแล้ว เบื้องหน้าเขามีเพียงนายหญิงคนงามท่าทางอ่อนระโหย

    ท่านธาเนีย...?”

    ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง มองธาเนียที่คลี่ยิ้มบางเบา...

    ข้าขอโทษที่ต้องปลุกเจ้าขึ้นมา ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

    เคลก้มมองสภาพตนเอง คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อพบว่านอกจากเสื้อผ้าที่ขาดลุ่ยแล้ว ร่างกายของเขากลับไม่มีรอยแผลแม้สักรอย แล้วยังความรู้สึกเจ็บแทบตายอีกเล่า?

    ดีครับ ดีมาก...แต่มันเกิดอะไรขึ้น?”

    เขาตอบแล้วลองสะบัดมือขวาที่สมควรจะหักอย่างงุนงง แต่มันอยู่ในสภาพเดิมทั้งยังแข็งแรงดีด้วย

    มนตร์รักษาน่ะ เจ้าไม่เจ็บตรงไหนอีกแล้วใช่ไหม?”

    ครับ

    ดีแล้ว... หญิงสาวตอบรับ พลางเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสัมภาระกับดาบส่งคืนเจ้าของ ของของเจ้าครบนะ

    ชายหนุ่มจัดแจงตวัดกระเป๋าขึ้นสะพาย ปากก็เอ่ยถามเมื่อเขาไม่เห็นสัมภาระของนางเลย

    แล้วของของท่านล่ะ?”

    ข้าไม่ได้หยิบมันมา แต่ไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่มีอะไรที่จำเป็นเท่าไหร่

    ดวงตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างจับพิรุธ เขารู้ว่าคนอย่างนางไม่มีทางพลาดหรือหยิบสิ่งของไม่จำเป็นมาหรอก นอกจากนางจงใจบอกเขาเช่นนั้นเอง...อ้อ เอลฟ์สิ ไม่ใช่คน

    ใช่...และนางก็หลบสายตาเขา

    ทางนั้น... เสียงหวานพลันเปลี่ยนเรื่อง มือเรียวชี้ไปทางซ้าย เจ้าเดินไปสักพัก กระทั่งถึงทางที่เหมือนทางเดิน จงเลี้ยวขวาขึ้นเหนือและเดินขึ้นไปอีกประมาณ 3 วัน เจ้าจะถึงหมู่บ้าน...

    คำบอกเล่านั้นยิ่งทำให้เคลฉงนใจ

    ท่านพูดเหมือนจะไม่ไปพร้อมข้า

    เจ้านำไปก่อน ส่วนตัวข้าขอพักสักครู่ ไม่นาน...จะตามไป คำพูดของนางยอมรับคำถามของเขาโดยไม่จำเป็นต้องตอบตรงๆ... ธาเนียเหมือนต้องการพูดต่อเพียงเท่านั้น ร่างบางที่อ่อนล้าขยับกายพิงต้นไม้เบื้องหลังของนาง โบกมือให้กับเคล

    อย่าได้ห่วงข้าเลย เจ้าจงกลับไปก่อน...ข้าไม่อยากเป็นภาระให้กับเจ้าอีกแล้ว...

    คำพูดสุดท้ายกล่าวออกมาพร้อมๆกับที่ดวงตาสามสีปิดลง...

    เคลยิ่งไม่เข้าใจนางเข้าไปอีก แต่เมื่อเขาลองขยับเข้าไปหานางใกล้ๆและเรียกชื่อ เขาก็ได้เพียงความเงียบและเสียงลมหายใจสม่ำเสมอเป็นคำตอบ

    ท่านธาเนีย...

    เขาลองเรียกนางเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อนางยังนิ่งงัน ชายหนุ่มจึงค่อยเอื้อมมือไปสะกิด...แต่ยังคงแน่นิ่ง...สัญญาณนั้นบอกว่านางหลับลึก...

    ร่างสูงถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อเขารู้แล้วว่าธาเนียคงไม่ตื่นในเร็วๆนี้แน่ แต่จะให้เขาอุ้มนางกลับไปถึงหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไปด้วยการเดินติดต่อกัน 3 วัน...มันก็ค่อนข้างลำบาก เขายิ่งไม่เคยมาที่แถวนี้ด้วยสิ..

    หืม...เดินขึ้นเหนือ 3 วันงั้นหรือ?...

    บางอย่างสะกิดใจเขาอย่างจัง คำพูดของใครคนหนึ่งแว่วเข้าหัว รอยยิ้มยินดีจึงปรากฏ...

    เอาล่ะ...

    เคลเอื้อมมือไปอุ้มร่างบางขึ้นไว้แนบอก ดวงตาเป็นประกายวาววับ

    เขาจะไม่ทิ้งให้นางอยู่ที่นี่ แต่เขาก็จะไม่พานางกลับไปที่หมู่บ้านด้วย!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×