ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Elven Spirit

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 51


    ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ทีสู้กับพวกคิไมร่าไม่เห็นได้แผล แต่กลับมาพลาดท่าให้กับกิ่งไม้เล็กๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย

    แน่นอนเสียงหัวเราะนั้นเป็นของใครอื่นไปไม่ได้นอกจากแม่สาวผมทองตัวแสบคนเดียว

    เคลยิ้มแห้งๆอยู่เบื้องหลังธาเนียผู้ซึ่งยังคงตีหน้านิ่งเฉย เงยหน้านิดๆเพื่อให้เอเรียทายาให้...จากแผลชนกิ่งไม้ที่เคยปูดโดนเขียวช้ำจนน่ากลัว ตอนนี้กลับเหลือเพียงรอยช้ำจางๆแล้ว...ร่างกายนางรักษาตัวไวจริงๆ

    มันเป็นความผิดของข้าเองแหละ ที่ไม่ยอมบอกนางเร็วๆน่ะ ไม่งั้นนางก็คงจะไม่มีแผลอย่างนี้แล้ว ชายหนุ่มทอดถอนใจ...ถ้าเขาบอกเร็วกว่านี้ ธาเนียคงจะไม่เจ็บ

    เอเรียละสายตาจากหน้าผากนวลประดับรอยเขียวช้ำไปยังคนเมืองผู้ทำท่าเสียใจสุดซึ้งอย่างเอะใจ โฮ่! เจ้าเตือนนางหรือ? ธาเนียเองก็มีตานี่ ยิ่งในความมืดตาของนางก็ดีกว่าเจ้าเสียอีก เจ้าพูดอย่างกับเจ้าอุ้มนางวิ่งแล้วคอยบอกให้นางก้มหัวหลบกิ่งไม้ล่ะ

    อ้อ ก็...

    เคล

    เสียงเรียกนั้นทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกตัว ชายหนุ่มชะงักคำพูดตัวเองได้ทันก่อนที่เขาจะหลุดปากเล่าอะไรออกไป (อย่างจงใจ)

    ในขณะที่เคลแสร้งตีหน้าเหลอหลา ธาเนียก็ทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้อีกคน...มันมีอะไรแปลกๆล่ะ หึหึ

    เอเรียลองเหล่ตาให้เคล แน่นอนว่าเขายักคิ้วตอบ เพียงแค่นั้นนางก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ธาเนียอาจจะเล่าเรื่องที่นางเจอให้รับรู้ แต่นางจะตัดตอนบางส่วนไปเพื่อความเหมาะสม...แต่ก็ช่างเถอะ ถึงธาเนียจะปากแข็งไม่ยอมเล่า แต่ตอนนี้นางก็มีสายสืบคนใหม่ล่ะ... สายสืบที่ท่าทางว่าจะกล้าเล่นกับของสูงที่ไม่มีใครเคยคิดเอื้อม...

    จริงๆแล้ว มันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก หากเพราะข้าไม่ระวังเอง

    ทั้งๆที่พยายามจะตีหน้านิ่งเช่นทุกที น้ำเสียงก็ราบเรียบดุจไม่รับรู้ว่าเคลเกือบหลุดปากสิ่งใดออกไป แต่ดวงหน้างามกลับเป็นสีแดงเรื่อๆอย่างปิดไม่มิด จนทำให้เขาที่กำลังเฝ้ามองนางอยู่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

    นางน่ารักดี...

    แล้วชายหนุ่มก็เดินไปทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ข้างๆ เฝ้ามองนายหญิงแห่งเผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่พยายามจะมองตรงไปข้างหน้าและไม่ใส่ใจสิ่งใดอีก แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลย เมื่อเอเรียยังคงจะหยอกล้อนางเล่นต่อไป...แล้วทั้งเรือนพยาบาลก็ตลบอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ...แน่นอนเสียงของเอเรียเพียงผู้เดียว...

     

    และในเย็นของวันรุ่งขึ้น นักรบของนางก็กลับมาพร้อมชัยชนะ...

    นับว่าเป็นความโชคดีที่ไม่มีการสูญเสียใดๆทั้งสิ้น อาการบาดเจ็บที่มากที่สุดเห็นจะเป็นกระดูกหัก หรือไม่ก็แผลใหญ่ยาวเป็นทางจากกรงเล็บของพวกคิไมร่า แต่ก็ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้แล้ว

    วันแรกที่ไปถึง พวกข้าได้เฝ้าดูและสังเกตว่ามันแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อยๆลาดตระเวน เราเลยค่อยจัดการพวกมันทีละกลุ่ม วันที่สองก็ยังคงเป็นเช่นเดิม แต่พวกคิไมร่าคงเริ่มรู้ตัว เพราะมันระแวดระวังทุกฝีก้าว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาของพวกเรา เลอองรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างสุขุม เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับแผลจากการต่อสู้ จึงไม่ต้องรับการรักษาใดๆ

    จวบจนวันที่สาม พวกเราจึงเข้าปะทะกับมัน การต่อสู้กินเวลาไม่มากนัก เพราะจำนวนของมันน่าจะเหลือไม่ถึงสามสิบ พวกเราก็ได้รับชัยชนะ แต่... จนตอนท้าย น้ำเสียงแหบห้าวจึงลดต่ำด้วยความเครียด มือใหญ่เสยเรือนผมสีทองอย่างหงุดหงิดแล้วหันไปหานายหญิงของเขา

    ไม่มีจอมเวทในทัพของพวกมัน

    ในเรือนพยาบาลอัดแน่นไปด้วยนักรบที่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับมีหมอแค่สี่คน ไม่รวมนายหญิงซึ่งไม่นับเป็นหมอ หนึ่งในนั้นคือเอเรียที่กำลังพูดจ้อกับนักรบ อีกสองคือคนจากตระกูลออสตินของลูคัสรับหน้าที่เป็นหมอจำเป็นและสุดท้ายคือลีน ด้วยก็เพราะนายหญิงไม่อยากให้คนในหมู่บ้านตื่นตระหนกกับการต่อสู้ก่อนเวลาสมควร

    ราเดียสแหงนหน้ามองนายหญิงที่กำลังอังมือเหนือบาดแผลใหญ่ที่แผ่นอกของเขา ไออุ่นถ่ายทอดจากมือนางลงสู่บาดแผล และบาดแผลนั้นก็ค่อยๆสมานอย่างช้าๆ

    มนตร์รักษาเป็นมนตร์ที่หาผู้ใช้ได้ยาก เพราะการเสียสมาธิแม้เพียงนิด จะทำให้บาดแผลแย่ลงกว่าก่อนหลายเท่า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของนายหญิง...นางเป็นยิ่งกว่าอัจฉริยะที่ใช้มนตร์ทุกอย่างเท่าที่มีอย่างคล่องแคล่วตั้งแต่อายุไม่ถึง 100 ปีดี ซึ่งถ้าเทียบกับเอลฟ์ธรรมดาที่จะเริ่มฝึกมนตราและเรียนทุกอย่างจบเมื่อตอนอายุ 200 250 ปี

    มันอาจเป็นเพราะนางเกิดมาในฐานะผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกทุกอย่าง...ทว่ามันก็แลกกับช่วงเวลาที่นางสมควรได้รับเหมือนเด็กคนอื่นๆ...เวลาของนางถูกช่วงชิง และทดแทนด้วยความรู้ความสามารถที่เหนือกว่าผู้อื่น

    ราเดียสมองดวงหน้างามทว่าเรียบเฉยดุจไร้ความรู้สึกที่เขาเห็นทุกวัน ตั้งแต่นางขึ้นเป็นนายหญิง...การต้องขึ้นแบกรับภาระของหัวหน้าตั้งแต่ยังเด็กคงจะทำให้นางเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้น่าเคารพ...แต่ไม่ว่าเช่นไร นายหญิงของเขาก็สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว!

    ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก เขาจำได้ว่านางไม่เคยยิ้ม ยิ่งไม่เคยหัวเราะใหญ่เลย...และนางก็แทบไม่เคยคุยกับเขานอกจากเรื่องงานด้วยซ้ำ...ถึงบางครั้งจะอยากคุยด้วย แต่พอเห็นใบหน้าที่นิ่งขนาดนั้นแล้ว เขาก็เริ่มไม่ถูก และอีกอย่างหนึ่ง...นางเป็นถึงนายหญิง... เป็นเหมือนบุตรที่รักยิ่งของพระผู้เป็นเจ้า ยิ่งกว่าสมมติเทพ...ดังนั้นไม่เฉพาะเขาเพียงคนเดียวหรอก ที่อยากคุยกับนางหากไม่กล้าที่จะรบกวนนาง...

    แต่วันนี้เขาต้องคุยให้ได้!

    ราเดียสสูดลมหายใจอีกครั้งเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนเขาจะเริ่มขยับปากพูด

    เอ่อ...

    เสร็จแล้ว

    ชายหนุ่มชะงักคำพูด ได้แต่เฝ้ามองนายหญิงที่ยืดตัวขึ้นแล้วพูดโดยไม่หันไปมองเลออง

    นั่นก็เพราะมันอยู่ที่ทางใต้...ข้าเจอมัน

    ทั่วทั้งห้องเงียบกริบ และเหมือนถูกสาปให้สายตาทุกคู่หันไปมองเป็นทางเดียว

    นายหญิงเริ่มต้นรักษาแผลให้นักรบคนต่อไป

    แล้วท่านต้องการทำอย่างไรต่อไปล่ะ ใครคนหนึ่งถาม

    ข้าอยากให้พวกเจ้าเตรียมตัวอีกครั้ง...

    แต่พวกเขาพึ่งกลับ และสมควรได้รับการพักผ่อนนะนายหญิง!”

    ดวงตาสามสีละจากบาดแผล เบือนไปมองเจ้าของประโยคนั้น...ดวงตาสีมรกตวาววับแต่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใด

    เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรล่ะเอเรีย

    เป็นที่รู้กันว่ายามอยู่ต่อหน้าผู้อื่น สรรพนามเรียกธาเนียจะเปลี่ยน เพราะทั้งคู่เข้าใจความจำเป็นนั้นดี

    ท่านก็แค่ให้พวกเขาพักผ่อนก่อน แล้วค่อยเดินทัพอีกครั้งจะเป็นไรไป หญิงผมทองไหวไหล่กวนประสาทนิดๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้าพันแผลมาโยนเล่น ก่อนนำมันไปพันไว้รอบปากแผลที่พึ่งเย็บสดเสร็จ อ้อ ใช่ !” หญิงสาวผงกศีรษะขึ้น หันขวับไปมองสหายสูงศักดิ์อย่างรวดเร็ว เราไม่ได้จัดงานฉลองมานานแล้วนี่ ถ้ายังไง ท่านก็จัดงานฉลองให้กับพวกเขา เนื่องในโอกาสที่จัดการพวกคิไมร่าได้สิ! ยังไงมันก็มีประเพณีนี้อยู่แล้วนี่นา ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหรอกค่ะ

    ธาเนียขมวดคิ้วยุ่ง จัดงานเลี้ยงหรือ?”

    ราเดียสเบิกตาโตกับคำว่างานฉลอง...เพราะมันจะเป็นงานเดียวที่เปิดโอกาสให้ชายหญิงใกล้ชิดกันได้ แต่นอกจากการเต้นรำแล้ว ก็ห้ามแตะต้องกันอีก...บางทีเขาอาจจะขอ...แต่ นางจะยอมไหมนะ?

    เพราะฉะนั้นชายหนุ่มจึงเผลอผิวปากหวือ~

    ดวงตาสามสีหันขวับมามองแทบในทันที มีอะไร?”

    แม่ทัพหนุ่มยิ้มค้างให้กับนายหญิงคนสวย หัวเราะแห้งๆแก้เก้อ เอ้อ ข้าก็คิดว่าจัดงานฉลองก็ดีเหมือนกันนะขอรับ...เราเองก็ไม่ได้จัดนานแล้ว

    นายหญิงเหมือนลังเลจนนางต้องหันไปถามรวมๆว่า พวกเจ้าเห็นด้วย?”

    ขอรับ!!”

    ทุกคนในที่นั้นตอบกลับโดยพร้อมเพรียงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนธาเนียเริ่มคิดว่าตนเองทำหน้าที่บกพร่องในด้านงานรื่นเริงและผ่อนคลายเกินไปหรือเปล่า?

    เช่นนั้น...ข้ากำหนดให้อีกสามวัน งานเฉลิมฉลองจะเริ่มขึ้น

    เฮ!!!”

    เสียงเฮดังลั่นเช่นนั้น...ธาเนียถอนใจเฮือกใหญ่...นางคงทำงานบกพร่องในด้านนี้จริงๆ...

     

    ราเดียสยิ้มกริ่มกับแผนการในใจจนไม่รู้ถึงฝีเท้าที่มาหยุดข้างๆ ท่านมองนายหญิงแล้วอมยิ้มทำไมคะ?” เสียงนั้นดังแทบข้างหู ส่งผลให้ร่างสูงสะดุ้งเฮือกหันไปมองลีนที่ก้มหน้าหาเขาและขมวดคิ้วแปลกใจ รัวเสียงตอบเป็นพัลวัน เปล่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น

    หญิงสาวยังคงมีท่าทีไม่เชื่อ แต่ไม่นานนักนางก็ยักไหล่ “’งั้นก็ดีแล้วค่ะ ก่อนเดินจากไปเพื่อทำแผลให้คนอื่น ทิ้งให้คนมองตามถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก...รอดตัวไป...

     

    พระอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า แทนที่ด้วยดวงจันทราดวงงาม...

    เสียงพูดคุยหัวเราะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อพลบค่ำ โต๊ะมากมายปูด้วยผ้าปูโต๊ะผืนงามรองรับอาหารรสโอชาและเครื่องดื่มหลากชนิด ที่มีมากพอจะเลี้ยงประชาชนเอลฟ์ทุกผู้ให้อิ่มหนำสำราญ (อนุเคราะห์อาหารและเครื่องดื่มโดยกลุ่มแม่บ้าน)

    เสียงดนตรีหวานเสนาะหูเริ่มบรรเลง เอลฟ์หลายคู่ก็เริ่มจับคู่เต้นรำไปรอบๆกองไฟเวทมนตร์ขนาดใหญ่

    พอเอาเข้าจริงๆแล้ว ความคิดที่จะขอนางเต้นรำด้วยก็ค่อยๆเลือนรางไปหมด แค่เห็นนางยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ชายที่คงพยายามชวนนางเต้นรำแล้ว... ชายหนุ่มก็รู้สึกหมดสนุก...

    ราเดียสถอนใจพรืด...ไอ้ครั้นจะไปลากนางออกมาก็กระไรอยู่...เหอะ!

    แต่ไม่นานจากการยืนงุ่นง่านและเหลือบไปทางหญิงสาวบ่อยครั้ง ชายหนุ่มก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยชวนเขาออกไปเต้นรำ ชายหนุ่มก็เลยตอบรับนาง ประชดผู้หญิงอีกคนหนึ่งซะ!

    เฮ้อ...ยิ้มจนหน้าบานเป็นกระด้งล่ะ เจ้าราเดียส...

    เลอองหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วหันไปยังหญิงสาวข้างกาย ท่านก็ว่างั้นใช่ไหมขอรับ นายหญิง

    ธาเนียเพียงผงกหัวเล็กน้อย มองแม่ทัพหนุ่มที่เมื่อกี้ยังหน้าง้ำแต่พอได้ออกไปเต้นรำก็ดูร่าเริงขึ้นทันตาเห็นอย่างขำๆ ข้าไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วขนาดนี้...

    แม่ทัพหน้าบากยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นซด รำพึงรำพันรสชาติกลมกล่อมของมันแล้วเริ่มพูดต่อ คนเรามันก็ต้องมีเปลี่ยนกันบ้างล่ะขอรับ ยิ่งหลังจากการรบ พวกเขาต้องการการพักผ่อน...ท่านเองก็เหมือนกันนะขอรับ พักผ่อนเสียบ้างก็ดี หักโหมมากๆท่านจะแย่เสียก่อน

    ทั้งชีวิตของข้ายกให้กับเผ่าพันธุ์...ข้า...ไม่มีเวลาที่จะหันมองสิ่งอื่นใดหญิงสาวผงกหัวรับการโน้มกายทำความเคารพจากเอลฟ์หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินสวนมาพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข ดวงตาสามสีเรืองวาวมองตามคู่รักกระทั่งพวกเขาหายไปในฝูงชน ข้าต้องการแค่ให้คนในปกครองมีความสุข ตัวข้าจะเหนื่อยขนาดไหน...มันไม่สำคัญหรอก

    แม่ทัพใหญ่เหลือบมองนายสาวอย่างเห็นใจ ท่านไม่รู้หรือว่าเอลฟ์ทุกคนที่นี่เป็นห่วงท่านเสมอ

    นายหญิงไม่ตอบสิ่งใดนอกจากการเดินเข้าไปในเขตที่งานฉลองกำลังสนุกสนาน...ความจริงแล้ว นางไม่ได้จะมาร่วมงานด้วยซ้ำ อยากจะทำงานให้เสร็จ แต่เลอองก็คะยั้นคะยอนางและหยิบยกข้ออ้างสารพัดขึ้นมาอ้าง นางจึงยอมมาเช่นนี้

    ข้ารู้ว่าท่านรู้ แต่ท่านเลือกที่จะไม่สนใจ เพื่อที่ท่านจะได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับภาระของท่านโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด...หมู่บ้านที่มีความสุขจึงจะจัดงานรื่นเริง หากท่านมัวแต่ทำงานไม่ลืมหูลืมตา ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าประชาชนของท่านมีความสุขแค่ไหน?”

    ท่านควรจะหาความสุขใส่ตัวเสียบ้างนะขอรับ ข้ารู้ว่าท่านมีงานยุ่ง แต่บางครั้งก็ควรพักผ่อนเสียบ้าง ข้าบอกได้เลยว่าหนุ่มๆหลายคนในที่นี้อยากขอท่านเต้นรำด้วย ขอเพียงท่านเลิกทำหน้าเย็นชาเช่นนั้น ข้าก็เห็นภาพว่าท่านจะมีความสุขกับงานเลี้ยงนี่

    ภรรยากับลูกของเจ้ามารอแล้ว...

    ธาเนียขัดแม่ทัพมากวัยกว่านางที่ทำท่าว่าจะสอนนางไม่หยุดอย่างสุภาพ แน่นอนว่าประโยคนั้นของนางทำให้เขาปิดปากและหันขวับไปในทันที

    ฮ่า...เมียข้าแต่งตัวสวยชะมัด!! เจ้าหนูลีโอก็เท่ห์เชียว!”

    นายหญิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำชมนั้น และหันไปพยักหน้าให้กับเลอองที่เริ่มอยู่ไม่สุขอยากจะเข้าไปหาภรรยากับลูกชายตัวน้อยของเขาแล้ว แต่ก็เกรงใจธาเนียที่เขาชวนมาด้วย

    ไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะเฝ้ามองว่าพี่น้องของข้ามีความสุขขนาดไหน...

    นางมองเห็นดวงตาที่เปี่ยมด้วยความชื่นชมจากเลอองยามที่เขามองภรรยาคนสวยและแววรักใคร่เต็มเปี่ยมเมื่อมองลูกชาย แม่ทัพใหญ่เดินเข้าไปหาภรรยาโอบแขนรอบเอวบางอย่างหวงแหน ส่วนอีกมือหนึ่งก็จูงมือลูกชายตัวน้อยเดินไป พูดจาอ่อนหวานและยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนกับผู้อื่น

    ภาพอ่อนหวานผิดกับบุคลิกของแม่ทัพทำให้นางเผลอยิ้มออกมา...เขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกินเมื่ออยู่กับคนที่รัก...

    แล้วเลอองก็หันมาโบกมือไหวให้กับนาง พร้อมตะโกนว่า ท่านจะรู้ว่าคนของท่านมีความสุขขนาดไหนในงานนี่ ขอให้มีความสุขขอรับนายหญิง!”

    ธาเนียพยักหน้าหนักแน่น ตอนนี้นางแน่ใจว่ามีเอลฟ์คู่หนึ่งมีความสุขมากแน่ๆ

    ดวงตาสามสีจึงค่อยมองไปรอบๆงานเลี้ยงที่อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและกลิ่นของอาหารแสนยั่วยวน...

    ที่มุมหนึ่ง...เอเรียยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ผู้ชายที่พยายามจะดึงความสนใจจากนาง เห็นได้ชัดจากแก้วเครื่องดื่มที่พวกเขาพยายามยื่นให้...ไม่แปลกนัก เอเรียเป็นหญิงสาวที่ (ค่อนข้าง) โดดเด่นอยู่แล้วและมันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง และไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ลีนพึ่งปฏิเสธคำขอเต้นรำจากเอลฟ์หนุ่มนายหนึ่ง แต่มันก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นๆมีโอกาสขอนางเต้นรำบ้าง

    ส่วนลูคัส เอลฟ์หนุ่มแสนสุขุมผู้นั้น นั่งเอนกายพิงต้นไม้ มือขวาเขย่าแก้วเครื่องดื่มเบาๆ ข้างกายเขาคือหมาป่าสีเงินตัวงามที่มักจะอยู่คียงข้างนางนอนหมอบใกล้ๆ

    หญิงสาวเหลียวมองอีกหน่อย นางก็เห็นเคลที่ดึงความสนใจจากผู้หญิงหลายคนได้เช่นกัน...เขาโดดเด่นด้วยร่างกายที่สูงสง่าเรือนผมสีน้ำตาลต่างกับชนเผ่าเอลฟ์ และที่ปฏิเสธไม่ได้คือหน้าตาคมคายที่แม้แต่นางเอง...ยังต้องยอมรับว่ามีปฏิกิริยากับรูปลักษณ์ของเขาในบางครั้ง...ทั้งๆที่นางไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใคร...?

    และนางเองก็ไม่เข้าใจว่าจะขมวดคิ้วทำไม เมื่อเห็นผู้หญิงหลายคนมองเคลด้วยสายตาสนใจอย่างเปิดเผย หรือผู้หญิงบางคนจับกลุ่มพูดคุยกันแต่กลับชำเลืองสายตาไปยังเขาบ่อยครั้ง

    เคลส่งยิ้มให้กับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาคุยกับเขา และส่งเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง

    ท่าทางเขามีความสุขดีนี่...

    ธาเนียตวัดสายตาเร็วๆ เก็บภาพของความสุขนี้ไว้แล้วหมุนกายกลับ...นางคงไม่เหมาะกับงานรื่นเริงเช่นนี้...บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงเริ่มหงุดหงิดแปลกๆ

    แต่เพียงสองขาของนางเริ่มก้าวไปได้ไม่ก้าวเท่านั้นเอง...

    ท่านธาเนีย!”

    หญิงสาวหันกลับไปมองเจ้าของเสียงแล้วค่อยหมุนกายกลับไปทั้งตัว

    เคลยืนอยู่ตรงหน้านาง ส่งยิ้มกว้างที่นางรู้สึกว่าไม่เหมือนกับที่เขาให้ผู้หญิงคนอื่น เอ้อ ข้าเห็นท่านพึ่งมา...อ่า นี่ น้ำผลไม้นี่อร่อยดีครับ ข้าอยากให้ท่านชิม

    ธาเนียรับแก้วที่เขาส่งมา แล้วเงยหน้ามองเคล

    เขายังคงยิ้ม ท่าทางลุกลีลุกลนแปลกๆ ข้า...ข้า...ข้าอยากให้ท่านชิมอาหารนี่ อร่อยมาก! ข้าว่าท่านจะติดใจ เพราะขนาดข้ายังติดใจเลย แต่ความจริงแล้วข้ายังชิมไม่ครบทุกอย่างเลย และมันจะดีอย่างยิ่ง ถ้า...ถ้าท่านไปด้วยกันกับข้า...

    นางเลิกคิ้วขึ้นหน่อย...และเคลรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กหนุ่มงี่เง่าที่ไม่รู้วิธีจีบสาวจนเก็บอาการไม่อยู่

    เขาได้ยินมาว่า ถ้าอยู่ในงานเลี้ยงจะขอใครเต้นรำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนในสายเลือดเดียวกันหรือคู่ชีวิต เขาก็เลยอยากชวนนางเต้นรำด้วย...เอ่อ ก็แค่นั้นจริงๆนะ

    คิดๆดูแล้ว...เคลมักจะอยู่ใกล้ๆนางตลอด...คอยทำทุกอย่างให้ คอยเอาใจ คอยดูแลนาง ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นเลยแท้ๆ...เขาทุ่มเทเพื่อนาง...จนตอนนี้ นางเริ่มรู้สึกว่าเคลเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิตของนาง...เป็นเหมือนส่วนหนึ่งที่นางเคยสูญเสีย...

    มองหน้าเขาแล้ว นางก็รู้สึกขำขึ้นมานิดๆ สีหน้าเขาตอนนี้แปลกๆ เหมือนอยากจะพูดอยากทำอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่กล้า...อยากทำสิ่งพิเศษที่มีเฉพาะในงานสังสรรค์งั้นหรือ?

    เจ้าอยากชวนข้าเต้นรำ?”

    เคลอ้าปากค้าง หันมองเจ้าของเสียงหวานๆอย่างอึ้งๆ ...นางรู้?

    ธาเนียอมยิ้ม นางเห็นเขามองไปยังลานเต้นรำบ่อยจนนางทายได้ หรือแม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็คงจะรู้

    อ่า ได้ไหมล่ะ...ครับ?”

    เคลค่อนข้างลุ้นพอตัวเลย ว่านางจะยอมเต้นรำกับเขาไหม จวบจนเขาเห็นนางมองเสื้อผ้าตัวเองที่เป็นชุดธรรมดาๆเหมือนทุกวัน ไม่ใช่ชุดสวยๆอย่างผู้หญิงคนอื่น แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

    ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ...

    ชายหนุ่มยิ้มกว้าง โอ ไม่เลยครับ...ไม่เลยครับ! เต็มใจอย่างยิ่ง!!” ...ยะฮู้!!

    เอลฟ์สาวคลี่ยิ้มมากขึ้น ขณะยอบกายลงรับกับเคลที่โค้งขอนางอย่างสุภาพ แล้วเดินเคียงเขาไปยังลานกว้างสำหรับเต้นรำ ท่ามกลางสายตาแทบทุกคู่ที่มองอย่างยินดีกับความสุขของนายหญิง

    ประชาชนของนางมีความสุข...เคลเองก็มีความสุข...และบางที...นางอาจจะไม่ได้ไม่เหมาะกับงานแบบนี้ก็ได้...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×