คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : วิกฤต!
Chapter 8
: วิกฤต!
“!!!”
ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโพลงขึ้นด้วยความตื่นตระหนก...ริอา...นางได้ยินเสียงร้องของริอา...
เอเฟียเหลียวซ้ายแลขวามองรอบห้องรับแขกของโรงแรมริมวารี ก่อนมือบางจะยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าหลังจากที่นางเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว หลังจากกลับมานั่งครุ่นคิดวางแผน
ใช่... สามวันแล้วที่นางเฝ้าตามหาริอาโดยไม่หลับไม่นอน แต่ก็แทบไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย ราวกับว่าเด็กน้อยของนางหายสาบสูญไป...หรืออาจถูกเก็บตัวเงียบเพื่อรอ ‘เวลา’
ตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่าริอาต้องถูกลักพาตัว และคนที่นำนางไปน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มที่มักจะจับตัวหญิงสาวมาขายบริการ เพราะมันย่อมได้เงินดีกว่าการเรียกค่าไถ่แน่ๆ..
เอเฟียปวดหัวตุบๆที่สมองซีกขวา มือเรียวยกนวดขมับเบาๆ ก่อนใช้เท้าเขี่ยเจ้าไรเด็นน้อยที่ดูจะเผลอหลับไปกับนาง แล้วหยิบดาบคู่กายพร้อมๆกับผุดลุกขึ้นเดินออกไปนอกโรงแรมอีกครั้ง... ไรเด็นน้อยก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่เป็นห่วงริอาและออกตามหาเด็กสาวไปกับนางตลอด
ร่างระหงเดินเข้าไปในตลาด ลองนับจำนวนร้านเหล้าและแหล่งขายบริการที่นางไปตามหาตัวริอาแล้ว นางก็บอกได้คำเดียวว่า นับไม่ถ้วน!
นั่นเพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตตะวันออก นอกจากจะรวบรวมเอาวัฒนธรรมอันงดงามจากชนเผ่าต่างๆและคนที่อพยพมาตั้งรกรากที่เมืองนี้ กล่าวว่าเป็นเมืองที่เจริญที่สุดก็ว่าได้ แต่อีกด้านหนึ่งของเมืองนี้ก็คือด้านที่มืดมิดที่สุดและใหญ่ที่สุดอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งค้าของเถื่อน อาวุธต้องห้าม สัตว์หายาก ยา รวมถึงผู้หญิง และทาส!
สิ่งที่เอเฟียกลัวเพียงอย่างเดียวก็คือ ริอาจะถูกส่งไปต่างเมือง และนั่นหมายความว่า โอกาสที่จะตามเจอแทบเป็นศูนย์...
เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้ว เสียงพูดคุยหยอกล้อสนุกปาก เสียงของแม่ค้าที่กำลังร้องเรียกลูกค้า เสียงของสาวๆที่กำลังต่อรองราคาอย่างจริงจังจนน่าขำ หรือแม้แต่เสียงบรรเลงเพลงไพเราะเสนาะหูจากวงดนตรีเปิดหมวกกลับทำให้นางยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“อ๊ะ! ขอโทษครับ”
เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาหลังจากที่เขาเดินหยอกล้อกับแฟนสาวจนเผลอมากระแทกนางซะแรง
“เดินให้มันดีๆหน่อยสิ!!!”
เสียงหวานกระแทกกลับ ร่ำๆจะกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“เอเฟีย ใจเย็นๆสิ!”
แว่วเสียงของไรเด็นน้อยขึ้นมา เอเฟียก้มหน้าหน่อยหนึ่งก่อนเงยกลับ... ไม่มีเหตุผลที่นางต้องหงุดหงิดใส่คนที่ไม่รู้เรื่อง... หญิงสาวกำหมัดแน่น สะบัดหน้าเดินไปอีกทางทิ้งให้ชายหนุ่มผู้นั้นยืนหน้าซีดตัวสั่นเทา...
ร่างระหงเดินสวนผู้คน หากในหัวมีเพียงความคิดคำนึงถึงเด็กสาว... ริอา เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าจะยังสบายดีหรือเปล่า เจ้าจะหายไข้หรือยัง... เจ้าอยู่ที่ไหนกัน...
ในห้องมืดทึบและเหม็นอับห้องเดิม ชายฉกรรจ์ห้าคนและวันนี้มีหญิงกลางคนอีกหนึ่งยืนเฝ้ามองดู ‘สินค้า’ด้วยแววตาไม่พอใจ
สินค้าซึ่งบัดนี้...นอนขดในมุมห้องตัวสั่นเทิ้ม หอบหายใจระรวยผ่านริมฝีปากแห้งผาก ดวงหน้าแดงจัดชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
ไม่ต้องเป็นแพทย์ก็รู้ว่าไข้สูง!
“แย่จริงๆ อุตส่าห์เป็นสินค้าชั้นดีเชียว ดันมาเป็นไข้สูงซะนี่!”
‘เจ๊’ ถอนหายใจเฮือก รำพึงอย่างแสนเสียดายกับสินค้า ก่อนดวงตาจิกกัดจะตวัดไปมองร่างสูงกว่าของลูกน้องทั้งห้าอย่างหงุดหงิด “พวกเจ้าน่ะ ใครกันที่เอาน้ำสาดจนแม่หนูนี่เป็นไข้ขนาดนี้ ให้ตายสิ! พวกเจ้านี่มันโง่ดักดานจริงๆเลย ก่อนหน้านี้ราคาค่าตัวแม่หนูนี่ตั้ง 30,000 เหรียญ ดูตอนนี้สิ เป็นไข้จะตายแหล่มิตายแหล่แล้ว ใครจะซื้อล่ะ! อย่างดีก็ได้แค่ส่งไปขายเมืองอื่นรวมกับพวกทาส ทุเรศจริงๆ!”
เหล่า ‘แมงดา’ ก้มหน้าเงียบ โดยเฉพาะไอ้ตัวต้นเหตุสองคนหน้าถอดสี รู้ว่าหลังจากนี้พวกมันคงโดนเละแน่ๆ
“ไปๆๆ! ยืนโง่อยู่ได้! เอาตัวแม่นี่ไปรวมกับพวกทาสที่จะส่งคืนนี้ ไปเร็วๆสิ!”
ดวงตาสีรัตติกาลปรือขึ้นอย่างอ่อนแรง ด้วยดวงตาที่ปรือขึ้นได้เพียงเศษเสี้ยวทำให้เห็นเจ้าของเสียงที่ยืดแว้ดๆอยู่และชายฉกรรจ์อีกห้าคนซึ่งหนึ่งในสองนั้นคือคนที่เคยรังแกนาง
หยาดน้ำตาที่นึกว่าแห้งเหือดเสียแล้วค่อยๆไหลรื้นออกจากหางตาและร่วงลงสู่พื้นสกปรกเป็นวง พร้อมๆกับที่ร่างของนางถูกกระชากขึ้นโดยใครคนหนึ่งและสองมือถูกมัดด้วยเชือกแน่นหนา ก่อนจะถูกลากออกไปนอกห้องทั้งๆที่นางไม่มีแม้แต่แรงจะเดิน ร่างบางล้มฟุบในทันทีที่ถูกปล่อยให้ยืนด้วยสองขาของตัวเอง
แต่พลัน เสียงบางสิ่งหวดผ่านอากาศเต็มแรงก็ดังขึ้น แล้วเสียงดัง เพี๊ยะ! จะดังขึ้นพร้อมๆกับความเจ็บแสบที่แผ่นหลัง!
“โอ๊ย!”
“เดินเร็วๆเข้าสิ! นังบ้า!!”
ริอาหันกลับไปมองต้นเหตุของความเจ็บที่ราวกับจะฉีกหลังของนางออก... แส้เส้นใหญ่สีน้ำตาลเปื้อนเลือดสะบัดขู่นางอีกครั้ง
“เดินไป! หรืออยากโดนแส้นี่อีกที!”
เช่นนั้นเด็กสาวจึงต้องกัดฟันกรอดทั้งน้ำตา ยันตัวเองขึ้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แล้วหอบสังขารที่ใกล้ถึงขีดจำกัดโซซัดโซเซไปตามทางที่ถูกลากไป...ราวกับสัตว์
พี่เอเฟีย...พี่อยู่ที่ไหน...รีบๆมาช่วยข้านะคะ... ข้า...จะไม่ไหวแล้ว...
พนักงานหนุ่มนามบราวน์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้สาธารณะที่หน้าโรงแรม จนกระทั่งใครคนหนึ่งเดินขึ้นจากเรือที่กำลังเทียบท่าพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่น ร่างนั้นเดินผ่านเฉียดเขาและเศษกระดาษแผ่นหนึ่งก็ถูกส่งให้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต
ชายหนุ่มคลี่กระดาษอ่านสารด้านใน แล้วเก็บสารนั้นลงกระเป๋ากางเกง ลุกขึ้นและเดินไปที่ริมท่า ยืนมองเรือลำย่อมลอยลำออกจากฝั่งจนได้ระยะแล้วเอ่ยเปรยกับชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอ่านตำราอยู่ที่ขั้นบันไดริมน้ำ
“แจ้งท่านหญิง เจอคนของนางแล้ว...”
เอเฟียเงยมองผืนฟ้าซึ่งกลายเป็นสีดำสนิท แม้แต่แสงจากโคมตะเกียงของบรรดาร้านรวงต่างๆก็ไม่อาจบดบังรัศมีระยิบระยับของหมู่ดาวที่กระจายเต็มฟ้า
นางเริ่มอ่อนแรงและเหนื่อยล้าเต็มที ความหวังริบหรี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้นางยังคงเฝ้าตามหาริอา
คืนนี้เป็นคืนที่สี่ที่ริอาหายตัวไป... แม่สาวน้อยของนางป่วยเป็นไข้ และในสภาวะที่ถูกจับไปเช่นนี้ อาการของนางคงจะยิ่งทรุดลงมากกว่าจะดีขึ้น...โธ่...ริอาที่น่าสงสาร...
ไรเด็นน้อยจับความรู้สึกหดหู่ของเอเฟียได้ มันก้มหน้าลงหูตกลู่กับอารมณ์ที่ติดลบอยู่ในตอนนี้... ไม่น่าเชื่อนัก ว่าเด็กสาวที่มาอยู่กับมันและเอเฟียแค่ไม่ถึงสองอาทิตย์ จะทำให้ทั้งมันและเอเฟียผูกพันจนรู้สึกเป็นห่วงได้มากขนาดนี้...
ราชันน้อยเดินเคียงเอเฟียที่เริ่มเดินห่างออกจากถนนสายหลักทุกที จนกระทั่งมันได้ยินเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ
“ท่านหญิงขอรับ...”
ฝีเท้าของเอเฟียสะดุดไปหน่อย ก่อนนางจะเดินอย่างปกติได้อย่างรวดเร็ว... พอๆกับไรเด็นน้อย
ร่างที่เดินตามมาเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เดินผ่านร่างสูงระหงของหญิงสาวที่เขาเรียกว่าท่านหญิง ข้อความจาก ‘บราวน์’ ถูกส่งให้ในทันที
“คนของท่านถูกพบที่เขตตะวันตกหลังร้านเหล้า...”
รายงานนั้นแทบไม่ทันจบ ทั้งร่างระหงและร่างเล็กของเสือขาวแปลกหน้าก็หลังหันตรงดิ่งไปยังที่หมาย เร็วจนเขายังอดตกใจไม่ได้ และต้องรีบวิ่งไล่ตามไปด้วยคำสั่งสุดท้ายของ ‘หัวหน้า’
“ให้ตายสิ! ถ้ารู้ว่าแม่นี่จะใกล้ตายแบบนี้ละก็ วันนั้นข้าน่าจะจัดการแม่นี่ก่อนเลย เสียดายฉิบ!”
เสียงคุ้นหูที่นางไม่อยากจะคุ้นเลยสักนิดแว่วกระทบโสต... ริอาหอบหนัก ไม่คิดว่าการเดินมันจะเหนื่อยขนาดนี้...
“ก็เพราะเจ้ามันโง่น่ะสิ! ถ้าวันนั้นเจ้าไม่เอาน้ำสาดปลุกแม่นี่ล่ะก็ อีกสักห้าหกเดือนหลังจากนี้เราอาจจะได้แม่นี่ไปนอนด้วยก็ได้!”
“เหอะ! เจ้าต่างหากที่โง่! เจ้าคิดหรือไงว่าสินค้าชั้นดีขนาดนี้ เจ๊จะให้เราเอามาใช้น่ะ”
“เจ้าน่ะไม่เกี่ยว หุบปากไปเลย!”
“นรก! ข้าแค่เสนอความเห็น พวกเจ้าดูสภาพตัวเองบ้างเถอะ! เป็นแค่คนคุมผู้หญิง ไม่ใช่พวกระดับหัวหน้าซะหน่อยถึงจะได้นอนกับสินค้าได้น่ะ!”
ริอาปิดตาอย่างอ่อนล้า นางปวดหัวตุบๆไม่พอ ยังต้องมาทนฟังเสียงทุ่มเถียงเรื่องเลวๆแบบนี้อีก...
“ข้าให้พวกเจ้าเอาตัวแม่นี่ไปส่ง!!! ไม่ใช่ให้มาเถียงงี่เง่าแบบนี้ ไอ้พวกโง่!!!”
เพียงเสียงตวาดลั่นครั้งเดียว ทุกเสียงที่เคยแข่งกันตะโกนใส่หูก็เงียบกริบ เด็กสาวนึกอยากจะขอบคุณ แต่นางก็สำนึกได้ว่านางเป็นผู้หญิงที่ถูกจับตัวมาเพื่อเอาไปขายบริการ และมีผู้หญิงที่เดินนำหน้าคนนี้เป็นคนจัดการ ‘ขาย’ นางให้กับเศรษฐีคนหนึ่ง... มันคงจะเป็นไปตามนั้นถ้าหากว่านางไม่ป่วยหนักขนาดนี้...
ผู้ถูกเรียกว่า ‘เจ๊’ เดินกรีดพัดกรุยกรายด้วยมาดของนางพญา... หน้าตาก็จัดว่าสวยดีหรอกนะ ดูจากใบหน้าอายุของนางก็ไม่น่าจะเกินสี่สิบปี แต่ทำไมนิสัยใจคอถึงได้โหดร้ายอย่างนี้กัน...
ดวงตาของเอเฟียลุกวาว อาการเหนื่อยหอบจากเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง...เบื้องหน้านางห่างออกไปประมาณห้าสิบเมตร คือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ประกอบไปด้วยชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมห้าคน ผู้หญิงที่เดินเชิดคออย่างกับนางห่านหนึ่งคน และอีกหนึ่ง...คือน้องน้อยที่นางเฝ้าตามหามาตลอดสี่วัน...
“ริอา!!!”
เด็กสาวสะดุ้งกาย น้ำเสียงที่คุ้นหูนั่น...
“พี่เอเฟีย!”
รอยยิ้มค่อยๆผุดขึ้นช้าๆบนดวงหน้างามชื้นเหงื่อ ริอาอยู่ตรงหน้านาง หันมามองนางและยิ้มทั้งน้ำตา
“อะ อ้าว... นึกว่าใครที่ไหน แม่หนูเอเฟียนี่เอง...”
เสียงที่ขัดขึ้นนั่นเป็นของเจ๊ชุดสีแดงเพลิงที่ปรายตาหันมองช้าๆด้วยสีหน้าหยิ่งยะโส ริมฝีปากบางแดงจัดตัดกับดวงหน้าขาวผ่องเหยียดออกด้วยความหยาม
สาวผมแดงชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวไป ดวงตาแทบลุกเป็นไฟเขม้นมองสตรีสูงวัยกว่า
“เจ้า...นังซิน!”
“ต๊าย!!!” เสียงแหลมกรีดร้องดัดจริต เบิกดวงตากลมโตขึ้นอีก “ข้าน่ะชื่อว่า ซินาร่า นะจ๊ะ ไม่ใช่ นังซิน... ถ้าจะเรียกว่านังซินละก็ ชื่อนั่นน่าจะใช้เรียกเจ้ามากกว่านะ โถๆๆ...” มือเรียวกรีดกรายสะบัดพัดประดับขนนกสีแดงเข้าชุดกับเสื้อเก็บ ก่อนหางตาจะเหลือบไปมองเด็กสาวที่เริ่มกลับมามีเรี่ยวแรงฮึดหนีในทันทีที่เห็นหน้าสาวผมแดงแล้วก็ร้องอ๋อ
“แม่หนูนี่เป็นเด็กของเจ้าหรอเนี่ย...แหม บังเอิญจังนะจ๊ะ ข้ากำลังจะพาแม่หนูนี่ไปขายพอดี แย่จังน้า ฮึฮึ”
“ปล่อยริอาเดี๋ยวนี้นะ!”
เอเฟียแผดเสียงร้อง ก้าวฉับๆตรงเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรงจำนวนคนที่มากกว่าของอีกฝ่าย ไรเด็นน้อยลอบสังเกตท่าทีของเอเฟียแล้วก็แน่ใจว่า นายสาวต้องเคยมี ‘เรื่อง’ กับแม่ผู้หญิงมาดนางพญาแน่ๆ
“โอ๊ะ โอ...หยุดตรงนั้นดีกว่านะ แม่หนูเอเฟีย อย่าลืมนะว่าข้ามีใครอยู่...”
ปลายนิ้วเรียวตวัดชี้ไปยังริอาที่บัดนี้ถูกชายฉกรรจ์คนหนึ่งจับกุมตัวไว้แน่นหนา มือหนึ่งของมันขย้ำคอของนางไว้ “ถ้าเจ้าก้าวเข้ามาอีกก้าวล่ะก็ ข้าจะให้ไอ้นี่มันหักคอแม่หนูของเจ้าซะนะ คิกคิก”
ได้ผลยิ่งกว่าได้ผล เอเฟียหยุดฝีเท้า กำหมัดแน่น หากดวงตาเปลี่ยนเป็นกองไฟได้คงเผาอีกฝ่ายจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว “ปล่อยนางซะยายซิน! ไม่งั้นข้าฆ่าเจ้าแน่!!”
ผู้ถูกขู่หัวเราะคิกเหมือนขำซะเต็มประดา แต่ดวงตาน่าขยะแขยงก็บอกว่านางแกล้งทำ “โถ... แม่หนูเอเฟีย คราวที่แล้วเจ้าก็มาบังคับให้ข้าปล่อยผู้หญิงที่กำลังจะเอาไปขายแบบนี้นะ คราวนี้จะให้ปล่อยอีกหรอ แย่จริงๆ ข้าต้องทำมาค้าขายนะ ข้าไม่ได้หาผู้หญิงมาเพื่อให้เจ้าบังคับให้ปล่อยน้า~ อย่าลืมสิ ว่าคราวที่แล้วที่ทำให้เจ้าต้องหนีออกจากเมืองแทบไม่ทันน่ะ ก็เพราะว่าข้ามีเพื่อน ‘สนิท’ เป็นสันติบาลน่ะ ข้าจะทำอะไรเขาก็ไม่สนหรอก ตราบใดที่ข้ายัง ‘จ่าย’ ให้กับเขาน่ะ”
ซินาร่าหรี่ดวงตาลงอย่างเย้ายวนใจ ปลายลิ้นเล็กไล้ริมฝีปากล่างราวกับจะเชิญชวน
“แล้วคราวนี้น่ะ... หากข้าจะจับผู้หญิงผมแดงไปขายเป็นโสเภณีอีกสักคน หรือเผลอฆ่านางตาย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ ฮึฮึ”
เอเฟียหรี่ตาวูบ มือขวาตวัดจับดาบในพริบตา ขาขวาพุ่งออกไป!
“ง่ำ!”
เขี้ยวเล็กที่งับขาซ้ายทำให้นางหยุดอีกครั้ง ดวงตาที่แทบจะฆ่าใครสักคนตวัดมองเจ้าของคมเขี้ยวด้วยความอดทนที่ใกล้ถึงขีดสุด
“ทำอะไรของเจ้าน่ะ ไอ้เตี้ย!!!”
ไรเด็นน้อยไม่ตอบ แต่มันทำเสียงขู่นางและหันไปหาริอา นั่นจึงทำให้นางนึกได้... ริอาเป็นตัวประกัน!
ซินาร่าส่งเสียงหัวเราะชอบใจ “เจ้าลูกเสือนั่น ฉลาดกว่าเจ้าเสียอีกนะ แม่หนูน้อยเอเฟีย ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เจ้าไม่ต้องห่วงแม่หนูคนนี้หรอกนะ เดี๋ยวข้าแค่จะส่งนางไปขายเป็นทาส แต่ก่อนหน้านั้นก็ไม่แน่ว่าลูกน้องของข้าอยากทำอะไรนางหรือเปล่า ก็ดูสิ...” ร่างเพรียวลมเยื้องย่างไปหยุดหน้าเด็กสาว นิ้วชี้เชยคางมน พิจใบหน้างามหวานใสซื่อที่มีน้ำตาอาบใบหน้าแล้วยิ้มกริ่ม “นางออกจะน่ารักขนาดนี้ แถมยังบริสุทธิ์อีกด้วย... ถ้าข้าเป็นผู้ชายข้าคงไม่ปล่อยนางแน่ๆ...จริงมั้ย เด็กๆ?”
คำตอบของ ‘เด็กๆ’ คือเสียงหัวเราะทุ้มพร่าปนความหิวกระหายเข้มข้น ชายฉกรรจ์ที่จับตัวริอาไว้ก้มลงแล้วลากลิ้นไปตามแก้มนุ่มแทนคำพูดว่า ‘นางเสร็จข้าแน่ๆ’
หยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตากลมโตสู่ปลายคาง แล้วตกลงบนพื้นในที่สุด... ก่อนดวงตาคู่นั้นจะปิดสนิทและร่างทั้งร่างก็ทรุดฮวบลงในอาการคนหมดสติ... แต่ริมฝีปากแห้งผากจนแตกซิบยังคงขยับเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา เพ้อหา แม้ในวินาทีสุดท้าย...
“พี่...เอ...เฟีย...”
หากเมื่อครู่... เอเฟียเปรียบเหมือนหมาบ้าที่เกือบหยุดไม่ได้ บัดนี้...นางราวกับซาตาน...
ดวงตาสีน้ำตาลคู่งามที่เคยเดือดดาลลุกเป็นไฟสงบนิ่ง...เย็นลง และกลายเป็นเย็นเฉียบ...
สาบานว่าไม่เคยมีครั้งใดที่เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้!
ไรเด็นน้อยขนลุกชัน สัญชาติญาณทำให้มันกระโดดออกห่างจากเอเฟียแม้จะรู้ทั้งรู้ว่านางจะไม่มีวันทำอะไรมันก็ตาม
แม้แต่หัวใจดวงเล็กของราชันยังเต้นกระหน่ำในอก อารมณ์เดือดพล่านที่สัมผัสได้เมื่อครู่ถูกกลืนหาย...ตอนนี้ที่เด่นชัดและแผ่กดดันจนบรรยากาศเย็นเฉียบคือจิตวิญญาณ ‘อำมหิต’
...ในบางครั้งที่อารมณ์ของเอเฟียแรงจัด มันจะสามารถรับรู้ได้ และในตอนนี้อารมณ์ที่มันรับรู้ก็คือ
...ฆ่า...
“เอเฟีย! อย่าให้มือของเจ้าเปื้อนเลือด! ไม่งั้นเจ้าจะต้องลำบากแน่!”
ราชันร้องเตือนด้วยความตื่นตระหนก หากเอเฟียยังเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าพวกนั้นต้องตายแน่ๆ! แต่ที่ลำบากกว่าคือ บทลงโทษของการฆ่าคนคือถูกประหารชีวิต และมันก็ยังไม่อยากให้เกิดเรื่องนั้น!
ฝีมือของผู้หญิงที่ล้มหมูป่ายักษ์ที่จัดเป็นสัตว์อันตรายระดับเจ็ดจากสิบระดับด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว ใช่ว่าจะเล่นๆ... เอเฟียอันตรายกว่าที่พวกนั้นคิดไว้ พวกมันดูถูกเอเฟียเกินไป!
ร่างระหงยืดตัวขึ้นอีกเพียงนิด คลายมือจากการจับดาบแน่น
ไรเด็นน้อยเกือบจะวางใจ หากไม่เพราะประกายตาที่ไหววูบ!
“เอเฟียอย่า!!!”
วินาทีนั้น เบื้องหน้าก็ว่างเปล่า!
ดวงตาสีอำพันตวัดมองตามความเร็ว ยิ่งเบิกกว้างตื่นตระหนกเมื่อเห็นเอเฟียยืนกอดริอาที่หลุดพ้นจากการถูกจับตัวไว้ สองแขนใหญ่ที่เคยตวัดรัดร่างบางสงบนิ่งกับพื้นเลือดไหลอาบท่วม...
“อ๊าก!!!! แขนข้า แขนข้า!!!!!!”
เอเฟียหมุนกาย อุ้มริอาขึ้นในวงแขนเดินกลับไปหาไรเด็นน้อย ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องวงหน้างามที่ดูเป็นทุกข์ไม่วางตา
ซินาร่ายืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจนางแทบหยุดเต้น...เอเฟียตัดแขนคนของนางในพริบตา โดยที่นางไม่ทันเห็นแม้แต่ดาบที่ถูกชักออก... แต่นางรู้ว่าถ้านางไม่ทำให้เอเฟียตายก่อน หัวใจของนางได้หยุดเต้นจริงๆแน่!
“จะ...จัดการเอเฟียสิ! ฆ่าแม่นั่นซะ! ถ้าพวกเจ้าไม่ฆ่านาง เราถูกฆ่าแน่ๆ!”
เสียงร้องกรี๊ดทำให้ชายอีกสี่คนที่เหลือได้สติ พวกเขาโกรธเกรี้ยวที่ถูกหยามเกียรติโดยผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว... โดยไม่รู้ว่าต่อให้พวกมันมาอีกกี่สิบคนก็ล้มนางในยามนี้ไม่ได้...
พวกมันโห่ร้อง กระชากดาบจากฝักและวิ่งตรงเข้าไปหาเอเฟีย!
ร่างของริอาถูกวางลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล ไรเด็นน้อยที่ยืนนิ่งกับที่ถูกเรียกใช้ “เฝ้าริอาให้ที”
“เจ้าอย่าฆ่ามัน! ไม่งั้นเจ้าเองนั่นล่ะที่จะถูกฆ่าด้วย!” เจ้าตัวเล็กของริอาร้องเตือน ดวงตามองเลยไปเบื้องหลังที่เจ้าพวกค้ามนุษย์กำลังวิ่งตรงเข้ามา “เจ้าทำให้มันสลบไปก็ได้ ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้!”
มีเพียงรอยยิ้มมุมปากบางๆที่ถูกกระตุกขึ้น เอเฟียเหยียดกายยืนตรง แล้วหมุนร่างไปหาศัตรู
“ข้าเองก็มีขอบเขตที่ใครก็ห้ามก้าวเข้ามา และพวกมันก็ก้าวเข้ามาแล้ว...” น้ำเสียงหวานหากเย็นเฉียบ
“ข้าต้องทำ...”
“แฮ่ก แฮ่ก...”
เสียงหอบหายใจของเอเฟียดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อนางทั้งต้องวิ่งเต็มฝีเท้าและอุ้มริอาไปพร้อมๆกัน เป้าหมายของนางคือร้านหมอที่อยู่เกือบสุดเมืองทางทิศเหนือ และตอนนี้มันก็เป็นเวลาสองยามแล้วด้วย! นางกลัวเหลือเกินว่าหมอจะไม่รับคนไข้แล้ว!
ไรเด็นน้อยคอยวิ่งตามเอเฟีย ดวงตาสีอำพันยังคงมีความแคลงใจไม่คลาย... มันนึกย้อน... ย้อนถึงก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง... ภาพร่างห้าร่างนอนจมกองเลือดในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทียังคงติดตาไม่หาย และซินาร่าก็คงจะกลายเป็นหกที่ศพหากไม่เพราะมีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นก่อนเมื่อนางบังเอิญเดินผ่านมาและเห็นศพพวกนั้น เอเฟียจึงต้องรีบอุ้มริอาวิ่งไปจากที่นั่นและทิ้งซินาร่าที่นั่งนิ่งเป็นหินและอ้าปากค้างเหมือนคนเสียจริต...
เอเฟียเก่ง...และเก่งเกินไปด้วยซ้ำ... ตั้งแต่ร่วมเดินทางกับนางมา ไรเด็นน้อยกลับพบว่ามันแทบไม่รู้จักนางเลย นอกจากรู้ว่านางออกเดินทางอย่างนี้มาสองปีแล้ว รู้จักกับแม่ทัพหนุ่มนามรอส นิสัยบ้าๆบวมๆ ขี้บ่น ขี้โมโหโวยวาย ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยนึกอยากทำอะไรก็ทำ แต่นางก็รักพวกพ้อง และยังรู้แค่ว่านางชอบดื่มเหล้ากับเข้าอารีน่าเป็นชีวิตจิตใจเท่านั้น...อย่างกับนิสัยของผู้ชาย...
แต่จากเหตุการณ์วันนี้มันได้รู้ว่าอีกด้านหนึ่งของเอเฟียคือ ด้านที่ไร้หัวใจโดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นการลงมือโดยไม่กระพริบตา สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยแม้ว่าเลือดจะกระเซ็นต้องใบหน้าของนาง
ราวกับนางชินชากับการฆ่าคน...
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงรัวเคาะประตูที่ปิดสนิทดึงสติของไรเด็นน้อยกลับมา เจ้าตัวเล็กแหงนหน้ามองบ้านที่เอเฟียพยายามเคาะประตูแล้วร้องเรียกหาหมอเสียงหลง
ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก เมื่อริอาไอโขลกๆจนตัวงอทั้งๆที่หมดสติอย่างนั้น ลิ่มเลือดกระเซ็นเปื้อนเสื้อรวมไปถึงใบหน้าของเอเฟียที่ก้มลงมองอย่างตกใจ
“ริอา! อย่าพึ่งเป็นอะไร! ริอา!!! หมอ!!! คนไข้ด่วน ได้โปรดเปิดประตูที!!! ริอาแย่แล้ว!!!”
และมันก็ไม่เคยเห็นเอเฟียตกใจกับสิ่งใดมากเท่าเด็กสาวที่กำลังไอเป็นเลือด หอบจนตัวโยนอย่างน่ากลัว
ไม่นานบานประตูก็เปิดออก ชายชราไว้เครายาวเปิดประตูออกมา
“มีอะไรหรื...”
คำถามนั้นถามไม่จบ เมื่อผู้ที่ดูจะเป็นหมอก้มลงมองคนไข้สาวแล้วเบิกตาโพลง
“โอ...ตายแล้ว! แย่ๆๆ รีบนำนางเข้ามาเร็วๆ!”
เอเฟียนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ดวงตาแห้งผากมองเด็กสาวที่หลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาและไม่มีอาการน่ากลัวแบบเมื่อครู่อีก ริอานอนหลับตาพริ้มเหมือนแค่หลับโดยไม่ได้เป็นโรคอะไร มือเรียวกุมมือเล็กแน่นให้กำลังใจ
ไรเด็นน้อยนั่งอยู่ที่มุมห้อง เนื่องด้วยมันก็อยากเข้ามาแต่เพราะหมอชราไม่อนุญาต จนเอเฟียต้องยืนยันว่ามันสะอาดและพึ่งอาบน้ำมา หมอจึงยอมให้เข้าแต่ก็ให้อยู่ห่างๆริอาไว้
ราชันน้อยมองเอเฟียที่ดูกังวลหนักหนาอย่างสงสาร... หมอบอกว่า ริอาเป็นโรคไข้เจ็ดวัน... ที่ได้ชื่อนั้นเพราะเมื่อผ่านพ้นวันที่เจ็ด ไม่เคยมีคนไข้คนใดรอด...
‘ยารักษาจะว่ามีมันก็มีนะ’
คำพูดของหมอแว่วเข้ามาในหัว
‘แต่ยารักษานั่นน่ะ มีเฉพาะที่เกาะฤดูร้อนทางใต้ ไม่อาจหาจากที่ใดได้นอกจากที่นั่นที่เดียว เพราะสมุนไพรจะเฉาทันทีที่สภาพอากาศเปลี่ยนและถูกเด็ดจากดินหรือต้นเกินสามยาม นอกจากนี้ก็ยังต้องปีนเขาขึ้นหาตัวยาซึ่งหายากยังไม่พอ แม้ว่าจะได้มา ก็หาแพทย์หรือนักสมุนไพรคนไหนทำยาได้ยาก เพราะมันเป็นสูตรโบราณที่ต้องการความละเอียด’
และถึงนางจะสามารถหาได้ทั้งตัวยา ทั้งคนทำ แต่ระยะเวลาในการเดินทางจากที่นี่ถึงเกาะฤดูร้อน... เกินหนึ่งเดือน...
เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา ไรเด็นน้อยหันไปมองผู้มาเยือนซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหมอชรา ในขณะที่เอเฟียยังนั่งนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“แม่หนู ทำใจเสียเถอะ... ไม่มีอะไรที่เกิดแล้วจะไม่มีวันดับ”
มีเพียงเสียงระบายลมหายใจยามๆอย่างอ่อนล้า
หมอชราถอนใจเฮือกด้วยความสงสาร
“จริงๆแล้ว มันก็มีอีกวิธีน่ะแหละ แต่มันก็ดูริบหรี่พอๆกับวิธีนี้...”
คนที่เคยเหม่อลอยอยู่นานดูจะมีปฏิกิริยาขึ้น เอเฟียหันหน้าไปหาหมอชราโดยเร็ว “วิธีอะไรคะ?”
หมอชราเดินเข้าไปหาคนไข้ อังหลังมือกับหน้าผากที่ร้อนฉ่าแต่ไม่เป็นสีแดงเพราะอาการของโรคอย่างหนักใจ
“ข้าเคยได้ยินจากเพื่อนของข้าว่าที่วังหลวงเองก็สามารถปลูกสมุนไพรชนิดนี้ได้ แต่ถูกปลูกในสวนหลวงขององค์เหนือหัวและยังปลูกได้เพียงน้อยนิด หากเจ้าสามารถขอพระราชทานมาได้ หมอในวังหลวงที่เก่งๆก็มีมากพอที่จะทำยาได้นะ... แต่เรามันแค่คนธรรมดาไม่มีสิทธิเข้าไปในวังหลวง และกว่าเจ้าจะไปถึงเมืองหลวงได้ นอกจากม้าฝีเท้าจัดราคาหลายหมื่นเหรียญแล้ว เวลาแค่สองวันเจ้าไม่มีทางไปถึงแน่...”
ดวงตาคู่งามพราวระยับขึ้นในพริบตา “วังหลวงงั้นหรือคะ!?” นางถามย้ำ รอยยิ้มยินดีเข้ามาแทนที่ความหดหู่ “ข้าขอบคุณท่านมาก!”
หมอชรายังไม่ทันได้กล่าวอะไรเลย เมื่อแม่สาวผมแดงแปลกตามอบเงินค่ารักษาให้ แล้วรีบอุ้มร่างบางออกจากร้านของเขาไป ตามติดๆด้วยเสือขาวตัวน้อยที่วิ่งตามออกไปอย่างแสนรู้
.... ช่วงนี้เนื้อเรื่องเครียดหน่อยน้า ขออภัยที่ลงช้า (มาก) จ้า >o<
ความคิดเห็น