คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7
ในเช้าวันต่อมา เคลจงใจตื่นเร็วกว่าปกติเพียงเพื่อที่จะได้ออกมาอุ่นอาหารเช้าที่ลีนทำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ชายหนุ่มคิดว่าเมื่อคืนธาเนียน่าจะรู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นบางทีถ้านางยังไม่หายเคืองกับอะไรบางอย่างแล้ว เขาก็น่าจะหาอะไรสักอย่างทำเพื่อให้นางอารมณ์ดีขึ้น และแวบแรกที่เขาคิดได้ก็คือ ทำอาหารเช้าให้นาง
ธาเนียตื่นเช้ามาก น่าจะตั้งแต่ 4.30 น. และจะลงมาทำอาหารเช้าในอีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ซึ่งเคลที่ตื่นเวลานั้นพอดีก็จะได้ยินเสียงทำอาหาร และหลังจากเขาอาบน้ำเสร็จ ก็จะทันทานมื้อเช้ากับนางพอดี
และตอนนี้เขาก็ลงทุนตื่นตั้งแต่ตี 4 เพียงเพื่อจะเซอร์ไพรส์นาง
ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อเขานึกสีหน้าธาเนียตอนที่นางลงมาแล้วพบว่ามีอาหารมากมายเรียงรายบนโต๊ะ...นางอาจจะไม่ยิ้ม แต่ก็คงจะขอบคุณที่เขาอุตส่าถ่างตามาทำอาหารให้นาง!
นอกจากกับข้าวสามอย่างที่ลีนทำไว้แล้ว เขาก็อาจจะทำเพิ่มอีกสักสองอย่าง...แต่ มันจะมากเกินไปไหมนะ?
ความคิดเรื่องมื้อเช้าตีกันปนเปในหัวของเขา กระทั่งชายหนุ่มเปิดประตูห้องออกไป ความคิดทั้งหมดนั่นจึงหายวับไปในวินาทีนั้น
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองไปยังโซฟาไม้ตัวที่เขานั่งประจำและพบว่าธาเนียกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น มีเพียงดวงไฟเวทมนตร์ดวงเดียวที่ให้แสงสว่างริบหรี่กับนาง
เหนือมือซ้ายที่ยืดออกมาเล็กน้อยและแขนเสื้อยาวซึ่งถูกตลบเลื่อนขึ้นไปจนถึงต้นแขนขาวๆคือ บางสิ่งสีเข้มส่งกลิ่นฉุนเล็กน้อยที่ทำให้เขารู้ว่าเป็นสมุนไพร ส่วนในมือขวาคือผ้าพันแผลผืนยาวที่นางกำลังจะพันไว้รอบแขนซ้าย แต่การกระทำนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อเคลบังเอิญออกมาจากห้องทั้งๆที่ไม่ใช่เวลาประจำของเขา
ดวงตาสามสีคู่งามปรากฏแววแปลกใจเล็กน้อยก่อนนางจะปล่อยให้ผ้าพันแผลตกลงบนโต๊ะและใช้บางอย่างกวาดสมุนไพรที่แขนซ้ายออกจนหมด แล้วดึงแขนเสื้อนั้นลงมาปิดตามเดิม เมื่อเคลเดินตรงเข้ามาหานางโดยไม่สนใจสิ่งอื่น
ธาเนียเก็บของทุกอย่างลงในกล่องไม้แล้วขยับจะลุกขึ้น แต่ชายหนุ่มที่ก้าวมาหยุดหน้านางก็กอดอกขมวดคิ้วมองและท่าทางจะไม่ยอมปล่อยให้นางไปโดยดี
“ท่านบาดเจ็บ?”
เคลยิงคำถามแทบในตอนนั้น เขามองไปยังแขนซ้ายที่วางบนตักพร้อมๆกับที่มือของเขาเอื้อมไปหมายจะคว้าแขนของนางขึ้นมาดูแผล
“ไม่มีแผลใดๆทั้งสิ้น!” หญิงสาวชักมือหนีไม่ให้เขาจับ ดวงตาแวววาวราวกับสัตว์กลางคืนจ้องเขาไม่วาง “ข้าแค่เมื่อย และไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้าเลยที่ต้องมายุ่งกับข้าเช่นนี้!” นางไม่ได้ปดเพียงแต่ไม่อยากให้เขารับรู้
ชายหนุ่มมองกล่องไม้ที่นางเก็บของใส่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการผลักตัวเขาออกห่างทั้งยังด่าเขาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ แล้วนางก็รีบลุกเดินหนีตรงไปยังชั้นบน
หลังจากอึ้งอยู่เกือบสามวินาทีกับความคิดที่ว่านางรังเกียจตัวเขามากจนถึงขนาดต้องใช้กล่องผลักออกอย่างนั้นแล้ว เคลก็รีบหันขวับไปยังร่างบางที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได “เดี๋ยวสิ!”
ชายหนุ่มรีบก้าวตามนาง เพราะรู้ว่าจะไม่มีการหยุดรอใดๆทั้งสิ้น และทางเดียวที่จะทำให้นางหยุดเพื่อเขาได้นั่นก็คือวิ่งไปดักหน้า แต่ธาเนียก็จงใจเดินกลางบันไดไม่ให้เขาแซงขึ้นไปได้ ดังนั้นทางสุดท้ายที่จะทำให้นางหันมามองเขา...เคลเลยต้องคว้ามือขวาของนางแล้วกระตุกดึงให้หญิงสาวหันกลับมา
ดวงตาของนางวาวโลด!
“ปล่อย!!”
“ไม่ปล่อย!”
เคลกวนกลับอย่างน่ารำคาญ ทวีความหงุดหงิดให้กับนางอย่างที่สุด!
ธาเนียพยายามดึงมือกลับ แต่มือของเขาที่กำมือของนางก็แน่นเกินกว่าจะกระชากออกได้โดยง่าย แม้ไม่เต็มใจแต่หญิงสาวก็จำต้องเดินตามแรงดึงของเขาจนต้องกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง
คนเมืองคุกเข่าลงตรงหน้านางและทำตัวน่ารำคาญด้วยการกุมมือซ้ายของนางยกขึ้น พยายามถลกแขนเสื้อของนางทั้งๆที่หญิงสาวเองก็พยายามดึงมันลง
“ปล่อย!”
คำนั้นสมควรเป็นคำพูดของนาง แต่...มันไม่ใช่เลย...หญิงสีเงินนิ่งอึ้งในบัดดล มองเคลดึงแขนเสื้อของนางขึ้นสูงจนเกือบถึงต้นแขนอย่างลืมตัว...นางไม่คิดว่าเคลจะทำเสียงแข็งอย่างนี้กับนาง และยิ่งไม่คิดว่ามือของนางเองจะปล่อยแขนเสื้อตามคำสั่งของเคล
“เจ้า...”
“ให้ตายสิ! ท่านเป็นแผลจริงๆด้วย!”
เสียงทุ้มตื่นตระหนกขัดขึ้นก่อนประโยคใดๆจะหลุดจากปากของนาง
เคลเบิกตากว้างมองรอยแผลที่ราวกับเป็นกรงเล็บทั้งสี่ของสัตว์ใหญ่ลากเป็นทางยาวที่หลังแขนซ้ายตั้งแต่เกือบข้อพับแขนจนเกือบถึงข้อมือ ปากแผลยังเปิดกว้างแต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมา...แต่แผลขนาดนี้...พระเจ้า! นางทนมันได้อย่างไร
“เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับข้างั้นหรือเคล!”
เสียงหวานเกรี้ยวกราด และเคลไม่สนใจว่านางจะโกรธเขาเท่าไหร่ บาดแผลของนางน่าเป็นห่วงเกินกว่าที่เขาจะต้องมาใส่ใจอารมณ์โกรธ ‘เล็กๆน้อยๆ’ ของนางที่คาดว่าจะแปรปรวนเพราะความเจ็บ
“ก็ได้ๆ ข้าขอโทษ!” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ แล้วหันไปเปิดกล่องไม้ที่นางถือมา ซึ่งก็เป็นดังเขาคาด กล่องนี้คือกล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“หลังจากนี้จะให้ข้าขอโทษอีกกี่ครั้งก็ได้ แต่ท่านช่วยอยู่นิ่งๆให้ข้าทำแผลหน่อยได้ไหม!”
นาง (อาจจะ) ยอมรับข้อเสนอของเขาด้วยการปิดปากเงียบและอยู่นิ่งๆตามที่ขอไว้ ยอมให้เคลได้ทำแผลให้นาง
หลายครั้งที่เคลแอบเงยมองหน้านาง เขาเห็นว่านางมองไปที่อื่นที่ไม่ใช่แผลด้วยดวงตานิ่งสงบแกมเย็นชา ดวงหน้าของนางค่อนข้างซีด แต่เคลก็ไม่โง่พอที่จะถามนางว่า ‘เจ็บไหม?’ เพราะแม้ดวงตาจะนิ่งเฉย แต่มือขวาที่วางอยู่ข้างกายกลับกำแน่นจนสั่นสะท้าน เห็นแล้วก็ทั้งสงสารทั้งรู้สึกเจ็บแทน
“ทนหน่อยนะครับ อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว...”
สุดท้ายเมื่อเคลทำแผลให้นางเสร็จเรียบร้อย และเก็บของลงในกล่องอีกครั้ง ธาเนียก็ผุดลุกขึ้นเดินหนีตรงไปที่บันไดอีกครั้ง
ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจแม้ว่านางจะไม่มีคำขอบคุณใดๆให้ เพราะเขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไปบังคับนาง มันก็ไม่แปลกที่นางจะโกรธเขา แต่มันก็อดไม่ได้ที่เขาจะต้องบอกกับนางให้รู้เรื่อง ดวงตาสีสนิมมองตามร่างบางที่กำลังก้าวเร็วๆขึ้นบันได ส่วนปากก็พูดไล่หลังนางไป
“คราวหลังถ้าท่านบาดเจ็บ ช่วยบอกข้ามั่งเถอะ ถ้าท่านยอมบอกข้าดีๆสักคำข้าก็ (อาจ) จะไม่กวนท่าน แต่ถ้าท่านไม่ยอมบอกข้า คราวต่อๆไปข้าก็จะทำแผลให้ท่านอีก”
สองเท้าที่กำลังก้าวหยุดชะงัก ธาเนียยืนนิ่งอย่างนั้นเกือบสามวินาทีก่อนเสียงของนางจะตอบกลับ
“เจ้าจะต้องอาศัยที่นี่อักสักพัก เพราะฉะนั้นเจ้าก็สมควรเรียนรู้ประเพณีของเผ่าเราด้วย...กฎข้อหนึ่งในนั้นกล่าวไว้ว่า จะต้องไม่มีการสัมผัสใดๆทั้งสิ้นระหว่างชายหญิงที่ไม่ใช่คู่ครอง ครอบครัวและการรักษาพยาบาล...”
หลังจากนั้นนางก็เงียบไปอีกเกือบห้าวินาที
“คราวนี้ข้าจะไม่ถือเพราะเจ้ายังไม่รู้กฎเกณฑ์ใดๆ แต่คราวต่อไปจะไม่มีการผ่อนปรนอีก จำไว้!”
สิ้นประโยคนั้น ร่างบางก็รีบจ้ำอ้าวขึ้นไปชั้นบนโดยเร็วราวกับกลัวว่าเคลจะไล่กัดนางก็ไม่ปาน
ทิ้งไว้เพียงเคลที่พึ่งขยับลุกขึ้นนั่งบนโซฟาไม้ให้พยักหน้าอยู่คนเดียว ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม...นางไม่ได้โกรธเขาที่บังคับเอาแต่ใจ แต่นางกำลังหงุดหงิดเพราะถูกบังคับกลายๆให้ทำผิดกฎของหมู่บ้าน
‘จะต้องไม่มีการสัมผัสใดๆทั้งสิ้นระหว่างชายหญิงที่ไม่ใช่คู่ครอง’
ชายหนุ่มทวนประโยคนั้นในใจแล้ว ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวโดยเร็ว
...ถ้ารู้อย่างนี้ เขาน่าจะแตะต้องนางให้มากกว่านี้อีก...
นึกอย่างนั้นแล้ว เคลก็หัวเราะกับตัวเอง...เขานี่มันเลวจริงๆเลย ธาเนียจะต้องปวดหัวกับเขาแน่ ฮ่าฮ่า...
“สถานการณ์ในขณะนี้นั้น สายของเราแจ้งว่าทางชายแดนตะวันออก มีการซ่องสุมกำลังของพวกมันประมาณ 60-70 ตัว และที่ทางตะวันตกเฉียงใต้มีคิไมร่าประมาณ 7-8 ตัว กำลังสร้างความปั่นป่วนด้วยการฆ่าสัตว์แถวนั้นแล้วนำมาทิ้งไว้ใกล้ๆเสาแบ่งเขต ข้าคิดว่าพวกมันจงใจล่อเราให้โกรธด้วยการฆ่าสัตว์ที่ไม่เกี่ยวข้องแล้วผลุนผลันข้ามเขตออกไปติดกับดักของพวกมันขอรับ ส่วนที่อื่นๆยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม”
ในฐานะที่ปรึกษา ลูคัสกล่าวรายงานให้แก่นายหญิงและที่ประชุมอีก 3 คนให้รับทราบความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเกี่ยวกับปัญหาสถานการณ์ชายแดนที่ยังคงครุกรุ่น
นายหญิงยังคงประสานมือ ทอดสายตานิ่งไปยังแผนที่ฉบับใหญ่กินพื้นที่เต็มโต๊ะประชุมอย่างพิจารณาไตร่ตรอง ในขณะที่แม่ทัพคนอื่นๆเริ่มถกเถียงกันเรื่องการวางแนวป้องกัน
“ทางตะวันตกเพิ่มจาก 40 เป็น 80 แล้วหรือ!? ข้าคิดว่าควรเร่งจัดการทางฝั่งนี้ก่อน หากจอมเวทของมันมา การต่อสู้จะลำบากยิ่งกว่านี้แน่!”
ใช่...พวกคิไมร่าเองก็มีบางสายพันธุ์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่สายพันธุ์นั้นก็หาได้ยากยิ่ง นานๆครั้งจึงจะมีเกิดสักตัว เพราะคิไมร่าธรรมดานั้น...พวกมันถูกสร้างมาเพื่อต่อสู้ระยะประชิด มีกรงเล็บและคมเขี้ยวเป็นอาวุธหลักไม่อาจใช้มนตราใดๆได้นอกจากความสามารถแบบผสมของหลายๆสายพันธุ์ที่รวมเป็นตัวมัน และจอมเวทที่มีความสามารถในการต่อสู้ประชิดตัวแทบจะเป็นศูนย์แต่เวทมนตร์มีความรุนแรงมากจนน่ากลัว
ต่างจากเผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสมดุล อาจมีบางสายเลือดที่เน้นเด่นไปในด้านการต่อสู้เช่นสายเลือดออสตินของลูคัส และสายเลือดที่คล่องแคล่วในมนตราอย่างสเปลลาของลีน แต่ทั้งสองสายเลือดนี้ก็ยังมีความสามารถในอีกสายที่ค่อนข้างโดดเด่น นั่นเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้สองตระกูลนี้จัดเป็นตระกูลชั้นสูงทำหน้าที่เคียงข้างหัวหน้าเผ่ามาตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อน ตั้งแต่พระผู้เป็นเจ้าเริ่มสร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘เอลฟ์’ ขึ้นเลยก็ว่าได้
“แล้วถ้าหากพวกมันใช้โอกาสนี้ตลบหลังมาทางตะวันออกเฉียงใต้ล่ะ เรายังไม่รู้กำลังพลที่แน่นอนของมันเลย...”
“ข้าก็คิดว่าเราควรระวังทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้บ้าง แต่จำนวนพล 80 ของมันทางตะวันตกก็ไม่ใช่น้อยๆเลย หากเราจัดการมันคงต้องใช้นักรบอย่างน้อย 50 คน รวมเรา 3 คนอีก ไม่ต้องถึงมือนายหญิง ข้าก็คิดว่าน่าจะจัดการได้”
“แต่ถ้าอย่างนั้นเราก็จะเหลือนักรบเฝ้าหมู่บ้านไว้น้อยสิ ข้าไม่คิดว่าการต่อสู้กับคิไมร่า 80 ตัวกับแม่ทัพอีกไม่รู้เท่าไหร่ของพวกมันจะไม่ทำให้นักรบของเราบาดเจ็บหรอกนะ หากมันอาศัยจังหวะนี้ตีตลบหลังมาแล้วนำจอมเวทเข้าอีกทาง พวกเราก็จะแย่”
“แต่ถ้าสิ่งที่พวกเราคาดคิดผิดหมดล่ะ แล้วพวกมันจู่โจมจากทางฝั่งอื่นที่พวกเราเผลอ...”
“แต่ระหว่างที่พวกเจ้ากำลังออกรบ นายหญิงและข้าสามารถระวังหลังให้พวกเจ้าได้...ใช่ไหม?”
คราวนี้ลูคัสเป็นฝ่ายออกปาก การปรึกษาของทั้ง 3 แม่ทัพจึงหยุดลง แล้วสายตา 3 คู่ก็หันไปมองเป็นเป้าเดียว
“โอ! ใช่สิ! ที่นี่ก็ยังเหลือนายหญิงกับเจ้าอยู่กับอีกนี่”
“คนในบ้านเจ้าเป็นนักสู้ทุกคนนี่ ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน!”
“ใช่!...และที่สำคัญ ข้าก็ไม่ได้คิดจะงอมืองอเท้าเฝ้ามองดูการรบของพวกเจ้าเพียงฝ่ายเดียวหรอกนะ!”
เสียงแปลกปลอมนั่นทำให้ทุกสายตาหันขวับไม่เว้นแม้แต่ธาเนีย
เคลเหยียดยิ้มมั่นใจเต็มที่ ขณะเดินเข้ามาในห้องประชุมท่ามกลางสายตางุนงงของทุกฝ่าย...ยกเว้นลูคัส
“เจ้ามาได้อย่างไรกันเคล!?”
ธาเนียเอ่ยปากเป็นคนแรก แต่เคลก็ไม่ตอบแม้ว่าเขาได้หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งในห้องประชุมแล้ว
“ข้าเป็นคนตามเขามาเองขอรับนายหญิง”
ลูคัสตอบแทน ดวงตากราดมองทุกคนในห้องประชุมที่มีท่าทางงุนงน กระทั่งหยุดที่นายหญิงคนงาม “ขออภัยที่ไม่ได้แจ้งมาก่อนหน้านี้ แต่ข้าจำได้ว่าท่านเคยถามข้าว่าสมควรให้เขาเข้าร่วมกับเราไหม และหากข้าจำไม่ผิด ท่านเคยบอกว่าเคลมีฝีมือยอดเยี่ยม ดังนั้นข้าจึงเห็นควรว่าเราน่าจะให้เขาได้มีส่วนร่วม...”
“จริงหรือขอรับ...?”
ราเดียส...หนึ่งในแม่ทัพหนุ่มเลือดร้อนที่พึ่งขึ้นประจำตำแหน่งแม่ทัพได้ไม่นาน ผู้ชายคนที่เคยมาตามลีนกลับบ้านและทำตาขวางใส่เขาหันไปถามนายหญิงอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก...เขาไม่แน่ใจว่าคนเมืองอย่างผู้นี้จะเก่งกาจอะไรไปมากกว่าการทำลายสิ่งแวดล้อมและฆ่าแกงกันอย่างไร้เหตุผล
ดวงตาสามสีเบือนไปยังผู้มาใหม่ มองเขาที่ส่งยิ้มกว้างใสซื่อให้เช่นทุกทีแล้วนางก็หนักใจที่จะตอบว่า “จริง”
คำตอบเดียวยืนยันทุกสิ่ง ไม่มีใครต้องการถามอะไรเกี่ยวกับเคลอีก นอกจากเปิดประเด็นเดิม
“ข้าเองก็ลองคิดแผนการรบมาแล้ว จะให้ข้าอ่านให้ฟังเลยหรือไม่ขอรับ”
“ว่ามา...” หญิงสีเงินอนุญาตลูคัส ก่อนทั้งหมดจะเริ่มฟังแผนการรบที่รัดกุมของกุนซือเผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่ขึ้นชื่อทั้งความสามารถในการบุ๋นและบู๊...
“แผนการรบดีมาก! ข้าเชื่อว่ามันต้องสำเร็จ และในตอนนี้เราก็สามารถวางใจกับความปลอดภัยในหมู่บ้านได้แล้ว เช่นนั้น ท่านต้องการให้พวกเราเดินทัพหรือไม่ขอรับ” คำถามนี้เป็นของเลออง...แม่ทัพรุ่นเก๋ามากประสบการณ์ในสนามรบ และเป็นคำถามเดียวกับที่ทุกคนอยากเอ่ยปากแต่ไม่ทันเขา
ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบเมื่อสิ่งเดียวที่พวกเขาเฝ้ารอคือ การตัดสินใจของนายหญิง...
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนร่างบอบบางของลีนจะก้าวเข้ามาพร้อมกับถาดใส่แก้วชาหอมกรุ่น หญิงสาวค้อมหัวลงน้อยๆให้กับนายหญิงก่อนเดินบริการน้ำชาให้กับบรรดาแม่ทัพรวมถึงเคลด้วย
ชายหนุ่มคนเมืองเลิกคิวนิดๆเมื่อลอบสังเกตอาการหน้าตึงของชายหนุ่มนามราเดียสที่จ้องมองลีนซึ่งกำลังกระซิบคุยกับลูคัสด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ... ดูเหมือนว่าจะมีอะไรในกอไผ่นะ...
ก่อนจะเบือนสายตากลับไปยังธาเนีย เฝ้ารอการตัดสินใจของนางเฉกเช่นแม่ทัพอื่นๆ และราเดียสที่เริ่มกลับมาหน้านิ่งเฉยเมื่อลีนออกจากห้องไปแล้ว...
ธาเนียหลุบตาต่ำ ในสมองประเมินโอกาสชนะและความเป็นไปได้ทั้งปวงที่อาจเกิดเหตุการณ์อื่นๆ ไตร่ตรองแผนการรบ รวมทั้งความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นแล้วสุดท้ายก็ประเมินความเสียหายที่นักรบของนางจะต้องได้รับเป็นรอบที่สาม
ดวงตาสามสีเงยขึ้น พร้อมๆกับที่นางประกาศว่า
“พวกเจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม อีกสองวันทัพเราจะออกเดินทาง!”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แต่ลีนจัดเป็นข้อยกเว้นเพราะแม้นางจะมีอำนาจมนตราสูง ทว่านางกลับมีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนัก นั่นทำให้นางจำต้องเว้นจากการฝึกศิลปะการต่อสู้และถูกห้ามออกรบ
ความคิดเห็น