ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blood Rush

    ลำดับตอนที่ #5 : ถูกจับ!!?

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 51


    Chapter 4

    : ถูกจับ!!?

     

    เสียงแว่วๆเหมือนแมลงหวี่บินวนข้างหูอย่างน่ารำคาญ เอเฟียบ่นพึมพำสบถด่าแล้วใช้มือปัดๆเหมือนเคย

    กึก...

    ทำไมมือของนางเหมือนถูกมัดเหนือหัวชอบกลนะ? แถมยังขยับไม่ได้ดั่งใจอีกด้วย

    และด้วยความเคยชินเหมือนเดิม

    ไอ้เตี้ย... เจ้าทำอะไรกับมือข้า!?”

    ...

    ไร้ซุ่มเสียงตอบกลับกวนประสาท หรือให้พูดจริงๆคือ นางสัมผัสถึงมันไม่ได้ด้วยซ้ำ... ทำไมมันไม่อยู่ใกล้ๆนางเหมือนทุกที ไอ้เตี้ยไปไหน?

    ไอ้เตี้ย... เจ้าอยู่ไหนน่ะ?? มาหาข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ข้าจะโกรธ

    ...

    ความอดทนหวิดจะขาดอยู่รอนๆ หัวคิ้วขมวดกระตุกหงุดหงิด พอประสาทตึงเครียดมากๆเข้า นางก็เจ็บแปลบที่ท้ายทอย และนั่นเหมือนเป็นการเตือนสติถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

    ใช่...นางไปดื่มเหล้า แล้วเด็กสาวชื่อริอาก็มาขอนั่งดื่มด้วยคน แต่หลังจากนั้นแม่หนูนั่นก็หลับ นางเลยต้องพากลับมานอนที่ห้องด้วย พอตอนเช้าริอาตื่นขึ้นมา นางก็รู้สึกตัวตื่นด้วยเพราะความไม่เคยชิน เลยออกมายืนส่งแม่หนูนั่นที่หน้าโรงแรม...แล้วหลังจากนั้น ตอนนางกำลังจะเดินกลับเข้าโรงแรม นางก็เห็นริอายืนคุยกับใครสักคน หลังจากนั้นเจ้าไรเด็นก็ร้องเสียงหลง นางเจ็บที่คอแล้วก็สลบไป...

    อืม...สงสัยโดนฟาดที่ท้ายทอยเลยสลบไป...

    ฮะ! นางสลบไป!!!

    ดวงตาสีน้ำตาลเบิกพรวด ในห้องที่มีแสงรำไรทำให้นางไม่จำเป็นต้องกระพริบตาเลย แต่แสงอันน้อยนิดก็ยังทำให้นางรู้ว่า นางอยู่ในห้องใดห้องหนึ่ง เชือกมัดข้อมือทั้งสอง ปลายด้านหนึ่งผูกติดกับหัวเตียงแน่นหนา

    นรก! นางพลาดไปได้ไง!!

    หญิงสาวกราดตามองดูรอบห้องและแน่ใจในทันทีเลยว่ามันไม่ใช่ห้องในโรงแรมที่นางจองแน่ๆ แต่มันที่ไหนกันล่ะ?

    ในห้องขนาดเล็ก มีเตียงแข็งๆหนึ่งเตียงกับผ้าห่มกลิ่นเหม็นอับ ผ้าม่านสีทึบมีรอยแหว่งขาดที่ทำให้นางรู้ว่าเบื้องนอกยังคงอยู่ในช่วงเช้า มีโต๊ะอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งมีของสารพัดวางกองๆไม่เป็นระเบียบ ฝุ่นละอองและหยากไย่ยิ่งสนับสนุนว่าห้องนี้ขาดคนทำความสะอาดมาหลายเดือนแล้ว

    ถัดจากสำรวจรอบห้องก็หันกลับมาสำรวจสภาพตัวเอง สาวผมแดงถอนใจเฮือกเมื่อพบว่าเสื้อผ้าของนางยังคงอยู่ในสภาพดีและครบทุกชิ้น ขาดไปก็แต่ดาบกับเจ้าไรเด็นน้อยเท่านั้น

    นางอยู่ที่ไหนกันเนี่ย!

    เอเฟียนอนรออย่าง (พยายาม) ใจเย็น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเฝ้ามองที่ประตูไม่วางตาราวกับกลัวว่าประตจะหายไปได้

    และหลังจากการนอนรอยอู่หลายนาที (หรือหลายชั่วโมงในความรู้สึกของเอเฟีย) บานประตูก็เปิดออก

    ผู้ชายที่เข้ามาน่าจะอายุราว 50 ปีเศษ...ท่าทางหลอกง่าย หึหึ

    ดวงตาสีนิลดวงเล็กแทบเป็นเส้นสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมองอยู่ก่อนอย่างยินดี

    โอ้! แม่สาวน้อย เจ้าตื่นแล้ว

    ถ้ายังไม่ตื่น มันจะเห็นนางลืมตาไหม? เจ้าโง่เอ๊ย!

    ร่างตุ้ยนุ้ยเดินดุ่มเข้ามาหานาง ขนาดเอเฟียเห็นตามันเล็กนิดเดียว นางยังรู้เลยว่ามันมองนางด้วยความหื่นขนาดไหน

    หญิงสาวยังคงเงียบ เฝ้ามองเจ้าอ้วนด้วยแววตาสงบนิ่ง

    รอจนกระทั่งมันเดินมาชิดเตียง ลากสายตาขึ้นๆลงๆทั่วร่างนางอยู่หลายรอบ ก่อนจะหยุดที่หน้าอกของนางตาเป็นมัน...ไอ้โรคจิตเอ้ย

    สาวน้อย เจ้าเป็นไงบ้างจ๊ะ? ใครกันน้า บังอาจเอาไม้ทุบที่ท้ายทอยของเจ้าจนเป็นรอยช้ำเลย ดูสิ น่าสงสารจังเลย เจ็บมากมั้ยจ๊ะ?”

    เอเฟียขนลุกซู่เมื่อมันเอื้อมมือมาใกล้นาง ปากที่ไวเกินกว่าคนธรรมดาเปิดอ้ากำลังจะพูด หรือให้ถูกคือด่า แต่ไหวพริบที่บังเอิญพ่อแม่ให้ติดตัวมาเยอะก็ทำให้นางเลือกจะปิดปากเก็บคำพูดนั้นแล้วเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่

    ดวงตาสีน้ำตาลหวานขึ้นในทันใด

    แต่หากไรเด็นน้อยอยู่ใกล้ๆ มันจะรีบถอยห่างพร้อมๆกับทำหน้าสยดสยองหรือ กัด ท่าทางน่าเอ็นดูแบบนั้นของนายสาว

    เจ็บสิคะ...ท่านก็ถามมาได้ ใบหน้างามหวานง๋อย ทำหน้ามุ่ย ใจร้ายที่สุดเลย ใครกันที่ทำข้า...

    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มรื้นขึ้นด้วยหยาดน้ำใสๆ

    เจ้าอ้วนเบิกตากว้างตกตะลึง ก่อนลนลานทำอะไรไม่ถูก

    โอ๋ๆ อย่าร้องนะๆ เดี๋ยวข้าทายาให้ อย่าร้องนะ

    ดวงตาขีดเส้นมองหญิงสาวที่ก้มหน้าต่ำอย่างใจหาย... แต่หารู้ไม่ว่า คนที่กำลังก้มหน้าต่ำนั้น กำลังแสยะยิ้มเหี้ยม

    แผนเรียกน้ำตา ยังใช้ได้ผลเหมือนเดิม หึหึ...

    หญิงสาวยิ่งก้มหน้าต่ำ ไหล่บางไหวระริก ชายอ้วนยิ่งเลิกลั่กมองซ้ายมองขวา ในขณะที่คนที่กำลังสั่นเป็นลูกนกนั้น แท้จริงคือแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่...

    หึหึ เจ้าโง่เอ๊ย!

    เอเฟียแสร้งทำเป็นสูดลมหายใจลึก เงยหน้าสบกับตากับเจ้าอ้วนทำเสียงอ่อนอ่อย

    ท่านช่วยปลดเชือกให้ข้าก่อนได้มั้ยคะ? ข้าเจ็บเหลือเกิน ข้อมือของข้าถลอกหมดแล้ว

    ชายอ้วนชะงัก อ่า ข้าคงไม่...

    แค่นี้ท่านก็ทำให้ข้าไม่ได้หรอคะ...ท่านกลัวว่าข้าจะหนีหรือคะ หรือท่านไม่ไว้ใจข้า?” เอเฟียหน้าหงอยลงอีกครั้ง ข้านึกว่าท่านจะช่วยบรรเทาความเจ็บให้ข้าได้เสียอีก

    ชายอ้วนคงอยู่ในสภาวะลังเลขั้นรุนแรงเลยละมั้ง... เอเฟียลอบสังเกตอีกฝ่ายที่มีทีท่าอ้ำอึ้งลำบากใจ

    ข้าไม่ใช่หัวหน้า... จะให้ปล่อยเจ้าก็ไม่ได้... แต่จริงๆแล้วข้าอยากช่วยเจ้านะ

    มันแสดงความกระตือรือร้นเสียจนดวงตาเป็นประกายระริก ทั้งเสียใจทั้งจริงใจ แต่สิ่งที่เอเฟียต้องการไม่ใช่สิ่งพวกนั้น แต่เป็นการปลดเชือกนี้ต่างหากล่ะ

    หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น แผนแรกดูเหมือนจะไม่ได้ผลเสียแล้ว สมองของนางกำลังเริ่มการประมวลผลครั้งใหม่โดยเร็ว

    แต่...แต่ เอาเถอะ! ข้าจะปลดเชือกให้เจ้าก็ได้ เพราะฉะนั้น อย่าดื้อกับข้านะ

    สาวผมแดงเงยหน้าพรวด ฉีกยิ้มกว้างแทบในทันที

    ข้าไม่ดื้อหรอกค่ะ ... ไม่ดื้อเฉพาะตอนนี้หรอกนะ

    เอเฟียตั้งตารอคอยกระทั่งเจ้าอ้วนแกะเชือกออกให้นาง แล้วหันมายิ้มมุมปากที่มันคงจะนึกว่าเท่ห์ที่สุดแล้วละมั้ง แม้จะขยะแขยงลึกๆ แต่หญิงสาวก็ปั้นรอยยิ้มเสแสร้งคืนอย่างไร้ที่ติ

    ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนหรอคะ?” นางเริ่มประเด็นที่คาใจโดยเร็ว ก่อนที่มือไม้ที่พึ่งเป็นอิสระนี่จะควบคุมไม่อยู่จนต้องกระแทกกำปั้นใส่หน้าใครสักคนหนึ่งก่อน...แน่นอนว่านางคงไม่ชกหน้าตัวเองแน่

    อ๋อ ที่นี่คือคฤหาสน์ร้างเลยชานเมืองออกมาทางทิศเหนือน่ะจ่ะ หัวหน้าของข้ายึดที่นี่มาได้เลยเอามาทำเป็นรังให้พวกเราอาศัย... เจ้ารู้จักมั้ย พวกเราน่ะ กองโจรดินแดงนะ ที่ชื่อนี้ก็เพราะว่าที่ที่พวกเราผ่านจะต้องชโลมไปด้วยเลือด ฮะฮะ แต่เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกนะ พวกข้าน่ะไม่ทำอะไรเจ้าแน่ๆ เพราะเดี๋ยวเจ้าจะต้องไปรับใช้หัวหน้าของพวกเรา

    เจ้ารู้ไหม ว่าแค่แวบแรกที่หัวหน้าเห็นเจ้าน่ะ ท่านก็นึกเอ็นดูเจ้า ยิ่งเห็นเจ้าดูแลนายน้อยอย่างดีตลอดทั้งคืน หัวหน้าก็คิดว่า ต้องเป็นเจ้าเท่านั้นที่จะมาเป็นภรรยาของท่าน

    เอเฟียเลิกคิ้วมองไอ้อ้วนที่ยืดอกตอบคำถามของนางทั้งยังขยายความด้วยความเต็มใจอย่างภาคภูมิแล้วนึกสมเพชในใจ... เกิดอกาการอยากเห็นหน้าไอ้หัวหน้าที่อยากได้นางเป็นเมียจนถึงขนาดต้องดักตีหัวลักพาตัวกัน แต่อีกใจหนึ่งก็นึกค่อนขอดไอ้อ้วนนี่...ผู้หญิงคนไหนบ้างจะชอบเลือดกับการต่อสู้ เพี้ยนจริงๆ...

    แต่นางก็ลืมไปว่า ผู้หญิงแถวนี้คนหนึ่งก็ชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ...

    งั้นหรือคะ... หญิงสาวพยักหน้า มือซ้ายกอดอกมือขวาลูบคางใช้ความคิด แล้วแมวตัวเล็กที่มากับข้าล่ะคะ อยู่ไหนหรือคะ ท่านพ่ออุตส่าห์ซื้อให้ข้ามาด้วย ถ้ามันตายละก็ ข้าต้องโดนท่านพ่อดุแน่ๆเลย

    เรื่องราวปรุงแต่ง 100% หลั่งไหลจากริมฝีปากบางราวกวีคนเก่ง... และคนฟังท่าทางจะเชื่อด้วย เพราะมันเบิกตากว้างตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่

    เจ้าเรียกมันว่าแมวหรือ นั่นน่ะเสือนะ เลี้ยงไปนานๆมันจะตัวใหญ่กว่านี้แล้วก็ดุมากๆด้วย ตอนนี้มันถูกจับอยู่ห้องข้างๆเจ้านี่ล่ะ ห้องขวานี่เลย มันเตือนด้วยความห่วงใย เอเฟียลอบแลบลิ้นใส่ในใจ...ไม่ใช่เสือ ไรเด็นต่างหาก คิดจะสอนดันไม่รู้จริง เฮ้อ...

    งั้นหรือคะ... เอเฟียยิ้มหวาน ขอบคุณท่านมาก ที่ช่วยเหลือข้าในหลายๆสิ่ง

    ชายอ้วนยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก ไม่เป็นไรจ๊ะ เพื่อเจ้าข้าทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

    งั้นก็ช่วยสลบลงไปก่อนนะคะ

    รอยยิ้มกลายเป็นรอยยิ้มค้าง เจ้าว่าอะ...!”

    ผัวะ!

    โครม!!

    เอเฟียยืนยิ้ม มองดูผลงานรายแรกของนางที่ลงไปนอนสลบกับพื้น ฝันดีนะคะ...เจ้าโง่ ก่อนร่างระหงจะสะบัดหน้า เดินออกไปจากประตูพร้อมเสียงหัวเราะของนางมาร

     ร่างระหงก้าวออกจากห้อง เหลียวไปทางขวาซึ่งเป็นห้องที่ไรเด็นถูกจับ นางก็ บังเอิญ สบตากับคนเฝ้าหน้าห้องเสียก่อน

    รอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มมอบให้ ก่อน

    ผัวะ!

    เหยื่อรายที่ 2 ลงไปนอนกองกับพื้นไม่พอ มีเหยียบซ้ำด้วยความหมั่นไส้ ก่อนหญิงสาวจะเปิดประตูห้องเข้าไปและ...ขำก๊าก

    ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้เตี้ย ทุเรศที่สุดเลย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”

    ร่างระหงแทบจะลงไปนั่งกองกับพื้น กำปั้นเรียวกระแทกพื้นส่วนมืออีกข้างกุมท้องที่หัวเราะจนเจ็บไปหมด

    ก็จะไม่ให้ขำได้อย่างไร ไรเด็น...ราชันแห่งผืนป่าตอนนี้ถูกมัดขาทั้งสี่เหมือนหมูป่าถูกหามขึ้นไม้อยู่ที่มุมห้อง ทั้งที่ปากก็ยังมีผ้ามัดปิดไว้อีกด้วย

    และถ้าไรเด็นน้อยเป็นคน ตอนนี้หน้าของมันคงแดงก่ำด้วยความอับอาย

    หมดสภาพเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

    เอเฟียยังคงหัวเราะไม่หยุด และคงจะหัวเราะนานกว่านั้น ถ้าหากว่าไม่มีหนึ่งกองโจรผู้ดวงซวย (แต่เป็นพ่อพระสำหรับไรเด็นน้อย) เดินมาเจอนางก่อน

    เฮ้ย!”

    นางมารหันขวับ และ...

    ผัวะ!

    ......

    ร่างเล็กวิ่งตามนายสาวที่วิ่งนำอยู่เบื้องหน้า

    “’เจ้าจะหยุดหัวเราะได้หรือยังเอเฟีย!!”

    ไรเด็นน้อยแผดเสียงทั้งด้วยความหงุดหงิดหัวเสียแล้วก็อับอาย มันต้องทนฟังยายเอเฟียหัวเราะบ้าแบบนี้มาตั้งแต่นางช่วยมันออกมา กระทั่งนางวิ่งไล่หาดาบของนางตามห้องต่างๆที่มีอยู่สามสิบกว่าห้องในปีกคฤหาสน์ทางนี้จนทั่ว แต่ก็ไม่เจอ จนตอนนี้นางกับมันกำลังวิ่งผ่านทางเชื่อมตัดผ่านสวนโทรมๆเหมือนในหนังสยองขวัญไปยังส่วนกลาง

    ฮ่าฮ่า รอข้าเจอเรื่องที่ดีกว่านี้ก่อน แล้วข้าอาจจะเปลี่ยนใจไม่หัวเราะเจ้าก็ได้ ฮ่าฮ่า...

    เสียงหัวเราะค่อยๆเงียบหายไป ไม่ต่างจากไรเด็นน้อยเองที่มองเห็นสิ่งที่อยู่ในอาคารส่วนกลาง

    ผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งกำลังดึงดาบที่เป็นชีวิตจิตใจจองเอเฟียเล่น ลองใช้มันตัดหินก้อนขนาดหนึ่งกำมือที่วางอยู่ตรงหน้า เมื่อลองกระแทกสองสามทีแล้วพบว่ามันหันไม่หักเป็นสองส่วน มันก็โยนดาบลงกับพื้นเหมือนเด็กที่เบื่อของเล่น

    ดวงตาสีน้ำตาลแทบจะแผดเผาชายที่ไม่รู้ค่าของดาบให้เป็นจุล!

    เพียงชั่วพริบตาเดียว เอเฟียก็หยุดอยู่เบื้องหน้าชายตัวใหญ่ และเพียงมันเงยขึ้น กำปั้นเพียวๆก็กระแทกเข้ากลางดั้งจมูกจนผิดรูป! เลือดไหลทะลักออกมาพร้อมๆกับที่ร่างใหญ่นั้นหงายหลังตกเก้าอี้ดัง ตึง!

    อ๊ากกกก!! จมูกข้า! จมูกข้า!!!”

    เสียงร้องลั่นคฤหาสน์ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์วิ่งพรวดมาจากทุกทิศทาง เอเฟียก้มตัวลงหยิบดาบขึ้นมากรีดนิ้วตามใบดาบเรียวก่อนกำมันไว้แน่นแล้วกราดตามองเหล่ากองโจรเกือบห้าสิบคนที่รายล้อมนาง

    น่าประหลาดนัก ใบดาบเงินวาวที่แลดูอันตรายกลับเข้ากันได้ดีกับหญิงสาวผู้งดงาม...ราวกับ กุหลาบดอกงามที่แฝงด้วยพิษอันร้ายกาจ ล่อลวงให้หมู่สัตว์และแมลงลุ่มหลงเข้ามาใกล้... แล้วปลิดชีพอย่างง่ายดาย

    เอเฟีย

    หญิงสาวหลุบตาลงมองเจ้าไรเด็นน้อยที่ใช้อุ้งขาหน้าสะกิดนางแล้วกระซิบเบาๆ

    เจ้าอย่าเผลอฆ่าพวกมันนะ ไม่งั้นเจ้าแย่แน่

    นางหรี่ตา บ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่านางจะไม่เผลอพลั้งมือแน่ๆ

    ดาบเรียวเล่มงามถูกเสียบกลับเข้าฝัก และถูกเปลี่ยนไปจับส่วนบนสุดของฝักด้วยมือขวา กระชับให้เข้าที่

    เหล่ากองโจรนิ่งงัน มันเพ่งมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คาดคิดสักนิดว่าผู้หญิงผอมๆบางๆจะร้ายกาจอะไรขนาดนั้น

    อย่าไปกลัว! นางก็แค่ผู้หญิง!!”

    ใครคนหนึ่งตะโกนปลุกเร้า ทำให้สัญชาติญาณของผู้ชายที่ถือตนว่าตัวเองย่อมแข็งแกร่งกว่าถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น

    ผู้หญิงสวยๆงี้ มีวิธีลงโทษมากกว่าผู้ชายว่ะ ว่าไหม?”

    สิ้นคำพูดนั้น เหล่ากองโจรก็หัวเราะแผ่วต่ำมีเลศนัย ดวงตาวิบวับจับจ้องนางไม่วางตา ขณะค่อยๆย่างสามขุมตีวงแคบเข้าล้อมเอเฟีย

    ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม นึกในใจอย่างหยามเหยียด... อย่างพวกเจ้าไม่มีวันได้แตะต้องแม้แต่ปลายเล็บของข้าหรอก!

    ชายผอมบางก้าวเข้าใกล้หญิงสาว รอยยิ้มหื่นกระหายเมื่อยื่นออกไปคว้าแขนเรียว หากมือของมันก็คว้าได้เพียงอากาศ ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นจี๊ดจากกระพุ้งแก้มซ้าย ซี่ฟันกรามหลุดออกมาและรสขมคาวของเลือดก็กบปากของมัน

    ดวงตาลึกโหลเบิกกว้าง แต่วินาทีต่อมา มันก็เห็นส้นรองเท้าหนังเต็มๆตา ก่อนจะถูกกระแทกถีบเต็มแรงจนล้มหงายหลัง

    โครม!

    กองโจรหยุดนิ่งอีกครั้ง เมื่อเห็นพวกอีกคนหนึ่งลงไปกองกับพื้นในเสี้ยววินาที ในสภาพเลือดท่วมปากและหมดสติ

    ฮึ! คิดจะลงโทษข้าน่ะ ฝันไปเถอะ! อีกสิบชาติตอนดึกๆก็ไม่มีทาง!

    ความโกรธแค้นที่ถูกหมิ่นศักดิ์ศรีอันน้อยนิดทำให้พวกมันเลือดขึ้นหน้า

    หนอย!! ปากเก่งนักหรือ ข้าเองก็อยากรู้ว่าจะเก่งไปถึงไหน พวกข้ามีถึงสี่สิบเจ็ดคน เจ้าตัวคนเดียว คอยดูเถอะ ถึงเจ้าจะร้องขอความเมตตา พวกข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าแน่!!”

    ประโยคนั้นคือประโยคเปิดศึกโดยใครสักคน แต่ผลที่ตามมาคือการวิ่งกรูเข้ามา ยำ สาวผมแดงที่พึ่งล้มหนึ่งในสมาชิกพวกมันไปหมาดๆ... และที่สำคัญ พวกมันมือเปล่า...เจ้าพวกโง่!

    หลบดีๆล่ะไอ้เตี้ย

    เสียงหวานร้องบอกไรเด็นน้อยข้างกาย ที่กระแทกสองอุ้งขาหน้าลงกับพื้น เล็บแหลมคมกริบก็ปรากฏชัดเจน

    เจ้าน่ะแหละที่ควรหลบดีๆเอเฟีย ระวังเจ้าพวกนั้นมันจะแตะตัวเจ้าได้ล่ะ

    เอเฟียยิ้มแยกเขี้ยว ระดับมันต่างกัน ไอ้หนู!!” ก่อนมือเรียวจะตวัดฟาดสันดาบเข้ากลางหน้าผากสมาชิกโจรคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาใกล้สุดเต็มแรงจนมันร้องลั่น ตามด้วยหมุนกายฟาดขาเตะซอกคอส่งมันลงไปนอนกับพื้นดุจเป็นเรื่องง่ายดาย ไงล่ะ!”

    กระจอกน่ะ ไรเด็นน้อยตอบเสียงเย็น มันกระโดดหลบขาที่เหวี่ยงเตะมันอย่างง่ายดาย ก่อนกระโจนรวดเดียวถึงใบหน้าของโจรหนุ่ม และฝากรอยกรงเล็บเป็นทางยาวประดับใบหน้าของมันตั้งแต่ตีนผมจรดปลายคาง ข้าจัดการเร็วกว่าเจ้าตั้งเยอะ

    เฮอะ!” เอเฟียกระแทกเสียงขึ้นจมูก เหวี่ยงดาบไปรอบกายสบายๆราวกับเป็นอีกอวัยวะหนึ่ง งั้นมาแข่งกันมั้ยล่ะ? พวกมันมี 49 คน เจ้า กับ ข้า แข่งกัน ใครจัดการได้มากกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ เจ้าจะได้รู้สักทีว่าข้าน่ะ เหนือกว่าเจ้าเป็นไหนๆ

    ไรเด็นน้อยพ่นลมหายใจพรืดขำขัน อย่ามั่วน่าเอเฟีย ข้าน่ะ เก่งกว่าเจ้าตั้งเยอะ ก่อนกระโดดขึ้นเหยียบบนไหล่ของเอเฟีย แล้วกระโดดตีลังกาขึ้นในอากาศอีกจังหวะหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวผมแดงหมุนดาบแทงย้อนไปเบื้องหลังเข้ากลางลิ้นปี่ของโจร จนมันร้องแอ้กโค้งตัวลงกุมท้อง แล้วเจ้าไรเด็นน้อยที่ร่วงหล่นลงมาก็กางกรงเล็บกรีดเป็นทางลงบนบ่า ก่อนหมุนตัวอีกครั้งแล้วยันสองขาหลังถีบซ้ำเข้าที่ลิ้นปี่จนโจรดวงซวยหงายหลังล้มโครม

    เจ้านี่เป็นของข้า

    เฮ้ย! อย่าโมเมไอ้เตี้ย นั่นน่ะของข้าต่างหาก

    เจ้าไม่เห็นหรือ ข้าจัดการมันเป็นคนสุดท้าย เพราะฉะนั้นมันเป็นของข้า!”

    ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าก็ไม่รอดแล้ว

    ชิ!” ไรเด็นน้อยตวัดหางตาขวับ มองนายสาวด้วยแววตากวนประสาท ได้แค่คนเดียวล่ะว้า ไม่ต้องห่วงหรอกยายบ้าพลัง ข้าน่ะเก่งกว่าเจ้า เพราะฉะนั้นคราวนี้ข้าต่อให้

    แหมๆ ไอเตี้ย... ต่อให้ข้างั้นหรือ เชอะ! ข้าน่ะสงสารหรอกนะ ถึงได้ช่วยเจ้า แต่คนชนะน่ะต้องเป็นข้าแน่ๆ ไม่ใช่เจ้า!”

    แล้วสงครามประสาทระหว่างการแข่งขัน จัดการ กองโจร ก็ดำเนินไปเรื่อยๆท่ามกลางความร้อนระอุของการตะลุมบอน 2 ต่อ 49 ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×