คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5
สุดท้ายเคลก็ได้กลับมายังที่ที่เขาต้องการ แต่ด้วยบรรยากาศที่ต่างออกไปเล็กน้อย...
ชายหนุ่มนั่งประสานมือด้วยท่าทางสบายๆที่โซฟาไม้ตัวใหญ่ มีเอเรียซึ่งอยากรู้อยากเห็นเต็มที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ทางขวามือติดหน้าต่าง และธาเนีย...เจ้าบ้านสาวยืนกอดอกเบื้องหลังโต๊ะเตี้ยตรงหน้าเขา
บรรยากาศเต็มไปด้วยวามอึดอัด แต่ดูเหมือนเอเรียจะไม่สะทกสะท้านกับความรู้สึกนี้เลย มีเพียงเคลที่แน่ใจว่าธาเนียคงจะต้องถามเขาเรื่องที่เขาสามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดนั่นอย่างง่ายดาย
แม้แต่คนโง่ยังต้องรู้สึกเอะใจกับความว่องไวที่เกินธรรมดาของเขา และธาเนียไม่ใช่คนโง่เลย ดังนั้น นางจะต้องถามเขาแน่!
เคลกำลังนึกหาคำตอบดีๆอยู่ เมื่อธาเนียเอ่ยประโยคแรกหลังจากที่เงียบหายไปนาน
“เจ้ากำลังปกปิดฐานะของตัวเองอยู่หรือเปล่าเคล...”
ชายหนุ่มละสายตาจากริมฝีปากอิ่ม เพื่อสบกับดวงตาสามสีเรียบนิ่ง...มันจะงดงามแน่ๆ หากประกายตานั้นอ่อนเชื่อมยามทอดมองเขา...ยามอยู่ใต้...
“ข้าต้องการให้เจ้าบอกสิ่งที่ข้าควรรู้มาเกี่ยวกับเจ้ามา เพราะข้ามิอาจปฏิเสธได้ว่า เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก”
ดวงตาของชายหนุ่มลุกวาว ลืมเรื่องความคิดแสนหวานนั่นอย่างสนิทใจและตื่นเต้นกับคำพูดใหม่ที่เขาได้ยิน
ธาเนียหรี่ตาลงอีกนิดเมื่อนางสังเกตเห็นความพอใจในดวงตาของเขา ...เขาน่าจะเศร้าใจไม่ใช่หรือ ที่ไม่ได้กลับบ้าน? หากนางก็เก็บความสงสัยนั้นไว้และอธิบายเหตุผลสำคัญของทุกสิ่ง
“อย่างที่เจ้าเห็น ข้าไม่อาจปกปิดได้เรื่องการต่อสู้ระหว่าง เรา และ พวกมัน...คิไมร่า...” นางเบือนสายตาไปทางอื่นเล็กน้อย เพื่อลบภาพดวงตาของชายหนุ่มที่กำลังทอดมองนาง...แปลกๆ
“ข้าขอบอกตามตรงว่า การพาเจ้าออกไปจากที่นี่มิใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป คิไมร่าแฝงกายอยู่ทุกหนทุกแห่ง...พวกมันเต็มไปด้วยความปราดเปรียว รวดเร็ว และทรงพลัง แม้แต่ตัวข้า...มันน่าละอายนักหากต้องบอกเจ้าว่า ถ้าพวกมันเข้ามารุมแล้ว...ข้าก็อาจรับมือไม่ไหว”
เคลมองเห็นความเจ็บใจในดวงตาของนาง หากมันก็หายลับไปในทันทีที่นางเบือนสายตากลับมาสบกับเขาต่อ
“และหากข้าต้องนำกำลังมากมายเพื่อออกไปส่งเจ้าที่เบื้องนอก ทุกอย่างอาจเป็นไปด้วยดี เจ้าอาจกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย แต่คนในหมู่บ้านก็ต้องสงสัยเรื่องนี้ และหมู่บ้านก็อาจไม่ปลอดภัยเพราะไร้กำลังปกป้อง และในฐานะที่ข้าเป็นผู้ดูแลเผ่าแห่งนี้ ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่งที่มิอาจทำตามคำพูดได้...”
แล้วธาเนียก็ทำให้ทุกฝ่ายตกใจด้วยการที่นางก้มหัวลงให้กับเคล
ทั้งเอเรียและเคลสะดุ้งแทบจะพร้อมกัน ในวินาทีนั้น ก่อนที่หญิงผมทองจะรีบเข้าไปพยายามดึงตัวสหายสาวขึ้น
“เฮ้ย! ท่านธาเนียอย่าก้มหัวให้ข้า”
“ธาเนีย เจ้าจะก้มหัวทำไมกัน!”
หญิงสาวไม่ตอบคำถามที่เป็นเพียงคำอุทานของทั้งคู่ และฝืนกายที่กำลังโดนยุดให้เงยคอขึ้น
“แต่ข้าสัญญาว่า หากเมื่อไหร่ที่การต่อสู้นี้ลดความรุนแรงลง ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน ด้วยตัวข้าเอง...”
เคลถอนหายใจเฮือก เมื่อในที่สุด ความพยายามของเอเรียก็เป็นผล เมื่อนางดึงธาเนียให้ไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามชายหนุ่ม และนายหญิงของหมู่บ้านก็เลิกก้มหัวให้เขา
ชายหนุ่มถอนใจอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคราวนี้เขาไม่มีทางเบี่ยงประเด็นเรื่องตัวเขาได้อีก ธาเนียบอกสิ่งที่นางต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้คนในหมู่บ้านรู้นอกจากนักรบของนางแก่เขา และนางยอมกระทั่งก้มหัวขอโทษที่ไม่อาจรักษาคำพูดได้...แล้วเขาที่เป็นผู้ชาย ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องบอกสิ่งที่นางอยากรู้...
“เฮ้ เคล ที่เจ้าลังเลที่จะบอกน่ะ เพราะเจ้าไปฆ่าใครมาหรือเปล่า เลยไม่กล้าบอกพวกเรา หุหุ”
เอเรียทำให้บรรยากาศสดใสขึ้นอีกเล็กน้อย และชายหนุ่มหันไปมองนางอย่างทั้งขำระคนประหลาดใจกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้คิด
เคลมองหญิงผมทองที่หันไปแหย่ธาเนียเล่นว่านางกำลังให้ที่พักกับคนร้าย แล้วตัดสินใจบอกไป ก่อนที่ยัยตัวยุ่งจะลามปามพล่ามไม่หยุดว่าเขาเป็นคนร้ายฆ่าข่มขืน
“ตัวข้า...เป็นแม่ทัพ” เคลยิ้มอย่างพอใจเมื่อเอเรียหันมามองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างทึ่งจัด ...มันต้องอย่างนี้สิ!
“เจ้าว่า เจ้าขโมยซับในด้วยหรือ! โอ พระเจ้าช่วย!”
รอยยิ้มนั้นกลายเป็นรอยยิ้มค้างแทบในทันทีที่ประโยคนั้นจบ นั่นนางใช้อะไรฟังเนี่ย!!
ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ เมื่อธาเนียหรี่ตามองเขาไม่ไว้วางใจ พระเจ้า นางบ้าจี้ตามเอเรียอีก!
“เฮ้ย ข้าไม่ใช่โจรขโมยซับใน!! ข้าเป็นแม่ทัพ! ได้ยินมั้ย!? ข้าเป็นแม่ทัพ!!!”
‘งั้นหรือ...’
‘จริงสิครับ ข้ายืนยันด้วยเกียรติที่มีของข้าเลย’
‘งั้นก็ดีสิ! ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ถ้าเจ้าเป็นแม่ทัพจริงก็มาร่วมกับพวกเราสิ!’
‘เอเรีย มันไม่สมควร...’
‘โห่! เจ้าอย่าคิดมากสิธาเนีย สองหัวดีกว่าหัวเดียวนะ นักรบเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งก็อาจพลิกสถานการณ์ได้’
‘ใช่ครับ ยังไงช่วงนี้ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ หากมันจะเป็นการช่วยท่าน’
‘...’
‘ถ้าเจ้าไม่อยากให้เขาเสี่ยงก็ให้ฝึกนักรบเราสิ’
‘ข้าทำได้ทุกอย่าง!’
‘.........งั้นหรือ...’
‘เจ้าคิดอะไรให้ยุ่งยาก’
‘ข้ายินดีจริงๆ’
‘งั้นข้าจะลองคิดดูแล้วกัน...’
เคลเริ่มต้นออกเดินสำรวจหมู่บ้านก็เมื่อเริ่มสายจนเกือบเที่ยงของวันแล้ว สองเท้าเดินอ้อยอิ่ง สองสายตาก็กวาดมองสถาปัตยกรรมงดงามเป็นเอกลักษณ์อย่างที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่ในสมองยังคงวนเวียนด้วยประโยคสนทนาของเมื่อเย็นวานอยู่ดี
ธาเนียเริ่มลังเลในตอนหลัง และนั่นเป็นสัญญาณที่ดีที่เขาจะได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่มิเคยมีผู้ใดล่วงรู้...ไม่สิ ถ้าลุงขี้เมานั่นเอาไปโพนทะนา แล้วมีคนเชื่อ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะรู้คนเดียวแน่...แต่ยังไงซะ ก็คงไม่มีใครจะโชคดีเท่าเขาแล้วละมั้ง หึหึ...
ธาเนียแสดงความมีน้ำใจด้วยการให้เขาพักที่ห้องรับแขกชั้นล่าง แล้วบอกเรื่องราวต่างๆที่จะทำให้เขากับนางอยู่ร่วมกัน (อย่างสันติ) ได้
การได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับนางนับเป็นเรื่องที่ดียิ่ง...แต่ให้ตายสิ! เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะทนอยู่ร่วมกันโดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องนะ
“ให้ตายสิ...”
เคลงึมงำกับตัวเอง ก่อนสายตาเขาจะหยุดที่หน้าสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่งที่ไม่ใช่บ้าน มีรอยสลักรูปโล่และดาบไขว้ที่บานประตู และข้างๆคือนักรบหนุ่มสองนายยืนเฝ้ายามแข็งขัน มันอาจเป็นที่ทำการทหาร แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้เขาหยุดก้าวเดินคือแม่หวานใจของเขาที่กำลังออกมาจากประตูนั้น และตามหลังด้วยเอลฟ์หนุ่มหน้าสำอางแต่ท่าทางสุภาพบุรุษเต็มที่
ทั้งสองเพียงพูดคุยกันหรือถ้าให้ถูกน่าจะบอกว่ากำลังปรึกษาอะไรสักอย่าง...แต่เคลกำลังรู้สึกว่าเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
จนไอ้หล่อคนนั้นโค้งศีรษะให้กับธาเนียเล็กน้อยแล้วยืดตัวขึ้น ดวงตาสีมรกตก็หันมาสบกับเขาพอดี ความแปลกใจในดวงตาคู่คมคงทำให้ธาเนียหันมามองเขา
แน่นอนว่าเคลไม่รอทั้งคู่ให้เดินเข้ามาหาหรอก เขาเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหาเองและส่งยิ้มที่เคยละลายใจสาวๆมานักต่อนักให้กับสตรีเพียงคนเดียวตรงนั้น...แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเกิดขึ้นบนดวงหน้าของนาง
ในเมื่อส่งยิ้มไม่สำเร็จ เคลเลยเอ่ยปากทักซะเลย
“ว่าไงครับท่านธาเนีย โชคดีที่ข้าบังเอิญเดินเล่นอยู่แถวนี้เลยได้เจอท่าน”
ธาเนียเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนนางจะผายมือไปทางเคลและกล่าวแนะนำตัวเขาให้กับหนุ่มผมทอง “ลูคัส...นี่ เคล อันเซม...นักเดินทาง” นางหันกลับไปทางเคล ผายมือทางเอลฟ์หนุ่มแล้วแนะนำเขากับเคล “เคล นี่คือ ลูคัส ออสติน เสนาธิการของข้า”
นักเดินทางหนุ่มโค้งศีรษะตอบลูคัสที่ทักทายเขาด้วยวิธีเดียวกันก่อน ขณะเดียวกันเองก็ลอบพิจารณาคนที่อาจเป็น ‘คู่แข่ง’ ของเขา และก็สรุปได้คำเดียวว่า...อันตราย!
ผู้ชายคนนี้มีลักษณะของความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ท่าทางสุภาพ เงียบขรึม มีเหตุผล และน่าจะถนัดการใช้หัวคิดมากกว่าการใช้กำลัง...และธาเนียก็น่าจะชอบผู้ชายแบบนี้
แย่ล่ะสิ!
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอ่อ ท่านธาเนีย นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วท่านทานอะไรหรือยังครับ?”
เขาต้องพยายามขัดขวางไม่ให้สองคนนี่อยู่ใกล้ๆกัน!
“นั่นสินะ...”
เคลมองหญิงสาวที่รับคำง่ายๆอย่างยินดี ...เขาจะได้ไปหาข้าวเที่ยงกินกับนางสองต่อสอง ทั้งยังเป็นการกันลูคัสออกไปด้วย
“ลูคัส เจ้าจะไปทานมื้อเที่ยงกับข้าไหม?”
ชายหนุ่มยิ้มค้าง...ความเอื้อเฟื้อของนางกำลังทำลายแผนของเขา เวรกรรมจริงๆ
เอลฟ์หนุ่มมองใบหน้าที่สลดลงหน่อยหนึ่งของคนต่างถิ่นแล้ว เขาก็พอจะเดาออกว่าผู้ชายคนนั้นผิดหวังเรื่องอะไร...
ลูคัสระบายยิ้มอ่อนๆ ก่อนเสียงทุ้มนุ่มของเขาจะกล่าวตามมา “ไม่เป็นไรขอครับ นายหญิง ข้าขอรับเพียงน้ำใจของท่าน”
ดีมาก...เคลนึกอย่างพอใจ
“ถือว่าข้าตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือข้ามาตลอด... ‘เรา’ ไปเถอะ”
เจอไม้นี้เข้าให้ ลูคัสเลยได้แต่จำใจเดินตามร่างบางที่ก้าวนำไปก่อน หางตาก็เหลือบไปมองคนต่างถิ่นที่ถอนใจเฮือกอย่างสงสารหน่อยๆ
เอาเถอะๆ โอกาสยังมีอีก...
“ความจริงแล้ว เหตุที่ข้าชวนเจ้ามาทานมื้อเที่ยงด้วยก็เพราะเรื่องของเคล...”
ธาเนียเปิดประเด็นของนาง เมื่อทั้งสามคนเริ่มต้นมื้อเที่ยงอันแสนเงียบเชียบไปได้สักพักแล้ว
ลูคัสเงยหน้าขึ้นมองนายสาว และเคลผู้ซึ่งก้มหน้าก้มตากินต่อไปราวกับไม่ได้ยินคำนั้น
“เคลเป็นแม่ทัพ และด้วยความจำเป็นที่เจ้าก็รู้ดี เขาจึงต้องอาศัยอยู่ที่นี่ก่อน...” ธาเนียระบายลมหายใจเมื่อพูดถึงตอนนี้ “และเอเรีย...นางก็บอกให้เคลเขาช่วยเป็นกำลังให้พวกเรา ในขณะที่เจ้าตัวเองก็เต็มใจจะช่วย แต่ข้าก็ยังอยากจะถามความเห็นของเจ้าอยู่ดี”
เอลฟ์หนุ่มค่อนข้างแน่ใจว่า เคลนั้นยิ่งกว่าเต็มใจจะช่วยเสียอีก แล้วเขาก็ไม่เห็นว่าผู้ชายคนนี้จะมีอันตรายใดๆ นอกจากจะหวงก้างชิ้นงามจนเขาอยากจะขำ
“ข้าก็เห็นด้วยนะขอรับ” ชายหนุ่มเสนอความเห็นอย่างสุภาพ “หากเขามียศเป็นถึงแม่ทัพ เขาย่อมต้องเป็นกำลังที่ดีให้กับเราได้แน่ หรือหากท่านกังวลถึงสวัสดิภาพของเขา ท่านก็ให้เคลเป็นครูฝึกนักรบของเราก็ได้”
“งั้นหรือ...” หญิงสาวไขว้แขนกอดอก ใช้มือขวาจับคางแตะริมฝีปาก...นั่นเป็นท่าที่นางติดเวลาครุ่นคิด และนางย่อมไม่รู้หรอกว่า เคลมักจะคิดเสมอๆว่า หากแทนที่เรียวนิ้วของนางด้วยริมฝีปากของเขามันจะเป็นอย่างไร...
“หากเจ้าก็เห็นว่าเช่นนั้น ข้าคงต้องทบทวนว่ามีสิ่งใดที่ข้าจะมอบหมายให้เคลได้” นางสรุปง่ายๆ แล้วพยักเพยิดหน้าให้ลูคัส “ทานต่อเถอะ ขอโทษด้วยที่ขัดจังหวะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น