คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ทวนความหลัง
Chapter 3
: ทวนความหลัง
“จ้าว...ไม่น่าห้ามข้าเลยยย น้า... จ้าว พวกน้านมันบังอาจจจที่สูดดด อึก!”
รอสยิ้มแหยๆให้กับสาวผมแดงข้างกายตอนนี้เริ่มไม่เป็นผู้เป็นคนพูดจาไม่รู้เรื่องนับตั้งแต่เหล้าแก้วที่ห้าผ่านลงลำคอระหง
ใช่... นางบอกจะเลี้ยงเหล้าเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเนิ่นนาน แต่ตอนนี้เขาคิดว่านอกจากจะเลี้ยงเหล้าแล้วเขาคงต้องแบกนางกลับโรงแรมด้วยละมั้งเนี่ย...
ชายหนุ่มก้มลงเล็กน้อยก็เห็นเจ้าไรเด็นน้อยที่เงยหนาขึ้นมาสบตากับเขาพ่นลมหายใจเบื่อหน่าย ก่อนก้มลงอีกครั้งขดตัวลงใต้เก้าอี้ข้างๆเอเฟียอีกตัวที่ยังคงว่าง เพราะสายตาอำมหิตที่เขาใช้ไล่ผู้ชายที่หวังมาจีบเอเฟียซึ่งพร้อมจะฟุบหน้าลงทุกเวลา
...ที่ยายนี่รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้นี่คงต้องขอบคุณเจ้าไรเด็นน้อยที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์จำเป็นได้อย่างดี
“น่าๆ ขนาดข้าห้ามเจ้าแล้ว เจ้าพวกนั้นยังต้องถูกหามเข้าโรงพยาบาลเลยนะ ข้าเลยต้องรีบพาเจ้าอพยพข้ามเมืองมาแบบนี้ไงล่ะ”
รอสพูดกลั้วหัวเราะ นึกถึงสาเหตุที่เขาต้องรีบลากนางหนีจากในร้านเหล้าที่เอเฟียเจอเจ้าพวกขโมยกระจอก แล้วนางก็ ‘เล่น’ อีกฝ่ายจนคาเท้า แล้วหลังจากนั้นพวกสันติบาลก็ยกโขยงมากันตรึมจนเขาต้องรีบพานางหนีชนิดข้ามเมืองแบบนี้ คราวนี้นางโดนข้อหาทำร้ายร่างกายจริงๆแน่...แต่อีกใจหนึ่งก็นึกเวทนาแทนเจ้าห้าตัวที่ริอาจไปมีเรื่องกับเอเฟีย...ตอนนี้คงยังไม่รู้สึกตัว... เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับเอเฟียตัวร้าย น่าสงสารจริงๆ...
“ข้าเจอเจ้าครั้งสุดท้ายเมื่อเกือบครึ่งปีก่อนสินะ แต่ก็เจอแบบแวบๆ ไม่ได้เข้ามาทักทายเพราะติดงานใหญ่ เพราะงั้น ถ้าจะให้พูดว่าคุยกันครั้งสุดท้ายก็คงเป็นเมื่อ 2 ปีก่อนเลยละมั้ง ก่อนเจ้าจะออกไป...นานจริงๆเลยนะเนี่ย”
มือใหญ่ยกแก้วเหล้าขึ้นซดรวดหลังเปรยขึ้น พอวางแก้วลงก็เหลือบไปเห็นดวงตาสีน้ำตาลฉ่ำปรือหลิ่วมองทางเขาด้วยสายตาวาวแปลกๆจนต้องขมวดคิ้วถามกลับ
“ทำไมมองข้าแบบนั้นน่ะ หือ?”
สาวผมแดงยิ้มเจ้าเล่ห์ กราดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเขาราวกับอาเสี่ยมองสาวน่ารักๆในร้านเหล้าด้วยสายตาหื่นกระหาย
“ป๊าวว!” เสียงหวานสูงปรี๊ดแบบที่เด็กอมมือก็รู้ว่าเสแสร้ง “ไม่ได้เจอกันเกือบสามปี เจ้าหล่อขึ้นโขเลยนะเนี่ย อ้าวๆ หน้าแดงซะแล้ว เจ้าเขินหรอเนี่ยรอส ฮ่าฮ่าฮ่า!”
คนถูกชมสะดุ้งโหยง ยกมือลูบหน้าเป็นพัลวัน “เฮ้ย เปล่าน่า ข้าหน้าแดงเพราะเหล้าต่างหาก เจ้าอย่ามั่ว!”
แต่รอสก็รู้ว่า แม้แต่เจ้าไรเด็นน้อยที่เหลือบมองเขาขึ้นมายังทำหน้าแบบที่ถ้าเป็นคนละก็ ต้องยิ้มแบบรู้ทันจริงๆ
“เฮ้ย เจ้าคิดอะไรน่ะไรเด็น”
ราชันตัวน้อยถอนใจพรืด ใช้ขาหลังเกาใบหูแกรกๆ ก่อนตัดประโยคด้วยการล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
แต่รอสก็ยังคงรู้ดีว่าเจ้าไรเด็นน้อยไม่มีทางหลับหรอก ในสภาพที่เสียงดังโวยวายลั่นร้านขนาดนี้ แล้วยิ่งนายสาวที่กัดกันมาตลอดทางดันมาเมามายเหมือนลุงแก่ๆอย่างนี้อีก ยังไงมันก็คงทิ้งไม่ได้...
แต่ที่ประหลาดใจที่สุดก็คือ นางไปได้ไรเด็นน้อยตัวนี้มาจากที่ไหนอีกละเนี่ย??
“นี่ รอส...”
เสียงหวานอู้อี้เรียกทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง สบตากับดวงตาวาวๆแล้วรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมา
เอเฟียกระตุกรอยยิ้มมุมปากยั่วยวน ก่อนขยับตัวเข้าไปใกล้รอส กระซิบเบาๆข้างหูของเขา
“ถ้าข้าเป็นผู้หญิงโต๊ะนั้นละก็นะ...” เสียงอ่อนๆแว่วพร้อมมือซ้ายที่ชี้นิ้วโป้งไปยังโต๊ะเหล้าไม่ใกล้ไม่ไกลนักให้ชายหนุ่มหันไปมองตาม... สาวสวยสองคนกำลังเหล่มาทางเขา คลี่ยิ้มหวานหยาดเยิ้มแบบที่ผู้หญิงข้างๆเขาไม่มีวันทำแน่ ทั้งยังกัดริมฝีปากล่างส่ง ‘สัญญาณ’ เชิญชวน
จิตใจของเขาถูกดึงกลับจากค่ำคืนดีๆที่เขาจะต้องมีแน่ๆถ้าตัดสินใจไปกับผู้หญิงสองคนนั้น โดยเสียงหวานแหบพร่า
“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่ๆ...”
แล้วริมฝีปากบางก็งับเบาๆที่ใบหู ก่อนผละออกไปพร้อมเสียงหัวเราะคิกเบาๆ
รอสลุกพรวดเหมือนถูกของร้อน ดวงตาตวัดมองสาวข้างกายที่บัดนี้ ลงไปนอนคว่ำหน้ากับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว... นั่นไงล่ะ ว่าแล้วเชียว...
ยายเอเฟียทำท่าทางแบบนี้เมื่อไหร่ แสดงว่าได้ฤกษ์ ‘หลับ’
ชายหนุ่มถอนใจพรืดเหมือนม้าหนุ่ม ขยับกายเข้าไปประคองร่างโปร่งระหงให้ลุกขึ้น จับแขนข้างหนึ่งของนางพาดบ่าไว้ แล้วใช้มือขวาโอบเอวบางไว้ ก่อนเดินออกจากร้านโดยไม่ต้องปลุกเจ้าไรเด็นน้อยที่ ‘ทำเป็น’ หลับตลอด ราชันน้อยขยับลุกขึ้น เหยียดกายบิดขี้เกียจแล้วเดินตามคนทั้งคู่ไป
รอสวางร่างระหงลงบนเตียงนอนอย่างทุลักทุเล ก่อนถอนใจเฮือกมองผลงานตัวเอง
ปกติแล้วเอเฟียจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาจนหลับขนาดนี้ นอกจากว่านางนั่งก๊งเหล้ากับใครที่ไว้ใจได้จนไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยของตัวองหรืออะไรอีก
อีกอย่าง... พนักงานที่หน้าโต๊ะจองห้องก็ยังมีมารยาทพอที่จะไม่มองเขาซึ่งแบกเอเฟียกลับมาที่ห้องด้วยสายตาแปลกๆ พรุ่งนี้เวลาเอเฟียออกจากห้องได้ไม่มีเรื่องกับพนักงาน
ชายหนุ่มหันไปมองไรเด็นน้อย “เจ้าพูดได้ใช่มั้ย?”
คำตอบจากไรเด็นน้อยคือการเอียงคออย่างน่ารักเหมือนลูกเสือน้อยใสซื่อ
“ไม่ต้องปิดบังหรอก ข้าสนิทกับเอเฟียมาก จนรู้ว่าไรเด็นที่นางเลี้ยงไว้เมื่อสองปีก่อนก็พูดได้”
ราชันน้อยนิ่งเงียบด้วยท่าทีของการครุ่นคิด ไม่นานนักมันก็ตอบมา
“ใช่ ข้าพูดได้”
รอสคลี่ยิ้มบางๆ “อืมๆ งั้นแนะนำตัวอีกครั้ง ข้าชื่อรอส รู้จักกับเอเฟียมาหลายปีแล้ว และไม่ต้องห่วง ข้าไว้ใจได้ เห็นได้จากการที่เอเฟียกล้าเมาจนหลับต่อหน้าข้า”
ไรเด็นน้อยพยักหน้ารับคำ
“นางเคยหลุดปากพูดถึงเจ้าครั้งหนึ่งตอนที่นางเมา แต่ข้าไม่ขอบอกว่าเรื่องอะไร แต่ข้าไว้ใจเจ้าเช่นเดียวกับที่เอเฟียไว้ใจเจ้า”
รอสยิ้มให้กับเจ้าราชันตัวน้อยอีกครั้ง “ขอบใจเจ้ามาก”
สาเหตุของรอยยิ้มครั้งหลังคือได้รู้ว่านางเคยพูดถึงเขา และมันคงเป็นเรื่องที่ดีพอดูเลยล่ะ ถึงขนาดไรเด็นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชันแห่งป่ายังยอมไว้ใจคนที่ไม่เคยเจอมาก่อนและรู้จักเพียงครั้งเดียวจากคำพูดของนายสาวตอนเมา
ชายหนุ่มขยับลุกขึ้น แล้วเหลียวไปทางประตูห้อง
“ข้าต้องไปแล้ว แต่คงคล้องโซ่ที่ประตูให้เจ้าไม่ได้ เพราะฉะนั้น ข้าคงต้องรบกวนให้เจ้าช่วยเฝ้าเอเฟียไว้ด้วยนะ”
ไรเด็นน้อยพยักหน้าอีกครั้ง เดินตรงไปที่ประตูแล้วยืนขวางประตูไว้
“ข้าต้องนอนขวางประตูทุกครั้งที่ยายนี่เมากลับมา”
รอสหัวเราะเบาๆ มองท่าทางบ่นงึมงำเอือมระอาทั้งยังโคลงหน้าเบื่อหน่ายของไรเด็นน้อยอย่างเข้าใจ
“นางก็เป็นอย่างนี้แหละ แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงนางเกินกว่าจะทิ้งให้นางนอนอย่างไม่ปลอดภัย”
คราวนี้เป็นฝ่ายไรเด็นน้อยบ้างที่พ่นลมหายใจพรืด ล้มตัวลงนอนข้างประตู
แม่ทัพหนุ่มคลี่ยิ้มบางๆ โคลงศีรษะเหมือนเจ้าราชันย์ก่อนหน้านี้แล้วเหลียวกลับไปมองต้นเหตุที่ทำให้หนึ่งคนหนึ่งไรเด็นเป็นห่วงตลอดเวลา
เอเฟียขยับพลิกกาย ขดตัวแทบจะเป็นก้อนกลมเพราะลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามา รอสก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมห่มผ้าให้นาง
หากเพียงชายหนุ่มโน้มกายลงไปจะดึงผ้าห่มที่นางนอนทับออก มือเรียวก็ตวัดรั้งคอดึงร่างของเขาล้มลงไปบนตัวนาง
“เฮ้ย เอเฟีย...!”
เขาพูดต่อหลังจากนั้นไม่ได้ เมื่อกลีบปากบางประทับปิดแนบริมฝีปากของเขา เรียวนิ้วสอดเข้าขย้ำเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ มืออีกข้างลูบไปตามแผ่นหลังกว้าง
สัญชาติญาณลึกๆถูกปลุกกระตุ้นขึ้นมาในทันที
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น แม้รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงทำไปเพราะความเมามาย แต่ตัวเขาก็เป็นผู้ชายเต็มตัว เป็นชายทั้งแท่ง ไม่ใช่พระอิฐพระปูน แถมยังไม่ใช่พวกกามตายด้าน จะให้ทนอยู่ได้ไงกัน?
รอสดันตัวขึ้น ผละจากริมฝีปากที่เรียกร้องหาเขาอย่างยากลำบากแล้วเหลียวไปมองเจ้าไรเด็นน้อย เขาคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงขู่คำรามของมันที่เขาบังอาจยุ่งกับเอเฟีย หรือคำห้ามปราม... แต่ไม่เลย ราชันน้อยเพียงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยหางตา แล้วฟุบหน้าลงไปนอนต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังลู่หูลงอีกต่างหาก
ไอ้ท่าทีเปิดทางให้แบบนั้นมันยังไงกันน่ะ!?
ดวงตาสีควันบุหรี่เบิกกว้าง ตวัดกลับไปมองดวงหน้างามหวานเป็นสีแดงระเรื่อที่เริ่มซุกไซร้ไปตามลำคอของเขาอย่างตกใจ
รอสกัดฟันกรอด ใจหนึ่งนึกอยากจะผลักนางออก หากอีกใจหนึ่ง...
ความอดทนสุดท้ายก็ขาดผึงในที่สุด เมื่อมือบางปลดกระดุมเสื้อออก แทรกผ่านไปลูบไล้แผงอกกำยำแผ่วเบาดุจขนนกแต้มสัมผัส
ชายหนุ่มกดประทับริมฝีปากบางด้วยริมฝีปากของเขาแน่น ขบเม้มกลีบปากล่าง จนริมฝีปากบางเผยอออก ลิ้นสากก็แทรกเข้าไปอย่างรวดเร็ว ตวัดลุกไล่ลิ้นเล็กที่พยายามตอบโต้
มือใหญ่ลูบทั่วร่างบาง กระทั่งหยุดที่อกอิ่มใต้เสื้อตัวสั้น คลึงเคล้าจนเสียงหวานครางแผ่ว
รอสผละริมฝีปากออก จรดจมูกโด่งไซร้ลงตามซอกคอหอมกรุ่นด้วยกลิ่นกายสาวปะปนกับเหล้าชั้นดี ลดลงสู่เนินอกขาวผ่องที่สองมือกำลังร้อนรนปลดกระดุมเสื้อโดยเร็ว
สัญชาติญาณแสดงความเป็นเจ้าของทำให้เขาทิ้งรอยประทับตราตามผิวขาวนวลที่แสงแดดไม่ได้ทำให้ผิวอมชมพูคล้ำลงไปเลยสักนิด
โหยหามากจนต้องการนางอย่างรุนแรง...
“อือ...ไคลน์...”
รอสชะงักนิ่ง ชื่อที่หลุดมาจากปากบางบวมเห่อด้วยจุมพิตทำให้สติที่หลุดกระเจิงกลับมารวมกันได้ในพริบตา
ชายหนุ่มดันกายขึ้น มองร่างระหงที่ปรือตามองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย สุดท้ายเขาก็จำใจกลัดกระดุมเสื้อให้นาง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างบางจนมิดคอ ขยับกายออกไปนั่งข้างเตียงแล้วเสยผมแรงๆหลายครั้งด้วยความหงุดหงิดใจ
ให้ตายสิ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้อีกแล้ว...
“บ้าจริง!”
เขาสบถขรมอีกหลายคำ ก่อนจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง เดินออกจากห้องโดยไม่เหลียวกลับไปมองเอเฟียอีกเลย
เหลือเพียงเจ้าไรเด็นน้อยที่มองตามรอสไป กระทั่งประตูปิดสนิท ก่อนหันไปมองนายสาวที่บัดนี้คงหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะโคลงศีรษะลำบากใจ...
น่าสงสารรอสชะมัด...
การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันถัดไป หลังจากที่รอสฝากจดหมายให้กับพนักงานของโรงแรมว่าเขาติดธุระต้องไปทำงานต่อ เอเฟียก็เริ่มหัวเสียและบ่นไปตลอดทางว่ารอสไม่ยอมพานางไปเลี้ยงข้าวสักมื้อก่อนที่เขาจะไป (ทั้งๆที่เมื่อคืนรอสก็เลี้ยงเหล้าแท้ๆ)
และหลังจากฟังคำบ่นแบบนั้นเป็นรอบที่ร้อย ไรเด็นน้อยเลยลอยหน้าลอยตาบอกกับนายสาวว่า
“ยายขี้บ่นบ้าพลัง”
แค่นั้นล่ะ เอเฟียก็เงียบกริบ แต่เปลี่ยนเป็นวิ่งไล่เขกกบาลไรเด็นน้อยเป็นพัลวัน
ในช่วงค่ำของสองวันต่อมา หนึ่งคนหนึ่งไรเด็นก็มาถึงเมืองถัดไป
เนื่องจากตอนที่มาถึง พระอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้าและอารีน่าก็ปิดแล้ว เพราะฉะนั้น ที่แรกหลังจากที่เอเฟียจองห้องโรงแรม นางก็ตรงดิ่งไปบาร์เหล้าในทันที...
“ยายขี้เหล้า”
เพียงแค่นั้น จากการเดินก็กลายเป็นวิ่งไล่ในบัดดล...
“รสชาติดีชะมัด!!!”
เอเฟียยิ้มหน้าบานแฉ่ง หลังจากจิบเหล้าราคาแพงหูฉีกด้วยเงินรางวัลจากการล่าหมูป่าสองนอในครั้งนั้น ไรเด็นน้อยหมอบอยู่ไม่ห่าง และตรงหน้าของมันคือจานใส่เนื้อสันชั้นดีที่สาวๆโต๊ะไม่ไกลนักสั่งมาให้เพราะความน่ารักของมัน
“เอ่อ...”
เอเฟียหันไปมองต้นเสียง เอียงคอนิดๆอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสาวน้อยหน้ามนอายุอานามไม่น่าเกิน 18 ปี มายืนทำท่าขวยอายอยู่ข้างนาง
ดวงตาสีนิลใสซื่อมองนางอย่างมีความหวัง
“ขอข้านั่งดื่มเหล้ากับท่านด้วยได้มั้ยคะ?”
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกือบสองยามหลังจากนั้น เมื่อร้านเหล้าปิดลง เอเฟียที่ปกติแล้วจะต้องเดินกลับโรงแรมด้วยการเซไปเซมาตัวคนเดียว บัดนี้ กลับต้องมาประคองเด็กสาวที่อายุไม่น่าจะเข้าร้านเหล้าได้กลับห้องของนาง
ห้องของนางนะ ไม่ใช่ห้องของเด็กสาวคนนี้!
เอเฟียบ่นพึมพำไปตลอดทาง แต่จะให้ทิ้งเด็กสาวคนนี้ไว้ที่ร้านเหล้านั่นคนเดียวก็กระไรอยู่ ถึงจะยังดูเด็กๆแต่ก็นับว่าหน้าตาน่ารักเลยทีเดียว... นางไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้น
ส่วนสาเหตุที่อยู่ๆแม่เด็กสาวคนนี้ก็มาขอนั่งข้างนาง สั่งเหล้าแล้วดื่มเอาๆ ชนิดที่นางเห็นแล้วยังอึ้ง แม่เด็กสาวคนนี้บอกว่าทะเลาะกับพ่อเลยหนีออกมาอ้อ ส่วนชื่อนั้น แม่เด็กสาวคนนี้ชื่อริอา
ร่างบอบบางของสาวน้อยไม่เป็นปัญหามากอยู่แล้ว แต่เหตุที่ทำให้นางหงุดหงิดนั่นก็คงเป็นเพราะสายตาแปลกๆของพนักงานหน้าโรงแรมที่มองดูนางเหมือนกับว่า นางเป็นพวกผิดเพศ
ข้าชอบผู้ชายโว้ยยย!!
เอเฟียได้แต่ตะโกนลั่นอยู่ในใจและแยกเขี้ยวใส่พนักงานจนเขาต้องรีบก้มหน้าหลบ
นั่นล่ะ ไอ้ท่าทีห่ามๆแบบนั้นล่ะ เขาถึงคิดว่าเจ้าเกลียดผู้ชายและชอบผู้หญิงด้วยกันเอง... ไรเด็นน้อยคิดในใจ
ริอานอนขดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อที่ยิ้มพรายอย่างเป็นสุข ในขณะที่คนที่แบกนางมายืนกอดอกลำบากใจ... ไม่ใช่ว่านางไม่อยากให้อยู่นะ แต่พ่อแม่ของเด็กคนนี้เขาคงเป็นห่วงที่ลูกสาวหนีออกจากบ้านมาแล้วหายไปทั้งคืน
แต่ช่างเถอะ... นางเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กคนนี้อยู่แล้วจะให้พาไปส่งบ้าน ก็ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหน ส่วนเจ้าตัวก็ดูท่าจะกำลังอยากประชดชีวิต ยังไงนางก็ไม่ใช่ผู้ชายและไม่ใช่พวกหากินกับชีวิตคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นแม่สาวน้อยนี่ก็เลือกไว้ใจคนถูกแล้วล่ะ
ร่างระหงหยิบเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำ ไม่นานนักก็ออกมา ก่อนจะเดินขึ้นเตียงนอนก็ไม่ลืมหยิบเอาผ้าผืนหนาโยนไปให้เจ้าไรเด็นน้อยที่นอนอยู่ปลายเตียง
“เอาไปห่มซะ ข้ายังไม่อยากให้มีตัวอะไรมาตายในห้อง”
ไรเด็นน้อยปรายตามอง แต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะเดี๋ยวเกิดยายเอเฟียเปลี่ยนใจขึ้นมา มันจะอดห่มผ้าเปล่าๆ
เอเฟียดับตะเกียง ทั้งห้องตกสู่ความมืดมิด เสียงลมหายใจผ่อนหนักๆ ก่อนจะแผ่วลงและเป็นจังหวะ...หนึ่งคนกับหนึ่งตัวจมดิ่งสู่ห้วงนิทราอันแสนสุข...
“ต้องขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วยดูแลข้า แล้วก็ต้องขอโทษอย่างมากที่ต้องคอยดูแลข้าค่ะ”
ริอาโค้งหัวอิหลักอิเหลื่อ ดวงหน้างามหวานยังคงแดงระเรื่อ แต่ไม่ใช่จากฤทธิ์ของเหล้า แต่เป็นเพราะความอับอายที่ตัวเองเมาไม่รู้เรื่องหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ จนต้องให้ผู้หญิงที่พึ่งรู้จักกันมาคอยดูแลทั้งคืน
เอเฟียยืนกอดอกถอนใจเหนื่อยหน่าย ข้างๆนาง เจ้าไรเด็นน้อยก็นั่งทำหน้าไม่ผิดกับนายสาว
“ช่างมันเถอะ ข้าไม่ใจไม้ไส้ระกำจนถึงขนาดที่ทิ้งเด็กผู้หญิงคนเดียวไว้ในร้านเหล้าอีก คราวนี้เจ้าเจอข้าก็นับว่าโชคดีไป แต่คราวหน้าอาจจะไม่โชคดีอย่างนี้ก็ได้นะ เพราะงั้นอย่าไปเมาจนหลับอีกล่ะ”
ริอายิ่งก้มหน้าต่ำ “ค่ะๆ คราวหลังข้าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว เอาเถอะ รีบๆกลับไปหาพ่อเจ้าซะ ป่านนี้คงนั่งเป็นห่วงเจ้าทั้งคืนแล้ว”
“ค่ะๆ ขอบคุณพี่มากจริงๆนะคะ”
เอเฟียพยักหน้าหงึกๆ มองส่งเด็กสาวที่รีบหมุนกายกลับแล้วจ้ำอ้าวจากนางไป หญิงสาวกรอกตาขึ้นฟ้า หาวปากกว้างด้วยความง่วงงุนที่ยังไม่หมดไป เพราะเวลาตื่นนอนของนางคือเที่ยงวันไม่ใช่ช่วงพระอาทิตย์พึ่งโผล่เหนือขอบฟ้าไม่นานเช่นนี้
“ไปๆไอ้เตี้ย กลับไปนอนต่อกัน”
ร่างระหงกำลังจะหมุนกายกลับ หากไม่เพราะหางตาเหลือบไปเห็นแม่หนูริอากำลังยืนคุยกับผู้ชายหน้าโหดๆคนหนึ่ง ฝีเท้าที่กำลังก้าวของนางก็หยุดกึก หันไปมองให้เต็มตา เป็นช่วงเวลาที่ริอาหันมาทางนางพอดีพร้อมกับยิ้มให้และชี้มาทางนาง
“โฮก!”
เอเฟียหันขวับ เสียงของเจ้าไรเด็นน้อยทำให้นางตื่นตระหนก หาก
ผัวะ!
ความเจ็บปวดแล่นแปลบจากท้ายทอย แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นความมืดมิด...
ความคิดเห็น