คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4
เคลค่อนข้างแปลกใจที่ธาเนียจูงม้ากลับเข้าไปในเมือง แทนที่จะควบมันไปทำธุระของนาง เห็นได้ชัดว่านางกำลังทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ก่อนจะกลับเข้าเมืองนางควบมันเต็มฝีเท้า แต่พอถึงทางเข้า นางก็กลับลงมาเดินและจูงม้าเช่นนี้
“มันเกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”
เคลซึ่งจูงม้าเดินตามนางมาติดๆถามเบาๆ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าธาเนียไม่อยากให้ชาวบ้านสงสัยว่าทำไมนางถึงรีบร้อน และนางก็ทำได้ดีทีเดียว
“มันไม่ใช่เรื่องของคนนอก”
เจ็บแฮะ...
ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ รู้สึกว่านางกำลังด่าทางอ้อมว่าอย่ายุ่งมากนัก แต่มันก็ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างออก...เรื่องที่ไม่อยากให้คนในหมู่บ้านกังวล เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคนนอก...การต่อสู้...?
“เจ้ากลับไปก่อน เดี๋ยวข้าจะรีบตามกลับไป”
ธาเนียบอกเคลตอนที่ถึงทางแยกตรงลานกลางหมู่บ้าน แล้วเดินเลี้ยวไปอีกทาง ทว่าคนที่นางอยากให้กลับยังคงเดินตามต้อยๆมาเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของนาง
“น่าๆ ข้าคิดว่าบางทีคนนอกอย่างข้าคงทำอะไรได้บ้างล่ะ ถึงยังไงข้าก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่”
คำพูดเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขา ทำให้นางปวดหัวตงิดๆ...ผู้ชายอะไรเดี๋ยวว่าง่ายเดี๋ยวรั้น
แต่นางก็ไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว นอกจากจะรีบเดินไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และเลิกคิดมากเรื่องเคลเสียที
เคลมองตามธาเนียที่ก้าวฉับๆทิ้งห่าง เขาจึงรีบเดินตามบ้าง...บางทีนางอาจจะเอือมเขาแล้วก็ได้...แต่ก็ช่างปะไร...ถ้าหากมันเป็นการต่อสู้จริงๆล่ะก็ เขาช่วยนางได้แน่!
ธาเนียนำเคลเดินมาเรื่อยๆผ่านบ้านเรือนหลายหลังจนเข้าไปในป่า กระทั่งบ้านหลังสุดท้ายที่เห็นถูกบดบังด้วยต้นไม้ ธาเนียก็ปล่อยมือจากบังเหียนม้าแล้วออกวิ่งไปโดยไม่บอกอะไรเป็นสัญญาณ
แต่เคลที่รอเวลานี้มานานแล้วก็ออกวิ่งตามนางติดๆ ทว่าต้นไม้ที่ขึ้นขวางก็ทำให้เขาไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ต่างกับธาเนียที่วิ่งลัดเลาะไปอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วราวกับนางหมาป่าที่กำลังล่าเหยื่อ ไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่ละสายตา นางก็หายวับไป จนเขาต้องเร่งฝีเท้าขึ้นมาอีก จึงค่อยเห็นเงาลางๆของนาง
นางวิ่งเร็วเป็นบ้าเลย...เคลนึกอย่างยินดี นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นใครวิ่งเร็วขนาดนี้ ยิ่งเป็นผู้หญิงแบบนี้อีกด้วย ถ้าเทียบกับเอลฟ์หนุ่มที่มาตามนางตอนแรก ธาเนียยังวิ่งเร็วกว่าโขเลย...สมแล้วที่นางเป็นนายหญิง
แต่นางจะไปสู้กับเขาได้อย่างไร ในเมื่อนางไม่มีดาบ?
ความคิดนั้นทำให้เคลวิตก...บางทีนางอาจจะไม่คิดว่าต้องต่อสู้เลยไม่หยิบดาบมา หรือบางที นางอาจจะถนัดใช้เวทมนตร์มากกว่า แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็รับหน้าที่คุ้มครองนางแล้วโดยสมัครใจ...แม้ว่านางอาจจะไม่ต้องการ...เฮ้อ...
กระทั่งเขาเห็นเงาของนางชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...นางหยุดวิ่งแล้ว ลดฝีเท้าเหลือเพียงเดินเร็วๆ ชายหนุ่มเลยลดฝีเท้าลงแล้วเดินตามนาง
“เจ้ามีดาบใช่ไหม?”
เคลตอบโดยไม่ต้องนึกอะไร “ครับ”
“ดีแล้ว” นางว่า “พอเห็นเสาสีแดง เจ้าจงรออยู่ในเขตนี้ ไม่ต้องตามข้าออกไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น กำลังจะขยับปากถาม แต่ธาเนียก็ขัดขึ้นราวกับรับรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
“มันเป็นการต่อสู้ของพวกข้า...”
เคลกำลังขยับปากจะพูดพอดี หากสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้ความคิดที่จะพูดแทรกนั้นหายไปจนหมดสิ้น เมื่อธาเนียกวาดมือขวาในอากาศ สายลมหมุนรุนแรงหากไม่ได้ทำให้เส้นผมแม้สักเส้นของนางปลิวก็บังเกิดขึ้น พุ่งตามมือของนางแล้วหายไปเมื่อผ่านพ้นมือเรียว และหลังจากสายลมไร้ที่มานั้นหายไป อากาศเบื้องหน้าที่เคยว่างเปล่าก็ปรากฏดาบคู่กายของนางลอยนิ่งอย่างน่าอัศจรรย์
ธาเนียจับดาบนั้นไว้ ก่อนมือขวาจะดึงดาบออกจากฝักและมือซ้ายเพียงลดฝักดาบไปอยู่ข้างเอวบาง มันก็ลอยนิ่งอยู่ข้างกายนางโดยไม่ตกลง
“เจ้าจงดูให้ดี นี่ล่ะ คือการต่อสู้ของพวกข้า!”
สติที่พึ่งกลับมาก็ทำให้เคลตวัดดวงตามองตรงไปเบื้องหน้า
เบื้องหลังเสาสีแดง ยังคงเป็นผืนป่าเช่นเดิม หากที่ไม่เหมือนเดิม คือร่างของชนสองเผ่าที่กำลังโรมรันสุดชีวิต
หนึ่งในนั้นคือร่างงามสง่าของชนเผ่าเอลฟ์ราว 5-6 นาย หากอีกเผ่าหนึ่งที่กำลังได้เปรียยบด้วยจำนวนที่เหนือกว่าประมาณ 4 เท่า คือร่างที่ราวกับเกิดจากสัตว์หลายชนิดมาผสมกัน หัวของพวกมันเป็นสิงโต หากร่างอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อ และเหยียดตรงตั้งฉากพื้นโลก ปีกใหญ่ที่แผ่นหลัง สองขาทรงพลังและพวงหางยาวเต็มไปด้วยหนามแหลมคม
เคลนึกอยากจะเข้าไปร่วมวงด้วยซ้ำ หากไม่ติดที่ธาเนียเคยสั่งห้ามเขาไว้ ชายหนุ่มได้แต่หยุดรอและเฝ้ามองอย่างงุ่นง่าน ในขณะที่ธาเนียเดินผ่านเสานั่นอย่างอาจหาญ
“...ลมหายใจแห่งทวยเทพเอย จงแปรเปลี่ยนเป็นวายุอันบ้าคลั่ง นำพาศัตรูแห่งข้าสู่ฟากฟ้า!”
สิ้นสุดบทมนตราภาษาโบราณของนาง ซึ่งเคลพึ่งมารู้คำแปลทีเอาทีหลัง ‘วายุบ้าคลั่ง’ ก็กระชากร่างหนาใหญ่กว่า 7 ฟุตของสัตว์ประหลาดเกือบครึ่งขึ้นสูงในฟากฟ้า เสียงหวานยังคงร่ายมนตราหากร่างบางที่ห่างออกไปก็ทำให้เขาได้ยินเสียงนั้นราวกระซิบขาดๆหายๆ
แต่มนตราของนางก็ทำให้ร่างทรงพลังของสัตว์ประหลาดเกิดบาดแผลนับไม่ถ้วน สาดฝนเลือดสู่ผืนปฐพีพร้อมกับเสียงหวีดของสายลม
มันเป็นภาพที่น่ากลัว...เคลคิดเช่นนั้น ด้วยอำนาจของเวทมนตร์ทำให้ศัตรูของนางตายไปเกือบครึ่งในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที บรรดานักรบเอลฟ์ที่เหน็ดเหนื่อยมีกำลังใจตอบโต้การโจมตีของสัตว์ประหลาด และพวกเขาไม่แสดงท่าทีใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าเลือดของศัตรูที่สาดลงมาจะแปดเปื้อนกายพวกเขา
ทันทีที่พายุหายไป ร่างที่ถูกตรึงในอากาศก็ตกดิ่งสู่เบื้องล่าง และด้วยการโบกมือพร้อมร่ายมนตราอีกบท ผืนดินเบื้องล่างก็พุ่งขึ้นไปรับร่างของพวกมัน และดึงจมหายลงไปในใต้ปฐพี ประหนึ่งพญางูขย้ำกระต่าย
หมาสู้จนตรอกเป็นฉันใด เหล่าสัตว์ผสมสู้เช่นนั้น...พวกมันละทิ้งเป้าหมายเก่าและตรงเข้าจู่โจมนายหญิงแห่งเผ่าเอลฟ์ในวินาทีนั้น
ธาเนียปรายดวงตาสงบนิ่งหากเย็นชาดุจน้ำแข็งยังบรรดาสัตว์ผสม นางแทบไม่ต้องขยับด้วยซ้ำ เมื่อนักรบเอลฟ์ทั้งหมดพุ่งเข้ามาขวางหน้านาง และใช้ช่วงเวลาที่สัตว์ประหลาดชะงักตวัดดาบปลิดชีพมันจนสิ้นทุกตัว
ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ธาเนียก้าวเข้ามา...
เคลคิดอย่างชื่นชม...ใช่ เพราะก่อนหน้านี้ เขายังเห็นท่าทีเสียเปรียบของเผ่าเอลฟ์ พวกสัตว์ประหลาดนั่นตัวใหญ่ หากไม่เทอะทะ พวกมันปราดเปรียว ว่องไว และเต็มไปด้วยพละกำลัง ทั้งยังจำนวนที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดนั่นอีก แต่พอธาเนียมาถึง มนตราของนางก็จัดการพวกมันที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเกือบครึ่ง และช่วยให้นักรบฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มนึกอยากจะปรบมือให้นาง แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น มันก็คงจะเป็นการขัดจังหวะเหล่าเอลฟ์ที่กำลังกล่าวขอบคุณนายหญิงของพวกเขา เคลเลยเลือกที่จะเดินเข้าไปหานางแทนการปรบมือนั่นแทน
ดวงตาสีสนิมเหลือบมองเสาสีแดงที่ธาเนียห้ามไม่ให้เดินผ่านไปอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ติดใจกับมันเท่าอยากเข้าไปร่วมวงชื่นชมธาเนียกับคนอื่นๆ
“แฮ่...”
เสียงคำรามขู่จากเบื้องหลัง ทำให้หญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นั้นหันกลับไปมองอย่างไม่เกรงกลัว...หากสิ่งที่นางเห็นก็ทำให้ทุกอย่างแย่ลงในความคิดของนาง
ที่ตรงนั้น...เคลซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกำลังก้าวเดินมาหานางด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่เบื้องหลังของเขา คือคิไมร่าตัวใหญ่ ที่ง้างกรงเล็บของมันขึ้นสูง และเป้าหมายคือ...เคล
“เคล หลบ!!!”
ธาเนียตวาดลั่นตื่นตระหนก พร้อมๆกับที่นางผลักหนึ่งในนักรบที่ขวางหน้านางออกด้วยมือซ้าย และมือขวา...ปาดาบตามตำนาน ของสืบทอดสู่รุ่นต่อรุ่นของหัวหน้าเผ่า อาวุธที่ถูกสั่งให้หวงแหนเสมือนชีพสู่ศีรษะของคิไมร่ายักษ์
หากนาง...ช้าเกิน
ความหวาดกลัวแล่นปรี่...ดาบของนางช้าเกินไป...กรงเล็บใหญ่ห่างจากศีรษะเคลไม่ถึงฝ่ามือ
พระเจ้า ช่วยเขาด้วย!
ฉัวะ!!!
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ...
ธาเนียแทบเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น หัวใจนางเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นด้วยความกลัวและสิ้นหวัง
สายเลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นพวยพุ่ง ก่อนร่างสูงที่ไร้หัวจะล้มคว่ำลงไปกับพื้น และดาบบทเพลงแห่งสายลมเสียบทะลุกลางศีรษะที่หลุดลอยไปปักที่ต้นไม้เบื้องหลัง...
“ให้ตายสิ! อยู่ๆก็เข้ามาจากข้างหลัง บ้าจริง!”
เคลสบถหงุดหงิด เมื่อมองดูร่างใหญ่กว่าเบื้องหน้าเขานอนกองกับพื้นในสภาพที่ไร้หัว ก่อนเขาจะเหลียวไปมองเบื้องหลังที่ซึ่งดาบของธาเนียปักหัวของสัตว์ร้ายติดกับต้นไม้
“ท่านนี่ปาแม่นจังเลย กลางหน้าผากพอดีเป๊ะ”
ชายหนุ่มกล่าวชมเมื่อเขาเดินไปดึงดาบออกมาและใช้ดาบคู่กายเปื้อนเลือดเขี่ยหัวสิงโตออกจากดาบ แล้วนำมันไปส่งคืนให้กลับผู้เป็นเจ้าของ “อ้าว ท่านเป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดอย่างนี้ล่ะ”
เสียงนั้นดึงสติของนางกลับมา ธาเนียผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้เกินความจำเป็นของเคล
นางรับดาบคืน ก่อนจะพยายามปรับจังหวะหัวใจที่เต้นแรงให้เป็นปกติด้วยการสูดลมหายใจลึก และลูบหน้าด้วยมืออีกข้างที่เย็นชืดและชื้นเหงื่อ
ไม่มีคำพูดใดๆทั้งสิ้นที่นางอยากพูดออกไปตอนนี้ ความรู้สึกบางอย่างล้นเอ่อและภาพในความทรงจำก็ซ้อนทับเข้ามา...สิ่งแรกในชีวิตที่นางไม่ต้องการก็คือ ตัวนางที่ไม่อาจช่วยใครได้...
พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด...ขอบคุณที่เขาไม่ตาย
ธาเนียหลับตาลงพร้อมกับความรู้สึกโหวงๆในช่องอก เสียงของเคลที่ยืนยันการคงอยู่ของเขาแว่วให้นางได้ยินอยู่เบื้องหน้า และเสียงของคนคุ้นเคยใต้บัญชาร้องถามนางอย่างเป็นกังวล
“ข้าไม่เป็นไร...เพียงแต่...ตกใจนิดหน่อย”
นางไม่รู้ว่าคนอื่นจะเชื่อไหม เพราะนางแน่ใจว่าบัดนี้หน้าของนางคงซีดเผือดยิ่งกว่าผ้าขาวผืนใหม่
“ท่านแน่ใจนะ...ตอนนี้ท่านดูแย่มากๆ”
หญิงสาวส่ายหน้า ก่อนค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนแปลกถิ่นที่ทำให้นางรู้สึกกลัวกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเขา หลังจากที่นางไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นมานาน...
ธาเนียนึกย้อนไปก่อนหน้านี้...เคลที่ไม่สมควรจะมายืนถามทุกข์กับนาง เป็นเป้าช้าของคิไมร่า ทุกคนรู้ว่าคิไมร่าแม่นยำและรวดเร็วขนาดไหน ไม่มีทางเลยหากคนที่ไม่ได้รับการฝึกหนักเช่นนางหรือนักรบชั้นแนวหน้าจะหลบหลีกได้
แต่เคลไม่ใช่...
วินาทีที่กรงเล็บของคิไมร่าหวดเข้าเต็มตำแหน่งศีรษะของเคล ชายหนุ่มก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย...เร็วเกินกว่าที่สายตาของนางหรือคิไมร่าจะตามทัน...เสี้ยววินาทีต่อมา ดาบใหญ่ของเคลก็ตัดหัวของคิไมร่า และวินาทีหลังจากนั้น ดาบของนางก็เสียบทะลุหัวของมันไปติดอยู่ที่ต้นไม้
ธาเนียแน่ใจว่า หากคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นนางไม่ใช่เคลแล้ว นางก็ไม่น่าจะหลบพ้น หรือเต็มที่ก็คงจะทันแค่ยกดาบขึ้นกัน แต่แรงปะทะก็จะทำให้นางกระเด็นไปไกลหลายเมตรและกระแทกกับต้นไม้ เปิดโอกาสให้คิไมร่าตัวนั้นเข้ามาซ้ำแน่นอน
แต่ไม่ใช่สำหรับเคลเลย...
เขาทำได้อย่างไร?
หญิงสาวแหงนหน้ามองคนต่างถิ่นที่กำลังมองนางด้วยสายตาทั้งเป็นห่วงทั้งสงสัย...มันไม่มีทางที่คนธรรมดาหรือนักเดินทางจะมีฝีมือขนาดนี้...เขาจะต้องเป็นอะไรที่ยิ่งกว่านั้นแน่นอน
“เจ้าปิดบังฐานะอะไรอยู่หรือเปล่าเคล?”
ธาเนียไม่คิดจะเก็บคำถามนั้นไว้ในใจอีก แต่เคลที่ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดาก็เก็บความรู้สึกของเขาไว้ได้เป็นอย่างดี ภายใต้ใบหน้าคมสันที่ยิ้มงุนงงกับคำถามของนาง หรือบางที...เขาอาจจะเป็นเพียงคนธรรมดาที่เก่งวิชาดาบก็ได้...
แต่ความคิดหลังของนางถูกทำให้หายไปแทบในวินาทีนั้น...ดวงตาสงสัยคำถามของเขากลายเป็นความเย็นชาและเปี่ยมด้วยไอสังหารเมื่อเขาตวัดมองไปอีกทาง และก่อนที่ใครจะทันรู้ตัวอะไร ดาบของเคลก็ปลิดชีพของคิไมร่าอีกตัวซึ่งแอบซ่อนในป่าอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครกล่าวคำพูดใดๆอีกเมื่อหันไปมองภาพนั้น ทุกสิ่งที่เคยปรากฏในดวงตาของเขามลายหายวับและกลายเป็นเพียงรอยยิ้มเช่นเดิมเมื่อเขาพูดว่า
“ข้าก็ปาดาบได้แม่นดีแฮะ”
ไม่มีใครสนับสนุน หรือให้ถูกคือ ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงดวงตาแห่งความสงสัยจากทุกคน และหนึ่งในนั้น...ดวงตาสามสีที่หรี่ลงอย่างสงสัย และแน่นอน...เมื่อนางกลับไปที่บ้าน...นางจะถามเขาทุกอย่างในสิ่งที่นางต้องรู้...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น