คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลานประลองสุดโปรด!
Chapter 1
: ลานประลองสุดโปรด!
“โอย คิดถึงเตียงนุ่มๆ บริการดีๆ อาหารสุดอร่อยในโรงแรมหรูๆแบบนี้จังเลย !!”
เอเฟียกระโดดทิ้งกายหงายหลังลงบนเตียงกว้างอย่างไม่เกรงใจเตียงที่พึ่งถูกดึงผ้าปูจนเตียงชนิดโยนเหรียญก็กระเด้งขึ้นได้ แขนขาเหยียดสบายแผ่หลาจนบริกรหนุ่มที่ช่วยยกของขึ้นมาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ผู้หญิง...สาว...สวย...บนเตียง......
แน่นอนว่าบริกรหนุ่มย่อมไม่มีทางรู้หรอกว่า ภายใต้ความงดงามนั่นมีสิ่งที่เกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด...
ไรเด็นน้อยพอจะเดาความรู้สึกของบริกรหนุ่มจากสีหน้าของเขาได้ มันไม่แปลกหรอกที่เขาจะมองยัยเอเฟียบ้าพลังด้วยสายตาหื่นกามขนาดนั้น แน่ล่ะ ว่าใครจะไปทนได้หากมีสาวๆสวยๆนอนพริ้มตาหลับอยู่บนเตียง แต่ก่อนที่บริกรหนุ่มผู้โชคร้ายจะโดนเอเฟียทำอะไร (?) ไรเด็นน้อยก็เดินไปที่ใกล้ๆตัวเขา ใช้จมูกดมฟุดฟิดแถวๆรองเท้าคู่งาม และบริกรหนุ่มผู้แสนโคร้ายนั้นก็เข้าใจสัญญาณนั่นเป็นอย่างดี
“เฮ้ย!”
เขาร้องเสียงหลงแล้วรีบเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องก่อนที่สัตว์เลี้ยงของสาวสวยคนนี้จะได้ฉี่ใส่รองเท้าเขาเสียก่อน
ปึง!
ไรเด็นน้อยมองตามร่างที่รีบเดินออกไปกระทั่งเสียงประตูปิดดังขึ้น มันถอนหายใจเหนื่อยหน่ายแล้วหันไปมองนายสาวผู้แสนจะไม่สมหญิงคนนี้
“เอเฟีย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีปัญญาหาแฟนจนต้องหาทางดึงความสนใจ แต่อย่านอนยั่วแบบนั้นเลย เห็นแล้วอยากจะแหวะ อย่างกับพะยูนเกยตื้น ฮึ่ย!”
‘พะยูนเกยตื้น’ แทบเด้งขึ้นจากเตียงไม่ทัน ดวงตาสีน้ำตาลสุดแสนจะอาฆาตจับจ้องมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เฮ้ยๆๆ ไอ้เตี้ย! ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะย่ะ! ให้ตายสิ! นี่ข้าเลี้ยงไรเด็นหรือข้าเลี้ยงแมวปากโครตหมาเนี่ย!?” ประโยคหลังนางบ่นกับตัวเอง อารมณ์ง่วงงุนเมื่อครู่สลายวับไปชนิดกู่ไม่กลับทันทีที่ประโยคหมาๆผ่านปากหมาๆของสัตว์เลี้ยงนาง “ข้าไม่น่าตาต่ำเลือกเจ้ามาประดับบารมีเลย ซวยจริงๆ”
เอเฟียดันตัวขึ้นจากเตียง คว้าหยิบดาบคู่กายจากข้างเตียงมาถือไว้ในมือซ้าย สำรวจว่าเงินทุกเหรียญของนางยังคงอยู่ในถุงข้างเอวด้านขวา ร่างบางก็หยิบกุญแจห้องจากโต๊ะข้างเตียงแล้วก้าวฉับๆไปยังประตูห้อง
“ไปลานประลองหรือไง เจ้านี่บ้าพลังจริงๆเลย”
สองเท้าที่กำลังก้าวชะงักกึก ร่างระหงหมุนกายกลับโดยเร็ว แล้วฟาดดาบทั้งฝักลงกลางกระหม่อมเล็กๆ หากคราวนี้ ไรเด็นน้อยที่รู้แกวก็กระโจนหลบได้ทัน
“พอเลย ข้าหายง่วงก็เพราะปากของเจ้าน่ะแหละ ข้าจะไปลานประลอง มีปัญหาหรือไง!” เอเฟียกระชากเสียงห้วนหงุดหงิด ตั้งแต่นางจับไอ้เตี้ยนี่มาเลี้ยงนางก็หงุดหงิดแทบทุกนาที
“เปล๊า!” ตัวเล็กลอยหน้าลอยตา “ข้าแค่ถามและพูดเรื่อยเปื่อย ถ้าไม่เป็นจริงเจ้าก็อย่าร้อนตัวสิ เฮ้อ...”
เอเฟียแยกเขี้ยวอย่างแสนรำคาญ ก่อนสะบัดหน้ากระแทกส้นเท้าเดินไปนอกห้องโดยไม่รอสัตว์เลี้ยงของนาง
“โหย นอกจากบ้าพลังแล้วยังจะเดินเสียงดังเป็นนางยักษ์ขมูขีอีก”
“หุบปากของเจ้าเถอะน่าไอ้เตี้ยต้อม่อ เดี๋ยวแม่ก็จับฆ่าหมกป่าซะนี่!”
สนามประลองหรือที่เรียกว่าอารีนาของที่นี่แม้ไม่ใหญ่นัก หากก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ชื่นชอบการประลองเป็นชีวิตจิตใจ แต่นอกจากส่วนที่เป็นลานกว้างๆสำหรับผู้เข้าประลองแล้ว ก็ยังมีที่นั่งสำหรับผู้ชมข้างสนามอีกด้วย บางเมืองที่อารีนาใหญ่มากๆก็มักจะมีการตั้งร้านขายของกันเลย
“ค่าเข้าลานประลอง 50 เหรียญขอรับ...ขอบคุณมากขอรับ ขอให้ประลองอย่างมีความสุขนะครับ(?)”
เอเฟียรับกุญแจมาก่อนเดินผ่านจุดเก็บเงินค่าเข้าลานประลอง นางมักจะเข้าอารีนาส่วนที่เป็นลานประลองอิสระ ชนิดที่อยากจับคู่ลุยกับใครหรืออยากจะรุมใครเมื่อไหร่ก็ได้ตามนั้น ไม่ต้องรอการสุ่มจับประลองเป็นคู่ๆของอีกฝั่งที่มักจะมีผู้เข้าแข่งขันเยอะเสียจนต้องรอนาน เพราะของรางวัลล่อตาล่อใจพวกหิวเงิน และก็ต้องรอแข่งเป็นช่วงเวลาอีกด้วย
ร่างระหงพร้อมไรเด็นตัวน้อยเดินไปตามทางแล้วเลี้ยวเข้าห้องที่มีป้ายแปะว่า ‘ห้องเก็บอุปกรณ์’ ดวงตาสีน้ำตาลคู่งามมองหาตู้ล๊อกเกอร์หมายเลขเดียวกับที่เขียนอยู่บนกุญแจของนาง แล้วจัดการเก็บดายเล่มยาวเรียวบางเข้าไปอย่างสุดถนอม จัดการล็อคกุญแจอย่างดิบดี ทั้งยังลองเปิดอีกสองสามรอบก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นอีกด้วย
มันเป็นธรรมเนียมที่ว่า แม้จะเป็นลานประลอง หากก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดบาดเจ็บจนเสียชีวิต เช่นนั้นจึงต้องมีห้องเก็บอุปกรณ์ (ซึ่งก็คืออาวุธ) สำหรับบรรดาผู้เข้าร่วมและ ‘ห้องอุปกรณ์จำลอง’ หรือพูดง่ายๆก็คือบรรดาอาวุธไม้
เอเฟียเลือกดาบเรียวยาวแบบที่ใกล้เคียงดาบสุดหวงของนางมากที่สุด แล้วคะเนน้ำหนักให้เหมาะมือ ก่อนจะเดินเข้าสู่ลานประลองอย่างสง่างาม...
“คุณผู้หญิงขอรับ” เสียงเรียกจากเบื้องหลังนั้นทำให้นางต้องหันกลับไปมอง ผู้ชายท่าทางเคร่งเครียดที่ยืนอยู่ด้านหลังนางสวมเครื่องแบบพนักงานของลานประลอง “ทางเราไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปนะขอรับ หรือหากจะนำเข้าก็ต้องสวมตะกร้อกับที่ครอบกรงเล็บให้มันก่อน”
ไรเด็นที่ได้ยินคำพูดนั้นถึงกับสะดุ้งโหยง...เฮ้ย เอเฟีย ข้าขอรออยู่ข้างนอกดีกว่าต้องใส่ตะกร้อนั่นนะ!... มันพยายามใช้สายตาและเสียงร้องครางงี๊ดๆให้นายสาวเข้าใจ...
แน่นอนว่าเอเฟียเข้าใจ หาก รอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับสายตาที่บอกว่า ถึงคราวของเจ้าบ้างล่ะ หึหึ
สาวผมแดงเงยหน้า ยิ้มหวานหยาดเยิ้มเสียจนไรเด็นขนลุกซู่... โอ้ ไม่นะ
“ได้เลยค่ะ! จัดการมันให้เรียบร้อยด้วยนะคะ มันยิ่งชอบทำตัวงี่เง่าปัญญาอ่อนพูดไม่รู้เรื่อง แถมตะกละมากอีกด้วย”
พนักงานหน้าเครียดขมวดคิ้วกับคำพูดแปลกๆนั้น หากเขาก็เพียงรับคำสั้นๆแล้วจัดการสวมตะกร้อครอบปากเจ้าไรเด็นที่ไม่ยอมให้ความร่วมมืออย่างสุดความสามารถ
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือขอรับ...”
พนักงานหนุ่มโน้มตัวน้อยๆ ก่อนตัวเขาจะเดินจากไปพร้อมกับรอยแผลขีดข่วนตามร่างกายอย่างน่าสงสาร ตรงข้ามกับสาวผมแดงที่ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่สามารถอดกลั้นได้ต่อไปอีก...ภาพของราชันย์แห่งขุนเขาถูกใส่ตะกร้อครอบปากและปลอกหนังหุ้มกรงเล็บ...อย่างกับหมาบ้านธรรมดา!!
“ทุเรศจริงๆเล้ยย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เอเฟียทิ้งคำพูดหมิ่นประมาทขั้นร้ายแรงอย่างพอใจ ย่างก้าวเข้าไปในสนามประลองพร้อมกับความสุขีเป็นล้นพ้น ในขณะที่เจ้าไรเด็นตัวน้อยที่มิอาจทำอะไรได้มากไปกว่ากระโดดชนขาเรียวๆ ได้แต่คำรามขู่ในลำคออย่างน่าสงสาร...
จำไว้เลยนะ อย่าให้ถึงคราวข้าบ้าง ยายเอเฟีย!!
เสียงหัวเราะเริ่มแผ่วลง ตรงข้ามกับจังหวะหัวใจที่ดูจะเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อสองขาก้าวผ่านเส้นทางที่ค่อนข้างมืดสู่ลานประลองกว้างขวางที่มีบรรดานักสู้ไม่ต่ำกว่าสามสิบคน!
“เยี่ยมมาก...” เสียงหวานครางแผ่ว ดวงตาสีน้ำตาลพราวระยับยิ่งกว่ายามได้เจอหนุ่มหล่อๆเสียอีก “ท่าทางคนเก่งๆจะเยอะแฮะ”
ร่างระหงกระชับดาบในมือ ก้าวเท้าฉับๆเดินโด่งเข้าไปกลางลานแล้วมองหาใครสักคนมาเป็นคู่มือ จวบจนอุ้งเท้าเล็กๆมาสะกิดที่ขา ใบหน้าเล็กๆพยักพเยิดให้เหลียวมองไปยังคนกลุ่มหนึ่ง
แน่นอนว่าเอเฟียหันไปมองโดยไม่ต้องรอให้สะกิดซ้ำ ดวงตาฉายภาพของผู้ชายห้าหกคนท่าทางวางก้ามเป็นนักเลงใหญ่กำลังจ้องมองนางชนิดตาไม่กระพริบ...มันเป็นหนึ่งในข้อดีของการมีหน้าตาดีเชียวล่ะ!
หญิงสาวส่งยิ้มหวานเยิ้มกลับไปให้ และได้ผล! พวกมันทั้งก๊กอาวุธครบมือเดินตรงมาทางนางโดยพร้อมเพียง และไม่นานนัก พวกมันก็ยืนล้อมนางไว้ เจ้าไรเด็นตัวน้อยเดินเลี่ยงออกนอกวงล้อมอย่างง่ายดาย ยังไงก็ไม่มีใครสนใจมันอยู่แล้ว...
เพราะในสายตาของคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ที่สนใจสัตว์อสูรจริงๆ ย่อมเห็นมันเป็นลูกเสือขาวตัวเล็กตัวหนึ่งที่มีดวงตาสีสีอำพัน แต่หากเพ่งให้ดีจะเห็นประกายวาวสีไพลินที่จะเห็นเด่นชัดในที่สุดเมื่อโตเต็มวัย และการที่มันไม่ได้แสดงตนว่าพูดได้นั้นก็ยิ่งทำให้เหมือนลูกเสือจริงๆเข้าไปอีก
ดวงตาคู่เล็กเฝ้ามองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปอย่างเบื่อหน่าย...เฮ้อ...นายของมันคงจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปจริงๆ ผู้หญิงที่ไหนเขาจะรักการต่อสู้อย่างยายนี่!
“ว่าไงจ๊ะ น้องสาว แหมๆๆ น่าตาก็น่ารักทำไมถึงเข้ามาลานประลองล่ะ? ไม่กลัวผิวสวยๆนี่จะเป็นแผลหรอจ๊ะ?”
เอเฟียหันไปมองต้นเสียงซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าของพวกมัน ท่าทางดุดันไว้หนวดครึ้มรอบริมฝีปากยังนิสัยกักขฬะอีก ยอดเยี่ยมมาก...หึหึหึ
รอยยิ้มที่ยังค้างอยู่บนใบหน้ายิ่งหวานหยาดเยิ้มยิ่งกว่าเก่า ทั้งยังเพิ่มอาการขัดเขินอย่างน่ารักเข้าไปอีก หัวโจกประจำลานประลองก็ยิ่งหลงใหลในรูปลักษณ์ของสาวน้อยตรงหน้าเข้าไปใหญ่
“อ่า...พอดีว่ามีคนนัดข้าเข้ามาน่ะค่ะ แต่ตอนนี้เขายังไม่มาเลย...แย่จังเลย ทำไงดีน้า~” หญิงสาวทำแก้มป่อง เหลียวซ้ายแลขวาดุจหาคนที่ไม่มีตัวตนจริงๆ ทั้งยังตีสีหน้าไร้พิษสงอย่างแนบเนียน
อ้วก...
ไรเด็นน้อยแทบจะคายของเก่าออกมากับท่าทางสุดดัดจริตนั่น ขนทั้งตัวของมันลุกเกรียวสยดสยอง
หัวโจกหันไปแสยะยิ้มกับบรรดาลูกน้องที่ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง...วันนี้มันจะต้องได้ลาภปากแน่ๆ
“งั้น ระหว่างที่รอมัน เอ้ย เขาคนนั้นมาละก็ เราไปหาอะไรทำสนุกๆดีไหมล่ะจ๊ะน้องสาว?”
ดวงตาสีน้ำตาลวาวระยับ ริมฝีปากบางยิ้มแย้มราวกับตื่นเต้นเหลือเกินที่ได้ยินคำชวนนั้น
“สนุกจริงๆหรอคะ?”
“จริงสิ! พี่สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลย เอ้า!”
“งั้น...” สาวผมแดงกอดอก มือขวาลูบปลายคางดุจครุ่นคิด “อืม...ถ้าต้องออกไปไหนตอนนี้คงยังไม่ได้แน่ๆค่ะ เพราะข้าต้องรอ ‘เขา’ แต่ถ้าหลังจากนั้นก็ไม่แน่”
“งั้นก็เยี่ยมเลยสิ! ข้าไม่รีบหรอกนะ” ชายอีกคนพูดแทรกหัวหน้าตัวเองอย่างอดไม่ไหว รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปิดไม่มิดบนใบหน้าหื่นกระหาย
“คิกคิก เช่นนั้น เรามา ‘ทำ’ อะไร แก้เบื่อดีไหมคะ” หญิงสาวก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ทั้งยังปิดปากอย่างสุภาพอีก จนดูไม่ต่างจากคุณหนูหรืออะไรเช่นนั้นเลย...แต่หากใครจะรู้ดี ภายใต้ดวงหน้าที่ก้มต่ำ และนอกจากเจ้าไรเด็นน้อยแล้วนั้น ดวงตาสีน้ำตาลที่พราวระยับนั้นกำลังไหวระริกด้วยความคะนอง! ปลากินเหยื่อ!
“ได้สิๆ เจ้าอยากเล่นอะไรล่ะ?” หนึ่งในพวกมันพูดรัวเร็วราวกับกลัวจะไม่ได้พูดอีก
“ก็ เอางี้ไหมคะ ไหนๆเราก็อยู่นานประลองแล้ว เราก็มาประลองกันเล่นๆ แต่ข้าไม่ให้พวกท่านเหนื่อยฟรีหรอกค่ะ เพื่อความสนุกข้าคิดว่า เราน่าจะมาตั้งข้อต่อรองกันดีกว่าไหมคะ?”
“ข้อตกลงอะไรรึ”
“อืม...” เอเฟียเลิกคิ้วน้อยๆ กวัดแกว่งดาบในมือตัวเองราวกับเห็นมันเป็นเพียงกิ่งไม้เล็กๆที่ไร้ค่า ไม่นานนักนางก็อุทาน “อ้อ!” พร้อมๆกับที่ตีดาบลงบนฝ่ามืออีกข้างเบาๆ ด้วยอาการของคนที่คิดอะไรออก “เอาเป็น ถ้าใครแพ้ จะต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะดีไหมคะ?”
กลุ่มหัวโจกตาวาวแทบในวินาทีที่ข้อเสนอนั้นหลุดผ่านริมผีปากบางแสนจะเย้ายวนนั่น เช่นนั้นพวกมันจึงไม่เสียเวลาในการไตร่ตรองเลยสักนิดตอนที่รีบตอบกลับ “ได้ๆ พวกข้ารับข้อเสนอนั่นแน่ๆ”
หญิงสาวยิ้มหวาน เดินถอยออกจากกลางกลุ่มที่พวกมันเต็มใจหลีกให้โดยดีไปเกือบสิบเมตร “งั้นเรามาเริ่มกันเลยไหมคะ พวกท่านอย่าได้เกรงใจ เข้ามาพร้อมๆกันเลยก็ได้ค่ะ!”
เอาแล้วไง...
ไรเด็นน้อยถอนใจเฮือกใหญ่ เดินเลี่ยงออกจากระยะที่เอเฟียอาจจะเกินมา แล้วนอนหมอบรออย่างเบื่อหน่าย...น่าสงสารจริงๆ เจ้าพวกที่ชอบมองคนแต่ภายนอกนี่
คำเชิญชวนให้เข้าไปรุมนางนั้นมิผิดกับคำเชิญร่วมเตียง กลุ่มหัวโจกกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความคิดที่เหมือนกันทั้งกลุ่มว่า วันนี้เป็นวันดีของมัน และปราศจากการไตร่ตรองแม้แต่น้อย พวกมันวิ่งเข้าหาสาวน้อยผู้ไร้เดียงสา (?) ในทันที
เอเฟียทอดรอยยิ้มหวาน มองเจ้าพวกโง่ที่วิ่งกรูเข้ามา ใครกันน้า...ที่บอกว่าผู้ชายบางกลุ่มมีกล้ามเนื้อเป็นสมอง ท่าจะจริง...
หืม...?
หญิงสาวเหล่มองสองร่างที่ยืนอยู่ห่างๆอย่างรู้สึกติดใจแปลกๆ หนึ่งในนั้นคือสตรีผมดำรูปร่างบอบบางในอาภรณ์สีดำรัดกุมยืนเคียงข้างชายหนุ่มสูงโปร่งผมทอง ทั้งสองคนนั้นดูเหมือนจะมองมายังนาง...?
คิดไปเองล่ะมั้ง...เป็นเรื่องธรรมดาที่คนในลานประลองจะหันมาสนใจคู่ที่เริ่มประลองกัน
ช่างเถอะ...
เอเฟียยักไหล่แล้วหันกลับมามองกลุ่มเป้าหมายของนาง ร่างใหญ่ที่สุดวิ่งนำลู่เข้ามา พลองยาวในมือเงื้อสูงไร้รูปแบบ...หวานหมู...
“ไฮ่ย่าห์!!!”
หัวโจกแผดเสียงร้องที่คิดว่าเท่ห์ที่สุดในชีวิต เงื้อพลองขึ้นสูงแต่ฟาดลงมาไม่แรงนักด้วยกลัวหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าจะบอบช้ำ หากพลันนั้น ร่างบางก็วิ่งสวนเข้ามา ดาบไม้ในมือเรียวดุจมีชีวิต! ตวัดฟาดกลางแสกหน้าเต็มแรง!!!
ตุบ!... ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!!
ความคิดเห็น